ลำดับตอนที่ #12
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : + + Chapter 11 + + [Fixed : แก้คำผิด] + (BG Music)
เกล็ดเล็กๆ : ในการอ่านให้ได้อรรถรสยิ่งขึ้น แนะนำให้ทำการเปิด BG music ไปพร้อมกับอ่านไป โดยการเปิด tab ขึ้นมาอีก 1 และ Copy ลิงค์ไปใส่ เพื่อความตื่นเต้นที่มากยิ่งขึ้น
------------------------------------------------------------------------------------------------
ณ. ภัตตาคาร ALLEN & DELANCEY เวลา 19.02 น.
http://www.youtube.com/watch?v=on1DDSLdDOo [Background Music]
“นั่งก่อนสิ
” ชายหนุ่มดูมีภูมิฐานคนหนึ่งพูดขึ้น พร้อมกับยิ้มให้หญิงสาวอีกคนที่เพิ่งจะเดินเข้ามาถึง ก่อนที่พนักงานคนหนึ่งจะเลื่อนเก้าอี้ออกและให้เธอนั่งลง สายตาที่เธอจับจ้องไปยังชายหนุ่มตรงหน้ายังคงเต็มไปด้วยความโกรธแค้น
“จะรับอะไรดีครับ ?” บริกรหนุ่มคนนั้นถามขึ้นพร้อมกับส่งเมณูให้กับยูริ
“เอาเป็น Lamb Neck and Loin แล้วกันค่ะ
”
เธอตอบกลับไป
“ส่วนไวน์ ขอเป็น Renato Corino ปี 2001 แล้วกัน”
“รอสักครู่นะครับ
”
พูดจบบริกรคนนั้นก็เดินหายไป ปล่อยให้เหลือเพียงแต่พวกเธอสองคนเท่านั้น
“ใจเย็นๆ แล้วมานั่งคุยกันดีกว่า
” ชายหนุ่มที่นั่งอยุ่ตรงข้ามพูดขึ้น
“คุณส่งคนไป 'เก็บ' ฉัน แล้วยังจะให้มานั่งกินข้าวสบายๆ ทำเป็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นอย่างนั้นน่ะเหรอ ?”
ยูริตอบกลับอย่าไม่พอใจ พร้อมกับเอามือกอดอกไว้และจ้องชายตรงหน้าเขม็ง
“มันไม่ใช่อย่างที่เธอคิดนะ
เธอน่ะกำลังเข้าใจชั้นผิดแล้ว”
“หมายความว่าไง ?”
เธอถามกลับ สายตายังคงจ้องจับพิรุธ
“ดูนี่
”
ชายตรงหน้าหยิบรูปถ่ายที่เหน็บไว้ในกระเป๋าออกมาพร้อมกับส่งให้ยูริ ซึ่งเธอก็หยิบมันมาและดูทันที
ภาพของชายหนุ่มสองคนที่เธอจำได้ติดตา คนหนึ่งผมสีดำที่พยายามจะขับรถพุ่งชนกับรถเธอ และเป็นคนเดียวกับที่เอาปืนขึ้นมาจ่อหัวของเธอเอาไว้
“นาย จอฮ์น สมิธ
สังกัดอยู่กับองค์กรนักฆ่าฝ่ายใต้”
ชายหนุ่มฝ่ายตรงข้ามยังคงอธิบายต่อไป ยูริเปลี่ยนมาเป็นรูปถ่ายอีกใบหนึ่ง ซึ่งในครั้งนี้เธอจำได้ไม่มีลืมเลย
“มากาเรต ดี พอร์ตแมน หรืออีกชื่อหนึ่ง ‘บี’ เป็นสาวนักฆ่าที่สังกัดอยู่กับองค์กรฝ่ายใต้เหมือนกัน
”
ยูริมองรูปถ่ายตรงหน้าสลับกับชายหนุ่มที่กำลังหั่นชิ้นสเต็กอย่างสบายๆ ก่อนที่เธอจะถามขึ้น
“แล้วทำไมพวกนี้ถึงต้องมาตามฆ่าชั้น ?”
