ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เจ้าสาว(ตัวร้าย)ม.ปลายที่รัก

    ลำดับตอนที่ #12 : บทที่11ก่อนถึงวันวิวาห์

    • อัปเดตล่าสุด 31 ธ.ค. 60


    บทที่11ก่อนถึงวันวิวาห์


    ก่อนวันแต่งงานหนึ่งอาทิตย์

    "เหนื่อยเป็นบ้าเลย น้ำๆๆๆ ไอ้พลายหิวน้ำ" เสียงงอแงอันโรยแรงของพายัพเมฆดังเข้ามาในห้องครัวจนพิมพ์ชนกที่ยืนดูคุณนายนารารินทำแกงเลียงอยู่หูผึ่ง หนึ่งอาทิตย์แล้วที่เธอไม่ได้ยินเสียงนี้

    "พริกไทยช่วยเอาน้ำไปให้พี่เขาหน่อยนะลูก" คุณนายนารารินส่งเสียงบอกทำให้เด็กสาวพยักหน้าหงึกหงักก่อนที่จะเดินไปหยิบขวดน้ำเดินออกจากห้องครัวไป

    เด็กสาวออกจากโรงพยาบาลมาได้หนึ่งอาทิตย์แล้วอาการดีขึ้นแต่ก็ยังเดินหรือวิ่งเร็วๆไม่ได้ กว่าหนึ่งอาทิตย์ที่ออกจากโรงพยาบาลมาคนที่คอยไปหาที่โรงพยาบาลคนนั้นก็หายไปไม่มาให้เห็นตัวเลย จนเป็นเธอซะเองที่ทนไม่ไหวมานั่งมาเล่นอยู่บ้านเขาเองแต่กระนั้นคนๆนั้นก็ไม่กลับมาบ้านเลย

    "น้ำค่ะ" พิมพ์ชนกที่เดินออกมาถึงห้องรับแขกยื่นน้ำให้พลางลอบสังเกตสภาพของว่าที่เจ้าบ่าวในอีกหนึ่งอาทิตย์ข้างหน้า สภาพของคนตรงหน้าเรียกได้ว่าโทรมแต่ก็หล่อ "ไปทำอะไรมาเนี่ย สภาพดูไม่ได้เลย"

    เสียงถามของพิมพ์ชนกทำให้พายัพเมฆถอนหายใจพรืด จะให้เขาตอบไปตรงๆจากใจเธอได้โกรธเขาน่ะซิ 

    หนึ่งอาทิตย์ก่อน

    "ภารกิจคุ้มกันพยานในครั้งนี้หวังว่านายจะไม่ทำให้อาผิดหวังนะพายัพเมฆ" ธนกฤตเอ่ยบอกก่อนจะยิ้มอย่างสะใจ

    "ครับนาย" คนเป็นลูกน้องใต้บังคับบัญชากัดฟันตอบรับ เขาได้รับคำสั่งให้ไปคุ้มกันพยานปากเอกในคดีใหญ่คดีหนึ่ง ถ้าคุ้มกันพยานธรรมดาเขาจะไม่ปฏิเสธเลย แต่นี้ว่าที่พ่อตาตัวดีมอบหมายให้เขาไปคุ้มกันกะเทยร่างยักษ์ถึงสองคน 'แกล้งกันเกินไปแล้วเว้ยยยย'

    "อ๋อๆ พวกเขาต้องทำตัวให้เป็นปกติที่สุกเพราะฉะนั้นนายต้องตามติดพวกเขาไปทุกๆที่ไม่ว่าเขาจะพากันไปไหน" ธนกฤตเอ่ยบอกแล้วก็ยิ้ม "แม้แต่เข้าบาร์เกย์ หรือพบปะเพื่อนเพศเดียวกันนายก็ต้องไปกับเขา เข้าใจมั้ย"

    "เข้าใจครับ" ตอบกลับเสียงเข้มก่อนที่จะทำความเคารพแล้วออกจากห้องไป

    แต่ไม่วายได้ยินเสียงหัวเราะตามไล่หลังมา"ฮะฮะฮะ" 

    เสียงหัวเราะอันแสนสะใจของธนกฤตยังคงติดอยู่ในหัวให้พายัพเมฆได้ชัง อาธามนะอาธามให้เขาไปทำอะไรไม่ทำให้ไปตามดูแลกะเทยสองคนจนเกือบรักษาประตูหลังไว้ไม่รอด นี่คงกะจะให้เขาเสียท่าทางหลังแล้วยกเลิกงานแต่งเลยใช่มั้ย

    "คนพูดด้วยก็ไม่ตอบ ชิ" เสียงแสดงความแง่งอนของพิมพ์ชนกดังเข้ามาในหูก่อนที่เขาจะเห็นร่างบางสะบัดผมใส่แล้วก้าวเดินไปทางห้องครัว

    "อย่าเพิ่งงอนซิ เค๊าเรียบเรียงคำพูดอยู่" คนโดนว่าที่พ่อตากลั่นแกล้งเอ่ยบอกก่อนที่จะดึงแขนเด็กสาวไว้ "คือนายสั่งไปคุ้มกับพยานน่ะ"

    "พยานผู้หญิงเหรอถึงได้ทำให้สภาพโทรมแบบนี้" น้ำเสียงถามธรรมดาแต่แววตาไม่ชอบใจถูกส่งมาให้

    "ไม่ใช่หรอก แต่เป็นผู้ชายที่มีใจเป็นผู้หญิง"  พายัพเมฆบอกแล้วก็ถอนหายใจ "อาทิตย์นึงมาเนี่ยนอกจากปกป้องพยานแล้วเค๊าต้องปกป้องอธิปไตยของตัวเองด้วย พ่อตัวเองน่ะแกล้งเค๊า"

    "อุก คิกๆๆๆ" คนคิดตามที่หนุ่มใหญ่บอกถึงกับกลั้นขกไม่อยู่หลุดหัวเราะคิกคิกออกมา "แล้วตัวเองเสียอธิปไตยให้พวกเขารึเปล่า ถ้าเสียแล้วเค๊าไม่แต่งด้วยนะบอกให้ คิกๆ"

