ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    SHinee JONGKEY INNOCENT XX รักร้ายคุณชายตัวเเสบ 18+ part II

    ลำดับตอนที่ #12 : CHAPTER 11 INNOCENT II 100 %

    • อัปเดตล่าสุด 13 มี.ค. 56


    THE' FARRY

     

    CHAPTER   11   INNOCENT  II  

     

     

      เมื่อฉันคิดว่าทุกอย่างจะราบรื่นไปด้วยดี    การประชุมผู้บริหารและพนักงาน

    ในครั้งนี้    ฉันกลับอดที่จะตื่นเต้นไปกับมันไม่ได้   หลังจากที่ฉันขอให้เขาช่วย

    ให้ฉันได้สืบหาข้อเท็จจริงบางอย่างด้วยตัวเอง

     

      อย่างเช่นวันนี้ที่ฉันนั่งเรือไปประชุมที่เกาะเชจูพร้อมกับพี่จองชิน  พอเรือจอด

    เทียบท่า  รถประจำทางขาเข้าเมืองเชจูก็เข้ามาจอดรับผู้โดยสารตรงทางออก

    ในระหว่างที่ฉันเตรียมจะขึ้นไปบนนั้น  ใครบางคนก็คว้าปกคอเสื้อกันหนาวฉัน

    ถอยกรูดลงมา  จนคนบนรถถึงกลับมองลงมาด้วยความสงสัย 

     

     

         

        ฉันลืมบอกเธอไปอย่าง รายชื่อผู้เข้าประชุมวันนี้ไม่ใช่เธอนะ   แต่เธอควรจะ

    เป็นตัวแทนคิมคีซุนมากกว่า  พูดจบพี่จองชินก็โยนถุงใบใหญ่มาทางฉัน ที่เกือบ

    จะล่วงหลุดมือไป   พร้อมเงยหน้ามองเขาสลับกับถุงใบใหญ่ด้วยความประหลาดใจ 

     

     

    นี่มันเสื้อผ้าผู้ชายไม่ใช่เหรอ   

     

     

      ถ้าไม่ใช่เสื้อผู้ชายแล้วจะให้เป็นเสื้อผู้หญิงรึไง      พี่จองชินผู้มีสีหน้าเรียบนิ่งมา

    แต่ไหนแต่ไรกลับยิ้มหวานขึ้นมาซะอย่างงั้น  แล้วจู่ๆเขาก็ไม่รีรอที่จะฉุดลากฉันผลัก

    เข้าไปในห้องน้ำแถวๆนั้น    -_-

     

      เล่นบ้าอะไรเนี่ย   อย่าขังฉันไว้ในนี้สิ    เหม็นฉี่จะตายชัก เปิดประตูเดี๋ยวนี้นะ  

    ถ้าออกไปเมื่อไหร่ฉันจะจัดการพี่จริงๆด้วย   ฉันตะโกนออกไปสุดเสียงสองมือ

    ฉุดดึงกลอนประตูห้องน้ำให้เปิดออก

     

    ถ้าเสร็จเมื่อไหร่ฉันจะกลับมาเปิดให้แล้วกันน่ะ   แล้วมนุษย์ตัวสูงหน้าห้องน้ำ

    ก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย

     

     

     หน้าโรงแรมฮิลตัน

     

      ขาแข้งฉันสั่นไปหมด หลังจากที่พี่จองชินทิ้งฉันไว้ตามลำพังหน้าโรงแรม

     ไม่มีใครที่ฉันพอจะรู้จักสักคนเดียว  จะหันไปคุยกับใครก็ไม่ได้  ได้แต่วนไป

    วนมาอยู่กับเครื่องดื่มซึ่งจัดเตรียมไว้สำหรับแขก   ทำให้นมกับขนมปังจึงพอ

    ประทังระหว่างมื้อไปได้บ้าง 

     

     

    ผู้เข้าร่วมประชุมใช่มั้ยคะ  ไม่ทราบว่าชื่ออะไรคะ 

     

     

     

    คิมคีย์บอมครับ   

     

     

     

    คุณคิมคีย์บอมช่วยเซ็นชื่อและรับเอกสารทางด้านนั้นด้วยนะค่ะ   

    นึกว่าจะถูกจับได้แล้วซะอีกนะ  แสดงว่าเราก็ทำเนียนเหมือนกันนะ

    เนี่ย   คิๆ ^o^

     

     

    ฉันว่าพวกเราไม่ควรจะมาที่นี่เลยนะ      เสียงคุ้นนะ…-_-    

     

     

      มันเรื่องอะไรที่เราจะไม่รู้ความเคลื่อนไหวของคนพวกนี้บ้างล่ะ   

     

     

