คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #139 : Mouryou no Hako ใครถูกโมเรียวสิง?
พูดตามตรงครับตอนแรกผมไม่คิดอยากจะอ่านมังงะ Mouryou no Hako ด้วยซ้ำ เพราะว่าหน้าปกไม่ชวนให้อยากอ่านเลย ตอนแรกผมก็นึกว่าแนวปราบผีกากๆ ด้วยซ้ำ แต่ปรากฏว่าด้วยความโง่หรือความผิดพลาดอะไรก็เถอะ ผมดันหยิบมังงะดังกล่าวติดมือมาด้วย ทำให้ผมจำเป็นต้องอ่านอย่างช่วยไม่ได้(เพราะความเสียดายเงิน) แต่เมื่ออ่านเท่านั้นแหละ “สุโค่ยเว้ย!!” เพราะมันไม่ใช่แนวปราบผีกากๆ หากแต่มันเป็นแนวสืบสวนสอบสวนที่เนื้อหาซับซ้อนและดีที่สุดเรื่องหนึ่งเลยทีเดียว!!
Mouryou no Hako
สืบสวนสอบสวน เหนือธรรมชาติ
Mouryou no Hako เป็นการ์ตูนสร้างนวนิยายแนวสืบสวนสอบสวนและเหนือธรรมชาติ ผลงานของ นัตสึฮิโกะ เคียวโกขุ(Natsuhiko Kyogoku) เขียนในปี 1995 ซึ่งนิยายดังกล่าวเนื้อหาลึกลับซ่อนเงื่อนและน่าติดตามมาเป็นอย่างมาก จนได้รับความนิยม ถูกไปสร้างเป็นภาพยนตร์(2008) อนิเมชั่น(2008 โดยค่าย Madhouse) และล่าสุดคือมังงะวาดโดย Shimizu Aki(2077) โดยการ์ตูนดังกล่าวใช้คำว่า กล่องและโมเรียวซึ่งเป็นทั้งนามธรรมและรูปธรรมมาเป็นคีย์เวิร์ดในการดำเนินเรื่อง
มันเริ่มขึ้นเมื่อชายปริศนาคนหนึ่งกำลังนั่งรถไฟเที่ยวกลับบ้านไปงานศพของคุณยาย ระหว่างทางเขาเกิดงีบและหลับลงชั่วขณะ พอเขาตื่นขึ้นมาสิ่งที่เขาเห็นข้างหน้าคือชายลึกลับคนหนึ่งปรากฏมานั่งเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับเขา ในมือชายคนดังกล่าวถือกล่องขนาดใหญ่ลักษณะแปลกใบหนึ่ง ชายคนลึกลับคนนั้นท่าทางแปลกประหลาดเพราะตลอดทางเขาเอาแต่พูดตอบโต้กล่องอย่างเดียว ประมาณว่า “เดี๋ยวจะถึงทะเลแล้วนะชอบไหม” จากนั้นก็มีเสียงตอบประหลาดจากในกล่องดังขึ้น จนชายปริศนาเกิดสนใจ ชายลึกลับดังกล่าวสังเกตเห็นจึงยิ้มพร้อมตอบว่า “สนใจข้างในกล่องหรือครับ” และเขาก็เปิดกล่องให้ชายปริศนาคนนั้นดู
ปรากฏว่าข้างในกล่องนั้นเป็นตุ๊กตาผู้หญิงไร้แขนขา หากแต่สิ่งที่เขาตกตะลึงก็คือปากตุ๊กตาผู้หญิงดังกล่าว สามารถขยับปากและพูดเป็นภาษามนุษย์ได้
“มันมีชีวิต!!”
และเหตุการณ์ดังกล่าวได้เปลี่ยนชีวิตชายปริศนาโดยสิ้นเชิง เขายังไม่ลืมความหลงใหลกล่องและตุ๊กตาผู้หญิงในเหตุการณ์รถไฟในวันนั้น อยากได้มัน เขาต้องทำทุกอย่างเพื่อให้ได้เป็นเจ้าของกล่องใบนั้น แม้จะด้วยวิธีใดๆ ก็ตาม...............
