คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : Broken in silence .. // 7 //
.. Chapter 7 ..
คิบอมออกไปพร้อมกับรยออุคแล้ว ตอนนี้ซองมินจึงอยู่ที่ร้านคนเดียว แม้ว่าจะรู้สึกไม่ดีแต่เขาก็เปิดร้านเพื่อทำงานไปตามปกติโดยที่มีลูกค้าแวะเวียนเข้าออกอยู่เหมือนเคย ทุกอย่างเหมือนเดิมไม่มีผิดเพี้ยน คุณเจ้าของร้านทำหน้าที่ของตัวเองไปตามปกติโดยที่พยายามจะไม่คิดอะไร แต่ถึงอย่างนั้นก็ ..
“ของคุณซอนมีนัดรับวันที่สิบหกนะครับ” ซองมินทวนรายการให้ลูกค้าสาวรายหนึ่ง แต่หล่อนกลับขมวดคิ้วให้เขาเสียอย่างนั้น
“เอ่อ .. เรานัดกันวันที่สิบสองไม่ใช่เหรอคะ” หล่อนบอก ทำให้ซองมินนึกได้จึงต้องรีบขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่
“เอ่อ นั่นสินะครับ ขอโทษนะครับขอโทษ ผมจำผิดเอง ขอโทษมากๆเลยนะครับ” ซองมินโค้งให้หญิงสาวเสียหลายครั้ง
“ไม่เป็นไรค่ะ ไม่เป็นไร”
เพราะมัวแต่ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ซองมินจึงรู้สึกเหนื่อยใจกับตัวเอง แต่นั่นก็ไม่ได้ช่วยอะไรเท่าไหร่เพระเขาก็เป็นอย่างนี้ไปทั้งวัน โทรศัพท์มือถือถูกจ้องแล้วจ้องอีก สุดท้ายเจ้าของมันก็หยิบขึ้นมาจนได้ในตอนที่ร้านใกล้จะปิด ซองมินติดต่อไปหา
“ครับคุณซองมิน” เสียงปลายสายตอบรับกลับมาทำให้เขายิ้มออกมาอย่างดีใจ
“นี่นายอยู่ไหนน่ะ แล้ว เอ่อ .. พวกนายจะกลับมาอีกรึเปล่า” จากที่ในตอนแรกอยากจะรู้ข่าวเรื่องของใครอีกคน ซองมินอยากจะถามอะไรต่างๆนานา แต่เอาเข้าจริงเขากลับทำได้เพียงพูดออกไปสั้นๆแค่นั้น แต่มีหรือที่คนฟังจะไม่รู้ รยออุครู้อยู่เต็มอกตั้งแต่แรกแล้วว่าซองมินคงจะเป็นห่วงคยูฮยอนแน่ๆ
“คืองี้นะครับคุณซองมิน เรื่องของ..........”
“เดี๋ยวนะรยออุค” ซองมินเบรกอีกฝ่ายไว้ก่อนเมื่อเขาสังเกตได้ว่าประตูกระจกด้านนอกข้างร้านปรากฏเงาของใครสักคนที่เขาคาดว่าน่าจะเป็นลูกค้า ยิ่งเห็นว่าไม่ยอมเดินเข้ามาซองมินก็นึกห่วงว่ามีอะไรหรือไม่ ด้วยสามัญสำนึกในหน้าที่จึงต้องพักเรื่องของตัวเองเอาไว้ก่อน
“นี่รยออุค เดี๋ยวนายถือสายรอก่อนนะ” ซองมินกำโทรศัพท์เครื่องเล็กเอาไว้ในมือก่อนจะรีบตรงไปดึงประตูร้านให้เปิดออก
“สวัสดีครับ ไม่ทราบว่า....................” คำพูดติดปากที่เอ่ยประจำกับแขกหยุดชะงักลงทันใด ใบหน้าของคุณเจ้าของร้านต้องเปลี่ยนจากรอยยิ้มเป็นความตกใจเข้ามาแทนที่ มือข้างที่เอื้อมไปเปิดประตูยังคงค้างอยู่อย่างเดิม ดวงตากลมโตเบิกกว้างด้วยความกลัวที่ก่อเกิดขึ้นมาในใจของเขา
โทรศัพท์มือถือเครื่องเล็กหล่นลงไปบนพื้นทั้งที่ปลายสายยังไม่ได้วางไปแต่อย่างใด
“อะไรเนี่ย ทำไมไม่รับสายล่ะ” ร่างของบอดี้การ์ดหนุ่มยืนร้อนใจอยู่ตรงหน้าประตูห้องของเจ้านายที่เขาเพิ่งหลบออกมาคุยโทรศัพท์ได้ไม่นาน หลังจากที่เรียกแล้วเรียกอีกแต่ซองมินก็ไม่ตอบกลับมารยออุคจึงโทรไปใหม่อีกรอบแต่ทางนั้นก็ไม่รับสายเขาอีก ชายหนุ่มยังคงไม่ลดละความพยายามจะติดต่อให้ได้
ภายในห้องนอนข้างในกำลังมีหมอมาทำแผลที่ถูกกระสุนเฉียดไปแค่นิดเดียวให้กับคยูฮยอน ซึ่งรยออุคยังไม่ได้บอกซองมินเลยว่าคุณชายของเขาปลอดภัยดี นึกโกรธคนที่โทรมาบอกที่ไม่ชัดเจนจนทำให้พวกเขาเข้าใจผิดคิดว่าคุณชายเป็นอะไรมากกว่านี้ ชายหนุ่มยังกดโทรหาอีกคนอย่างไม่ยอมลดละ สักพักคิบอมที่เดินออกมาก็พบกับท่าทางแปลกๆของเพื่อนตัวเอง
“เป็นอะไรน่ะ แล้วเมื่อกี้ใครโทรมา” คิบอมถามเพราะสงสัยตั้งแต่แรกแล้ว นั่นมันเบอร์ส่วนตัวที่รยออุคไม่ได้ใช้ในงาน เพราะฉะนั้นถ้าให้เขาเดาล่ะก็ ..
“ก็คุณซองมินน่ะสิโทรมา คงอดห่วงคุณชายไม่ได้ แต่ฉันยังไม่ได้บอกเค้าเลยว่าคุณชายไม่ได้เป็นอะไรมาก เค้าก็บอกให้รอก่อนแล้วก็เงียบไปเลย โทรไปอีกก็ไม่รับ”
“ติดลูกค้าอยู่ล่ะมั้ง “
“ฉันก็คิดอย่างนั้น แต่นี่โทรกลับเป็นสิบรอบแล้วนะ เค้าน่าจะรับบ้าง .. ถ้าเกิดว่าอยู่ที่ร้าน”
“หมายความว่าไง นายจะบอกว่าคุณซองมินเค้าไม่ได้อยู่งั้นเหรอ”
“ก็ ไม่รู้สิ ฉันคงไม่คิดมากถ้าหากว่า
.”
“ว่าอะไรล่ะ” คิบอมเริ่มรู้สึกไม่ทันใจกับคนตรงหน้าเอาเสียเลย รยออุคจึงเงยหน้าตอบอย่างหวั่นใจ
“แต่ว่าตอนที่เค้าเงียบไป ฉันรู้สึกได้ยินเสียงอะไรหล่นลงบนพื้น ฉันอาจจะคิดไปเองนะ แต่ก็แค่คิดว่าโทรศัพท์คุณซองมินนั่นแหละที่หล่น” จบประโยคสั้นๆง่ายๆทั้งสองก็มองหน้ากันอย่างเข้าใจในความหมายเดียวกัน พวกเขาพูดไม่ออกเพราะกลัวในสิ่งที่กำลังคิด จากที่สบตากันก็ต้องเบนหน้าไปมองยังบานประตูห้องนอนของคนเป็นเจ้านาย ทันใดนั้นเองที่สมองยังไม่ทันจะได้ประมวลผลอะไรประตูบานนั้นก็ถูกผลักออกมาเสียแล้ว ร่างสูงที่แขนข้างหนึ่งเพิ่งผ่านการพันแผลมาหมาดๆเดินตรงเข้ามาหาพวกเขาด้วยท่าทางที่มันนิ่งมากเสียจนคนทั้งสองเริ่มจะหวั่นวิตกกับท่าทีจริงจังอย่างนั้น
“มีอะไรจะบอกฉันรึเปล่า” ดูเหมือนคยูฮยอนคงจะได้ยินในสิ่งที่พวกเขาพูดกันแล้ว รยออุคมองหน้าคิบอมทีก่อนจะหันมาหาคุณชายที่รอฟังในสิ่งที่เขากำลังจะบอก
“คือว่า............”
