ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    SEHUN X YOU SO WHAT?

    ลำดับตอนที่ #14 : SO WHAT? CHAPTER 13

    • อัปเดตล่าสุด 9 ม.ค. 58


     

     

    SO WHAT?

     

     

     

    CHAPTER 13

     

     

     

        “นายจะมาเดินตามพวกเราทำไม”

         ด้านหน้าฉันคือชานยอลซ้ายขวามีแจฮยองและแบคฮยอนส่วนด้านหลังไอ้ลู่เดินตามอยู่โอเคฉันอยู่ตรงกลางและมีเซฮุนเดินถอยหลังมองฉันไม่หยุดอยู่หน้าชานยอลใบหน้ามีแผลเช่นเคยแต่มันทำสงสัยตรงที่ว่าไอ้ลู่ก็ไม่ต่างกันหน้าสวยๆของลู่หานมีรอยซ้ำและมุมปากแตกฉันเลิกสนใจคนด้านหลังแล้วหันมามองสองคนที่อยู่ด้านหน้าแทน

     

        ไม่รู้ว่าเซฮุนมันเป็นอะไรถึงตามพวกเราตั้งแต่เช้าถึงเย็นไม่คิดจะเข้าเรียนเลยหรือยังไงฉันไม่ได้รู้สึกอะไรเลยจริงๆนะ เฉยๆ

    “จะคุยกับแฟน หลบหน่อยเถอะ”

    “ยู...คุณเซฮุนพูดว่าอะไร” ฉันหันไปหาแจฮยองที่ทำหน้าตาใสซื่ออันน่ารำคาญมองมาที่ฉันส่วนแบคฮยอนน่ะหรอนิ่งมาก...

    “อย่างที่ได้ยิน”

    “เธอเป็นแฟนกับมัน แล้วมันเป็นแฟนกับใครบ้างวะ” ลู่หานพูดอยู่ด้านหลังฉันไม่ได้หันไปมองแต่อย่างใดส่วนคำพูดของเขาฉันไม่แยแสเท่าไหร่จะเป็นแฟนกับใครมันก็เรื่องของเขาแต่ถ้าฉันเป็นแฟนเขามันก็เป็นเรื่องส่วนตัวของฉันจะอธิบายอะไรนัก

    “เธอโกรธอะไรฉันนักหนาวะยู”

     

        ลู่หานหายไปแล้วเซฮุนดึงแขนฉันให้หันมาพูดกับเขาฉันหยุดเดินชานยอลจะเดินเข้ามาแต่ถูกแจฮยองจับแขนไว้ก่อนฉันหันไปมองเซฮุนที่เริ่มกำแขนแน่นขึ้นจนรู้สึกเจ็บไปหมดหมอนี่พาลวะและฉันรำคาญเขาสุดๆชอบนักหรือไงการเป็นเป้าสายตาอย่างนี้ยิ่งอยู่ใต้ตึกคณะตัวเองแล้วด้วย...พลังการอยากรู้อยากเห็นเต็มไปหมด

    “ปล่อยยูซะไอ้เซฮุนพวกกูมีเรียน”

    “เรื่องของกูกับเธอเงียบหน่อยได้ไหม ที่ถามน่ะตอบมาดิ” เขาหันไปพูดกับชานยอลและหันมามองฉันอย่างคาดคั่นต่อ

     

        ตั้งแต่วันนั้นฉันก็กลับไปอยู่บ้านไม่มีทางที่หมอนี่จะกล้าโผล่เข้าไปส่วนโทรศัพท์ฉันไม่มีเพราะฟาดทิ้งไปแล้วเราเจอกันเพียงแค่ที่มหาลัยฉันไม่ได้คุยไม่ได้หลบเซฮุนเจอหน้ากันตามปกติบางครั้งวันสองวันแรกเขาไม่คุยกับฉันด้วยซ้ำแล้วใครจะสนละ

     

        อยู่ดีๆฉันก็เกิดความรู้สึกลึกๆบางอย่างว่าไม่ควรมาเล่นเกมที่คิดขึ้นเพื่อล้างแค้นที่เขาทำไว้กับฉันไว้ในตอนนั้นทุกอย่างมันควรจะจบลงก่อนที่เซฮุนหรือฉันจะถอนตัวไม่ขึ้นยิ่งเขาเริ่มดีกับฉันเท่าไหร่ฉันก็ยิ่งอยากให้เกมแก้แค้นเขาจบลงให้เร็วที่สุด