(ปล. ชายปริศนาในอนิเมชั่น ใช้เจ้าแว่นเซคิกุจิมาเป็นตัวแทน เนื่องจาก ในอนิเมชั่นได้นำเสนอว่าเหตุการณ์ชายปริศนาดังกล่าวเป็นเนื้อหาในนิยาย “เด็กสาวในกล่อง” โดยเซคิกุจิได้อ่านเรื่องดังกล่าวโดยใช้ตัวเองมาแทนตัวเอกในเรื่อง)
และนั้นเป็นจุดเริ่มต้นของคดีฆาตกรรมต่อเนื่องที่สยดสยอง และโศกนาฏกรรมในเวลาต่อมา
จากนั้นฉากก็ตัดไป เป็นในสมัยปีโชวะ 1952 หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ประเทศญี่ปุ่นแพ้สงครามย่อยยับ ความเชื่อโบราณของญี่ปุ่นถูกบดบังด้วยวัฒนธรรมตะวันตกสมัยใหม่ ในบ้านนอกแห่งหนึ่ง ยังมีเด็กสาวแสนธรรมดาคนหนึ่งชื่อ คุสุโมโกะ โยริโกะ สาวผมเปีย อกไม้กระดานหน้าจืดๆ (แต่อนิเมชั่นทำซะน่ารักโครตๆ) บ้านยากจน แม่ก็มีอาการทางจิตอ่อนๆ เก่งก็ไม่เก่ง เหนียมๆ มนุษยสัมพันธ์ก็จืดจาด แต่แล้วชีวิตของเธอได้เปลี่ยนไปเมื่อเธอรู้จัก ยุสุกิ คานาโกะเด็กสาวผู้เพียบพร้อมด้วยความงามและจินตนาการหลุดโลก(!!) ที่ได้เข้ามาคบกับโยริโกะและสนิทอย่างรวดเร็ว ทั้งสองมักไปไหนมาไหนด้วยกันตอนโรงเรียนเลิกจนถึงตอนกลางคืน
ครั้งหนึ่ง เมื่อโยริโกะถามคานาโกะ ทำไมเธอถึงเลือกมาคบกับเธอทั้งที่เธอไม่โดดเด่นอะไรเลย คานาโกะ ตอบว่าเพราะเธอคืออดีตชาติของฉันไงละ เธอคือฉัน ฉันก็คือเธอ เราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป และนั้นเองทำให้โยริโกะเคารพและเทิดทูนบูชาคานาโกะเป็นอย่างมาก จากความรักแบบเพื่อน ได้กลายเป็นความรักต้องห้าม และได้พัฒนาจนกลายเป็นความรักที่บิดเบื้อมจนไม่อาจจินตนาการได้
พูดง่ายๆ วายครับวาย
แต่แล้วมิตรภาพของสาววายสองคนนั้นก็ยุติลงตลอดกาล เมื่อทั้งสองวางแผนจะขึ้นรถไฟเที่ยวสุดท้ายเพื่อไปเที่ยวทะเลสาบด้วยกันในตอนกลางคืน แต่ระหว่างที่ทั้งสองรอรถไฟที่สถานีอยู่นั้น โยริโกะก็ได้เห็นคานาโกะร้องไห้ โยริโกะรับไม่ได้ที่สาวเพียบพร้อมอย่างคานาโกะเผยความอ่อนแอในจิตใจให้เธอเห็น เธอต้องสมบูรณ์แบบทุกอย่าง และนั้นเองโยริโกะได้ตัดสินใจทำอะไรบางอย่าง..............
ระหว่างนั้นเองเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนร่างบึกคนหนึ่งชื่อ “คิบะ” กำลังนั่งรถไฟเที่ยวสุดท้ายเพื่อกลับบ้าน ระหว่างที่เขางีบอยู่นั้น จู่ๆ รถไฟก็หยุดกะทันหัน เสียงตะโกนดังของเจ้าหน้าที่การรถไฟโวกเวกเหมือนมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น เขาลงออกจากรถไฟเพื่อดูเหตุการณ์ปรากฏว่ารถไฟที่เขานั่งได้ชนผู้หญิงคนหนึ่งชื่อคานาโกะ และข้างๆ จุดที่ผู้หญิงรถชนยังมีโยริโกะที่ร้องไห้ตัวสั่นอยู่อย่างน่าสงสาร และโยริโกะเป็นพยานเพียงคนเดียวที่เห็นเหตุการณ์ว่าเกิดอะไรขึ้นกับคามาโกะ ซึ่งคิบะจำเป็นต้องดูแลเพื่อสอบถามเหตุการณ์ดังกล่าวและพาเธอไปดูอาการเพื่อนรักในโรงพยาบาลด้วยกัน ซึ่งระหว่างที่คิบะรอดูอาการคานาโกะในห้องไอซียูอยู่นั้น เขาก็พบบุคคลแปลกๆ เข้ามาถามอาการคามาโกะหลายคน ไม่ว่าจะเป็น ผู้ปกครองที่ไม่ใช่พ่อหรือคนรัก, พี่สาวสวยของคานาโกะอดีตดารานักแสดง, ทนายความ ทำให้คิบะรู้ได้ทันทีว่าคามาโกะคนดังกล่าวไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน และระหว่างเคลื่อนย้ายผู้ป่วยนั้นเองพี่สาวของคานาโกะได้ขอร้องให้ทางโรงพยาบาลย้ายผู้ป่วยไปรักษาที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ที่รูปร่างน่าขนหัวลุกเพราะรูปร่างเหมือนกล่อง และข้างในเต็มไปด้วยเครื่องจักรขนาดใหญ่ประหลาดที่ไม่รู้ว่ามันใช้ทำอะไร
ตอนแรกคิบะไม่สนใจคดีดังกล่าว หากแต่เมื่อเขาเห็นพี่สาวองคานาโกะกำลังเป็นทุกข์ระทม(คิบะเป็นแฟนหนังของเธอ) เขาเลยพยายามช่วยกันสุดความสามารถเพื่อช่วยเหลือเธอดังกล่าว ต่อมาเขาพบคดีนี้กลับซับซ้อนกว่าที่คิด เมื่อคานาโกะถูกปองร้ายจากคนร้าย ว่าจะลักพาตัวเธอออกจากโรงพยาบาล จนทางการต้องส่งตำรวจยกกองร้อยเพื่อไปคุ้มครองคานาโกะอย่างหนาแน่น และระหว่างที่พวกคิบะพาโยริโกะไปเยี่ยมนั้นเอง จู่ๆ คานาโกะก็หายตัวไปอย่างลึกลับต่อหน้าต่อตาคิบะ พร้อมกับการหายตัวไปของผู้ปกครองของคานาโกะด้วย ที่ไม่ทราบสาเหตุว่าเขาหายตัวไปเพราะอะไร?
