ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ϟHP : Nomaj & Squib

    ลำดับตอนที่ #140 : Fact } ,, บทความพิเศษกับผู้สร้าง แฮร์รี่ พอตเตอร์กับเครื่องรางยมทูต ★™ϟ

    • อัปเดตล่าสุด 22 ธ.ค. 54





    ทีมผู้สร้าง แฮร์รี่ พอตเตอร์อธิบายรายละเอียดที่เปลี่ยนแปลงไปในภาพยนตร์ภาคสุดท้าย

    เป็นบทความที่คัดลอกมาจากเว็บมักเกิ้ลไทยนะคะ
    ให้เครดิตผู้แปล คือ
    chinnapotter @mugglethai ค่ะ

     

    (แปลจากบทความในเว็บ CinemaBlend ผ่านทาง Snitchseeker
    เขียนโดย Katey Rich แปลเป็นไทยโดย Chinnapotter)

    นี่คือคำเตือน!! อาจจะทำให้คุณเสียอรรถรสในการรับชมหนังเร็วๆนี้ได้


                จากงาน Cinema Con เมื่อปลายเดือนที่แล้ว ผู้สร้างภาพยนตร์ชุด แฮร์รี่ พอตเตอร์อย่างเดวิด เฮย์แมน และเดวิด บาร์รอน ได้เดินทางไปที่งานเพื่อรับรางวัลในโอกาสที่ภาพยนตร์ชุดนี้ประสบความสำเร็จ มากที่สุดในบรรดาภาพยนตร์ชุดทั้งหลาย นอกจากนี้ในงานยังมีการฉายคลิปจากภาพยนตร์ แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับ เครื่องรางยมทูต ภาค 2” ซึ่งเป็นภาคอวสานของภาพยนตร์ชุดนี้ มีกำหนดฉายในโรงภาพยนตร์ของประเทศไทย 14 ก.ค. ในคลิปดังกล่าวมีฉากมากมายที่แฟนๆ แฮร์รี่ พอตเตอร์ หลายคนตั้งตารอคอย เช่น แฮร์รี่ รอน และเฮอร์ไมโอนี่ ขึ้นหลังมังกรเพื่อหนีออกจากกริงกอตส์ การเผชิญหน้าครั้งสุดท้ายของแฮร์รี่และโวลเดอมอร์ และฉากตื่นตาหลายฉากจากสงครามฮอกวอตส์ ซึ่งเป็นฉากต่อสู้สุดยิ่งใหญ่ ที่น่าจะกินเวลาของหนังไปกว่าครึ่งเรื่อง

                เหนือสิ่งอื่นใด ฉันรู้สึกตื่นเต้นที่ได้ดูคลิปนี้ และได้เห็นว่ามันเป็นไปตามอย่างที่ควรจะเป็น อย่างเช่น ปราสาทฮอกวอตส์เสียหายตามในหนังสือ มังกรผิวสีซีดที่จำศีลใต้ธนาคาร หรือแม้แต่ลูกสนิชที่มีคำว่า ฉันจะเปิดเมื่อปิดอย่างที่พินัยกรรมของดัมเบิลดอร์บอกไว้
                แต่ฉันก็ได้เห็นบางสิ่งที่ดูแปลกไปจากที่เคยอ่านมาในหนังสือด้วย ฉันจึงประกบตัวทั้งสองเดวิดไว้บนพรมแดง เพื่อถามคำถามบางข้อเกี่ยวกับสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปจากในหนังสือ จากนั้นฉันก็จับเข่าคุยกับ เดวิด เฮย์แมน เพื่อถามคำถามมากขึ้นเกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขาต้องรับมือ อย่างฉากการสนทนาของแฮร์รี่กับดัมเบิลดอร์ที่คิงส์ครอส ฉากสุดท้ายของสเนปในแบบหนังสือ และการถ่ายทำซ้ำของฉากบทส่งท้ายเพื่อสรุปรวบภาพยนตร์ชุดนี้

     

     


    ในคลิปที่ได้ดูวันนี้ มีฉากการต่อสู้ระหว่างสเนปกับมักกอนนากัลที่ห้องโถงใหญ่ ฉันจำไม่ได้ว่ามีเหตุการณ์นั้นในหนังสือด้วย