    แล้วแกอยากน่าแตกนักรึไงว่ะคิมจงฮยอน   ฉันหยุดยืนหายใจอยู่พักหนึ่ง 

    พลางค่อยๆยกเอกสารขึ้นบังหน้าตาตัวเองไว้พร้อมทั้งเดินจ้ำเท้าเข้าไปใน

    ห้องประชุมและหาที่นั่งใกล้ๆ   แต่เหมือนตัวเองนั้นจะมีบุญน้อย  พอฉันเดิน

    ไปได้ไม่เท่าไหร่  เสียงทักทายที่ไม่อยากให้เป็นเขาคนนั้นก็ดูจะผิดคาดไปซะ

    แล้ว   

     

      มาประชุมที่นี่ด้วยหรือครับ  พี่เขย      

     

     

    นั่นพี่เขยนายเหรอ 

     

     

    ทำไมครับ ผมก็เป็นพนักงานของซองวอนเหมือนกันนะคุณ   

     

     

     

    ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่ครับ  ว่าแต่คีซุนเธอติดต่อหาคุณบ้างหรือเปล่า   

     

     

    คุณจะถามผมทำไม     เธอจะติดต่อกับผมหรือไม่มันก็เรื่องของเราสองคน

    พี่น้องไม่ใช่หรือ ผมขอตัวล่ะ  

     

     

      นี่คุณยังไม่รู้เรื่องน้องสาวของคุณสินะ     จะพูดอะไรอีกล่ะ  อยากพูดอะไร

    ก็พูดออกมาเถอะนะ      เพราะตอนนี้ฉันก็ไม่ใช่คิมคีซุนผู้อ่อนไหวอยู่แล้ว และ

    คนที่เขากำลังพูดด้วย  นั่นก็คือน้องสาวของเขาเอง   ไม่ใช่คิมคีย์บอม

     

     

      แต่ถึงคุณจะรู้แล้ว  ผมก็  

     

     

    จะพูดอะไรก็รีบพูดมาเถอะน่า ผมรีบ  ฉันเอ่ยสอดมือที่แสนจะเย็นเหยียบ

    เข้าไปในกระเป๋ากางเกงสเล็ค  ตระเตรียมใจกับเรื่องที่เขาจะพูดในไม่ช้านี้  

     

     

    น้องสาวคุณน่ะ  เธอไม่ใช่ภรรยาผม คุณคงจะรู้แล้วว่าสามีคนใหม่ของ

    เธอเป็นใคร  เพราะงั้นเราเลยไม่ได้หย่ากันอย่างเป็นทางการสักเท่าไหร่   ถ้า

    น้องสาวคุณต้องการจะหย่ากับผมล่ะก็  ฝากบอกเธอด้วยนะครับว่า..ผมจะ

    ไม่ยอมหย่าให้เธอโดยเด็ดขาด   

     

     

    งั้นคุณก็ติดต่อเธอเองแล้วกัน  

     

     

     พี่ค่ะ 

     

     

    อ้าว   แล้วคุณลุงล่ะ     

     

     

    คุณพ่อคุยธุระอยู่ค่ะ นี่เพื่อนพี่ใช่มั้ยค่ะ  

     

     

    ก็ไม่เชิงหรอก   เพราะเขาอายุน้อยกว่าฉัน  

     

     

    งั้นเหรอคะ  เอ่อ ฉันชื่อ จองซูจองค่ะ   ดวงตาสีน้ำตาลดำคล้ำ  ใบหน้า

    งดงาม ทำให้รอยยิ้มนั้น แม้แต่ผู้หญิงด้วยกันก็ไม่อาจละสายตาไปได้ 

     

     

        นี่จงฮยอน ฉันขอตัวเข้าไปข้างในก่อนนะ    ตามไปล่ะโอเค้    คุณชอนดุง

    เดินเข้าไปข้างในทันที  เมื่อเขาสองคนเริ่มคุยกันในท่าทีที่สนิทสนม   ส่วนฉัน

    ก็ไม่รอช้าที่จะส่งยิ้มให้เธอพร้อมกับหลีกตัวออกมาด้วยเช่นกัน  และพอเข้า

    มาได้ ฉันก็ตัดสินใจนั่งลงตรงที่นั่งแถวๆนั้น

     

     

    ใช่เธอสินะซีอีโอสาวสวยอายุยังน้อยคนนั้น      

     

     

     

    อืมม.. เห็นว่าเธอคนนั้นท่าจะสนใจรองผู้จัดการใหญ่มากทีเดียวล่ะ   

     

     

     

      น่าสงสารท่านรองนะที่ต้องมาเป็นพ่อหม้ายลูกติด  แต่เขาก็หา

    ภรรยาใหม่ได้สบายๆอยู่แล้ว    ฉันไม่กล้าจะเงยหน้ามองผู้หญิง

    สองคนทางด้านข้างเลยจริงๆ แล้วฉันก็เลยคว้าเอกสารตรงหน้าขึ้น
    อ่านเเทนที่จะสบตาพวกเธอเข้า
     

