คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : EP [12] คนใจร้ายที่เกลียดไม่ลง ✓
EP [12] คนใจร้ายที่เกลียดไม่ลง
ღ
หลังจากงานเลี้ยงสายรหัสก็ผ่านไปแล้วสองวัน เหล่านักศึกษาปีหนึ่งคณะวิศวกรรมศาสตร์ก็เริ่มเข้าสู่กิจกรรมรับน้องอย่างเต็มรูปแบบ
โดยกิจกรรมดังกล่าวจะจัดหลังจากที่น้องปีหนึ่งเลิกเรียนหรือจะมีบ้างตอนช่วงพักกลางวัน
ทว่าการรับน้องของมหา’ลัยวินเซ็นต์ไม่ได้เคร่งเครียดหรือโหดเหมือนกับที่อื่นๆ
โดยทำกิจกรรมร้องเพลงประจำคณะและสานสัมพันธ์ระหว่างพี่และน้องเพียงเท่านั้น
พักกลางวันโต๊ะหินหน้าคณะวิศวะถูกจับจองโดยรุ่นน้องปีหนึ่ง
เหตุผลเพราะรุ่นพี่ปีสองนัดเพื่อจะชี้แจงกิจกรรมแรกของการรับน้องนั่นก็คือการล่าลายเซ็นรุ่นพี่
และเมื่อพี่ปีสองมาถึงก็ให้ตัวแทนมารับสมุดไปพร้อมกับอธิบายกฎระเบียบและข้อบังคับสำคัญที่จะต้องทำ
รุ่นพี่ปีสองแจ้งน้องปี
1 ตามล่าลายเซ็นรุ่นพี่ทั้งหมด 100 ลายเซ็น ซึ่งแบ่งตามชั้นปี ปีละ 30 คน และอีก 10
ลายเซ็นที่เป็นข้อบังคับที่จะต้องมีกันทุกคน ซึ่งได้จากกลุ่มขั้นเทพ
5 ลายเซ็นและกลุ่มพี่ว้าก 5 ลายเซ็น
ดังนั้นเมื่อรุ่นน้องได้ยินกฎข้อสุดท้ายถึงกับร้องเสียงหลงกันไปตามๆ กัน
กลุ่มขั้นเทพเป็นกลุ่มรุ่นพี่ปีสี่
ประกอบไปด้วย พี่คินทร์ พี่ออสติน พี่คิว พี่เคน พี่คอปเตอร์
ส่วนกลุ่มพี่ว้ากเป็นกลุ่มรวมหัวหน้าพี่ว้ากทุกชั้นปีนั่นคือ
พี่เซียนปีสอง พี่มาร์กปีสาม พี่ขุนพลรองพี่ว้ากปีสาม พี่ตะวันรองพี่ว้ากปีสี่
และคนสุดท้ายพี่คีนส์หัวหน้าพี่ว้ากปีสี่
ดังนั้นทุกคนจะขาดลายเซ็นของทั้งสิบคนนี้ไม่ได้เป็นอันขาด
ก่อนที่จะได้ลายเซ็นแน่นอนว่ารุ่นพี่จะขอให้รุ่นน้องทำอะไรก็ได้หนึ่งอย่าง
ซึ่งแต่ละอย่างที่ให้ทำไม่ขัดต่อกฎระเบียบหรือจริยธรรมแน่นอน
ซึ่งหากมีรุ่นพี่ฝ่าฝืนกฎระเบียบนี้ก็จะถูกลงโทษจากทีมพี่ระเบียบ
ส่วนรุ่นน้องหากทำตามคำสั่งหรือคำขอของรุ่นพี่ไม่ได้ก็ต้องบอกเหตุผล
หากไม่มีเหตุผลรองรับก็จะถูกลงโทษ และที่สำคัญหากน้องปีหนึ่งล่าลายเซ็นไม่ครบก็จะถูกลงโทษเช่นเดียวกัน
บทลงโทษที่ว่าไม่ใช่หนักหนาอะไรอย่างที่คิด
เพราะแต่ละบทลงโทษล้วนแล้วแต่เป็นประโยชน์หรือไม่บทลงโทษก็อาจจะเป็นการออกกำลังกายเล็กๆ
น้อยๆ เพียงเท่านั้น
สาลี่สาวสองที่รับอาสาไปเอาสมุดล่าลายเซ็นให้เพื่อนๆ