    "ยังจะมาหัวเราะอีก รู้มั้ยเนี่ยว่าเค๊าต้องเจอกับอะไรมาบ้าง ถ้าเค๊าใจไม่สู้พอป่านนี่กลายเป็นสามีเกย์กับกะเทยไปแล้ว" พายัพเมฆพูดด้วยสีหน้าบูดบึ่ง คิดถึงการถูกลากเข้าบาร์เกย์แล้วขนลุกไม่หาย มันช่างน่ากลัวจนอยากจะอาเจียน

    "คิกๆ ไหนเล่าให้ฟังหน่อยเจออะไรมาบ้าง" เด็กสาวถามอย่างนึกสนุก "เร็วๆจะเอาไปเล่าให้แม่ขาฟัง แม่พริกขาจะได้เอาไปแต่งนิยาย"

    "เหอๆ เล่าให้พ่อกับแม่ตัวเองมาหัวเราะเยาะเค๊าซิไม่ว่า" พายัพเมฆว่าด้วยท่าทีแสนงอน

    "เล่าให้ฟังหน่อยนะ นะพลายพลาย" เด็กสาวอ้อนพร้อมทำตาปริบๆ

    "เออๆ ไม่ค้องมาทำตาปริบๆใส่ จะเล่าให้ตัวเองฟังเดี๋ยวนี้แหละ" คนโดนอ้อนบอกก่อนที่จะเล่าให้เด็กสาวฟัง "สองคนนั้นลากเค๊าเข้าบาร์เกย์ แล้วมีเพื่อนมาแจมด้วยอีกสามสี่คนพวกเขามาลวนลามเค๊า..."

    กว่าที่จะเล่าจบพิมพ์ชนกก็หัวเราะแล้วหัวเราะอีกจนท้องแข็ง "น่าสงสารอะ"

    "สงสารแต่หัวเราะลั่นบ้าน เชอะ" พายัพเมฆได้แต่บอกอย่างหมั่นไส้พลางมองใบหน้าขาวผ่องของพิมพ์ชนกอย่างสำรวจ "ออร่าเจ้าสาวจับเชียว แม่นุชพาไปทำอะไรมาบ้างเนี่ย"

    พิมพ์ชนกหุบยิ้มหันซ้ายหันขวาแล้วขยับเข้ามากระซิบบอก "ป้านุชใจร้ายอ่า จับไปขัดๆถูๆจนแสบตัวไปหมดเลย"

    "เดี๋ยวจะบอกแม่ว่าตัวเองนินทา แม่อุบ" พายัพเมฆบอกก่อนที่จะส่งเสียงดังแต่โดนพิมพ์ชนกยกมือขึ้นปิดปากซะก่อน

    "ให้ห้าร้อยอย่าบอกป้านุชนะ" เธอบอก

    "ห้าพันก็ไม่เอา" ว่าพลางส่ายหน้า

    "ตัวเองอ่ะ" พายัพเมฆกลั้นขำกับท่าทีแสนงอนก่อนที่จะเอ่ยบอก "ให้หอมก่อนแล้วจะไม่บอก"

    "ให้หอมแล้วจะไม่บอกจริงๆนะ" เด็กสาวถามย้ำ

    เขาพยักหน้า "ลูกผู้ชายคำไหนคำนั้น"

    "งั้นรอแป๊บ" พิมพ์ชนกบอกก่อนที่จะหายกลับเข้าไปในห้องครัวแล้วกลับเข้ามาพร้อมหอมหัวใหญ่ "อะ ให้หอมแล้ว อย่าบอกป้านุชนะ"

    "ไม่ใช่หอมนี้" พายัพเมฆถอนหายใจพรืดกับแม่คนหัวหมอแสร้งใสซื่อ

    "ก็ตัวเองไม่พูดให้ชัดนิ ไม่เกี่ยว ถือว่าเค๊าให้หอมแล้ว ตัวเองห้ามบอกป้านุชนะ ไม่งั้นเค๊าจะหนีงานแต่งให้ตัวเองได้ขายหน้าเลย" พิมพ์ชนกบอกก่อนที่จะเดินหนีกลับเข้าห้องครัวเองครั้ง

    "โอ๊ย คอยดูนะแต่งงานกันไปเค๊าจะไม่ยอมให้ตัวเองทำแบบนี้" พายัพเมฆเอ่ยเงียบๆก่อนที่จะกินน้ำ นี่แค่กลับมามองหน้าว่าที่เมียเท่านั้น เขายังมีภารกิจที่ต้องทำอีก ธนกฤตช่างกลั่นแกล้งรังแกเขายิ่งนัก




    ต่ออีก20% เป็น40%

    เวลา1อาทิตย์ก่อนวันแต่งงานเป็นเวลาให้พิมพ์ชนกได้ขบคิดหลายๆเรื่อง และการได้นั่งขบคิดทำให้ในที่สุดเธอตัดสินใจทำอะไรบางอย่าง การตัดสินใจของเธอครั้งนี้เป็นการวัดใจ ชีวิตเธอจะไปทางไหนแล้วแต่พระพรหมเป็นผู้กำหนดแล้วกัน

    ก่อนวันแต่งงาน1วัน

    "พริกไทยของพ่อ โธ่ หนูไม่อยากแต่งงานทำไมไม่บอกล่ะลูก ทำไมต้องหนีไปแบบนี้ แล้วป่านนี้ไม่รู้เป็นยังไงบ้าง เพราะความเผด็จการของนายเลยเพลิง" เสียงตัดพ้อต่อว่าเศร้าๆของธนกฤตดังขึ้นก่อนที่จะขยำกระดาษในมือทิ้งแล้วชี้หน้าไปเพลิงตะวันและพายพเมฆ "ฉันจะไปตาหาลูก เจอเมื่อไหรฉันจะให้ลูกไปอยู่กับพ่อแม่ฉัน พวกนายพ่อลูกจะไม่มีวันได้เผด็จการใส่ลูกสาวฉันอีก"

    "ธาม ธาม ไอ้ธาม" เพลิงตะวันเรียกแต่ธนกฤตกลับเดินออกจากบ้านไปอย่างไม่สนใจ "เอาจนได้ซินา ไอ้บ้าธามมันสร้างเรื่อจนได้"

    "ผมไม่ยอมให้อาธามพาพริกไทยไปจากที่นี่ ผมไม่ยอม" พายัพเมฆเอ่ยก่อนที่จะก้มลงหยิบก้อนกระดาษคลี่ออกอ่านข้อความในนั้นอีกครั้ง มันคือจดหมายของพิมพ์ชนก จดหมายที่เด็กสาวทิ้งไว้ก่อนที่จะหนีไป