     

     

     

       รอบๆด้านแทบจะทำให้ฉันรู้สึกตึงเครียดขึ้นมามากกว่าเดิมด้วยซ้ำ  

    หลังจากคุณชินมินซูกล่าวเปิดการประชุมไปได้ไม่เท่าไหร่    เสียงข้อโต้

    แย้งระหว่างทั้งสองฝ่ายจึงเกิดขึ้นเสียจนได้    

     

     

     

     ทำไมครับ  ถึงพวกคุณจะสร้างรายได้ให้กับซองวอนก็จริง  มีอะไรที่ผม

    ไม่รู้สัจธรรมของโลกบ้าง  ว่าคนเรามันเห็นแก่ตัวแค่ไหน  ก็เพื่อผลประโยชน์

    ของตัวเองทั้งนั้น 

     

     

      ว่าไงนะ!!!  ซีอีโอคนไหนบ้างที่จะพูดจาสกปรก  หยาบคายได้เท่าเธอกัน!! 

     

     

     

    ม๊อกโกลีเป็นเครื่องดื่มที่มียอดจำหน่ายสูงก็จริงๆ  แต่จะให้ส่งเสริมไวน์ของ

    ยุโรปมาเป็นสินค้าเรา   มันไม่เท่ากับว่าเราขายสินค้าให้เขาต่อหรอกหรือครับ     

     

     

     

       ไอ้ข่าวที่ว่า ไวน์ยุโรปหวังพึ่งตลาดเอเชียนี้มันยังไงกันครับเนี่ย    

     

     

     “ จริงๆเหรอ  ไม่อยากจะเชื่อเลย  ข่าวที่ว่านั้นมันเรื่องจริงใช่มั้ย    

     

     

     “ คุณเอาอะไรมาพูด    ไม่รู้จริงก็อย่ากล่าวหากันเลยจะดีกว่า  

     

     

       บางครั้งในทางธุรกิจก็ต้องมีแข่งขันกันบ้างไม่ใช่เหรอครับ   หรือผมพูดผิดคน

     เขาเหมือนตัวละครร้ายในหนังอังกฤษเรื่องหนึ่ง    หลังจากที่สามีของฉันคิมจงฮยอน

    หลุดปากออกไป   ผู้บริหารระดับสูงหลายคนก็เริ่มพูดคุยเสียงดังเซ็งแซ่หนาหู ต่างคน

    ต่างหันมองหน้ากันเลิ่กลัก   คุณจงฮยอนเอาแต่ปั้นหน้ายิ้ม  ไม่ใส่ใจเสียงรอบๆตัวสัก

    เท่าไหร่   แล้วสักพักเขาก็ลุกออกจากห้องไปเป็นคนแรกภายหลังการประชุมที่สิ้นสุด

     

     

                                                ***********************

     

     

    คาปูชิโน่ปั่นหวานน้อยหนึ่งแก้วครับ   

     

     

    ผมขอเอสเปสโซ่ปั่น   

      ฉันเอ่ยสั่งกับพนักงานขาย  หันไปมองเสียงข้างๆ  และพบว่าคุณจงฮยอน

    ยืนรอเครื่องดื่มที่สั่งไว้เช่นเดียวกันกับฉัน  เพื่อนของเขาโบกมือทักทายฉันก่อน

    คนแรกพลางกระทุ้งข้อศอกสะกิดเขาอยู่หลายที   จนกระทั่งเขาเงยหน้าขึ้นมาเห็น

    ฉันเข้า

     

     

      อ้าว!!  ดื่มอะไรดีครับพี่เขย       

     

     

     

      ก็บอกแล้วไงว่าผมไม่ใช่พี่เขยคุณ!!  คุณมีพี่สาวด้วยรึไงถึงได้บอกว่าผมเป็นพี่

    เขยของคุณน่ะ  ให้ตายสิ      

     

     

     

    ผมไม่รู้หรอก  พูดไปอย่างงั้นเองน่ะ    

     

     

     

      คราวหลังก็ช่วยเรียกให้ถูกด้วยนะครับท่านรองคิม  

          

     

     

      เอ่อ คุณคีย์บอมเราไปหาอะไรดื่มด้วยกันนะครับ   

     

     

     

       คุณคนนี้เขาไม่ยอมไปไหนกับใครหรอกนะ   อย่าชวนให้เสียเวลา

    เปล่าเลย

     

     

     

    หลายๆคนสนุกดีออก    

     

     

     

    กาแฟที่สั่งได้แล้วค่ะ      

     

     