พอกลับเข้ามาที่กลุ่มก็เผยสีหน้าหวาดๆ จนเยลโล่ที่เห็นท่าทางนั้นจึงถามขึ้น
“เป็นอะไรอีลี่
ตอนไปล่ะเหมือนกระดี่ได้น้ำ แต่ขากลับนี่อย่างกลับปลาขาดน้ำตาย มีอะไรหึ ไหนมึงบอกจะไปแตะอั๋งพี่หลงไง”
เยลโล่
และมิ้นท์ขำเพื่อนที่ก่อนหน้านี้คุยอย่างระรื่นว่าจะไปแตะอั๋งพี่หลงรุ่นพี่ปีสองที่ยืนแจกสมุดล่าลายเซ็นอยู่
ทว่าตอนกลับมาที่โต๊ะสาลี่ทำท่าทางเหมือนคนถูกเหยียบเท้าเอาเสียได้
“ก็ตอนแรกก็จะไปแตะอั๋งพี่หลง
แต่พอได้แตะมือพี่หลงพี่เซียนแม่งก็เข้ามายืนจ้องกูกับพี่หลงกูเลยต้องลามือเพราะก่อนหน้านี้สายรหัสกูบอกว่าให้ทำตัวดีๆ
เพราะกูคือสายรหัสพี่ว้ากห้ามลุ่มล่ามเด็ดขาด”
“แหมกูว่าละช่วงนี้มึงดูเรียบร้อย”
“โถ่กูเรียบร้อยตรงไหนสายตาจับเรดาร์ผู้ชายดีเหมือนเดิมแต่ไม่ทำต่อหน้าสายรหัสก็เท่านั้น
มาแขวะกูว่ากูเรียบร้อยมึงไม่ดูเพื่อนคุณหนูมึงบ้าง พวกมึงไม่คิดว่ามันแปลกรึไงที่ช่วงนี้มันเงียบผิดปรกติ”
“ไอคงมีเรื่องที่ต้องคิดน่ะสาลี่”
ดาวมองไอวี่อย่างเป็นห่วง
“มันเป็นแบบนี้ตั้งแต่วันเลี้ยงสายรหัส
หรือว่าไอมันยังน้อยใจพี่คิวเรื่องที่ไม่รับมันไปงานด้วยวะ” เยลโล่พูดขึ้นด้วยความสงสัย
“แต่เราว่าน่าจะเกี่ยวกับสายรหัสพี่คิวนะ”
มิ้นท์เสริม
“ไอ ไอวี่
นี่สมุดล่าลายเซ็นรุ่นพี่” สาลี่เรียกไอวี่ซึ่งพอสะกิดเพื่อนสาวก็หันมาก็ยื่นสมุดให้แล้วยื่นให้เพื่อนๆ
คนอื่นด้วย
“ขอบใจ”
ไอวี่รับสมุดมาเก็บเอาไว้
“เป็นอะไรไหนบอกสาสิคะ”
สาลี่ทำทีไปนั่งเบียดเพื่อนสาวที่ซึมกระทือมาสองวันแล้ว “ซึมแบบนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับพี่คิวแน่เลยเนี่ย”
“...”
“ไอ มีอะไรเล่าให้พวกเราฟังได้นะ
พวกเราพร้อมให้คำปรึกษากับไอเสมอถึงแม้กลุ่มนี้จะไม่มีสาระพอที่จะช่วยได้แต่ก็ช่วยฟังได้นะ”
“ดาว
มึงนี่” สาลี่จิ๊ปากใส่ ก่อนจะจับไอวี่ให้มองเพื่อนๆ
ไอวี่ถอนหายใจก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องที่อยู่ในใจตัวเอง
“ฉันแค่สงสัยน่ะว่าวันเลี้ยงสายรหัสคิวได้ไปต่อกับผู้หญิงรึเปล่า”
“ผู้หญิงที่ว่านี่ใครยัยแป้งเน่าอ่ะเหรอ?”
สาลี่ถามไอวี่อย่างตรงประเด็นไม่อ้อมค้อม ซึ่งพอพูดจบไอวี่ก็นิ่งไปไม่ได้พูดอะไร
แต่เป็นสาลี่อีกเหมือนเดิมที่ตอบเธอ
“ถ้าเป็นยัยแป้งเน่าฉันเห็นนางกลับไปก่อนเพื่อนนะ”
“กลับ?
