ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Strange Tales Of Panorama Island

    ลำดับตอนที่ #43 : Catharsis: ตัวละคร & บทนำ (ผู้ถูกทอดทิ้ง)

    • อัปเดตล่าสุด 2 มี.ค. 64


    Catharsis
    Inspiration: Confessions 「告白 (Film, 2010)
    Playlist: Radiohead – Last Flowers (Confessions Soundtrack)

     
     
    _________________________________________________________________________________











    .

    บางครั้ง ในวันที่ท้องฟ้าแจ่มใสและพยากรณ์อากาศคาดการณ์เปอร์เซ็นต์ของความน่าจะเป็นของมวลอากาศต่ำระเรี่ยจนไม่มีใครได้ตระหนัก ทันนั้นเอง สายฝนก็จะสาดซัดลงมา กระหน่ำห่าฝนกอปรกับพายุคะนองรุนแรงอันเป็นอันตราย ตอนที่ก้อนเมฆยังลอยเอื่อยเฉื่อยเป็นสีขาวนวลฟ่องคือช่วงเช้าก่อนเข้าเรียน ภายในห้องเรียนชั้นปี 2-2 ของโรงเรียนโอโสะก็ยังคงสดใสและเต็มเปี่ยมไปด้วยความมีชีวิตชีวา ไม่ว่าจะกลุ่มเด็กนักเรียนหญิงที่จับกลุ่มพูดคุยกันออกรสเรื่องละครโทรทัศน์และรายการวาไรตี้เมื่อคืนวาน หรือจะเรื่องเกมออกใหม่ของกลุ่มเด็กนักเรียนชายที่เล็งปืนอากาศใส่กันสนุกสนาน บ้างก็ก้มหน้าก้มตาปั่นการบ้าน อ่านหนังสือ เล่นมือถือกันขะมักเขม้น เหตุการณ์ดำเนินไปเฉกเช่นปกติเหมือนกับทุกๆ วัน อาจกล่าวได้ว่าปกติมากซะจนไม่มีใครคาดคิดว่าเสียงเลื่อนบานประตูสุดแสนธรรมดาสามัญในครานี้ จะเปรียบประดุจเมฆฝนตั้งเค้า ก่อนตามมาด้วยสุรเสียงกึกก้อง “ทุกคนถอยออกมาให้ห่างจากไอ้หมอนั่นเดี๋ยวนี้!” ดั่งสายฟ้าฟาดลงสู่ผืนโลกใบเล็กที่มีชื่อเรียกขานว่า ห้องเรียน

    ต่างพากันสะดุ้งไหวจนตัวโยนด้วยไม่ทันได้ตั้งตัว กระทั่งคนที่ครอบหูฟังก็ยังได้ยินทุกถ้อยประโยคของหนึ่งในนักกรีฑาประจำโรงเรียนได้อย่างแจ่มแจ้ง หากก็หาได้มีใครขยับเคลื่อนไหว สีหน้าของทุกคนฉายฉาดเพียงความงุนงงออกมา เช่นเดียวกับคนที่ถูกเอ่ยพาดพิงถึง ซึ่งนั่งประจำตำแหน่งเป็นศูนย์กลางเรื่องเกมคอนโซลอยู่ท่ามกลางพวกผู้ชายที่รายล้อม แต่ก่อนที่เขาหรือใครจะได้ทันเอ่ยปากถามไถ่ เด็กนักเรียนชายผู้ทำลายแสงอาทิตย์สดใสในยามเช้าก็ส่งเสียงตะโกนก้องตามมาอีกครั้ง เป็นการขยายความมุ่งตรงเข้าสู่ประเด็นที่ทั้งชัดเจนและเร็วรี่ พอๆ กับวงล้อมที่แตกฮือพาโต๊ะเก้าอี้กระจัดกระจายหลังสิ้นสุดประโยคที่ว่า

    “เมื่อวานฉันไปที่โรงพยาบาลประจำเขตมา ถึงได้รู้ว่าความจริงแล้วแม่ของมันไม่ได้เป็นเบาหวาน แต่เป็นเอดส์ต่างหาก!