      งั้นฉันไปรอข้างนอกก่อนนะ    เขารับของเสร็จก็เดินปริตัวออกไปข้างนอกร้าน  

     ทันที จู่ๆคุณชอนดุงก็ยิ้มแปลกๆ ยิงคำถามลูกใหญ่มาให้ฉันยืนตัวแข็งค้างไม่

    กล้าตอบ 

     

     

     

      ว่าไงครับ   อย่าบอกนะว่าคุณไม่ใช่ 

      ฉันแอบกลืนน้ำลายไปหลายอึก   สายตาค่อยๆมองแผ่นหลังนั้น ยืนถือแก้วกาแฟ 

    เหม่อมองรถที่ขับผ่านไปมาคันแล้วคันเล่า 

     

     

       ก็เพราะสายตาที่คุณมองเพื่อนผมต่างหากไงล่ะครับ   ผมถึงรู้    

     

     

     

      ฉันนี่แย่จังเลยนะ

     

     

     

      แต่เหมือนเพื่อนผมเขาจะยังไม่รู้นะ   ช่วยขัดขว้างจงฮยอนกับซูจองให้

    ผมทีได้มั้ยครับ   แล้วผมจะไม่เปิดเผยเรื่องของคุณกับเจ้านั่นให้แน่นอน     

    ใบหน้าสลดหดหู่ โค้งคำนับให้แก่ฉัน  แต่ไม่นานนักทั้งฉันและเขาเราต่าง

    ก็เงยหน้าไปทางนั้นพร้อมๆกัน 

     

     

     

      มาช้าจังนะ   รู้มั้ยว่าคนเขารอเธออยู่  

     

     

     

    โถๆ  อย่างอนเลยนะค่ะพี่    เราไปกันดีกว่านะ

     

     

     

    รอชอนดุงมันก่อนสิ  

     

     

    เราจะไปแค่สองคนไม่ได้หรือค่ะ    

     

      ฉันพอจะจับใจความได้คร่าวๆ กับเสียงบทสนทนาที่ดังอยู่ข้างนอก   ระหว่าง

    ความสัมพันธ์นั้น  ถึงเราจะไม่แสดงออกกันมากมายนัก สำหรับฉันผู้ชายคนนั้น

    เป็นพ่อของลูกที่ใครๆ ก็คว้าเขาไปจากฉันไม่ได้

     

     

                       

     

     

      ร้านเหล้าเล็กๆตั้งอยู่ใจกลางถนนฮงแด     บรรยากาศเงียบสงบระหว่าง

    ที่พวกเรานั่งดื่มจนเหล้าหมดไปอีกขวด     แม้จะมีผู้คนทยอยเข้ามา

    ใช้บริการน้อยนิด   ทว่าอาหารกำลังทานอยู่นี่อร่อยเหาะสุดๆ  ^ o^

     

     

      กินอาหารด้วยสิซูจอง   ขืนเมาขึ้นมาจะว่าไง  น้อยๆหน่อยนะขี้เกียจ

    แบกกลับ

     

     

     “ พี่ก็  ฉันอยากดื่มให้เมาไปเลย   รู้มั้ยคะว่ากว่าจะเกลี่ยกล่อมให้พ่อ

    เปลี่ยนใจมันเหนื่อยใจแค่ไหน    ช่างหัวไดโนเสาร์เต่าล้านปีพวกนั้นเฮ่อะ

    เรามาดื่มเหล้าด้วยกันดีกว่านะคะคุณคีย์บอม   นี่ค่ะ   จองซูจองส่งแก้ว

    เหล้าใบเล็กมาที่ฉันด้วยรอยยิ้ม      ฉันยิ้มตอบไม่รู้สึกว่าการทำความรู้จัก

    กับเธอจะเป็นเรื่องเลวร้ายไปซะทีเดียว         

     

     

    พี่จงฮยอนเราน่ะ แต่งงานกันเถอะนะ 

     

     

     

      สงสัยจะเมามาก  งั้นฉันไปส่งเธอให้แล้วกันนะจงฮยอน

     

     

     

    อย่ามาจับตัวฉันนะ!!   พี่คะฉันน่ะรักมินฮวานเหมือนกับลูกแท้ๆ    พี่ไม่คิด

    จะเปิดโอกาสให้ฉันบ้างเลยรึไงคะ   ฮือ!!     