กับใคร?” ไอวี่ถามอย่างกระตือรือร้น ภาวนาขอให้ไม่เป็นอย่างที่เธอคิด
“กับคิวรึเปล่า”
“ไม่รู้อ่ะเห็นนางกับพวกรุ่นพี่ในสายเดินออกไปนอกร้านหลังที่พี่คิวออกไปแป๊บหนึ่งอ่ะ”
สาลี่พูด
“อีลี่เหมือนจะช่วยแต่ไม่ได้ช่วยเลยค่ะ”
เยลโล่แขวะ “ใจเย็นๆ นะไอ ฉันว่าคงไม่ได้กลับกับพี่คิวหรอก”
“ใช่ๆ
พี่คิวไม่ใช่คนที่จะยุ่งกับคนในมหา’ลัยนี่” มิ้นท์เสริม
“อย่ากังวลไปเลยไอ
เราเห็นว่าสายรหัสพี่คิวเดินตามพี่คิวออกไปกันทั้งหมดแต่อีกสักพักก็เข้ามาใหม่เมื่อไม่เห็นพี่คิวก็ต่างแยกย้ายกันกลับ
ส่วนหลังจากนั้นสักพักพี่คิวก็เข้ามาข้างในพร้อมกับพี่คินทร์แล้วก็ขอตัวกลับไป”
ดาวพูดทำให้เพื่อนๆ หันไปมองกันอย่างพร้อมเพรียง
“จริงเหรอดาว”
ไอวี่ถามเพื่อความแน่ใจ
“จริงสิ
โต๊ะของสายรหัสเราอยู่ตรงมุมสุดเราก็เลยมองเห็นได้ทั่วร้าน
อีกอย่างเราไม่แตะแอลกอฮอล์ก็เลยมีสติจำได้แม่น ฉะนั้นเลิกนั่งซึมได้แล้ว แบบนี้ไม่เหมือนไอวี่ที่พวกเรารู้จักเลย”
“ดาว..”
ไอวี่เผยรอยยิ้ม คำที่ดาวพูดออกมานั้นช่วยให้ไอวี่หายกังวลอีกทั้งยังรู้สึกถึงความเป็นห่วงของเพื่อนๆ
ทุกคนด้วย
“ขอบใจพวกแกมากนะ”
“เออ
น่าจะให้ดาวพูดตั้งแต่แรก” เยลโล่พูดขึ้นยิ้มๆ ก่อนจะถามไอวี่ต่อ “แล้ววันนั้นทำไมแกกลับไปก่อนโดยไม่บอกพวกเราเลยล่ะ”
“เกิดเรื่องนิดหน่อยก็เลยกลับก่อน”
“ทำไมใครทำอะไรแก
ยัยแป้งเหม็นใช่ไหมบอกมา! ตบเลยไหมเอาให้หน้าแหก
หน็อยแอบเล่นงานเพื่อนพวกเราตอนอยู่คน..”
“เดี๋ยวๆ
อีลี่ ไม่ใช่พวกนั้น พอดีมีคนมาเตาะและจะฉุด แต่ดีที่พี่คินทร์มาช่วยทันหลังจากนั้นก็กลับบ้าน”
ไอวี่เล่ารวบรัดตัดตอนข้ามสิ่งที่ทำให้เธอน้อยใจออกไป
เพราะขืนหยิบยกขึ้นมาคงจะต้องเสียใจอีกแน่
“ไอไม่เป็นอะไรใช่ไหม”
ดาวถามอย่างเป็นห่วง
“ไม่เป็นอะไรแล้วขอบใจพวกแกมากนะ”
พอไอวี่ไม่เล่าลงรายละเอียดลึกเพื่อนๆ
ก็ไม่อยากเซ้าซี้แต่ถ้าหากไอพร้อมที่จะเล่าหรือขอคำปรึกษาเมื่อไรพวกเธอก็พร้อมที่จะฟัง
หลังจากรุ่นพี่ปล่อยไอวี่และเพื่อนก็พากันไปทานอาหารกลางวัน
ซึ่งระหว่างทางก็มีกลุ่มของแป้งหอมคอยพูดแขวะ ประมาณว่าถามแป้งหอมถึงความรู้สึกที่ได้เป็นน้องรหัสคิว
หรืออะไรก็ตามที่เกี่ยวกับคิวจนไอวี่และเพื่อนรำคาญ ทว่าไอวี่กับเพื่อนๆ
ก็ตกลงกันแล้วว่าจะปล่อยให้พวกนางเห่าหอนกันไปก่อน
“น่าหมันไส้พวกแป้งเหม็นว่ะ
