คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : chapter 12 ซองมินโกหก ทุกคนอย่าไปเชื่อนะ
Chapter 12
หลายวันต่อมา...
ซีวอนเดินเข้ามาในห้องเป็นคนสุดท้ายเสมอ ร่างสูงมองหน้าฮยอกแจแวบหนึ่ง ก่อนจะเดินเลยไปนั่งแถวหลังสุด ซองมินที่รอจังหวะอยู่นานจึงลุกขึ้นยืน
“ในเมื่อทุกคนมากันครบแล้ว...” เสียงหวานเว้นจังหวะไปครู่หนึ่งเพื่อให้เพื่อนทั้งห้องหันไปสนใจแต่ตัวเองเท่านั้น “ฉันมีเรื่องจะบอกให้กับทุกคนรู้”
“จะสร้างเรื่องอะไรอีกซองมิน” ซีวอนถามขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์
“คราวนี้คนที่สร้างเรื่องไม่ใช่ฉันแน่”
“ต้องการจะพูดอะไรก็รีบๆ พูดมาเถอะ” คิบอมก็เอ่ยบอกอย่างรำคาญไม่แพ้กัน ทงเฮค่อยๆ หันไปมอง ก่อนจะเห็นรอยยิ้มเยือกเย็นที่ส่งมาทางเขาโดยเฉพาะ
“มีคนขโมยไอโฟนของฉันไป”
“ไร้สาระน่าซองมิน ใครจะมาขโมยไอโฟนของนายไปได้ ทุกคนในห้องไม่ได้ยากจนถึงกับต้องขโมยของกันซะหน่อย” เพื่อนคนหนึ่งแย้งขึ้นมาทำให้เข้าทางซองมินทันที
“ก็คนที่รวยไม่จริงไงล่ะ”
ซองมินไม่ได้พูดออกมาลอยๆ เท่านั้น ดวงตาร้ายกาจยังจ้องมองมาที่ทงเฮราวกับแมวที่ไล่จับหนูได้คาหนังคาเขา คราวนี้ทงเฮปฏิเสธฐานะที่แท้จริงๆ ไม่ได้อีกอย่างแน่นอน
“จะทำอะไรก็รีบๆ ทำ ก่อนที่ฉันจะหงุดหงิด” ซีวอนบอกขึ้นทำให้ซองมินหัวเราะเบาๆ ไม่เหมือนคนที่เพิ่งถูกขโมยของเลยแม้แต่นิดเดียว
“ถ้าอย่างนั้น...ทุกคนที่นั่งอยู่ในห้องนี้ ยกมือขึ้นด้วย”
“ทำไมต้องยก?” ทงเฮขมวดคิ้วมุ่นถาม
“เพราะของเพิ่งหายเมื่อเช้านี้ คนขโมยคงยังไม่ได้เอาไปไหน”
ทงเฮถอนหายใจช้าๆ แต่ลางสังหรณ์สั่งให้เขาล้วงมือเข้าไปในลิ้นชักใต้โต๊ะตัวเอง แล้วร่างบางก็กระตุกเฮือกด้วยความตกใจ ก่อนจะยืดตัวนั่งหลังตรง
“ยกมือขึ้นสิอี ทงเฮ”
ทงเฮนั่งนิ่ง เขาไม่ได้หันหลังไปมองทางต้นเสียงเลยสักนิด มือเรียวค่อยๆ ดึงออกมาจากลิ้นชัก ก่อนจะนำสิ่งของบางอย่างมาวางไว้บนโต๊ะของตัวเอง
“ทงเฮ...” คิบอมเรียกชื่อคนข้างกาย ก่อนจะหันไปทางซองมินอีกครั้ง ซึ่งตอนนี้ซองมินรีบวิ่งถลามาทางโต๊ะที่ทงเฮนั่งอยู่แล้ว ฮยอกแจนั่งนิ่งเฉยไม่ต่างจากคนไร้ความรู้สึก ในขณะที่เพื่อนๆ ในห้องต่างพากันโห่ร้องดูถูกทงเฮ