                ตอบ      พวก เขาสู้กันจริงๆ ครับ แต่ไม่ใช่ที่ห้องโถงใหญ่ มีหลายสิ่งที่อาจเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อยจากในหนังสือน่ะครับ แต่ทั้งหมดนั้นซื่อตรงกับจิตวิญญาณในหนังสือ อย่างการต่อสู้ของสเนปกับมักกอนนากัล ในหนังสือบอกว่าเกิดขึ้นที่ระเบียงทางเดินขณะที่แฮร์รี่เดินออกจากห้องนั่ง เล่นของบ้านเรเวนคลอซึ่งพอมาทำเป็นภาพยนตร์แล้วผมว่าไม่เวิร์ค ก็เลยเปลี่ยนเป็นที่ห้องโถงใหญ่แทน พวกเราทีมผู้สร้างยังอยากให้ฉากการเผชิญหน้าของแฮร์รี่กับสเนปดูยิ่งใหญ่ ขึ้นด้วย เพราะบทบาทสเนปในหนังสือมีน้อย ยิ่งในครึ่งเล่มหลังก็ยิ่งไม่ค่อยมี อีกทั้งอยากให้ผู้ชมได้มีอารมณ์ร่วมในฉากสเนปเล่าประวัติของเขา (ความทรงจำที่แฮร์รี่เห็นในเพนซิฟ) เราก็เลยอยากสร้างให้ไปได้ถึงจุดนั้น เพื่อให้มีผลกระทบทางอารมณ์ด้วย






    ฉากเพนซิฟ ก็ยังคงอยู่ ถูกต้องรึเปล่า

     
               ตอบ ครับ ทั้งฉากนั้นและฉากดัมเบิลดอร์ (ที่คิงส์ครอส)ยังอยู่ สิ่งที่ผมชอบจากทั้งหนังสือและภาพยนตร์คือการต่อสู้ การผจญภัย และเวทมนตร์คาถา
                สิ่งที่มีความหมายกับผมมากที่สุดคือเรื่องราวตัวละครที่ดำเนินไปอย่างช้าๆ ผมชอบมีเวลามากพอที่เล่าเรื่องเหล่านั้น ผมจึงดีใจมากที่แบ่งการเล่าเรื่องในหนังสือได้เป็นภาพยนตร์ 2 ภาค มันทำให้ผมและทีมงานมีเวลามากขึ้นในการเล่าเรื่องตัวละครและเรื่องรางในอดีต รวมถึงฉากดัมเบิลดอร์ที่คิงส์ครอสด้วย ซึ่งถ้าเราทำภาพยนตร์แค่ภาคเดียว เราอาจจะต้องตัดฉากเล่าย้อนหลังของสเนปออกไปครับ




    แล้วเจ้าสิ่งมีชีวิตร้องครวญครางบนพื้นของคิงส์ครอสนั่น ยังมีอยู่มั้ย
             
       ตอบครับ มันมีอยู่





    ฉันยังนึกไม่ออกเลยว่ามันหมายถึงอะไร

                ตอบ มันคือเศษเสี้ยววิญญาณของโวลเดอมอร์ครับ : จีน-อ๋อ..เพิ่งจะเข้าใจ -*-






    มีฉากหนึ่งในภาค 7.1 ที่เฮอร์ไมโอนี่กับแฮร์รี่เต้นรำกันในเต็นท์ ซึ่งมันเป็นเรื่องยากมากที่มีการเพิ่มฉาก    นอกเหนือจากหนังสือแล้วคนดูประทับ ใจ จะมีอะไรอย่างนี้เกิดขึ้นใน 7.2 หรือไม่

                ตอบ ผมไม่แน่ใจว่าจะมีนะ อย่างฉากที่เพิ่งได้ดูไปวันนี้ ที่รูปปั้นทั้งหลายลุกขึ้นมามีชีวิต(ระหว่างเกิดสงครามฮอกวอตส์) มันเป็นการปิดท้ายที่ดูโดดเด่นและเราก็อยากให้มีเวทมนตร์ด้านดีๆ ด้วยครับ




    คุณยังเก็บรายละเอียดฝูงโต๊ะนักเรียนที่ศาสตราจารย์มักกอนนากัลต้อนให้มาโจมตีรึเปล่า

                ตอบ  ไม่ครับ





    โถ ฉันชอบโต๊ะเหล่านั้นนะ!


                ตอบ ผม ก็ชอบครับ แต่ถ้าคุณลองนึกดูในภาพยนตร์ที่ดูโตขึ้นมาก เรื่องแบบนั้นกลายเป็นดูเด็กไปเลย คล้ายๆ กับฉากปีเตอร์ เพ็ตติกรูว์ บีบคอตัวเอง (มีในหนังสือ แต่ถูกตัดออกในหนัง) ในหนังสือบรรยายได้เยี่ยมมากแต่มันจะยากมากในรูปแบบภาพยนตร์ เรื่องราวแบบนั้นไม่สามารถสื่อความหมายได้ดีในภาพยนตร์ที่เป็นผู้ใหญ่มาก ขึ้นครับ






    ตอนที่คุณกลับไปถ่ายทำฉากบทส่งท้ายอีกครั้ง ตอนนั้นเป็นเพราะปัญหาเรื่องเสื้อผ้าหน้าผมรึเปล่า