     

     

     

    ………  

     

     

     

     

    นะคะพี่ตอบฉันหน่อยสิ   

     

     

     เวลาผ่านไปเกือบครึ่งค่อน  คนที่ออกอาการเมาได้ที่ไม่ใช่ฉัน  หรือแม้แต่

    เพื่อนของเขา     เธอพยายามคาดคั้นคำตอบจากเขาแต่ก็เปล่าประโยชน์ 

    เมื่อเขาไม่มีทีท่าจะตอบมัน   จองซูจองก็ตัดสินใจดื่มมันอีกหน ทว่าเขากลับ

    คว้าแก้วเหล้าจากมือจองซูจองดื่มแทนเสีย

     

     

      เธอเมามากแล้วนะ  นี่ชอนดุงแกช่วยไปส่งซูจองที่บ้านทีนะ    ทันทีที่เขา

    พูดจบ   ซูจองจึงขดตัวเล็กลงยิ่งกว่าเดิม  เธอได้แต่ก้มหน้าร้องไห้  ปัดป่าย

    มือคุณชอนดุงซึ่งพยุงตัวเธอไว้ให้พ้นๆ    ทว่าท่าทีต่อต้านนั้นกลับเป็นเรื่อง

    ที่ง่ายแสนง่าย      

        

     

      ปล่อยฉันลงนะ  

     

     

      ในเมื่อเธอไม่ไปดีๆฉันก็จะแบกเธอออกไปอย่างงี้หล่ะ  

     

     

     

    ปล่อยฉันลง  โถโว้ย!!  เสียงพวกเขาค่อยๆเบาลงและเงียบหายไป

    ในที่สุด    ฉันถอนหายใจเข้าออกเหนื่อยๆมองตามคนสองคน ซึ่งคาดว่า

    ไม่น่าจะถูกกันสักเท่าไหร่      และแล้วบรรยากาศเงียบสงบก็เกิดขึ้นระหว่าง

    เราทั้งสองคน

     

     

     

        ทำไมคุณถึงไม่ชอบเธอล่ะ    น่าเสียดายนะ   คุณน่าจะคว้าเธอไว้  

     

     

      มันเรื่องของผม  

     

     

      นั่นมันเรื่องของคุณถูกมั้ย    งั้นเชิญคุณดื่มตามสบายเลยนะครับผมกลับ

    โซลล่ะ  พูดจบฉันก็คว้าแก้วเหล้าที่เหลือมาดื่ม  แล้วลุกออกไปเช่นเดียว

    กับสองคนนั้น   แต่คุณจงฮยอนก็คว้าจับข้อมือฉันไว้

     

     

     

      คุณคิมคีย์บอม  ผมรู้สึกมึนหัวนิดหน่อย   ช่วยพาผมกลับไปที่โรงแรมนั่น

    จะได้รึเปล่า “  

     

     

      ขอโทษนะ  ผมคงไม่มีเวลาไปกับคุณได้หรอก ” 

     

     

     

      งั้นเหรอ   กลับดีๆล่ะ      คุณจงฮยอนลุกขึ้นวางมือลงบนไหล่ฉัน ก่อนเดินออก

    ไปนอกร้าน   หลังจากที่ฉันปฏิเสธเขา    ฉันไม่รู้เขาแสร้งทำหรืออย่างไร ดูจากสีหน้า

    อิดโรยแถมยังส่งเสียงไอเป็นระยะ     ร่างกายที่เดินโอนเอนเหมือนกับจะล้มลง  

     ผิดต่างไปจากชั่วโมงก่อนๆ     ฉันตะโกนออกไปแล้วได้แต่มองตามแผ่นหลังของเขา

    จนเหลือเล็กลงนิดเดียว    ไม่ได้หวังหรอกว่าเขาจะต้องได้ยินเสียงฉัน   เพราะอีกไม่

    กี่ชั่วโมงข้างหน้านี้ฉันก็ต้องกลับมาเป็นคิมคีซุนคนเดิมที่ได้ทิ้งเขาไปแล้ว

     

     

       ผมจะไปส่งคุณที่นั่นให้ก็ได้ ”    พอพยุงตัวเขาไว้ได้ ฉันถึงได้ตัดสินใจพาเขามายัง

    โรงพยาบาลซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก    

     

     

     

    “ ผมจะกลับโรงแรม คุณพาผมมาที่นี่ทำไม      

     

     

      หมอว่าคุณน่าจะนอนพักที่นี่สักหน่อยนะ    เพราะร่างกายของคุณพักผ่อน

    ไม่เพียงพอเท่าไหร่เลย   ดังนั้นคุณน่าจะนอนพักผ่อนให้มากกว่านี้นะครับ  แล้ว

    พรุ่งนี้เช้าผมจะให้พยาบาลจัดยาไว้ให้   ขอตัวก่อนนะครับ”    

     

     

       เดี๋ยวก่อนสิครับหมอ….  มาถอดสายน้ำเกลือให้ผมก่อนสิ”    คุณหมอไม่ยอม

    ให้เขาออกจากโรงพยาบาล ดังนั้นทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดได้แต่นอนก่ายหน้าผาก  

    ระหว่างถูกสายน้ำเกลือเจาะเข้ากับผิวหนังบนเตียงคนไข้   ฉันก็เลยต้องนั่งเป็น

    เพื่อนเขา   ไม่นานนักคุณจงฮยอนก็พูดมันขึ้นมา หูตาฉันเลยสว่างไปชั่วขณะ

     