ระหว่างทางที่ตะวันกำลังคล้อยต่ำ รยออุคลอบมองใครบางคนผ่านกระจกหลังขณะที่เขากำลังขับรถไปตามทางด้วยความเร็วสูงเพื่อดูอาการอีกฝ่ายว่าเป็นอย่างไรบ้าง คิบอมที่นั่งอยู่ข้างๆก็เอาแต่เงียบชวนให้เขารู้สึกว่าคงเป็นที่พึ่งทางอารมณ์ไม่ได้แน่ๆ ดูเหมือนเขาจะหวั่นใจกับบรรยากาศตึงเครียดอยู่คนเดียว ถึง
นอกจากความเห็นแก้ตัวแล้ว คยูฮยอนก็ไม่เคยลืมว่าตัวเองต่างหากที่เป็นฝ่ายทำร้ายซองมินมาโดยตลอด ถ้าเขาไม่เข้ามาในชีวิตของอีกฝ่าย ไม่เป็นคนเริ่มความรักระหว่างกัน เรื่องอย่างนี้มันคงไม่เกิดขึ้นในชีวิตของเจ้าของร้านดอกไม้เล็กๆ
ที่ไม่ได้ทำอะไรผิดเลยแม้แต่นิด เพราะฉะนั้นแล้วถ้าผู้ชายคนนี้จะต้องเป็นอะไรไป
วันแรกที่พบกัน ฉันก็ติดหนี้ชีวิตนายมาแล้วหนึ่งครั้ง
ณ วันนี้ก็อีกครั้ง ที่ฉันติดหนี้ความรักของนาย .. อีซองมิน
“จอดรถข้างหน้านี่แหละ” สิ้นเสียงสั่งเพียงสั้นๆรถทั้งคันก็จอดลงเทียบข้างทางในทันที ความฉงนสงสัยของสองบอดี้การ์ดหนุ่มแสดงผ่านแววตาที่สบกันแค่เพียงนิด คุณชายที่นั่งอยู่เบาะหลังผลักประตูรถออกมาหาคนขับด้วยท่าทางอย่างเดิม
“เดี๋ยวฉันขับเอง”
เท่านั้นแหละที่รยออุคทำตามทันทีอีกเช่นกัน
ความร้อนใจที่ไม่แสดงออกผ่านใบหน้าหากแต่มันรวมกันไปยังปลายเท้าที่เหยียบคันเร่งจนมิด คิบอมนั่งตัวติดกับเบาะไม่ต่างกับรยออุคที่นั่งหวั่นใจอยู่ด้าน
ภัยเสียก่อน
ราวกับว่ายามนี้ทุกอย่างรอบกายเป็นดั่งความฝัน ความรู้สึกนึกคิดถึงใครบางคนแผ่ซ่านไปทั้งหัวใจ
ยังไม่ทันจะได้รู้เลยว่าเป็นอย่างไรสติมันก็เหมือนจะดับวูบไปเสียก่อน แสงจันทร์สลัวส่องกระทบเปลือกตาที่อ่อนล้าให้ลืมขึ้นช้าๆ อีซองมินรู้สึกปวดหัวและรับรู้ได้เพียงอย่างเดียวคือหิมะขาวๆกำลังร่วงโรยและหล่นลงมารอบกายของเขา แต่น่าแปลกที่มันหยุดอยู่แค่ภายในสายตาไม่ได้สัมผัสลงมาที่ตัวเขาแต่อย่างใด ซองมินขยับตัวเพื่อจะตั้งสติให้ตื่นเต็มตาแต่แล้วก็พบว่ามือของเขามันไม่สามารถขยับได้อีกแล้ว ดวงตากลมโตเบิกกว้างเมื่อชัดเจนแล้วว่าตัวเองกำลังถูกมัดไว้กับเบาะด้านข้างคนขับของรถคันหนึ่ง หิมะด้านนอกยังคงตกลงมากระทบกระจกรถและชวนให้อึดอัดนักเมื่อกวาดสายตาไปรอบข้างก็เจอแต่ต้นไม้ที่คาดว่าคงจะเป็นป่าแถวนี้แน่ๆ และพอนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ก็ทำให้เขากลัวขึ้นมาจับใจ ผู้ชายหน้าตาดีคนหนึ่งที่คิดว่าคือลูกค้าแต่มันกลับไม่ใช่เพราะสิ่งที่อีกฝ่ายหยิบยื่นให้เขาก็คือกระบอกปืนที่จ่อตรงมา ซองมินจำได้ว่าจากนั้นไออะไรบางอย่างก็พุ่งมาที่หน้าของเขาแล้วก็จำอะไรไม่ได้อีก
ร่างเล็กไม่ลืมที่จะมองหาใครคนนั้นซึ่งน่าจะยังไม่ไปไหน นึกแล้วก็กลัวจนแทบทนไม่ไหว ซองมินคาดว่าจากที่นี่ไปไม่น่าจะไกลจากบ้านของเขานักและถึง
“จะหนีไปไหนกระต่ายน้อย .. ไม่ต้องกลัวๆ ฉันไม่ทำอะไรนายหรอก” เสียงทุ้มต่ำพูดเนิบๆก่อนจะหัวเราะลั่นกับตัวเองเหมือนคนสติไม่ค่อยจะดี ท่าทางผู้ชายคนนี้ดูดีมีฐานะไม่น้อย แต่ซองมินไม่รู้หรอกว่ามาทำแบบนี้กับเขาทำไม ในใจมันกลัวจนลืมจะถามออกไปแต่อีกฝ่ายกลับตวัดสายตามาหาเขาแล้วพูดต่อ
“สงสัยล่ะสิ ว่าฉันเป็นใคร ฮะฮะ น่าสงสารนะที่ต้องมาตายโดยที่ไม่รู้อะไรเลย” รอยยิ้มเย็นฉาบไว้เต็มใบหน้าขณะที่ยื่นเข้ามาพูดใกล้ๆ คนตัวเล็กเบนหน้าหนีจนติดประตูรถ ซองมินบอกตัวเองให้ใจเย็นๆ จู่ๆสิ่งที่ได้ยินก็ทำให้เขาต้องตั้งใจหันกลับไปหาอีกฝ่ายบ้าง
“คุณพูดอะไร ใครจะตาย คุณจะฆ่าผมรึไง” ซองมินถามออกไปตรงๆพลางพยายามซ่อนอาการหวาดกลัวเอาไว้
“หึหึ อันนี้มันก็ขึ้นอยู่กับใครบางคนนะ”
“หมายถึงใคร”
“ใครน่ะเหรอ พูดแค่นี้ไม่รู้รึไง ก็คนที่ทำให้นายต้องมาตกอยู่ในสภาพแบบนี้ไง”
“..............”
“รักมันมากใช่มั้ยล่ะ โถๆ จะมีคนรักทั้งทีหาที่ดีกว่านี้ไม่ได้รึไงนะ”
“ไม่ดียังไง คยูฮยอนไม่ดีตรงไหน”
“โฮ่ !! ปกป้องกันดีซะด้วยสิ หมอนั่นมันคงรักนายมากสินะ”
“..............”
“ฉันว่าแล้วเชียว ไอ้คุณชายที่แสนเก่งกาจกลายเป็นคนไม่เอาไหนเพราะนายนี่แหละนะ น่าสมเพชนะ คงกลัวว่าคนที่ตัวเองรักจะรังเกียจล่ะสิ หึ .. ตั้งใจจะหลอกฉันว่าไม่เกี่ยวข้องอะไรกับนาย แรกๆก็หลงเชื่ออยู่หรอก แต่สุดท้ายแผนมันก็แตกจนได้ คิดว่าจะจับฉันได้แต่พลาดท่าให้ฉันหนีมาได้แล้วคิดเหรอว่านายจะปลอดภัยดี ฮ่าฮ่าฮ่า!! คนพวกนี้เริ่มต้นก็ดีมาตลอด แต่ตอนจบพวกมันก็โง่เหลือเกิน นายว่ามั้ย ฮ่าฮ่าฮ่า” พูดไปหัวเราะไปราวกับคนบ้า
เรื่องที่ได้ยินย้ำลงไปในใจของซองมินให้นึกถึงเรื่องที่รยออุคเล่ามาทั้งหมด ทุกอย่างมันเริ่มจะโยงเข้าหากันและทำให้ซองมินรู้สึกว่าเขาน่าจะเชื่อในสิ่งที่รยออุคกับคิบอมบอกตั้งแต่แรก และหากจะคิดไปถึงใครอีกคนก็พาลจะทำให้น้ำตาไหลออกมาอีก ที่ผ่านมาทั้งหมดนั้นคยูฮยอนแค่เล่นละครใช่ไหม คำว่าไม่รักที่ซองมินได้ยินที่แท้แล้วมันมาจากความรักงั้นสินะ คยูฮยอนกลัวว่าเขาจะไม่ปลอดภัย กลัวว่าใครจะมายุ่ง
“คุณใช่มั้ยที่ทำให้คุณคยูฮยอนต้องเป็นแบบนี้ คุณทำให้ชีวิตของเค้าต้องเจ็บเพราะการกระทำของคุณ ทำแบบนั้นไปเพื่ออะไรกัน”
“เพื่ออะไรงั้นเหรอ!! อย่ามาย้อนถามฉันหน่อยเลย”
“ผมไม่ได้ย้อน แต่วิธีที่คุณทำไปมันไม่ใช่วิธีของลูกผู้ชายเค้าทำกันหรอกนะ”
“หุบปากเดี๋ยวนี้นะ .. นายจะรู้อะไรกันฮะ ในเมื่อนายไม่เคยล้มหรือแพ้
“ของรัก...”
“ก็ใช่น่ะสิ คนที่มันตั้งใจแต่งงานด้วยเพื่อชื่อเสียงหน้าตา นั่นแหละคือคนที่ฉันรัก แต่เขาก็หนีฉันไปแต่งงานกับมัน สุดท้ายแล้วมันก็แย่งทุกอย่างไปจากฉันจนหมด เพราะงั้นวันนั้นก็อย่าหวังว่างานจะดำเนินไปได้อย่างราบรื่น ตราบใดที่ฉันยังอยู่พวกมันก็อย่าหวังว่าจะได้ครองรักกันเลย” ชายที่ซองมินคาดว่าอายุคงมากกว่า
ซองมินไม่รู้หรอกว่าผู้หญิงคนนั้นกับผู้ชายคนนี้เคยมีอดีตด้วยกันหรือไม่อย่างไร แต่เขาก็เชื่อว่าหากเธอคนนั้นจะหมดรักผู้ชายคนนี้ก็คงไม่แปลก คนที่ยอมใช้วิธีสกปรกเพื่อทำลายคนอื่นนั้นมันคงไม่แปลกหรอกหากใครสักคนจะไม่อยากคบด้วย บางทีเรื่องนี้เธอคนนั้นก็คงจะรู้และยอมจะแต่งงานกับคยูฮยอนก่อนจะไปเรียนต่อเมืองนอกตามที่ตั้งใจ และหวังว่ามันอาจเป็นการทำให้เรื่องจบลงที่ว่าเธอกับเขาแต่งงานกัน แต่ดูเหมือนความหวังดีมันดันเป็นการเติมน้ำมันลงในกองไฟเมื่อคนๆนี้กลับไม่ได้คิดจะรามือไปอย่างที่คิด
ซองมินเริ่มจะหายใจไม่ออกเมื่อคิดแล้วคิดอีกเขาก็ยังคงคิดเป็นอย่างอื่นไม่ได้นอกจากว่าเป็นอย่างที่ตัวเองเข้าใจ ไม่ผิดหรอก มันต้องเป็นอย่างนั้นแน่ๆ
“ถ้าคุณรักเค้า แล้วทำไมเค้าต้องจากคุณไปล่ะ”
“เพราะมันไง”
“ไม่ใช่หรอก คุณเองต่างหากล่ะ”
