คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : Chapter 5 : งานแสดง
Chapter 5 : งานแสดง
พรึ่บ!
“ว้าว!”
ทุกคนร้องเป็นเสียงเดียวกันเมื่อโปสเตอร์แผ่นใหญ่กางออก เผยให้เห็นรูปของวง Death kid ที่ผ่านการจัดแต่งรูปโดยไดสึเกะอาจารย์ประจำชมรมเรียบร้อยจนสวยสดงดงาม ซึ่งเจ้าตัวยืดอกภูมิใจในผลงานตัวเองสุดๆพร้อมเสียงชื่นชมจากลูกศิษย์ของตน
“สุดยอดเลยครู! O_o”
“สวยมากเลยค่ะ”
“ทำได้ไง!”
“ครูเก่งจัง!”
“ฮึๆๆ มันแน่อยู่แล้ว ก็ฉันถ่างตาทำทั้งคืนเลยนี่นา! รู้มั้ยว่ามันลำบากขนาดไหนกับการทำรูปนี้ U_U ฉันต้องทุ่มแรงกายแรงใจและจิตวิญญาณใส่ลงไปจนกระทั่งออกมาอย่างที่พวกเธอเห็นเนี่ยแหละ *0*”
ไดสึเกะบรรยายยาวยืดพร้อมทำท่าเพ้อไปอยู่คนเดียวโดยที่ไม่มีใครสนใจสักคน ไซจิที่เป็นคนเรียกประชุมกระแอมไอนิดหน่อยให้ทุกคนกลับมาเข้าเรื่อง
“อะแฮ่ม! มาเข้าเรื่องต่อได้แล้ว -_-”
ทุกคนหันกลับมาให้ความสนใจคนนั่งหัวโต๊ะต่อโดยไม่ต้องสงสัย
“พรุ่งนี้จะเป็นงานแสดงครั้งแรกของพวกเรา ต้องมาเจอกันที่หน้าร้านคอฟฟี่ช็อป เมื่อทุกคนมากันครบแล้วก็ให้ไปที่สวนสาธารณะเลย ไดสึเกะจะอยู่ที่นั่น ห้ามลืมเครื่องดนตรีล่ะ ถ้าเข้าใจแล้วก็แยกย้ายได้”
พูดจบ แต่ละคนก็จัดการเก็บของเข้ากระเป๋าแล้วแยกย้ายกันกลับบ้านของตน เหลือแค่ไซจิที่ยังอยู่ในห้อง เรียวจิหันกลับมาถาม
“วันนี้...”
“นายกลับไปก่อนเถอะเรียว ฉันจะอยู่ดูที่นี่อีกสักพักแล้วนั่งรถกลับ”
“... ตามใจแล้วกัน”
หลังจากทุกคนได้ออกกันไปหมดแล้ว เหลือแค่เจ้าของผมสีดำสนิทนั่งอยู่ริมหน้าต่าง มองดวงอาทิตย์ยามอัสดงที่ทอแสงสีทองเข้ามาทางหน้าต่างมากระทบใบหน้ารูปไข่ สายลมอ่อนๆพัดโชยมาพร้อมกลิ่นไอของเกสรดอกไม้ เขาหยิบสิ่งของบางอย่างในกระเป๋ากางเกงออกมาดูแล้วคลี่ยิ้มเล็กน้อย...
ใช่แล้ว... มันคือภาพพ่อแม่ของเขา...
ตอนที่ยังมีชีวิตอยู่...
‘ฮือ...’
เด็กชายตัวน้อยร้องไห้งอแงตามประสา ผู้เป็นแม่ค่อยๆพันผ้าพันแผลแล้วจูบเบาๆอย่างอ่อนโยน พร้อมลูบหัวเด็กน้อยอย่างทะนุทะหนอมพร้อมสิ่งยิ้มให้ เด็กน้อยเห็นดังนั้นจึงยิ้มตอบ ผู้เป็นพ่อเดินเข้ามาแล้วอุ้มโยนหยอกล้อกับเด็กน้อยเล่น ยิ่งทำให้เด็กน้อยยิ้มออกแล้วหัวเราะอย่างสนุกสนาน
‘ดูซิ วันนี้ลูกจะบินสูงขนาดไหน วู่~!!’
‘ฮะๆๆๆ’
ผู้เป็นพ่อพูดแล้วยกเด็กน้อยขึ้นสูงระดับใบหน้า เด็กน้อยหัวเราะชอบใจพร้อมยกแขนขึ้นลงตาม ผู้เป็นแม่ที่นั่งดูอยู่ข้างๆก็หัวเราะคิกคักเมื่อเห็นทั้งสองพ่อลูกรวมทั้งผู้คนที่เดินผ่านไปมาแล้วมองผ่านทางหน้าต่าง ต่างพากันอมยิ้มไปตามๆกัน
กระทั่ง...
ทุกอย่างได้กลายเป็นเพียงเปลวไฟและเถ้าธุลีผง...
ใช่แล้ว... ทุกอย่าง...
รวมทั้งพ่อและแม่ด้วย!
ภาพสุดท้ายที่เด็กน้อยได้เห็น...
คือภาพของผู้เป็นพ่อและแม่... โดนเปลวไฟแผดเผา...
ภาพบ้านที่เคยอาศัย ตอนนี้กลับกลายเป็นแค่ฝุ่นผงและเถ้าถ่าน...