พลันสายตาของเธอเหลือบไปเห็นบริกรหนุ่มกำลังเดินเข้ามา เธอจึงคว่ำรูปถ่ายเสีย พร้อมกับส่งคืนให้กับชายหนุ่มตรงหน้า ซึ่งเขาก็รับมาและเก็บมันไว้
“ขออนุญาติเสิร์ฟอาหารนะครับ
”
บริกรคนนั้นพูดพร้อมกับค่อยๆ ยกอาหารที่ยูริสั่งไปวางลงบนโต๊ะ และค่อยๆ เปิดฝาออก เผยให้เห็นสเต็กเนื้อแกะสีสันดูน่าทานเป็นอย่างมาก ซึ่งเสิร์ฟมาพร้อมกับไวน์แดงที่ได้สั่งไป
“เชิญทานให้อร่อยนะครับ ^^”
บริกรหนุ่มคนนั้นพูดและยิ้มให้ตามมารยาท ก่อนที่จะเดินออกมา
ยูริใช้มีดและส้อมของเธอในการหั่นสเต็กดังกล่าว ก่อนที่จะค่อยๆ นำมันใส่ปาก ถึงแม้ว่าจะรู้สึกเพลิดเพลินไปกับอาหารรสอร่อยตรงหน้า แต่สายตาของเธอยังคงจับจ้องอยู่ที่เดิมไม่เปลี่ยนแปลง
“ที่เรียกมาวันนี้ ก็เพื่อคุยปรับความเข้าใจ เพราะเดี๋ยวเธอจะเข้าใจเสียว่า ชั้นส่งคนไปตามเก็บเธอ
”
“
”
ยูริไม่พูดอะไร เธอวางมีดกับส้อมลงและหยิบไวน์แดงขึ้นมาดื่มอึกหนึ่ง
“แต่คุณก็ส่งคนใช่ไหม ?”
ยูริถามขึ้นพร้อมกับวางแก้วไวน์ลง
บทสนทนาที่เหมือนจะตึงเครียดขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ทั้งโต๊ะมีแต่ความเงียบกริบ ก่อนที่ชายหนุ่มตรงหน้าจะยิ้มออกมาและพูดขึ้นอีกครั้ง
“ใช่
ชั้นส่งคนไป แถมคนๆ นั้นเป็นคนที่เธอคุ้นหน้าอยู่แล้วด้วย”
ชายคนนั้นพูดพร้อมกับเหลือบมองไปทางด้านหลังของยูริ
“นั่นไง มาพอดี
”
ยูริได้ยินดังนั้น เธอจึงหันกลับไปมองทางด้านหลังของเธอ และเธอก็ต้องตกใจทันทีเมื่อพบว่าคนๆ นั้นก็คือ
“ซ
ซูซี่”
ยูริมองตามหญิงสาวคนนั้นมาจนเธอนั่งลงอีกมุมหนึ่งของโต๊ะ
“ทำไมเธอ
?”
เธอยังคงรู้สึกช็อคกับภาพหญิงสาวตรงหน้า ซูซี่มองตรงมาทางยูริและยิ้มออกมาบางๆ
“ไม่ต้องตกใจขนาดนั้นก็ได้นะ ยูริ
”
เธอตอบกลับมา
“อย่างที่เธอเห็น
ถ้าชั้นจะให้ฆ่าเธอ ชั้นสามารถทำได้ง่ายๆ โดยที่เธอไม่รู้ตัวเลย แต่ชั้นไม่
”
ชายหนุ่มคนนั้นพูดพร้อมกับหยิบไวน์ขึ้นดื่ม
“แต่ก็ไม่นึกเลยนะคะ
ว่าน้องสาวจะเป็นคนของฝ่ายนั้น” ซูซี่พูดออกมาเบาๆ พร้อมกับหยิบเมณูขึ้นมาดู
“ใครน้องสาว ?”
