ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Tales of Love :: บทนิทานแห่งความรัก (รับสมัครตัวละคร)

    ลำดับตอนที่ #13 : The Tale 2 :: The Twins [ฝาแฝด] 04 - เหตุผลที่เอาแต่ใจ

    • อัปเดตล่าสุด 22 พ.ย. 60




    The Main Character

    From The Twins



    ตัวละครหลัก

    "ผมกับเขาก็เหมือนหยินและอย่าง...ถึงแม้จะเข้ากันไม่ได้ แต่ก็คอยเกื้อหนุนค้ำจุนกันและกัน"
    "ก็ตามใจหมอนั้นสิ.....จะให้โดดผาหรืออะไรก็แล้วแต่..."

    สองพี่น้องฝาแฝด


    ตัวละครเสริม

    -แม่มดชุดขาว-

    - วิกตอเรีย -

    -ชายหนุ่มชุดดำ และ ชายหนุ่มนัยน์ตาสีแดง-

    - เฮเลน (มารดาของสองฝาแฝด) -






    The Twins[ฝาแฝด] 04
    เหตุผลที่เอาแต่ใจ



                เมื่อสายฝนที่กระหน่ำหยุดไปนั้นอะไรกันแน่ที่มาเยือน...ความสงบสุขในวันใหม่ ความน่าตื่นเต้นของเหล่าเด็กน้อยที่ได้ออกมาโลดเล่นอีกครั้ง หรือภัยมรสุมที่เงียบไปเพื่อรอวันออกมาอาละวาดอีกครั้ง แต่ไม่ว่าเพราะอะไรก็ตาม หลังจากที่นอนเพราะพิษไข้นานหลายวันในที่สุดมอร์แกนก็กลับมาหายดีเป็นปกติ หากแต่คราวนี้เป็นเมลอสที่ต้องลุยผ่านฝนที่เพื่อทำงานทุกวันแทน


                ผู้เป็นน้องชายนอนซมเพราะพิษไข้ที่รุนแรงกว่ามอร์แกนเล็กน้อยทำให้เขาถอนหายใจออกมา อันที่จริงมันก็ไม่ใช่แค่พิษไข้เหมือนเขาเสียด้วยสิ มอร์แกนมองร่างน้องชายฝาแฝดที่สั่นน้อยๆ ในขณะที่นอนคลุมผ้าห่มหนา ถึงกระนั้นก็ยังเหมือนหนาวสุดๆ อยู่ดี ทำให้ชายหนุ่มอดที่จะยืนมองเข้าไปลูบศีรษะอีกคนไม่ได้....ท่าทางจะหนาวมากแฮะ แต่เหมือนจะหลับอยู่ดี...มอร์แกนก้มลงมองอีกครั้ง ก่อนเอนตัวไปคล้ายจะกอดน้องชายตนเองหากแต่เพราเสียงเคาะประตูทำให้เขาสะดุ้งน้อยๆ ก่อนรีบกลับนั่งไปนั่งท่าเดิมอย่างรวดเร็วพร้อมทั้งหันมองประตูทางเข้าห้อง


                คนที่เดินเข้ามาเยือนใหม่นั่นคือหญิงสาวผู้เป็นมารดานั่นเอง หญิงสาวผมบลอดน์เดินเข้ามาในชุดที่เตรียมพร้อมที่งานเลี้ยงที่ไหนสักแห่งทำให้มอร์แกนแอบเม้มปากน้อยๆ ที่หล่อนไม่มีท่าทางห่วงลูกชายคนกลางที่กำลังป่วยเพราะพิษไข้แม้แต่น้อย อันที่จริงเขาก็ไม่ได้โกรธวิกตอเรียมากหรอก มันช่วยไม่ได้นี้...เด็กสาวไม่ได้ทำอะไรผิดเลยจะโกรธก็ดูไร้เหตุผลเกินไป


                แต่ว่าตั้งแต่วิกตอเรียเกิดมาพวกเขาก็ถูกเลี้ยงในฐานะที่ใหญ่มาตลอดบวกกับแรงกดดันที่ต้องสืบทอดตระกูลต่อไปด้วยยิ่งทำให้รู้สึกแย่เข้าไปในทุกครั้งที่คุยกันผู้ให้กำเนิดแบบนี้ คุยกันแต่ละครั้งก็ไม่พ้นเรื่องคู่สมรสไม่ก็เรื่องที่ตนเองจะจัดหาคู่หมั้นให้มอร์แกนกับเมลอส แน่นอนว่าพวกเขาปฏิเสธตลอดมา อย่างแรกพวกเขาคิดว่าหน้าที่ตนเองยังไม่พร้อมที่จะมีครอบครัว อย่างที่สองการที่แต่งงานกับคนที่ไม่ได้รักนั้นคิดว่ามันมีความสุขเหรอ...มันอาจจะใช่การที่แต่งงานกับคนรวยนั้นอาจจะมีหน้ามีตาสุขสบายไปนาน แต่ว่าเบื้องลึกกำลังคิดอะไรอยู่ยังไม่มีใครรู้อยู่ดี