    ที่จะเรียกเสียงเซ็งแซ่ไปทั่วทุกอณูพื้นที่ของห้องเรียนแห่งนี้ จากม่านนัยน์ตาที่ต่างก็งุนงง ส่งเป็นความเคลือบแคลง หวาดระแวง อาจรวมถึงขยะแขยงอย่างเช่นเจ้าตัวคนปล่อยข่าว ซึ่งรับกับสีหน้าที่แทบไม่ผิดความหมายเพี้ยนไปจากกัน ขณะจ้องสบสายตาที่แสดงความไม่เข้าใจของอดีตเพื่อนสนิทร่วมก๊วนเดียวกันคนนั้น จนเขาต้องผลุนผลันลุกขึ้นยืน ริมฝีปากขยับพร่ำคำแก้ตัว “เดี๋ยวสิ! ทุกคน ฟังฉันก่อน” ขณะฝีเท้าก็ก้าวตามไป ทว่านั่นกลับทำให้วงล้อมที่ห่างอยู่แล้วพากันถอยกรูดออกไปอีกจนเขาต้องชะงักรองเท้าหนังสีดำของตัวเองนิ่งงัน เฉกเช่นริมฝีปากที่หุบกลับลงไปพร้อมถ้อยคำที่กดกลืน

    เขาไม่เข้าใจในสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นเลยแม้แต่นิดเดียว

    จากที่เคยถูกรายล้อมด้วยเพื่อนพ้องตลอดเวลาตามประสาเด็กชายผู้เป็นที่รัก บัดนี้ กลับมีเพียงเขาที่ยืนโดดเดี่ยวลำพังใจกลางห้องเรียน ไม่ต่างอะไรจากพ่อมดไสยเวทย์ที่กำลังถูกล้อมด้วยชาวบ้านผู้ขลาดเขลา แม้อาจไม่ได้มีใครถือคบเพลิงในมือเพื่อแผดเผา แต่สีหน้าและวาจาของเพื่อนร่วมห้องที่พลิกเปลี่ยนราวถอดหน้ากากสวมใส่ ก็จุดกองไฟขึ้นข้างในใจที่ปวดหนึบของเขาอย่างช้าๆ คนที่กำลังปลุกระดมความเกลียดชังเขาให้แก่คนอื่นๆ คนที่เป็นทั้งเพื่อนร่วมห้องและเพื่อนร่วมชมรมกรีฑาของเขา คนที่เขาเคยยกให้ว่านิสัยดีที่สุดและไว้ใจได้มากที่สุดจากทั้งหมดยี่สิบหกคนในห้องเรียนนี้ หากโมงยามนี้ กลับยืนจ้องมองเขาด้วยสายตาเดียดฉันท์ ประหนึ่งว่ากำลังจ้องมองอะไรบางอย่างที่อาจไม่ได้ควรค่าต่อคำว่าเพื่อนมนุษย์เสียด้วยซ้ำไป

    “ถ้าแกบริสุทธิ์ใจจริง แกจะโกหกพวกเราทำไม!

    เขากลืนน้ำหลายเหนียวหนืดลงคอก่อนที่จะส่งน้ำเสียงแหบแห้งเบาหวิวไปว่า “แต่แม่ฉันไม่ได้...” ซึ่งไม่ใช่คำแก้ตัว หากเป็นข้อเท็จจริงที่ดูเหมือนจะไม่มีใครอยากรับฟังมัน เมื่ออีกฝ่ายตะโกนแทรกขึ้นมากลางปล้องด้วยน้ำเสียงขุ่นข้องระคนรำคาญใจ

    “อะไร! แกจะสรรหาคำแก้ตัวอะไรอีก หรือจะโกหกทุกคนอีกเรื่องด้วยล่ะว่าแม่แกไม่เคย...”

    “.....”

    “ขายตัว”

    หมัดของเขากำแน่น ถึงอย่างนั้นก็ยังทำใจเย็นด้วยการกดกลั้นอารมณ์ส่งเสียงเย็น “เรื่องที่แม่ของฉันเคยทำอะไรมาไม่ได้เกี่ยวด้วย” หากคู่กรณีกลับตะเบ็งเสียงใส่หลังสิ้นสุดคำพูดของเขาโดยไม่มีการข่มความรู้สึกที่ผุดพุ่งขึ้นมาเลยสักเศษเสี้ยว “แม่แกมันสำส่อน! แกมันลูกไอ้คนสำส่อน!” แล้วหันไปคว้าหยิบกล่องชอล์กปาใส่เขาจนเส้นผมและเนื้อตัวเปรอะเปื้อนไปด้วยฝุ่นผงสีขาวปลิววะว่อน มีเสียงฮือด้วยความตื่นตระหนกอยู่บ้าง แต่ก็ไม่มีใครใส่ใจจะเข้าไปช่วยเหลือเลยแม้สักคนเดียว อดีตเพื่อนรักคนนั้นส่งรอยยิ้มเหยียดหยัน เชิดคอตั้ง รอคอยจังหวะที่เขาเงยหน้ากลับขึ้นมาหลังจากเบือนหลบกล่องชอล์กนั้นเพื่อจะเอ่ยคำพูดเกลียดชังใส่หน้าเขา