ยูริถามขึ้นอย่างสงสัย แต่ซูซี่กลับตอบออกมาโดยที่ไม่ได้สนใจเธอเลย
“มากาเรต ดี พอร์ตแมน เธอเป็นน้องสาวของชั้น มาเชล ดี พอร์ตแมน
” เธอตอบกลับพร้อมกับจ้องยูริที่นั่งอยู่ข้างๆ หญิงสาวคนนี้ดูต่างจากซูซี่ที่เธอรู้สึกราวกับเป็นคนละคนเลยทีเดียว
มิน่า
ถึงได้รู้สึกคุ้น
เธอนึกย้อนกลับไปถึงหญิงสาวคนที่เคยยืนประชันหน้ากับเธอในคืนวันนั้น ก่อนที่จะสลัดความคิดดังกล่าวออกไปจากหัวและเปลี่ยนความสนใจไปที่ชายตรงหน้าแทน
“นี่คือรายละเอียดของงานในครั้งนี้”
พูดจบเขาก็ยืนซองเอกสารสีน้ำตาลมาให้ พร้อมกับพูดขึ้น
“รอบนี้ลำบากเธอหน่อยนะ แบล็คเพิร์ล
”
เขาพูดยิ้มๆ
“พวกฝ่ายใต้ส่งคนมาตามล่าเธอก็เพราะนาย เจคอร์ป นั่นเป็นผู้ที่อยู่ในองค์กรของฝ่ายนั้นยังไงล่ะ เพราะแบบนี้ พอขาดกำลังทรัพย์ไปก็ไม่แปลกที่จะต้องส่งคนมาตามล่า
ชั้นเลยให้มาเชลคอยตามติดเธอไว้”
ดินเนอร์ยังคงดำเนินต่อไป โดยที่ไร้การพูดคุยใดๆ มีแต่เพียงบรรยากาศกดดันจนทำให้รู้สึกอึดอัดเท่านั้น ซึ่งหลังจากที่ได้ทานอาหารเสร็จแล้ว ยูริจึงปลีกตัวออกมาทันที
มาเชลมองตามยูริออกไปจนหายไปจากสายตา เธอจึงเบนความสนใจมาที่ชายหนุ่มตรงหน้าแทน
“ทำแบบนี้ดีแล้วแน่นะคะ
พ่อ ?”
ทางด้านของยูริ ทันทีที่กลับมาถึงบ้านเธอจึงเปิดซองเอกสารสีน้ำตาลนั้นออก พร้อมกับหยิบเอกสารที่อยู่ด้านในออกมา ก่อนที่จะเดินมานั่งลงที่ขอบเตียง
จัสติน ฟรอสเตอร์ ธุรกิจส่วนตัว
อายุ : 37 เกิดเมื่อวันที่ 22/06/1973
กรุ๊ปเลือด : B สถานภาพ : แต่งงานแล้ว
ภรรยา : เซียนน่า ฟรอสเตอร์ อายุ : 32
ลูกสาว : 2- ธีน่า ฟรอสเตอร์ อายุ 12/ มีอาร์ ฟรอสเตอร์ อายุ 11
สถานที่ทำงาน : Florida, Miami, Adventura, NE 192nd St
ยูริมองดูรายละเอียดงานในครั้งนี้อยู่นานพอสมควร ก่อนที่เธอจะหยิบเอารูปถ่ายที่แนบไว้ออกมาดู
“ฟลอริด้าเลยงั้นเหรอ
”
เธอพูดออกมาเบาๆ ก่อนที่จะเก็บรายละเอียดทั้งหมดใส่ไว้ในซองเอกสารดังเดิม และลุกขึ้นเหม่อมองออกไปยังนอกหน้าต่างห้องนอน
เตรียมของสักหน่อยน่าจะดี
เธอคิดในใจพร้อมกับหยิบโทรศัพท์มือถือของเธอออกมาอีกครั้ง ก่อนที่จะกดไล่หาเบอร์และโทรออกทันที
ไม่กี่นาทีต่อมา ปลายสายก็รับและถามขึ้น
/รอบนี้ต้องการอะไรอีกล่ะ ?/
ยูริยิ้มออกมาที่มุมปาก ก่อนที่จะเริ่มสั่งของที่ตนเองต้องการ
“ขอเป็น .50 cal Barrett M107 Modified แล้วกัน เอาเป็นลดน้ำหนักลง แล้วก็ใส่ที่เก็บเสียงได้.. ส่วนกระสุนขอเป็น .50 cal M.K. 211
”
/แล้วอย่างอื่นล่ะ ?/
ยูริเงียบไปสักพัก พร้อมกับใช้ความคิด
“ไม่ล่ะ... แค่นั้นก็พอละ”
/จะให้จัดส่งที่ไหนล่ะ ?/ ชายคนนั้นถามต่อ
“ไมอามี่, ฟลอริด้า อีก 2 วันหลังจากนี้...”