ทำมาพูดโอ้อวดอยู่นั่น จะอะไรกันนักกันหนากับอีแค่ได้เป็นน้องรหัสพี่คิว
มาพูดปั่นประสาทไอวี่คิดว่าจะให้ดิ้นตาม เหอะ..” สาลี่พูดขึ้นมาอย่างรำคาญ
“นั่นสิ
ทำเอาการมากินข้าวหมดอร่อยไปเลย ไม่ใช่ว่าอะไรนะแค่เห็นหน้ากับท่าทางดี๊ด๊าก็หมดอารมณ์กินข้าวแล้ว”
เยลโล่เสริมสาลี่
“อย่าไปใส่ใจ”
ไอวี่พูดตัดบทเพื่อนก่อนจะแยกกันซื้ออาหารแล้วค่อยไปนั่งรวมกันที่โต๊ะ
ระหว่างยืนรออาหารอยู่ก็พลันคิดไปถึงคืนเลี้ยงสายรหัส
วันนั้นหากเธอพร้อมกว่านี้หน่อยคงจะสลัดชายสามคนนั้นได้แน่ แต่เธอก็พลาดท่าเกือบเสียตัว
ถ้าพี่คินทร์ไม่มาช่วยเธอต้องแย่แน่ๆ
“เหม่ออะไร”
เสียงเข้มที่ไอวี่ไม่ได้ยินมาสองวันดังขึ้น
ถ้าหากรวมวันนี้ก็สามวันแล้วที่อีกฝ่ายไม่โผล่มาให้เห็นหน้า ไอวี่มองด้วยสายตาเรียบนิ่งกว่าทุกครั้ง
เธอไม่ได้ตอบอะไรกลับไปเพียงแต่เดินถือถาดอาหารออกมาก็เท่านั้น
ตั้งแต่วันนั้นที่ไอวี่กลับมาก็เอาแต่นอนซึมแต่เธอไม่ร้องไห้ออกมาในหัวพลันคิดอะไรวุ่นวายไปหมดและแน่นอนมันเกี่ยวกับคิวทั้งนั้น
ยิ่งคิดยิ่งปวดหัวเธอก็เลยหลับไปทั้งแบบนั้นคิดว่าวันพรุ่งนี้ค่อยถามคิวว่าคืนนั้นเขาหายไปไหน
เขาที่ควรมาหาเธอทันทีที่ไม่เห็นในงานหรืออาจจะรู้จากใครก็ได้ว่าเธอเจอกับเรื่องอะไรมา
ทว่าไม่เลยไม่มี..คิวไม่ได้มาหาเธอ
ไอวี่ไม่รู้ว่าคิวรู้เรื่องที่เธอเกือบจะโดนรุมโทรมหรือยังหรือรู้แล้วแต่ก็ยังทำท่าทีเฉยเมยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นกันแน่
แต่เธอคิดว่าคนอย่างคิวจะต้องรู้แน่
ถ้าพี่คินทร์ไม่บอกก็คงจะเป็นเหล่าลูกน้องที่รายงานความผิดปรกติของเธอในวันนั้น แต่ทำไมล่ะ..
ทำไมคิวถึงไม่เข้ามาถามหรือมาพูดถึงเรื่องคืนนั้นกับเธอ?
วันต่อๆ
มาก็ไม่พบ พอถามทิมทิมบอกว่าคิวไปจัดการงานที่บริษัทและไปคุมคาสิโนด้วย
เธอยิ้มหยันอยากจะถามเขาเสียเหลือเกิน..ว่าเรื่องงานมันสำคัญกว่าเธอนักหรือไง..
ก็คนมันใจน้อยและน้อยใจ
อีกฝ่ายไม่เคยง้อกันอยู่แล้ว เธอคงจะต้องทำตัวเองให้เย็นลงแล้วเลิกโกรธไปเองนั่นล่ะ
หมั่บ!
ไอวี่หันไปมองมือแกร่งที่จับแขนของเธอไว้
เธอมองสายตาดุๆ นั้นก่อนจะสะบัดแขนเบาๆ ให้เขาปล่อย
ทว่ามือตุ๊กแกก็ยังไม่ปล่อยเธอจึงรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา
“ปล่อย”
“เป็นอะไรไปอีก”
“เหอะเป็นอะไร?
