คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : 13 | UNTIL THE LAST HEARTBEAT
RED SNITCH
(AU!HOGWARTS)
OSH | KJI | PCY
( 13 )
‘UNTIL THE LAST HEARTBEAT'
“คิมจงอิน”
เสียงครางต่ำดังอยู่ข้างใบหู ทั้งพ่นลมหายใจ ขบเม้ม แล้วยังจูบฟัดจนเจ็บไปทั้งลำคอและลาดไหล่ ร่างของเขาถูกไสกายเข้าออก เดี๋ยวจับให้ทำอย่างนั้น พลิกตัวอย่างนี้ ทั้งเจ็บทั้งเสียวจนเก็บน้ำตาเอาไว้แทบไม่อยู่
“คิมจงอิน”
ร่างกายเปลือยเปล่าถูกโอบกอดเอาไว้แนบชิด เรี่ยวแรงที่เคยมีถูกลิดรอนไปพร้อมศักดิ์ศรีที่ขลาดอายจนแทบไม่เหลือ ตัวเขาที่แหกแข้งขา ซุกหน้ากับไหล่กว้าง แล้วยังเงยรับจูบที่แสนวาบหวามนั่น เห็นทีจะไม่ใช่คนเดียวกับที่เป็นกัปตันทีมบ้านกริฟฟินดอร์หรือซีกเกอร์คนดังผู้ครองตำแหน่งมาตลอดหกปี เขาไม่รู้จักตนเองระหว่างที่อยู่ในห้องต้องประสงค์นั่นด้วยซ้ำ ทั้งหมดต้องเกิดจากคาถาสะกดใจแน่ๆ อย่างไรก็ไม่มีทางที่...
“คิมจงอิน!”
เปลือกตาบางลืมขึ้นพร้อมกับอาการสะดุ้งน้อยๆ นัยน์ตาสีเข้มเหลือบขึ้นมองต้นเสียงแล้วก็เห็นว่าคนที่อยู่ตรงหน้าเขาคือแทม เพื่อนสนิท และนี่ก็คือเตียงนอนส่วนตัวภายในหอนอนกริฟฟินดอร์ หาใช่ห้องโล่งๆ สีเทาที่มีแค่เตียงกับโคมไฟเช่นในภวังค์เมื่อสักครู่
“ทำไมเช้านี้ถึงได้ตื่นยากนัก” แทมเอ็ด มองเพื่อนขี้เซาในสภาพนอนคว่ำ ขยับตัวเชื่องช้าและเกลียดคร้านผิดกับตอนเล่นควิดดิชโดยสิ้นเชิง “เรามีเรียนวิชาแปลงร่างนะ เร็วๆ เข้า”
“รู้แล้ว -- อะ!”
ทันทีที่ขยับตัวลุกขึ้น เสียงแปลกๆ พลันหลุดออกมาจากปากเพราะอาการปวดแปลบตั้งแต่ช่วงเอวลงไปจนถึงต้นขา คิมจงอินเบิกตาโพลง จำต้องทิ้งตัวลงนอนอย่างเดิมด้วยไม่อาจทนฝืนสภาพร่างกายได้ เผลอกัดริมฝีปากซึ่งยังบวมเจ่อ ร้อนรุ่มจนคว้ายว่าร่างกายกำลังเผชิญพิษไข้ร้ายแรงอย่างไรอย่างนั้น
“เฮ้ เป็นอะไรไป” แทมถาม โชคดีว่าคีย์ล่วงหน้าลงไปห้องนั่งเล่นแล้ว ไม่อย่างนั้นอาการแปลกๆ ของเขาในเช้าวันนี้ได้กลายเป็นปริศนาให้หมอนั่นไขเล่นอย่างแน่นอน
“ฉัน... ไม่ค่อยสบายน่ะ” จงอินตอบเสียงพร่า พูดไม่ได้ว่าทั้งเอวและสะโพกปวดร้าวจนเหมือนจะแตกเป็นเสี่ยงๆ ได้อย่างไรอย่างนั้น อย่าว่าแต่ให้เดินเหินเป็นปกติเลย แค่ใช้มันนั่งเรียนเฉยๆ ยังไม่รู้จะเก็บอาการไหวหรือเปล่าด้วยซ้ำ
“นายจะไม่เข้าเรียนอย่างนั้นหรือ” เพื่อนสนิทแสดงความเป็นห่วง ซึ่งเขาไม่ต้องการเลยสักนิด “ไปที่ห้องพยาบาลไหมพวก ฉันจะใช้คาถาแบกนายไปก็ได้นะ”
“ไม่เป็นไร” เขารีบตอบ ไม่รู้ว่าจะนอนคว่ำคุยกับเพื่อนอย่างไรให้เป็นธรรมชาติ “นอนพักสักหน่อยก็คงดีขึ้น นายรีบไปเรียนเถอะ”
พอถูกผลักไสเช่นนั้นแทมก็ไร้ทางเลือก ท้ายแล้วซีกเกอร์หนุ่มบ้านสิงโตจึงได้อยู่คนเดียวสมใจ จงอินสูดลมหายจนเกิดเสียงซี้ด มือที่วางอยู่บนหมอนกำแน่น รวมถึงใบหน้าก็แดงก่ำจนดูคล้ายคนป่วยขึ้นมาจริงๆ เสียแล้ว เมื่อคืนตอนพยายามประคองร่างขึ้นหอนอนก็คิดว่ายังพอทนไหวอยู่ แต่พอตอนเช้ากลับระบมจนแทบขยับตัวไม่ได้ ถึงหลับไปตื่นหนึ่งแต่ก็ไม่ยักหายเหนื่อย รู้สึกเพลียพอๆ กับนัดแข่งควิดดิชกับบ้านกริฟฟินดอร์เมื่อสามปีก่อนซึ่งกินเวลาถึงห้าชั่วโมง ไม่น่าเชื่อว่าเรื่องบ้าๆ พรรค์นั้นจะเกิดขึ้น มิหนำซ้ำยังมากกว่าหนึ่งรอบ ไม่รู้เจ้าบ้าสลิธีรินนั่นไปตายอดตายอยากมาจากไหน ถ้าบอกว่าตั้งใจจะเล่นงานถึงตายคงน่าเชื่อไม่น้อย เจ้าคนน่ารังเกียจนั่น...! สงสัยจะวางแผนฆ่าเขาทั้งเป็นสำเร็จเสียแล้ว
กว่าจะตั้งสติได้และลุกขึ้นไหวก็ปาเข้าไปช่วงบ่ายของวัน อย่างน้อยวันนี้ยังได้เข้าเรียนวิชาเวทมนตร์คาถา ครั้นออกจากห้องเตรียมจะไปรวมตัวกับเพื่อนคนอื่นๆ ที่ห้องโถง พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นใครบางคนในชุดนักเรียนบ้านคู่อริ โอเซฮุนใช้มือปลดเนกไทให้หลวมขึ้นแล้วจึงหันมาสบตากับเขา เพียงเท่านั้นทั้งร่างของคิมจงอินขนลุกซู่ พอตั้งท่าจะเดินหนี เสียงกวนประสาทจากเอดิสัน หวงก็ดังเข้าหูให้ได้ยินด้วยความจงใจของเจ้าตัว
“โอ๊ย ฉันไม่คิดว่าจะมีใครคนอื่นถูกรับเลือกจากถ้วยอัคนีหรอก ในเมื่อคนที่เหมาะสมที่สุดอยู่ตรงนี้แล้ว” เอดิสันชูหางเพื่อนร่วมบ้านด้วยการดูแคลนผู้เข้ารับการคัดเลือกคนอื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือคิมจงอิน ผู้ซึ่งอยู่ใกล้ระยะของการได้ยินมากที่สุด
“จริงหรือเซฮุน? ไหนเธอว่าไม่สนใจไงล่ะ” เซเลน่า โกเมซพูดแหย่ แต่นอกจากคนถูกพูดถึงจะไม่ขลาดอายกับการกลืนน้ำลายตนเองแล้ว เซฮุนยังเลิกคิ้ว ระบายยิ้ม อีกทั้งหันไปขยิบตาให้สมิธ เกรย์ ตากล้องหนังสือพิมพ์โรงเรียนซึ่งคงกำลังทำสกู๊ป ตัวเก็งในการประลองเวทไตรภาคี ดีหรือร่วง!?