                คิดว่าการแต่งงานแบบถุงคลุมชนนั้นมันดีตรงไหนกัน คู่แท้งั้นเหรอ...หรือเพื่อไม่ให้ผิดบาปกันแน่ แต่ว่านะ...ธรรมชาติของมนุษย์คืออะไรกัน ต่อให้รักกันแท้ๆ บางครั้งเขายังเห็นชายหนุ่มหรือหญิงสาวที่มีครอบครัวแล้วมีคนอื่นบ่อยๆ เลย ราวกับว่าสิ่งที่พยายามทำให้มันไม่เกิดขึ้นนั้นกลับเกิดขึ้นเหมือนปกติ


                ชายหนุ่มเลื่อนสายตามองผู้เป็นแม่ของตนเองเล็กน้อยพร้อมทั้งกล่าวถามเสียงที่พยายามปรับให้สุภาพที่สุดในขณะที่เมลอสที่ลืมตาขึ้นมาไม่นานค่อยๆ ยันตัวขึ้นจากที่นอนพร้อมทั้งหันมองเธอเชนเดียวกับเขา


    “มีอะไรครับ แม่?”


    “วันเสาร์นี้ข้านัดดูตัวกับคุณหนูไวโอเล็ตลูกสาวของขุนนางในวัง”


    “แล้วทำไมครับ?”


    “จะทำไมล่ะ พวกแกก็ต้องไปสิ”


    “พวก? หมายถึง---”


    “แกกับเมลอสไง”


    หญิงสาวกล่าวแทรกเสียงห้วนๆ ทำให้เมลอสไอออกมาเล็กน้อยราวกับตกใจที่ได้ยินหล่อนพูด แน่นอนว่ามันทำให้มอร์แกนลุกพรวดขึ้นจากเตียงเพื่อโต้แย้งหญิงสาวอย่างช่วยไม่ได้ก็แน่สิ...ในเมื่อวันพรุ่งนี้คือวันเสาร์ แถมเมลอสยังป่วยแบบนี้เธอยังจะให้พวกเขาไปอีกงั้นหรือ?


    “แต่น้องป่วยอยู่นะครับ”


    “ก็ไปทั้งๆ แบบนั้นแหละ อย่างทำให้ข้าเสียหน้าล่ะ”


    เธอกล่าวก่อนหมุนตัวเตรียมที่จะเดินออกไป ทว่ามันกลับทำให้สีหน้ามอร์แกนดูหงุดหงิดขึ้นมาเล็กน้อยก่อนเกล่าวเสียงเรียบๆ ตามหลังหญิงสาวผู้เป็นมารดาของตนเองอย่างช่วยไม่ได้


    “นี่ชื่อเสียงแม่สำคัญกว่าน้องงั้นหรือ?”


    หากแต่คำพูดของเขากลับไม่ได้รับคำตอบจากหญิงสาวแม้แต่น้อย เธอทำเพียงแค่หยุดนิ่งฟังก่อนเดินออกไปโดยที่ไม่พูดอะไรทำให้มอร์แกนถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้ ก่อนนั่งลงบนเตียงด้วยความหงุดหงิดไม่น้อย อันที่จริงเขาเองก็ไม่ใช่คนที่ไร้เหตุมากถึงขนาดโกรธเรื่องไม่เป็นเรื่องแต่ว่าครั้งนี้การกระทำของหญิงสาวแสดงออกมาชัดว่าห่วงชื่อเสียงตนเองมากกว่าเมลอสทำให้เขาอดที่จะตะโกนตามหลังเธอไม่ได้