     

     คุณไม่กลับโซลหรือ    

     

     

     

      ผมลืมไปเลยนะ  ไม่รู้ว่าเรือเที่ยวสุดท้ายจะหมดไปแล้วรึยัง  ทำไงดี 

     

     

     

      เพราะผมคุณถึงต้องตกเที่ยวเรือกลับโซล   ผมขอโทษด้วยนะ    

     

     

     

    “ มันไม่ได้หนักหนาอะไรซะหน่อย   ผมลาล่ะครับ    ฉันลืมไปสนิทจัดการ

    หยิบกระเป๋าขึ้นมาสะพายโดยเร็ว  เพียงไม่กี่ก้าวที่ฉันเตรียมจะเดินออก

    ไปจากห้องผู้ป่วย           

     

     

     

      มันแปลกๆนะ  ที่ผมรู้สึกว่าอยากให้คุณอยู่ต่อ  หรืออาจเป็นเพราะ

    เวลาที่ผมมองคุณคิมคีย์บอมมันจะทำให้ผมนึกถึงน้องสาวคุณเช่นนี้ได้

    ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน  ผมเสียใจนะ  แต่ผมคงจะบอกกับเธออย่างงั้น

    ไม่ได้อีกแล้วล่ะ     เพราะตอนนี้เธอทิ้งผมไปแล้ว   ทำไงดีล่ะผมควรจะ

    บอกว่าผมชอบคุณด้วยดีมั้ย “   

     

     

     

      ไม่ดีหรอก  ผมกับมินฮยอกเราแต่งงานกันแล้ว    คุณรักผมไม่ได้!!!

    ถ้าคุณพูดเพียงเพราะผมเหมือนกับน้องสาวของผมล่ะก็   ล้มเลิกความ

    คิดนั่นซะเถอะ    รอหน่อยนะ เธอจะต้องกลับมาหาคุณแน่ๆ   

     

     

     คนโกหก     

    น้ำตาฉันไหลลงมาโดยไม่รู้ตัว    เมื่อทุกๆอย่างสายเกินกว่าจะย้อนกลับ 

    ยังไงๆฉันก็ไม่อยากให้เขาต้องชอบพี่   เพราะคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาก็คือ

    ฉัน   และก่อนที่อะไรๆมันจะยื้อเยื้อไปมากกว่านี้ ฉันก็ตัดสินใจเดินจาก

    เขาไปในคืนนั้น

     

     

                                                        ต่อ
     

       สามวันหลังจากที่ฉันกลับมาจากเกาะเชจู     วันของการทำงานที่แสน

    จะน่าเบื่อ  คุณนายโบยองและสามีเก่า  พวกเขาต่างเดินเข้ามาในห้อง

    ทำงานของฉัน      ฉันนั่งนิ่ง ทำใจให้เย็นสงบ  ถ้าไม่ติดตรงที่ว่าพวกเขา

    จะคิดบัญชีกับฉันทีหลัง   ฉันอาจจะหนีพวกเขาไปนานแล้ว -_-“    

     

     

     

      ผู้หญิงคนนี้ชื่อคิมคีย์ซุนงั้นหรือ ”   ชายกลางคนสวมเสื้อลายดอกหยิบ

    บุหรี่ขึ้นมาสูบ  ฉันจำเข้าได้แม่นในการประชุมที่เพิ่งผ่านมาไม่กี่วัน ฉันเบือน

    หน้าหนีคว้ารีโมทพัดลมระบายอากาศเร่งระดับ   เมื่อห้องทำงานของฉัน

    เต็มไปด้วยกลิ่นเหม็นแสบจมูกชวนคลื่นไส้ 

     

     

       กลับมาได้แล้วรึไง    หัดรู้จักเจียมตัวเองซะบ้างนะ   ว่าเธอเป็นใคร

    ถึงได้ออกไปข้างนอกโดยไม่ได้ขออนุญาต “

     

     

     

     จะขออนุญาตใครหรือไม่  ก็ไม่เกี่ยวกับคุณแม่ไม่ใช่หรือค่ะ คุณแม่

    ต้องการจะพูดอะไรกับหนูก็รีบๆพูดมาเถอะค่ะ     

     

     

     

      ให้ตายสิ!!  หล่อนนี่ยังจองหองเหมือนเดิม  ฉันมีเรื่องจะให้เธอ

    ช่วยอะไรนิดหน่อย!!   