‘ไม่ต้องเป็นห่วงนะ ต่อไปนี้เธอมาอาศัยกับลุงได้’
เสียงแหบพร่าชายวัยกลางพูดขึ้น มือหยาบหนาจูงมือเด็กน้อยเข้าไปในคฤหาสน์หลังมหึมา พร้อมคนรับใช้ยืนเรียงกันตามทางและก้มหัวให้อย่างนอบน้อม เมื่อเข้าไปในตัวบ้าน มีโคมไฟสูงฝังด้วยเพชรพลอยอันเลอค่า พร้อมเครื่องประดับห้องมากมายราคาร่วมล้าน บนโซฟานั่นเอง มีเด็กน้อยผมทองรุ่นราวคราวเดียวกันนั่งอ่านหนังสืออยู่ ดวงตาสีฟ้าครามจ้องไปที่ผู้มาใหม่ไม่วางตา เด็กน้อยผมทองหยิบที่คั่นมาคั่นไว้แล้วเดินเข้าไปหาเด็กน้อยผมสีดำสนิทพร้อมยิ้มอย่างเป็นมิตร
‘เรียว นี่ไซจิ เค้าจะมาอาศัยอยู่กับเรานับแต่นี้เป็นต้นไป พยายามทำความรู้จักไว้ล่ะ เดี๋ยวพ่อขอตัวก่อน’
ชายวัยกลางผู้เป็นพ่อพูดแล้วรีบเดินออกไปทำงาน ทิ้งให้เด็กน้อยทั้งสองอยู่กันตามลำพัง เด็กน้อยผมทองนามว่าเรียวจิหันมาทักทายเพื่อนใหม่ของตน
‘สวัสดี’
‘
’
เด็กน้องผมดำไม่ตอบแถมยังเลื่อนหน้าหนีทำให้คนเข้ามาทักเบ้ปากนิดๆแล้วก้มลงมองหน้าเด็กน้อยผมดำชัดๆ
‘นี่ ได้ยินมั้ย?’
‘
’ เด็กน้อยผมดำเลื่อนหน้าหนีเรียวจิอีก
‘นายยังเศร้าอยู่เหรอ’
‘
มันไม่เกี่ยวกับคนอย่างนายสักหน่อย’
เด็กน้อยเรียวจิสะอึกเล็กน้อยกับคำพูดแทงใจดำของผู้มาใหม่เล็กน้อย แต่ก็ยังยิ้มสู้แล้วยื่นมือมาให้
‘ฉันชื่อ ฮิวาตาริ เรียวจิ ยินดีที่ได้รู้จัก’
เด็กน้อยผมดำชายตามองมือของเรียวจิเล็กน้อยแต่ก็ยอมยื่นจับมือด้วย ถึงกระนั้นเด็กน้อยผมดำก็ยังไม่ยอมมองหน้าเรียวจิตรงๆอยู่ดี
‘ฉันชื่อ ไซจิ... ซาวาดะ... ไซจิ...’
ก๊อก~ ก๊อก~
เสียงเคาะประตูทำให้เจ้าของเรือนผมสีดำสนิทหลุดจากภวังค์ ไดสึเกะเดินเข้ามานั่งตรงข้ามไซจิแล้วถาม
“ยังไม่กลับอีกหรอไซจิ หรือกำลังดูภาพนั้นอยู่...”
“...ยุ่งน่า”
ไซจิพูดแกมรำคาญแล้วซุกรูปไว้ในกระเป๋ากางเกงเหมือนเดิมพร้อมมองลงไปด้านล่างเพื่อหลบสายตารู้ทันของคนเป็นอาจารย์ซึ่งกำลังยิ้มบางๆแล้วมองที่กระเป๋ากางเกง แต่อยู่ๆเจ้าของเรือนผมสีดำก็ลุกพรวดกะทันหันแล้วเคี้ยวฟันกรอดแถมด้วยลูกไฟโชดช่วงที่ตัวเป็นเอฟเฟ็คประกอบความอลังการงานสร้าง(ยังไงแล้ววะเนี่ย =_=?) ทำเอาคนดูเหงื่อตกแล้วมองตามตาถึงได้รู้...
“นี่ๆ ให้พวกพี่เดินไปส่งบ้านไหมครับคุณน้อง ^^”
รุ่นพี่โทยะพูดขึ้น ลูกสมุนเข้าล้อมรอบตัวนานามิจนแทบไม่มีทางให้หนีจากวงล้อมได้ แต่ละคนต่างจ้องมองเธอด้วยสายตาหื่นๆจนคนโดนมองรู้สึกเคลื่อนไส้ขยะแขยง อยากเดินหนีเต็มแก่ โทยะคือนักเลงโตประจำโรงเรียน ชอบหาเรื่องต่อยตีกับเด็กโรงเรียนอื่นจนโดนพักการเรียนหลายครั้ง จุดเด่นของเขาคือผมสีทองที่ย้อมมาและสร้อยที่มีคมสามารถแทงคู่ต่อสู้ให้ตายได้ เรื่องนิสัยไม่ต้องพูดถึง ทั้งเจ้าเล่ห์ เหลี่ยมจัด หลีสาวไปทั่ว ทั้งนี้เขายังเคยมีข่าวทำผู้หญิงท้องแล้วไม่รับด้วย เรียกว่าเป็น Blacklist ของโรงเรียนเลยทีเดียว
ซึ่งตอนนี้เจ้าตัวอันตรายนั่นกำลังจีบนานามิอยู่!!!
งานงอกครับท่านผู้โช้มมม!
“ไม่... ไม่ค่ะ”
ตุ้บ!
“ว้า~ ใจร้ายจัง...”
นานามิถอนกรูจนไปชนกับลูกสมุนคนหนึ่งจนโดนจับไหล่เอาไว้ไม่ให้หนี โทยะเข้ามาเชิดคางร่างบาง สำภาระทุกอย่างโดนโยนลงไปกองกับพื้น ยิ่งเหยื่อรายนี้สั่นเทามากเท่าไหร่ก็ยิ่งน่ารัก... เขายิ้มกลุ้มกลิ้มแล้วเลื่อนหน้าเข้าใกล้ยิ่งกว่าเดิม
“โอ๋ๆ อย่ากลัวเลย พี่ไม่ทำแรงหรอก”
ว่าแล้วก็ก้มลงจูบซอกคอสีขาวของร่างบาง แต่แล้วทุกอย่างก็หยุดชะงักเมื่อลูกสมุนของเขาได้ล้มลงไปจมกองเลือดถึงสามคน!
ทายซิใครเอ่ย?
“ไอ้ชั่ว! แกทำอะไรนานามิจัง!”
“ปล่อยเดี๋ยวนี้นะโว้ย!”
“ถ้าอีกทีแกตายแน่!”
“ฉันจะเอาเลือดออกจากหัวพวกแกทั้งหมด! ไอ้พวกโรคจิต!”
เฉลยเลยแล้วกัน
ประโยคแรก : ไซโตะ(อันนี้มีคนถูกเยอะแหง)
ประโยคที่สอง : มาโอะ
ประโยคที่สาม : ไซจิ
ประโยคที่สี่ : เรียวจิ(อันนี้คงไม่มีใครเชื่อ)
เรียบร้อย... ^^
ทายถูกไหมเอ่ย?