    "ถึงทุกคนที่พริกไทยคิดมาหลายวันแล้วค่ะ พริกไทยไม่อยากแต่งงานกับพี่พลาย ข้อแรกคือพริกไทยยังเป็นนักเรียนอยู่เลย ข้อสองคืออายุค่ะพริกไทยกับพี่พลายอายุห่างกันเป็น20ปีเราไม่มีอะไรที่เหมือนกันเลย ที่สำคัญคือเราไม่ได้รักกัน พริกไทยเชื่อว่าคนที่รักกันเท่านั้นที่สมควรจะแต่งงานกัน พริกไทยรูู้ว่าถ้าบอกไปลุงเพลิงคงไม่ยอมยกเลิกงานแต่งแน่นอน พริกไทยจึงตัดสินใจเลือกวิธีนี้ ขอโทษทุกคนที่ได้รับผลเสียจากการตัดสินใจของพริกไทยด้วยนะคะ ปล. พริกไทยตัดสินใจแล้วก็จริงแต่ถ้าสามารถหาพริกไทยเจอก่อนวันแต่งงานเริกไทยก็จะยอมเข้าพิธีแต่งงานกับพี่พลายและถือว่าสวรรค์ท่านต้องการให้เป็นแบบนั้น"

    "ผมจะตามหาพริกไทยกลับมาให้ได้ก่อนวันแต่ง และจะหาให้เจอก่อนอาธามด้วย" พายัพเมฆบอกก่อนที่จะเดินออกไปจากห้อง ทิ้งให้เพลิงตะวัน นาราริน และพิมพ์ลภัสยืนมองตามหลังไปอยู่อย่างนั้น

    "เกิดอะไรขึ้นพริกหวาน" นารารินถามเมื่อในห้องไม่เหลือใครคนอื่นแล้วนอกจากเธอสามคน เช้าวันนี้พิมพ์ลภัสเข้าไปปลุกลูกสาวที่ห้องแค่กลับไม่เจอคนเจอเพียงจดหมายฉบับที่ตอนนี้พายัพเมฆพาติดตัวไปด้วย ธนกฤตมาโวยวายใส่เพลิงตะวันทันทีที่เห็นจดหมายนั่นแต่มีเหรอที่เธอกับเพลิงตะวันจะไม่รู้ว่ามันต้องมีเบื้องลึกเบื้องหลังแน่ๆ

    "พี่ธามเป่าหูพริกไทยให้หนีออกจากบ้านดีกว่าแต่งงานกับผู้ชายที่เขาไม่ได้รักเรา" พิมพ์ลภัสบอกแต่ท่าทีของเธอยังคงนิ่งเฉยไม่ทุกข์ไม่ร้อน

    "ร้ายจริงไอ้ธามนี่ เอาจนได้ซิมัน" เพลิงตะวันพูดแล้วส่ายหน้า เขาคิดไว้แล้วว่าธนกฤตคงไม่ยอมง่ายขนาดนี้ อุตส่าห์กะจะให้พายัพเมฆเฝ้าเด็กสาวไว้แล้วเชียวเจ้าเพื่อนตัวดีก็มาสั่งงานพายัพเมฆจนหาเวลากลับบ้านยังไม่ได้

    "หวังว่าพลายมันจะเจอหนูพริกไทยก่อนไอ้ธามนะ" เพลิงตะวันเอ่ยก่อนที่จะถอนหายใจพรืด ในใจภาวนาให้เป็นอย่างนั้น

    ทางด้านพายัพเมฆเดินมาที่รถมอเตอร์ไซค์ของตัวเองแล้วขบคิดว่าพิมพ์ชนกจะไปที่ไหน ที่ไหนที่เขาและคนอื่นๆจะไม่รู้และไม่คิดว่าเธอจะไป ที่ไหนนะ ที่ไหน

    "นี่ๆพริกไทยรู้เปล่า พ่อของนักเรียนใหม่เปิดรีสอร์ทอยู่ที่พัทยาด้วยแหละ รีสอร์ทสวยมากเลยเสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมาเขาชวนพวกเราไปเที่ยว"

    "นั้นซิ อยากให้พริกไทยไปเห็นบ้างจัง"

    "ภาดา นักเรียนใหม่นั่นเหรอ"

    "ใช่ๆ"

    เสียงสนทนาเมื่อหลายอาทิตย์ก่อนดังแว่วเข้ามาในหัวของพายัพเมฆเหมือนกับนึกขึ้นได้ ตอนที่พิมพ์ชนกอยู่โรงพยาบาลสองเพื่อนสนิทศศิกานค์และชมพูนุชของเด็กสาวมาเยี่ยมและเล่าให้เด็กสาวฟังเกี่ยวกับรีสอร์ทขอฃนักเรียนใหม่

    ใบหน้าของนักเรียนใหม่ที่เขาเห็นในวันที่พิมพ์ชนกถูกยิงลอยเข้ามาในหัว อาจจะเป็นไปได้ที่พิมพ์ชนกจะไปที่นั้น มือหน้าคว้าสมาร์ทโฟนในกระเป๋าชึ้นมากดหมายเลขโทรออกทันที

    "หนึ่ง นายถามน้องสาวนายให้ที่รีสอร์ทของนักเรียนใหม่ที่ชื่อภาดาอยู่ไหน" พายัพเมฆเอ่ยบอกปลายสายในเชิงสั่ง คนในสายคือเรือเอกศศิเดช ผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาซึ่งเป็นพี่ชายของศศิกานต์

    ไม่นานปลายสายก็ตอบกลับมา ทันทีที่ได้คำตอบพายัพเมฆก็หยิบหมวกกันน็อตขึ้นมาสวมทันทีก่อนที่จะพารถมอเตอร์ไซค์คันโปรดพุ่งทะยานออกไป

    ไม่นานต่อมาร่างสูงใหญ่ของพายัพเมฆก็ก้าวฉับๆเข้ามายืนหน้าประตูห้องพักห้องหนึ่งในรีสอร์ทริมทะเล จากการสอบถามพนักงานจึงได้รู้ว่าพิมพ์ชนกอาจจะพักอยู่ที่นี่

