คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : บทที่11ก่อนถึงวันวิวาห์
บทที่11ก่อนถึงวันวิวาห์
ก่อนวันแต่งงานหนึ่งอาทิตย์
"เหนื่อยเป็นบ้าเลย น้ำๆๆๆ ไอ้พลายหิวน้ำ" เสียงงอแงอันโรยแรงของพายัพเมฆดังเข้ามาในห้องครัวจนพิมพ์ชนกที่ยืนดูคุณนายนารารินทำแกงเลียงอยู่หูผึ่ง หนึ่งอาทิตย์แล้วที่เธอไม่ได้ยินเสียงนี้
"พริกไทยช่วยเอาน้ำไปให้พี่เขาหน่อยนะลูก" คุณนายนารารินส่งเสียงบอกทำให้เด็กสาวพยักหน้าหงึกหงักก่อนที่จะเดินไปหยิบขวดน้ำเดินออกจากห้องครัวไป
เด็กสาวออกจากโรงพยาบาลมาได้หนึ่งอาทิตย์แล้วอาการดีขึ้นแต่ก็ยังเดินหรือวิ่งเร็วๆไม่ได้ กว่าหนึ่งอาทิตย์ที่ออกจากโรงพยาบาลมาคนที่คอยไปหาที่โรงพยาบาลคนนั้นก็หายไปไม่มาให้เห็นตัวเลย จนเป็นเธอซะเองที่ทนไม่ไหวมานั่งมาเล่นอยู่บ้านเขาเองแต่กระนั้นคนๆนั้นก็ไม่กลับมาบ้านเลย
"น้ำค่ะ" พิมพ์ชนกที่เดินออกมาถึงห้องรับแขกยื่นน้ำให้พลางลอบสังเกตสภาพของว่าที่เจ้าบ่าวในอีกหนึ่งอาทิตย์ข้างหน้า สภาพของคนตรงหน้าเรียกได้ว่าโทรมแต่ก็หล่อ "ไปทำอะไรมาเนี่ย สภาพดูไม่ได้เลย"
เสียงถามของพิมพ์ชนกทำให้พายัพเมฆถอนหายใจพรืด จะให้เขาตอบไปตรงๆจากใจเธอได้โกรธเขาน่ะซิ
หนึ่งอาทิตย์ก่อน
"ภารกิจคุ้มกันพยานในครั้งนี้หวังว่านายจะไม่ทำให้อาผิดหวังนะพายัพเมฆ" ธนกฤตเอ่ยบอกก่อนจะยิ้มอย่างสะใจ
"ครับนาย" คนเป็นลูกน้องใต้บังคับบัญชากัดฟันตอบรับ เขาได้รับคำสั่งให้ไปคุ้มกันพยานปากเอกในคดีใหญ่คดีหนึ่ง ถ้าคุ้มกันพยานธรรมดาเขาจะไม่ปฏิเสธเลย แต่นี้ว่าที่พ่อตาตัวดีมอบหมายให้เขาไปคุ้มกันกะเทยร่างยักษ์ถึงสองคน 'แกล้งกันเกินไปแล้วเว้ยยยย'
"อ๋อๆ พวกเขาต้องทำตัวให้เป็นปกติที่สุกเพราะฉะนั้นนายต้องตามติดพวกเขาไปทุกๆที่ไม่ว่าเขาจะพากันไปไหน" ธนกฤตเอ่ยบอกแล้วก็ยิ้ม "แม้แต่เข้าบาร์เกย์ หรือพบปะเพื่อนเพศเดียวกันนายก็ต้องไปกับเขา เข้าใจมั้ย"
"เข้าใจครับ" ตอบกลับเสียงเข้มก่อนที่จะทำความเคารพแล้วออกจากห้องไป
แต่ไม่วายได้ยินเสียงหัวเราะตามไล่หลังมา"ฮะฮะฮะ"
เสียงหัวเราะอันแสนสะใจของธนกฤตยังคงติดอยู่ในหัวให้พายัพเมฆได้ชัง อาธามนะอาธามให้เขาไปทำอะไรไม่ทำให้ไปตามดูแลกะเทยสองคนจนเกือบรักษาประตูหลังไว้ไม่รอด นี่คงกะจะให้เขาเสียท่าทางหลังแล้วยกเลิกงานแต่งเลยใช่มั้ย
"คนพูดด้วยก็ไม่ตอบ ชิ" เสียงแสดงความแง่งอนของพิมพ์ชนกดังเข้ามาในหูก่อนที่เขาจะเห็นร่างบางสะบัดผมใส่แล้วก้าวเดินไปทางห้องครัว
"อย่าเพิ่งงอนซิ เค๊าเรียบเรียงคำพูดอยู่" คนโดนว่าที่พ่อตากลั่นแกล้งเอ่ยบอกก่อนที่จะดึงแขนเด็กสาวไว้ "คือนายสั่งไปคุ้มกับพยานน่ะ"
"พยานผู้หญิงเหรอถึงได้ทำให้สภาพโทรมแบบนี้" น้ำเสียงถามธรรมดาแต่แววตาไม่ชอบใจถูกส่งมาให้
"ไม่ใช่หรอก แต่เป็นผู้ชายที่มีใจเป็นผู้หญิง" พายัพเมฆบอกแล้วก็ถอนหายใจ "อาทิตย์นึงมาเนี่ยนอกจากปกป้องพยานแล้วเค๊าต้องปกป้องอธิปไตยของตัวเองด้วย พ่อตัวเองน่ะแกล้งเค๊า"