    “เลิกกัน”

    “อะไรนะ”

    “เราจะเลิกกัน ตอนนี้” เขาปล่อยมือที่กำข้อมือฉันไว้ออกแล้วทำเหมือนจะพุ่งใส่กันแต่ถูกแบคฮยอนวิ่งมาฉุดรั้งไว้ก่อน

     

        เซฮุนเหมือนคนใบ้ไปแล้วใบหน้าเขาแดงก่ำกัดฟันแน่นแน่นอนว่าเป็นใครก็โกรธทั้งนั้นแบคฮยอนเริ่มกอดเซฮุนไว้แน่นฉันจึงเหยียดยิ้มแล้วมองไปที่เซฮุนแบบเย้ยหยันก่อนจะจิกเล็บตัวเองลงกับฝ่ามือเพื่อกลั้นความรู้สึกบางอย่างไว้

    “ที่ผ่านมาคืออะไร” เสียงที่เอ่ยจากริมฝีปากเขาเหมือนมันปกติ เราเพิ่งคบกันนะฉันจำได้มีช่วงเวลาดีๆอยู่ช่วงหนึ่งคือที่บ้านย่าหมอนี่

    “ที่ผ่านมาคือ...ฉันกำลังฆ่านายตามที่เคยบอกเมื่อคืนนั้น” ฉันพูดออกไปตามความรู้สึกแรกที่ต้องการเข้าใกล้เขา

    “แบบนี้ไม่เรียกว่าฆ่าหรอกยู...” เซฮุนเริ่มนิ่งแต่สองคนก็ยังล็อกไหล่เขาไว้อยู่เขาแสยะยิ้มพูดกับฉันพร้อมกับทำหน้าเหมือนผิดหวัง  “เขาเรียกว่าทำร้าย”

    “เซฮุน...”

    “มีอะไรจะเอาคืนอีกไหม”

    “นายไม่รู้อะไร” ฉันปัดมือแจฮยองที่อยู่บนไหล่ออกแล้วหันไปมองเขาที่ใบหน้าแดงไปหมดฉันเห็นบางอย่างที่ออกมากจากตาเขามันหยดลงเรื่อยๆ

    “ฉันไม่รู้อะไร”

    “นายไม่รู้สิ่งที่คนอื่นเขารู้ว่ายังไงซะ...” ฉันก้าวเข้าไปใกล้คนที่เริ่มจะหมดแรงก่อนจะจับที่คางเขาให้มองมาที่ดวงตาของฉัน “คนเป็นก็เจ็บกว่าคนตาย”

    “...”

    “ใครก็รู้เรื่องอย่างนี้ แล้วฉันจะฆ่านายให้ตายทำไม”

    “...”

    “...เจ็บเหมือนที่ฉันเคยเจ็บหรือเปล่า”

    “...”

    “ทรมานไหม”

    “...”

    “ได้เท่าครึ่งฉันไหม”

     

        ฉันเดินออกมาจากพวกเขาแล้วตรงไปรถของตัวเองที่จอดอยู่ลานจอดรถคณะนิติศาสตร์สังเกตได้ว่าแจฮยองวิ่งตามมาอยู่ฉันจึงรีบเข้าไปด้านในและขับออกมาทันทีไม่หันไปมองไม่ต้องสนใจใครทั้งนั้น

        ฉันทำร้ายเขาสำเร็จก็ควรจะสะใจสิว่าไหม?

    “ฉันจะไม่มีวันร้องไห้แม้มีใครตายก็ตาม!