    ก็อกๆๆ

    เขาเคาะประตูก่อนที่ประตูนั้นจะถูกเปิดออกด้วยฝีมือของเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่เขาจำได้ว่านายคนนี้คือนักเรียนใหม่ที่พิมพ์ชนกกับเพื่อนพูดถึงกัน มือหนากำแน่น 'ไอ้เด็กนี่มาอยู่ในห้องนี้ได้ยังไง'

    "มาหาใครครับ" ภาดาเอ่ยถามพลางขมวดคิ้วเป็นปม เขาคลับคล้ายคลับคลาว่าเคยเห็นคนที่ยืนอยู่หน้าประตูนี่ที่ไหนมาก่อน

    "ใครมาเหรอภาดา" เสียงหวานร้องถามก่อนที่จะเดินออกมาดู "พี่พลาย"

    "รู้จักเหรอ?" ภาดาถามแล้วพิมพ์ชนกก็พยักหน้า "งั้นก็คุยกันไปละกัน เราไปล่ะ"

    นาทีต่อมาภาดาจึงเดินออกจากห้องไปและพายัพเมฆก็แทรกตัวเข้ามายืนในห้อง ใบหน้าเคร่งเครียด ไม่รู้ว่าโกรธที่เธอหนีหรือหึงที่เห็นไอ้เด็กภาดานั่นออกจากห้องของเธอกันแน่

    พิมพ์ชนกหลบตาเมื่อเห็นใบหน้าเคร่งเครียดของเขาพลางนึกย้อนไปถึงช่วงเวลาก่อนที่เธอจะตัดสินใจหนีออกจากบ้านมา

    "หนูรักพลายมั้ยพริกไทย" คำถามตรงๆถูกส่งมาจากปากของคนเป็นพ่อจนพิมพ์ชนกต้องอ้าปากค้างอย่างตกใจ 

    "ว่าไงหนูรักนายพลายมั้ย" ธนกฤตถามย้ำในขณะที่พิมพ์ชนกนิ่งไปราวกับคิดหาคำตอบ

    "หนูไม่..." "ไม่รักงั้นหนีงานแต่งมั้ยลูก หนูไปสักพักแล้วพอพ่อหาเจอพ่อจะส่งหนูไปอยู่กับคุณย่าคุณยาย ไม่ให้ลุงเพลิงมาบังคับหนูอีก" ธนกฤตเอ่ยบอกก่อนที่เด็กสาวจะได้ตอบจนหมด พิมพ์ชนกอ้าปากค้างเธอไม่ได้จะบอกว่าไม่รักแต่จะบอกว่าไม่รู้ต่างหากล่ะ

    "แต่..." "ไม่ต้องแต่ลูก พ่ออยากให้หนูมีความสุขกว่าการแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รัก พลายไม่ได้รับหนูเลย มันเองก็ถูกบังคับ สู้เราจบแบบนี้ดีกว่า" คำพูดนั้นทำให้พิมพ์ชนกหุบปากนั่งคิด ธนกฤตวงเงินจำนวนหนึ่งลงบนเตียงของลูกสาวแล้วเอ่ยบอกก่อนที่จะเดินจากไป "พ่อให้หนูเลือกเองนะจะอยู่ หรือจะยังไง"

    พิมพ์ชนกนั่งคิดอยู่ร่วมชั่วโมงแต่ก็ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะทำตามที่คนเป็นพ่อบอกดีหรือไม่

    "พริกไทย" เสียงหวานเอ่ยเรียกก่อนที่ร่างของพิมพ์ลภัสจะก้าวเข้าห้องมาหาบุตรสาว เธอได้ยินที่สองพ่อลูกคุยกันแล้วแต่ให้เวลาพิมพ์ชนกได้คิด

    "แม่ขา" เด็กสาวเรียกแล้วก็กอดร่างของมารดา เวลาที่ต้องตัดสินใจอะไรเธอชอบที่จะเข้ามากอดมารดาไว้

    "ลูกไม่รู้ว่าลูกจะตัดสินใจยังไงใช่มั้ย ใจนึงก็อยากจะไปเพราะคิดว่านไม่รักกันจะแต่งงานกันไปทำไม อีกใจนึงอยากจะอยู่ลองใช้ชีวิตกับพลายดูและก็กลัวลุงเพลิงจะต้องขายหน้าที่เจ้าสาวลูกชายหาย" พิมพ์ลภัสถามอย่างรู้ใจคนเป็นลูก "ไม่ลองเสี่ยงดูล่ะ หายตัวไปสักพักถ้าถูกเจอก่อนวันแต่งก็ถือว่าหนูกับพลายมีชะตาต้องแต่งงานกัน แต่ถ้าไม่มีใครหาเจอก็ถือว่าไร้วาสนาต่อกันไป"

    "แล้วถ้าเขาหาเจอล่ะ ลูกกับพี่พลายไม่มีอะไรยืนยันเลยว่าชีวิตคู่จะไปรอด อายุก็ห่างกันตั้งเยอะ" เด็กสาวบอก

    "ถ้าเขาตามเจอก็ถือซะว่าพระพรหมท่านกำหนดไว้แบบนั้น ก็ลองใช้ชีวิตกันไป อายุไม่ใช่อุปสรรคของความรักและชีว้ตคู่ พ่อขากับแม่ขาก็ไม่ได้แต่งงานกันเพราะความรัก เราไม่รู้จักกันมากกว่าที่ได้ยินคนอื่นเล่าเลยด้วยซ้ำแต่เราก็รักกันได้จนถึงวันนี้ แล้วทำไมหนูกับพลายจะเป็นไปไม่ได้ พลายเขาช่วยพ่อกับแม่ดูแลหนูมาแต่เล็ก หนูกับพี่เขารู้จักกันมาเท่าชีวิตหนู แม่เชื่อว่าถ้าได้เปิดใจยังไงก็รักกันได้" พิมพ์ลภัสบอกก่อนที่จะกอดตอบเงียบๆปล่อยให้เด็กสาวได้ขบคิด

    "ลูกจะทำตามที่แม่ขาเสนอค่ะ" เด็กสาวบอกอย่างตัดสินใจได้ แต่ไม่รู้ทำไมใจลึกๆเชื่อว่าพายัพเมฆจะตามหาเธอเองดละจะตามเจอด้วย