โดยหารู้ไม่ว่านี้คือจุดเริ่มต้นของคดีฆาตกรรมต่อเนื่องที่สยดสยอง และโศกนาฏกรรมในเวลาต่อมา
และเวลาก็ผ่านไป ฉากก็ตัดมาที่มุมมองของทัตสึมิ เซคิกุจิ ซึ่งเขาเป็นเพื่อนของคิบะและเป็นนักเขียนที่ค่อนข้างไม่มีความมั่นใจในตัวเอง เนื่องจากนิยายของเขาขายไม่ค่อยได้ อีกทั้งเขายังต้องการแรงบันดาลใจใหม่ๆ ในการเขียนเรื่องต่อไปจนทำให้เขาทุกข์ใจดังกล่าว ในขณะเดียวกันเขาได้ถูกนักข่าวนิตยสารคนหนึ่งมาขอคำปรึกษาเรื่องคดีฆาตกรรต่อเนื่องลึกลับที่น่าสยดสยองที่กำลังออกอาละวาดจนกลายเป็นที่หวาดกลัวทั่วบ้านทั่วเมือง โดยมีผู้พบศพชิ้นส่วนมนุษย์เด็กผู้หญิงที่เป็นแขนและขาถูกใส่ในกล่องและถูกนำมาวางในสถานที่ต่างๆ ในลักษณะพิสดาร 4 รายซ้อน ซึ่งคดีดังกล่าวสร้างความปวดหัวต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นอย่างมาก เพราะไม่รู้มูลเหตุแรงจูงใจ หรือเบาะแสตามตัวคนร้ายใดๆ ทั้งสิ้น
แม้คดีนี้จะลึกลับพิศวง หากแต่นักข่าวดังกล่าวบอกว่าเขามีเบาะแสเด็ดๆ ที่สื่อว่าเจ้าลัทธิ “กล่อง” ที่กำลังเป็นที่นิยมในขณะนี้มีความเกี่ยวข้องกับคดีฆาตกรรมต่อเนื่องดังกล่าว หลักฐานของเขาก็คือเด็กสาวทั้ง 3 รายที่สามารถระบุชื่อได้นั้น ล้วนมีผู้ปกครองเป็นคนคลั่งลัทธิกล่องทั้งสิ้น แสดงให้เห็นว่าเจ้าลัทธิกล่องนั้นได้ฆ่าเด็กสาวของสมาชิกลัทธิตนเพื่อ “เชือดไก่ให้ลิงดู” ไม่ให้คนอื่นเอาเยี่ยงอย่าง
และหนึ่งในรายชื่อผู้ปกครองที่คลั่งลัทธิดังกล่าวนั้นมีชื่อแม่ของ “โยริโกะ” รวมอยู่ด้วย
ทั้งคดีการสูญหายของคานาโกะและคดีฆ่าหั่นศพนั้นจะมีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่นั้น เซคิกุจิตอบไม่ได้เหมือนกัน เขาเลยพานักนิตยสารคนดังกล่าวไปหาชายคนหนึ่ง ที่เก่งเรื่องการวิเคราะห์เรื่องเหล่านี้ ซึ่งเขาก็คือเคียวโกะคุโดซึ่งมีอาชีพเป็นองเนียวจิ(นักปราบผี) และเวลานั้นเองเพื่อนของอีกคนซึ่งเป็นนักสืบผู้มีพลังวิญญาณได้มาขอปรึกษาเคียวโกะคุโดเช่นกันในเรื่องการตามหาตัวคานาโกะ และแล้วเรื่องราวการสืบสวนท่ามกลางความลึกลับเหนือธรรมชาติ และความโรคจิตของมนุษย์ก็ได้เริ่มต้นขึ้น
แนะนำสำหรับผู้ดูการ์ตูนเรื่องนี้ครั้งแรก
-การดำเนินเรื่องแบ่งออกหลายมุมมองครับ แตกต่างจากนิยายนักสืบๆ ทั่วๆ ไปที่เน้นมุมมองพระเอกคนเดียว
-ในอนิเมชั่นจะมีส่วนที่ไม่เกี่ยวกับคดีด้วยครับ เช่น คดีปล้นธนาคารจักรพรรดิ(ผมเขียนรายละเอียดของคดีแล้วในฆาตกรโหดสะท้านโลก แฟ้มลับคดีพิศวง) สาวตาวิเศษ และนิยายเรื่องวิงเวียน
-การไขคดีเรื่องนี้เหมือนจะง่ายแต่ก็ไม่ง่ายครับ แม้ทั้งมังงะอนิเมชั่นก็มีการบอกใบ้มาตลอดหมดแล้ว แค่อ่านและคิดดีๆ ก็สามารถไขได้ แต่ที่ยากก็คือการเรียบเรียงให้อธิบายปริศนาทั้งหมดในเรื่องแหละครับ
-ตอนขึ้นต้นเหมือนจะไม่เกี่ยว แต่ความจริงเกี่ยวเป็นอย่างมาก
-ช่วงที่เข้าใจยากที่สุดในการ์ตูนเรื่องนี้คือช่วงเคียวโกะคุโดอธิบายเรื่องโมเรียว ซึ่งโมเรียวมีความหมายมาก แต่ถ้าสรุปโมเรียวในความหมายของเคียวโกะคุโดก็คือภูตพรายชนิดหนึ่ง
-สำหรับทริคคานาโกะหายตัวนั้น พยายามใช้ข้อสันนิษฐานที่หลุดโลกหน่อยนะครับ แต่การ์ตูนก็บอกใบ้ไว้แล้วละ อย่าให้พื้นฐานโลกแห่งความจริงมาอธิบายมันเดายังไงก็เดาไม่ถูกหรอก
