ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    3 | THE GUARD ღ หัวใจเสี่ยงรัก ϟ

    ลำดับตอนที่ #14 : EP [13] ใครกันแน่ที่หึง✓

    • อัปเดตล่าสุด 23 พ.ค. 64


     
     
       

    คิวไอวี่
    .
    .
    .


    EP [13] ใครกันแน่ที่หึง


    คาบเรียนรอบบ่ายอันแสนหฤโหดผ่านพ้นไปอย่างยากลำบาก เพราะวิชาเขียนแบบด้วยมือเป็นอะไรที่ยากมากสำหรับนักศึกษาปีหนึ่งที่ต้องมานั่งทำความเข้าใจกับวงจรไฟฟ้าแล้วต้องวาดด้วยมือลงในกระดาษให้เรียบร้อยและสวยงามโดยไม่ใช้เครื่องทุ่นแรงอย่างคอมพิวเตอร์ แต่ถึงนักศึกษาหลายๆ คนจะต้องอดทนนั่งเรียนนั่งวาดแบบกันอย่างยากลำบากจนหมดคาบ ทว่าก็มีอยู่หนึ่งคนที่ไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรกับวิชานี้ เหตุผลมีอยู่สองอย่างคือ

    หนึ่ง..นางเก่งด้านออกแบบการวาดภาพ

    สอง..นางกำลังเพ้อถึงผู้ชายจนไม่ได้สนใจว่าอาจารย์สอนและสั่งงานตั้งแต่ต้นคาบจนเลิกเรียนแล้วนางก็ยังนั่งยิ้มเหม่อโดยไม่สนใจอะไรเลยสักนิด

    แต่ถึงนางจะเป็นแบบนั้นแต่งานของนางก็เสร็จทุกครั้ง..

    “โอ้ยปวดหัวเลิกเขียนแบบแล้วไปส่องผัวดีกว่า!” มิ้นท์เลิกวาดแบบก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาตามข่าวศิลปินชายที่เธอชอบ

    “เกินเยียวยาแล้วล่ะ” เยลโล่ถอนหายใจก่อนจะโยนดินสอไว้แถวนั้น ไถลตัวไปนอนหนุนตักของดาวอย่างหมดแรง

    “มึงหรืออีคุณหนูข้างๆ กูล่ะ” สาลี่เองก็นอนแผ่ไปกับพื้นเช่นกัน

    “สาลี่อย่าขัดคนกำลังมีความสุขสิ”  

    “แหมแม่สีกาดาวขาก็แค่แขวะเล่นๆ ไหมล่ะ หมั่นไส้มันขนาดอยู่ในโหมดละเมอเพ้อพกยังวาดแบบออกมาให้พวกเราลอกได้”

    “ไม่ใช่พวกเราแต่เป็นสาลี่ เยลโล่ และมิ้นท์ต่างหาก” ดาวพูดขำๆ

    “ช่างเถอะค่ะสีกา ว่าแต่สตินางคุณหนูมันไปถึงดาวนาแม็กแล้วไม่คิดกลับมาแล้วใช่ไหม..ไอ ไอวี่””

    สาลี่หันไปหาเพื่อนคุณหนูก่อนจะโบกไปมาตรงด้านหน้าของไอวี่ เรียกแล้วไม่ได้สติสาลี่จึงตีมือตนเองจนเกิดเสียงดังป๊าบ

    “หือ” ไอวี่รู้สึกตัวมองเพื่อนๆ ด้วยความงงงวย

    “ถึงเวลาส่งงานแล้วเหรอ?”

    “ยังค่ะอาจารย์ให้ส่งคาบหน้าและตอนนี้ก็เลิกเรียนแล้วค่ะ ฉะนั้นเลิกเหม่อแล้วเล่าให้เพื่อนๆ ฟังสิคะว่าอาการมันเป็นยังไง” สาลี่

    “เรื่องอะไร?”

    “ก็เรื่องที่แกกับพี่คิวหายไปด้วยกันเมื่อตอนเที่ยงไง” เยลโล่

    “ก่อนพักเที่ยงหน้าหงอยเป็นตูดลิงแต่พอหายไปด้วยกันช่วงพักกลางวันแล้วกลับมานี่หน้าบานเป็นจานข้าวหมา หืม..มันเป็นยังไง เกิดอะไรขึ้นบอกมาสิยัยตัวดี”

    งานเสือกเป็นงานหลักของสาลี่ หากไม่ได้คำตอบก็คงกินข้าวไม่อิ่มนอนไม่หลับแน่!