“ฉันบอกให้หยุดพูดไงเล่า” ใบหน้าเหี้ยมโหดกันมาตวาดซองมินด้วยความโกรธ แสงจันทร์ที่ส่องมากระทบใบหน้าของผู้ชายคนนี้ดูยังไงซองมินก็ไม่อยากจะมองทุกที แบบนี้สินะทีเค้าเรียกว่าปีศาจในร่างมนุษย์ เพราะแรงโทสะและความอาฆาตหากได้เกาะกินจิตใจของใครแล้วก็พร้อมจะทำลายคนรอบข้างได้ทุกเมื่อ อย่างที่ผู้ชายคนนี้เป็น มือหนาฉวยเข้าที่ใบหน้าของซองมินพลางบีบที่แก้มจนช้ำ
“หึ .. อย่าทำมาเป็นคนดีทั้งที่ก็แค่ปากดีเลย รอวันทรมานจากนี้ไปได้เลย ในเมื่อมันรักมากก็ต้องรู้ซะมั่งว่าเจ็บมันเป็นยังไง”
“ฮึก .. คุณจะทำอะไรอีก ที่ผ่านมามันก็มากพอแล้ว เลิกทำแบบนี้กับ
“เลิกเอ่ยถึงมันได้แล้วมั้ง จะห่วงอะไรนักหนา ไม่รู้ว่าป่านนี้ยังจะหายใจอยู่รึเปล่า” พูดจบก็เป็นอย่างที่คาดเอาไว้ เขาอยากจะหัวเราะลั่นเมื่อเห็นแววตาคู่ใสกำลังเริ่มจะมีน้ำตา
“คุณทำอะไรเค้า คยูฮยอนเป็นอะไร” ซองมินพูดไปก็พยายามขยับหน้าหนีแต่ไม่มีทางจะต้านแรงบีบจากมือของอีกฝ่ายได้ ร่างเล็กบิดแขนตัวเองให้หลุดจากเชือกเท่าไหร่ก็ไม่มีผลเช่นกัน ตอนนี้ทั้งกายและใจของเขากำลังจนตรอก นึกย้อนไปถึงสิ่งที่รอฟังจากรยออุคแล้วก็ต้องเสียดายและเสียใจที่ไม่ฟังให้จบก่อน
“ทำไม คิดว่ามันกำลังนั่งสบายรึไง”
“ฮึก .. คุณใจร้าย คุณทำอะไรเค้า”
“ก็แค่นิดๆหน่อยๆ แต่สงสัยจะแรงไป”
“ไม่ ผมไม่เชื่อ คุณโกหก”
“นั่นสินะ ฮ่าฮ่าฮ่า แกนี่ก็ยังมีส่วนของความฉลาดอยู่บ้างที่ยังไม่ยอมเชื่อง่ายๆ ดี!! งั้นจะบอกให้ก็ได้นะ คนอย่างฉันไม่ให้มันได้ตายง่ายๆหรอก มันต้องเจ็บและรู้ซึ้งเสียมั่ง” ว่าแล้วก็ผลักประตูรถด้านของซองมินออก แรงผลักดันให้ร่างที่ถูกมัดมือไพล่หลังไว้ตกลงไปบนพื้นดินที่ปกคลุมไปด้วยหิมะขาวโพลน
ความหนาว
เวลายามเย็นล่วงเข้าสู่พลบค่ำก่อนที่จะเปลี่ยนไปให้เห็นพระจันทร์ลอยเด่นขึ้นบนท้องฟ้า ปุยหิมะสีขาวเริ่มพากันทิ้งตัวผ่านอากาศเย็นเยียบลงมายังพื้นถนน
คยูฮยอนกวาดสายตาไปทั้งร้านและก็ยิ่งใจไม่ดีไปใหญ่ มันไม่มีอะไรในร้านที่ผิดแปลกไปหรอก มันปกติมากเสียจนน่าแปลกต่างหากว่าทำไมป่านนี้แล้วเจ้าของร้านคนขยันยังไม่เก็บร้านและปิดประตูอย่างเคย คยูฮยอนรู้สึกว่าเท้าของเขาจะสะดุดกับอะไรบางอย่างและพอก้มหน้าลงไปที่พื้นเท่านั้นก็พบกับโทรศัพท์มือถือที่ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นของใคร เขานิ่งไปก่อนจะรีบก้มลงเก็บมันขึ้นมา
“ของคุณซองมินนี่ครับ” รยออุคเอ่ยด้วยเสียงที่บ่งบอกว่ากำลังเครียดไม่แพ้กัน ทั้งสามเงียบกันไปอีกทีและมั่นใจว่าสิ่งที่คิดนั้นไม่ต่างกันนัก คยูฮยอนเก็บโทรศัพท์มือถือของซองมินเอาไว้กับตัวแล้วรีบวิ่งเข้าไปด้านในบ้านด้วยความหวังที่คิดว่าจะพบอีกคนแม้ว่ามันจะไม่น่าเป็นไปได้ก็ตามที
ชายหนุ่มหยุดยืนในห้องนอนที่ว่างเปล่าอย่างคนหมดหนทาง สายตาที่กวาดไปทั้งห้องพบเข้ากับแหวนและกระดาษโน๊ตของตัวเองที่เพิ่งจะทิ้งเอาไว้ แหวนที่เจ้าของมันยังไม่ได้สวมใส่ถูกเขาหยิบขึ้นมากำเอาไว้โดยที่ไม่รู้ว่าเจ้าของมันหายไปไหน คยูฮยอนเดินหาซองมินจนทั่วก็ไม่พบแล้วอย่างนี้จะให้เขาคิดไปในแง่ดีได้อย่างไร
คนทั้งสามยืนอยู่กลางร้านพลางมองหน้ากันบ้าง ขบคิดไปต่างๆนานาบ้าง มันอาจจะไม่น่าห่วงนักหรอกหากว่าใครบางคนมันไม่ดันกำลังหลบหนีอยู่ในตอนนี้ นี่ก็ดึกมากแล้วและสภาพที่เห็นก็มากพอที่จะเข้าใจว่าคิดไม่ผิดแน่ แล้วจู่ๆคุณชายที่อารมณ์โกรธใกล้จะปะทุออกมาต้องชะงักไป คยูฮยอนดึงโทรศัพท์มือถือของตัวเองออกมาเพราะมีข้อความเข้า คลิปวีดีโอจากใครสักคนถูกส่งมาให้เขาต้องขมวดคิ้วแล้วจึงรีบเปิดดูด้วยมือที่สั่นอย่างห้ามไม่อยู่
โจวคยูฮยอนยืนจ้องสิ่งที่ฉายอยู่ในโทรศัพท์เครื่องนี้ด้วยแววตาที่แสนทรมาน เขาอยากจะเขวี้ยงมันออกไปด้วยซ้ำหากไม่ติดว่าในใจมันหวงแหนคนในคลิปมากแค่ไหน ภาพของร่างเล็กที่ถูกเชือกมัดแขนไว้ที่ด้านหลังกำลังนอนขดกายอยู่กับกองหิมะอันแสนหนาวเหน็บ อีซองมินพยายามจะตะเกียกตะกายหนีมือของคนโหดร้ายที่ยื่นออกมา ขาทั้งคู่ของใครสักคนเขี่ยร่างที่แทบจะแข็งเพราะความหนาวให้ไม่ต้องเผลอตายไปเสียก่อน ร่างนั้นถูกประชากไปตามพื้นแล้วดึงขึ้นไปในรถพลางหอบหายใจรวยรินแล้วถูกโยนลงมาใหม่ ใบหน้าซีดเผือดราวกับคนจะหมดลมของซองมินทำให้คยูฮยอนที่ยืนจ้องอยู่นั้นแทบจะกำโทรศัพท์ให้แหลกคามือได้เลยในตอนนี้ คุณชายที่เก็บความรู้สึกไว้ภายใต้ใบหน้านิ่งเฉยมาตลอด บัดนี้ทุกอย่างมันกลับพังทลายออกมาจนหมด แววตาคู่เรียวหรี่ลงอย่างเจ็บปวด ความโกรธแค้นและห่วงหาคนในโทรศัพท์ถูกแสดงออกมาอย่างไม่มีปิดบัง เส้นเลือดที่นูนขึ้นตามมืออีกข้างที่กำแน่นทำเอาคนที่มองอยู่รู้สึกเป็นห่วง
รยออุคเห็นท่าไม่ดีจึงรีบคว้าโทรศัพท์เครื่องนั้นออกมาจากมือของเจ้านาย
“นี่มัน...” รยออุคและคิบอมเบิกตากว้างกับสิ่งที่เห็น พวกเขาไม่อยากจะเชื่อนักว่าอีกฝ่ายที่เจ้านายให้ทำหน้าที่ดูแลมาตลอดจะถูกเล่นงานได้รวดเร็วอย่างนี้ ไอ้คนชั่วมันลอบกัดกันในตอนที่พวกเขาเผลอ
แค่ช่วงจังหวะที่ทุกอย่างกำลังไปได้สวย แค่บังเอิญกับที่พวกเขาปล่อยคุณซองมินให้อยู่ที่ร้านคนเดียวแล้วมันกลับหนีการเผชิญหน้าทางกฎหมายออกมาได้ ใครเลยจะคิดว่าเรื่องจะเป็นอย่างนี้ คิบอมหัวเสียกับความชะล่าใจในหน้าที่และยิ่งรู้สึกผิดมากไปอีกที่คุณชายไม่คิดจะเอ่ยต่อว่ามาสักคำ
ขณะที่บรรยากาศกำลังตึงเครียดโทรศัพท์ที่รยออุคถืออยู่ก็ดังขึ้นเพราะมีสายเข้า เขายื่นมันคืนให้คุณชายพร้อมกับมองดูเหตุการณ์อย่างตั้งใจ คยูฮยอนรีบกดรับอย่างไม่รอช้า และก็เป็นอย่างที่คาดไว้จริงๆ
“แกต้องการอะไร” เขากรอกเสียงลงไปชัดๆและพยายามกลั้นความขุ่นมัวในจิตใจเอาไว้
“ไม่ได้ต้องการอะไรหรอก แค่อยากรู้ว่าคลิปที่ส่งไปถูกใจรึเปล่า”
“แก....”
“อ้าวๆๆๆ คุณโจวคยูฮยอนครับ ปกติแล้วคุณไม่เคยใช้สรรพนามหยาบคายแบบนี้กับผมเลยนะ” ปลายสายว่าพลางกลั้วหัวเราะในลำคอซึ่งทำให้คนฟังโมโหยิ่งกว่าเก่า ชายหนุ่มนึกถึงทุกครั้งที่ต้องเจอหน้ากันไม่ว่าจะเรื่องงานหรือในงานเลี้ยงใหญ่โตของคนในวงการธุรกิจ เขากับคนๆนี้ก็ได้แต่ยิ้มและพูดคุยกันในฐานะคู่แข่งทางธุรกิจซึ่งในใจต่างฝ่ายต่างรู้ดีว่านั่นคือการเสแสร้งแกล้งทำ เพราะภายใต้ใบหน้าที่ยิ้มให้กันเพื่อหน้าตาในสังคม ความเป็นจริงแล้วสิ่งที่ทำอยู่นั้นพวกเขาต่างก็ห้ำหั่นกันอย่างไม่มีใครยอมใคร หากแต่จะเลยเถิดล้ำเส้นกันเกินไปหน่อยก็เห็นจะเป็นฝ่ายเดียวเท่านั้นที่จงใจใช้วิธีสกปรกทำร้ายกัน
“ฮ่าฮ่าฮ่า .. เป็นอะไรไปครับคุณชาย ถึงกับพูดไม่ออกเลยเหรอ” เสียงนั้น
“ฉันจะถามแกอีกครั้งนะปาร์คซึงโฮ แกเอาเค้าไปไว้ที่ไหน”
“ก็ดูเอาเองสิ แค่นี้ไม่รู้เหรอว่าอยู่ที่ไหน .. อา ก็แค่นอนเล่นอยู่ในกองหิมะเท่านั้นเอง ฮ่าฮ่าฮ่า”
“แก...”