“ฉันคิดแล้วเชียวว่าต้องเป็นนาย” ซองมินเอ่ยเสียงเรียบ
“นายมีหลักฐานอะไรมาปรักปรำทงเฮ” คิบอมลุกขึ้นยืนแล้วเถียงแทนคนตัวเล็ก ในขณะที่ทงเฮได้แต่นั่งน้ำตาคลออยู่กับที่เท่านั้น เขาไม่ได้เป็นคนขโมยไอโฟนของซองมินไป แต่ทงเฮก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมไอโฟนจึงมาอยู่ในลิ้นชักใต้โต๊ะของเขาได้
“นี่ไง...หลักฐาน” ว่าจบมืออวบก็คว้าไอโฟนไปถือเอาไว้
“นายขโมยไอโฟนของซองมินไปจริงๆ เหรอ บ้านนายออกจะร่ำรวย ทำไมถึงทำแบบนี้ล่ะ”
เพื่อนคนหนึ่งตะโกนขึ้นมาต่อว่า หลังจากนั้นเสียงโห่ก็ดังตามขึ้นมา ซีวอนมองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าซองมินกำลังโกหก แต่เพื่อนๆ ในห้องคงจะเข้าข้างและเชื่อในคำพูดซองมินแน่ๆ ซีวอนจึงได้แต่นั่งดูสถานการณ์อยู่เฉยๆ เท่านั้น
“บอกว่ามาสิทำไม หืม...อี ทงเฮ” ซองมินแตะคางมนของอีกฝ่าย ทว่าทงเฮกลับสะบัดหน้าหนี
“ฉันไม่มีอะไรจะพูด!”
“ที่ไม่มีอะไรจะพูดเป็นเพราะนายขโมยมันไปจริงๆ น่ะสิ”
“ฉัน...”
ทงเฮเถียงไม่ออก เขาจะแก้ตัวอย่างไรให้คนอื่นเชื่อ ในเมื่อหลักฐานมันก็เห็นอยู่แล้ว ทงเฮเป็นคนหยิบไอโฟนมาจากลิ้นชักของตัวเอง ยังไงทุกคนก็ต้องคิดว่าเขาเป็นคนขโมยอยู่แล้ว
“บอกทุกคนสิว่าพ่อของนายไม่ใช่ทูต แต่นายเป็นลูกไม่มีพ่อ และบ้านที่นายอยู่ก็ยากจนและซอมซ่อแค่ไหน บอกไปสิ!”
ซองมินแผดเสียงดังลั่น เขากระชากมือของทงเฮมาบีบไว้แน่น ทงเฮได้แต่จ้องมองอีกฝ่ายด้วยดวงตาแดงก่ำ เขาปล่อยให้หยาดน้ำตาไหลรินออกมาเต็มสองแก้มอย่างไม่อาย ซองมินยิ้มเยาะอย่างนึกสะใจ ก่อนจะปล่อยมือบางให้เป็นอิสระ
“ลูกไม่มีพ่อ!”
มือของทงเฮกำหมัดแน่นด้วยความปวดร้าว คิบอมค่อยยกมือนั้นขึ้นมาจับและคลี่มือออกเพื่อให้ทงเฮรู้สึกผ่อนคลาย ก่อนจะเดินไปเผชิญหน้ากับซองมินและเอ่ยขึ้น
“นายรู้ได้ยังไงว่าทงเฮไม่มีพ่อ”
“ฉันไม่จำเป็นต้องบอกว่ารู้มาได้ยังไง ให้ทงเฮบอกเองดีกว่าว่าสิ่งที่ฉันพูด...มันจริงหรือเปล่า”
“แต่ประเด็นมันอยู่ที่นายกล่าวหาว่าทงเฮขโมยไอโฟนของนายไปนะ มันเกี่ยวอะไรกับ...”