เธอตอบกลับก่อนที่จะกดวางสายไป
ที่เหลือก็แค่... จัดของเตรียมเดินทาง แล้วก็... เจสสิก้า
เมื่อพูดถึงเจสสิก้า เธอก็รู้สึกกังวลขึ้นมาในทันที เธอถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่งพร้อมกับเดินมาหยุดอยู่ที่ขอบหน้าต่าง และจ้องมองออกไปยังวิวด้านนอก
จะบอกกับยัยนั่นยังไงดีนะ...
หลังจากที่เธอได้จัดของต่างๆ จนเสร็จเรียบร้อยแล้ว เธอจึงทิ้งตัวนอนลงบนเตียงอย่างเหนื่อยอ่อน พร้อมกับคิดถึงรูปแบบการลอบฆ่าในครั้งนี้ แต่ด้วยความเพลีย เธอจึงผลอยหลับไปในที่สุด
เช้าวันรุ่งขี้น ยูริเดินลงมายังชั้นล่าง พร้อมกับเปิดประตูออกไปจากทางหลังร้านและนำกระดาษไปแปะไว้ที่ประตูด้านหน้า เธอยืนมองมันอยู่สักพัก ก่อนที่จะเอามือขึ้นปิดปากหาว
‘Closed’
ยูริยืนบิดขี้เกียจอยู่สักพัก ก่อนที่เธอจะเดินกลับเข้าไปในตัวบ้าน
ทางด้านของ FBI
เจสสิก้าที่นั่งฟังการประชุมมาตั้งแต่เช้า จึงไม่แปลกที่เธอจะรู้สึกเบื่อ ถึงแม้ว่าตัวของเธอจะนั่งอยู่ในห้องประชุม แต่สติของเธอนั้นหลุดลอยออกไปนานแล้ว
ป่านนี้ยูริจะเป็นยังไงบ้างนะ...
เธอคิดในใจและนั่งอย่างเหม่อๆ ภายในหัวของเธอในตอนนี้มีแต่เรื่องของยูริจนเต็มไปหมด
“เรื่องคดีลักลอบค้ายาเสพติดที่ผ่านมาคืบหน้าไปถึงไหนแล้ว ?”
ชายผู้ที่เป็นหัวหน้าถามขึ้น
“หลังจากที่จับพวกค้ายาที่โกดังสินค้าหมายเลข 4 ที่ท่าเรือได้แล้ว ก็ไม่พบอะไรอีกเลยครับ...” นายตำรวจคนหนึ่งรายงานขึ้น
“พยายามสืบหาที่มาซะ แล้วมีอะไรคืบหน้ารายงานผลด้วย”
“ครับท่าน !”
“แล้วเรื่องคดีลอบสังหารล่ะ ไปถึงไหนแล้ว ?”
ชายคนนั้นถามขึ้นพร้อมกับหันมาทางเจสสิก้าที่นั่งเหม่ออยู่
“คุณจอง...”
“
”
“คุณจอง...” เขาเรียกซ้ำอีกครั้ง
“คะ... คะท่าน ?”
เธอสะดุ้งและรีบตอบรับทันที
“เมื่อกี้ท่านว่าอะไรนะคะ ?”
“ให้ตายสิ นี่คุณเป็นอะไรไปเนี่ย รู้สึกว่าเดี๋ยวนี้คุณจะเหม่อบ่อยขึ้นนะ ?”