“ไหนๆก็ไม่มีอะไรจะเสียแล้ว อีกแค่นิดเดียว ถ้าแกยังอยากจะชนะก็หาเอาเองละกันนะคุณชายคนเก่ง” ว่าแล้วเสียงหัวเราะอย่างคนไร้สติก็ดังขึ้นก่อนจะกดตัดสายไปทิ้งให้คุณชายที่ใครก็ว่าเก่งนักเก่งหนาร้อนใจจนแทบบ้า
ให้ตายสิ สองบอดี้การ์ดหนุ่มอดนึกไม่ได้กับการที่พวกเขาอุตส่าห์รวบรวมหลักฐานและจัดการเรื่องนี้ให้สาวไปถึงตัวมันได้ อีกแค่นิดเดียวใครเลยจะรู้ว่ามันจะหนีหัวซุกหัวซุนออกมาเหมือนหมาบ้าและลอบกลับมากัดกันอย่างนี้
“โทรบอกให้พวกที่เหลือมาที่นี่และหาให้ทั่ว นอกนั้นพวกนายก็จัดการกันเอง ถ้าไม่เจอก็ไม่ต้องมาให้ฉันเห็นหน้า” คยูฮยอนสั่งเสียงเข้มให้ลูกน้องที่ยืนอยู่ตรงหน้าต้องรับคำอย่างเข้าใจ ถึงแม้จะพูดอย่างนั้นแต่คนเป็นเจ้านายกลับเป็นฝ่ายที่รีบบึ่งออกไปจากร้านเสียเอง
คยูฮยอนเกลียดตัวเองนักที่เก่งไปเสียทุกเรื่องยกเว้นเรื่องของผู้ชายธรรมดาอย่างอีซองมิน เขาจะทำอย่างไร หัวใจมันเต้นรัวเสียจนแทบก้าวขาไม่ออก กลัวงั้นหรือ กลัวว่าจะทำใจไม่ได้หากต้องเสียอีกฝ่ายไป กลัวว่าตัวเองจะอยู่ยังไงถ้าไม่มีคนๆนี้
ยามมืดที่แสงจันทร์สาดส่องพร้อมกับเกล็ดหิมะที่ยังคงร่วงโรยลงมาอย่างไม่เหน็ดเหนื่อย ยามที่รถทั้งคันเบรกลงตามถนนแถบชานเมืองที่เจ้าของมันคาดว่าจะเป็นสถานที่ที่อาจจะพบใครคนนั้น หลายครั้งที่คยูฮยอนจอดรถลงเพื่อตามหาซอง
มินในบริเวณที่น่าจะเป็นป่าเพราะเท่าที่เขาเห็นมันปกคลุมไปด้วยหิมะและเป็นลานกว้างห้อมล้อมด้วยต้นไม้สูง แต่ทุกที่ก็ไม่เจอคนที่เขาห่วงหาเลยแม้แต่เงา ในเวลาเร่งรีบอย่างนี้ล่ะนะที่โชคมักไม่เข้าข้าง
“บ้าเอ๊ย ..”
คุณชายที่เริ่มหัวเสียแทบจะทนไม่ไหวจึงต้องสถบกับตัวเองขณะ
“คุณน่ะ .. ไม่รักผมแล้วใช่มั้ย หรือที่ผ่านมาคุณแค่ล้อเล่น”
ประโยคที่เคยได้ยินในตอนนั้นหวนเข้ามาทำให้โสตประสาทของเขาเริ่มจะบีบตัวมากขึ้นจนกลั่นออกมาผ่านหยดน้ำตาที่ไม่คิดว่าตัวเองจะมีมันออกมาง่ายๆ นึกถึงใบหน้าที่ร้องไห้อยู่เงียบๆมันยิ่งตอกย้ำให้เขารู้สึกผิดจนแทบไม่อยากให้อภัยตัวเอง ที่ทำได้มากที่สุดก็คงไม่พ้นที่จะเข้าไปกอดเอาไว้แล้วบอกว่าเขารักมากแค่ไหน อยากบอกให้รู้ว่าโจวคยูฮยอนคนนี้รักอีซองมินได้แค่คนเดียว
“.. ใครบอกว่าฉันไม่รัก เพราะฉันรักนาย ได้ยินรึเปล่าซองมิน”
ความเย็นไม่ต่างจากน้ำแข็งที่ซึมซาบเข้าสู่ร่างกายกำลังจะทำให้เขาหยุดหายใจได้แล้วในตอนนี้ หากครั้นเปลือกตาจะปิดลงก็ทรมานอย่างสุดแสนเมื่อมีมือคู่เดิมมากระชากร่างกายที่รวดร้าวจากความชาให้กลับเข้าสู่ความอุ่นกว่าเดิมแค่เพียงนิดจากรถยนต์ที่จอดอยู่ แต่นั่นมันก็สามารถหล่อเลี้ยงให้เลือดของเขาไหลเวียนใหม่ได้อีกครั้ง และสักพักก็ถูกผลักให้ลงมากองอยู่ที่เดิมอย่างเก่า
เป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆท่ามกลางสายตาของคนโหดร้ายที่ยิ้มเยาะอย่างพอใจกับผลงานของตัวเอง ปาร์คซึงโฮที่ตอนนี้ไม่เหลือคราบของคนมีหน้ามีตาในสังคมกำลังรอคอยฝ่ายตรงข้ามที่เขาแสนเกลียดว่าจะมาถึงที่นี่ได้หรือเปล่า แม้ว่าอาจจะดูโง่ไปหน่อยที่ไม่ระวังตัวแต่เขามีอะไรให้ต้องเสียล่ะ หากจะต้องถูกจองจำหรือรับโทษข้อหาอะไรก็ขอให้ไอ้คุณชายที่แย่งทุกอย่างไปจากเขาได้ลิ้มรสของการสูญเสียบ้างจะเป็นไรไป
“ฮ้า .. นี่ก็ใกล้จะตีสองแล้ว ดูเหมือนว่าไอ้คุณชายที่นายรักนักรักหนาจะหานายไม่เจอแล้วล่ะมั้ง แต่เอ๊ะ หรือว่าไม่คิดจะหากันแน่นะ ฮ่าฮ่าฮ่า” เสียงหัวเราะของปีศาจในร่างมนุษย์เรียกให้ซองมินที่นอนหายใจรวยรินต้องกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ หากจะตายตรงนี้เขาก็ขอสาบานเลยว่าชาติหน้าอย่าได้ต้องเกิดมาเป็นคนไม่มีหัวใจและไร้รักอย่างผู้ชายคนนี้เลย
ร่างสูงใหญ่ในโค้ทยาวตัวหนายืนบดบังแสงจันทร์ขณะที่เขาเงยหน้าขึ้นมอง แววตาน่ากลัวไล่มองเหยื่อที่ใกล้จะหนาวตายพร้อมแสยะยิ้มร้ายให้ ซองมินไม่อยากจะมองมันนักจึงหลับตาลง ไม่นานนักหูของเขาก็ได้ยินเสียงรถทั้งคันแล่นจากไปพร้อมกับคนใจโหดโดยที่ไม่สามารถหันไปมองได้ว่ามันแล่นไปทางไหน และหากสองขาของเขาไม่ชาจนหมดแรงก็คงพอจะลุกวิ่งหนีไปแล้วเหมือนกัน ผู้ชายคนนั้นทิ้งเขาเอาไว้ให้นอนรอความหวังหรือรอความตายกันแน่เขาก็ไม่อาจรู้ได้ ที่แน่ๆในตอนนี้รู้แค่ว่าได้ยินแค่เสียงลมเย็นๆกับลมหายใจแผ่วเบาของตัวเองที่นอนนิ่งรอเวลาให้ใครมาเจอเข้าเท่านั้น
“ฮึก....” ไม่ใช่ไม่เชื่อ แต่ซองมินจะยังเข้าข้างตัวเองได้ใช่ไหมว่าสำคัญขนาดที่คยูฮยอนต้องตามหาเขาจนเจอ สิ่งที่ได้ยินจากผู้ชายคนนั้นมันอาจทำให้ใจไขว้เขวไปบ้างแต่ในเมื่อซองมินได้เชื่อแล้วก็จะขอเชื่ออีกสักครั้ง ที่ผ่านมาเขาดันทุรังไปก็มาก หากจะดื้อด้านกับรักครั้งนี้อีกสักครั้งก็คงจะไม่มีอะไรให้ต้องเสียใจอีกแล้ว
ซองมินหลับตาอย่างหมดหวังกับทุกสิ่งที่เกิดขึ้น เขาน้อยใจทั้งที่ไม่อยากจะเป็นอย่างนี้เลยแม้แต่นิด
.. คุณจะมาใช่ไหม คุณตามหาผมอยู่ใช่หรือเปล่า
สองขาของคนหมดทางวิ่งผ่านต้นไม้สูงที่โอบรอบเขาไว้และหากไกลออกไปอีกก็ยิ่งลึกเข้าไปในป่า ร่างสูงที่ละทิ้งรถไว้ที่ด้านนอกกำลังวิ่งเหยียบย่างพื้นดินที่ปกคลุมไปด้วยหิมะราวกับแข่งกับอะไรสักอย่าง เสื้อนอกตัวหนาอันแสนเรียบหรูปลิวสะบัดไปตามแรงวิ่งที่ไม่แม้แต่จะสนใจอะไรอีกแล้ว
คยูฮยอนที่ใกล้จะหมดหวังเมื่อลองนึกถึงคนที่รักแล้วความท้อที่มีอยู่เต็มอกก็พลันหายไป แรงกายแรงใจของเขาทั้ง
นานเท่าไหร่แล้วนะที่ซองมินรู้สึกว่าตัวเองนอนหนาวอยู่ตรงนี้แต่ก็ยังไม่หมดลมหายใจ หิมะสีขาวเริ่มจะกลายเป็นปุยสีก่อนจะละลายหายไปเพราะแสงแดดอ่อนที่ส่องลงมาให้รับรู้ว่าล่วงเข้าสู่เช้ามืดแล้ว ซองมินหมดแรงแม้กระทั่งจะกระพริบตา มือสองข้างที่ถูกพันธนาการไว้ที่ด้านหลังด้วยเชือกเส้นหนาทำยังไงก็ไม่มีทางให้มันหลุดออกไปได้ ผิวขาวที่โผล่พ้นเสื้อผ้าเนื้อบางเป็นรอยแดงจากการถูกหิมะกัด แต่ถึงยังไงมันคงไม่ทรมานเท่าที่หัวใจ
นอกจากครอบครัวแสนรักที่จากไป เกิดมาชีวิตนี้ก็เพิ่งจะเคยมีความรักสักครั้งอย่างคนอื่นเค้า อีซองมินไม่ได้อยากจะขออะไรมากเลยจริงๆ แต่ ณ เวลานี้ถ้าเขาจะต้องตายไป หากขอพรได้ก็แค่อยากเห็นหน้าคนๆนั้นแค่สักครั้ง สักครั้งเท่านั้น ต่อให้มันอาจจะเป็นแค่ภาพลวงตาก็ตามที อย่างน้อยเขาก็พอจะหลอกตัวเองให้ยิ้มได้ก่อนจะหมดลมหายใจ
“ซองมิน!!!”