“ฉันเคยพูดอย่างนั้นหรือ” เจ้าชายสลิธีรินเอ่ยตอบเซเลน่า “เท่าที่รู้คือ ตอนนี้ฉันอยากได้รับเลือกใจจะขาด”
‘ถ้าแกร่งกว่าฉัน ถ้วยก็คงจะเลือกนาย’
ทั้งที่ควรจะโกรธจนตรงเข้าไปสาปปากแย่ๆ นั่นให้กลายเป็นปากสุนัข แต่จงอินกลับยังยืนนิ่งอยู่กับที่ พบว่าตนไม่ได้มีแม้แต่ความขุ่นเคืองใจเลยหากเทียบกับสิ่งที่โอเซฮุนทำเอาไว้ ไม่อยากแม้แต่จะหันไปมองเพื่อสบตากับคนเจ้าเล่ห์อย่างนั้นเป็นครั้งที่สอง ถ้าไม่เพียงแต่เอดิสันยังจงใจกวนประสาทกันไม่หยุด
รู้อยู่แล้วว่าเจ้าชายสลิธีรินเป็นคนเก่ง ถึงฝีมือจะพอกันแต่หมอนั่นกลับทั้งความเจ้าเล่ห์และแผนการ พอต้องสู้กันซึ่งๆ หน้าทีไร นอกจากเรื่องควิดดิชแล้วก็ไม่มีอะไรที่เขาเอาชนะได้เลย มันน่าโมโห น่าเจ็บใจที่จะต้องยอมรับ แต่ว่า...
“อ๊ะ ขอโทษที!”
เจ้าบ้าจากบ้านเรเวนคลอสักคนรีบเร่งจนบังเอิญเดินชนไหล่จงอินเข้าอย่างจัง เอาเป็นว่าเขานึกโกรธหมอนั่นยิ่งกว่าเอดิสันเสียอีก อย่างน้อยคำพูดก็ทำอะไรกัปตันบ้านสิงโตในตอนนี้ไม่ได้ ผิดกับการกระแทกเล็กๆ น้อยๆ ที่ส่งผลให้ร่างกายซึ่งอยู่สภาพไม่สมบูรณ์พลาดท่าเสียหลัก สะโพกของเขาปวดแปล๊บเมื่อพยายามทรงตัวตั้งหลักให้ได้
ให้ตายเถอะเมอร์ลิน! จะต้องล้มอย่างน่าอายต่อหน้าคนพวกนี้น่ะหรือ
“อุ้บ! ดูเอาเถอะเซเลน่า หมอนั่นโดนชนแค่นั้นก็ทำท่าจะล้มเสียแล้ว แล้วแบบนี้ --”
หากต้นแขนกลับถูกคว้าเอาไว้ได้ทันท่วงที ตาสีเข้มเบิกโพลงขณะเงยขึ้นมองผู้ให้ความช่วยเหลือ กรอบสายตาเห็นเป็นเนกไทสีเขียว-เงิน ไล่ขึ้นไปจนถึงปลายคางเล็กแหลมและริมฝีปากบางเฉียบซึ่งขยับพูดเสียงเรียบ
“พอได้แล้ว เอดิสัน” เซฮุนประคองร่างโซเซของเขาให้ยืนตรงได้อีกครั้ง ทว่ามือที่โอบรั้งเอาไว้กลับไม่ยอมปล่อยออกเสียที “คิมจงอินไม่ค่อยสบาย ฉันจะพาเขาไปที่ห้องพยาบาล”
“เอ๋ เซฮุน!? นายไม่เห็นต้องทำแบบนั้น...”
“เข้าใจแล้ว” คราวนี้เซเลน่าตัดบทเสียเอง เจ้าหญิงคนสวยแห่งบ้านสลิธีรินยืนกอดอก ถอนหายใจขณะมองโอเซฮุนและคู่อริที่ถูกบีบบังคับให้รับความช่วยเหลืออย่างไม่เต็มใจนัก ถือว่าครั้งนี้คนของฝั่งเธอเล่นละครได้ไม่เนียนเอาเสียเลย “น่าหงุดหงิดจริงๆ นะ”
เซเลน่า โกเมซลากเอดิสันให้เดินตามไปยังห้องโถงด้วยกันโดยไม่ทักท้วงเหตุการณ์ประหลาดๆ ซึ่งเกิดขึ้นในตอนนี้ เซนส์ผู้หญิงเชื่อถือได้เสมอนั่นแหละ เธอแน่ใจตั้งแต่ที่เคยหยั่งเชิงแล้วเซฮุนยิ้มกลับมาเป็นคำตอบแล้ว มันค่อนข้างน่าเจ็บใจ แต่ก็คงดีกว่าถ้าให้โทษรสนิยมของเจ้าชายแทนที่จะเป็นคริสตัล จอง
“เฮ้ย โอเซฮุน หยุดนะ! นี่มัน...”
คิมจงอินร้องโวยวายทันทีที่ถูกพามาถึงห้องพยาบาล โอเซฮุนจัดการปิดประตู มองหน้า จากนั้นจึงใช้บีบสันกราม บังคับให้เขารับจูบจนขาทรุด ถ้าไม่ใช่ว่ามีมือคอยโอบรั้วเอวเอาไว้ กัปตันบ้านกริฟฟินดอร์คงจะทรุดลงกองแทบเท้าของคู่แข่งอย่างที่ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้แล้วจริงๆ ลิ้นชื้นเกี่ยวกระหวัดกวาดเอาทุกลมหายใจข้างในโพรงปาก ปรับองศาใบหน้าจนสำรวจได้ทุกซอกทุกมุม
ริมฝีปากอิ่มถูกขบดึงเบาๆ ก่อนคนตรงหน้าจะยอมผละออก ปล่อยให้เสียงลมหายใจดังสอดประสานเพราะจูบที่แสนรุกเร้าเอาแต่ใจเมื่อสักครู่ มือสีแทนจำต้องจับไหล่กว้างอีกฝ่ายเอาไว้เพื่อไม่ให้ต้องล้มลงไปจริงๆ
“ไม่ดีเลยนะที่ไปแสดงท่าทางแบบนั้นต่อหน้าคนอื่น” เซฮุนพูดพลางกอดรัดตัวเขาให้จมอ้อมกอดยิ่งขึ้น ทั้งหอม ทั้งฟัดลาดไหล่ผ่านเนื้อผ้า จนจงอินต้องยกมือขึ้นดันใบหน้าหล่อเหลานั้นออกแล้วแยกเขี้ยวใส่เพื่อกลบเกลื่อน
“มันเป็นเพราะฉันหรือไง...!”
“แล้วเพราะฉัน?” ตัวปัญหาแสร้งเลิกคิ้ว ตีหน้าซื่อ “เพราะฉันเลยทำให้นายเป็นแบบนี้หรือ จงอิน”
ไม่ทันไรเขาก็ถูกดึงไปยังเตียงที่ใกล้ที่สุด ผลักลงจนแผ่นหลังนอนราบ ก่อนจะใช้นิ้วเกี่ยวปมเนกไทสีแดง-เหลืองจนรูดคลายออก แล้วจึงสอดมือเข้าทางชายเสื้อ ลูบไล้หน้าท้องแบนราบและลำตัวที่เต็มไปด้วยรอยจ้ำจากการไม่ยับยั้งชั่งใจเมื่อคืนนี้
“บ้าเอ๊ย! นายจะทำอะไร” จงอินรีบเอามือเจ้าปัญหาออกจากข้างในเสื้อ หัวใจเต้นเร็วและแรงเพียงเพราะคิดว่านี่คือห้องพยาบาล หาใช่ห้องต้องประสงค์ที่ใครจะไม่มีทางล่วงรู้ความลับของตน
“ไม่ต้องห่วง นายก็เห็นว่าไม่มีใครอยู่ ทุกคนไปรวมกันที่ห้องโถงใหญ่หมดแล้ว”
เซฮุนคลอเคลียเขาไม่ห่าง มิหนำซ้ำยังขยับตัวลงมานอนข้างๆ ลูบไล้ตั้งแต่สันสะโพกเข้าจนถึงโคนขาอ่อนด้านใน ลมหายใจจงอินกระตุกวูบ เริ่มติดขัดเพราะไม่สามารถควบคุมตนเองได้ดีนัก ร่างกายของเขายังอ่อนไหวอยู่มาก และโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องถูกคุกคามจากคนที่เริ่มคุ้นเคยกับมัน
“บอกให้หยุดไง เจ้าบ้านี่...!”
ยิ่งพยายามแกะมือที่กอดก่ายร่างของตนออกเท่าไร โอเซฮุนก็ยิ่งจงใจดื้อดึงมากขึ้น ราวกับคำห้ามของเขากลายเป็นแรงยุชั้นดีจนทำให้อดใจไม่ไหวอย่างไรอย่างนั้น
“แค่เห็นนาย ฉันก็อยากจะเข้าไปกอด จูบ” เสียงทุ้มกระซิบบอกข้างหู จูบย้ำตามแนวสันกราม แล้วจึงเลื่อนมาหยุดอยู่ตรงหน้า “อยากทำให้นาย...”