    “อะไรของพวกแกเนี่ย” ไอวี่คุมสีหน้ามีความสุขเอาไว้เมื่อเห็นสายตาคาดคั้นจากเพื่อนไม่เว้นแม้แต่ดาวคนดีของกลุ่มก็ด้วย

    “ทำไมต้องเขินด้วยล่ะพวกเราก็แค่อยากรู้ว่าไอวี่หายไปไหนมาตอนพักเที่ยงเท่านั้นเอง หรือว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น” ดาวพูดเมื่อเห็นใบหน้าเพื่อนขึ้นสีแดงระเรื่อ “ต้องมีแน่ๆ เลย”

    “เขินอะไรไม่มี๊!

    “พิรุธเต็มไปหมดหน้าตามีความสุขขนาดนี้ก็เล่ามาเถอะเพื่อนเอ้ยก่อนที่ต่อมเผือกของสาลี่จะแตกตายเสียก่อน” เยลโล่ส่ายหัวระอา

    ไอวี่ขบคิดอยู่พักหนึ่งหันมองเพื่อนแต่ละคนที่ดูว่าอยากจะรู้มากจึงยอมเอ่ยปากเล่าออกมา

    “คือ..ก็ ก็เมื่อตอนเที่ยงคิวลากออกไปคุย ฉันก็เลยถามเขาเรื่องเมื่อคืนนั้นว่าเขาหายไปไหนไปกับใครหรือเปล่า ยังไม่ทันไรก็ทะเลาะเถียงกันนิดหน่อยแล้วฉันก็ร้องไห้คิวก็เลยดึงไปกอดแล้วปลอบ หลังจากนั้นก็ชวนไปกินข้าวแล้วก็..”

    ไอวี่พูดตะกุกตะกักเรียบเรียงเหตุการณ์ไม่ต่อเนื่อง  อีกทั้งพอเล่าไปหน้าก็เริ่มแดงเพราะนึกถึงด้านที่อ่อนโยนของคิวขึ้นมา

    “เอ้า! หยุดพูดทำไมอ่ะ” สาลี่ถามก่อนจะหันไปถามเพื่อนคนอื่นๆ

    “เหตุการณ์อะไรที่ทำให้นางหน้าร้อนขนาดนั้นวะ”

    “หรือว่าพี่คิวเขาทำอะไรไอ” เยลโล่พูดขึ้นมาด้วยสีหน้าลุ้นๆ  

    “ไม่มีอะไรหรอกน่าก็แค่คิวลูบหัวฉันก็เท่านั้นแหละ”

    ก่อนที่เพื่อนจะแซวหรือเดาไอวี่ก็พูดขึ้นมาเสียก่อน 

    “เป็นพัฒนาการที่ดีเลยนี่” เยลโล่ที่อึ้งไปนานโพล่งขึ้น สำหรับคนอื่นๆ แค่ลูบหัวมันอาจจะไม่มีอะไรที่น่าตื่นเต้นแต่สำหรับไอวี่แล้วมันค่อนข้างที่จะเป็นเรื่องที่ดีเรื่องหนึ่ง และเมื่อทุกคนรู้เหตุผลที่ทำให้ไอวี่เหม่อลอยได้ก็ไม่คิดจะถามต่อ

    “เออแล้วเราจะเริ่มล่าลายเซ็นรุ่นพี่กันตอนไหนอ่ะ ตอนเย็นนี้เลยไหมแบบเจอรุ่นพี่คนไหนก็ขอไปก่อนอ่ะ” เป็นมิ้นท์ที่ถามขึ้น

    “ไหนๆ ตอนนี้ก็เลิกเรียนแล้วก็ขอเลยก็ดีนะ เวลารุ่นพี่ขอให้ทำอะไรจะได้ไม่อายมากเพราะคนอื่นๆ เริ่มกลับบ้านกันแล้ว” เยลโล่เสริม

    เมื่อตกลงกันแล้วกลุ่มของไอวี่คิดว่าจะล่าลายเซ็นรุ่นพี่ตั้งแต่ตอนเย็นนี้เลยก็เริ่มเก็บของใส่กระเป๋าลงไปด้านล่างตึกที่มักจะมีนักศึกษาคณะวิศวะหลายสาขานั่งพักผ่อนกันอยู่ ระหว่างทางก็พูดคุยกันเรื่องต่างๆ จนเยลโล่พูดถึงประเด็นของแป้งหอมขึ้นทุกคนจึงเริ่มเม้าท์มอยกัน

    “จะว่าไปก็แปลกนะที่ไม่เห็นยัยแป้งเหม็นเลยอ่ะ”  