    แน่นอนมันทำให้เมลอสมองเขาอย่างประหลาดใจสุดขีด ชายหนุ่มไม่เคยเห็นพี่ชายของตนเองตะโกนใส่คนอื่นนอกจากเขาเลย ใช่ มอร์แกนเคยตะโกนใส่เขาทุกครั้งที่ทะเลาะกัน พวกเขาทั้งสองนั้นถึงจะเป็นแฝดทว่านอกจากหน้าตาแล้วแทบไม่มีอะไรเหมือนกันเลยแม้แต่น้อย หลายครั้งที่ทะเลาะกันด้วยเรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง และเมลอสเองก็ไม่ใช่น้องชายที่อ่อนแอหรืออ่อนหวานเหมือนคนอื่นๆ ทำให้บางครั้งที่ทะเลาะเขากับมอร์แกนแทบจะต่อยกันเลยก็มี แน่นอนว่าเสียงตะโกนของมอร์แกนแม้จะสะดุ้งบางครั้งแต่ว่าไม่ถึงขั้นน้ำตาคลอเบ้า มอร์แกนยกมือขึ้นกุมขมับตนเองเล็กน้อยก่อนพึมพำออกมาเบาๆ อย่างหัวเสีย


    “ให้ตายเถอะ ผู้หญิงคนนั้นเห็นพวกเราเป็นอะไร”


    “ไม่รู้สิ บางทีคงแค่คนที่จะสืบทอคตระกูลมั้ง”


    เมลอสกล่าวเสียงเรียบๆ นิ่งกว่าคนพี่พร้อมเอนตัวลงนอนอย่างรวดเร็วราวกับเจ้าตัวไม่อยากรับรู้อะไรต่อไปทำเอามอร์แกนหันมองก่อนลุกขึ้นยืนอีกครั้งพร้อมทั้งหันมากล่าวเรื่องอื่นกับเขา


    “พี่จะไปบอกแม่บ้านให้ทำอาหารกลางวันมาให้นะ”


    “อ...อืม ฝากด้วยนะ”


    “ได้ เดี๋ยวจะกลับมา”


    ชายหนุ่มบอกพร้อมทั้งเปิดประตูห้องออกอย่างรวดเร็วก่อนเดินตรงไปยังห้องครัว...ทว่าดวงตากลับเหลือบไปเห็นทุ่งดอกไม้ที่อยู่เบื้องล่าง เขาเห็นร่างเด็กสาวเห็นผมสีขาวก่อนหน้านี้นั่งนิ่งมองเหล่าบุปผาที่ตนเองเหยียบก่อนเงยขึ้นมามองเขา แม้เธอจะมองมอร์แกนก็เถอะ แต่ว่าชายหนุ่มกลับไม่สามารถบอกได้ว่าใบหน้าเธอเป็นยังไง หากแต่เมื่อเขาละสายตาจากเด็กสาวไปมองฟากฟ้านั้น ท้องนภาเบื้องหน้ากลับดูมืดครึ้มขึ้นมาในทันทีราวกับหยาดฝนกำลังร่วงหล่นมาอีกครั้ง


    และนั้นทำให้เขารีบเดินตรงไปยังห้องครัวเพื่อบอกให้แม่บ้านนำมาหาไปให้คนน้องที่อยู่ในห้องก่อนเขาจะรีบวิ่งออกจากประตูคฤหาสน์ตรงไปยังที่ทำงานของตนเอง แม้จะลางานแต่เขาจำได้ว่ามีงานเอกสารที่ต้องรีบทำให้เสร็จภายในวันนี้ทำให้เขารีบตรงไปหยิบมันมาทำในบ้านของตนเอง ชายหนุ่มรีบตรงไปยังท่าเรือในทันที หากแต่เขากลับสะดุ้งเข้ากับใครบางคนที่กำลังเดินขึ้นโบสถ์ร้างใกล้ๆ กับคฤหาสน์ของเขา


    คนๆ นั้นสวมเสื้อคลุมสีดำ...ใช่ เขาคิดว่ามันเป็นเสื้อคลุมแหละ แต่ต่างกันนิดหน่อยตรงที่มันไม่ได้ยาวเหมือนเสื้อคลุมทั่วไปบวกกับกวงเกงขายาวที่เด็กหนุ่มคนนั้นใส่แลดูแปลกตา หากแต่เพราะฝ่ายนั้นหันมามองเขาทำให้มอร์แกนรีบเมินเด็กหนุ่มคนนั้นพร้อมก้าวตรงไปยังท่าเรือ ทว่าสิ่งที่เขาไม่อาจรับรู้คือเด็กหนุ่มเจ้าของดวงตาสีแดงราวกับโลหิตจ้องมองเขาด้วยสีหน้านิ่งๆ หากแต่แฝงความหมายบางอย่างเอาไว้ก่อนที่จะเดินหายลับเข้าไปในทางขึ้นไปยังโบสถ์ตรงหน้าอย่างรวดเร็ว