    และแล้วผลก็ออกมาตามที่เธอคาด พายัพเมฆเป็นคนตามหาเธอเจอจนได้

    ต่ออีก60%

    พายัพเมฆมองคนที่หลบตาแล้วเดินไปนั่งที่เตียงนอนยกมือกอดอกแล้วทำหน้าแสนงอน

    'ซะงั้น' พิมพ์ชนกคิดแล้วยกมือขึ้นเกาศีรษะ 'แล้วต้องง้อเหรอ'

    'มาง้อดิ มาง้อ' พายัพเมฆคิดแต่ใบหน้ายังคงดัดจริตว่างอนเหลือเกินแอบปลายตามองแล้งส่งกระแสจิตให้มาง้อเขาเดี๋ยวนี้

    "เด็กนิสัยไม่ดี" ว่าให้แล้วก็ทำงอนหนักกว่าเดิมจนเด็กนิสัยไม่ดีถึงกับงง

    "ถ้าเค๊าเป็นเด็กนิสัยไม่ดี ตัวเองก็ผู้ใหญ่เพี้ยนแล้ว" เด็กสาวบอก "คนอะไรเดินมางอนเขาถึงที่ ไม่มีความเป็นผู้ใหญ่เลย"

    "เชอะ" 

    "เชอะมาก็เชอะกลับ เชอะ"

    และแล้วทั้งสองก็หันหลังให้กันเด็กสาวเดินออกไปนั่งที่ระเบียงห้องไม่สนใจคนมางอนซะอย่างนั้น

    "เด็กดื้อ ไม่ได้ดั่งใจเลย" พายัพเมฆพูดแล้วก็นั่งอยู่บนเตียงอยู่แบบนั้น เขาจะไม่ง้อ ไม่ง้อๆๆๆ ไม่ง้อหรอก

    พายัพเมฆเคยได้ยินมาว่าคบหาเด็กอายุน้อยกว่าบางทีก็ทำให้เราทำตัวเด็กไปด้วย เขาเพิ่งเห็นวันนี้แหละว่าจริง วันนี้เขาทำตัวเป็นเด็กๆงอนใส่เด็กไปซะงั้น แถมเด็กยังไม่ง้ออีกต่างหาก แต่เขาจะไม่ง้อก่อน ไม่มีทางล่ะ

    2ชั่วโมงต่อมา

    พายัพเมฆไม่ใช่คนที่ยอมใครง่ายๆหรือยอมอ่อนให้ใครมากนัก พิมพ์ชนกก็เช่นกัน ทั้งสองจะไม่ง้อใครถ้าตัวเองไม่ผิด นั่นคือสิ่งที่ทั้งสองมีเหมือนกันแต่ยังไม่เคยแสดงออกให้เห็นมากนัก

    เมื่อพิมพ์ชนกไม่ยอมมาง้อ เขาก็ไม่มีเหตุผลที่ต้องคุยกับเธอก่อนเช่นกัน สองชั่วโมงที่เขานั่งอยู่ตรงนี้ ส่วนเธอเดินไปเดินมาแค่ก็ไม่สนใจเขาขนในที่สุดก็เป็นพายัพเมฆเองที่ทนไม่ไหว 'ที่ทนไม่ไหวเพราะเขารักเธอไง ส่วนที่พริกไทยยังนิ่งเพราะเด็กคนนั้นยังไม่เคยรู้จักความรักและไม่ได้รักเขา'

    ไลน์

    เสียงจากสมาร์ทโฟนทำให้พายัพเมฆที่จะก้าวไปหาพิมพ์ชนกต้องหยุดแล้วเปิดอ่าน

    พ่อเพลิง : หาน้องเจอรึยังพลาย

    พลาย : เจอแล้วครับ ว่าจะพากลับพอดี

    พ่อเพลิง : อย่าเพิ่งพามารอให้ค่ำก่อน พามาตอนนี้ธามได้ฉกลูกหนีอีก

    พลาย : แล้วให้ทำไงอะ

    พ่อเพลิง : รอให้ค่ำค่อยกลับมา ค่อยพูดให้ธามเข้าใจไปว่าหนูพริกไทยตกเป็นของแกแล้ว คราวนี้มันยังขัดก็คงได้ยกแม่น้ำทั้งห้ามาพูดแล้ว

    พลาย : อาธามจะไม่ยิงผมทิ้งเหรอแบบนั้น

    พ่อเพลิง : ไม่หรอกน่า ธามมันรักแกนะพลาย รักเหมือนลูกคนนึง

    พลาย : แต่ก็ไม่ใช่ลูกแท้ๆนิ

    พ่อเพลิง : เชื่อพ่อน่าพลาย ไอ้ธามไม่ทำอะไรหรอกแค่จะเจ็บจี๊ด กระฟัดกระเฟียดหน่อยๆ แล้วก็ไปชักดิ้นชักงอที่บ้าน แต่ก็ยอมให้พริกไทยแต่งงานกับแก

    พลาย : เชื่อได้เหรอ

    เพลิง : ไม่เชื่อพ่อแล้วแกจะเชื่อใครวะ เชื่อพ่อดิ พ่อเคยมา ตาแกน่ะหวงลูกสาวยิ่งกว่าไอ้ธามอีก พ่อยังรอดมาได้

    พลาย : นั่นเพราะพ่อทำแม่ท้องพี่พีมไม่ใช่เหรอตาถึงไม่ทำไรพ่อ

    พ่อเพลิง : อย่ามาย้อน ธามมันมีเหตุผลกว่าตาแกเยอะ ความรักลูกก็มากกว่า มันไม่ยอมให้ลูกสาวโดนกินฟรีหรอก

    พลาย : แน่นะ

    พ่อเพลิง : คิดจะรักลูกเสือจะกลัวอะไรกับพ่อเสือ 

    พ่อเพลิง : ถ้าแกกลัวตายก็พาพริกไทยกลับมาคืนพ่อเขา แล้วชาตินี้อย่าหวังว่าจะได้เจอพริกไทยอีก

    พลาย : ใช่แล้ว คิดจะรักพริกไทย จะกลัวอะไรกับอาธาม ตามที่พ่อพูดเลยครับ

    พ่อเพลิง : ดี แค่นี้ล่ะ สามทุ่มค่อยพามา

    พลาย : ครับ

    พายัพเมฆถอนหายใจก่อนจะมองนาฬิกา มีเวลาอยู่ที่นี่อีกสี่ชั่วโมงเชียว นี่เขาหาพิมพ์ชนกเจอเร็วไปรึเปล่า 