    “นางเป็นตัวแทนประกวดดาวเดือนช่วงนี้ก็เลยไม่ค่อยได้เห็นนาง แต่ก็ดีแหละเพราะนางน่ารำคาญมาก” สาลี่ทำหน้าเบื่อหน่าย

    “อ้าวทำไมนางได้เป็นล่ะ? ปรกติจะต้องเป็นสายรหัสของพี่คินทร์ที่จะลงแข่งอะไรพวกนี้ไม่ใช่เหรอ”

    “อ้อ ฉันได้ยินมาว่าตอนแรกอ่ะพวกรุ่นพี่เขาเล็งไอวี่นั่นล่ะแต่เป็นเพราะว่าพี่คินทร์ไม่ให้น้องในสายรหัสลงประกวดแล้วรุ่นพี่คนอื่นๆ ก็เลยหันไปหายัยแป้งเน่าแทนอ่ะ”

    สาลี่พูดขึ้นมาเพราะรู้มาจากรุ่นพี่ที่เป็นสาวสองเหมือนกัน

    “คิดสภาพเพื่อนสาวของฉันไปไฝว้กับผู้หญิงในคณะแล้วต้องไปไฝว้ผู้หญิงต่างคณะอีกก็ขนลุก ถ้าไอมันไม่โดนเกลียดขี้หน้าให้เอาเท้าสีกาดาวทาบหน้าฉันได้เลย หน้าหยิ่งดวงตาวอนมือปากร้ายอีกทั้งสวยเกินไป..เหอะๆ ถือว่าพวกรุ่นพี่คิดถูกแล้วล่ะ”

    “นี่แกชมฉันหรือด่ากันแน่หะ”  

    สาลี่กรอกดวงตาพูดต่อ “ก็มันจริงนี่หว่า แกสวยก็จริงแต่การเข้าสังคมกับคนอื่นอ่ะติดลบ ลองนึกภาพแกไปยืนยิ้มยืนขอคะแนนเสียงจากคนอื่นดิจะทนได้เหรอวะ  และไม่ใช่แค่นั้นนะ ก่อนจะประกวดแกจะต้องฝึกเดินฝึกความสามารถพิเศษและทำตามคำสั่งของรุ่นพี่อีกแกจะทำเรอะ”

    สาลี่สังเกตสีหน้าเพื่อนที่ตอนนี้ยับยู่ยี่ไปแล้ว

    “อีกอย่างแกจะยอมเสียเวลาตามพี่คิวไปยุ่งกับงานประกวดหรือไงล่ะ”   

    “ทำไมคิดว่าไอวี่จะทำไม่ได้ล่ะเราว่าถ้าไอตั้งใจก็ทำได้นะและคิดว่าจะชนะด้วย” ดาวพูดขึ้นยิ้มๆ

    “โอ้ยพอเลยฉันก็ไม่คิดจะไปแข่งอะไรแบบนั้นหรอก เพราะก็จริงอย่างที่สาลี่พูดนั่นล่ะ ถ้าจะให้ใครมาจ้องมามองมาตัดสินฉันแบบนั้นมันน่ารำคาญจะตายไป” ไอวี่พูดขึ้น

    “อืม งั้นแสดงว่าช่วงนี้เราก็สบายหูสบายตาได้พักสมองเรื่องยัยแป้งเน่าไปอีกสักพักเลยสินะ” สาลี่พูดปนขำ

    “ช่างเรื่องของนางเถอะมาพูดถึงเรื่องล่าลายเซ็นกันดีกว่า ได้ยินว่าพี่ปีสามจะเริ่มไปฝึกงานแล้วนี่แล้วแบบนี้เราจะไปหาลายเซ็นรุ่นพี่ปีสามได้จากที่ไหนอ่ะ” เป็นเยลที่เพิ่งจะนึกออกแล้วถามขึ้น

    “พี่เซียนบอกว่าพี่ปีสามจะอยู่ในมหาลัยอีกหนึ่งอาทิตย์หลังจากนั้นก็เตรียมเอกสารและเตรียมตัวไปฝึกงานต่อ” สาลี่เป็นคนตอบ

    ช่วงเวลาฝึกงานของนักศึกษาแต่ละคณะในมหาลัยวินเซ็นจะไม่เหมือนกัน ซึ่งจะฝึกงานช่วงปีสามหรือช่วงปีสี่นั้นก็ขึ้นอยู่กับหลักสูตรการเรียนการสอนของแต่ละคณะและสาขาวิชา จะฝึกงานปีสามแล้วกลับมาทำโปรเจกต์จบตอนปีสี่ หรือจะทำโปรเจกต์ตอนปีสามแล้วฝึกงานตอนปีสี่ก็ได้ แต่ส่วนมากจะให้นักศึกษาออกไปฝึกงานเพื่อเรียนรู้และสัมผัสประสบการณ์จากที่ทำงานก่อนแล้วค่อยกลับมาทำโปรเจกต์จบมากกว่า