“พวกแกสี่ตัวเป็นใครไม่ทราบ?” โทยะเลิกคิ้วถาม
“เทเลทับบี้มั้งไอ้บ้า! แอ้ก!”
ผัวะ! ผัวะ! ผัวะ!
ทุกคนตบหัวไซโตะไปคนละผัวะโทษฐานพูดอะไรไม่รู้จักคิดให้ดี
เวลาซีเรียสยังจะฮา ไอ้บ้าไซโตะ!
(เสียงในใจทุกคน)
“นี่พวกแกสี่ตัวมาแสดงตลกให้ฉันเสียเวลาดูหรือไงวะ เฮ้ย! รีบๆจัดการไอ้พวกแมงหวี่แมงวันซะ ฉันจะได้มีความสุขกับนังเด็กนี่ต่อ”
จบประโยค ความโกรธของทั้งสี่พุ่งถึงจุดเดือดทันที วิญญาณนักรบเริ่มเข้าทรง ลูกสมุนทั้งหลายพร้อมอาวุธพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว หมายจะจัดการให้จบๆ เริ่มจากไอ้ลูกคุณหนูนี่ก่อนเลย หมั้นไส้มานานแล้ว!
ฟึบ!
หมับ!
คนหมายจะทำร้ายถึงกับเบิกตากว้างแทบจะถลนออกมา ไม่อยากจะเชื่อว่าไอ้ลูกคุณหนูนี่จะกล้าใช้มือเปล่าๆรับมีด! ของเหลวสีแดงฉานเริ่มไหลออกมาเปื้อนใบมีดพร้อมๆกับที่รอยยิ้มแสยะปรากฏขึ้นบนหน้าของเรียวจิ โดยไม่ให้ตั้งตัว เขาจัดการเตะไอ้คนที่เข้ามาทำร้ายจนกระเด็นไปชนถังขยะ พลอยทำให้ลูกสมุนคนอื่นๆเลิกลักไปด้วย เจ้าของผลงานมองเลือดที่ฝ่ามือเล็กน้อยก่อนจะเลียมันต่อหน้า! ดวงตาเริ่มฉายแววอำมหิตจนทุกคนขนลุกซู่... คำๆเดียวที่จะบรรยายคือ...
น่ากลัว...
“มามะ~ มาเล่นกัน!”
ผัวะ! พลั่ก! ปัง! โครม!
เรียวจิพุ่งเข้าสู้กับพวกลูกสมุนไปบรรยะบรรยังเหมือนนักล่าฆ่าหัวในหนัง ตอนนี้ถึงมือจะเจ็บแต่ก็ล้มไปได้หลายคนพอดู หน้าก็เปื้อนเลือดที่กระเด็นมาโดน ไซโตะที่ยืนมองเหตุการณ์อยู่ข้างๆก้องขยะถึงกับเกลือนน้ำลายเอื้อก
ในที่สุด ปีศาจก็โผล่มาแล้ว...
(ใครเห็นด้วยกรุณายกมือ)
“ย้ากกก!”
“เหวอ!~”
ตุ้บ!
เสียงด้านบนคือเสียงของหนึ่งในลูกสมุนเงื้อไม้หน้าสามฝั่งตะปูหมายจะตีเข้าที่หัวของไซโตะ โชคดีที่เจ้าตัวไหวตัวทันหลบมาได้อย่างเฉียดฉิวไม่อย่างนั้นหัวแตกไปแล้ว ยังไม่หมด พวกอีกสามสี่ตัวเข้ามาหมายจะตีหัวเช่นกัน แต่ไซโตะก็สวมวิญญาณลิงกระโดดหนีได้อย่างง่ายดายจนแทบไม่มีใครจับได้ กระทั่ง...
พรืดดดด!
“อะจ้ากกกกกก!!!”
สะดุดขากางเกงตัวเอง =_=^^^
คนซุ่มซ่าม(เปลี่ยนสรรพนามด่วน)ล้มหน้าทิ่มทำท่ายิมนาสติกม้วนหน้าสามรอบกระเด็นไปเกาะแข้งแข็งๆของใครบางคน... เจ้าของแข้งเหล็กสะบัดขาเอาเป็นเอาตายให้ลิงที่เกาะหลุดให้จงได้ แต่ด้วยอาการมึนและงง(เพราะแรงสะบัด)ไซโตะจึงยังไม่ได้สติดี มือเลยยังเกาะแข้งเหล็กต่อไปโดนในหัวนึกว่าเป็นแข้งพอลล่า เทเลอร์(คงจะมีความสุขมาก = =)
“งืมๆๆ พอลล่าจ๋าาา +0+”
“โว้ยยย! เอาไอ้เด็กเชี่ยนี่ออกจากขากูที่!!!”
“พอลล่าาา~~”
มาโอะมองคู่อริอย่างสมเพชนิดๆแล้วหันไปเตะก้านคอใส่ลูกสมุนที่พุ่งเข้ามาจนลงไปนอนแอ้งแม้งที่พื้น เขาเหลือบไปเห็นโทยะกำลังจับนานามิให้เข้าไปนั่งในรถซึ่งเจ้าตัวขัดขืนเต็มที่ ทั้งเตะ ทั้งตี ทั้งโวยวาย แต่การกระทำที่ว่ามานั้นก็หยุดลงเมื่อถูกรุ่นพี่ชกที่ท้องจนตัวงอมือกุมหน้าท้องไว้ น้ำใสเริ่มอาบแก้มด้วยความเจ็บปวด
ไอ้นรก! วันนี้แกอย่าหวังว่าจะรอด
มาโอะสบถในใจแล้วตะโกนเรียกไซจิให้วิ่งตามมา เรื่องลูกสมุนจึงเป็นหน้าที่ของเรียวจิที่กำลังโหดได้ที่กับไซโตะที่ตอนนี้ยังใช้ท่าหมัดเมาจัดการให้พวกมันมึนกันเล่น ไซจิเร่งฝีเท้าจนสามารถเข้าไปประชิดตัวโทยะได้สำเร็จพร้อมประเคนหมัดหนักๆใส่แก้มซ้ายจนหน้าหัน
พลั่ก!!!
“โอ๊ย! ไอ้เด็ก%#)())&#$@@!!!”