เจ้าชายสลิธีรินชะงักเพราะดวงตาสั่นไหวซึ่งมองมายังเขา ใบหน้าที่เคยอวดดีกลับแดงก่ำ ริมฝีปากซึ่งมักจะพ่นคำพูดร้ายๆ นั้นบวมเจ่อ ทุกอย่างที่เป็นคิมจงอินในอ้อมกอดตอนนี้ช่างดูเปราะบางไร้ทางสู้ ไม่เหลือคราบสิงโตแสนพยศบนสนามควิดดิช หรือหนุ่มเนื้อหอมจอมมุทะลุแห่งบ้านกริฟฟินดอร์เลยแม้แต่น้อย ซึ่งเจ้าตัวคงไม่รู้กระมังว่าสีหน้าของตนกำลังเป็นแบบไหน ถึงได้ยังใจกล้า ขยับปากพูดด้วยถ้อยคำดังพญาสิงโตในป่าใหญ่ แต่กลับดูเหมือนลูกแมวน้อยๆ ในแรงรัดของงูพิษอย่างเขาก็ไม่ปาน
“อย่าพูดนะ... แค่ยอมให้นายทำเรื่องห่วยแตกพรรค์นั้นไปครั้งเดียว ไม่ได้หมายความว่าฉันจะยอมรับ --”
แล้วจะให้หักห้ามใจไหวได้อย่างไร เซฮุนถอนหายใจขณะบอกตนเองในความคิดเช่นนั้น ร่างสูงโปร่งตัดสินใจหยุดการเคลื่อนไหวทุกอย่างแล้วทำเพียงนอนกอดร่างที่ดิ้นขลุกขลักเอาไว้ ขืนแกล้งคิมจงอินต่อไป ลงท้ายคงห้ามใจไม่ไหวเสียเองแล้วถูกเกลียดซ้ำสองแน่
“โอเซฮุน...”
“พักเอาแรงสักหน่อยเถอะ” เขาจูบหน้าผากคนในอ้อมแขนเบาๆ ได้ผลว่ามันทำให้จงอินสงบลงได้แทบจะทันที “อีกสักเดี๋ยวเราค่อยไปห้องโถงใหญ่พร้อมกัน”
“ไม่เอา ฉันไม่ไปพร้อมนายเด็ดขาด”
“ถ้าอย่างนั้นนายไปถึงก่อน แล้วเดี๋ยวฉันตามเข้าไป ดีไหม?”
โชคดีว่าตอนที่มาถึงห้องโถงใหญ่ยังมีนักเรียนคนอื่นพากันเข้ามาประปราย ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเป็นนักเรียนปีห้าในคาบวิชาปรุงยาของศาสตราจารย์ซลักฮอร์น คิมจงอินจึงไม่ใช่ดาวเด่นซึ่งได้เปิดตัวแบบฉายเดี่ยว อีกทั้งศาสตราจารย์เดอนีโรก็ยังพูดคุยกับอาจารย์จากอีกสองโรงเรียนอย่างออกรส พิธีคัดเลือกตัวแทนยังไม่เริ่มขึ้น จนกระทั่งมีผู้มาใหม่เดินทางถึงห้องโถงและขึ้นนั่งประจำที่ยังโต๊ะแขกผู้มีเกียรติทางด้านหน้า
คนหนึ่งจงอินจำใบหน้าได้จากหนังสือพิมพ์เดบี่พรอเฟ็ตเป็นอย่างดี ลูโด แบ็กแมน หัวหน้ากองควบคุมดูแลเกมและกีฬาเวทมนตร์ ผู้ชอบลงรับพนันขันต่อในเกมกีฬาควิดดิชเป็นอย่างยิ่ง (ข่าวลับข่าวร้ายจากคีย์และคุณพ่อซึ่งเป็นคนใน) ส่วนอีกคนถูกแนะนำว่าคือ บาร์ทีเมียส เคร้าช์ หัวหน้ากองความร่วมมือด้านเวทมนตร์ระหว่างประเทศ ทั้งสองคือกรรมการการแข่งขันจากกระทรวงเวทมนตร์นั่นเอง
จวนได้เวลาที่ถ้วยอัคนีจะเลือกตัวแทนจากทั้งสามโรงเรียนแล้ว ดูท่าแทมกับคีย์จะถูกอกถูกใจนักเรียนหญิงจากวิทยาลัยโบซ์บาตงไม่น้อย พวกเธอสวยงามและสะอาดสะอ้าน อีกทั้งยังเต็มไปด้วยเสน่ห์ราวกับมนต์ขลัง ยากที่จะปฏิเสธหากถูกเชิญชวน ถึงอย่างนั้นคนที่สวยที่สุดสำหรับเขาก็ยังเป็นคริสตัล จอง ซึ่งนั่งเยื้องไปทางด้านหลังอีกสามที่นั่ง ไม่รู้ว่าคิดไปเองแต่หรือไม่ ทว่าตั้งแต่ที่มีโอกาสได้คุยเปิดอกกันในงานเลี้ยงเต้นรำปีที่แล้ว คริสตัลกลับดูสันโดษขึ้นจนแม้แต่เพื่อนสาวที่เคยสนิทชิดเชื้อกับเธอก็ยังทำตัวไม่ถูก โดโรธี เวสต์ เพื่อนร่วมหอนอนของคริสตัลเคยมาถามไถ่เขาอยู่ครั้งหนึ่งเมื่อต้นเทอมว่ารู้อะไรบ้างหรือเปล่า แต่คิมจงอินก็เป็นแค่เพื่อนร่วมบ้านที่ถูกเธอหักอกไปคบกับเจสันตอนปีห้า ระดับความใกล้ชิดจึงนับว่าถอยห่างแบบก้าวกระโดดตั้งแต่คราวนั้น
“เคราเมอร์ลิน นั่นมันพวกเขานี่”
คิดอะไรเพลินๆ ก็ได้ยินคำอุทานของแทนจึงหันไปดูบ้าง เท่านั้นดวงตาสีเข้าก็เบิกกว้าง หัวใจเต้นรัวจนเหมือนจะหลุดออกมาจากอกซ้าย ริมฝีปากเผยอขึ้นเล็กน้อย เกือบหลุดเรียกชื่อของใครบางคนที่เดินเข้ามาในห้องโถงใหญ่ท่ามกลางความตื่นเต้นของนักเรียนบ้านกริฟฟินดอร์และฮัฟเฟิลพัฟหลายชีวิต
ปาร์คชานยอลอยู่ในชุดเครื่องแบบมือปราบมารเต็มยศ เสื้อเชิ้ตผูกไนกไทถูกคลุมทับด้วยโค้ตสีแดง ปักตรากระทรวงเวทมนตร์บนอกซ้าย ผมซอยสั้นสีดำแบบวัยรุ่นซึ่งเป็นภาพจำสุดท้ายเมื่อปีก่อนบัดนี้เซ็ตเป็นทรงที่ทำให้เจ้าตัวดูโตขึ้น กระทั่งไม่เหลือเค้ากัปตันทีมควิดดิชบ้านกริฟฟินดอร์ที่แสนร่าเริงและยิ้มง่ายคนนั้น ข้างกันก็คือลูคัส ทิล เพื่อนสนิทอดีตกัปตันซึ่งอยู่ในรูปลักษณ์ไม่ต่าง ส่วนคนที่เดินอยู่หน้าสุดนั้นจงอินจำชื่อไม่ได้ แต่คุ้นหน้าว่าเป็นดาวเด่นของฮอกวอตส์เมื่อสมัยเขาอยู่ปีสอง เห็นทีข่าวลือที่ว่า มือปราบมารมีเพียงคนระดับยอดเยี่ยมเท่านั้นถึงจะได้บรรจุเข้าไป คงไม่เกินจริงสักเท่าไรนัก
การปรากฏตัวของมือปราบมารในการประลองเวทไตรภาคีส่งผลให้เกิดความตึงเครียดขึ้นในหมู่คณาจารย์และผู้ที่พอจะรู้ข่าวคราวสถานการณ์ภายนอก ถึงทางกระทรวงจะยินยอมให้มีงานประลองขึ้นแต่ก็จำเป็นต้องมีการเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด
“โฮ่ พิตต์ส่งแค่พวกเธอสามคนมาหรอกหรือ มือปราบมารจูเนียร์” แบ็กแมนเอ่ยแซว พาดพิงไปถึงหัวหน้าสำนักงานใหญ่มือปราบมารคนปัจจุบัน
“หัวหน้าไม่อยากทำให้มันเอิกเกริกน่ะครับ”
บยอนแบคฮยอนซึ่งรับหน้าที่หัวหน้าทีมคราวนี้แย้มยิ้มเชือดเฉือน “ต่อให้ใครจะว่ายังไง แต่เราก็จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดครับ”
“คิมจงอิน เป็นอะไรไป?”