    “จะ จะ ไม่มีวัน”

     

     

        ฉันต้องกลับไปหาพ่อไปทะเลาะแล้วเล่าให้เขาฟังว่าฉันทำสำเร็จแน่นอนว่าเขารู้ทุกอย่างเทาไม่มีวันปิดบังเขาเป็นลูกน้องที่ซื่อสัตย์เสมอมันทำให้ฉันคิดได้อยู่ช่วงหนึ่งที่พวกเขาไม่ติดต่อฉันมาสักคนตอนนั้นพ่อรู้เรื่องและกำลังโกรธมากๆแต่ท้ายที่สุดก็ปล่อยให้แก้ปัญหาเองโดยที่มีแบคฮยอนอยู่ข้างๆแต่การแก้ปัญหาของฉันมันต้องพังความรู้สึกคนๆหนึ่ง

        ฉันเห็นว่าเขาร้องไห้ต่อหน้าคนอื่นโดยที่ไม่อายด้วยซ้ำ...

     

      

     

    “พ่อ!

    “...ก่อเรื่องอะไรมาอีก” เพราะการได้อยู่ด้วยกันมากขึ้นทำให้ฉันยอมรับในบางส่วนของท่านได้และฉันก็เคยพยายามทุกวันว่าให้เขาเลิกทำอาชีพนี้แต่ก็นิ่งและปล่อยไปเหมือนคำที่ฉันร้องขอเป็นเพียงแค่ลม “หน้าแดง”

    “พ่อ!

    “เรียกแล้วไม่พูด” ฉันกลืนน้ำลายลงคออยู่ต่างหากและ ฉันโอเคดี...

    “พ่อ!

    “อะไรของเธอ เป็นอะไรตัวสั่น”เขาเดินมาจับไหล่ฉันไว้สองมือบีบเบาๆและฉันกำลังจะบ้าภาวนาให้มือนั้นไม่ลูบที่หัวหรือเส้นผม “ยู หน้าแดงไปหมดแล้ว เป็นอะไร”

    “เลิกทำอาชีพนี้ได้ไหม ขอ...” และฉันก็ไม่ละความพยายามที่จะพูดเรื่องนี้เมื่อเจอหน้าเขาอีกครั้ง

     

        เงียบ คือ คำตอบซ้ำๆของคำถามนี้เขาจูงมือฉันแล้วเดินเข้าบ้านก่อนจะเดินไปที่ห้องทำงานพ่อปล่อยมือฉันแล้วกดรหัสเซฟของตัวเองเอากล่องที่เหมือนเหล็กมาให้ฉันแล้วกดรหัสที่มุมขวาด้านบนก่อนจะกลับไปนั่งมองฉันนิ่งๆอยู่บนเก้าอี้ทำงาน

     

        ฉันเดินไปนั่งที่โซฟาแล้วค่อยๆเปิดมันออกมีกระดาษแข็งตราสัญลักษณ์ของหน่วยงานหนึ่งมีบัตรประจำตัวเยอะไปหมดเป็นรูปของลูกน้องพ่อทุกคน

    “ต้องทำทุกอย่าง ถึงมันจะผิดก็ตาม”

     

        ฉันวางมันลงแล้วเก็บใส่กล่องเหมือนเดิมก่อนจะเดินเอาไปใส่ตู้เซฟไว้แล้วกดปิดฉันได้ยินเสียงล็อกอัตโนมัตแล้วกลับไปนั่งที่เดิมพ่อเดินมาหาฉันนั่งลงข้างๆแล้วยื่นปืนที่แบคฮยอนเคยขโมยมาให้ฉันเหมือนเดิม

    “คนอย่างฉันไม่ควรมีครอบครัวด้วยซ้ำ เธอถึงเป็นอันตรายอยู่อย่างนี้”

    “แล้วทำไมถึงเพิ่งอยากให้รู้” เขาน่าจะบอกฉันได้นี่ฉันยังเป็นลูกสาวท่านอยู่หรือเปล่า

    “ก็โตแล้ว...” ฉันว่ามันเป็นข้ออ้างมากกว่า “ดูแลตัวเองให้ดีๆละ”

    “แล้วรู้ไหมว่าใครมันจะมาจับตัวไปตอนนั้น”

    “รู้...” แววตาพ่อดูสั่นไหวเขามองไปที่ปืนบนตักฉันแล้วจ้องมองเหมือนเดิม “มันเป็นข้อเสนอธุรกิจพอสืบได้ว่ามีลูกสาวที่สวยแต่ตัวเลยยื่นความสัมพันธ์มาให้แต่ไม่คิดว่าแค่ปฏิเสธพวกมันจะทำถึงขนาดนี้”

    “แลกกับฉันหรอ”