รุ่นพี่นักเลงสบถคำหยาบหลายคำแล้วกระชากคอคนที่ต่อยตัวเองจนตัวลอย จากนั้นก็โยนไปชนรถของตนจนกระจกราว เด็กสาวร้องลั่นด้วยความตกใจ ไซจิพยายามพยุงให้ตัวเองลุกขึ้นแต่กลับทรุดลงไปกองกับพื้น ตอนนี้ความรู้สึกปวดจี๊ดจนแทบจะแตกเป็นเสี่ยงๆเข้าจู่โจม ความเจ็บเริ่มแผ่ซ่านไปทั่วจนร่างกายไม่สามารถขยับได้แม้แต่เงยหน้าขึ้นมอง โทยะหัวเราะอย่างพอใจแล้วเหยียบหัวซ้ำให้คนข้างล่างเจ็บหนักกว่าเดิม ลิ้นเริ่มรู้สึกถึงของเหลวที่ผ่านมาพร้อมหัวที่เริ่มอุ่น
“อ้าวเฮ้ย! แค่นี้ถึงกับจะตายเลยหรอวะ!? ฮ่าๆๆ!! ก๊ากๆๆ!! ทุเรศว่ะ”
“อึก... กรอดดด...”
ไซจิกัดฟันแน่นจนแสบปาก แต่ก็ไม่สามารถตอบโต้อะไรได้จึงได้แต่นอนอยู่กับที่ให้รุ่นพี่จอมโหดเหยียบจนกว่าจะตาย...
“เฮ้ย... พี่จะบอกอะไรให้อย่างนะ ถ้าคราวหลังอยากช่วยผู้หญิงน่ะ... หัดดูสารรูปตัวเองซะบ้าง~ เพราะแบบนี้มันเสียฟอร์มเปล่าๆว่ะ”
“ไม่ต้องมาเจ๋อเรื่องของพวกฉัน!”
ผัวะ!!!
ไม้หน้าสามฟาดเข้าเต็มๆที่หน้าท้องโทยะจนเจ้าตัวถึงกับเซไปตามแรง มาโอะกำเอาไว้แล้วพาดไปอีกหลายผัวะจนแน่ใจว่ามันจะไม่ลุกขึ้นมาอีกแล้วเดินไปช่วยนานามิกับไซจิอย่างรีบร้อน
“เธอเดินไหวไหม?”
“อืม... มาโอะคุงรีบพาไซจิคุงไปห้องพยาบาลเถอะ!”
“รู้แล้วล่ะ!”
มาโอะเข้าไปพยุงเพื่อนตนเองที่นอนนิ่งอยู่ที่พื้นเพราะร่างกายไม่ทำตามคำสั่งเนื่องจากเจ็บไปทั้งตัว นานามิดันหลังคนที่มาช่วยแล้วหันกลับไป ชั่วพริบตา มือหนาของคนที่น่าจะสลบไปแล้วกลับกระชากร่างบางให้เข้ามาหาตัวเองและล็อคคอไว้อย่างง่ายดาย อีกมือหนึ่งก็กระชากสร้อยปรายคมกริบมาจ่อคอร่างบางเอาไว้เพื่อไม่ให้มาโอะรี่เข้ามา แสยะยิ้มชวนสยองแล้วว่า
“หมัดของแกทำอะไรฉันไม่ได้หรอกไอ้หนู...”
“ปล่อยเธอนะ” มาโอะพูดเสียงเข้มจนรุ่นพี่เลิกคิ้วสูง
“นังเด็กนี่สำคัญกับพวกแกนักเหรอ ถึงได้ออกตัวปกป้อง ขนาดจะตายอยู่แล้วยังแถมาอีก”
โทยะจับมือร่างบาง ค่อยๆเพิ่มแรงบีบขึ้นเรื่อยๆ... ร่างบางรู้สึกเหมือนกระดูกถูกบดขยี้... กัดฟันแน่นกลั้นไม่ให้เผลอกรีดร้องออกมาเพราะรู้ว่ารุ่นพี่จะยิ่งได้ใจ
“หยุดนะ!!” ไซจิใช้แรงทั้งหมดตะโกน
“มือ... สินะ...”
“...อึก”
ฉึก!!
“!!”
ปลายแหลมที่แทงเข้าที่ฝ่ามือร่างบางเหมือนเป็นสัญญาณให้หัวใจหยุดเต้นชั่วขณะ เลือดสีสดไหลออกมาจากบาดแผลพร้อมเสียงร้องของร่างบางที่ดังลั่น เรียวจิหันไปมองทางต้นเสียงกะทันหัน เขาถอดเสื้อนอกทิ้งที่พื้นแล้ววิ่งเข้าหมายจะฆ่าคนที่เป็นรุ่นพี่ให้ตายคามือ
“ตาย!!!”
“เฮ้ย!!!”
พลั่กกกกกก!!
ปึง!!! ตุบ!! โครมมมม!!! ปังงง!! ฉึก!!!
...
...
...
“พวกเธอนี่น้า... ทำจนได้เรื่อง” ผู้เป็นครูห้องพยาบาลพูดอย่างเหนื่อยหนายแล้วพันผ้าที่แขนให้ไซโตะแล้วตีอย่างหมั้นไส้
เพี๊ยะ!
“อ้ากกก! ไอซังเบาๆหน่อยซี่ TOT”
ไซโตะร้องแล้วลูบแขนตัวเองป่อยๆ ทำหน้าเหมือนจะขาดใจตายต่างจากเพื่อนตัวเองที่นั่งขรึมเงียบกริบไม่พูดไม่จา พอเจ้าตัวรู้สถานการณ์ก็พลอยเงียบตามไปด้วย ตอนนี้ไม่ว่าจะปล่อยมุขฮาหรือมุขแป้กก็คงไม่มีใครมานั่งรับด้วยหรอก เพราะคนสำคัญของวงน่ะ...
“นี่ๆ พวกเธออย่าเศร้าไปเลยนะ ฉันดูแล้วแผลไม่ลึกถึงขนาดนั้นหรอก แต่สิ่งที่ครูอยากบอกก็คือ...”
ผู้เป็นครูทิ้งช่วงไว้แล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่
“เลื่อนงานแสดงไปซะ”
“ไม่ได้นะ!”