กัปตันทีมควิดดิชบ้านกริฟฟินดอร์คนปัจจุบันเงยหน้าขึ้นมองคีย์ซึ่งนั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม
“นายสนิทกับชานยอลนี่นา ทำไมไม่เห็นทำหน้าเหมือนดีใจเลยล่ะ”
“พูดอะไรน่ะคีย์ จะเป็นงั้นไปได้ยังไงเล่า จงอินคงตกใจเหมือนเรานี่แหละ” แทมขัด มันเป็นไปไม่ได้เลยที่คิมจงอินจะรู้สึกเป็นอื่นเมื่อได้พบอดีตกัปตันอีกครั้ง ถึงก่อนหน้านี้จะเอาแต่ปัดว่าไม่ได้คุยกันเพราะฝั่งนั้นคงยุ่งๆ กับการสอบบรรจุก็ตาม
“ฉัน...” จงอินลดสีหน้าลง จากนั้นจึงเปลี่ยนเป็นฝืนยิ้มออกมาในที่สุด “นั่นซี แค่ไม่ได้เจอกันนานจนทำตัวไม่ถูกน่ะ”
ปาร์คชานยอลไม่แม้แต่จะหันมามองทางนี้ด้วยซ้ำ ขนาดความทรงจำสุดท้ายที่มีต่อกัน คนคนนั้นยังเดินสวนเขาไปราวกับไม่เคยรู้จักมักจี่ ไม่มีแม้กระทั่งปฏิสัมพันธ์ดีๆ อย่างที่ควรจะเป็นด้วยซ้ำ แล้วแบบนี้พอมีโอกาสได้พบกันอีกครั้ง จะให้เขาทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้วพุ่งเข้าไปทักเมื่อมีโอกาสอย่างนั้นหรือ เรื่องแบบนั้นคงมีแค่พีฟส์กระมังที่ทำได้
“และตอนนี้ก็ถึงเวลาอันสมควร ถ้วยอัคนีจะทำการดีดชื่อของตัวแทนที่ได้รับการคัดเลือกออกมาทีละหนึ่งรายชื่อ”
แบ็กแมนประกาศ หลังจากนั้นถ้วยอัคนีก็ดีดรายชื่อหนึ่งออกมาจริงๆ หัวหน้ากองควบคุมดูแลเกมและกีฬาเวทมนตร์รีบคว้ามันเอาไว้ก่อนจะอ่านชื่อในกระดาษเสียงดังฟังชัด
“ตัวแทนจากเดิร์มสแตรงก์ นิโคลัส จอห์น โรบินสัน!”
สิ้นเสียงประกาศ บรรดานักเรียนจากเดิร์มสแตรงก์ส่งเสียงเฮ จากนั้นคนหนึ่งในกลุ่มนักเรียนจึงลุกขึ้นยืนด้วยท่าทางสง่าผ่าเผย ก่อนเดินไปหยุดยืนอยู่ทางด้านหน้าของห้องโถง นิโคลัส จอห์น โรบินสัน เป็นชายหนุ่มรูปร่างสูงเกือบหนึ่งร้อยเก้าสิบเซนติเมตร ไว้ผมซอยสั้นสีม็อคค่าและมีหน้าตาหล่อเหลาตรงสเป็กของสาวๆ ฮอกวอตส์จนเกิดกระแสเชียร์ต่างโรงเรียนขึ้นมาในฉับพลัน
“ถ้าไม่ใช่โอเซฮุนที่ได้รับเลือก ฉันว่าสาวๆ คงเปลี่ยนใจไปเชียร์เดิร์มสแตรงก์หมดแน่” คีย์คาดการณ์ ส่วนใหญ่แล้วคนอื่นๆ มั่นใจว่าโอเซฮุนจะต้องใส่ชื่อลงไปในถ้วยอัคนี แต่จงอินไม่ได้บอกเพื่อนทั้งสองไปก่อนหน้านี้ว่าเขาเองก็มีชื่ออยู่ในนั้นเช่นกัน
“คือว่า... ฉันเองก็ใส่ชื่อลงไปในถ้วยอัคนีเมื่อคืนนี้” จงอินบอกทั้งเสียงอ้อมแอ้ม
“หา? ไหนนายว่าอาจจะไม่ --” แทมเผลอพูดเสียงดัง คนอื่นๆ ในโต๊ะกริฟฟินดอร์เลยพลอยรู้ไปด้วย “ถ้าอย่างนั้นเราก็ต้องเชียร์นายอยู่แล้วล่ะเพื่อน นายคือซีกเกอร์มือดีของบ้านเรานี่!”
“อะแฮ่ม ฉันก็ใส่ชื่อลงไปเหมือนกัน” คิมจงแดกระแอมไอ กลายเป็นว่ามีคนสนใจเข้าร่วมการประลองเวทมากกว่าที่คิด
“ตัวแทนจากโบซ์บาตง ดาโกต้า แฟนนิ่ง!”
“แบบว่าสวยหยด” คีย์เพ้อ ชวนให้พวกเขามองดูตัวแทนจากโบซ์บาตงซึ่งเพิ่งถูกกระกาศชื่อ หล่อนเป็นหญิงสาวรูปร่างผอมบาง สูงแค่ประมาณหนึ่งร้อยหกสิบเซนติเมตรต้น ดวงตากลมโตสีน้ำทะเล แล้วยังมีผมบลอนด์ยาวตรงและท่าทางกระฉับกระเฉง ไม่ว่าชายใดคงอยากจะได้เป็นคู่เต้นรำในงานเลี้ยงคริสต์มาสอย่างแน่นอน
ในที่สุดก็มาถึงการคัดเลือกตัวแทนของฮอกวอตส์ ถ้วยอัคนีดีดรายชื่อสุดท้ายออกมาอยู่ในมือลูโด แบ็กแมนอีกครั้ง น่าลุ้นว่าตัวแทนจะโรงเรียนเจ้าภาพจะพลิกโผไปจากที่นักเรียนส่วนใหญ่คาดการณ์เอาไว้หรือไม่ เออิสันกระหยิ่มยิ้มหย่อง เตรียมเชิดหน้าชูตาว่าได้มีเพื่อนสนิทเป็นตัวแทนโรงเรียนแล้วเรียบร้อย
“ตัวแทนจากฮอกวอตส์ คิมจงอิน!”
เท่านั้นนักเรียนบ้านกริฟฟินดอร์ก็เฮสนั่น แทบจะพากันยกตัวคิมจงอินไปส่งถึงหน้าห้องโถงทั้งที่เจ้าตัวยังกะพริบตาปริบ จริงอยู่ว่าจงอินใส่ชื่อตนเองลงไปเพราะคิดว่ามีสิทธิ์ แต่ก็ไม่คิดว่าถ้วยอัคนีจะเลือกเขาขึ้นมาจริงๆ ในเมื่อยังมีคนมากความสามารถที่ใส่ชื่อตนเองลงไปในนั้นอีกหลายต่อหลายคน เอดิสันหน้าเสียเพราะพูดจาดูแคลนคิมจงอินเอาไว้ก่อนหน้านี้ ส่วนโอเซฮุนยังคงนั่งนิ่ง สีหน้าเรียบเฉยจนดูไม่ออกว่ากำลังคิดอะไรอยู่ในหัวกันแน่
ตัวแทนจากฮอกวอตส์ค่อยๆ ลุกจากเก้าอี้อย่างระมัดระวัง จะให้ใครรู้ไม่ได้ว่าเขาอยู่ในสภาพร่างกายที่ไม่สมบูรณ์นัก ก่อนเดินไปหยุดยืนร่วมกับตัวแทนอีกสองโรงเรียน สายตาก็สบเข้ากับบรรดามือปราบมารซึ่งยืนอยู่ทางซ้ายมือโดยไม่ได้ตั้งใจ ลูคัสโบกไม้โบกมือให้กำลังใจแบบพยายามเก็บอาการ ส่วนคนที่ไม่ได้เจอกันเกินหนึ่งปีอีกทั้งความสัมพันธ์ยังจบไม่สวยนัก บัดนี้กลับยอมคลี่รอยยิ้ม ซึ่งถึงแม้จะดูห่างเหินกว่าที่เคยมีในอดีต แต่ก็ทำให้หัวใจพองโตขึ้นได้ในที่สุด
ปาร์คชานยอลผู้มีรอยยิ้มอบอุ่นหัวใจ
ปาร์คชานยอลผู้เย็นชาจนเหมือนใครอื่นที่เขาไม่รู้จัก
รวมถึงปาร์คชานยอลผู้ปรากฏตัวขึ้นในฐานะเจ้าหน้าที่จากกระทรวงตอนนี้
ทั้งหมดล้วนเป็นตัวแปรที่ทำให้คิมจงอินรู้สึกปั่นป่วนจนไม่สามารถคาดเดาตนเองได้อีกต่อไป
“แล้วซีวายล่ะ?”
บยอนแบคฮยอนเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าคนที่มาพบตนตามนัดหมายมีเพียงลูคัส ทิลเท่านั้น ถึงจะเป็นการเรียกตัวอย่างไม่เป็นทางการและฉุกละหุกก็ตามที หากมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะเข้าพบศาสตราจารย์เดอนีโรได้โดยไม่ถูกหนีหายไปเสียก่อน
“อ่า...” ลูคัสอึกอัก “ชานยอลมีนัดกับใครบางคน ผมเลยไม่ได้บอกเรื่องที่คุณเรียกตัว”
“ใครบางคน?” แบคฮยอนเลิกคิ้วขณะเริ่มก้าวเดินอย่างไม่ใส่ใจนัก พลันริมฝีปากบางก็แย้มรอยยิ้ม เดาะลิ้นด้วยความสนอกสนใจเป็นพิเศษ “หมอนั่นก็มีมุมแบบนี้เหมือนกันแฮะ”
“เป็นนักรักตัวยงเชียวละครับ” เจ้าของผมสีบลอนด์พูดเสริม
นึกถึงสมัยเรียนที่ต้องคอยเอาใจช่วยเพื่อนตัวสูงให้ก้าวผ่านกำแพงซึ่งชื่อว่าเพื่อนไปให้ได้ อีกทั้งพอเป็นเหตุผลเช่นนี้แล้ว แบคฮยอนกลับยอมปล่อยผ่านอย่างง่ายดาย คนดูแลของพวกเขาก็เป็นเสียอย่างนี้ ถึงได้ถูกลงโทษให้มาเป็นพี่เลี้ยงมือปราบมารฝึกหัดแล้วนั่งประจำอยู่ฮอกวอตส์ แทนที่จะได้ออกลวดลายไล่จับผู้เสพความตายเหมือนอย่างคนอื่นๆ ซึ่งเอาเข้าจริงแล้วแบคฮยอนอาจชอบก็ได้
“ไปแอบดูสักหน่อยดีไหม” คนอายุมากกว่าเอ่ยกระเซ้า แต่ก็ถูกลูคัสจับไหล่บังคับให้เดินไปยังห้องอาจารย์ใหญ่ตามที่ตั้งใจเอาไว้
“ไม่ได้นะแบคฮยอน เอาเป็นว่าผมขอโทษที่ไม่ได้บอกเรื่องนี้กับชานยอล ฉะนั้นเรารีบไปกันเถอะ”
“ฉันเป็นพี่เลี้ยงพวกนายนะ ใจคอจะไม่ให้รับรู้เรื่องสนุกด้วยคนหรือไง”
“เดี๋ยวก็โดนโกรธอีกหรอกครับ”
แบคฮยอนขี้เล่นผิดจากเด็กฮัฟเฟิลพัฟ ทำให้ลูคัสเพิ่งจะเล็งเห็นได้ไม่นานนี้ว่า บางทีการคัดสรรนักเรียนเข้าแต่ละบ้านก็ไม่อาจตัดสินนิสัยใจคอและบุคลิกที่แท้จริงได้ ถึงอย่างนั้นสิ่งที่คนคนนี้แสดงออกว่าเป็นฮัฟเฟิลพัฟอย่างชัดเจนเห็นจะเป็นความซื่อตรงและมุมานะ มือปราบมารบยอนไม่เคยทำเหมือนสิ่งที่ตนเองเผชิญอยู่คือความยากลำบาก พยายามหาประโยชน์จากสถานการณ์เพื่อเอาชนะ อาจเพราะอย่างนั้นก็ได้ใครต่อใครถึงได้ยกยอว่าเป็นหัวกะทิในหมู่มือปราบมารรุ่นเยาว์ ด้วยวัยเพียงยี่สิบต้นๆ ก็สามารถก้าวเข้าสู่โต๊ะประชุมอาวุโสได้แล้ว
ไม่นานนักพวกเขาก็มาถึงรูปปั้นหินการ์กอยล์บนชั้นเจ็ดของปราสาท แบคฮยอนพูดรหัสผ่านซึ่งเพิ่งได้มาเป็นการส่วนตัวหลังจบพิธีประกาศรายชื่อ อีกทั้งยังทำหน้าเหยเกเพราะนึกขนลุกว่ารหัสผ่านเข้าห้องอาจารย์ใหญ่ก็คือ ลูกอมรสแมลงสาบ บางทีศาสตราจารย์เดอนีโรก็มีนิสัยแปลกประหลาดเกินจะเข้าใจ และต่อให้เขารู้รหัสนี้มา แต่พอวันพรุ่งนี้มันอาจถูกเปลี่ยนเป็นชื่อลูกอมอย่างอื่นในร้านฮันนี่ดุ๊กส์ก็ได้ ใครจะรู้
การ์กอยล์หินกระโดดไปด้านข้าง เปิดทางให้กำแพงทึบแยกตัวออกจนเห็นบันไดเวียนซึ่งกำลังเคลื่อนตัวอย่างนุ่มนวล มันพาพวกเขามาจนถึงหน้าประตูไม้โอ๊กมันวับ แบคฮยอนจัดการใช้ตัวเคาะรูปกริฟฟินเพื่อบอกคนด้านในว่ามาถึงแล้ว หลังจากนั้นประตูจึงถูกเปิดออก เผยห้องทำงานซึ่งมีลักษณะเป็นทรงกลมกว้าง รายล้อมด้วยชั้นหนังสือสูงเสียดเพดาน ทางด้านหนึ่งคือกรอบรูปของบรรดาอดีตอาจารย์ใหญ่ซึ่งส่งเสียงพูดคุยกันราวกระซิบกระซาบ บ้างก็กำลังหลับพักผ่อนอย่างสงบ
ศาสตราจารย์คลินตัน เดอนีโรนั่งจิบชาอยู่หลังโต๊ะทำงาน บนโต๊ะมีหนังสืออ่านเล่นซึ่งถูกเขียนผ่านปลายปากกาของอิโซลท์ นักเขียนปกรณัมผู้มากด้วยปริศนา
“สวัสดีอีกครั้งครับ ศาสตราจารย์” แบคฮยอนทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาฝั่งตรงข้าม ไม่นานนักลูคัสก็ตามมานั่งบนโซฟาอีกตัวซึ่งตั้งเยื้องไปทางหน้าต่าง
“สวัสดียามดึกคุณบยอน อ้อ คุณทิลด้วยนะ”
ลูคัสนั่งยิ้มตัวเกร็ง เขาไม่เคยมีโอกาสนั่งสนทนาเป็นการส่วนตัวกับอาจารย์ใหญ่ผู้เข้าถึงยากและภายในห้องลับแลเช่นนี้มาก่อน ผิดกับแบคฮยอนที่ดูท่าทางสบายๆ มิหนำซ้ำยังยกชารับรองขึ้นจิบก่อนจะเริ่มธุระของตนอีกด้วย
“ถ้าเดาไม่ผิด เหตุผลที่เธอขอเข้าพบฉันคงเป็นเรื่องเกี่ยวกับเบนจามินสินะ”
“ครับ” แบคฮยอนตอบรับ “เบนจามิน มิสเทอเรียส... เราสันนิษฐานกันว่าเขากลับมาแล้ว”
เดอนีโรลูบเคราแซมสีดอกเลาของตนอย่างครุ่นคิด บรรยากาศที่เคยสงบสุขุมเมื่อสักครู่นี้กลับตึงเครียดขึ้นถนัดตา ลูคัสพอจะเคยได้ฟังเรื่องชายที่ชื่อ เบนจามิน มิสเทอเรียส มาบ้าง มันเป็นชื่อที่เขาไม่เคยรู้จักจนกระทั่งได้มาเป็นมือปราบมาร
“กลับมาแล้วอย่างนั้นหรือ ถ้าเป็นอย่างที่เธอว่า ก็หมายถึงเขาสามารถเอาชนะศาสตร์มืดได้อีกขั้น ซึ่งนั่นฟังดูน่ากลัวทีเดียว” อีกข้อที่ลูคัสเพิ่งได้รู้ก็คือ อาจารย์ใหญ่ที่แสนลึกลับของฮอกวอตส์นั้นมีส่วนเกี่ยวข้องกับมิสเทอเรียส -- หมายถึงจอมมาร อย่างลึกซึ้งทีเดียว “เธอคงคิดว่ามันเกี่ยวกับการหายตัวไปของเพเนโลพีใช่หรือเปล่า”