    “แค่คิดว่าต้องอยู่ร่วมห้องกับไอ้ลูกคนสำส่อนก็ขยะแขยงพอแล้ว นี่ยังจะเป็นโรคน่าขยะแขยงอีก แกเองจะติดโรคจากแม่มาด้วยหรือเปล่าก็ไม่รู้ แกกลัวล่ะสิว่าถ้าพูดความจริงไปแล้วจะถูกพวกเรารังเกียจ ก็แน่อยู่แล้ว ใครจะทนอยู่ร่วมกับไอ้ตัวเชื้อโรคน่ารังเกียจได้วะ!

    หมัดของเขากำแน่นขึ้นไปอีกจนคล้ายกับว่ากระดูกภายในจะแตกหักลงไปได้ทุกเมื่อ ไม่! เขาไม่ได้เป็นอะไรทั้งนั้น! แม่ของเขาไม่ได้เป็นอะไรนอกไปจากแค่ติดเชื้อเอชไอวี มันไม่มีอะไรที่น่าวิตกหรือน่ารังเกียจเลย หะแรก เขาอยากจะอธิบายให้ทุกคนได้เข้าใจในข้อเท็จจริงเหล่านั้น และเหตุผลที่ต้องปกปิดมันก็เพราะคำขอของแม่ แต่เมื่อเห็นสีหน้าที่แสดงปฏิกิริยาไปในทิศทางเดียวกันของทุกคนแล้ว เขาก็รู้ดีว่าคงไม่มีประโยชน์ หัวหน้าห้องที่เขาเคยคบและมีความสัมพันธ์ด้วยช่วงระยะหนึ่งปล่อยโฮออกมาทันทีที่ระลึกถึงมันได้ น้ำตาของเธอปลุกปั่นเงาสีดำทะมึนให้ขยายใหญ่ขึ้น ท่ามกลางคำด่าทอ และข้าวของรอบตัวที่แต่ละคนพากันปาใส่เขาซึ่งได้แต่ยืนก้มหน้าเป็นเป้านิ่ง ไร้การตอบโต้ แม้ในตอนที่แปรงลบกระดานจะปาเข้าใส่หน้าเขาเต็มแรงด้วยเหลี่ยมมุมที่พอเหมาะพอเจาะ ตามมาด้วยของเหลวสีชาดที่หยาดซึมลงมากับฝุ่นชอล์กสีขาว เขายกมือขึ้นแตะเลือดที่ไหลลงมาบดบังวิสัยทัศน์ของนัยน์ตาข้างขวา ทันทีที่ได้เห็นเช่นนั้น ทุกคนก็หยุดการกระทำของตนเองราวกับรู้ตัว หาใช่ความตระหนักในการกระทำแต่เป็นผลลัพธ์ของมัน สรรพเสียงกลับมาอยู่ในความเงียบสนิทจนแทบจะได้ยินเสียงลมหายใจ ทุกชีวิตต่างรีบถอยกรูกันไปกองที่มุมห้อง เมื่อเขาจะยกแขนเสื้อสูทขึ้นปาดรอยเลือดที่เขาคิดว่าน่าจะหมดจดแล้วค่อยๆ เดินออกไปจากห้องเรียน หลงเหลือกลิ่นไอความเงียบเข้มข้นที่ยังคงอวลอลอยู่