-พยายามแยกคดีคานาโกะหายตัว กับคดีหั่นศพเป็นคนละเรื่องเดียวกันนะครับ จะได้ไขคดีง่ายขึ้น
-การ์ตูนเรื่องนี้ค่อนข้างสลับเวลาไปมาครับ พยายามเรียงลำดับเหตุการณ์ให้ดี จะทำให้ไขคดีนี้ง่ายขึ้น
การ์ตูนเรื่องดังกล่าวมีตัวละครหลายตัวตามฉบับแนวนักสืบ(บุ๋น)สมัยก่อน แต่กระนั้นผมขอติตัวละครในอนิเมชั่นเรื่องนี้หน่อยนะครับ เพราะว่าตัวละครหลายตัวในเรื่องค่อนข้างผิดอินเมดอย่างรุนแรง เพราะทั้งเรื่องตัวละครผู้ชายออกมาหล่อทุกตัว หล่อแว่น หล่อเข้ม หล่อๆๆ ขนาดคนแก่ยังหล่อ ขนาดตัวประกอบยังหล่อ พูดง่ายๆ คือดงคนหล่อ ผมไม่ได้อ่านนิยายดังกล่าวก็จริง แต่ก็รู้เลยว่าผิดอินเมดโดยสิ้นเชิง สาเหตุเพราะตัวละครออกแบบโดย CLAMP นั้นเอง(ผมเซ็ง CLAMP เพราะงี้แหละ) ดังนั้นผมจึงอยากให้ทุกท่านที่คิดจะดูให้อ่านมังงะก่อน เพราะมังงะนั้นตรงอินเมดที่สุดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นตัวละครที่น่าตาอัปลักษณ์ สื่อถึงความมืดมนหรือความทะเยอทะยานได้ชัดเจนกว่า ขนาดผมดูอนิเมชั่นดังกล่าวผมยังจินตนาการตัวละครคนหล่อเหล่านี้เป็นตัวละครจากมังงะมากกว่าครับ แต่สิ่งที่ชอบในอนิเมชั่นคือคู่สาววายในเรื่องครับ( กลุ่มคนที่ซวยที่สุดในเรื่อง) ที่สวยน่ารักทั้งคู่ (สุโค่ย) แต่น่าเสียดายที่ทั้งสองถูกสังเวยให้กับโมเรียวไป ทำให้เราไม่ได้เห็นสาวน้อยทั้งสองกลับมายิ้มแย้มได้อีกตลอดกาล(เดี๋ยวจะเล่าให้ฟัง) โดยตัวละครที่ปรากฏทั้งหมดในเรื่องมีดังต่อไปนี้
-ชายปริศนาในนิยาย “สาวน้อยในกล่อง” ปรากฏออกมาต้นเรื่อง หลังจากที่พบสาวน้อยในกล่อง จิตใจของเขาก็เปลี่ยนไป กลายเป็นฆาตกรโรคจิต ซึ่งในมังงะจะเป็นเงาดำไม่เห็นหน้า แต่ในอนิเมชั่นใช้หน้าของทัตสึมิ เซคิกุจิแทน
-คุสุโมโตะ โยริโกะ สาวน้อยธรรมดาที่บ้านยากจน แม่ก็เป็นโรคจิตอ่อนๆ หลังจากคบสาวสวยยูสุกิ คานาโกะเธอก็ได้เปลี่ยนไปกลายเป็นคนต่อต้านแม่ และเป็นเด็กมีปัญหา จนกระทั้ง....... (ในอนิเมชั่นน่ารักโฮก)
-ยุสุกิ คานาโกะ เพื่อนของโยริโกะ ที่เข้ามาคบโยริโกะเป็นเพื่อน เนื่องจากเหตุผลที่ว่า “เธอคือชาติที่แล้วของฉัน” ชาติกำเนิดลึกลับ เป็นสาวสวยสมบูรณ์เพียบพร้อม หลังจากเธอถูกรถไฟชนเธอก็ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลที่รูปลักษณ์เหมือนก่อน และต่อมาก็หายตัวไปอย่างลึกลับ ไม่รู้เป็นตายร้ายดียังไง
-ซารางาวะ ช่างทำตุ๊กตาและเป็นเพื่อนแม่ของโยริโกะ ที่เป็นคนชวนให้แม่ของยูริโกะเข้าลัทธิกล่อง จนแม่ของโยริโกะกลายเป็นสาวกงมงายในกล่อง(ในมังงะเป็นคุณลุงหัวล้านอ้วนไขมันเหม็นเหงื่อ แต่อนิเมชั่นกลางเป็นคุณลุงสุดหล่อซะงั้น)
-อิชิอิ ตำรวจที่รับผิดชอบคุ้มกันคานาโกะ และอยู่ในเหตุการณ์คานาโกะหายตัวไป หลังจากเหตุการณ์ดังกล่าวเขาถูกลดขั้น
-มิมาซากะ โคชิโร่ ผู้อำนวยการสถาบันรูปกล่อง ที่กำลังหมดมุ่นการวิจัยความเป็นอมตะ และเป็นผู้รักษาคานาโกะที่ถูกรถไฟชน เป็นคนดูลึกลับและรู้จักพี่สาวของคานาโกะ
-สึซากิ นักวิจัยสถาบันรูปกล่อง และเป็นผู้ช่วยโคชิโร่ หลังคานาโกะหายตัวไปเขาก็ถูกฆ่าที่หน้าเตาเผา(ในมังงะได้ใจกว่าเพราะหลังค่อม แต่ในอนิเมชั่นหลังไม่ค่อม)