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ... พอดีมีเรื่องให้คิดนิดหน่อยน่ะค่ะ...”
เธอตอบกลับไป
“แล้วเรื่องคดีลอบสังหารที่ผ่านๆ มาล่ะได้ข้อสรุปยังไงบ้าง ?”
“เรื่มตั้งแต่ คดีลอบสังหารนายปีเตอร์ เลขาบริษัทไทรเซลล์ และไล่ยาวมาจนถึงคดีล่าสุด ที่พบศพของ มากาเรต ดี พอร์ตแมน มีความเป็นไปได้ว่า เธอจะเป็นคนลงมือค่ะ รวมถึงเรื่องการลอบสังหารผู้ว่าการรัฐฟลอริด้าด้วย ซึ่งอย่างที่ท่านทราบ... การจะลอบสังหารบุคคลระดับสูง หากทำสำเร็จหรือไม่สำเร็จก็ตาม นักฆ่าคนนั้นก็จะถูกสั่งเก็บทันที เพื่อป้องกันไม่ให้ทางเราสืบสาวไปหาผู้ว่าจ้างได้ค่ะ...”
เธอตอบกลับไป
“แล้วอย่างอื่นล่ะ ?”
“จากที่เช็คดูจากกล้องวงจรปิดและการออกหมายจับ ซึ่งมันตรงกับภาพของมากาเรตจริงๆ แต่วิธีการลงมือของเธอมันผิดปกติค่ะ...” เจสสิก้ายังคงรายงานต่อ
“ว่ามาสิ...”
“วิธีการลงมือในการลอบสังหารนายปีเตอร์ หรือแม้กระทั่งท่านผู้ว่าการรัฐ เป็นการลงมืออย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งเธอไม่ทิ้งหลักฐานใดๆ เอาไว้เลย ทำให้ทางเราไม่สามารถสืบตามไปได้... แต่ในกรณีนี้ เกี่ยวกับการไล่ฆ่า หญิงสาวที่ชื่อว่า ควอน ยูริแล้ว... วิธีการของเธอนั้นมันระห่ำจนเกินไปค่ะ” เธอเงียบไปสักพัก พร้อมกับเปิดจอ VCR ฉายภาพขึ้นกลางห้อง
“ควอน ยูริ... คนที่คุณอยู่ด้วยในวันที่ถูกตามล่านั่นน่ะเหรอ ?”
“ใช่ค่ะท่าน... เธอเป็นคนรู้จักของดิฉัน” เธอตอบกลับไประหว่างรอภาพ
ทันทีที่ภาพปรากฏขึ้น เจสสิก้าจึงเริ่มอธิบายต่อในทันที
“จากภาพ... สิ่งที่ท่านเห็นก็คือ สภาพรถของคู่กรณีที่ถูกทางกรมตำรวจทางหลวงไล่ล่า ซึ่งถูกยิงด้วย EMP จากทางตำรวจ และถูกเบียดจนเสียหลักพลิกคว่ำ บริเวณกระจกมีร่องรอยจากการถูกยิงด้วยปืนพก ซึ่งเรามารู้ทีหลังว่าปืนกระบอกดังกล่าวนั้นคือ Desert Eagle ที่พบอยู่ในเบาะข้างรถของมากาเรต...”
เธอเงียบไปสักพักพร้อมกับนำภาพหลักฐานต่างๆ ขึ้นโชว์บนหน้าจอ
“เราพบรอยนิ้วมือเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นบนมีดพก บนตัวปืน หรือแม้กระทั่งปลอกกระสุน...”
เธอพูดและกดเปลี่ยนภาพต่อ
“และนี่คือภาพจากกล้องวงจรปิดที่ถ่ายได้โดยบังเอิญจากบริเวณสวนสาธารณะค่ะ...”