    มอร์แกนเดินผ่านตลาดที่เต็มไปด้วยผู้คนที่เริ่มเก็บของเล็กน้อยเนื่องจากท้องฟ้าที่มืดครึ้มนั้น ชายหนุ่มรีบเร่งฝีเท้าตนเองเขาผลักประตูไม้ของโรงงานตนเองพร้อมทั้งเลื่อนสายตามองผู้คนที่ในโรงงานที่เริ่มวุ่นวายเพราะพายุตรงหน้า จะว่าไปมอร์แกนจำได้ว่ามีเรือลำหนึ่งออกไปนี่ แต่ไม่รู้ว่าไปถึงไหนแล้ว...แล้วจะกลับมาทันหรือเปล่านะ...ถ้าไม่ทันคงได้หายไปหลายเดือน...หรือไม่ก็หายถาวรเลย


    มองจากเมฆที่กำลังเคลื่อนตัวมา ครั้งนี้ท่าจะไม่ใช่พายุลูกเล็กๆ เหมือนครั้งก่อนด้วยสิ ชายหนุ่มรีบคว้าเอาเอกสารที่วางอยู่บนโต๊ะของตนเองพลางเดินตรงไปยังบานหน้าตาที่ทำจากแก้วอย่างดีตรงหน้า หากแต่มันกลับเหมือนของประดับมากกว่า...ในเมื่อหน้าต่างบานนี้ไม่สามารถเปิดได้เลยแต่ถึงกระนั้นเพราะทำจากแก้วทำให้มองเห็นด้านนอกอยู่บ้าง


    อันที่จริงมองจากตรงนี้เรือสินค้าไม่มีทางกลับมาได้ทันแน่ๆ ทำให้ชายหนุ่มหันไปคุยกับเพื่อนร่วมงานที่อยู่ไม่ไกลจากตนเองนักก่อนขอตัวกลับพร้อมเอกสารในมือ ผู้คนที่เดินไปมาตามบางตาลงมากพอสมควร ตอนนี้ตลาดที่เคยคึกครื้นนั้นเต็มไปด้วยความเงียบสงบเนื่องจากท้องฟ้านั้นทำให้ทางเดินโล่งมาก...และง่ายต่อการเดินกลับได้เร็วขึ้นด้วย


    และเพราะเสียงท้องฟ้าเริ่มคำรามทำให้มอร์แกนสะดุ้งน้อยๆ ก่อนหันมองเมฆที่กำลังเคลื่อนตัวเข้ามาอยู่พักใหญ่ก่อนรีบเร่งฝีเท้าไปยังโดยไม่ลังเล ไม่นานหลังจากที่เขาเดินมาถึงคฤหาสน์สายฝนกลับแรงปรอยลงมาก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นหนักขึ้นเรื่อยๆ ทำเอาชายหนุ่มรีบหันมองหันมองฝั่งทะเลในทันที


    ดวงตาสีน้ำทะเลจ้องมองภาพตรงหน้าอย่างเป็นห่วงคนที่เดินเรือ เนื่องจากท่าเรือนั้นมีข่าวเรื่องเรือล่มเพราะพายุฝนบ่อยที่สุด...อันที่จริงลือมาจากสองพี่น้องมาเรียกับไมเคิลนั่นแหละ ทว่าไม่นานเขากลับละสายตาไปมองภาพทางเดินที่ปูด้วยพรมสีแดงเติมไปด้วยลวดลายต่างๆ จำนวนมาก


    แต่ว่ายังไม่ทันก้าวพ้นหน้าห้องโถงเขากลับได้ยินเสียงผู้เป็นมารดาและบิดาคุยกับใครบางคน อันที่จริงไม่ได้ตั้งใจจะฟังแต่มันโดนไม่ได้ตั้งใจจากที่ได้ยินคร่าวๆ เหมือนกำลังคุยเรื่องแต่งงานของมอร์แกนมากกว่า...ทว่าเท่าที่จับใจความได้เหมือนทั้งสองฝ่ายจะทำเพื่อชื่อเสียงของตนเองมากกว่าทำให้ชายหนุ่มเหลือบมองอย่างไม่พอใจนิดๆ


    ก่อนรีบเดินกลับไปยังห้องอย่างพอใจ เขาบอกกี่ภครั้งแล้วว่าตนเองไม่ต้องการการแต่งงานแบบนี้ แม้จะฟังดูเขาเห็นแก่ตัวก็ตาม...แต่ว่าที่จริงมันก็เห็นแก่ตัวทั้งสองนั้นแหละ มอร์แกนกับเมลอสต้องการที่จะอยู่กับคนที่ตนเองรักจริงๆ ส่วนทางผู้ให้กำเนิดต้องให้พวกเขาแต่งงานเพื่อชื่อเสียงและศรัทธาของตนเอง