ราวกับสวรรค์เห็นใจและได้ยินในสิ่งที่คนตัวเล็กๆคนนี้ขอ เสียงดังที่แว่วมาแต่ไกลดึงสติให้ลมหายใจแผ่วเบายังคงเข้าออกอย่างเดิม และตามสัญชาตญาณแล้วซองมินจึงขยับกายที่แน่นิ่งเพียงนิดเท่าที่แรงในตอนนี้จะมี เขาอาจจะฝันเหมือนจริงก็เป็นได้กับสัมผัสอบอุ่นที่แตะต้องลงมาบนเนื้อตัว
“ซองมิน ซองมิน ...” เสียงของคยูฮยอนตะโกนเรียกทั้งที่อีกฝ่ายอยู่ใกล้แค่ในอ้อมกอด ชายหนุ่มวิ่งแบบแทบไม่คิดชีวิตเพื่อตรงเข้ามาโอบร่างนี้ไว้ เขาดีใจแค่ไหนที่หาอีกฝ่ายจนเจอแต่สภาพที่เห็นทำเอาคยูฮยอนแทบหัวใจสลายลงในทันที ร่างสูงตั้งสติพลางรีบแก้เชือกหนาที่ข้อมือเล็กออกอย่างรวดเร็วพร้อมทั้งเขย่าคนในอ้อมกอดให้รับรู้ว่าเขาอยู่ตรงนี้
“คุณมาหาผมจริงๆใช่มั้ย หรือว่าผมฝันไป”
“ไม่ นายไม่ได้ฝันหรอก ฉันอยู่นี่แล้วไงซองมิน” เสียงทุ้มก้มลงกระซิบที่ข้างหูพลางแนบใบหน้าลงกับคนที่เขาห่วงหาอย่างสุดแสน คยูฮยอนถอดเสื้อนอกของตัว
“ฮึก .. คุณมาจริงๆด้วย”
“ฉันอยู่นี่แล้ว ไม่ต้องกลัวนะ”
“ผมไม่ได้กลัวแล้ว แค่รู้ว่าคุณมาตามหาก็พอใจแล้วล่ะ” ซองมินพูดได้แค่นั้น
สักพักคยูฮยอนก็เป็นฝ่ายดันร่างเล็กออกจากอกพลางจ้องตาเหมือนอยากจะพูดอะไร แต่สิ่งไหนเลยจะเท่าความห่วงใยของเขาที่มีในตอนนี้
“มันทำอะไรนายรึเปล่า”
“ปะ เปล่าหรอก เค้าทิ้งผมไว้ที่นี่” นั่นไงล่ะ อีซองมินที่มองโลกในแง่ดีตอบปฏิเสธแทบจะในทันทีว่าไม่ได้ถูกทำอะไร งั้นสิ่งที่เจอและสภาพที่คยูฮยอนเห็นมันก็แค่การทิ้งไว้เฉยๆงั้นสินะ
“เฮ้อ .. รู้มั้ยว่าฉันตามหาแทบแย่ ทีหลังอย่า.....” ถึงตรงนี้เขาก็เงียบไปขณะที่สบตากับคนในอ้อมกอดที่เงยมองอย่างรอฟังในสิ่งที่เขาจะพูด คยูฮยอนแค่กำลังจะบอกว่าอย่าหายไปอย่างนี้อีก แต่เขาจะพูดได้อย่างไรในเมื่อเรื่องโหดร้ายที่เกิดขึ้นกับอีกฝ่ายมันมาจากเขาทั้งนั้น ใช่ว่าอีซองมินอยากจะออกมานอนหนาวอยู่ตรงนี้เสียเมื่อไหร่ ใบหน้าหวานพร้อมคราบน้ำตาซีดเซียวอย่างอ่อนระโหยโรยแรง คยูฮยอนกลั้นใจมองใบหน้าของซองมินที่ทำให้เขาเจ็บกว่านัก
“ทีหลังฉันจะดูแลนายดีๆ จะไม่ให้ห่างสายตา จะไม่ให้ใครหน้าไหนมาแตะต้องได้อีก” ทุกถ้อยคำและทุกพยางค์ที่เน้นย้ำออกมาชัดๆแสดงผ่านคำพูดและสาย
“งั้นเรื่องที่ผ่านมา เรื่องที่สองคนนั้นเล่าให้ผมฟัง”
“ใช่แล้วล่ะ อย่างที่พวกนั้นเล่าให้นายฟัง .. ฉันขอโทษ”
“แล้วทำไมคุณไม่บอก คุณโกหกทำไม.........”
ขณะที่พูดคุยกันได้แค่ไม่กี่ประโยค คนตัวเล็กที่ยังแคลงใจก็ต้องหยุดขมวดคิ้วพร้อมกับสีหน้าตกใจกับสิ่งที่กำลังเห็น ร่างของคนใจร้ายที่ซองมินไม่นึกว่าจะมาปรากฏกายขึ้นนั้นโผล่มายืนข้างหลังของคยูฮยอนตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ท่อนไม้ยาวใหญ่ในมือของอีกฝ่ายง้างขึ้นกลางอากาศพร้อมๆกับที่ซองมินอ้าปากขึ้นจะร้องบอกคยูฮยอนที่หันหลังให้คนๆนั้น
“คุณคยูฮยอน!!”
ผลั่ก!!
ไม่ทันเสียแล้ว ท่อนไม้ขนาดใหญ่ถูกฟาดลงที่ศีรษะด้านข้างของคยูฮยอนอย่างแรง ร่างสูงของคุณชายเอนล้มไปตามแรงที่ถูกของแข็งฟาดลงมา เลือดสีแดงไหลลงมาตามขมับพร้อมกับมือที่ยกขึ้นกุมด้วยความเจ็บ ซองมินดึงแขนคยูฮยอนเอาไว้ด้วยอาการที่ตกใจจนทำอะไรไม่ถูก
“คยูฮยอน คุณ คุณเลือดออก”
“อึก .. ซองมินหลบไป” ชายหนุ่มพยายามดันตัวเองขึ้นจากพื้นเอื้อมปัดป้องให้อีกคนถอยออกไปจากเขา ห่วงเหลือเกินว่าคนที่โผล่เข้ามาจะทำร้ายอีกฝ่ายได้
“แหมๆ ห่วงกันดีจังนะ”
“แก ถอยไปนะ” คยูฮยอนส่งเสียงดังไล่คนที่ก้มหน้ามองพวกเขาอย่างไม่คิดจะปราณีอะไรอีก สองแขนกางออกกั้นร่างเล็กให้พ้นออกมาจากไอ้คนตรงหน้า ซองมินเลยทำได้เพียงหลบอยู่ข้างหลังของคยูฮยอนโดยไม่นึกว่าตัวเองจะทำให้อีกฝ่ายห่วงมากขนาดที่สมองอันปราดเปรื่องของคุณชายคนนี้จะลดทอนประสิทธิภาพลงไป อาการมึนและชาที่หัวมันไม่ได้ทำให้คยูฮยอนหวั่นใจเท่าไหร่นักหากเทียบกับคนด้าน
“จะตายแล้วยังทำเก่งอีกนะพวกแก!” ปาร์คซึงโฮเปลี่ยนจากยิ้มร้ายมาเป็นสายตาอาฆาตแทบจะในทันที มือข้างหนึ่งที่ถือปืนยกขึ้นจ่อสองร่างที่อยู่แทบเท้าของเขา คยูฮยอนไม่ใช่คนที่จะจนมุมเอาง่ายๆในสถานการณ์อย่างนี้ ถึงแม้ว่าเขาจะถูกทำร้ายจากด้านหลังก็ตามที มือที่ปกป้องคนรักเอาไว้ไม่รอช้าที่จะชักเอาปืนในเสื้อออกมาป้องกันตัวจากคนตรงหน้า หากแต่มันคงจะช้าไปนิดเมื่อจุดอ่อนของเขามันอยู่ที่อีกคนมากกว่า
ร่างสูงใหญ่เตะเข้าไปที่มือของคยูฮยอนทำให้ปืนที่เพิ่งดึงออกมาได้กระเด็นตกลงที่พื้น และจังหวะเดียวกันกับที่เขาเอื้อมจะไปคว้ามันขึ้นมาคืนก็ถูกสองขาคู่เดิมซัดเข้าที่ท้ายทอยจนล้มพับลงไปอีก แค่วินาทีเดียวเท่านั้นที่คยูฮยอนไม่สามารถปกป้องซองมินไว้ได้ ร่างของศัตรูจึงตรงเข้าดึงเอาคนตัวเล็กให้ลุกขึ้นยืนแล้วกระชากให้เดินตามไป
“ซองมิน!” คยูฮยอนเซลงไปพร้อมกับเลือดบนหัวที่เปรอะแดงไปทั้งเสื้อเชิ้ตสีขาว ชายหนุ่มแทบขาดใจเมื่อเห็นคนรักถูกใครอีกคนลากออกไปจากตัวเขา ซองมินที่ยังคงชาไปทั้งร่างถูกมือใหญ่นั่นลากถูไปกับกองหิมะที่บาดเย็นลงไปตามขาของเขา ร่างเล็กปัดป้องตัวเองด้วยแรงอันน้อยนิดโดยไม่ลืมหันไปมองยังอีกคนที่กำลังเจ็บ
“ฮึก .. คยูฮยอน”
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ!!”