-เซคิกุจิ ทัตสึมิ เพื่อนของคิบะ, เคียวโกะคุโด, เรจิโร่ เป็นนักเขียนนิยายขายไม่ออก และเป็นตัวเอกในเรื่อง ชอบตามน้ำ เวลาคนอื่นไปไหนก็ไปด้วย(เป็นตัวละครอีกตัวที่ในอนิเมชั่นและมังงะไม่เหมือนกันเลย โดยในอนิเมชั่นเป็นหนุ่มหล่อแว่นมืดมน(ตามแบบฉบับพระเอก) ส่วนในมังงะเป็นคนดูเห่ยๆ ไม่มีแว่น)
-มะสุโอกะ ทนายที่รับผิดชอบเรื่องคานาโกะหายตัวไป และเป็นผู้จ้างวานเรจิโร่สืบคดี ชอบดูถูกคนอื่น
โทริกุจิ โมริฮิโกะ นักข่าวจากนิตยสารแฟ้มคดีรายเดือนเป็นคนมาขอปรึกษาเซคิกุจิ ในเรื่องลัทธิ “กล่อง”(ในอนิเมชั่นกลายเป็นหนุ่มทะเล้นซะงั้น)
อาโออิ บุนโซ ตำรวจรุ่นน้องของคิบะ และรู้จักเคียวโกะคุโด(ในอนิเมชั่นมาแบบหนุ่มน้อยตำรวจมือใหม่)
จูเซนจิ เคียวโกะคุโด เพื่อนของคิบะ, เซคิกุจิ และเรจิโร่ ทำอาชีพหนังสือมือสอง(ตัวแทนจำหน่ายหนังสือโบราณ) นอกจากนี้ยังทำอาชีพเป็นนักบวชชินโตและนักไล่ผี หน้าตาเคร่งขรึม ชอบอ่านหนังสือ ชอบพูดเรื่องยากๆ เพราะเขาชอบการสนทนาปรัชญา และเขาคือพระเอกของเรื่อง หรือก็คือนักสืบที่ไม่เชื่อเรื่องเหนือธรรมชาติ โดยแค่ฟังจากคนอื่นเล่า เขาก็วิเคราะห์อย่างแม่นยำ
เอโนะคิสึ เรจิโร่ นักสืบเอกชนที่สืบหาคานาโกะ เป็นเพื่อนกับคิบะ, เคียวโกะคุโด และเซคิกุจิ หล่อ เก่ง (ในอนิเมชั่นไม่ได้บอกว่าเขามีพลังจิตสามารถมองเห็นความทรงจำอดีตของคนอื่นได้)
คุโบะ ชุนโค นักเขียนหน้าใหม่ที่กำลังมีชื่อเสียง ชอบดูถูกคนอื่น จุดเด่นคือขอบตาชี้น่าขนหัวลุกและสวมถุงมือตลอดเวลา และเป็นตัวละครที่อยู่เบื้องหลังคดีฆาตกรรมต่อเนื่องฆ่าหั่นศพและลัทธิกล่อง (เป็นตัวละครอีกตัวในอนิเมชั่นที่ผิดอินเมดอย่างรุนแรงและบทบาทไม่ให้ความสำคัญนัก แต่ในมังงะมีการเสริมประเด็นเรื่องเซคิกุจิริษยาเขาไปด้วย)
เทราดะ เฮียวเอะ เจ้าของลัทธิกล่อง ที่หลอกสาวกให้มางมงาย เขาคือพ่อของคุโบะ
มังงะนั้นได้ลิขสิทธิโดยสำนักพิมพ์สยาม โดยมีชื่อไทยว่า "กล่องภูตพลาย" มีประมาณ 5 เล่มจบ โดยเว็บด้านล่างเป็นตัวอย่างของเล่มที่ 1 ครับ
http://www.mangahere.com/manga/mouryou_no_hako/v01/c001.1/
Mouryou no Hako เป็นการ์ตูนสร้างจากนิยายของนัตสึฮิโกะ เคียวโกขุ (เกิด 26 มิถุนายน 1963) เท่าที่ดูประวัติจากวิกิพีเดีย เขาเป็นนักเขียนแนวลึกลับที่ได้รับยกย่องในประเทศญี่ปุ่น โดยเนื้อหาเน้นเรื่องเหนือธรรมชาติผสมกับคติชนของญี่ปุ่น และจุดเด่นนิยายของเขาก็คือรูปเล่มนิยายของเขาหนามาก บางเรื่องหนาถึง 825-1248 หน้าในเล่มเดียวก็มี ทำให้หลายคนเรียกหนังสือเขาว่า “หนังสือลูกเต๋า”
ผมก็ไม่รู้ว่าเรื่อง Mouryou no Hako(1995) นั้นมีความหนากี่หน้า เนื้อหา ภาษาเป็นยังไง เพราะมันไม่ได้รับการตีพิมพ์หรือแปลในไทย ทั้งนี้อาจเป็นเพราะเป็นนิยายเก่าพอสมควร(แต่รีเม็กตีพิมพ์หลายรอบ) และเล่มน่าจะมีหนาพอสมควร ทำให้เสี่ยงต่อการลงทุนตีตลาดในไทย ซึ่งตอนนี้ผมก็ไม่ค่อยรู้เท่าไหร่ว่าเดี๋ยวนี้ตลาดหนังสือของไทยชอบอะไร ยังชอบหวานแหววเหมือนเมื่อก่อนหรือเปล่า แต่สิ่งที่รู้ได้ก็คือเมื่อนำนิยายมาสร้างเป็นภาพยนตร์, อนิเมชั่น, มังงะ มันไม่สามารถเก็บรายละเอียดของนิยายทั้งหมดได้แน่นอน ดังนั้นสิ่งที่หลายคนคาดหวังก็คือมันสามารถถ่ายทอดสิ่งที่ผู้เขียนต้องการสื่อถึงผู้อ่านได้หรือเปล่า ไม่ว่าจะเป็นการดำเนินเรื่อง, , บรรยากาศ หรือจะเป็นอารมณ์ของนิยาย ที่ ตรงใจคนดูหรือเปล่า?