“อา ครับ คุณพิตต์คาดว่าศาสตราจารย์ก๊อนท์คงเสียชีวิตไปแล้ว”
เพเนโลพี ก๊อนท์ อาจารย์สอนวิชาอักษรรูนโบราณถูกนับเป็นศพที่สามหลังการเสียชีวิตของเอ็ดการ์ วู้ดแมนและโทมัส แองเกน่า เจ้าหน้าที่กระทรวงเวทมนตร์ซึ่งถูกพบศพก่อนหน้า หลังจากนั้นยังมีผู้เสียชีวิตและหายสาบสูญอีกเป็นระยะ ทั้งหมดนี้ค่อยๆ ถูกเชื่อมโยงเข้าด้วยกัน ถึงแม้ว่าจะยังไม่มีผู้พบเห็นการปรากฏตัวของจอมมารก็ตามที
“แล้วคุณพิตต์ก็คาดว่าจะเกิดอะไรขึ้นในงานประลองเวทไตรภาคีอย่างนั้นหรือ”
“เปล่าครับ” แบคฮยอนรีบปฏิเสธ “พวกเราถูกส่งมาเฝ้าระวังตามเบาะแสที่มีเท่านั้น อย่างที่ศาสตราจารย์ทราบว่า เอ่อ การตายของยูนิคอร์นตัวนั้นก็ถือเป็นเบาะแสหนึ่งเช่นกัน”
“โอ้ ยูนิคอร์นตัวนั้น... มันน่าสงสารนะ” เดอนีโรพูดถึงเหตุการณ์เมื่อเกือบหนึ่งปีก่อน ในตอนนั้นทั้งลูคัสและแบคฮยอนเรียนจบออกไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว “ฉันเชื่อว่าคนที่ทำเรื่องนี้คงจะยังมีเมตตาอยู่มาก เช่นนั้นเขาจึงพยายามปฐมพยาบาลให้มันอย่างเต็มที่ก่อนจากไป แต่สัตว์ที่ถูกรีดเลือดออกไปมากขนาดนั้น ต่อให้วิลเฮลมินาจะช่วยยื้อชีวิตเอาไว้ได้ แต่หลังจากนั้นไม่นานมันก็ตายลงอยู่ดี”
“เลือดยูนิคอร์นมีคุณสมบัติในการเยียวยา สามารถรักษาชีวิตเอาไว้ได้ต่อให้ใกล้ตายก็ตาม ฉะนั้นแล้ว เป็นไปได้ไหมครับว่าผู้ที่ลงมือกรีดเลือดมันจะเกี่ยวข้องกับจอมมาร” แบคฮยอนถามความเห็นอย่างตรงไปตรงมา
ลูคัสพยายามปะติดปะต่อเรื่องราวโดยไม่รอให้แบคฮยอนช่วยอธิบายเขาทีหลัง หากเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นในฮอกวอตส์จริง นั่นเป็นไปได้ว่ามีผู้เสพความตายแทรกซึมอยู่ในโรงเรียนหรือเปล่า แต่จะเป็นใครไปได้เล่า อาจารย์หรือว่านักเรียน และการทำเช่นนี้ในฮอกวอตส์นั้นถือว่าอุกอาจมาก ไม่กลัวว่าจะถูกจับได้หรืออย่างไร
“มีความเป็นไปได้อย่างแน่นอน เพราะคุณสมบัติที่ว่านั่นไม่ได้ถูกเผยแพร่ให้รู้โดยทั่วไปหรอกนะ”
“ครับ ผมก็หวังว่าเราคงไม่ได้ด่วยสรุปกันเกินไป”
“เบนจามิน... เขาเป็นคนที่มีความคิดแปลกและน่าหวาดกลัวอยู่เสมอ เหมือนกับตอนที่ฉันช่วยชีวิตเขาโดยการดึงออบสคูรัสออกมา ไม่น่าเชื่อว่าพอโตขึ้น เขาจะพยายามหาวิธีนำมันกลับมาใส่ในตัวอีก”
“ออบสคูรัสหรือครับ?” ลูคัสเผลอโพล่งออกมา เห็นอย่างนั้นเดอนีโรก็อมยิ้มอย่างเอ็นดู
“เด็กๆ เดี๋ยวนี้คงไม่รู้จักออบสคูรัสกันแล้วสินะ มันหาได้ยากมากในสมัยนี้ เพราะเราคิดว่าโลกของผู้วิเศษมันกว้างมากแล้วยังไงล่ะ”
“ออบสคูรัสคือพลังงานด้านมืด” แบคฮยอนอธิบาย “มักจะเกิดขึ้นในพ่อมดแม่มดเด็กที่พยายามกักเก็บพลังเวทมนตร์ของตนเองเอาไว้โดยไม่ใช้มัน ออบสคูรัสจะถูกกระตุ้นด้วยสภาพอารมณ์ของผู้ที่มันสิงสู่ ซึ่งเด็กๆ นั้นมีปัญเรื่องการควบคุมหรือตัดการเวทมนตร์ในตัวอยู่แล้ว และเราเรียกผู้ที่มีออบสคูรัสเหล่านี้ว่า ออบสคูเรียล”
“หมายความว่า... จอมมารก็เคยเป็นออบสคูเรียล?”
เดอนีโรพยักหน้า “เขาสะสมความเจ็บปวดเอาไว้มากมายเชียวล่ะ ก่อนหน้าที่ฉันจะไปเจอและพามายังฮอกวอตส์”
ไม่ว่าใครก็คงนึกไม่ออกว่าพ่อมดชั่วร้ายอย่างจอมมารจะรู้สึกเจ็บปวดได้อย่างไร ทั้งลุ่มหลงในศาสตร์มืดแล้วสังหารคนได้อย่างไร้ความผิดชอบชั่วดีอย่างนั้น
“โลกนี้ไม่มีความดีที่สุดหรือความชั่วที่สุดหรอกนะคุณทิล”
อาจารย์ใหญ่แห่งฮอกวอตส์ว่า
“สิ่งมีชีวิตทุกอย่างล้วนเป็นสีเทา เราแค่ต้องเลือกว่าจะปล่อยให้ตนเองอยู่ในที่สว่างหรือมืดมนก็เท่านั้น”
โอเซฮุนยืนนิ่ง ปล่อยให้สายน้ำเย็นๆ จากฝักบัวรดลงศีรษะ หวังว่าหัวใจจะสงบลงบ้างหลังจากเหตุการณ์เมื่อตอนหัวค่ำ
ทั้งที่คิดเอาไว้ว่าถ้วยอัคนีคงต้องเลือกผู้โดดเด่นที่สุดในชั้นปี ทว่าทุกอย่างกลับตาลปัตร นอกจากตัวแทนของฮอกวอตส์จะกลายเป็นคนที่เขาไม่อยากให้เข้าร่วมมากที่สุดแล้ว มารหัวใจอันดับหนึ่งอย่างปาร์คชานยอลยังกลับมาที่นี่ในฐานะมือปราบมารเสียอีก อย่าว่าแต่เรื่องรักใคร่ที่มีให้สิงโตพยศตัวนั้นเลย เพราะแม้แต่จะลงมือทำกิจอะไรตอนนี้ก็ล้วนตกอยู่ในความเสี่ยงทั้งนั้น
ตรามารบนท้องแขนซ้ายทำให้เซฮุนรู้สึกแย่ทุกครั้งที่เห็นมัน เขาถูกตีตราว่าเป็นคนของจอมมาร ดังนั้นจึงไม่มีทางเลือกใดให้ถอยกลับ แม้ว่าปลายทางที่เล็งเห็นจะแสนมืดมนก็ตามที ผู้ที่กลายเป็นผู้เสพความตายแล้วไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธชะตาชีวิตของตนเอง ไม่เช่นนั้นชีวิตคงหาไม่ หากไม่ถูกตามล่าและฆ่าทิ้งก็มีแต่ต้องคอยหวาดระแวงมือปราบมารตลอดระยะเวลาที่เหลืออยู่