ทุกคนโพลงขึ้นมาแทบจะเป็นเสียงเดียวกัน ใบหน้าต่างตื่นตระหนก ไอซังยืนกอดอกมอกงทั้งสี่อย่างใจเย็นแล้วพยายามอธิบาย
“ถ้าเธอไปตีกลองตอนนี้อาจทำให้แผลฉีกนะ พวกเธอก็รู้นี่ การเป็นมือกลองมันยากขนาดไหน แล้วถ้ายิ่งมีแผลแบบนี้ก็แย่เข้าไปใหญ่ ยังไงเด็กคนนั้นก็เป็นผู้หญิงนะ จะให้ฝืนไปถึงไหน”
“ครู!!!”
“อ้าวๆ มีเรื่องอะไรกันน่ะ”
ไดสึเกะที่พึ่งเปิดประตูเข้ามาถามขึ้น แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบจากใครเพราะทุกคนเอาแต่ก้มหน้ากัดฟันกรอด พลางเลื่อนสายตาไปมองครูพยาบาลเป็นเชิงถาม เธอพ่นลมหายใจแล้วดึงแขนไดสึเกะให้มาคุยกันในอีกมุมหนึ่งแล้วค่อยเล่าให้ฟัง
“แต่งานแสดงน่ะมันพรุ่งนี้แล้วนะ!” ไดสึเกะโพลงออกมาอย่างอดไม่ได้
“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ยังไงก็เลื่อนออกไปก่อนไม่ได้เหรอ”
“เถอะน่าไอซัง... ฉันอุตส่าห์ลงทุนไปขออนุญาตใช้สถานที่เชียวนะ แล้วถ้าไปบอกว่าจะเลื่อนแบบนี้คิดเหรอว่าเค้าจะให้โอกาสเราอีก”
“ฮื่อ!”
ไอซังพ่นลมหายใจอย่างรำคาญ แต่แล้วไดสึเกะที่ทำท่าจะขอร้องต่อกลับหยุดไปถนัด สายตาค้างกึกอยู่ที่เจ้าของเรือนผมสีชมพูที่เดินออกมาจากม่านกั้นเตียง แววตาดูเหม่อลอยชั่วขณะ แต่ร่างบางก็ยังฝืนยิ้ม
“ไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ แผลแค่นี้เอง”
“... ไหว... ใช่ไหม...”
ไดสึเกะเอ่ยถามเสียงเรียบ ร่างบางหลบสายตาของผู้เป็นอาจารย์เล็กน้อยแล้วยิ้มรับพร้อมเดินไปหาสมาชิกทั้งสี่ที่นั่งรออยู่ พอสายตาไปพบร่างบาง ทุกคนรีบวิ่งเข้ามาถามอาการยกใหญ่... ยกเว้นแต่เจ้าของเรือนผมสีดำขลับที่ยังนั่งนิ่งอยู่ที่เดิม
“ไม่เป็นอะไรใช่ไหมนานามิจัง O_O”(ไซโตะ)
“แผลไม่ลึกใช่ไหม!!”(มาโอะ)
“วันแสดงฉันจะเอายาไปเผื่อนะ”(เรียวจิ)
“อื้ม ขอบคุณนะทุกคน”
นานามิฉีกยิ้มกว้างให้กับทั้งสามแล้วพูดคุยอย่างสนุกสนาน เจ้าของเรือนผมสีดำเหลือบมองเล็กน้อย ในใจนึกโลกอกอยากเข้าไปถามอาการเหมือนๆกับทุกคน แต่ด้วยฐิติบางอย่างจึงทำได้แค่บอกอยู่ห่างๆ เขาลุกขึ้นเดินออกจากห้องไปอย่างเหม่อลอย ในหัวตื้อไปหมด...
ไม่ใช่เพราะนานามิ...
เพราะ...
ซี้ดดด... ปวดหัวชะมัด! ไอ้เวรนั่นตีนหนักชิบ(หาย)
(นั่นแล... มุขควายได้อีกเพราะข้าน้อยนึกไม่ออก = =)
Master cafe
ข้าวของเรือนผมสีดำยืนกอดอกตบเท้าและเดินวนไปมาหน้าร้านคาเฟ่อย่างหงุดหงิดพลางมองนาฬิกาสีแดงที่ข้อมือ ในหัวก่นด่าไอ้หัวแดงจอมแสบที่สะเออะตื่นสายเลยเวลานัดมาครึ่งชั่วโมงรวม! ไอ้เรารินึกว่าวันสำคัญแบบนี้มันจะมาเร็ว ที่ไหนได้ดันสายโด่งซะจนหน้า... ไซจิหัวเราะหึๆ รังสีอำมหิตแผ่ออกมาอย่างปิดไว้ไม่อยู่ ทำเอาคนรอบข้างผวาเดินห่างไปสิบเมตร
“โย่ว!”
“กว่าจะโผล่หัวมานะ -_-+”
เมื่อไอ้ตัวดีโผล่มาได้แล้วก็ขอด่าหน่อยเหอะ! ไซจิจัดการร่ายกลอนสุภาพยาวเหยียดเป็นหางว่าวใส่คนที่พึ่งมาจนหมดแม็ก จากนั้นก็เดินนำพาสมาชิกไปที่สวนสาธารณะ คนเป็นอาจารย์เห็นลูกศิษย์ก็โบกมือทักทายอย่างดีใจที่ในที่สุดก็มากันสักที(เพราะพี่แกค่อยมาร่วมๆประมาณ 2 ชั่วโมงเนื่องจากต้องเดินทางมาก่อนค่ะ =_=) ทุกคนช่วยกันจัดเครื่องดนตรีของตนเองให้พร้อมแสดง ผู้คนต่างพากันมุงดูอยู่ไม่น้อยอย่างอยากรู้ ไซจิหันไปมองหน้าไดสึเกะเล็กน้อย เมื่อเห็นมือให้สัญญาณจึงเริ่มต้นการแสดง...
ดนตรีค่อยๆบรรเลงขึ้นอย่างนุ่มนวล มือทั้งสองข้างจับไมล์ไว้... และเริ่มร้องเพลง...
“futarikirinokouen kaerimichinoshiteiseki
ในสวนสาธารณะของเพียงเราสอง ในทางกลับบ้านตรงที่นั่งที่จองของเรา
itsumoyorihashaideru kimiwomitsume kiitemita
ผมมองเธอที่ร่าเริงกว่าปกติ แล้วลองถามดูว่า ...”