เอาเถอะในเมื่อผมไม่สามารถหานิยาย(แปลไทย)เพื่อเอามาเปรียบเทียบได้ ดังนั้นก็ดูเท่าที่ดูได้ก็แล้วกัน ซึ่งตามความคิดของผมแล้วการ์ตูน Mouryou no Hako เป็นการ์ตูนที่ผมดูแล้วท้าทายให้สมองขบคิดเสมือนหนึ่งนิยายแนวสืบสวนสอบสวนชั้นดีอีกเรื่องหนึ่ง แม้ว่าตอนต้นเรื่องจะดำเนินเรื่องที่ค่อนข้างแปลก เพราะว่าโดยอ้างอิงจากหนังสือที่แทบไม่คุ้นหูคนไทยเลย(นอกจากชื่อคนเขียนนามขงจื่อ)ซึ่งอุทิศถึงสองตอน ทำเอาผมเกือบงีบ นอกจากนี้การ์ตูนยังมีบางจุดแทรกเหตุการณ์ที่ไม่เกี่ยวกับเนื้อเรื่องเข้าไปด้วย เช่น สาวตาตาทิพย์ซึ่งมันไม่เกี่ยวกับเนื้อเรื่องในการ์ตูนเลย นอกจากว่าเป็นเชิงอรรภให้พระเอกมาวิเคราะห์ และเป็นนิยายสืบสวนนี้มีส่วนผสมของหลายรูปแบบมารวมกันมาดำเนินเรื่อง ไม่ว่าการเปิดตัวด้วยการเนื้อหาของนิยาย “สาวน้อยในกล่อง” ต่อมาก็ยูริ จินตนาการหลุดโลกมหัศจรรย์ ความสัมพันธ์ที่น่าอึดอัดของตัวละคร ความลึกลับ ซ่อนเงื่อน ฆาตกรต่อเนื่อง ความยั่นยวนทางเพศ ความเชื่อคติชนญี่ปุ่น ลัทธิหลอกลวง และนิยายวิทยาศสตร์ เหมือนรูปแบบเหล่านี้จะเป็นคนละทิศละทาง เหมือนไม่ใช่เรื่องเดียวกัน แน่นอนทำให้ตอนแรกๆ คุณอาจ งง เต็กแน่นอน หากแต่สุดท้ายรูปแบบเหล่านี้เสมือนหนึ่งจิ๊กซอร์(ข้อมูล)ที่กระจัดกระจาย แต่เมื่อช่วงท้ายเมื่อตัวละครเกือบทั้งหมดในเรื่องมารวมตัวกันเพื่อฟังพระเอกไขคดี(ฉากคลาสสิกในนิยายนักสืบบุ๋น) เรื่องทั้งหมดก็ถูกกลับมารวมเป็นเรื่องเดียวกัน ซึ่งขอบอกว่าคุ้มค่าทุกนาที ไม่เสียแรงที่ติดตามตั้งแต่ตอนต้นเรื่องมา
สิ่งที่ผมชอบในเรื่อง Mouryou no Hako ก็คือด้านบรรยากาศที่ในมังงะและอนิเมชั่นจะมีความแตกต่างกัน ในมังงะบรรยากาศจะมืดๆและลึกลับ หากแต่ในบรรยากาศในอนิเมชั่นกลับเต็มไปด้วยความสวยงาม เก็บรายละเอียดอย่างน่าอัศจรรย์ เช่น ฉากฝนตก อยากดอกไม้แสนสวย แสงจันทร์ที่สาดส่อง ฉากดอกซากุระร่วงโรย หรือฉากบ้านเมืองญี่ปุ่นในช่วงฤดูร้อนที่ร้อนอบอ้าว เสมือนหนึ่งว่าเราได้ย้อนเวลากลับไปประเทศญี่ปุ่นในช่วงปี 1950 ได้เลย และบรรยากาศลางไม่ดีในสถาบันวิจัยทรงกล่องในป่าเขาที่ข้างในเต็มไปด้วยเครื่องจักรที่ไม่น่าใว้ใจทำได้ดูสมจริง จนไม่เชื่อเลยว่าทั้งอนิเมชั่นและมังงะนั้นถูกสร้างจากนิยายเรื่องเดียวกัน
แต่กระนั้น จะมีจุดน่าเบื่อบ้าง ก็คือช่วงตอนกลางตอนที่พระเอกพูดเรื่องความหมายของคำว่าโมเรียว นอกจากนี้ก็ยังมีภาพหลอนคิบะตอนออกไปรบในสงครามโลกครั้งที่ 2 (ในมังงะไม่ได้กล่าวถึง) หรือคดีปล้นธนาคารจักรพรรดิที่โยงว่าเป็นการทดลองในมนุษย์(เป็นคดีที่เกิดขึ้นเรื่องจริง)ไม่รู้จะแทรกทำไม เพราะประเด็นดังกล่าวในอนิเมชั่นก็ไม่ได้สานต่อเพิ่มเติมอะไรเลย(ในนิยายคงพูดถึง) และเนื้อหาการดำเนินเรื่องจะเป็นการสลับช่วงเวลาใครที่ไม่เข้าใจมุกการ์ตูนแนวสืบสวนคงมีงง-เต็กแน่นอน จำเป็นที่ต้องดูเป็นสองรอบเป็นอย่างต่ำเพื่อเข้าถึงอนิเมชั่นพอสมควร(อาจเป็นที่อายุด้วย แนะนำ 15 ปีขึ้นไป)