    ไอวี่รู้ดีเพราะก่อนที่เธอจะเข้าเรียนที่นี่ก็มีอยู่ช่วงหนึ่งที่คิวจะต้องไปฝึกงานที่อื่นนอกเหนือจากบริษัทในเครือตระกูลหงส์ฤดีเกียร์ติกุลและนั่นก็ทำให้เธอไม่ได้เจอกับเขาประมาณสี่เดือนได้

    “งั้นเราจะเริ่มขอลายเซ็นจากใครก่อนดี” หลังจากเยลพูดจบทุกคนก็ช่วยกันมองหารุ่นพี่และก็พบว่ามีรุ่นพี่ปีสองนั่งอยู่แถวนี้ประมาณสามกลุ่มซึ่งเป็นกลุ่มผู้ชายล้วนหนึ่งกลุ่มที่เหลือเป็นกลุ่มผู้หญิงล้วนทั้งหมด เมื่อตกลงกันได้แล้วสาลี่จึงเป็นคนนำทีมไปขอลายเซ็นรุ่นพี่กลุ่มแรกซึ่งเป็นกลุ่มของพี่บีมกับพี่เกรซที่อยู่ปีสองก่อน

    การขอลายเซ็นจากรุ่นพี่ไม่ได้ยากหรือน่ากลัวว่าจะโดนกลั่นแกล้งเหมือนกับที่ได้ยินมาโดยเฉพาะกลุ่มของพี่บีมและพี่เกรซ พวกเธอก็แค่ให้เต้นท่าแปลกๆ ตลกๆ จากนั้นก็ให้ลายเซ็นมาอย่างง่ายดาย ส่วนกลุ่มรุ่นพี่ผู้ชายก็เหมือนกันแต่จะแตกต่างกันตรงที่มันให้ความรู้สึกเขินอายที่จะทำต่อหน้าก็เท่านั้น

    หลังจากได้ลายเซ็นรุ่นพี่ทั้งสองกลุ่มแล้วไอวี่กับเพื่อนก็แยกย้ายกันกลับบ้าน ส่วนไอวี่นั้นยังคงอยู่ที่เดิมไม่ได้ขยับไปไหน สาเหตุก็เพราะว่าเมื่อครู่คิวส่งข้อความมาบอกให้เธอรอเขาประชุมเกี่ยวกับเรื่องรับน้องให้เสร็จก่อนแล้วค่อยกลับพร้อมกันกับเขา

    “น้องไอวี่ครับ”

    ไอวี่ที่กำลังนั่งไถโทรศัพท์เล่นโซเชียลอยู่ก็เงยหน้าขึ้นมอง เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเป็นผู้ชายอีกทั้งใส่เสื้อช็อปวิศวะก็เดาได้ทันทีว่าเป็นรุ่นพี่ ไอวี่ไม่ได้ตอบอะไรแต่ลดโทรศัพท์ลงคล้ายกับว่ากำลังฟังที่อีกฝ่ายพูดอยู่

    “พี่ชื่อแมนอยู่ปี 2 นะครับ พอดีว่าพี่ยังไม่กลับก็เลยรีบมาเผื่อจะได้เจอน้องอยู่ที่หน้าคณะ..”

    “ถ้าพี่จะมาสารภาพรักก็ขอโทษด้วย ฉันมีคนที่ชอบแล้วค่ะ”

    ไอวี่มองรุ่นพี่ที่แนะนำตัวด้วยท่าทางยิ้มแย้มขัดเขินคล้ายกับจะมาสารภาพรักเธอจึงยกมือขึ้นเบรกอีกฝ่ายเสียก่อน และเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายนิ่งไปเธอจึงเรียกสติอีกฝ่าย

    “ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็ขอตัวนะคะ พอดีรอคนอยู่ค่ะ”

    “เอ่อ พี่ไม่ได้จะมาสารภาพรักครับ”

    “แล้ว?..”

    “อย่ามองพี่แปลกๆ นะครับ พอดีว่าเมื่อกี้พี่เห็นเพื่อนลงภาพน้องตอนกำลังทำตามคำสั่งโดยการเต้นขอลายเซ็น แล้วพวกมันลงแคปชั่นว่า น้องน่ารักมากนิสัยไม่เหมือนกับที่เคยได้ยินมา ใครอยากมาให้ลายเซ็นกับน้องไอวี่ก็ให้รีบมาน้องอาจจะยังอยู่หน้าคณะน่ะครับ”

    What?