“ก็เพราะทงเฮไม่ได้ร่ำรวยอย่างที่ทุกคนคิดยังไงล่ะ”
ซองมินพูดราวกับความรู้สึกเจ็บปวดของคนๆ หนึ่งเป็นแค่ของเล่น ร่างอวบทำหน้าตาไม่ยี่หระ ก่อนจะลูบไอโฟนของตัวเองอย่างทะนุถนอมแล้วกลับไปนั่งที่โต๊ะตามเดิม แต่หลังจากนั้นเพื่อนๆ ทั้งห้องก็หันมาจ้องมองทางทงเฮและพากันซุบซิบนินทาราวกับร่างบางเป็นตัวประหลาด
“ซองมินโกหก ทุกคนอย่าไปเชื่อนะ” ทงเฮเอ่ยบอกเพื่อนๆ ทั้งน้ำตา แต่ทุกคนก็ไม่เชื่อในคำพูดของเขาอีกแล้ว
“ออกไปข้างนอกกันเถอะทงเฮ” คิบอมดึงมือเรียวเดินออกไป หากแต่ร่างเล็กกลับขืนตัวเอาไว้
“พ่อของฉันเป็นทูตจริงๆ ฉันไม่ได้ขโมยนะ ฉันเปล่า...” ทงเฮยืนกรานที่จะโกหกทุกคนเช่นนั้น แต่คิบอมรู้ดีว่ายิ่งพูดก็ยิ่งเหมือนสาวไส้ตัวเอง เขาจึงประคองทงเฮออกไปด้านนอก ทว่าฮยอกแจกลับคว้ามือเรียวของคนที่กำลังจะเดินผ่านเอาไว้
“อย่าเพิ่งไป” ร่างโปร่งช้อนตาขึ้นมองทงเฮ ก่อนจะดึงทงเฮเข้าไปหาตัวเอง คิบอมไม่ทันได้รั้งไว้ ทงเฮจึงเซเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของฮยอกแจทันที
“นายจะทำอะไรอี ฮยอกแจ” เสียงทุ้มเอ่ยถามเพื่อน
“ทงเฮยังไม่แก้ตัวกับเพื่อนๆ เลย...ว่าตัวเองไม่ใช่หัวขโมย”
“ไม่มีอะไรต้องแก้ตัว” คิบอมบอกพลางพยายามคว้ามือของทงเฮมาจับไว้ ทว่าฮยอกแจกลับจับไหล่ทั้งสองข้างของทงเฮและหมุนตัวร่างบางให้ไปเผชิญหน้ากับเพื่อนๆ
“อธิบายสิว่านายไม่ได้ขโมยไอโฟนของซองมินไปจริงๆ”
“ฮยอกแจ...นายทำแบบนี้ทำไม” คิบอมมึนงงไปหมดเมื่อเห็นว่าฮยอกแจตั้งใจจะประจานทงเฮ
“พูดสิ!”
“อี ฮยอกแจ...ปล่อยทงเฮเดี๋ยวนี้นะ”
“ถ้านายไม่พูดอะไรเลย ทุกคนก็จะคิดว่านายเป็นคนขโมย ถ้านายไม่พูด ทุกคนก็จะมองว่าบ้านนายยากจน และนาย...ก็เป็นลูกที่ไม่มีพ่อ!”
คำพูดนั้นทำให้ทงเฮน้ำตาไหลอีกครั้ง ทงเฮรู้สึกอ่อนแอและไร้เรี่ยวแรงเมื่อมีคนพูดว่าเขาคือลูกที่ไม่มีพ่อ แต่วันนี้ทงเฮกลับเสียใจมากที่สุดเมื่อคนที่พูดคำๆ นั้นคืออี ฮยอกแจ
“นายเกลียดทงเฮมากเลยหรือไง ทำไมต้องทำถึงขนาดนี้”
“พูดความจริงสิทงเฮ นายไม่ได้ขโมยไม่ใช่เหรอ อย่าหนีปัญหา นายต้องเผชิญกับความจริง”
“พอได้แล้ว!” คิบอมตะโกนลั่น ก่อนจะผลักอกแกร่งของฮยอกแจออก ก่อนจะคว้าข้อมือของทงเฮเดินออกไปจากห้อง ฮยอกแจได้แต่มองตามด้วยแววตาที่นิ่งเฉย
หลังจากนี้...ทงเฮคงจะเกลียดเขามากเลยสินะ
ฮีชอลไม่ได้กลับบ้านมาหลายวันแล้ว และเขาก็ไม่ได้ไปเรียนที่มหาวิทยาลัยด้วย ทุกวันฮีชอลจะขลุกตัวอยู่กับการทำงานถ่ายแบบและเดินแบบ พองานเลิกฮีชอลก็ออกไปกับจองซูโดยที่ไม่ได้คิดถึงคนรักที่ชื่อซีวอนเลยแม้แต่นิด
“วันนี้ไปนอนบ้านฉันอีกนะ”
มือแกร่งลูบไล้ใบหน้าหวานด้วยท่าทางหื่นกระหาย แม้ฮีชอลอยากจะปัดมือนั้นออกจากใบหน้าของตัวเอง ทว่าสิ่งเดียวที่จะทำให้ฮีชอลไม่ต้องคิดถึงซีวอนก็คือการทำเช่นนี้
“ไม่ล่ะ” บอกพร้อมกับยักไหล่เบาๆ อย่างไม่ยี่หระ
“แต่ผมอยากนอนกอดคุณทั้งคืนเลยนี่ หน้าของคุณ ผิวของคุณ และเสียงของคุณ...”