แม้ว่าโมเรียวในนามธรรมของพระเอกนั้นจะเข้าใจยาก แต่กระนั้นรูปธรรมโมเรียวในการ์ตูนเรื่องนี้กลับง่ายกว่าที่คิด เพราะสิ่งที่นอกเหนือจากการสืบสวนสอบสวนในพล็อตการ์ตูนเรื่องนี้แล้ว ส่วนสำคัญก็คือโมเรียวสิงในตัวมนุษย์ หรือหากเปรียบเทียบก็คือจิตใจมนุษย์เป็นตัวละครเกือบทั้งหมดในเรื่องได้ถูกความมืดเข้าความมืดดังกล่าวก็มีหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น ความหย่อหยิ่ง ความโลภ ความหลงผิด ความรัก ที่นำมาซึ่งการทำสิ่งที่เกินเลยศิลธรรม
ในขณะที่โมเรียวคือดำมืดของมนุษย์ สิ่งหนึ่งที่เก็บโมเรียวเอาไว้ก็คือกล่องหรือนั้นก็คือจิตใจการควบคุมอารมณ์ของมนุษย์นั้นเอง โดยมนุษย์เรานั้นทุกคนต่างเก็บโมเรียวเอาไว้อยู่กับตัว ซึ่งใครมีโมเรียวมากหรือโมเรียวน้อยก็ขึ้นอยู่กับชีวิตของเรา ว่าเราผ่านอะไรมาบ้าง ตั้งแต่เล็กจนโต เราเจอปัญหาหรือประสบการณ์อะไร ผ่านครอบครัว การเลี้ยงดู สภาพแวดล้อม และการใช้ชีวิตของแต่ละคน ถึงอย่างไรก็ตามแม้กล่องของเราจะมีโมเรียวมากมาย แต่กระนั้นเราก็ไม่ยอมปลดปล่อยโมเรียวออกจากกล่องให้คนอื่นเห็นออกมาง่ายๆ หากไม่ได้รับการกระตุ้นหรือเจอสิ่งเร้า แรงผลักดัน อะไรสักอย่างที่เสมือนเป็นกุญแจเปิดกล่องให้โมเรียวถูปลดปล่อยออกมา สิ่งเร้าเหล่านั้นทำให้เราขาดสติจนเราควบคุมตัวเองไม่อยู่และได้กระทำการบางอย่างที่ส่งผลทำให้ ชีวิตของคนผู้นั้นเปลี่ยนไปตลอดกาล จนไม่สามารถกลับมาเป็นอย่างเดิมได้
เข้าทำนองคำคมจากภาพยนตร์ Forrest Gumpที่ว่า “ชีวิตเหมือน กล่องช็อคโกแลต ไม่รู้หรอกว่าจะได้อะไรเมื่อเปิดมัน”
ตัวละครเกือบทุกตัวในเรื่อง Mouryou no Hako ต่างถูกโมเรียวเข้าสิง และถูกเก็บกดมาเป็นระยะเวลายาว และหลายคนได้ปลดปล่อยโมเรียวออกมา พวกเขาได้กระทำสิ่งหนึ่งที่ทำเพราะอารมณ์ชั่ววูบ(แต่บางคนไม่ชั่ววูบ) แต่อารมณ์ชั่ววูบดังกล่าวได้ทำลายความเป็นมนุษย์ของตนลง จนไม่สามารถทำให้ชีวิตของตนเองกลับเป็นอย่างเดิมได้
โดยจุดเริ่มต้นของเรื่อง Mouryou no Hako ไม่ใช้ชายปริศนาบรนรถไฟ หากแต่จุดเริ่มต้นจริงๆ ก็คือความสัมพันธ์ระหว่างสองสาวคานาโกะและโยริโกะที่มังงะนั้นไม่ได้เน้นฉากดังกล่าวมากนัก หากแต่ในอนิเมชั่นจัดหนักถึงหนึ่งตอนเต็มที่เต็มไปด้วยกลิ่นวาย กลิ่นจินตนาการหลุดโลก แต่ความสวยงดงามนี้เบื้องหลังเต็มไปด้วยความมืด ความเก็บกดที่พร้อมที่จะระเบิดออกทุกเมื่อ