เจสสิก้าพูดพร้อมกับนำภาพจากกล้องวงจรปิดขึ้นแสดง และกดหยุดทันทีที่มีเสียงปืนดังขึ้น
“อย่างที่ท่านได้เห็น... เธอลงมือยิงอีกฝ่ายทั้งๆ ที่ยังอยู่กลางตัวเมืองในบริเวณชุมชน... ซึ่งอย่างที่ดิฉันได้เรียนให้ท่านได้ทราบไปแล้วว่า วิธีการลงมือของเธอมันต่างจากคดีก่อนๆ มาก ราวกับเป็นคนละคนกันเลยค่ะ...”
การรายงานของเจสสิก้านั้นยังคงดำเนินต่อไป ซึ่งแต่ละคนก็ตั้งใจฟังเป็นอย่างดี
“ทันทีที่คุณได้เบาะแสเพิ่มขึ้น รายงานผมทันทีด้วย”
“ค่ะท่าน !”
เธอตอบกลับไป
การประชุมยังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆ ก่อนที่จะจบลงในอีกไม่กี่นาทีต่อมา
“เฮ้อ ! จบซะที...”
เจสสิก้าบ่นกับตัวเองเบาๆ ขณะที่กำลังทยอยเก็บของออกจากห้องประชุม เธอเหลิอบมองนาฬิกาข้อมือของตัวเอง ซึ่งในตอนนี้มันเป็นเวลา 9.00 น. แล้ว
รีบไปหายูริดีกว่า...
คิดได้ดังนั้นเธอจึงเดินออกจากห้องประชุมไปด้วยรอยยิ้ม และไม่กี่นาทีต่อมา เธอก็มาหยุดอยู่ที่หน้าร้านของยูริ
‘Closed’
เธอไปไหนอีกแล้วเนี่ย...
เจสสิก้านึกในใจและพยายามมองลอดเข้าไปยังด้านในที่ยังคงมืดสนิท
“หาอะไรอยู่เหรอ ?” ยูริที่เดินมาจากร้านกาแฟฝั่งตรงข้ามถามขึ้น
“ย้า !! ตกใจหมดเลย !!”
เจสสิก้าหันไปพูดกับคนรักและตีที่แขนเธอเบาๆ อย่างเอ็นดู ก่อนที่จะพูดขึ้นอีกครั้ง
“เราไปหาอะไรกินกันเถอะ ^^”
“อือ... เอาสิ”
ยูริตอบกลับไปพร้อมกับเดินตามหลังเจสสิก้าไปเรื่อยๆ
ร่างบางหันมาและควงแขนของยูริเอาไว้พร้อมกับรอยยิ้มบางๆ ที่ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอ ยูรินึกย้อนกลับไปถึงช่วงที่เธอได้แอบมองเจสสิก้าในครั้งแรกๆ
เจสสิก้าในตอนนั้นดูช่างเย็นชาและเฉยเมยต่อสิ่งรอบข้างจนเธอเองก็ยังรู้สึกหวั่นๆ แต่พอได้รู้จักกัน เธอถึงได้รู้ว่าเจสสิก้าคนนั้นสามารถเปลี่ยนไปได้มากมาย จนคนเก่าเทียบกับในตอนนี้ไม่ได้เลย
“แวะร้านนี้แปปนึงสิ...”
ยูริพูดพร้อมกับหันไปมองร้านขายเครื่องประดับข้างๆ ก่อนที่เธอจะเดินนำเจสสิก้าเข้าไปด้านใน
http://www.youtube.com/watch?v=iiqeEM7JPRo&feature=related [Background Music]
บทเพลงบรรเลงที่ดังขึ้นเบาๆ ช่างเช้ากับบรรยากาศในตอนนี้เป็นอย่างดี
“เพราะดีนะ...”
ยูริพูดขึ้นเบาๆ และหันไปยิ้มให้กับเจสสิก้าคนรัก
“อื้อ ^^ !!”
ยูริเดินฮัมเพลงมาเบาๆ และมาหยุดอยู่ที่หน้าตู้กระจกซึ่งด้านในมีแหวนเงินสวยงามเป็นจำนวนมาก เธอมองดูแหวนเหล่านั้นอย่างลุ่มหลง พร้อมกับคิดจินตนาการไปถึงตอนที่มันถูกสวมลงบนนิ้วของเจสสิก้า
จะสวยขนาดไหนกันนะ...