    'ช่างเถอะ ไปง้อเด็กก่อนดีกว่า' คิดได้ดังนั้นผู้ใหญ่วัยกลางคนก็ก้าวเท้าเดินหมายจะเดินไปหาพิมพ์ชนกที่ตอนนี้นั่งอ่านหนังสืออยู่ระเบียงแต่เพราะความที่เขามัวแต่มองเด็กสาวจึงไม่ทันระวังลื่นล้มหงายหลังดังโครม "โอ๊ยยย"

    "พี่พลาย" เด็กสาวหันมองแล้วก็วิ่งเข้ามาดูเมื่อเห็นพ่อคนขี้งอนหงายหลังอยู่กับพื้น

    "โอ๊ย กระดูกกกก" คนล้มหงายหลังร้องอย่างสำออยเมื่อเห็นท่าทีแสนห่วงใยของว่าที่เจ้าสาว

    "เจ็บตรงไหน บอกเค๊ามา" เด็กสาวถามมองไปมองมาว่าคนไม่หนุ่มเท่าไหร่ของเธอเจ็บตรงไหนบ้าง

    "เจ็บไปหมดเลย" พายัพเมฆบอกทั้งที่จริงๆมันก็ไม่ได้เจ็บอะไรขนาดนั้น พิมพ์ชนกพยุงร่างของพายัพเมฆมานั่งบนเตียงอย่างทุลักทุเลแล้วมองสำรวจอีกที

    "มีตรงไหนแตกหักมั้ยเนี่ย ยิ่งแก่ๆอยู่" เด็กสาวว่าแต่คนฟังถึงกับจี๊ดในใจ ถูกปฏิเสธแบบไร้เยื่อใยจะเจ็บเท่าโดนปรามาสว่าแก่มั้ยเขายังไม่แน่ใจ

    "คำก็แก่ สองคำก็อายุมากกว่าเป็น20ปี พูดได้น่าน้อยใจมาก" คนขี้งอนบอกตอนนี้ชักเริ่มน้อยใจ ในจดหมายมีเพียงข้อความไม่กี่บรรทัดที่เขาฟังแล้วแสลงใจ หนึ่งไม่รัก สองอายุห่างกัน เธอรับไม่ได้เหรอที่จะต้องมีสามีแก่ แล้วคนแก่กว่าไม่มีหัวใจรึไงกัน

    "ก็พี่พลายอายุมากกว่าเค๊า20ปีจริงๆนิ สำหรับเด็กอายุสิบแปดน่ะพี่พลายแก่แล้ว" พิมพ์ชนกบอกแต่ยังคงสำรวจคนล้มหงายหลังต่อ

    "แก่กว่าแล้วไง รับไม่ได้ รังเกียจเหรอ" คนแก่ขี้งอน ขี้น้อยใจเกิดนึกแวะดราม่าเอ่ยบอก

    "ไม่ได้รังเกียจซะหน่อย" เด็กสาวบอกแล้วนั่งลงข้างๆ อารมณ์ไหนของพายัพเมฆอีกล่ะทีนี้

    "ไม่เชื่อหรอกว่าไม่รังเกียจ ถ้าไม่รังเกียจแล้วหนีทำไม ตัวเองรังเกียจที่จะต้องแต่งงานกับคนแก่กว่าเกือบสองรอบใช่มั้ยล่ะ พูดตรงๆมาเถอะ" พูดไปตามประสาคนมีความรักขี้น้อยใจแล้วก็หันหน้าหนี

    "เค๊าไม่ได้รังเกียจ เค๊าต้องทำยังไงตัวเองถึงจะเชื่อว่าเค๊าไม่ได้หนีเพราะรังเกียจ" คนโดนดราม่าใส่ถาม

    "ตัวเองทำไม่ได้หรอก" พูดแล้วก็ไม่หันกลับมามองใบหน้าหวาน ขบคิดหาวิธีพิสูจน์ว่าเด็กสาวรังเกียจเขามั้ย

    "ทำได้ เพื่อพิสูจน์ว่าเค๊าไม่ได้รังเกียจตัวเอง ตัวเองจะให้ทำอะไรได้หมดเลย" เด็กสาวบอก ก็ไม่รู้ทำไมตัวเองจะต้องแคร์ความรู้สึกพายัพเมฆขนาดนี้ด้วย

    "พิสูน์ซิ อยู่นิ่งๆให้เค๊าจูบ ถ้าตัวเองอยู่นิ่งได้เขาจะเชื่อ" 'ไหนๆก็ไหนๆล่ะขอฉวยโอกาสนิดๆหน่อยๆล่ะกัน'คนขี้น้อยใจบอกแต่ในใจเขากลับคิดอย่างเจ้าเล่ห์ร้ายกาจ กะล่อนเหลือคณานับ

    "ก็ได้" พิมพ์ชนกผู้รู้สึกแคร์ความรู้สึกพายัพเมฆเอ่ยบอกก่อนที่จะนั่งนิ่งๆหลับตาปี๋ พายัพเมฆยิ้มอ่อนๆก่อนที่จะเอียงหน้ามาจุมพิตที่ริมฝีปากบางคู่นั้นแล้วก็เพิ่มระดับความลึกซึ้งขึ้นจากการที่ปากแตะปากเป็นแทรกลิ้นอุ่นร้อนเข้าไปในโพลงปากหวาน พายัพเมฆทำเพราะคิดว่าเขาจะหยุดตัวเองไว้ได้แต่ไม่...หลังจากจูบจนหนำใจแล้วเขากลับหยุดตัวเองไว้แค่นั้นไม่ได้ บางการกระทำที่ไม่ได้กลั่นกรองไว้ก่อนจึงเกิดขึ้นโดนที่พิมพ์ชนกไม่มีโอกาสได้ขัดขืนหรือดิ้นรน 

    ในขณะที่เขาหลอกล่อให้พิมพ์ชนกไม่อาจปฏิเสธการกระทำอันไม่ได้ไตร่ตรองของเขา เด็กสาวก็ได้แต่นิ่งและลงเข้าไปในกับดักนั้นด้วยความคิดบางอย่างมันคือความอยากรู้อยากเห็นและอยากลองตามประสาเด็กวัยกำหนัดที่ชักจูงเด็กสาวไป กว่าจะรู้ตัวว่าผิดก็สายเกินแก้เสียแล้ว...