ถ้าไม่ใช่เพราะบิดาสวามิภักดิ์กับจอมมารอย่างสุดตัว และมารดาก็ไม่ต่างอะไรจากตัวประกันในรั้วบ้านแล้วละก็ เขาไม่มีทางยอมดิ่งตัวเองลงหุบเหวไร้ทางออกนี้อย่างแน่นอน
มือขาวซีดจัดการปิดฝักบัวแล้วเช็ดตัวจนแห้ง ก่อนจะสวมเสื้อแขนยาวและกางเกงผ้าก่อนเปิดประตูออกจากห้องอาบน้ำ ไม่มีใครอยู่สนห้องนั่งเล่นแล้ว แม้แต่เตาผิงก็ยังถูกดับสนิท เหลือเพียงแสงสลัวจากเชิงเทียนและความมืดมนอนธการจากทะเลสาบภายนอกหน้าต่าง เซฮุนทิ้งตัวลงนั่งกับโซฟากำมะหยี่ ปล่อยผมเปียกชื้นยุ่งเหยิงไม่เป็นทรงทั้งอย่างนั้น
เขาสงบใจไม่ลง
ภาพสุดท้ายที่ได้เห็นก่อนกลับหอนอนก็คือคิมจงอินถูกรุมล้อมด้วยเพื่อนร่วมบ้านกริฟฟินดอร์จนปลีกตัวไปไหนไม่ได้ ทุกอย่างคงจบลงแค่นั้น ถ้าไม่เพียงแต่ดวงตาของเจ้าสิงโตพยศรังแต่จะมองหาปาร์คชานยอล มิหนำซ้ำชายในชุดเสื้อโค้ตสีแดงคนนั้นยังส่งสัญลักษณ์มือบางอย่าง น่าหงุดหงิดว่ามันเป็นความหมายเฉพาะที่เขาไม่เข้าใจเลยแม้แต่น้อย
โอเซฮุนกำลังกลัวอย่างนั้นหรือ...? ไม่มีทาง คนอย่างเจ้าชายสลิธีรินไม่มีวันตีตนไปก่อนไข้ เกมที่เคยจบมันได้เมื่อตอนปีห้าส่งผลฉันท์ใด ครั้งนี้ปาร์คชานยอลก็ไม่อาจคว้าชัยไปได้ฉันท์นั้น เขาจะทำทุกวิถีทางเพื่อผูกมัดคิมจงอินเอาไว้
ต่อให้ต้องใช้วิธีใด -- ต่อให้ลงท้ายด้วยความเจ็บปวดก็ตาม
“บังเอิญอีกแล้ว”
เสียงหนึ่งปรากฏขึ้นพร้อมกับร่างที่ทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาตรงข้าม เตนล์ เลวิธานอยู่ในชุดนอนลายทางสีน้ำเงินเข้ม ขายกขึ้นนั่งขัดสมาธิ และดวงตาราวกับจิ้งจอกนั่นก็น่ารำคาญทุกทีที่มองมายังเขา เซฮุนไม่มีอารมณ์จะปั้นหน้ารับมือกับเลวิธานตอนนี้ แต่ให้ลุกหนีแล้วขึ้นหอนอนก็คงอดรำคาญเพื่อนร่วมห้องคนอื่นๆ ไม่ได้เหมือนกัน
“เพราะไม่ได้รับเลือกให้ประลองเวทไตรภาคีก็เลยหงุดหงิดอย่างนี้หรือครับ”
“ใช่ ฉันกำลังหงุดหงิดมาก” เขาตอบปัด จงใจบอกให้รู้แต่เนิ่นๆ ว่าตอนนี้กำลังอารมณ์เสียขนาดไหน
“แต่ผมกลับดีใจนะที่รุ่นพี่ไม่ได้รับเลือก” เตนล์ยิ้ม เขี่ยปลายนิ้วไปมาบนที่วางแขน “ก็มันไม่มีประโยชน์อะไรเลยนี่ สู้อยู่ในฐานะผู้ชมแล้วเอาเวลาไปทำอย่างอื่นที่สำคัญไม่ดีกว่าหรือ”
อย่างอื่นที่สำคัญก็คงไม่พ้นภารกิจตามหาล็อกเก็ตของสลิธีรินแล้วส่งมันให้จอมมาร เซฮุนไม่รู้ว่าของของซัลลาซาร์มีไว้เพื่อสิ่งใด ทำไมศาสตราจารย์ก๊อนท์ถึงต้องซ่อนมันด้วยวิธีลึกลับซับซ้อนขนาดนี้ และหากเขามอบให้จอมมารไปแล้วจะเกิดอะไรขึ้น ชายหนุ่มไม่อาจคาดเดาผลลัพธ์ของมันได้เลย
“ฉันขอตัวก่อน”
เซฮุนลุกขึ้นยืน เสยเรือนผมเปียกหมาดๆ ขึ้นพ้นใบหน้า ก่อนจะชะงักเพราะมือขาวซีดถูกใครบางคนรั้งเอาไว้ เจ้าจิ้งจอกน้อยฉีกยิ้ม ไม่ปล่อยให้เขาได้มีเวลาส่วนตัวง่ายๆ เช่นทุกที
“ขอผมไปด้วยได้ไหมครับ?”
“...”
เขาปรายตามองตัวปัญหาแล้วจึงนั่งลงบนโซฟาตัวเดิมอีกครั้ง ถ้าเด็กนี่คิดจะตามติดไปทุกที่ ต่อให้หนีถึงเทือกเขาแอลป์ได้ก็คงไม่มีประโยชน์ บางครั้งโอเซฮุนก็อยากรู้นักว่าทริสตันสั่งสอนอะไรลูกชายตนเองเอาไว้ เตนล์ถึงได้รังแต่จะหาโอกาสเอาตัวเข้ามายุ่งวุ่นวาย ถ้าอยากได้ความดีความชอบจากจอมมารขนาดนั้นละก็ สู้หาล็อกเก็ตสลิธีรินให้เจอเสียเองจะไม่ดีกว่ามาคอยเสนอตัวเป็นมือเป็นเท้าให้เขาหรอกหรือ
“ในหัวของรุ่นพี่คงเอาแต่คิดอะไรยุ่งยากเต็มไปหมด” เซฮุนไม่ชอบให้ใครมาอ่านความคิด เพราะอย่างนั้นถึงได้ฝึกวิชาสกัดใจอย่างเอาเป็นเอาตาย “มันออกมาทางสีหน้าน่ะครับ”
คนแก่กว่าถอนหายใจ “นายต้องการอะไรกันแน่ เลวิธาน”
“ครับ?”
“นายไม่จำเป็นต้องมาหวาดระแวงฉัน ยังไงคนที่มีตรามารก็ไม่พ้นต้องอยู่ใต้เงาของท่านผู้นั้นตลอดไป”
ได้ยินอย่างนั้นคนฟังก็หยุดยิ้ม จมูกรั้นเชิดขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะยื่นเท้ามาแตะลงบนท่อนขาของเขาแล้วเขี่ยไปมาอยากหยอกเย้า
“ทำไมถึงคิดว่ามันเป็นความระแวงละครับ” ดวงตาสีดำคู่นั้นพราวระยับ “จริงอยู่ที่พ่อของผมสั่งมาแบบนั้น แต่ผมก็คิดนะว่าที่ทำอยู่ไม่เห็นจะเหมือนคอยจับผิดตรงไหนเลย”
เท่านั้นเซฮุนก็เข้าใจความนัยผ่านทางภาษากายเหล่านี้ได้ในทันที ใบหน้าหล่อเหลาแค่นยิ้มหยัน ไม่อยากเชื่อว่าทริสตัน เลวิธานที่เอาแต่ชิงดีชิงเด่นกับวิลลิส โอคนนั้น สุดท้ายแล้วจะปล่อยให้ลูกชายตนเองกลายเป็นจิ้งจอกน้อยขาดความอบอุ่นไปเสียได้
“นายมันน่าหัวเราะสิ้นดี”
“น่าหัวเราะ?” เตนล์เลิกคิ้ว จากนั้นจึงยิ้มจนตาปิดแล้วลุกขึ้นเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้า แล้วทิ้งตัวนั่งลงยองๆ ระหว่างขาเพื่อเงยหน้าคุยกับเขาใกล้ๆ “เราคงมีนิสัยเดียวกันมั้งครับ”
“...”
