คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : บทที่ 12
บทที่ 12
เป็นอีกครั้งที่สการ์เลทพาอาร์โรห์เข้ามาพักในเมือง ต้องบอกว่าตั้งแต่เขาเดินทางมากับสการ์เลท
เมื่อไหร่ที่ผ่านเมืองก็เป็นต้องเข้าไปพักอยู่ร่ำไป อย่างน้อยๆก็หนึ่งคืน อย่างมากก็อยู่กันเกือบอาทิตย์
และไม่รู้ว่าคราวนี้จะอยู่ในเมืองนี้นานเท่าไหร่ จากที่เขาไม่ชินกับสภาพชนเมือง บัดนี้เขากลับเห็นมันเป็นภาพที่ชินตาภาพหนึ่งเสียแล้ว
“สการ์เลท
เราจะพักที่นี่นานเท่าไหร่?”
“ไม่รู้สิ
แต่ข้าชอบเมืองนี้
คงจะอยู่นานๆหน่อยน่ะ”
บทสนทนาสั้นๆที่เกิดขึ้นระหว่างทั้งสองขณะที่นั่งกินอาหารกันอยู่ เรียกให้โต๊ะข้างๆมองพวกเขาด้วยสายตาไม่น่าไว้ใจ
และแม้ว่าจะรู้ตัวว่าถูกมอง
แต่ทั้งสองก็ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น
เป็นธรรมเนียมหรืออย่างไรก็ไม่ทราบ
เมื่อพวกเขาเข้ามาในเมืองแล้วทำตัวเป็นนักเดินทางพูดคุยกันทีไรเป็นต้องเจอสายตาเช่นนี้เสียทุกครั้ง
และสิ่งที่ตามมาตอนตกดึกก็มักจะเป็นเหมือนๆกันอยู่ร่ำไป...
“เฮ้ย! พวกเจ้าน่ะ!!”
...แต่บางครั้งก็เข้ามาหาทันทีเลยน่ะนะ...
นัยน์ตาสีดำและน้ำตาลเหลือบมองเจ้าของเสียงพร้อมๆกัน
แต่ก็กลอกกลับมาที่โต๊ะของตนเองได้อย่างพร้อมเพรียงอย่างกับว่านัดกันมาอย่างไรอย่างนั้น
เป็นเชิงบอกกลายๆว่าอีกฝ่ายไม่ได้อยู่ในสายตาของพวกเขาเลยสักนิด
การทำแบบนั้นคงเป็นการไปแหย่หนวดอีกฝ่ายเข้า
อีกฝ่ายถึงได้เดินกระทืบเท้าเข้ามาหาทั้งสองคนแล้วยกขาถีบโต๊ะที่คั่นกลางอาร์โรห์และสการ์เลทออกจนล้มกลิ้ง
สการ์เลทยังมือไวคว้าถ้วยชาที่ยังดื่มค้างไว้ครึ่งๆกลางๆมาไว้ในมือได้ทัน และยังไม่วายยกมันขึ้นจิบต่อหน้าต่อตาคนล้มโต๊ะที่ทำหน้าเดือดสุดๆอยู่
อาร์โรห์มองการกระทำนั้นยิ้มๆเหมือนจะขำกับท่าทางนั้นของจอมเวทสาว
แต่ไม่รู้ว่ารอยยิ้มเขาไปกระตุกต่อมหมั่นไส้ใครเข้าถึงได้มีเท้าที่สวมรองเท้าบูทส้นแหลมๆพุ่งเข้าใส่จนอาร์โรห์ต้องเบี่ยงตัวหลบจนหลังติดเก้าอี้
“ต๊ายตาย หลบได้เหรอเนี่ย...” เสียงสูงปรี๊ดจากหญิงสาวปากแดงคนหนึ่งดังขึ้นมาจากด้านข้างของเด็กหนุ่มอินคิวบัสจนอาร์โรห์ต้องเหล่ตามอง
ส่วนสการ์เลทก็ยังต้องชะงักมือที่กำลังยกถ้วยชาขึ้นจิบแล้วเหล่มองเจ้าของเสียอย่างเสียไม่ได้...