ไซจิหยุดร้องไปช่วงหนึ่ง ส่งต่อให้เรียวจิร้องต่อ...
“moshimoashita sekaiganakunattara dousuru?
สมมติว่าถ้าพรุ่งนี้ไม่มีโลกใบนี้แล้ว เธอจะทำอย่างไร
kimiwananimoiwazuni bokunoudewogyuuttoshitane
เธอไม่ตอบอะไร เพียงกอดแขนผมแน่น”
เสียงนั้นเหมือนสะกดคนดูเอาไว้ได้อยู่หมัด ผู้คนเริ่มหันมาสนใจการแสดงมากขึ้นเรื่อยๆ... คู่รักเริ่มเข้ามาฟังบทเพลงอย่างสนใจ ไซจิเริ่มร้องรับต่อจากท่อนบนอย่างไม่มีปัญหา
“nee kocchiwomuiteite
นี่ หันมาทางนี้หน่อย
kuchibiruga chikazuite dokidokitomaranai
ริมฝีปากของเราใกล้กันเข้ามา ใจผมเต้นรัวจนหยุดไม่ได้”
เมื่อนานามิตีจังหวะกลอง ทุกคนก็ค่อยๆร้องคอรัชกัน
“donnakimimo donnatokimo uketomerukara
ไม่ว่าเธอจะเป็นแบบไหน ไม่ว่าเวลาใด ผมก็จะยอมรับ
moshimokokorogakizutsuite namidakoborerutokiwa
ถึงแม้นเวลาที่ใจเธอเจ็บปวดจนน้ำตารินไหล
sekaichuu wo tekinishitemokimiwomamoruyo
ต่อให้โลกทั้งใบไม่อยู่ข้างเธอ ผมก็จะปกป้องเธอไว้
I LOVE YOU kotobawairanaiyo
ผมไม่ต้องการคำว่า ฉันรักเธอ
kimiga saigonokissu itsumademo
เพียงได้จูบสุดท้ายกับเธอ ตลอดไป...”
[ไซจิ]“itsumonowakaremichide nanimodekinai wakatteru
ตรงทางที่เราต้องเดินแยกกันเสมอ เราเข้าใจว่าไม่อาจทำอะไรได้
hoppetafukuramasete tewohanashite mouikune
เธอทำแก้มป่อง แล้วปล่อยมือจากผม ‘ไปแล้วนะ’ “
[เรียวจิ]”nee kocchiwomuiteite
นี่ หันมาทางนี้หน่อย
kuchibiruni chikazuite dokidokitomaranai
ริมฝีปากของเราใกล้กันเข้ามา ใจผมเต้นรัวจนหยุดไม่ได้”
[คอรัช]”konnabokumo kimigaireba tsuyokunareruyo
ถ้ามีเธออยู่ คนอย่างผมละก็สามารถเข้มแข็งได้”
[เรียวจิ]koihafushiginamohoudane nanimokowakunikara
รักเป็นเวทมนตร์มหัศจรรย์นะ ดังนั้นผมจึงไม่เกรงกลัวสิ่งใด ๆ
[คอรัช]”sekaichuuwo tekishitemo hanashiwashinai
ต่อให้โลกทั้งใบไม่อยู่ข้างเธอ ผมก็จะไม่ไปไกลห่าง”
[ไซจิ]”STAND BY ME darekajadamenanda
STAND BY ME ใครที่ไหนก็ไม่ใช่
kimini zuttosobani
” [คอรัช]“itehoshii”
ผมอยากให้เธออยู่เคียงข้างผมเสมอไป
[ไซจิ]”ah muchakinasugaonomama kimiwaiu
อ้า ด้วยหน้าใสซื่อและเดียงสา เธอพูดว่า
”
[เรียวจิ]”nee obaachanninattemo kisushitekureruno?
นี่ แม้ว่าฉันแก่เป็นป้า เธอจะยังคงจูบฉันไหม”
[ไซจิ]”nee sonotokiniwabokudatte onajidayo
นี่ ถึงเวลานั้น ผมจะยังคงเป็นเหมือนเดิม”
[คอรัช]”tsunaidate hanashiwashinaikara
มือที่จับกันไว้ ก็จะไม่ปล่อยไป
”
ดนตรีค่อยๆบรรเลงจังหวะนุ่มลง บรรยากาศในจังหวะนั้นเหมือนดำเนินไปตามทำนอง... แสงแดดท่อเป็นสีนวลอ่อนดูอบอุ่น ลมพัดเอื่อยผ่านกิ่งไม้ทำให้เกิดเสียงน้อยๆ... นกน้อยต่างส่งเสียงจิ๊บๆเหมือนจะร้องร่วมกับวง Death kid ที่ทำการแสดงอยู่... ไซจิค่อยๆเปล่งเสียงร้องออกมา... เสียงนั้นได้ตราตรึงหัวใจทุกดวงของผู้ฟังได้เรียบร้อยแล้ว...
[ไซจิ]”donna kimimo donnatokimo uketomerukara
ไม่ว่าเธอจะเป็นแบบไหน ไม่ว่าเวลาใจ ผมก็จะยอมรับ”
[เรียวจิ]”moshimokokorogakizutsuite namidakoborerutokiwa
ถึงแม้นเวลาที่ใจเธอเจ็บปวดจนน้ำตารินไหล”
[คอรัช]”sekaichuuwo tekinishitemokimiwomamoruyo
ต่อให้โลกทั้งใบไม่อยู่ข้างเธอ ผมก็จะปกป้องเธอไว้”
[คอรัช/ไซจิร้องนำ]”I LOVE YOU kotobawairanaiyo
เราไม่ต้องการคำว่า ฉันรักเธอ
“kimiga saigonokissu itsumademo
เพียงได้จูบสุดท้ายกับเธอ ตลอดไป
”
ดนตรีที่บรรเลงคลอลง... เมื่อเสียงเงียบไปเสียงปรบมือจึงสอดแทรกมาแทน ผู้ที่ยืนดูอยู่ต่างพากันส่งเสียงร้องอย่างชอบใจ บ้างก็ตะโกนขออีกรอบ คู่รักที่ได้ยินบทเพลงก็ต่างจับมือและยิ้มหวานให้แก่กัน โดยเฉพาะคู่รักวัยทองที่นั่งอยู่ที่ม้านั่งใกล้ๆก็อมยิ้มชอบใจในเนื้อเพลง นักดนตรีก็พลอยดีใจไปด้วย กระโดดโลดเต้นกันใหญ่พลางโค้งตัวขอบคุณผู้คนที่มาฟังเพลงของพวกเรา
แหม... แต่ทว่า...