     

     

     

    “ ใจเย็นๆสิคุณ  ฉันว่าเธอหน้าคุ้นๆน่ะ    มิน่า  เธอสวยเซ็กซี่

    เหมาะสมกับมินโฮของเรามากเลยนะว่ามั้ยคุณ   ถ้าต้องการอะไร

    ก็บอกฉันมาได้เลยนะ ฉันจะให้ลูกน้องของฉันช่วยเหลือเธออย่าง

    เต็มที่   

     

     

    “ ขอบคุณนะค่ะ   แต่หนูไม่ต้องการความช่วยเหลือจากใครหรอกค่ะ ”

     

     

     

      ฮ่าๆ เธอนี่เป็นผู้หญิงที่เฉียบขาดได้โดนใจอะไรอย่างงี้นะ รับนี่ไปสิ ”

    ภายในนั้นบรรจุก้อนเงินและเอกสารฉบับหนึ่ง   ฉันไม่รู้ว่ามันคืออะไร

    อย่างกับเอกสารที่ดินที่ไหนสักแห่งนะ 

     

     

    “ ยังไงก็ถือซะว่าช่วยๆพ่อตาคนนี้หน่อยล่ะกัน  อีกอย่างที่ดินตรงนั้น

    ไม่เหมาะจะทำโรงงานไวน์อีกต่อไปแล้ว            เนื่องจากตัวอาคาร

    ค่อนข้างเก่าและทรุดโทรมไปมาก        ดังนั้นน่าจะบูรณะที่นั้น

    ให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวน่าจะดีกว่า     

     

     

     

     สถานที่ท่องเที่ยวอย่างงั้นหรือ แต่ที่ดินที่เคียงจูน่ะ เป็นกรรมสิทธ์

    ของท่านประธานใหญ่ไม่ใช่รึไงคะ    

     

     

     

      ก็ใช่  ตอนนี้นายทุนจากบริษัทเวสลี่ ต้องการจะทำสัญญาร่วมกับซองวอน

    กรุ๊ปจริงๆนะ  อีกอย่างพวกเขาให้ความสนใจกับโรงงานนั่นมาก    เสียดาย

     ค่าตอบแทนในการเซ็นสัญญาที่ใช้เป็นสิบๆปีก็ยังใช้ไม่หมดเลย   ถ้าฉันทำ

     ให้พวกมันยอมเซ็นสัญญาดีๆไม่ได้       

     

     

            

       ถ้าหนูทำสำเร็จ  คุณจะยินดีรับข้อเสนอของหนูหรือเปล่าคะ   

     

     

     

      ว่าไงนะ  ข้อเสนอหรือ   ฮ่าๆ  ดูสิ!! ลูกสะใภ้คนสวยของคุณหล่อน

    พูดกับผมว่ายังไง ”   ผู้ชายคนนี้ทำเสียงสูง  ราวกับคำพูดของฉันเป็น

    เรื่องแปลกประหลาดน่าตกใจสำหรับเขา  

     

     

     

       ก็เรื่องที่ลูกชายของภรรยาคุณพูดไว้ไงคะ   หนูหวังว่าคุณแม่จะ

    ไม่ลืมเรื่องที่รักษาสัญญาไว้กับหนูและก็คุณเชวมินโฮหรอกนะค่ะ

    หากยินดีรับข้อเสนอนี้  หนูก็จะทำ!!       

              

      ในคืนนี้ฉันเก็บแฟ้มกลับมาทำต่อที่บ้าน  พอกลับไปถึงด้วยทางเดินที่

    ค่อนข้างจะมืดสนิท   ขึ้นบันไดไปได้ไม่เท่าไหร่  จู่ๆขาของฉันกลับไร้เรี่ยว

    แรงและหน้ามืดขึ้นมาเฉยๆ   ขณะหลับตาลงไปสักพัก ทันใดนั้นเสียง

    แผ่วเบาจากใครคนหนึ่งก็ดังขึ้น  

     

     

    “ คงคิดถึงเขามากสินะ   ถึงได้มานอนตรงนี้นะ” 

     

     

     

    “ คุณตื่นแล้วหรือค่ะ   นี่ก็ยังไม่สว่างเลยกลับไปนอนต่อเถอะค่ะ ”      

    เพราะตกใจไม่รู้ว่าเขาอยู่ตรงนั้น   หลังจากพูดจบฉันก็วิ่งกลับ

    มายังห้องนอนของตัวเองอย่างหวุดหวิด

     

     “   ยินดีด้วยนะมินโฮ   เธอเพิ่งจะกลับมา แล้วช่วงนั้นเธอหาย

    ไปไหนล่ะ  ” 

     

     

    “  อย่างงั้นก็ ที่งานแต่งงานต้องยกเลิกคือเธอสินะใช่มั้ย  ” 

     

     

     

    “ มินโฮ นายเชื่อใจเธอได้เหรอ ” 

     

     

     “ เลิกเซ้าซี้มินโฮมันซะที  พวกนายไม่เข้าใจรึไง  ว่าหล่อนก็แค่

    หนีตามผู้ชาย  ฮ่าๆ ”    -_-

     