    ฝนห่าใหญ่กำลังจะมา












    2021年01月24日
    _______________
    ★ หลังย้อนไปอ่านเรื่องย่อของฟิคเรื่องนี้ที่เราเคยเขียนไว้ เราเลยตกลงใจเปลี่ยนแคสต์รอบสุดท้ายเป็นเมนเราจากสามวงที่ชอบที่สุด (อะไรนะ มีใครพูดถึงไทกะหรือเปล่า ไม่ได้ยินเลย) ที่ก็เปิงหมดเลยอีกแล้ว ขนลุกจังวะ ทั้งพล็อตและภาษาสมัยนั้นที่แต่งไว้ตอนปี 2016 ก็ดีจริง และอย่างที่เคยบอกไปว่าแนวคิดเรื่องเอดส์ของฟิคเรื่องนี้มันเก่า ก็ตีไปเลยว่าเนื้อเรื่องเกิดในช่วงปีสองพัน ถึงแม้ว่าปัญหาการกลั่นแกล้งจะมีอยู่ทุกยุคสมัยก็ตาม นี่คือหนึ่งในฟิคที่เรารักที่สุดถึงจะแต่งได้แค่สองตอน น่าเสียดายที่คงไม่ได้แต่งต่อแล้ว แต่เราเชื่อว่าถ้าแต่งต่อไปเรื่อยๆ เราจะแต่งให้มันออกมาดาร์กจริงได้ เพราะแนวนี้เราเก่งจริงว่ะ อวยตัวเองไม่อายปาก
    ★ ขอสปอยล์บทตัวละครให้ฟังก่อนเอาสองตอนหน้ามาลงเลยแล้วกัน อุมิกับนางิสะที่เป็นเด็กนอกคอกเหมือนกันจะได้คบกัน แล้วพอการกลั่นแกล้งเริ่มรุนแรงขึ้นเพราะเพื่อนในห้องทนไม่ได้ที่เห็นสองคนที่ควรถูกรังเกียจมีความสุข อุมิก็จะเอาเลือดของตัวเองที่คนคิดว่าเป็นเอดส์มาขู่ (แต่ที่จริงคือไม่ได้เป็น) ยอมรับว่าพล็อตนี้ก็อปโคคุฮาคุมาพราะเราชอบมากจริงว่ะ แต่พระนางของเรื่องนี้จะไม่ได้บ้าแล้วด่ากันฆ่ากันเหมือนเรื่องนั้น เพราะอุมิกับนางิสะจะรักกันจริง เพื่อนที่อิจฉาคือโฮคุโตะ แต่บทนี้ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับนางิสะเลย
    ★ ส่วนพล็อตที่เราอยากเสนอที่สุดคือพล็อตของอาเบะจังที่เราวางไว้ตั้งแต่แรกเริ่มแล้วโว้ย! และมันดีมาก ฟัง! บทอาเบะจังคือบทน้องชายของแม่ที่จะมารับเลี้ยงนางิสะ เป็นอายุรแพทย์ (อาชีพนี้เราเอามาจากไอบะในเรื่อง Last Hope) ที่ฉากหน้าเป็นคนดี แต่พออยู่กับนางิสะก็จะใช้กำลัง ที่นางิสะยอมก็เพราะอาเบะจังจะบอกว่ารักตลอด (ไม่ใช่ในแง่ชู้สาว) พูดตลอดว่าตัวเองไม่เหลือใครแล้วเพราะเพิ่งจะเสียคู่หมั้นไป และมีหลายครั้งที่อาเบะจังเหมือนจะทำร้ายตัวเอง นางิสะก็เลยยอมให้ตัวเองถูกทำร้ายเอง แต่ความจริงคืออาเบะจังนี่แหละเป็นคนวางแผนขับรถชนคู่หมั้นเพราะแค้นที่ถูกบอกเลิก วะ! มันได้! อย่างที่มึงเคยปรามาสว่ากูพลิกบทบาทให้อาเบะจังไม่ได้หรอก กูก็บอกตลอดว่าทำได้ๆ รอดูได้เลย ถึงอย่างนั้นถ้าจะเล่นเป็นคนไม่ดีก็ต้องเป็นคนดีบังหน้าอะไรแบบนี้อยู่ดีแหละ เพราะพี่เค้าดีเกินไป ทำใจไม่ลง ใครจะคิดยังไงไม่รู้แต่รู้ว่ากูรักเค้าก็พอ เอาจริงสมัยก่อนเราชอบแต่งบทแนวนี้มากจริง คือไม่ได้ชอบแนวใช้กำลังแต่ชอบแต่งให้ตัวละครมีด้านมืดเฉยๆ ส่วนตอนจบเป็นไงไม่รู้เพราะไม่เคยคิดไปถึง แต่อุมิกับนางิสะจะรักกันตลอดไปแน่นอน
    ★ เช่นเคยกับชื่อแนวหาดทราย สายลม สองเราในสต็อกให้เข้าคู่กับอุมิ เพราะนางิสะแปลว่าชายหาดค่ะ สวัสดี
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×