    ไม่ว่าเหตุผลของใครก็เห็นแก่ตัว แต่ว่าการที่ทำเพื่อตนเองมันผิดหรือไง...พวกเขาไม่เคยทำให้ใครเดือดร้อนเลยนี่ ทั้งๆ ที่ชีวิตเป็นของพวกเขาแท้ๆ กลับถูกชักใยราวกับเป็นแค่หุ่นเชิดเท่านั้น พวกเขาเองก็ไม่ได้บอกว่าทั้งบิดามารดานั้นไม่รักตนเอง...อนึ่งการที่บอกแบบนั้นก็มีแค่คนที่ถือว่าความคิดตนเองเป็นใหญ่หรือเด็กเท่านั้น พวกเขาเข้าใจทั้งสองคนดีว่าทำเพื่อของพวกนั้นทำไม...แต่ว่าบางครั้งการที่บังคับบุตรกลับไม่ใช่สิ่งที่ดีเท่าไร แต่ว่า...


    อะไรที่มากเกินไปก็ดูเหมือนเห็นแก่ตัว มากไปก็ไม่ดี.... ละเลยการดูแลหรือบังคับทุกอย่าง ไม่ว่าอะไรสุดท้ายแล้วมีความผิดพลาดที่ตามมาอยู่ แต่ใช่ว่าจะเป็นทุกคนเสมอไป...บางคนอาจจะใช่ แต่บางคนอาจจะไม่ใช่ บางคนอาจจะชินชากับการโดนบังคับ แต่ว่าบางคนไม่ใช่ โลกใบนี้ไม่มีใครที่นิสัยเหมือนกันไปเสียทุกอย่างเสียหน่อย หากแต่ระหว่างที่ชายหนุ่มกำลังหัวเสียอยู่คนเดียวนั้นประตูห้องนอนกลับถูกเปิดออกพร้อมร่างชายหนุ่มที่มีใบหน้าพิมพ์เดียวกับเขา...เมลอสมองพี่ชายตนเองเล็กน้อยก่อนกล่าวถามออกมาเสียงเรียบๆ


    “ทำอะไรของนายน่ะ”


    “ไม่มีอะไร แค่เครียดนิดหน่อย”


    “งั้นเหรอ...แล้วจะยืนตรงนั้นอีกนานไหม?”


    “โอ๊ะ โทษที...ว่าแต่เมลอสหายแล้วเหรอ?”


    “ดีขึ้นแล้วล่ะ”


    เมลอสตอบเสียงเรียบๆ ก่อนคนพี่จะเดินเข้าไปหาพร้อมแตะศีรษะเขาเบาๆ มอร์แกนรู้สึกว่าตัวจะเย็นลงเล็กน้อยทำให้คนเป็นพี่ยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนเลื่อนมือขึ้นลูบศีรษะน้องชายตนเองเบาๆ ทำเอาคนน้องถึงกับพึมพำออกมาอย่างช่วยไม่ได้


              “หยุดน่า ไม่ใช่เด็กแล้วนะ”

              “เมลอส..”

    “หืม”


    “รีบหายไวๆ นะ”


    “...อืม...ขอบใจนะ...”



    ---------------------------------------------------

    ความตันมาเยือนอีกแล้วค่ะ //หัวเราะเบาๆ(?) มีคำผิดทักได้เลยนะคะ แผ่นกระดาษรีบไปหน่อย

    อนึ่งเขียนชื่อตอนทั้งหมดไว้แล้วค่ะ ตอนต่อไปชื่อว่า...ชายหนุ่มดวงตาสีแดง

    แล้วก็...ขออนุญาตเรียงชื่อตอนต่อจากนี้ 

    ชายหนุ่มดวงตาสีแดง-

    -คำสารภาพบาป-

    -คำสาปของแม่มด-

    -ปีศาจแห่งราคะ-

    -ทางเลือกสุดท้าย-

    -จุดจบของเรื่องราว-

    แถมตอนส่งท้ายเกี่ยวกับครอบครัวของสองแฝดสั้นๆ ค่ะตอนนี้

    -คำขอโทษที่ไม่มีวันส่งไปถึง-


    และต่อด้วยเรื่อง

    Dear Friend 





    O W E N TM.
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×