นอกจากสาวเจ้าจะทาปากสีแดงสดแล้วยังสวมกางเกงขาสั้นเผยขาเรียวๆให้ผู้ชายหลายคนน้ำลายไหลเล่น เสื้อก็ใส่เกาะอกโชว์สะดือ
ถ้าไม่มีเสื้อนอกแขนสั้นครึ่งตัวสวมทับคาดว่าคงจะไม่ต่างจากคนเปลือยเท่าไหร่นัก รวมๆกับใบหน้าที่ไม่ได้ดูแย่อะไรแล้ว
คิดว่าเธอคงจะเป็นขวัญใจของหนุ่มๆไม่น้อยเลยทีเดียว
“เก่งนะสาวน้อย
แต่แค่นี้อย่าคิดว่าเจ้าจะไม่จ่ายค่าคุ้มครองมาให้ข้าได้นะ”
เธอเอ่ยพลางใช้นิ้วชี้เชยคางของอาร์โรห์ขึ้น
ก่อนจะยื่นใบหน้ามาใกล้ๆเขา
อาร์โรห์คิ้วกระตุกไปสองทีเมื่อได้ยินสรรพนามไม่น่าฟังจากปากสาวเจ้าที่ทำท่าทางใหญ่โตรีดเงินคนอื่นซึ่งๆหน้า
“ขอโทษด้วย
ข้าไม่มีเงินติดตัว” อาร์โรห์กล่าวเสียงห้วนก่อนจะปัดมือของหญิงสาวออกและลุกขึ้น
แต่ก็ถูกคนที่เพิ่งจะปัดมือออกไปเมื่อครู่ผลักจนต้องลงมานั่งอีกรอบ
คราวนี้เธอจงใจยกขาขึ้นมาวางบนที่เท้าแขนของเก้าอี้ตัวที่เขานั่งอยู่ เป็นการบอกกลายๆว่าเธอจะไม่ให้เขาไปไหนทั้งนั้น
“เป็นนักเดินทาง...จะไม่มีเงินติดตัวได้ยังไง? อย่ามาหลอกกันหน้าด้านๆหน่อยเลย”
อาร์โรห์ถึงกับถอนหายใจเฮือก
แต่เพียงแค่เขาตบที่ท้าวแขนข้างที่ว่างอยู่ของเก้าอี้เขาก็กระโดดออกมายืนอยู่ข้างๆสการ์เลทได้อย่างง่ายดาย
อาจไม่มีใครมองทัน
แต่อันที่จริงแล้วอาร์โรห์ใช้ที่ท้าวแขนของเก้าอี้เป็นหลักในการเหวี่ยงตัวขึ้นเพื่อให้เคลื่อนที่ได้อย่างอิสระ
จากนั้นก็เพียงแค่ใช้แขนเป็นเหมือนสปริงส่งตัวเองลงมายืนอยู่ข้างๆสการ์เลทก็เท่านั้น
หญิงสาวปากแดงถึงกับมองอาร์โรห์ตาค้าง
แต่เพียงไม่นานเธอก็เก็บสีหน้าตกตะลึงเป็นสีหน้าสนุกสนานเสียแทน เธอเลียริมฝีปากเบาๆ แต่คราวนี้ไม่ได้เข้ามาประชิดตัวอาร์โรห์ เธอเริ่มเดินสำรวจรอบๆ
พลางกวาดสายตาสำรวจเด็กหนุ่มอย่างถี่ถ้วนอีกครั้ง
“จะว่ายังไงดีนะ
ถ้ามองดีๆเจ้าก็เป็นผู้ชายนี่นา...เพียงแค่ตัวบางไปหน่อย หน้าตาก็...นะ
แล้วก็ยังวิชาการต่อสู้ของเจ้าท่าทางจะไม่เลวทีเดียว สนใจจะเข้ากองทหารรับจ้างของข้าไหม??”
“เสียใจด้วย
ข้าเป็นเพียงนักเดินทางเร่ร่อน
ไม่คิดจะผูกมัดตนเองกับใครมากนัก”
“แหมๆ ปฏิเสธทันทีเลยสินะ”
แม้จะพูดด้วยน้ำเสียงที่ถูกดัดอยู่เช่นตอนแรก
แต่อาร์โรห์ก็รับรู้ได้ถึงอารมณ์ที่ไม่ค่อยพอใจของคนพูด สายตาที่ใช้มองเขาก็ทำเอารู้สึกเสียวสันหลังแปลกๆจนอาร์โรห์ต้องขยับตัวไปยืนด้านหลังสการ์เลทอย่างแนบเนียน
สายตาที่ทำให้ปีศาจรู้สึกขนพองสยองเกล้าได้คิดว่าจะเป็นแบบไหนล่ะ?