“เพราะรุ่นพี่เองก็ชอบทำเรื่องตลกๆ แบบนี้กับกัปตันบ้านกริฟฟินดอร์คนนั้นไม่ใช่หรือ”
ตอนนั้นเองที่นัยน์ตาของโอเซฮุนเปลี่ยนเป็นเย็นเยียบ ไร้ซึ่งแววหยันเหยียดและรอยยิ้มเสแสร้งเช่นที่มีต่ออีกฝ่ายมาตลอด
เลวิธานจูเนียร์ราวกับไม่รู้สึกรู้สาต่อความกดดันที่โรยตัวลงมาระหว่างทั้งคู่ มิหนำซ้ำยังค่อยๆ ปลดกระดุมกางเกงของเขา รูดซิป แล้วช้อนสายตาขึ้นมองราวกับนี่เป็นเพียงเรื่องตลกบางอย่างเช่นเดียวกับที่ถูกค่อนขอด ริมฝีปากซึ่งเอาแต่พูดเจื้อยแจ้วกำลังเหยียดยิ้ม จากนั้นจึงก้มลงเพื่อทำสิ่งยอดแย่เกินกว่าคุณชายตระกูลโอจะคาดการณ์ได้
“ไม่ต้องห่วงหรอกครับ ผมก็แค่คิดว่ามันน่าสนใจดีเท่านั้นเอง”
เขาสูดลมหายลึก ก้าวเท้าไปตามทางเดินแคบๆ ที่แสนคุ้นเคย ก่อนผ่านพ้นเงามืดและได้พบกับแสงจันทร์ซึ่งส่องลงสู่สนามควิดดิช ครั้งนี้คิมจงอินไม่ได้สวมชุดแข่งหรือมาพร้อมไม้กวาดนิสบัสคู่ใจ มีเพียงเสื้อยืดลายวงดนตรีวิซาร์ดร็อกสวมทับด้วยฮู้ดสีกรมท่าตัวเก่ง และหัวใจซึ่งเต้นแรงขึ้นทุกขณะเมื่อกวาดสายตาไปโดยรอบ ก่อนจะพบใครบางคนนั่งอยู่บนอัฒจันทร์ทางซีกขวา รอการมาถึงของเขาด้วยสีหน้าสงบนิ่ง
นึกย้อนไปถึงไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้ ตอนที่กำลังถูกรุมล้อมด้วยเพื่อนๆ ในบ้านกริฟฟินดอร์หลังจบพิธีประกาศรายชื่อตัวแทน เขาซึ่งไม่สามารถปลีกตัวไปไหน แต่ก็ถูกให้ความหวังโดยคนที่อยู่ในกรอบสายตามาตลอดจนได้
ปาร์คชานยอลยืนมองจากรอบนอกของกลุ่มคน ใกล้กันนั้นคือลูคัสและมือปราบมารชื่อบยอนแบคฮยอนซึ่งกำลังคุยอยู่กับลูโด แบ็กแมน ชานยอลมองตอบราวกับรับรู้ว่าทั้งคู่มีเรื่องที่ควรได้พูดคุยกัน ตอนนั้นเองที่อีกฝ่ายยกมือขึ้นระดับอกแล้วคว่ำนิ้วโป้งชี้ลงพื้น สัญลักษณ์มือที่จะไม่มีใครอื่นเข้าใจ เว้นเสียแต่คนที่คิดค้นมันขึ้นมาอย่างเขาเท่านั้น
จงอินไม่คิดว่าชานยอลจะจำมันได้ในเมื่อผ่านมานานขนาดนี้ การนัดหมายเกิดขึ้นในเสี้ยวนาทีนั้น
‘เฮ้ ชานยอล ถ้าฉันส่งซิกซ์มือแบบนี้เมื่อไร หมายความว่าให้ไปเจอกันที่สนามควิดดิชหลังเลิกเรียนต่อให้ไม่มีซ้อม เข้าใจตรงกันนะ’
สัญลักษณ์มือเช่นนี้ถูกใช้ส่งสารถึงกันหลายต่อหลายครั้ง แม้ว่าทั้งสองจะอยู่ห่างกันคนละฟากตึก หรือเป็นตอนที่ปาร์คชานยอลกำลังรวมกลุ่มอ่านหนังสือกับเพื่อนฝูงร่วมชั้นปีโดยที่เขาไม่ควรเข้าไปกวนก็ตาม พอมันถูกรื้อฟื้นโดยคนที่จงใจตัดขาดความสัมพันธ์คนนั้น จงอินก็แทบห้ามความรู้สึกตื่นเต้นเมื่อต้องหยุดยืนตรงหน้ามือปราบมารหนุ่มไม่ได้
ชานยอลดูโตขึ้นกว่าหนึ่งปีก่อนมาก มากจนคิมจงอินไม่รู้จะทำตัวอย่างไรขึ้นมา
“เป็นยังไงบ้าง”
“ตอนนี้ฉันอยากต่อยนายสุดๆ ไปเลย” เขาพูดทั้งที่ยังยืนค้ำหัว ถึงจะไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ในตอนนั้นต้องจบลงเพราะเหตุผลใด แต่จงอินก็ไม่คิดว่าจะมีใครยอมปล่อยมันไว้อย่างนั้นแล้วขาดการติดต่อไป อีกทั้งพอปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าแล้วกลับทักกันด้วยน้ำเสียงสบายๆ อย่างนี้อีก
คนถูกขู่ได้แต่หัวเราะเบาๆ มือล้วงเข้าไปในกระเป๋าเสื้อโค้ตแล้วหยิบบุหรี่ออกมาจุดสูบ
“ต่อยสิ” เสียงทุ้มว่า ราวกับไม่ยินดียินร้ายหากต้องถูกเขาเหวี่ยงหมัดใส่จริงๆ
ใบหน้าหล่อเหลาของอดีตกัปตันดูผ่อนคลายเมื่อได้พ่นควันออกจากปาก น่าหงุดหงิดเสียจนจงอินออกแรงกระชากเสื้อโค้ตสีแดงแล้วเงื้อกำปั้นขึ้นเหนือศีรษะ กัดฟันกรอดใส่เจ้าของดวงตาสีดำสนิทซึ่งสบตากลับอย่างตรงไปตรงมา จะด้วยความโกรธเกรี้ยวที่ถูกตัดสัมพันธ์โดยไม่รู้เหตุผลหรือความน้อยใจที่อีกฝ่ายไม่เห็นค่าความพยายามของเขาก็ดี แต่น่าโมโหยิ่งกว่าในตอนนี้... คิมจงอินลืมความรู้สึกด้านลบเหล่านั้นไปจนเกือบหมดสิ้นแล้ว
“นายมันงี่เง่าสุดยอด”
ลงท้ายก็ทำได้แค่ต่อยเข้าเบาๆ ที่ช่วงไหล่แต่ก็ถูกมือใหญ่คว้าเอาไว้ “นายพูดถูก ฉันมันงี่เง่า”
เขาเม้มปากจนเป็นเส้นตรง ทำตัวไม่ถูกเมื่อคนตรงหน้ายอมรับทุกข้อกล่าวหาโดยไม่แม้แต่จะปฏิเสธ ชานยอลทิ้งมวนบุหรี่ ก่อนออกแรงดึงมือของเขาเพื่อรั้งให้เข้าไปใกล้ขึ้น หากหนึ่งปีก่อนระหว่างทั้งคู่เต็มไปด้วยความอ่อนหวานอันน่าอึดอัด จงอินก็คิดว่าบรรยากาศของปาร์คชานยอลในตอนนี้ได้เปลี่ยนไปแล้วโดยสิ้นเชิง
“แต่ตอนนี้คงไม่ขี้แพ้อย่างนั้นอีก”
“พูดอะไรของนาย” จงอินกลบเกลื่อน ก่อนดึงมือของตนออกจากการกอบกุมเพื่อทำลายบรรยากาศแปลกๆ ในตอนนี้ก่อนที่ความรู้สึกเก่าๆ จะถูกรื้อฟื้นขึ้นมา เขาจำได้ดีว่ารสจูบของชานยอลเป็นอย่างไร จำได้แม้กระทั่งไออุ่น อ้อมกอด หรือแม้แต่ความเย็นชายามที่ทุกอย่างจบสิ้นลงโดยไม่มีเหตุผล
ทุกอากัปกริยาของกัปตันทีมควิดดิชบ้านกริฟฟินดอร์คนปัจจุบันตกอยู่ในสายตาของมือปราบมารหนุ่มทั้งหมด ทว่าชานยอลไม่ได้แสดงแม้แต่แววตาเจ็บปวด โหยหา หรือเอาแต่ใจออกมาให้เห็นแม้แต่น้อย กลับกันแล้วอีกฝ่ายหยัดตัวลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ยีศีรษะเขาเบาๆ ก่อนจะแย้มยิ้มที่ทำให้คิมจงอินนึกถึงอดีตครั้งยังเป็นเพื่อนกัน น่าแปลกที่อยู่ดีๆ ความอึดอัดเมื่อสักครู่ก็คลายตัวลงอย่างเหลือเชื่อ
“เดี๋ยวฉันต้องไปเขียนรายงานส่งกระทรวง นายเองก็พักผ่อนได้แล้ว ช่วงนี้คงรับศึกหนักหน่อย สู้เข้าแล้วกัน”
พอถูกทำอย่างนี้หลังจากห่างหายมานาน นักเรียนปีสุดท้ายอย่างคิมจงอินก็เขินจนหูเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำขึ้นมา เขาแสร้งปัดมือคนตรงหน้าออก ก่อนจะทำเป็นยืนล้วงกระเป๋ากางเกง วางท่ากัปตันทีมคนปัจจุบันอย่างน่าหมั่นไส้
“ฉันไม่ใช่เด็กที่จะให้นายลูบหัวแล้ว ห้ามทำแบบนี้อีก”
ครั้นพูดใส่เช่นนั้น ปาร์คชานยอลก็กลั่นแกล้งเขาด้วยการวาดวงแขนกอดคอแล้วขยี้เรือนผมจนยุ่งเหยิง จงอินหลุดหัวเราะอย่างที่ไม่ได้เป็นมาเนิ่นนาน คล้ายว่าอยู่ดีๆ ความรู้สึกบางอย่างก็ปลดล็อกตนเองได้ในที่สุด ความฝันว่าอยากจะได้รุ่นพี่ที่แสนดีกลับคืนมากลายเป็นจริงแล้ว
ชีวิตปีสุดท้ายในฮอกวอตส์คงไม่แย่นัก
คิมจงอินคิดเช่นนั้น ก่อนที่เรื่องราวจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไม่อาจหวนกลับ
-------------------------------------------
แหะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ชอบไม่ชอบยังไง คอมเมนท์หรือติดแท็กเป็นกำลังใจให้กันได้ที่ #เรดสนิช ค่ะ
ไม่เห็นจะหล่อเลย ผู้ชายในชุดมือปราบมารอะ
ความคิดเห็น