คยูฮยอนลืมไปแล้วซึ่งความเจ็บหรืออะไรทุกอย่าง เขารู้แค่ไม่มีทางปล่อยให้ไอ้คนชั่วมันทำอะไรคนที่เขารักได้อีกแล้ว ร่างสูงตะกายเท้าฝ่ากองหิมะวิ่งตามพร้อมกับปืนในมือที่เตรียมเหนี่ยวไกได้ทุกเมื่อ ปาร์คซึงโฮเห็นท่าไม่ดีจึงตรงเข้าล็อคคอของซองมินเอาไว้พร้อมกับกดปลายกระบอกปืนลงไปที่ศีรษะ
“ฮะฮะฮะ ก็ยิงมาเลยสิวะ ฆ่าฉันอย่างที่แกอยากฆ่าเลยสิ ฉันจะได้ฆ่าหมอนี่แลกกันไง” หลังจากตะโกนแล้วก็หัวเราะอย่างบ้าคลั่งออกมา คยูฮยอนจำต้องหยุดยืนห่างออกไปแค่ไม่กี่ก้าวพร้อมกับใจแทบขาดเมื่อเห็นว่าสีหน้าคนรักที่เหนื่อยอ่อนกำลังหวาดกลัวจนตั่วสั่น ร่างสูงของคุณชายยืดแขนออกไปข้างหน้าพร้อมกับปืนที่จ่อเล็งไปยังเป้าหมาย แต่เขาจะทำอะไรต่อไปได้อีกในเมื่อตัวประกันนั้นอยู่ในสภาพที่บังคับให้เขากระดิกไม่ได้เหมือนกัน
ซองมินรู้สึกว่าตัวเองกำลังน้ำตาไหลออกมาทีละหยดอีกครั้ง มือบางกำรั้งท่อนแขนที่ล็อคคอของเขาเอาไว้จนแทบหายใจไม่ออก ปลายกระบอกปืนเย็นเยียบสัมผัสเข้าที่ขมับให้รู้ว่าหากขยับหรือคิดหนีเข้าหน่อยมันก็พร้อมจะปลิดชีพเขาได้ทุกเมื่อ
พอแล้วล่ะ อีซองมินเหนื่อยเหลือเกิน เขาจะทนได้อีกเท่าไหร่ถ้าต้องเห็นคนตรงหน้าเจ็บตัวไปกว่านี้
“ฮึก .. คยูฮยอน คุณหนีไปเถอะ ไม่ต้องห่วงผมอีกแล้ว”
“พูดอะไรน่ะซองมิน”
“ก็มันไม่จริงรึไง คุณยังมีอนาคต มีคนที่รักคุณและรอคุณอยู่ อย่าเอาชีวิตมีค่าของคุณมาแลกกับผมเลยนะ”
“.............” คยูฮยอนที่จ่อปืนตรงไปข้างหน้ายังคงอยู่ในท่าเดิมขณะที่ฟังเสียงซองมินพร่ำบอกออกมา ใบหน้าของคนใจร้ายแสยะยิ้มอีกทีกับความทรมานของคนที่เขาอยากให้เจ็บเจียนตาย
“คุณน่ะ ไม่ต้องทำอะไรอีกแล้วคยูฮยอน แค่คุณมาหาผม แค่คุณยังรักกันอยู่บ้าง แค่เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว ฮึก .. เชื่อผมนะ กลับไปเถอะ” สิ้นพยางค์สุดท้ายท่อนแขนใหญ่ก็ล็อคลำคอขาวให้แน่นขึ้นพร้อมทั้งกดย้ำปลายกระบอกปืนลงไปมากกว่าเก่า และการกดดันนี้ก็เป็นไปตามที่ตัวเองคาดการณ์ไว้ คุณชายคยูฮยอนที่ทนดูไม่ได้จึงจำต้องตะโกนถามออกไปอย่างไม่มีทางเลือก
“แกต้องการอะไร บอกฉันมาแล้วปล่อยเค้าไป”
“ต้องการอะไรงั้นเหรอ ไม่รู้รึไงวะไอ้ผู้ดีที่เก่งแต่โง่ ฮ่าฮ่า”
“.. ถ้าอยากให้ฉันเลิกยุ่งกับแกงั้นก็ปล่อยเค้ามาหาฉันซะ แล้วแกจะไปไหน
ปาร์คซึงโฮหัวเราะลั่นอีกครั้งกับข้อเสนอที่ไม่นึกว่าจะได้ยินจากปากของคุณชายคนที่เขาคิดว่าจะแน่สักแค่ไหน แม้มันจะน่าสนแต่จะเอาอะไรเป็นหลัก
“โธ่เอ๋ย คุณชายโจวคยูฮยอน คิดว่าเงื่อนไขหลอกเด็กแบบนั้นมันใช้กับคนอย่างฉันได้งั้นเหรอ”
“แล้วแกต้องการอะไร”
“ก็ต้องการให้แกได้รับรู้ถึงความเจ็บของการพ่ายแพ้ยังไงล่ะ”
“พ่ายแพ้ นายแพ้เพราะตัวนายเองไม่ใช่เพราะคนอื่น ทุกอย่างหัดยอมรับตามกติกาซะมั่งสิ .. ”
“งั้นกติกาอะไรไม่ทราบที่ทำให้แกมีสิทธิ์แย่งคนที่ฉันรักไปนะฮะ!!” เมื่อถึงตรงนี้เสียงทุ้มของคนที่ล็อคร่างซองมินเอาไว้ก็ตะคอกออกมาด้วยอารมณ์ที่ปะทุขึ้นอย่างน่ากลัว นอกจากการแข่งขันกันเรื่องธุรกิจแล้วก็ใช่ว่าคยูฮยอนไม่รู้อะไรเลยหรอกนะ แต่เขาจะพูดยังไงได้อีกในเมื่อเหตุผลคนเรามันต่างกันขนาดนี้
“มินอาเค้ารักแกมั้ยล่ะ เค้าเคยบอกว่ารักแกมั้ยหรือคิดไปเองคนเดียว หรือถ้าเค้ารักแกจริงเค้าคงไม่ทิ้งให้แกอยู่กับความอาฆาตและทำเรื่องเลวร้ายอย่างนี้ได้หรอก เพราะงั้นอย่าได้เที่ยวโทษคนอื่นอีกเลย เพราะแกเองนั่นแหละ แกทำตัวของแกเอง...”
“หุบปาก!! อย่าได้รู้ดีไปหน่อยเลย คนที่ไม่เคยถีบตัวเองมาจากที่ต่ำๆอย่างแกคงไม่รู้หรอกว่ามันลำบากแค่ไหน” คยูฮยอนได้ยินแล้วก็อยากจะหัวเราะให้ตัว
“แกต่างหากล่ะที่ไม่รู้ แกคิดว่าตัวเองลำบากอยู่คนเดียวงั้นสิ คิดว่าฉันไม่พยายามหรือยังไงกัน หึ .. และถ้าแกคิดว่าตัวเองถีบตัวมาจากที่ต่ำๆได้แล้วทำไมถึงปล่อยให้จิตใจตัวเองกลับไปต่ำแบบนั้นได้อีกล่ะ”
“หนอยไอ้นี่ ถ้าแกไม่อยากให้มันตายก็หุบปากพล่อยๆของแกไปซะ” ว่าแล้วร่างนั้นก็กระชับคนตัวเล็กพลางลากให้ถอยหลังออกมาอีกก้าว ปืนที่จ่ออยู่เหมือนจะถูกเจ้าของมันเตรียมลั่นไกเพราะอารมณ์ขุ่นมัวในตอนนี้ คยูฮยอนเบิกตากว้างกับภาพตรงหน้าที่เขาไม่รู้จะยื้อมันไว้ด้วยวิธีไหนนอกจากตะโกนขอร้องออกไป
“อย่านะ อย่าทำอะไรเค้า ฉันขอร้อง” ร่างสูงที่กำปืนยื่นตรงไปบัดนี้จึงต้องลดมันลงข้างกาย ภาพตรงหน้าทำเขาใจสั่นแค่ไหนที่นึกว่าเสียงปืนจะดังเมื่อไหร่ แต่ยังดีที่โชคเข้าข้างอยู่บ้างซองมินจึงยังคงปลอดภัยจากน้ำมือของคนชั่ว
“ขอร้องงั้นเหรอ ..อา คำนี้ไม่นึกเลยนะว่าจะได้ยินจากปากของนาย ว่าแต่ว่ากระต่ายน้อยตัวนี้มันมีดีอะไรนักหนานะ คุณชายที่ไม่เคยยอมใครถึงได้จะเป็นจะตายด้วยนัก” ว่าแล้วยิ้มเหี้ยมเกรียมก็แสร้งปรากฎขึ้นก่อนจะก้มลงซุกไซร้ไปเบาๆตามพวงแก้มที่เปรอะไปด้วยคราบน้ำตา ซองมินหลับตาลงแน่นกับสัมผัสที่น่าขยะ
คยูฮยอนยืนมองภาพตรงหน้าที่ตัวเองไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากร้องขอและอ้อนวอน
“อย่าทำอะไรเค้า ขอร้อง ฉันขอร้องจริงๆ อยากฆ่าก็มาทำที่ฉันนี่ อย่าทำอะไรซองมินเลย ได้โปรด”
“ฮึก .. ไม่นะคยูฮยอน คุณอย่าขอร้องเค้าอย่างนี้ อย่ายอมแพ้เพียงเพราะผมคนเดียว” สองคนที่ห่วงหากันด้วยหัวใจที่เจ็บปวด ยิ่งเห็นก็ยิ่งสะใจผู้ชายคนนี้มากขึ้นอีกเป็นเท่าตัว แต่ทำไมนะเสี้ยวหนึ่งภายในใจมันถึงได้รู้สึกหงุดหงิดกับความรักของสองคนนี้ขึ้นมา และโดยไม่รู้ตัวว่าสาเหตุมันมาจากความอิจฉา เมื่อเห็นอย่าง
“วางปืนลง”
“...........”
“ฉันบอกให้แกโยนปืนทิ้งไปเดี๋ยวนี้ไงเล่า ได้ยินมั้ยฮะ!!” ปาร์คซึงโฮคำรามลั่นไปทั้งป่า และต่อให้ซองมินร้องห้ามแค่ไหนคยูฮยอนก็คงทำตามไม่ได้อยู่ดี ชายหนุ่มนิ่งไปสักพักก่อนจะตัดสินใจโยนปืนของตัวเองลงไปที่พ้นห่างจากตัว แขนสองข้างยกขึ้นช้าๆให้รู้ว่าเขาไม่มีอาวุธอีกแล้ว
“พอใจรึยัง ฉันสู้อะไรแกไม่ได้แล้ว เพราะงั้นปล่อยเค้าไปแล้วแกจะทำอะไรกับฉันก็ได้”คยูฮยอนยอมแล้วจริงๆ ถ้าแลกกับการที่ลูกปืนนัดนั้นไม่ต้องสัมผัสกับร่างกายของซองมินแค่นี้เขายอมได้ คนสามคนที่ยืนห่างออกไปเป็นสองฝั่งกำลังจ้องกันและกันอย่างไม่ลดละ ซองมินรู้สึกว่าทั้งหมดมันแน่นอยู่ในอกปานจะขาดใจ แรงสะอื้นของเขาแผ่วเบาเสียเหลือเกิน ยามเมื่อจองตากับคนที่รักสุดหัวใจ ต่อให้พยายามจะไขว่คว้าไว้แค่ไหนทำไมมันเอื้อมไม่ถึงเสียที
“รักกันนักใช่มั้ย ดี!! ในเมื่อแกไม่อยากให้ฉันทำอะไรคนๆนี้ ฉันก็จะไม่ทำ งั้นเริ่มที่แกเลยแล้วกัน” ว่าแล้วปืนที่จ่ออยู่ขมับของซองมินก็เปลี่ยนทิศในทันที
ปัง!!!!!