    “ใกล้เคียงมั่ง” ตอบแบบเข้าใจยากอย่างนี้ ถ้าไม่ใช่ฉันคงฟังไม่รู้เรื่อง “แต่งงานกับมันที่แก่ขนาดนั้นใครจะยอม ลูกก็มีแฟนอยู่แล้วด้วย แล้วเป็นยังไงกับเซฮุนนอกเรื่องมานาน” แค่มองตาฉันเขาก็รู้ไปถึงลำไส้เลยหรอไงพ่อคนนี้

    “เลิกกันเมื่อสี่สิบนาทีทีแล้ว” ฉันหันไปมองพ่อที่ทำหน้าดุๆใส่ฉันอยู่เขารู้ว่าฉันจะทำอะไรเสมอเหมือนอ่านใจกันออก

    “แล้วเซฮุนเป็นยังไง”

    “...” เดือด...เกือบจะฉีกฉันเป็นชิ้นๆแค่นั้นเอง

    “แล้วยูเป็นยังไง...” พ่อถอนหายใจแล้วมองหน้าฉันก่อนจะนั่งจ้องฉันอีกครั้งเมื่อกี้พ่อถามว่าฉันเป็นยังไงหรอ...

    “ปกติดี...” ฉันบอกแล้วว่าโอเค...สวยและรวยเหมือนเดิม

    “หรอ ที่ตัวสั่นมาเมื่อไม่กี่นาทีที่แล้วก็เพราะเสียใจ...อย่างนั้นไม่เรียกปกติหรอกนะ” ฉันไม่ได้เสียใจสักนิดทำไมผู้ใหญ่ชอบคิดไปเอง

    “อย่ามาทำเป็นรู้ดี...” ฉันมองหน้าพ่อที่หยิบรูปแม่มาบังหน้าตัวเองไว้มันเป็นภาพที่ท่านกำลังยิ้มแม่เหน็บผมที่ใบหูและมองกล้อง

    “ทำไมถึงเลิกกันละ”

    “เอาคืนไง! สะใจดี” ฉันตะโกนใส่พ่อแต่มีรูปแม่บังหน้าเขาอยู่นี่สิบ้าซะมัด “สะใจไง”

    “แล้วน้ำตาไหลทำไม แสบตา ฝุ่นเข้า หรือคอนแท็คบาดตา” มันไหลเพราะรูปแม่ต่างหากพ่อมั่วซะมัดฉันลุกเดินมาที่ประตูพ่อก็ยังทำเหมือนเดิม

    FBI กาก”

    “ยัยยู!” พ่อเอารูปออกทันทีฉันจึงวิ่งไปหยิบปืนแล้ววิ่งออกจากห้องทำงานปล่อยเขาไว้ไม่ใช่แค่ฉันที่น้ำตาไหลหรอกอีกคนก็ไม่แพ้กันไม่งั้นฉันจะด่าทำไม

     

     

     

     

     

        ฉันนอนคิดโปรเจ็คและเปิดการ์ตูนมินเนียนดูไปด้วยลู่หานแนะนำให้ฉันดูลายเส้นซึ่งไม่เกี่ยวกันเลยสักนิดลายเส้นบ้าอะไรมันจะดูรู้เรื่องฉันหันไปมองคนข้างๆที่นอนอยู่บนเตียงเสียบสายหูฟังนอนร้องเพลง...

    “นี่คือเหงานี่แหละเหงา นี่คือความจริงที่ได้เจอ...เจ็บปวดทรมานลึกลงข้างในใจ...”

    “ลู่หาน!!!

    “ฮะ!!” ด่าเลยดีไหม...บ้านไม่กลับมาสิงแต่ที่นี่คิดว่ามันเป็นสวรรค์หรือยังไง ลู่หานดึงสายหูฟังออกแล้วนอนคว่ำเหมือนฉันก่อนจะมองไปที่จอโน๊ตบุ๊คก่อนจะหัวเราะออกมา “ฮี่ๆๆ”

    “มันชื่ออะไรอะ”

    “เอวิลมินเนี่ยน”

    “น่ารักดี” มันตบลงที่หัวฉันจนหน้าทิ่มที่นอนก่อนจะชี้ไอ้ตัวสีเหลืองๆแทนแค่ชมว่าไอ้ตัวสีม่วงมันน่ารักถึงกับตบหัวฉันเลยหรอวะ