     

     เสียงหัวเราะขบขันดังแววๆเข้ามาในหู กลุ่มเพื่อนคุณมินโฮ

    ต่างยืนรายล้อมเขารอบด้าน    ฉันซึ่งหลีกตัวมายังฟังเครื่องดื่ม

    สังเกตเห็นความกังวลภายในดวงตาของเขา ระหว่างที่พวกเพื่อนๆ  

    ตั้งคำถามกับคุณมินโฮไม่หยุดปาก

     

     

      ฉันเหม่อมองไปรอบหอประชุม   ขณะที่แขกวีไอพีและผู้บริหาร

    ระดับสูง    ทยอยกันเดินเข้ามาข้างในงานเลี้ยงด้วยชุดแต่งกาย

    อันสวยงามเรียบหรูของพวกเขา  

     

     

    “ รับเครื่องดื่มมั้ยค่ะ”  บริกรหญิงนำเครื่องดื่มมาเสริฟ์ จังหวะ

    ที่ฉันหันไปมองทางนั้น    บางสิ่งบางอย่างก็สะดุดตาไปชั่ว

    ขณะ  และเขาซึ่งน่าจะเป็นเหมือนกัน 

     

     

    “  นั่นจงฮยอนนี่”    ฉันหันไปมองคุณจงฮยอนกับผู้หญิงคนใหม่

    ความเปรี้ยวและความเซ็กซี่ในชุดราตรีสีน้ำเงินแหวกกลางหลัง

    เผยเห็นแผ่นหลังสุดจะยั่วยวนพอหอมหอมปากหอมคอ  ดูๆแล้ว

    รสนิยมของเธอและฉันแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว

     

     

     

    “  ตายจริงเด็กหน้าตาเหมือนเธอเลยนะ   ลูกเธอล่ะสิ  นี่ก็ยัง

    ไม่รู้ว่าฝ่ายนั้นเขาจะลดโทษกับเธอยังไง    อีกเดี๋ยวป้าว่าเราคง

    จะได้ฟังข่าวดีของเธอด้วยกันนะจ๊ะ ” 

     

     

     

    “ ขอบคุณครับ  ผมก็หวังว่าจะเป็นอย่างงั้น  แต่ก็แปลกๆ“

     

     

     

    “ แล้วแม่หนูคนนี้   ภรรยาแกล่ะสิ”  

     

     

     

    “ ชินเซคยองเธอเป็นภรรยาของผมครับ”  

     

     

     

    “ แล้วเธอทำงานอะไรล่ะ ” 

     

     

    “  ดิฉันทำงานธุรกรรมการส่งออกสินค้าน่ะค่ะ   รู้สึกเป็นเกียรติ

    อย่างยิ่งนะคะ ที่ได้พบกับท่านหัวหน้าจองและคุณนายใหญ่

    ในงานเลี้ยงดีๆแบบนี้   ”

     

     

    “  จริงด้วย!! พ่อของเธอเป็นเพื่อนฉัน   บริษัทขายเครื่องประดับ

    ที่นั่นเป็นยังไงบ้างล่ะ ”      ถึงตรงนี้ ฉันกลับรู้สึกว่าตัวฉัน เป็น

    ได้แค่ผู้หญิงบ้านๆ เทียบอะไรไม่ได้กับผู้หญิงที่มีฐานะร่ำรวย

    คนนั้น      

     

      ฉันเปลี่ยนใจจะไม่ยืนอยู่ตรงนี้ต่อ  ทว่าเด็กน้อยผู้ที่มีสายตา

    หมองเศร้า กำลังเหม่อมองมายังฉัน  ราวกับถูกบังคับว่าต้องทำ

    เช่นไร ทั้งๆที่เรารู้จักซึ่งกันและกันดี  

     

     

     

    “ หนูรู้จักคุณน้าคนนั้นด้วยหรือ ”  มินฮวานส่ายหน้าช้าๆให้กับ

    ซูจอง  ในขณะแทมินเดินจูงมือเด็กน้อยเข้ามาในงานด้วยเช่นกัน

    แม่ขอโทษนะมินฮวาน    ขอโทษที่แม่อยู่เคียงข้างลูกไม่ได้แม่สัญญา

    ว่าแม่จะอยู่เคียงข้างลูก  เพราะงั้นอย่าคิดร้องไห้ตรงนี้นะ 

    ยิ้มเข้าไว้สิจ้ะ   

     

     

      ฉันไม่คิดว่ามินฮวานจะรู้สึกได้ถึงสายตาของฉัน   รอยยิ้มบางๆ

    ที่คล้ายกับพ่อของเขา ฉันจึงยิ้มตอบกลับก่อนตัดสินใจไปเข้าห้อง

    น้ำก่อนที่งานจะเริ่ม  

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×