สิ้นเสียงดังลั่นเหล่านกไม่กี่ชีวิตในป่าบริเวณนี้ก็บินกระเจิงหนีไป เลือดสีแดงสดทะลักออกมาจากขาข้างหนึ่งของคยูฮยอนก่อนจะไหลซึมย้อมให้พื้นสีขาวโพลนแดงฉานไปทั้งบริเวณที่ยืนอยู่ ร่างสูงทรุดลงไปคุกเข่าอยู่กับพื้นเพราะไม่สามารถต้านความเจ็บปวดที่ต้นขาไป คยูฮยอนกัดฟันฝืนสติให้ทนความเจ็บเข้าไว้โดยไม่ลืมจะเงยขึ้นสบตากับคนที่มองมาอย่างห่วงใยเพื่อบอกว่าเขาไม่เป็นอะไร
“ฮึก ..ปล่อยนะ อย่าทำเค้า” ซองมินมองเลือดของคนตรงหน้าที่ไหลออกมาผ่านม่านน้ำตาของตัวเอง เขาพยายามดิ้นให้หลุดจากการเกาะกุมอย่างไม่คิดชีวิต แต่แรงแค่นั้นมันคงไม่สามารถหลุดออกไปได้ สายตาของคุณชายที่เคยอวดดีกับเขา ในตอนนี้มีเพียงแววตาห่วงหาอาวรณ์ส่งมาให้ คยูฮยอนแค่คิดว่าเขาเจ็บแทนได้ทั้งหมดอยู่แล้ว
“ปล่อยเค้าไปได้รึยัง”
“ฮ่าฮ่าฮ่า แค่นี้เองเหรอวะ ฉันยังสนุกไม่พอหรอก” ว่าแล้วกระสุนอีกนัดก็ตรงเข้าทะลวงที่หัวไหล่ด้านเดียวกับขาก่อนหน้านี้ ครั้งนี้แทบทำให้ชายหนุ่มทรุดลงไปทั้งร่างเช่นเดียวกับตัวประกันที่ร้องลั่นปานจะขาดใจ แต่นั่นมันก็แค่เรื่องสนุก
สนานสำหรับคนที่ทำมันลงไปเท่านั้นเอง
“ไอ้คนเลว นายมันเลวที่สุด ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะฉันจะไปหาเค้า ฮึก .. ปล่อยนะ!!” ร่างเล็กดิ้นไปมาขณะที่คนหัวเราะไม่คิดจะสนใจอะไร แต่แล้วท่อนแขนใหญ่ที่เคยล็อคร่างนี้ไว้ก็เผลอคลายออกเพราความชะล่าใจ เป็นจังหวะกับที่ฟันซี่เล็กจะกัดเข้าให้เต็มแรง
“โอ๊ย!” ปาร์คซึงโฮร้องออกมาเพราะความเจ็บก่อนที่คนในอ้อมแขนจะได้โอกาสหนีไปจากเขาได้ แค่ไม่กี่ก้าวที่ซองมินวิ่งตรงมาหาคยูฮยอนปลายกระบอกปืนที่ด้านหลังก็เล็งมาที่เขาแล้ว ร่างเล็กโผเข้าหาคนตรงหน้าที่นั่งอยู่กับกองเลือดอย่างเป็นห่วง หากแต่คยูฮยอนกลับเป็นฝ่ายที่ห่วงซองมินมากกว่า ใบหน้าคมมองตามปืนที่เล็งมาทางพวกเขาก่อนที่ทางเลือกมันจะเหลือน้อยเต็มที หรืออันที่จริงแล้วมันคงไม่มีเลยมากกว่านอกจากร่างกายของเขาเองที่เจ็บแทนและสามารถตายแทนได้ทุกเมื่อ
“ซองมิน..” คยูฮยอนโอบคนตรงหน้าเอาไว้ก่อนจะตวัดกายเข้าบังทั้งร่างของซองมินจากกระสุนนัดปลิดชีพ ครั้งที่สามที่เลือดของเขาต้องหลั่ง แต่ครั้งนี้มันไม่ใช่ที่แขนหรือที่ขาเพราะมันตรงเข้าทะลุที่อกซ้ายจากทางด้านหลัง คยูฮยอนแน่นิ่งขณะที่โอบกอดซองมินไว้แน่น แรงกอดของอ้อมแขนที่คลายออกทำเอาหัวใจดวงน้อยคล้ายจะหยุดเต้น ซองมินรับน้ำหนักของคยูฮยอนเอาไว้ก่อนที่ร่างสูงจะทิ้งตัวลงมาบนตักของเขา
“ฮ่าฮ่าฮ่า ฉันเชื่อเลยว่าแกรักกันจริงๆ นี่ถึงขนาดยอมตายแทนได้เลยใช่มั้ยคุณชาย” เสียงหัวเราะอันโหดร้ายยังคงดังก้องสะท้อนไอหนาวที่แสงแดดส่องมาถึงได้เพียงน้อยนิด ผู้ชายคนนี้ยืนมองเหยื่อที่ไม่มีทางรอดจากเงื้อมมือของเขาด้วยแววตาสั่นระริกอย่างภาคภูมิใจ
เลือดที่ไหลออกมาจากร่างกายในคราวนี้ยิ่งกว่าน้ำที่ไหลเสียอีก สีแดงฉานย้อมกลืนเกล็ดหิมะรอบกายรวมถึงเสื้อผ้าของคนทั้งสองที่ตระคองกอดกันอยู่อย่างนั้น
“ฮึก คยูฮยอน คยูฮยอน คุณเลือดออกมากขนาดนี้ต้องแข็งใจไว้นะ เดี๋ยว
“อย่าร้องเลย ต่อให้ฉันต้องตายสองคนนั้นมันก็ไม่โทษนายหรอก”
“อย่าพูดนะว่าคุณจะตาย คุณต้องไม่เป็นไรนะ อย่าทิ้งผมไปนะ”
“ที่ผ่านมาฉันขอโทษ อึก ..ปล่อยให้สองคนนั้นมันดูแลนายทั้งที่ฉันไม่ได้ทำอะไรเลย วันนี้ก็ถือว่าฉันได้ทำหน้าที่ของฉันบ้างแล้วนะ”
“ใครบอกล่ะว่าคุณไม่ได้ทำอะไร คำสั่งของคุณไม่ใช่รึไงที่บอกให้พวกเค้าดูแลผมให้ดีๆ ฮึก ถึงคุณไม่ได้ทำเองแต่ทั้งหมดมันก็คือคุณ เข้าใจมั้ยคยูฮยอน ..ฮือ” ซองมินโอบร่างที่จมกองเลือดเอาไว้ด้วยใจที่ร้าวราน แต่ละวินาทีมันพร้อมจะพรากผู้ชายคนนี้ไปจากเขาได้ตลอดเวลา
“บอกแล้วไงว่าอย่าร้อง ขอร้องล่ะนะ ฉันไม่อยากเห็นนายร้องไห้เลย”
“แล้วคุณทำทำไมล่ะ คุณมันใจร้ายมากที่ไม่บอกอะไรผมแต่แรกแล้วยังจะมาทิ้งกันไปแบบนี้มันใช้ได้ที่ไหนกัน”
“ขอโทษ ฉันมันเห็นแก่ตัว ฉันแค่กลัวว่าถ้านายรู้แล้วจะจากฉันไป ถ้านายรู้เรื่องของฉันนายอาจจะรังเกียจและกลัวจนไม่อยากยุ่งเกี่ยว อึก .. ฉันกลัวว่าจะเสียนายไป เข้าใจมั้ย ฉันผิดเอง ขอโทษ ...”
“ไม่ต้องขอโทษแล้ว ฮึก ผมมันดูโลเลขนาดนั้นเลยรึไงกัน” เสียงเล็กทั้งต่อว่าตัดพ้อพลางสะอึกสะอื้นไปด้วย
“ไม่ใช่หรอก ฉันมันไม่ดีเอง..”
“พอแล้ว ช่างมันเถอะนะ เรื่องนั้นน่ะช่างมันเถอะ ตอนนี้ต่างหากล่ะที่ผมกลัวว่าจะต้องเสียคุณไป” ว่าแล้วซองมินก็แนบใบหน้าลงข้างแก้มของคยูฮยอน เขาลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าใครอีกคนที่ยืนอยู่ห่างออกไปสามารถยิงกระสุนออกมาอีกเพื่อคร่าชีวิตเขาไปด้วยได้ ซองมินกอดร่างของคยูฮยอนด้วยอ้อมแขนที่สั่นเทา คนที่เลือดไหลออกจากหน้าอกจนแทบกระอักจำต้องหลั่งน้ำตาออกมาบ้าง ชายหนุ่มหมดแรงแม้จะพร่ำพรรณนาอะไรออกไปได้อีก เขาจึงเลือกจะพูดตามที่หัวใจสั่งในเวลานี้
“รู้อะไรมั้ย นายทำให้ฉันเข้าใจว่ารักแรกพบมันมีจริง ตั้งแต่วันนั้น ต่อให้ฉันเจ็บจนแทบทนไม่ไหวหรือฟ้าฝนจะมืดมัวแค่ไหน แต่ใครคนนั้นที่วิ่งออกมานั่งลงข้างๆ แค่เห็นหน้าเค้า อึก.. ฉันก็ตกหลุมรักอย่างไม่รู้ตัวเลยล่ะ” คยูฮยอนเอื้อนเอ่ยบางสิ่งที่ไม่เคยปริปากบอกซองมินออกมาให้รู้ และมันก็ยิ่งรั้งหัวใจคนฟังให้สั่นไหวยิ่งกว่าเก่า
รักแรกพบงั้นเหรอ ผู้ชายคนนี้รักเขาได้เร็วขนาดนั้นได้ยังไง ยิ่งฟังก็ยิ่งซึ้งลงไปในใจ ซองมินเม้มริมฝีปากเอาไว้แน่นเพื่อกลั้นอาการสะอื้นไห้ออกมากับทุกสิ่งทุกอย่าง เขาที่โง่มานานจึงต้องยอมรับได้แล้วว่าควรจะเชื่อผู้ชายคนนี้เสียที
สองร่างที่พร่ำรำพรรณท่ามกลางหยดน้ำตาและเลือดสีแดงฉานกลับยิ่งทำให้คนที่ยืนมองอยู่รู้สึกโมโหขึ้นมาทั้งที่น่าจะยินดีมากกว่า ความริษยาในรักแท้ที่ตัวเองไม่เคยได้รับกำลังทำให้ใจของเขาพาลเกลียดไปทุกสิ่ง ทำไมยิ่งมีอุปสรรคความรักของคนอื่นกลับยิ่งทวีค่ามากกว่าเก่า ต่างจากตัวเองที่ยิ่งวิ่งหาก็ยิ่งเหมือนผลักไสให้ความรักหนีไป
“หึ .. ฮ่าฮ่าฮ่า รักกันมากนักใช่มั้ย งั้นตายไปด้วยกันเลยดีกว่านะ” ทันทีที่มือข้างที่ถือปืนยกขึ้นเตรียมเหนี่ยวไกมาที่พวกเขา คยูฮยอนก็รู้ได้ว่าเป้าหมายของมันคงไม่พ้นคนตัวเล็กที่เอาแต่ร้องไห้กอดเขาอยู่เป็นแน่ ดวงตาคมแม้จะไร้แรงไปเสียทุกส่วนแต่สายตาที่กวาดไปรอบกายก็พบสิ่งที่ทำให้ในใจพอจะมีความหวังขึ้นมา
.. แม้ว่าพระเจ้าอาจจะไม่เข้าข้างเขา แต่สำหรับอีซองมินแล้ว ถึงพระเจ้าจะใจร้ายแค่ไหน เขาก็จะไม่ยอมให้ใครมาแตะต้องคนๆนี้ได้
ปัง !!