                ตอบ มีสองสาเหตุครับ หนึ่งคือเรื่องเสื้อผ้าหน้าผมซึ่งเป็นสิ่งแรก สองคือถ้าพูดจากใจจริง เราถูกจำกัดเวลาถ่ายทำที่สถานีคิงส์ครอสด้วยครับ มันทำให้เราจำกัดพื้นที่ถ่ายทำได้ยาก และถ้าพูดในแง่การแสดง เด็กเล็กๆ บางคนไม่เคยเป็นนักแสดงมาก่อน เสียงรบกวนจากรถไฟหรือเสียงประกาศจากสถานีก็ทำให้พวกเขาเสียสมาธิได้ ซึ่งเป็นปัญหามากครับ พอเรากลับมาถ่ายทำในสตูดิโอ เรานำรถไฟเข้ามาในสตูดิโอ และตกแต่งสถานีด้วยระบบดิจิทัล มันสวยงามจริงๆ ครับ : จีน-สวยงามแต่ไม่สมจริงน่ะสิ ว่ามั้ย?





    แล้วเรื่องเอฟเฟกต์ต่างๆ นี่ ใช้คอมพิวเตอร์กราฟิกบ้างรึเปล่า

                ตอบ ก็ไม่ทั้งหมดครับ อาจจะมีบ้าง




    เหล่านักแสดงหลักที่ต้องเข้าฉากอีกครั้ง แล้วต้องเพิ่มอายุให้ตัวเองไปอีกราว 15 ปี ผลออกมาเป็นอย่างไร


                ตอบ พวก เขาดูดีครับ ดูแนบเนียนดี รู้สึกตื่นเต้นที่จะได้เห็นผลตอบรับ เพราะพวกเรารู้จักแดน รูเพิร์ต และเอ็มม่ามาเป็นอย่างดี แล้วก็เพิ่งเห็นพวกเขาอายุ 17 ปีไปไม่นาน แรกเริ่มเดิมทีเราใส่เอฟเฟกต์ต่างๆ ไปมากกว่านี้ แต่ก็เอาออกไป เพราะบางครั้งถ้าเราพยายามมากเกินไปก็อาจจะทำให้งานออกมาดูไม่ดีได้ คุณจะไม่ได้เห็นริ้วรอยใหญ่โต แน่นอนว่ามีการเปลี่ยนแปลงไปแน่ๆ แต่คุณยังคงจำพวกเขาได้อยู่







    ตอนที่คุณกำหนดฉายภาค 7.1 และกำลังถ่ายทำ 7.2 ควบคู่ไปด้วย คุณได้นำเสียงตอบรับจากภาค 7.1 มาปรับใช้ในภาค 7.2 ด้วยหรือไม่

     
               ตอบ ไม่ครับ เราไม่ทำอย่างนั้นไม่ว่าจะภาคไหนๆ ผมเป็นแฟนตัวยงของ แฮร์รี่ พอตเตอร์รวมถึงผู้กำกับคนอื่นๆ และทีมงานทุกคนที่ทำภาพยนตร์ร่วมกันมา ในอีกทางหนึ่ง พวกเราเป็นนักวิจารณ์ภาพยนตร์หัวรุนแรง ผมจะมองเห็นทุกสิ่งที่ผิดปกติออกไป และภูมิใจที่ผมเองก็เป็นหนึ่งในนั้น ไม่มีใครมาบอกเราได้หรอกครับ พวกเราเป็นนักวิจารณ์ พวกเรามีเซนส์ที่จะบอกเราว่าต้องทำอะไรบ้าง :จีน- บอกตามตรงว่าผิดหวังที่คุณบอกอย่างนั้น
    L




    แล้วบรรดาแฟนๆ ล่ะ พวกเขาก็เป็นนักวิจารณ์หัวรุนแรงไม่แพ้กันนะ
     

               ตอบ
    ไม่รุนแรงเท่าพวกเราหรอกครับ พวกเขาอาจจะแย้งว่า คุณตัดฉากนั้น คุณตัดฉากนี้แต่พวกเรามีเ
    เหตุผลเบื้องหลังการตัดสินใจทำเหล่านั้น ยกตัวอย่างเช่นในภาคสี่ (ถ้วยอัคนี) เราตัดสินใจเล่าเรื่องราวแบบแฮร์รี่เป็นศูนย์กลาง แล้วค่อยพิจารณาว่าอะไรควรตัดออก อย่างเรื่อง ส.ร.ร.ส.อ. ของเฮอร์ไมโอนี่ จริงๆ ผมก็ชอบ ส.ร.ร.ส.อ. นะ เพียงแต่มันไม่มีที่ว่างพอ เมื่อเริ่มทำภาพยนตร์แฮร์รี่ พอตเตอร์
      พวกเรายึดตามโครงสร้างแบบเล่าเรื่อง เพราะคงไม่ใช่การบรรยายแบบมีคนมายืนเล่าให้ฟัง แต่ภาคหลังๆ ก็เริ่มวกวน หลุดนอกกรอบไปบ้าง ก็เลยกลายเป็นโครงสร้างแบบผิดธรรมเนียมไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เราสามารถบังคับเรื่องราวให้เรียงร้อยไปตามที่เห็นว่าสำคัญ