    หลายชั่วโมงต่อมา

    ร่างบอบบางเปลือยเปล่าขยับพลิกอย่างไม่สบายตัวก่อนที่จะลืมตาขึ้น น้ำตาหยดแมะออกจากดวงตาเมื่อขบคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นสดๆร้อนๆ 'เธอใจง่าย ชิงสุกก่อนห่ามไปเสียแล้ว ถ้าพ่อกับแม่รู้คงผิดหวังในตัวเธอมาก'

    ในขณะที่น้ำตาแห่งความรู้สึกหลากหลายไหลหยดออกจากดวงตาของพิมพ์ชนกคนที่เธอนอนหันหลังให้กลับกำลังก่นด่าตัวเองในใจด้วยคำบริภาษนับร้อย

    เขาได้เปลี่ยนข้าวสารเป็นข้าวสุกเสียแล้ว ทำไปโดยไม่ได้คำนึงถึงผลตามมา มันเป็นความคิดโง่ๆที่เกิดขึ้นชั่วเวลาหนึ่ง 'เลว เลวที่สุดไอ้พลายเอ้ย ทำไมแกถึงได้ทำอะไรเลวๆแบบนั้นวะ'

    ไลน์

    เสียงไลน์ฉุดรั้งให้พายัพเมฆต้องหันไปสนใจ เขาขยับลุกจากเตียงไปที่ปลายเตียงซึ่งมีกางเกงของเขากองอยู่ ล้วงสมาร์ทโฟนออกมาจากในกระเป๋าแล้วเปิดอ่านข้อความ

    พ่อเพลิง : พลาย พาน้องกลับมาได้แล้ว ไอ้ธามมันจะบ้าตายแล้ว

    พลาย : ยังไม่สามทุ่มเลยนะ แค่ทุ่มสิบห้า

    พ่อเพลิง : แกจะให้ว่าที่พ่อตาแกช็อคตายก่อนรึไง

    พลาย : อีกครั้งชั่วโมงล่ะกันทำให้วุ่นวายนัก

    พ่อเพลิง : เอางั้นเหรอ

    พลาย : เอางั้นดิ

    พ่อเพลิง : เอ่อ ว่าไงก็ว่าตามกัน

    "เฮ้อ" เขาถอนหายใจก่อนที่จะทิ้งตัวลงนอนอีกครั้ง ไม่ได้อยากแกล้งธนกฤตหรอกแต่อยากคิดว่าจะพูดอะไรกับพิมพ์ชนกดี ตอนนี้เขาเหมือนมีอะไรมาอุดปากไว้จนพูดไม่ออก

    มือหนาตัดสินใจรวบร่างบอบบางเข้ามากอดไว้จากด้านหลัง "ขอโทษนะ พี่ผิดเอง พี่ขอโทษ"

    "ฮึก ฮือ!!!" คนได้รับการกอดและขอโทษปล่อยโฮออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ พายัพเมฆกอดเด็กสาวไว้แบบนั้นจนร่างบางเงียบลง 

    "ไปแต่ตัวกลับบ้านกันนะพริกไทย" คนไม่รู้จะพูดอะไรเอ่ยบอกแล้วคำพูดนั้นก็คือคำพูดสุดท้ายก่อนที่พิมพ์ชนกจะหอบผ้าห่มหนาคุมกายเดินเข้าห้องน้ำไปเปลี่ยนชุด ไม่มีประโยชน์ที่จะมานั่งร้องไห้ หรือนอนร้องไห้

    'ลูกสาวผบ.ธนกฤต ไม่อ่อนแอกับอะไรง่ายๆ แล้วก็จะไม่ทำตัวง่ายๆอีก' เด็กสาวบอกตัวเองในใจและตั้งปณิธานกับตัวเอง เธอจะไม่ง่ายยอมให้พายัพเมฆชักจูงไปแบบวันนี้อีก เหตุการณ์ในวันนี้จะเป็นบทเรียนว่าเธอไม่ควรที่จะยอมให้เขาจูบง่ายๆหรืออยู่ใกล้กับเขาสองต่อสองอีก

    ไม่นานหลังจากนั้นทั้งสองจึงกลับมาถึงบ้านของเด็กสาว ธนกฤตรีบเข้ามากอดบุตรสาวทันทีอย่างไม่สนใจอะไร  เขายุให้พิมพ์ชนกหายไปแต่ก็ไม่รู้ว่าเด็กสาวไปที่ไหนเพราะคิดอะไรเด็กๆแท้ๆเขาถึงตามหาพิมพ์ชนกไม่เจอ คนที่เจอกลับเป็นไอ้ลูกหมาน้อย

    "งานแต่งพรุ่งนี้ยกเลิก ต่อจากนี้ฉันจะพาพริกไทยไปอยู่กับปู่ย่าของแก" ธนกฤตบอก

    "ธาม แกไม่คิดบ้างเหรอ ไอ้พลายมันเจอพริกไทยตั้งแต่เช้า ป่านนี้ข้าวสารไม่เป็นข้าวสุกไปแล้วเหรอ" เพลิงตะวันบอกด้วยท่าทีนิ่งๆ

    คำพูดนั้นทำให้ธนกฤตอดคิดตามขึ้นมา 

    "คิดดีๆนะธาม จะยอมให้พลายมันได้ทำอะไรต่ออะไรไปฟรีๆเหรอ" จอมวางแผนผู้มีอีกความสามารถคือการใส่ไฟเอ่ยต่อ

    พายัพเมฆมองธนกฤตที่มองมาที่เขาก่อนแล้วด้วยท่าทีเศร้าๆ "ขอโทษนะอาธาม ผมผิดสัญญาซะแล้ว"

    "ไอ้..." คนฟังอย่างธนกฤตเอ่ยได้แค่นั้นก็กัดฟันกรอดแล้วครุ่นคิด "ไม่เชื่อเว้ย พริกไทยไม่มีทางยอม"

    "ผมรังแกน้อง น้องไม่ได้สมยอมหรอก" พายัพเมฆบอกและคำพูดนั้นทำให้ธนกฤตแทบพุ่งเข้ามาหาถ้าไม่ติดที่เพลิงตะวัน พิมพ์ลภัสและพิมพ์ชนกห้ามไว้