ถ้าไม่น่าสยองขนาดพลังทำลายสูงลิบก็น่ารังเกียจขนาดที่แม้แต่พวกอันธพาลก็ยังชิดซ้ายล่ะ
แล้วถ้าเป็นแบบนั้นคิดว่ามันจะไม่มีผลต่อคนอื่นเลยอย่างงั้นหรือ?? ถ้าคิดกันแบบนั้นก็ผิดมหันต์ล่ะ
ตอนนี้แม้แต่พวกเดียวกันก็ยังขยับออกห่างไปเกาะกลุ่มกันอยู่อีกมุมหนึ่งเลย ส่วนแขกคนอื่นๆอย่าได้พูดถึง พากันขยับไปใกล้ทางออกที่ใกล้ที่สุดอยู่ และส่งสายตาที่ส่งไปให้สาวเจ้าสื่อความหมายเหมือนกันเด๊ะ
อย่ามองมาที่ข้านะ!!!
“มาด้วยกันดีกว่าน่าหนุ่มน้อย”
หญิงสาวกล่าวเสียงยั่วจนแม้แต่สการ์เลทที่ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ก็ยังขนลุกพรึบ...
อีกแป๊บเดียว...อีกแป๊บเดียวสการ์เลทจะไม่ทน!!!
“ข...ข้าขอยืนยันคำเดิม” ใช่ว่าจะมีแค่สการ์เลทที่ขนแขนแสตนด์อัพ
แม้แต่อาร์โรห์เองก็ลุกพรึ่บพรับทั้งตัวเหมือนกัน...
“มาเถอะน่า
มาอยู่กับพวกข้าน่าจะสนุกกว่าอยู่กับยัยหน้าจืดนั่นนะ”
กล่าวพลางชี้มือไปทางสการ์เลทที่มองหญิงสาวด้วยสีหน้าขยะแขยงเมื่อเห็นการแต่งตัวที่ดูเหมือนจะอ่อยเหยื่อมากกว่าจะมาหาพวกเข้าร่วมอย่าไรอย่างนั้น
ก่อนที่หญิงสาวจะเหลือบไปมองพวกลูกน้องที่ไปยืนกระจุกรวมกันจนพวกนั้นสะดุ้ง และฉีกยิ้มที่ยั่วยวนกว่าเดิมก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงหวานหยดปนเหยียดนิดๆใส่
“พวกเจ้าว่าอย่างงั้นไหม??”
เหล่าชายฉกรรจ์รีบพยักหน้ารัวเร็ว ก็ลองไม่ตอบตามที่เจ้าตัวต้องการสิ...ตายสถานเดียว...
หญิงสาวหันกลับมายิ้มให้สการ์เลทและอาร์โรห์อย่างผู้เหนือกว่า
โดยที่ไม่ได้รู้เลยว่าภัยกำลังมาเยือนตนเองด้วยฝีมือของคนที่กำลังเหยียดหยามใส่เต็มที่...
สการ์เลทที่ทนมานานเริ่มที่จะคุมอารมณ์ไม่อยู่ ที่ฝ่าเท้าของเธอจึงปรากฏวงเวทเล็กๆขึ้น
แต่ไอพลังเวทกลับเข้มข้นพอๆกับวงเวทขนาดหนึ่งคนเข้าไปยืนได้สบายๆ และอานุภาพของวงเวทใหญ่ขนาดนั้น แม้จะไม่ได้กินพื้นที่ไปเป็นไร่ แต่ในระยะสามเมตรไม่ต้องพูดถึง...
อาร์โรห์เป็นเพียงคนเดียวที่สัมผัสได้ถึงพลังเวทที่ไหลออกมาจากร่างของสการ์เลท ดวงตาสีนิลตวัดควบลงมาที่ร่างตรงหน้าทันที
แต่สิ่งที่เขาสัมผัสได้กลับเป็นจิตอีกจิตที่ไม่ใช่ของสการ์เลทและจ้องมองมาทางเขาด้วยดวงตาที่มองไม่เห็น และสิ่งที่ส่งมาพร้อมกับสายตานั้นก็คือ...ความอาคาด...
อาร์โรห์ถึงกับเซวูบ ตาลายไปชั่วขณะ แต่ในหัวกลับปรากฏภาพของอินคิวบัสตนหนึ่งที่เขารู้สึกคุ้นหน้าอย่างชัดเจน แน่นอนว่าเป็นเพื่อนร่วมรุ่นที่ไม่ได้พิษมัยเขาเช่นเดียวกับคนอื่นๆ อีกฝ่ายยื่นมือมาทางเขาด้วยดวงตาแดงก่ำ
ก่อนที่ริมฝีปากจะค่อยๆขยับเป็นคำพูดโดยไม่มีเสียง
‘เจ้าคนนอกคอก...บังอาจฆ่าข้า...’