“เฮ้ย! พวกลื้อมาทามอาลายนายที่ของอั๊ว!”
อาแปะหนวดยาวที่ไหนไม่รู้โวยวายลั่นก้าวฉับๆๆมาหาพวกเขาพลางเอาไม้เท้าชี้หน้าอย่างเดือดดาล ทำเอาเอ๋อกันไปเป็นแถบ ในใจก็คิด ‘อาแปะมาจากไหนฟะ’ ไซจิเห็นก็ขมวดคิ้วยุ่ง เส้นเลือดที่หัวดังตุบๆๆ หันขวับจะไปลากคอไอ้คนที่บอกว่าขออนุญาตเขามาแล้ว แต่สิ่งที่เห็นมีแค่สายล้มและเส้นประที่กระพริบให้เห็นเป็นร่องรอยว่าเจ้าตัวโกยไปแล้ว...
“ออกปายเดี๋ยวนี้! เฮ้ย! ไอ้เฉียงฉงชิ่ง! ไอ้ไฉหวงชี่! พวกลื้อมาจัดการอ้ายเด็กพวกเลยนะ!”
ไม่ทันขาดคำ ชายฉกรรจ์ทั้งสองในชุดดำมืดก็เดินมาพร้อมอีโต้และกระบองคู่ใจพร้อมจะเอาไปตีหัวเฉาะกบาลชาวบ้านได้สบาย พอคนที่มาชื่นชมเห็นอาวุธก็รีบวิ่งหนีสุดล่าฟ้าเขียวหายไปแทบไม่เห็นฝุ่น เหลือแต่ทั้ง 5 ที่ยังเอ๋อรับประทานลามไปถึงตับ พอระลึกชาติได้มาเวลานี้อะไรควรไม่ควรจึงรีบใส่เกียร์หลบหนีโจรเหมือนในหนังเด๊ะ...
ฟ้าวๆๆ!!!
[ไซจิบรรยาย]
ปุจฉา... ให้ทายไอ้เฉียงฉงชิ่งมันกำลังทำอะไรอยู่...
คำตอบ... มันกำลังเอาอีโต้ไล่เฉาะหัวป๋มมมม!!!!! T[]T
ว้ากกกกกกก!!!!! ถึงกูจะเป็นหัวหน้าวงแต่ว่ากูก็มีสิทธ์ดำรงชีวิตจนกว่าจะแก่ตายจากโลกนะเฟ้ยยย!! อาแปะแกก็แปลก... มีลูกน้องตัวเท่าฟายตั้ง 2 ตัวทำไมไม่เอาไปไล่ไอ้ที่ชุมนุมกันอยู่ล่ะวะ! มันจะฆ่ากันตายแล้วก็รีบๆส่งมัน 2 ตัวไปฆ่าซะจะได้หมดเรื่อง(เฮ้ย! คุกนะเมิง = =^) ตอนนี้ขาของผมแทบฉีกขาดออกเป็นสองซีก แต่ยังไงก็ต้องโกยต่อไปเพื่อยืดชีวิตตัวเองไว้มิให้ดับศูนย์ ผมหันซ้ายหันขวาหาซอกหลีบที่จะหลบไอ้... เอ่อ... ไอ้เฉียงฉงชิ่ง!(ใครตั้งชื่อให้มันครับถามจริง -_-*)
ฟุบ!
ผมรีบกระโจนเข้าพุ่มไม้รกข้างทาง อะจ๊าก! ตะปู =[]= เกือบตูดแหกแล้วไหมล่ะตู เมื่อเสียงฝีเท่าใหญ่ๆไปแล้วผมจึงลองแง้มพุ่มไม้ออกมาดูเล็กน้อยเพื่อเช็คว่าไอ้ฉู่ฉี่นั่นไปแล้วหรือยัง(ขออนุญาตเปลี่ยนชื่อมันหน่อย = =)
“แฮก... แฮก... โอย เหนื่อยจัง”
สะ... เสียงนี้ =_=lll
ผมจำได้ นี่มันเสียงของยัยนานามิ ตอนนี้เธอยืนอยู่ใกล้ๆพุ่มไม้ที่ผมซ้อนอยู่ แต่ที่ทำเอาผมสะดุ้งโหยงไม่ใช่เพราะตอนนี้หุ่นตอนโชกเหงื่อเซ็กซี่ซะเลือดพุ่ง แต่เป็นเพราะไอ้ฉู่ฉี่มันเจือกย้อนศรวิ่งกลับมาทางนี้อีกกกกก!!!!!!!!
ผมรีบใช้แขนข้างหนึ่งคว้าเอวคอดของยัยนั่นให้เข้ามาในพุ่มไม้รกพร้อมรวบแขนไว้ด้วยเลย ส่วนมืออีกข้างปิดปากกันไว้ไม่ให้ร้องออกมา ตอนแรกก็ดิ้นสู้อยู่หรอกนะแต่พอเห็นหน้าผมถึงได้หยุด =____=;; ฮู้ววว... โชคดีไป เมื่อกี้ไอ้ฉู่ฉี่เกือบหันมามองแล้วไหมล่ะ ผมลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก ค่อยๆคลายวงแขนออกแล้วเปลี่ยนมานั่งยันพื้นแทน
“เกือบไปแล้วให้ตายสิ”
“นั่นสิเนอะ ฮะๆๆ”
ผมเหลือบมองเธอเล็กน้อย พึ่งรอดตายมาแท้ๆยังจะหัวเราะอีก... ตะ... แต่จะว่าไป... เมื่อกี้ผม... เอ่อ... กอดยัยนั่นโดยบังเอิญเหรอ =//[]//=;; อ้ากกกกก! แล้วนี่แกจะคิดฟุ้งซ่านอะไรนักหนาวะไซจิ! ยุบหนอพองหนอ... ยุบหนอพองหนอ... ยุ..
ท... ทะ...ที่... ที่มือของยัยนั่น!!!
พรึ่บ!