    ไอวี่เลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งทันทีที่ได้ยิน ตอนแรกเธอก็ไม่เข้าใจแต่พอลองเรียบเรียงในหัวดีๆ ก็คือเมื่อกี้เธอกับเพื่อนขอลายเซ็นรุ่นพี่ไปสองกลุ่ม และคงจะมีคนถ่ายรูปเธอลงโซเชียลแล้วคนๆ นี้ก็เห็นเข้าพอดีก็เลยตามมาดูว่าเธอยังอยู่หน้าคณะไหมน่ะเหรอ?

    “ก่อนอื่นฉันขอดูภาพที่เพื่อนพี่ลงหน่อยค่ะ”

    รุ่นพี่ที่ชื่อแมนเปิดโทรศัพท์ให้ไอวี่ดู เมื่อเธอเห็นว่าเป็นเพียงรูปแอบถ่ายตอนเธอเต้นและไม่น่าเกลียดเธอก็เลยปล่อยไป

    “แล้วพี่จะให้ลายเซ็นฉันเหรอ?”

    “ครับ แต่พี่ขอถ่ายรูปด้วยได้ไหมครับ”

    “ไม่ได้” ไอวี่ปฏิเสธทันทีเพราะคิดว่าอาจจะมีเรื่องวุ่นวายตามมาทีหลัง ทว่าสายตาของเธอดันเหลือบไปเห็นร่างสูงของพี่ระเบียบเดินมาเสียก่อนเธอจึงเปลี่ยนท่าทีทันที

    “เปลี่ยนใจแล้วฉันให้ถ่ายได้แต่แค่รูปเดียวนะ”

    พี่แมนพยักหน้าหงึกหงักก่อนจะรีบเข้าแอพพลิเคชั่นถ่ายภาพแล้วมายืนด้านข้าง ไอวี่มองเลยไปด้านหน้าแต่ก็หลบตามามองกล้อง เมื่อได้ยินเสียงนับถอยหลังจวบจนเสียงชัตเตอร์ภาพดังขึ้นไอวี่จึงขยับออกห่างจากรุ่นพี่ทันทีเพราะรู้สึกถึงดวงตาเรียบนิ่งที่มองมา

    “ขอบคุณนะครับน้องไอวี่ พี่ว่าแล้วสวยๆ แบบน้องคงไม่ถือตัวหรือหยิ่งอย่างที่ใครๆ เขาว่ากัน พี่สัญญาว่าจะไม่เอาภาพไปทำอะไรแปลกๆ แน่นอนครับ..ว่าแต่ขอสมุดลายเซ็นด้วยครับเดี๋ยวพี่จะเซ็นชื่อให้”

    ไอวี่หยิบสมุดลายเซ็นให้พี่แมนแต่สายตาของเธอนั้นยังมองพี่ระเบียบที่กำลังเดินเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ จวบจนพี่แมนมันเซ็นชื่อแล้วส่งสมุดให้แล้วเดินจากไปเธอก็ยังไม่ละสายตาจากร่างสูงตรงหน้า

    “ประชุมเสร็จแล้วเหรอ”                       

    “อืม”

    ไอวี่มองสายตาคมดุนั่นก่อนจะเลื่อนสายตาไปมองแถวๆ ลำคอของอีกฝ่ายแทน เธอเคยชินกับดวงตาดุๆ แบบนี้ทว่าตอนนี้มันกลับไม่เหมือนเดิม มันดูดุขึ้นรึเปล่านะ? และถ้ามันดุขึ้นจริงเธอขอเข้าข้างตัวเองก่อนเลยว่าเขาน่ะต้องไม่พอใจที่เธอใกล้ชิดกับรุ่นพี่ผู้ชายเมื่อกี้แน่นอน

    ระหว่างเดินไปที่ลานจอดรถไอวี่ก็ไม่ได้พูดอะไรกับคิว สาเหตุก็เพราะเธอไม่รู้จะเริ่มชวนคุยเรื่องไหนดี ทว่าระหว่างทางแยกไปลานจอดรถคิวกับพาเธอไปอีกทางแทน

    “นี่นายจะไปไหนน่ะ”

    “มีธุระต้องไปจัดการก่อน”