    “น่ารักกับผี มึงดูทรงผมโคตรโลวคลาสอ่ะ”

    “แนวๆโว๊ย” ฉันตบกลับคืนแต่มันก็ไม่แยแสกลับมองไปที่การ์ตูนเหมือนเดิม

    “แนวหรอ...เหมือนผมแฟนมึงเลยเซฮุนอ่ะ แสกกลางฟูสัส”

    “...” ฉันผลักโน๊ตบุ๊คไปให้ลู่หานแล้วห่มผ้านอนก่อนจะกดเปิดแอร์ -12 ฉันชอบอากาศหนาวๆแต่ไอ้คนข้างๆน่ะหรอแค่ถูกฝนก็เป็นหวัดโหดซะเปล่า

    “กูต้องโทรหาสักหน่อยว่าเจอแฝดมัน”

     

         แล้วแต่จะพูด...ไม่ขี้เสือกแล้วหรือไงลู่หานหายไปตอนที่ฉันบอกเลิกเซฮุนและอาจจะรู้หรือไม่รู้แต่แค่เขาไม่พูดมันออกมาอาจจะกำลังแสร้งทำเหมือนเดิมก็ได้ฉันมองโลกในแง่ร้ายเลยไม่รู้จะเดายังไง...

    “ไงมึงกูเจอแฝดมึง หล่อสัส มินเนี่ยนสีม่วงอ่ะ”

    “เชี่ยไร แดกเหล้า กูถือศีลอยู่โทษทีว่ะ”

    “เมาก็กลับเองสิครับ อะไรนะ อ้ออยู่บ้านยัยนรก”

    “ทำไมกูจะมาไม่ได้ กูพี่มันนะ หลับแล้วจะคุยได้ไง ทำไมจะอยู่ไม่ได้”

    “นอนกับมันไงอิจฉาหรือมีปัญหา นี่น้องกูสัส”

    “หวงให้ถูกเวลาหน่อย พี่ไม่แท้แล้วหนักหัวมึงหรอ”

    “กูเกลียดมึงไง ทำไมไอ้ขี้เหล่ ถือศีลโว๊ยไม่แดก แค่นี้แหละไม่เดี๋ยวด้วยหรอก”

     

    “แฟนกินเหล้า ไม่รู้ว่าไปอ่อยสาวอยู่หรือเปล่า” 10 องศา

    “แล้วไง” ฉันลุกนั่งแล้วกดอุณหภูมิในห้องให้ลดลงกว่าเดิมฉันรู้สึกร้อนและอยากจะเผาตัวเองซะมัด

    “ไม่ไปตามหน่อยหรอวะ” 13 องศา

    “ง่วง” ฉันล้มตัวนอนอีกครั้งก่อนจะกดปิดไฟหัวเตียงปล่อยให้มันพูดอยู่คนเดียวนี่แหละ

    “เต้นยั่วใครอยู่หรือเปล่า หรือคืนนี้อาจมีต่อ และลงเอ่ยที่ตื่นมาบนเตียงเดียวกัน”

    “....” 25 องศา

    “จูบกับคนอื่นอยู่มั่งเนี่ยเสียง อื้อๆ อ่าๆ หรือทำกิจกรรมกันอยู่”

    “...” 50 องศา

    “หรืออาจจะ...”

    “ทำไมมึงไม่ไปตามเองละไอ้เวร! มาบ่นทำไม! รำคาญ!!” ฉันไม่ได้เป็นอะไรกับเขาสักหน่อยตามทำไมยิ่งพ่อบอกให้ดูแลตัวเองดีๆด้วย

    “กูพูดคนเดียวเถอะจะฟังทำไม” แต่เสียงที่มันพูดคือกรอกอยู่ที่ใบหูฉันไง

    “แล้วแต่มึงเลย!