นายถามฉันเหรอ? นายรู้หรือแกล้งไม่รู้กันแน่!”
คิวไม่ตอบแต่ยังคงดึงแขนไอวี่ให้เดินตามไปด้านนอก
พอไม่มีสายตาของคนอื่นมองมาไอวี่จึงยื่นถาดอาหารของตนเองให้คิวถือก่อนที่อีกฝ่ายจะหาที่วางเอาไว้แถวๆ
นั้น
“ถ้าเป็นเรื่องของผู้ชายสามคนนั้นฉันจัดการให้เธอแล้ว
พวกมันจะไม่มีโอกาสไปสร้างเรื่องแบบนี้กับใครได้อีก”
“หึพูดง่ายดี
นายจัดการคนพวกนั้นให้ฉันแล้วฉันควรจะรู้สึกยังไง? ขอบคุณนายใช่ไหม? อ้อ ขอบคุณนะที่ช่วยจัดการไอ้สารเลวพวกนั้นให้หลังจากที่ฉันปลอดภัยดีแล้ว
พวกมันสมควรโดนแล้ว แบบนี้ใช่ไหมที่นายอยากได้ยินจากฉัน”
“...”
“นายมันใจร้ายมากเลยคิวใจร้ายมากๆ”
ความเสียใจของไอวี่ที่เก็บมาสองวันได้พังทลายลงแล้ว..
“สิ่งที่ฉันอยากจะได้ยินจากปากนายไม่ใช่เรื่องที่นายจัดการคนพวกนั้นให้ฉัน
ไอ้พวกชั่วนั่นจะเป็นยังไงฉันไม่ได้สนใจเลยสักนิด นายรู้ไหมว่าฉันอยากจะได้ยินอะไรจากนายที่สุดในตอนนี้..”
“...”
“ฉันอยากรู้ว่าคืนนั้นนายหายหัวไปไหนทำไมไม่มาช่วยฉัน..ฉันอยากเห็นสีหน้าเป็นห่วงจากนายอยากได้ยินนายปลอบใจฉัน
ไม่ใช่มาทำหน้าตานิ่งอย่างกับขอนไม้แล้วบอกว่าจัดการคนพวกนั้นให้ฉันแล้ว
ได้ยินไหมคิว..”
“...”
“ถึงจะทำเพราะหน้าที่ก็ช่วยแกล้งทำหน้าตาเป็นห่วงฉันบ้าง
แกล้งปลอบใจฉันก็ยังดี” ไอวี่เป็นคนขี้แพ้ ไม่ใช่กับคนอื่นแต่เป็นคิวคนเดียว
มืออันสั่นเทายกขึ้นปิดหน้าร้องไห้ออกมาเงียบๆ
เพราะความเสียใจที่มันจุกอก ไม่รู้แล้วเธอไม่รู้แล้วว่าควรจะพูดอะไรหรือคิดอะไรเพราะตอนนี้เธออ่อนแอมาก..
“ปล่อย!” ไอวี่พูดเสียงสั่นเมื่อคิวดึงเธอเข้าไปกอดพลางลูบหัว
“ไอ้คนใจร้ายไอ้คนใจดำคืนนั้นฉันกลัวแต่ฉันมั่นใจว่านายจะต้องมาช่วยฉันแน่ๆ
แต่ว่านายก็ไม่มา..”
“ขอโทษ”
ไอวี่เลิกทุบตีคิวก่อนจะฝังหน้าตาที่เต็มไปด้วยน้ำตากับเสื้อของคิว
เพราะเป็นคิวเธอถึงแสดงความอ่อนแอออกมาได้ ดังนั้นความอึดอัดที่มีมาสองวันก็ถูกปล่อยออกมาให้คิวได้เห็นทั้งหมด..
..แน่นอนเธอไม่รักษาหน้าตาของคุณหนูผู้สูงส่งสั่งขี้มูกลงบนเสื้อของอีกฝ่ายอย่างไม่เกรงใจโทษฐานที่ทำให้เธอเสียใจก็แล้วกัน..