    “ธุระที่ว่าคือตึกกิจการนักศึกษาเหรอ?” ไอวี่ค่อนข้างแปลกใจที่คิวแวะมาที่นี่ แต่ในเมื่อเขาไม่ตอบเธอจึงไม่เค้นเอาคำตอบอะไรอีก 

    “รออยู่นี่”

    “ไม่เอาฉันจะไปด้วย” ไอวี่ยังดื้อดึง เธอไม่อยากนั่งรอคิวคนเดียว อีกอย่างตอนนี้มันก็เย็นมากแล้วด้วยเธอรู้สึกโหวงๆ ชอบกล 

    “ตามใจ”

    ไอวี่ยิ้มกว้าง เธอรู้สึกว่าคิวเริ่มจะใจอ่อนกับเธอบ้างแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการบอกให้เธอรอกลับพร้อมกับเขาหรือว่าการตามใจเล็กๆ น้อยๆ ทั้งที่เมื่อก่อนไม่เคยจะยอม หรือนี่จะเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่กันนะ?

    ก่อนเข้าไปด้านในคิวแวะซื้อของในมินิมาร์ทเล็กๆ ใต้ตึกมาสองถุงใหญ่ๆ ของที่ซื้อมาส่วนใหญ่เป็นขนมและน้ำแตกต่างกันไป

    “นายซื้อของพวกนี้มาทำไมเหรอ?” ไอวี่ถามด้วยความแปลกใจ เธอรอคำตอบจากคิวแต่คิวก็ไม่ได้ตอบ เพียงแค่หันมามองเธอด้วยสายตาที่ปรกติ ทว่าเธอกำลังจะถามย้ำอีกครั้งก็มีเสียงของใครบางคนดังขึ้นก่อน

    “พี่คิว!

    ไอวี่หันไปมองต้นเสียงเมื่อพบว่าเป็นแป้งหอมเธอจึงชะงักไป

    ที่ว่ามาทำธุระคือมาหายัยแป้งเน่านี่น่ะเหรอ?

    สายตาไอวี่วูบไหวเมื่อเห็นแป้งหอมเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้ม อีกทั้งเข้ามาเกาะแขนคิวแล้วทักทายกันอย่างสนิทสนม

    “พี่คิวมาจริงๆ ด้วย”

    “...” คิวไม่ได้ตอบรับแต่กลับยื่นถุงขนมให้กับแป้งหอม

    “ขอบคุณค่ะ แป้งไม่เห็นพี่ตอบข้อความก็นึกว่าพี่จะไม่มาซะแล้ว”   

    “เอาไปแบ่งกับเพื่อน”

    “ขอบคุณค่ะ พี่จะเข้าไปดูแป้งฝึกซ้อมไหมคะ แป้ง..”

    “มีธุระ” คิวตอบเรียบๆ สายตาที่นิ่งก็ยังคงนิ่งอยู่แบบนั้น

    “อ่า..ไม่เป็นไรค่ะ ว่าแต่..อ้าวไอวี่ขอโทษทีนะเพิ่งเห็น”

    ไอวี่ที่เป็นธาตุอากาศอยู่นานก็ถูกลากเข้าบทสนทนา ซึ่งเธอรู้ว่าแป้งหอมตั้งใจจะมองไม่เห็นเธอ

    ดูสิ..สายตาที่เยาะเย้ยนั่นน่ะทำไมเธอจะมองไม่เห็นมัน!

    ให้ตายสิเธอรู้สึกหงุดหงิดและโมโหจนอยากจะระบายกับอะไรสักอย่าง ไม่รู้ว่าเพราะสายตาของแป้งหอมหรือว่าพี่ระเบียบที่ไม่เคยสนใจใครแต่วันนี้กลับใจดี? มาส่งน้ำส่งขนมให้กับยัยศัตรูตัวฉกาจของตนเองได้

    “เสร็จธุระแล้วยัง?” ไอวี่เมินทำทักทายของแป้งหอมและหันไปถามคนที่ยืนอยู่ข้างๆ แทน แต่แทนที่เขาจะตอบในสิ่งที่เธอคิดกลับตอบในสิ่งที่เธอไม่อยากได้ยินแทน

    “ไปรอที่รถก่อน”

    “ไม่” คำเดียวสั้นๆ กับท่าทางดื้อรั้นทำให้อีกฝ่ายถอนหายใจ

    ไอวี่ขบเม้มริมฝีปากด้วยความกรุ่นโกรธ เธอไม่ชอบให้คิวสนใจคนอื่นมากกว่าเธอหรือเมินเธอแล้วไปพูดคุยกับผู้หญิงคนอื่น

    ไอวี่จะดื้อต่อก็ได้ เธอจะอาละวาดแล้วเอาแต่ใจสั่งคิวก็ได้แต่เธอก็ไม่ทำเพราะเธอกลัวว่าคิวจะเบื่อและรำคาญเธอ..