ยูริยังคงเลือกดูมาเรื่อยๆ จนเธอมาสะดุดเข้ากับแหวนวงหนึ่ง ซึ่งเป็นแหวนเงินมีลายเส้นสีทองบางๆ ประดับไว้อย่างสวยงาม
เจสสิก้าที่เดินเข้ามาหยุดยืนอยู่ข้างๆ คนรักก่อนที่ยูริจะชี้ให้ดูแหวนวงดังกล่าว พร้อมกับยิ้มออกมาบางๆ ซึ่งการกระทำดังกล่าวของยูริทำเอาเจสสิก้ารู้สึกเขินเป็นอย่างมาก
ยูริเลือกแหวนวงดังกล่าวออกมาและค่อยๆ บรรจงสวมมันลงบนนิ้วของเจสสิก้า
“ดูเหมาะกับเธอมากเลยนะสิก้า ^^” ยูริพูดและยิ้มออกมา
พนักงานสาวที่อยู่ตรงเคาท์เตอร์ ต่อให้ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าสองคนนี้เป็นคนรักกัน เธอได้แต่ยิ้มออกมาและร่วมเชียร์ไปกับคู่ของยูริ ซึ่งทำเอาเจสสิก้าอายจนแทบอยากจะเดินหนีออกมาจากตรงนั้นเลยทีเดียว
“เอาวงนี้ล่ะค่ะ ^^”
ยูริตอบกลับไปพร้อมกับนำบัตรเครดิตของเธอส่งให้กับพนักงานสาวคนนั้น
“ไปกันเถอะสิก้า ^^”
เธอพูดขึ้นอีกครั้ง ก่อนที่จะเดินจูงมือหญิงสาวคนรักออกมาจากร้านดังกล่าว เจสสิก้ามองดูหญิงสาวตรงหน้าและยิ้มออกมาบางๆ ซึ่งนี่เป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกรักใครมากเสียเหลือเกิน
ยูริหันมาหาเธอพร้อมกับหยุดยืนอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง พร้อมกับพูดขึ้น
“แหวนวงนี้... จะแทนคำมั่นสัญญาว่า ฉันจะรักเธอตลอดไป เจสสิก้า...”
“ชั้นก็รักเธอ ยูริอา...”
เธอตอบกลับไป ก่อนที่ยูริจะค่อยๆ เชยคางของเจสสิก้าขึ้นและบรรจงจูบเธออย่างแผ่วเบา
“ที่เธอพูดมาจริงเหรอยูล ?”
เจสสิก้าถามขึ้นทันทีที่ได้ยินคนรักบอกว่าต้องไปทำธุระด่วน
“อือ... แต่ไม่ต้องห่วงหรอก เอาไว้เสร็จงานแล้วชั้นจะรีบกลับมานะ ^^”
“สัญญาแล้วนะ...”
“อื้อ !” ยูริตอบกลับพร้อมกับยิ้มออกมาเช่นเคย เพียงแต่รอยยิ้มในครั้งนี้ ทำให้เจสสิก้ารู้สึกไม่สบายใจเอาเสียเลย ราวกับเธอสามารถสัมผัสได้ถึงความเศร้าภายในใจของยูริ
“ถ้าไม่กลับมาสิก้าโกรธจริงๆ ด้วย...”
เธอพูดอย่างค้อนๆ แต่นั่นทำให้ยูริสามารถหัวเราะออกมาได้อีกครั้ง พร้อมกับเอามือยีหัวของเธอเล่นอย่างเอ็นดู
“ชั้นสัญญาเจสสิก้า... ชั้นสัญญา”
เธอพูดพร้อมกับยกนิ้วก้อยขึ้นมา ซึ่งไม่ต้องบอกเจสสิก้าก็รู้ว่ามันคืออะไร เธอยกนิ้วก้อยของเธอขึ้นมาและเกี่ยวกับนิ้วของยูริเบาๆ
“แล้วชั้นจะรอนะ...”
เธอตอบกลับไปอย่างเศร้าๆ
“แล้วชั้นจะรอ...”
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น