หลังจากร้องไห้จนน้ำตาน้ำมูกไหลชะล้างความเสียใจไอวี่ก็กลับ
มาเป็นคนเดิม เธอยืนรอคิวเปลี่ยนเสื้ออยู่หน้าห้องน้ำชายในคณะวิศวะ
สาเหตุที่คิวต้องเปลี่ยนเสื้อก็เพราะมันเลอะไปด้วยน้ำตาและน้ำมูกของเธอ
“เสร็จแล้ว”
เสียงเรียบนิ่งดึงสติของไอวี่ เธอมองเสื้อนักเรียนตัวสำรองที่มีอยู่ในรถของคิว
“ไปกินข้าวกัน”
ไอวี่เอ่ยปากชวนอย่างปรกติคล้ายกับก่อนหน้านี้ไม่ได้ตัดพ้อน้อยใจหรือสั่งน้ำมูกลงบนเสื้อพี่ระเบียบเลยแม้แต่น้อย
ทว่าคิวพยักหน้าให้คล้ายกับยอมรับคำชวนทำให้ไอวี่เผยรอยยิ้มขึ้นมา
ช่างมันเถอะ..ยังไงซะคิวก็กอดและปลอบเธออยู่นานฉะนั้นเธอจะปล่อยเรื่องพวกนี้ไปก่อนก็แล้วกัน
คิวพาไอวี่มาที่หน้าคณะอาหาร
ตอนแรกเธอแปลกใจและกำลังจะถามหากว่าไม่เห็นกลุ่มคนที่นั่งรวมตัวกันที่ลานโต๊ะหินเสียก่อน
พี่คินทร์แคลร์
พี่ออสตินพี่หมิว พี่เคนพี่ปาด้า..
“ไหนบอกจะพาไปกินข้าวไง”
ไอวี่ถามเสียงขุ่น เธอคิดว่าจะได้นั่งกินข้าวกับคิวแค่สองคน แต่ที่เธอเห็นนี่..
“กินที่นี่..”
“ไม่”
ไอวี่ปฏิเสธเสียงแข็ง
“ทำไม?”
ก็ไม่อยากนั่งกินกับคนที่ทำให้นายยิ้มได้น่ะสิ!
ทว่าจังหวะที่ไอวี่คิดอะไรวุ่นวายในหัวคิวก็ยกมือขึ้นลูบหัวเบาๆ
และนั่นทำให้ไอวี่..ใจอ่อนยวบ
“อย่าดื้อฉันหิวแล้ว”
ไอวี่กระพริบตาปริบๆ
มองคิวที่เดินนำหน้าเธอไปส่วนเธอเองยังยืนอยู่กับที่พลางยกมือขึ้นจับหัวตัวเองเบาๆ
ตรงที่มีสัมผัสอ่อนโยนของมือคิวลูบเมื่อครู่ก่อนที่รอยยิ้มค่อยๆ เผยออกมา
“ที่ฉันยอมนั่งกินด้วยก็เพราะหิวเหมือนกันหรอกนะ..”
ความดื้อดึงของเธอมักจะอ่อนยวบตอนอยู่กับคิว
และยิ่งคิวทำท่าทีอ่อนโยนใส่ก็ยิ่งอ่อนเหมือนขี้ผึ้งที่โดนไฟลนจนเหลว
ไม่ว่าคิวจะทำผิดหรือทำให้เธอเสียใจยังไงเธอก็ยังคงให้อภัยเขา..
บอกแล้วไงว่าเธอน่ะ..มันคนขี้แพ้..
ღ
____________________
เรื่องแยกของ
คินทร์แคลร์ <จบแล้ว>
ออสตินหมิว <จบแล้ว>
เคนปาด้า <กำลังอัพ>
(เวย์อลิซ - คู่น้องสาวพี่คินทร์) <จบแล้ว>
ไปตามกันได้นะค้าาาาา
___________________
Talk
ไอวี่เอ้ย..เดินเป็นวงกลมจริงๆ เลยรู้กกก
ความรักหนอความรัก มันจะมืดบอดขนาดนั้นเลยหรือ
เข้าใจว่าถ้ารักคนๆ หนึ่งมากๆ ก็ยอมให้อภัยเขาหมด
หากไม่เป็นเรื่องร้ายแรงอ่ะ
เข้าใจว่าหากมีคนที่ชอบ..เราก็จะแพ้เขาทุกๆ อย่าง
....
ปล. ไม่ได้ตรวจคำผิด คำแปลก คำซ้ำ พิมพ์เสร็จลงเลย
หากเจอคำผิดโปรดเม้นต์บอกด้วยนะคะ ^u^
....
กดโหวต กดหัวใจ คอมเม้นต์ให้กำลังใจกันบ้างนะคะ
ความคิดเห็น