    “งี่เง่า ตะโกนหาพ่อมึงหรอ” และฉันก็นอนฟังเสียงไอ้การ์ตูนมันฝรั่งจนรู้สึกหนังตาจะปิด

     

     

     

     

        บอกว่ามาดูการ์ตูนเป็นเพื่อนพอตื่นมาลู่หานก็นอนอยู่ข้างๆฉันไปใช่ตัวแต่เป็นเท้าของมันก่ายอยู่ที่หน้าท้องฉันส่วนหัวอยู่ที่ปลายเตียงไม่ยากเท่าไหร่ถ้าจะถีบมันลงฉันกระตุกเท้าเบาอีกคนก็กองไปอยู่ที่ข้างเตียงด้านล่างแล้วแต่ก็ยังไม่ตื่นก็แล้วแต่มันเถอะ

        ฉันอาบน้ำแต่งตัวแล้วเดินมากินข้าวกับพ่อและไม่มีรถขับพ่อฉันบอกว่าเอาไปขายจะซื้อให้ใหม่กลัวว่าใครจะตามและมีหนุ่มหล่อมาส่งฉันที่คณะ

    “ขอบคุณค่ะเทา”

    “แล้วโทรเรียกนะครับถ้ากลับ” ฉันพยักหน้าแต่ในใจลึกๆไม่คิดว่าเขาจะให้ฉันเรียกด้วยซ้ำไม่เชื่อว่าเทาจะกลับไปเขาต้องตามฉันอยู่ห่างๆแน่อีกอย่างไหนจะแบคฮยอนหมอนั้นบอกว่ามันยึดคอนโดฉันแล้วไม่ต้องไสหัวไป

    “ยู สวัสดี จำฉันได้ไหม”

        ฉันไหน...? หมอนี่เป็นไรมากกว่าภาษาเกาหลีเขาเปล่งๆและดูเหมือนไม่ใช่คนเกาหลีเท่าไหร่อาจจะมาจากต่างจังหวัด

    “ที่อยู่กับลู่หานวันนั้นตอนเธอยิงคนไง” ใช่ไอ้คนที่บอกมาเฟียพวกนั้นว่าเป็นฉันสินะ

    “มีอะไร”

    “พูดกับรุ่นพี่ดีๆหน่อยสิ” ฉันว่าตัวเองต้องทำหน้าเบื่อโลกอยู่แน่เพราะคนตรงหน้าดูจะไม่พอใจเอาซะเลย “ฉันอยู่ปีสี่ชื่อจงอิน คณะวิศว”

    “มีห่าอะไรก็รีบพูดมาเหอะ รำคาญ”

    “นี่เธอ...” เขากัดปากตัวเองแล้วชี้หน้าฉันก่อนจะลดมือลงแล้วยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งมาให้ฉันดู “โอเค...เข้าเรื่องพวกเราสนใจโครงการที่เธอช่วยคิดให้ลู่หานและอยากให้ไปกับพวกเราในฐานะที่ปรึกษาโครงการตามคำสั่งของ...เอ่อไม่มีคำสั่งใครหรอกแค่เธอไปกับพวกเราก็พอ”

    “ไปก็ไป แล้วไม่มีเรียนหรือไงมาเดินพล่านอยู่แถวนี้” ฉันก็กะจะไปตั้งแต่แรกแล้วด้วยไม่คิดด้วยซ้ำว่าตัวเองจะคิดอะไรดีๆกับเขาก็เป็น

    “ตกลงไปใช่ป่ะ” ฉันพยักหน้าให้เขาที่ยิ้มอยู่

    “เออ”

    “วันพุธ เก้าโมงตรงขึ้นรถหน้าอาคารกิจการนักศึกษาช้าก็จะรอเข้าใจนะ” พูดเหมือนขู่พอหมอนี่ยิ้มเท่านั้นแหละเข่าฉันแทบทรุดมันดูแบดและหล่อในคราวเดียวกันวะ

    “นายชื่ออะไรนะ”

    “จงอินครับ เรียกว่าพี่ด้วยยัยโหด” ตลกเกินไปแล้วฉันผลักหน้าหมอนี่ออกให้พ้นทางแล้วเดินไปที่โรงอาหารแจฮยองคงอยู่ที่นั้น

     

        เลิกกับแฟนจำเป็นต้องขาดเรียนไหม...ฉันขาดแค่สองวันดูมินเนียนกับลู่หานตั้งแต่เช้ายันนอนเท่านั้นเอง

     

     

     

     

     









     

     

     

        

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×