    ไอวี่มีคำถามมากมายจะถามคิวแต่คิดว่ามันไม่ใช่สถานการณ์ที่จะสามารถดื้อดึงต่อไปได้อีกจึงยอมเชื่อฟังโดยเมินสายตาของแป้งหอมแล้วหยิบกุญแจรถที่คิวหยิบยื่นให้ก่อนจะหมุนตัวเดินไปทางลานจอดรถด้วยความรู้สึกปวดหน่วงในหัวใจ เพราะช่วงจังหวะที่เธอหันกลับไปมองก็เห็นว่าคิวเดินเข้าอาคารไปกับแป้งหอมแล้ว

    ลับหลังไอวี่คิวดึงสายตากลับมาที่แป้งหอมด้วยสายตาที่นิ่งเฉย

    “ปล่อย”

    เสียงเข้มทำเอาแป้งหอมที่เกาะแขนคิวอยู่ถึงกับต้องผละถอย เธอยอมทำตามอย่างว่าง่ายเพราะต้องการที่จะทำให้คนที่ชอบเห็นแต่ด้านดีๆ ของเธอ ถึงแม้ว่าในใจยังอยากจะเกาะแขนต่อก็ตาม

    “พี่คิวจะไปไหนเหรอคะ”

    แป้งหอมถามรั้งร่างสูงไว้ให้อยู่กับเธอก่อน เพราะก่อนหน้านี้พี่นิ่มปี 4 ที่เป็นคนดูแลเรื่องประกวดดาวเดือนของเธอไม่ว่างจึงวานให้คนอื่นเอาเสบียงอาหารมาให้ ตอนแรกแป้งหอมคิดว่าจะบอกพี่นิ่มว่าไม่เป็นไรแต่พออีกฝ่ายบอกว่าจะฝากพี่คิวมาเธอจึงรีบตกลงแล้วเก็บความดีใจเอาไว้

    และเมื่อเธอเห็นว่าพี่คิวเดินมากับใครก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา แต่เพียงไม่นานก็อารมณ์ดีขึ้นเพราะเธอได้เอาคืนไอวี่เล็กๆ น้อยๆ โดยการทำให้ยัยนั่นเป็นส่วนเกิน แป้งหอมไม่รู้หรอกว่าพี่คิวกับไอวี่เป็นอะไรกัน แต่จากที่เห็นนั้นไม่ใช่คนรักหรือไม่ได้คบกันแน่ แต่ถึงจะคบกันเธอก็ไม่คิดจะยอมยกพี่คิวให้กับยัยคุณหนูหน้าเหวี่ยงนั่นอยู่ดี

    ดูเหมือนว่าเธอจะลืมไปว่าพี่คิวเป็นคนประเภทที่หวงเนื้อหวงตัวหวงความเป็นส่วนตัว เธอก็เลยเผลอถามซอกแซกไปจนเป็นเหตุให้อีกฝ่ายหงุดหงิดขึ้นมา เพราะนอกจากเขาจะไม่ตอบคำถามแล้วยังมองเมินเธอเหมือนเป็นอากาศแล้วเดินแยกขึ้นบันไดไปด้านบน

    แป้งหอมเผยรอยยิ้ม ถึงแม้ว่าจะได้อยู่กับพี่คิวเพียงชั่วครู่แต่ก็เหมือนว่าเธอได้เอาชนะยัยคุณหนูนั่นนิดหน่อยก็ยังดี

    หลังจากที่คิวขึ้นบันไดมาชั้น 4 ก็จัดการทำ ธุระสำคัญ ที่บอกกับไอวี่ตั้งแต่ต้น นั่นก็คือการยื่นเรื่องพารุ่นน้องไปออกค่ายที่ต่างจังหวัด

    คิวไม่รู้ว่าฟ้าเป็นใจหรือว่ามันเป็นแค่ความบังเอิญ เพราะก่อนหน้านี้คิวมีประชุมกับกลุ่มเพื่อนเรื่องแนวทางการรับน้องและพูดคุยเรื่องสถานที่ที่จะพารุ่นน้องไปออกค่ายเมื่อประชุมเสร็จก็กำลังจะแยกย้ายกันกลับบ้านทว่าก่อนหน้านั้นเพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งก็เข้ามาไหว้วานเกี่ยวกับเรื่องจัดหาของกินไปให้รุ่นน้องที่ประกวดดาวเดือนที่ตึกกิจการนักศึกษาเพราะเห็นว่าคิวจะต้องไปยื่นเรื่องที่นั่นพอดี