    พิมพ์ชนกมองคนใจกล้าหน้าด้านที่กล้าพูดกับพ่อของเธออย่างไม่กลัวตายแล้วพูดไม่ออก ทั้งที่เขาไม่ได้รังแกเธอแม้แต่นิดและเป็นเธอที่โอนอ่อนผ่อนตามไปแต่เขากลับบอกแบบนั้นไป จะคิดเข้าข้างตัวเองได้มั้ยว่าสามีหมาดๆของเธอกำลังปดป้องเธอจากความผิดหวังของพ่อแม่

    "ใจเย็นน่าธาม คิดถึงงานพรุ่งนี้ดีกว่านายยังจะให้ยกเลิกมั้ย" เพลิงตะวันถามพลางลอบยิ้ม ลูกชายเขาแสดงบทบาทได้แนบเนียนจริงๆ

    "ยกเลิกกับผีอะไร มันต้องเอาทะเบียนสมรสมากองตรงหน้าฉันเท่านั้นมันถึงจะมีชีวิตรอด" ธนกฤตบอกแล้วก็สลัดคนที่จับไว้ออกเดินหนีขึ้นบันไดไป พิมพ์ชนกและพิมพ์ลภัสตามไปทันที

    "เห็นมั้ย และแล้วแกก็ไม่โดนยิงทิ้ง" เพลิงตะวันบอกบุตรชายแล้วพาภรรยาเดินกลับบ้าน "อย่ายืนเซ่อ ขืนยืนอยู่นั่นไอ้ธามนึกบ้าขึ้นมาจะยุ่ง"

    พายัพเมฆมองตามหลังพิมพ์ชนกแล้วเดินตามผู้เป็นพ่อและแม่กลับบ้าน

    พอถึงบ้านแยกเข้าห้องคนกำลังจะเป็นเจ้าบ่าวก็นอนไม่หลับยกมือก่ายหน้าผาก นึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นหลายชั่วโมงก่อนแล้วลำคอแห่งผาด ทุกสัมผัสที่เขาสัมผัสลงบนเนื้อนุ่มยังติดตาและติดใจเขาจนรู้สึกหลับตาไม่ลง

    เขาอยากจะรอให้ถึงวันที่พิมพ์ชนกพร้อมแต่เพราะเขาร้างผู้หญิงมานานหรือเธอน่าหลงใหลก็บอกตัวเองไม่ได้ดขาถึงได้ทำบ้าๆแบบนั้นไป แค่แล้วก็ต้องหันไปสนใจไลน์เมื่อคนที่เขาคิดถึงส่งไลน์มา

    ไลน์

    พริกไทย : พี่พลายทำไมบอกพ่อไปแบบนั้น

    พลาย : บอกแบบนั้นน่ะดีแล้ว

    พริกไทย : ถามหน่อย

    พลาย : ว่า

    พริกไทย : ที่ทำไปเมื่อเย็นเพราะเผลอไปจริงๆ หรือจงใจเพื่อพ่อจะได้ไม่ยกเลิกงานแต่ง

    พลาย : ทำไมถามแบบนี้

    พริกไทย : แค่อยากรู้ ว่าตัวเองใช้เค๊าเป็นเครื่องมือเพราะไม่อยากขายหน้ายกเลิกงานแต่งรึเปล่า

    พริกไทย : ตอบมาตรงๆนะ

    พลาย : สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้อยู่ในแผนของพี่กับพ่อ พี่ห้ามตัวเองไม่อยู่เอง ไม่ได้ใช้พริกไทยเป็นเครื่องมือเลยนะ

    พายัพเมฆบอกก่อนที่จะส่งภาพแคปหน้าจอที่คุยกับผู้เป็นพ่อให้เด็กสาวดู

    พริกไทย : คิดจะรักลูกเสือเหรอ

    "พลาดแล้วไอ้พลาย" บอกตัวเองเมื่อพิมพ์ชนกส่งคำถามกลับมาให้

    พลาย : อือ พี่คิดจะรักลูกเสือซะหน่อย ลูกเสือน่ารัก นอนกอดก็อุ่น เนื้อตัวก็นุ่ม

    พริกไทย : บ้า บ้าๆๆๆๆ ไม่คุยด้วยแล้ว

    พลาย : สติ๊กเกอร์หัวเราะ

    พลาย : พักเยอะๆนะเหนื่อยมาตั้งแต่บ่าย พรุ่งนี้เจอกันครับ

    พลาย : ฝันดีครับว่าที่เจ้าสาว ไม่สิ คุณภริ







     ก็อยากให้ออกแนวกุ๊กกิ๊กไม่มีข้ามขั้นข้ามตอนแต่มือและจินตนาการมันพาไป แฮะๆ(อยากรู้ว่าไปในทิศทางนี้แล้วเรื่องจะไปยังไงต่อ) เปลี่ยนชื่อตอนเป็น "ก่อนถึงวันวิวาห์คร่าา"

     

    กลับมาแล้วค่ะ  ครั้งนี้เผลอไปแล้วอีพี่พลายอดยาวๆเลยค่ะ อดไปจนน้องพริกไทยเรียนจบเลยทีเดียว(แบบนั้นเลยดีมั้ย55)

    หลังหน้าประกาศมีอีกตอนนะคะ ชื่อตอน วันแต่งงาน ไร้สาระมั้ยไม่ทราบ แต่เอาที่ไรต์สบายใจแล้วกันนะคะ 

    และวันนี้เป็นวันสิ้นปี ปล่อยทุกอย่างไปกับปีเก่าพรุ่งนี้ปีใหม่เราจะมาไร้สาระกันคะ กับตอนพิเศษ ไม่มีผลต่อเนื้อเรื่อง เอาความฮาอย่างเดียว ใครไม่ชอบไม่อ่านก็ไม่ว่ากัน ตอนพิเศษอลวนค่ะ จับพระนางที่จบดล้วทุกคู่มาใส่ในนั้น เอาพริกไทยกับพี่พลายไปด้วย มีเพชรแท้กับเม็ดทรายด้วย(ไม่ตามจากรุ่นพ่อแม่ไม่รู้หรอกเม็ดทรายคือใคร คือเจ้าสาวของเพชรแท้คะ) รุ่นพ่อแม่กับรุ่นลูกนี้จะอยู่ในยุคนิยาย(วัยเดียวกันเลย) งงมั้ย งงไม่อ่านก็ได้ค่ะ 






    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×