แม้ Mouryou no Hako จะไม่ได้เน้นตัวละครใดตัวละครหนึ่งมากนัก ซึ่งตรงจุดนี้ผมขอบอกน่าเสียดายมาก หากเรื่องนี้เน้นเรื่องของคานาโกะและโยริโกะเรื่องอาจจะแน่นและน่าติดตามมากกว่านี้ โดยตัวละครในเรื่องที่ผมชอบที่สุดคือโยริโกะ ซึ่งเป็นตัวละครที่น่าสงสารและหลงผิดจนถึงหยดสุดท้ายจนกลายเป็นจุดเริ่มต้นและจุดจบมากที่สุดในเรื่อง ความจริงตอนแรกเธอเป็นผู้หญิงธรรมดา ที่มีปัญหาครอบครัว ฐานะยากจน แม่ที่เป็นโรคประสาท ผ่านการแต่งงานหลายครั้ง อีกทั้งแม่ยังชอบว่าเธอเป็นโมเรียว ทำให้โยริโกะกลายเป็นเด็กเก็บกดและเกลียดบ้าน และเริ่มผิดเพี้ยนมากยิ่งขึ้นเมื่อคบกับคานาโกะ จิตใจของโยริโกะเริ่มบดเบี้ยว มองโยริโกะแต่ด้านดีด้านเดียวมาโดยตลอด ส่วนด้านไม่ดีนั้นเธอกลับไปลงที่แม่ของเธอเพียงผู้เดียว ทั้งๆ ที่แม่ของโยริโกะนั้นรักและเป็นห่วงโยริโกะจากใจจริง หากแต่ด้วยสภาพกับคำพูดของแม่ไม่สามารถสื่อให้โยริโกะเคารพในคำพูดของแม่มากนัก (ต้องดูในมังงะจะได้อารมณ์มากกว่า) ทั้งที่จริงๆแล้วคานาโกะหญิงสาวที่ยาโรโกะคิดว่าสมบูรณ์แบบนั้นมีชีวิตไม่แตกต่างจากเธอเลย เธอถือกำหนดจากความศีลธรรมระหว่างลูกกับพ่อ อยู่ในสภาพที่ครอบครัวไม่สมบูรณ์พูนสุข แต่โยริโกะไม่ทราบเรื่องนี้ จนกระทั้งโยริโกะได้ถูกผีโมเรียว(ความมืด)เข้าสิงเมื่อเธอเห็นคานาโกะหญิงสาวที่เธอหลงคิดว่าเธอสมบูรณ์แบบตลอดมีจุดด่างพร้อย เธอรับไม่ได้กับภาพดังกล่าว ส่งผลทำให้เธอทำลายความสัมพันธ์ความเป็นเพื่อนกับฮานาโกะตลอดกาลด้วยการผลักเธอให้รถไฟพุ่งเข้าชน มันเป็นการตัดสินใจชั่ววูบ แต่การตัดสินใจครั้งนี้ของโยริโกะกลับเป็นจุดเริ่มต้นของทุกสิ่งเมื่อเหตุการณ์ทั้งหมดทำให้หลายคนถูกโมเรียว(ความมืด)เข้าสิงตามมาอีกหลายราย ส่วนโยริโกะกลับหนีความจริง สร้างกำแพงปิดกั้นจิตใจ หาวิธีปลอบโยน ปลอบใจตนเอง ใส่ร้ายสิ่งไม่มีอยู่จริง พยายามทำตัวให้สมบูรณ์แบบ(ทั้งที่เธอไม่ให้) และสุดท้ายความมืดเหล่านี้ก็เข้าหาตัวโยริโกะ จนเธอตายจากโลกนี้ไปอย่างไร้เหตุผล ไม่มีโอกาสขอโทษคานาโกะหรือแม้แต่ปรับความเข้าใจต่อแม่ดังกล่าว
ดูการ์ตูนเรื่องนี้แล้ว ก็ดูย้อนกลับมาตัวเราว่า เรานั้นมีความกล้าเชิญหน้ากับโมเรียว(ความมืด)ในใจของตนหรือเปล่า คนเราเกิดมาทุกคนล้วนแล้วแต่ต้องประสบพบเจอสิ่งต่างๆ มากมาย ทำให้มีเรื่องดีหรือไม่ดีปะปนไป น้อยนักที่จะหาผู้มีความบริสุทธิ์ สมบูรณ์แบบ ดังนั้นก่อนที่เราจะมองแต่คนอื่น จงมองตัวเองเสียก่อน รู้จักตัวเองให้มากขึ้นว่าเราสมควรดูถูกคนอื่นหรือเปล่า อย่างไรก็ตามความมืดของจิตใจของแต่ละคนนั้นไม่เหมือนกัน บางคนก้าวถลำลึกจนไม่สามารถแก้ไขได้ ในขณะทีอีกคนเกือบโดนความมืดเข้าครอบงำ อย่างไรก็ตามหากเราค้นพบความจริง ค้นพบตัวเอง ใช้ปัญญาในการเผชิญหน้า ก็ไม่สายเกินไปที่เราจะปรับปรุงตัวเองและอยู่ในสังคมที่ไหนก็ได้อย่างปกติ
+ +
ความคิดเห็น