จองซูโน้มเข้ามาใกล้ฮีชอลเรื่อยๆ จนจมูกโด่งเป็นสันของพวกเขาแตะกัน ก่อนที่ร่างสูงจะเอียงศีรษะแล้วจุมพิตที่กลีบกุหลาบช้ำอย่างแผ่วเบา
“ผมอยากเห็นคุณ อยากได้ยินเสียงคุณเวลาที่เรามีความสุขด้วยกัน”
ฮีชอลโอบรอบลำคอของอีกฝ่าย ก่อนจะซบใบหน้าสวยงามของตัวเองเข้าที่ไหล่กว้างแล้วเอ่ยขึ้น
“ไม่จำเป็นต้องไปที่บ้านนายนี่”
“หมายความว่า...” เขากล่าว นัยน์ตาคมฉายแววลิงโลดจนปิดเอาไว้ไม่มิด
“ที่ไหนก็ได้ โรงแรม บนรถ บ้านฉัน หรือตรงนี้ก็ยังได้เลย” ฮีชอลบอกอย่างยั่วยวน ดวงตาไม่ได้ฉายแววโศกเศร้าเลยแม้แต่นิด
“คุณอย่ายั่วผมนะ”
“ฉันยั่วตรงไหนกัน” ดวงตาสวยยิ้มอย่างมีเลศนัย
“คุณกำลังทำอยู่ตรงนี้ไง”
“ถ้าฉันเสนอขนาดนี้ ทำไมนายไม่สนองกลับล่ะ นายก็ต้องการเหมือนกันไม่ใช่เหรอ?”
ฮีชอลกระซิบข้างหูของดีไซเนอร์ชื่อดังด้วยน้ำเสียงแหบพร่า มันเป็นสิ่งที่กระตุ้นความรู้สึกของจองซูได้เป็นอย่างดี เขาประคองเอวคอดของฮีชอลขึ้นไปวางไว้บนโต๊ะ ก่อนจะผลักร่างบางนอนราบลงไป แล้วตามไปพรมจูบเสียทั่ว
แม้ฮีชอลจะยิ้มยั่วเย้า แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่เจ็บปวด
“ฮื่อ...” เสียงครางกระเส่าค่อยๆ ดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ โทรศัพท์มือถือที่วางอยู่ข้างๆ สั่นครืดอยู่หลายครั้ง แต่พวกเขาทั้งสองกลับไม่ได้สนใจเลย
ทำไมฮีชอลจะไม่รู้ล่ะว่าคนที่โทรมาคือใคร
ชเว ซีวอน
Talk with Lee Seen
จบไปอีกแล้วหนึ่งตอน ที่จริงเรื่องนี้ซีนพยายามเร่งแต่งเพื่อ...
จะได้ไปแต่งบอมฮยอกอย่างไม่ต้องรู้สึกสับสนอีกต่อไป
สำหรับคนที่กำลังรอให้ ‘ตัลกีน้อยอีทงเฮ’ รวมเล่มอยู่
ตอนนี้ยังอยู่ในขั้นตอนของการรวมเล่มนะคะ ซีนแต่งได้ประมาณ 60% ของเรื่องแล้ว
และเริ่มทำหน้าปกแล้วค่ะ ราคาหนังสืออยู่ที่ 200-250 บาทเท่านั้น!
สำหรับคนที่รักอึนเฮ ยังมีฟิค Erotic Drama เหลืออยู่นะคะ
ติดต่อทางทวิตเตอร์ @LeeSeen ได้เลย
พบกันตอนต่อไปค่ะ
ตัวอย่างตอนต่อไป
ผมขอร้องล่ะ คุณกับลูกช่วยย้ายออกไปอยู่ที่อื่นได้ไหม”
“ฉันทำไม่ได้ค่ะ” แม่ของทงเฮเอ่ยขึ้นด้วยเสียงที่หนักแน่น
“ทงจา!”
ความคิดเห็น