    แต่พอออกมาจากคณะก็เห็นว่าคุณหนูของเรือนแก้วกำลังพูดคุยกับใครบางคนที่คิวเห็นว่าเป็นรุ่นน้องในคณะ มีการจับเนื้อต้องตัวถ่ายภาพกันอย่างสนิทสนม เมื่อเขาเดินเข้าไปใกล้จึงรู้ว่าทั้งสองไม่ได้รู้จักกันแต่ที่ทำนั้นเพียงเพราะกิจกรรมล่าลายเซ็น

    มันไม่ผิดกฎระเบียบ..แต่คิวแค่ไม่ชอบใจ

    ความรู้สึกขุ่นมัวก่อเกิดโดยไม่รู้สึกตัว อาจเป็นเพราะใบหน้าใสที่มีพิรุธนั่นก็ว่าได้ คิวคิดว่าเรื่องนี้มันแปลก เพราะปรกติแล้วไอวี่จะถือตัวไม่ค่อยจะปล่อยตัวกับคนที่ไม่รู้จักยกเว้นดิสโก้ลูกนายกรัฐมนตรีคนนั้น ระหว่างนั้นคิวจึงคิดถึงความเป็นไปได้..หรือว่าไอวี่อยากให้เขาหึงหวง?

    ในเมื่อคิดได้เพียงอย่างเดียวคิวจึงทำตามที่ไอวี่ต้องการ แสดง? ความหึงหวงออกมาในฉบับของตนทันที

    จวบจนพากันมาถึงตึกคิวจึงเข้าไปซื้อของกินโดยมีไอวี่เดินตาม พออีกฝ่ายถามอะไรก็ไม่ตอบ อาจเพราะเขาขี้เกียจเกินจะหาคำมาพูดก็ได้

    คิวพาไอวี่เดินเข้าไปใต้ตึกและพบกับแป้งหอมพอดี เหตุการณ์นี้คิวพอจะมองออกถึงการเขม่นกันระหว่างไอวี่และแป้งหอม คิวทำตามความต้องการของแป้งหอมโดยการมองเมินไอวี่ชั่วขณะ เหตุการณ์ทุกอย่างอยู่ในสายตาของคิว

    ไอวี่มีคำถามมากมายแต่ไม่ยอมถาม กลับกันเขาแปลกใจที่ไอวี่ยอมทำตามคำสั่งอย่างว่าง่ายโดยการหยิบกุญแจรถแล้วเดินออกไปโดยไม่อาละวาด แต่ถึงอย่างนั้นคิวก็ไม่ได้สนใจเท่าไรนัก เพราะคิดว่าสิ่งที่ตนเองทำนั้นบรรลุผลแล้ว

    ที่ว่าอยากให้ไอวี่ร้อนรนเสียหน้าและน้อยใจที่เขามองเมิน..

    คิวจัดการยื่นเรื่องรับน้องเสร็จก็เดินไปที่ลานจอดรถ ในหัวคิดถึงความวุ่นวายที่จะเกิดขึ้นจากคุณหนูแสนเอาแต่ใจเอาไว้ก่อนเป็นอันดับแรก  ไม่แน่ว่าไปถึงเขาอาจจะต้องเจอกับหน้าตาเหวี่ยงๆ สายตาตัดเพ้อกับพายุอารมณ์รุนแรงหรือไม่ก็คำด่าทอจากอีกฝ่ายแน่นอน ทว่าพอเดินมาถึงที่รถคิวรู้สึกได้ว่าหัวใจกระตุกวูบไปเพราะภาพที่เห็นคือหญิงสาวนั่งชันเข่าก้มหน้าคล้ายกับกำลังร้องไห้อยู่ข้างรถโดยไม่สนใจว่าเนื้อตัวจะเปื้อนเขม่าดิน

    คิวยืนมองหญิงสาวที่ห่างออกไปเพียงหนึ่งก้าว

    “ทำไมไม่ไปรอในรถ”

    “...”

    เมื่อเห็นว่าไอวี่ไม่ตอบแต่ยังคงก้มหน้าฟุบลงไปจึงถามต่อ

    “เป็นอะไรไปอีก”

    “...”

    “ไอวี่”

    “นาย..ทำไมนายต้องดีกับทุกคนยกเว้นฉันคนเดียว”


    กดโหวต กดหัวใจ คอมเม้นต์ให้กำลังใจกันบ้างนะคะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×