อาร์โรห์ถึงกับเย็นสันหลังวาบ
เหมือร่างของอีกฝ่ายจะเข้ามาใกล้เขามากขึ้น มันทำให้อาร์โรห์อยากจะถอยหลัง แต่ราวกับขาของเขาถูกบางสิ่งตรึงไว้แน่น ไม่อาจจะขยับไปไหนได้ ร่างของอีกฝ่ายถึงใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
และเมื่อเข้ามาอยู่ในระยะประชิดมันก็ทำให้อาร์โรห์หยุดหายใจไปเสี้ยววินาทีหนึ่ง
ไม่รู้ว่าร่างของเขาสั่นไหม แต่ในจิตใจของเขากลับกลัวจนแทบสิ้นสติ
อาจเป็นภาพที่เกิดขึ้นจากจิตใต้สำนึกผสมปนเปกับเวทที่ถูกส่งมาผ่านร่างของสการ์เลทมา
เลือดที่ส่งกลิ่นคาวหวานๆจึงค่อยๆไหลอาบลงมาบนใบหน้าขออีกฝ่าย ดวงตาสีก่ำค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีดำมืดกินพื้นที่ไปถึงบริเวณตาขาว ก่อนที่มันจะกระจายตัวออกมารอบด้านจนมืดสนิท
กัดกินขึ้นมาที่มือและเท้าของเขาจนค่อยๆสลายไปทีละส่วนๆ
อาร์โรห์ไม่อาจควบคุมสติตนเองได้อีก
เขาส่งเสียงกรีดร้องดังระงมด้วยความหวาดกลัว แต่ความมืดกลับยังคงกัดกินขึ้นมาบนร่างเขาเรื่อยๆ...เรื่อยๆ...
เพี๊ยะ!
“โอ๊ย!”
ใบหน้าของเด็กหนุ่มอินคิวบัสหันตามแรงที่ประทับลงบนใบหน้า แก้มข้างที่ถูกตบชาไปครึ่งแถบ
ขณะที่แก้มอีกข้างรู้สึกได้ถึงสัมผัสนุ่มๆเหมือนกับหมอน...
“กว่าจะตื่นได้
ร้องอยู่นั่นล่ะ ฝันร้ายหรือไง??”
“สการ์เลท...”
อาร์โรห์ดันตัวลุกขึ้นนั่ง สัมผัสนุ่มๆนั่นเป็นหมอนจริงๆ...
“อยู่ๆเจ้าก็ล้มลงหลับไปเสียเฉยๆ
ข้าเลยต้องลากเจ้ากลับมาโดยที่ไม่ได้ทำอะไร น่าเบื่อซะจริง”
“นั่นไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์ควรพูดไม่ใช่หรือไง...”
“ก็ข้าไม่ใช่มนุษย์”
“อะไรนะ!?”
“เจ้าก็น่าจะรู้จากปากเจ้าจิ้งจอกพวกนั้นแล้วนี่?”
“สการ์เลท...นี่เจ้า...”
“พร้อมจะสู้กับข้าหรือยังล่ะ
อาร์โรห์ เลอร์จิล”
______________________________________________________________________________________________
มาถึงตรงนี้ก็ครึ่งเรื่องเข้าไปแล้ว//รู้สึกเร็ว (เรอะ)
ก็เเหม...เวลาในการแต่งหลายๆเรื่องพรอมๆกันบวกเรียนไปด้วยเนี่ยมันรู้สึกผ่านไปเร็วจริงๆนะคะ ฮ่าๆๆๆ
ขอบคุณสำหรับคนที่ติดตามนิยายมาโดยตลอดนะคะ!
แล้วก็ต่อจากตอนนี้ไปอาจจะอัพช้ามาก (ถึงมากที่สุด)
เนื่องจากไรท์เองก็ขึ้น ม.หกแล้ว เตรียมตัวสอบเข้ามหาลัยแล้วค่ะ
แถมเร็วๆนี้ก็จะสอบไฟนอลเทอมหนึ่งแล้ว ม.หก อะไรๆก็ดูเคร่งเครียด
แต่ยังไงก็อย่าเพิ่งเบื่อนะคะ ไรท์จะพยายามหาเวลามาอัพให้ได้ค่ะ!
ความคิดเห็น