ไม่มีคำว่าโชคหรือชะตาลิขิตอีกแล้วสำหรับโจวคยูฮยอน กระสุนหนึ่งนัดตรงเข้าทะลวงร่างสูงใหญ่ที่ยืนอยู่ให้ล้มลงไปในทันทีเพราะฝีมือของเขาเองโดยไม่จำเป็นต้องพึ่งชะตาบ้าบออะไรอีก ปาร์คซึงโฮแน่นิ่งไปพร้อมกับปืนที่ไม่ทันจะได้เหนี่ยวไกได้หลุดออกจากมือไป ใบหน้าของคนที่มีแต่ความริษยากำลังนอนหายใจรวยรินพร้อมกับเลือดที่ไหลออกมาจากลำตัว
ไอเขม่าลอยคลุ้งจากปลายประบอกปืนที่ทำหน้าที่ปกป้องผู้เป็นดั่งดวงใจเอาไว้ก่อนจะหล่นจากมือลงสู่พื้นดินอันเย็นเยียบอย่างเคย เช่นเดียวกับมือข้างนั้นที่อาบด้วยเลือดจากบาดแผลที่พร้อมจะพาหัวใจให้หยุดเต้นในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า ร่างเล็กที่อยู่ในอ้อมกอดของคนเจ็บหยุดสะดุ้งกับเหตุการณ์ที่รวดเร็วชวนให้ตกใจ ซองมินไม่กล้าจะหันไปมองคนด้านหลังที่นอนอยู่กับพื้นห่างออกไป ผู้ชายคนนั้นแม้จะไม่ตายแต่ดูท่าว่ากระสุนของคยูฮยอนจะทะลวงเข้าสู่จุดสำคัญและทำให้ไม่
สามารถลุกขึ้นมาได้ในเวลานี้แน่ๆ ที่สำคัญ .. เขาคงไม่มีเวลาไปสนใจใครอีกนอก
เรื่องนี้ที่คนไม่ดีพ่ายแพ้ไปมันอาจจะจบลงด้วยดีอย่างที่ควร แต่สำหรับซองมินมันไม่ใช่เลยสักนิดในเมื่อผู้ชายที่เขาเฝ้าคิดถึงกำลังนอนจมกองเลือดเพราะเอาตัวเองปกป้องเขาไว้ ซองมินจะทำอย่างไรดีกับคยูฮยอนที่เสียเลือดมากมายขนาดนี้
คยูฮยอนอยากจะกอดซองมินเอาไว้อีกนานเท่านาน แต่มันสายไปแล้วเมื่อเขาจำต้องคลายอ้อมแขนที่ทำหน้าที่สุดท้ายเสร็จสิ้น ร่างของคุณชายที่ไม่เคยแพ้ใครกลับต้องนอนอาบเลือดของตัวเองบนตักคนรัก เสื้อเชิ้ตสีขาวย้อมกลืนเป็นสีแดงด้วยเลือดที่ไหลซึมออกมา ซองมินไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้นอกจากกอดคยูฮยอนเอาไว้แนบอก ผู้ชายคนนี้ปกป้องเขาเอาไว้จนนาทีสุดท้ายอีกแล้วสินะ
“บอกแล้วไงว่าอย่าร้อง”
“ฮึก .. ไม่นะ คุณอย่าพูดแบบนี้”
“อะไรกัน คนน่ารักของฉันเมื่อไหร่จะเลิกขี้แย” เสียงทุ้มแหบพร่าเอ่ยพร้อมกับยิ้มอ่อนโยนมาให้ ซองมินส่ายหน้าเพราะไม่อยากจะรับรู้อะไรแบบนี้ในเวลานี้เลยแม้แต่นิด หลายครั้งที่พยายามเงยหน้ามองซ้ายมองขวาเพื่อหาทางจะออกไปจากที่นี่ แต่รอบกายกับคนที่แทบจะหยุดหายใจในอ้อมกอดของเขาก็ทำให้ท้อใจตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มลุกยืน
“คยูฮยอน ผมจะพาคุณไปหาหมอนะ ฮึก .. คุณต้องอดทนนะ” ว่าแล้วก็พยายามออกแรงดันคนอีกฝ่ายขึ้นแต่มือนั้นกลับคว้าเขาเอาไว้เสียก่อน
“ไม่ต้องหรอกซองมิน ไม่ต้องลำบาก”
“ลำบากตรงไหน ผมไม่....”
“ไม่ต้องหรอก เชื่อฉันสิ” คยูฮยอนบอกเบาๆเพราะรู้ดีว่ามันไม่มีประโยชน์อะไร ร่างสูงพยายามดันตัวเองออกไปเพื่อเอื้อมไปคว้าเอาเสื้อนอกของที่ตกอยู่ข้างๆหลังจากที่มันหลุดจากตัวของซองมินไปแล้ว เขากางมันออกคลุมให้ร่างเล็กอย่างห่วงใย แต่หารู้ไม่ว่าถึงคซองมินจะรู้สึกอุ่นขึ้นมาแต่ในจิตใจกลับยิ่งเหน็บหนาวมากกว่าเก่า
“ใส่ไว้นะ อึก .. แดดมันยังไม่ออกเท่าไหร่ สัญญาณโทรศัพท์ก็ไม่มีซะด้วย ไม่นานสองคนนั้นคงจะตามหานายเจอ”
“............”
“สวมนี่ไว้ก่อน อาจไม่อุ่นนักแต่ระหว่างที่รอเวลานายจะได้ไม่หนาว”
“อย่าพูดแบบนี้ได้มั้ย อย่าบอกว่าคุณจะปล่อยให้ผมอยู่ที่นี่คนเดียว”
“ใครบอกว่าคนเดียวล่ะ ฉันจะอยู่กับนายตรงนี้ จนกว่าสองคนนั้นจะมา”
“หมายความว่าไง อยู่จนกว่าผมจะไปงั้นเหรอ”
“ใช่แล้ว อยู่ตรงนี้จนกว่าคนอื่นจะมา เค้ามาเมื่อไหร่ฉันจะได้ไม่ต้องห่วงนาย”
“ไม่ ไม่ ขอร้องนะคยูฮยอน ฮึก...”
“อึก!!!” จู่ๆมือหนาก็ล่วงลงมาจากเสื้อนอกหลังจากที่วางมันลงบนตัวของคนที่เขารักมากที่สุด เลือดสีแดงไหลทะลักออกมาจากภายในผ่านริมฝีปากของเขาขณะที่ร่างกายจะหมดแรงทรุดลงไปกับพื้น ซองมินรีบคว้าเอาร่างของคยูฮยอนไว้แนบอกอีกครั้ง เขาก้มมองสบตากับคนใกล้ขาดใจด้วยความรู้สึกที่ไม่สามารถจะร้อย
“ผมรักคุณนะ ผมรักคุณที่สุด ได้ยินมั้ย ฮือ”
“ฉันรู้....” คยูฮยอนอยากจะพูดต่อแค่ไหนก็ทำไม่ได้แล้วเมื่อนึกได้ว่าไม่ควรจะเสียเวลาให้มาก มือข้างหนึ่งคลำเข้าบริเวณกระเป๋าเสื้อที่โชกไปด้วยเลือดก่อนจะหยิบบางอย่างออกมาช้าๆ แหวนเพชรเม็ดเดิมปรากฎแก่สายตาของซองมินที่ไม่เข้า
“จะเป็นไรมั้ยถ้าจะขอให้สวมมันไว้อีกครั้ง .. ก่อนฉันจะตาย ยังไม่ได้ขอนายแต่งงานเลย” ใบหน้าซีดไร้สีเลือดเอ่ยออกมาในสิ่งที่เขาต้องการ คนฟังนิ่งอยู่อย่างเดิมและรอฟังในสิ่งที่อีกฝ่ายจะพูด
“แต่งงานกับฉันนะซองมิน”
หากรักคือการให้ โจวคยูฮยอนก็อยากจะขอมันจากอีซองมินอีกสักครั้ง เขาอยากจะขอความรักทั้งหมดที่แสดงออกผ่านแค่การตอบตกลงกับคำขอของเขา
ซองมินพยักหน้ารับช้าๆกับสิ่งที่คยูฮยอนขอ มือบางที่สั่นเทาถูกมือของอีกคนดึงขึ้นมาอย่างแผ่วเบา สองมือที่จับกันไว้ไม่ได้แนบแน่นน้อยลงไปเลยแม้ว่ามันจะชโลมไปด้วยเลือดก็ตาม คยูฮยอนใช้แรงเฮือกสุดท้ายสวมแหวนลงไปที่นิ้วข้างเดิมของซองมิน น้ำตาคนที่เขารักจึงจำต้องร่วงรินอาบแก้มลงมาอีก มันไหลออกมาจากดวงตาช้ำๆแล้วหยดลงกระทบบนใบหน้าของเขาหลอมรวมกับเลือดที่เปรอะไปทั่วทั้งร่าง มือคู่เดิมยกขึ้นแนบใบหน้านั้นอย่างห่วงหาอาวรณ์
“บอกแล้วไงว่าอย่าร้อง” ความอบอุ่นแผ่ผ่านความรู้สึกทางมือที่สัมผัสลงที่แก้มนิ่ม ซองมินยกมือตัวเองขึ้นมากุมที่มือของคยูฮยอนเอาไว้อีกที
“ฉันรักนายนะซองมิน”
“ผมก็รักคุณ .. คยูฮยอน”
ความตายที่พร้อมจะพรากชีวิตให้พวกเขาแยกจากนั้นกำลังเดินทางมาหา
หยดน้ำตาของสองหัวใจร่วงรินหลอมรวมกับเลือดซึมซาบลงไปยังเนื้อหิมะเย็นเยียบ ฝ่ามือที่ไร้ซึ่งความอุ่นกลับเต็มไปด้วยไออุ่นที่โอบล้อมหัวใจทั้งสองเอาไว้ แม้มันจะแค่ช่วงเวลาสั้นๆ แม้มันอาจจะเป็นครั้งสุดท้าย และแม้ว่ามันอาจจะไม่มีอีกแล้วก็ตาม
ผมขอสาบาน .. ถึงความตายจะพรากผมไปจากเค้าได้ แต่ไม่มีทางพรากความรักไปจากใจของเรา .. ไม่มีทาง
สายลมเย็นพัดผ่านพาให้หัวใจดวงน้อยแทบจะต้องหยุดเต้น เพราะอีกหนึ่งหัวใจใกล้จะดับสูญ มือของผู้ชายที่เคยถูกตราหน้าจากคนที่รักว่าใจร้าย ค่อยๆคลายออกและร่วงลงสู่พื้นดินข้างกาย
.
.
Tbc. Ending Part
พาร์ทก่อนจบค่ะ หวังว่าพาร์ทนี้คงเต็มอิ่มกันนะคะ
จะจบจริงๆแล้วนะกับฟิคชวน(......)เรื่องนี้ บอกตัวเองว่าจะไม่แต่งคู่นี้อีก ในวงเล็บ "ถ้าไม่จำเป็น" ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ
ขอบคุณทุกคำชม และการติดตามนะคะ ((_ _))
พาร์ทนี้น่าจะยาวที่สุดในเรื่องแล้ว (รึเปล่า?) ดีไม่ดีขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย .. ไม่อยากจะบอกเลยว่าจำได้ตอนที่เขียนตอนนี้ น้ำตาซึมเลยทีเดียว
เจอกันพาร์ทหน้าค่ะ TT
หมายเหตุ : หลังรอบสั่งรวมเล่มรอบ ปณ. กอนเผื่อมานิดหน่อยเหลือสี่ห้าเล่ม ใครจะเอาเมล์มาถามได้นะคะ ตามเมล์สั่งจองนั่นแหละ Gorn_fiction@hotmail.com
ความคิดเห็น