    มี หลายคนมองว่า ภาพยนตร์แต่ละภาคดีขึ้นเรื่อยๆ บ้างก็ว่าภาคก่อนดีกว่าภาคใหม่ อีกทั้งเนื้อหาในหนังสือที่ดูเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นและน่าสนใจมากขึ้น ทั้งหมดเหล่านี้ทำให้คุณได้เรียนรู้อะไรบ้าง

                ตอบ หลายอย่างเลยครับ พวกเราได้เรียนรู้จากภาพยนตร์แต่ละภาค แม้ว่าเราจะไม่เคยฟังหรืออ่านบทวิจารณ์หรืออะไรทำนองนั้นก็ตาม เราได้เรียนรู้ข้อผิดพลาดของเราเอง จนตอนนี้เอฟเฟ็กต์ภาพพัฒนาขึ้นมากจนไม่อาจวัดค่าได้(จีน-เห็นด้วยๆ) นักแสดงก็พัฒนาขึ้นมาก ทุกคนได้เรียนรู้ในหน้าที่ทั้งนั้นครับ ส่วนผู้กำกับก็แข่งขันกับผู้กำกับคนก่อนและแข่งขันกันตัวเอง ตั้งแต่คริสถึงอัลฟองโซ อัลฟองโซถึงไมค์ และไมค์ถึงเดวิด พวกเขามีน้ำใจกันดีมาก แบ่งปันผลงานของตนให้คนอื่นๆ ดู ซึ่งไม่น่าเชื่อมากๆ ครับ แต่ละคนก็อยากจะทำภาพยนตร์ให้ดียิ่งขึ้นกว่าผลงานของผู้กำกับคนก่อนครับ :จีน-แข่งกันกลายๆ 555





    คุณเปลี่ยนผู้กำกับใหม่ในแต่ละภาค จนกลายเป็นกระแสสังคมที่ทำให้ภาพยนตร์เรื่องอื่นทำตามบ้าง อย่างน้อยก็ได้เห็นในภาพยนตร์ชุดทไวไลท์ด้วย

                ตอบ จริงๆ มันมาจากหลายสาเหตุครับ สำคัญที่สุดคือเรื่องของความอ่อนล้า ตอนที่อยู่ในขั้นตอนการตัดต่อ แล้วต้องเตรียมตัวเพื่อภาคถัดไป มันก็เกิดปัจจัยหลายอย่างขึ้นมา เช่น คริสที่อยากให้มากำกับภาคสาม ก็หมดแรงจะทำต่อไหว อัลฟองโซที่จะให้มากำกับภาคสี่ ก็เกิดไม่อยากทำขึ้นมา แล้วไมค์ที่ได้รับการติดต่อให้มากำกับภาคห้า เดวิดก็มาตอบรับก่อน ซึ่งผมก็คิดว่ามันดีตรงที่เป็นการอัดฉีดให้คนใหม่ๆ ได้มีฝีมือบ้าง เดวิด เยตส์เองก็เริ่มต้นมาด้วยดีและได้มาถึงจุดสิ้นสุด เขาเป็นผู้กำกับที่มีความหลากหลายที่เปลี่ยมด้วยความแข็งแกร่งจากหลายด้าน เขายังรู้จักดารามากมาย และยังเคยทำงานมาหลายแห่งทั่วโลกแล้วด้วย ตอนที่ถ่ายทำภาคล่าสุดต้องใช้เวลากว่า 260 วัน เลยต้องการใครสักคนมาช่วย ซึ่งเดวิดเขามีโน้ตย่อของเขาและสามารถสื่อสารได้ดี เรายังได้เตรียมการหลายอย่างเพื่อให้การถ่ายทำดำเนินต่อไป เดวิดจึงได้รู้จักกับผู้คนมากมายครับ

     





    เครดิต
    : chinnapotter @mugglethai

     

    อย่าลืมคอมเมนท์นะคะ : )
    ต้องขอโทษไว้ล่วงหน้า
    ถ้าหน้ากระดาษคราวนี้อ่านยาก
    เพราะว่าคอมเพิ่มซ่อมมาค่ะ
    เวิร์ดเลยกลายเป็น 2007 เขาอัพมาให้ ไม่ใช่ 2003 อันเดิม
    (ใช้ไม่เป็น 5555555)





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×