“อ๊ะ! ซ.. ไซ...”
“เงียบ...”
ผมพูดเสียงเรียบ... แต่สายตากลับเย็นชาจนคนตรงหน้าก้มหน้าลงไม่หน้ามาสบตากับผม ผมยังคงมองยัยนั่นด้วยสายตาเดิมแล้วลุกขึ้นโดยที่ฉุดให้เธอลุกตามแล้วพา(ลาก)เดินไปตามทางเพื่อหาร้านขายยา... เมื่อกี้ผมไปเห็นมือข้างที่เป็นแผลจากเรื่องเมื่อวาน ถึงจะพันผ้าพันแผลไว้แล้วแต่มันมีเลือดไหลซึมออกมาด้วย ยิ่งพอผมคว้าข้อมือนานามิดูจากสีหน้าก็รู้ว่าปวดแผลด้วย บ้าชะมัด... พอเห็นแผลนั่นก็รู้สึกโมโหขึ้นมาซะเฉยๆ... ไอ้โทยะที่เอาเท้ามาเหยียบหัวผม... สำหรับผู้ชายมันเป็นการหยาบศักดิ์ศรีที่สุด! และไหนจะทำซะพวกผมนวมซะ ถ้าเรียวไม่เข้ามาปานนี้คงตายกันไปแล้ว อีกอย่าง... ยัยนี่ก็ดันมาเจ็บมือซะจนเกือบไม่ได้มาแสดง...
“ขอบคุณที่ใช้บริการ โอกาสหน้าเชิญใหม่นะคะ”
“ครับ”
ผมพยักหน้าแล้วรับยามาจะเดินไปหานานามินี่นั่งรออยู่ที่โซฟา แต่อยู่ๆเจ๊เภสัชก็ฉุดแขนเสื้อผมแล้วกระซิบข้างหูทำเอาผมสยิวไปถึงตับ =[]=;;
“แหม เธอนี่น่ารักจริงเลยนะ แฟนเจ็บก็มาซื้อยาให้ *O* แบบนี้รักกันยาวแน่นอนจ้ะ เว้นแต่ฝ่ายหญิงจะเบื่อซะ...”
หึๆๆ สงสัยใช่ไหมว่าทำไมเจ๊แกชะงักกึกเป็นเครื่องเล่นทำแผ่นสะดุด บอกก็ได้เพราะอะไร... ผมนี่แหละ! ระหว่างที่เจ๊แกแพล่มอยู่นั่นผมค่อยๆรวบรวมพลังธรรมชาติและมนต์ดำแถวนั้นก่อเกิดเป็นรังสีอำมหิตดำทมึนทึนทึกรอบตัวพร้อมแสยะยิ้มแบบหมีพร้อมขย้ำคอเหยื่อ =w=+++
“อย่ามาพูดพล่อยๆนะเจ๊... ผมกับยัยนั่นเป็นเพื่อนร่วมวงกันต่างหาก...”
ผมพูดพร้อมเดินจากไป ทิ้งให้เจ๊แกแข็งอึ้งเป็นอนุสรให้นกมาขี้ หมามาฉี่ใส่ อยู่ตรงนั้น 3 วินาทีก่อนจะกลับมาทำงานเป็นเภสัชเช่นเดิมแต่หามีความสดใสไม่ - -+ โฮะๆๆ ให้รู้ซะบ้างว่าอย่าแพล่มมั่วๆ (โฮะๆ = =??)
“ส่งมือมา”
“อะ... อือ”
นานามิพยักหน้าแล้วยื่นมือมาให้ ผมแกะเอาผ้าพันแผลอันเก่าทิ้ง แผลบวมอย่างที่ผมคิดจริงๆด้วย แถมเลือดก็ออกอีก ผมหยิบสำลีมาซับเลือดออกแล้วเทแอกอฮอลล์พร้อมเช็ดรอบๆแผล จากนั้นก็ลงแดง... เอ๊ย! ไม่ใช่ๆๆ มุขครับมุข อย่างพึ่งทำหน้างั้นสิ =[]=^ ผมทาทิงเจอร์ที่แผลแล้วเอาผ้ากอซมาแปะแล้วพันผ้าพันแผลเป็นอันเสร็จเรียบร้อย
“หลังจากนี้รอให้แผลเธอดีขึ้นแล้วค่อยไปซ้อมกลอง แต่ยังไงก็ต้องไปที่ชมรมเหมือนทุกๆวันเข้าใจไหม”
“อืม!”
“...”
“ขอบคุณนะไซจิคุง”
ตึกตัง... ตึกตัง...
มะ... มันเอาอีกแล้ว... หัวใจนี่... มันเต้นแรงอีกแล้ว...
“ย... ยะ... ย... ยัยบ้าเอ๊ย! ยิ้มทำไม ฉันแค่ทำเพราะถ้ามือเธอมีปัญหามันจะไม่ดีต่อวงเราต่างหาก! -_-^”
“ไม่เป็นไรหรอก ยังไงเธอก็ทำแผลให้ฉัน ขอบคุณนะไซจิคุง”
“รู้แล้ว เธอจะย้ำทำไมฮึ!”
ผมพูดแล้วสะบัดหน้าหนี ยิ่งทำให้ยัยนั่นยิ้มจนตาหยี แต่สำหรับไอ้เสียงหัวเราะคิกคักๆน่ะไม่ใช่ของยัยนี่นะ... แต่เป็นเจ๊เภสัชที่คราวนี้ยกพลทั้งหน่วยมาดูผมชี้ๆหัวเราะกันใหญ่ ซึ่งผมจึงต้องส่งสายตาอยากฆ่าชาวบ้าน ( - -)++ ถึงจะหยุดแล้วทำงานของตัวเองแต่ก็ยังไม่ละสายตาจากผมอยู่ดี
หึๆๆ เชิญหัวเราะกันให้หนำใจไปเล้ย! เพราะอีกไม่นานผมจะไปฟ้องลุงให้มาเซ้งที่นี่ไปเป็นคลินิกรักษาหมา คราวนี้ได้น้ำตาเช็ดหัวเข่าแน่ วะฮะฮ่าๆๆ!!!!!! ^0^+++(ชั๊วชั่ว = =)
ยุนอา(มั้ง) - ใครไม่เม้นฉันจะดื่มจนตาย เอิ๊ก! =o=
ความคิดเห็น