"อุก คิกๆๆๆ" คนคิดตามที่หนุ่มใหญ่บอกถึงกับกลั้นขกไม่อยู่หลุดหัวเราะคิกคิกออกมา "แล้วตัวเองเสียอธิปไตยให้พวกเขารึเปล่า ถ้าเสียแล้วเค๊าไม่แต่งด้วยนะบอกให้ คิกๆ"
"ยังจะมาหัวเราะอีก รู้มั้ยเนี่ยว่าเค๊าต้องเจอกับอะไรมาบ้าง ถ้าเค๊าใจไม่สู้พอป่านนี่กลายเป็นสามีเกย์กับกะเทยไปแล้ว" พายัพเมฆพูดด้วยสีหน้าบูดบึ่ง คิดถึงการถูกลากเข้าบาร์เกย์แล้วขนลุกไม่หาย มันช่างน่ากลัวจนอยากจะอาเจียน
"คิกๆ ไหนเล่าให้ฟังหน่อยเจออะไรมาบ้าง" เด็กสาวถามอย่างนึกสนุก "เร็วๆจะเอาไปเล่าให้แม่ขาฟัง แม่พริกขาจะได้เอาไปแต่งนิยาย"
"เหอๆ เล่าให้พ่อกับแม่ตัวเองมาหัวเราะเยาะเค๊าซิไม่ว่า" พายัพเมฆว่าด้วยท่าทีแสนงอน
"เล่าให้ฟังหน่อยนะ นะพลายพลาย" เด็กสาวอ้อนพร้อมทำตาปริบๆ
"เออๆ ไม่ค้องมาทำตาปริบๆใส่ จะเล่าให้ตัวเองฟังเดี๋ยวนี้แหละ" คนโดนอ้อนบอกก่อนที่จะเล่าให้เด็กสาวฟัง "สองคนนั้นลากเค๊าเข้าบาร์เกย์ แล้วมีเพื่อนมาแจมด้วยอีกสามสี่คนพวกเขามาลวนลามเค๊า..."
กว่าที่จะเล่าจบพิมพ์ชนกก็หัวเราะแล้วหัวเราะอีกจนท้องแข็ง "น่าสงสารอะ"
"สงสารแต่หัวเราะลั่นบ้าน เชอะ" พายัพเมฆได้แต่บอกอย่างหมั่นไส้พลางมองใบหน้าขาวผ่องของพิมพ์ชนกอย่างสำรวจ "ออร่าเจ้าสาวจับเชียว แม่นุชพาไปทำอะไรมาบ้างเนี่ย"
พิมพ์ชนกหุบยิ้มหันซ้ายหันขวาแล้วขยับเข้ามากระซิบบอก "ป้านุชใจร้ายอ่า จับไปขัดๆถูๆจนแสบตัวไปหมดเลย"
"เดี๋ยวจะบอกแม่ว่าตัวเองนินทา แม่อุบ" พายัพเมฆบอกก่อนที่จะส่งเสียงดังแต่โดนพิมพ์ชนกยกมือขึ้นปิดปากซะก่อน
"ให้ห้าร้อยอย่าบอกป้านุชนะ" เธอบอก
"ห้าพันก็ไม่เอา" ว่าพลางส่ายหน้า
"ตัวเองอ่ะ" พายัพเมฆกลั้นขำกับท่าทีแสนงอนก่อนที่จะเอ่ยบอก "ให้หอมก่อนแล้วจะไม่บอก"
"ให้หอมแล้วจะไม่บอกจริงๆนะ" เด็กสาวถามย้ำ
เขาพยักหน้า "ลูกผู้ชายคำไหนคำนั้น"
"งั้นรอแป๊บ" พิมพ์ชนกบอกก่อนที่จะหายกลับเข้าไปในห้องครัวแล้วกลับเข้ามาพร้อมหอมหัวใหญ่ "อะ ให้หอมแล้ว อย่าบอกป้านุชนะ"
"ไม่ใช่หอมนี้" พายัพเมฆถอนหายใจพรืดกับแม่คนหัวหมอแสร้งใสซื่อ
"ก็ตัวเองไม่พูดให้ชัดนิ ไม่เกี่ยว ถือว่าเค๊าให้หอมแล้ว ตัวเองห้ามบอกป้านุชนะ ไม่งั้นเค๊าจะหนีงานแต่งให้ตัวเองได้ขายหน้าเลย" พิมพ์ชนกบอกก่อนที่จะเดินหนีกลับเข้าห้องครัวเองครั้ง
"โอ๊ย คอยดูนะแต่งงานกันไปเค๊าจะไม่ยอมให้ตัวเองทำแบบนี้" พายัพเมฆเอ่ยเงียบๆก่อนที่จะกินน้ำ นี่แค่กลับมามองหน้าว่าที่เมียเท่านั้น เขายังมีภารกิจที่ต้องทำอีก ธนกฤตช่างกลั่นแกล้งรังแกเขายิ่งนัก
ต่ออีก20% เป็น40%
เวลา1อาทิตย์ก่อนวันแต่งงานเป็นเวลาให้พิมพ์ชนกได้ขบคิดหลายๆเรื่อง และการได้นั่งขบคิดทำให้ในที่สุดเธอตัดสินใจทำอะไรบางอย่าง การตัดสินใจของเธอครั้งนี้เป็นการวัดใจ ชีวิตเธอจะไปทางไหนแล้วแต่พระพรหมเป็นผู้กำหนดแล้วกัน
ก่อนวันแต่งงาน1วัน
"พริกไทยของพ่อ โธ่ หนูไม่อยากแต่งงานทำไมไม่บอกล่ะลูก ทำไมต้องหนีไปแบบนี้ แล้วป่านนี้ไม่รู้เป็นยังไงบ้าง เพราะความเผด็จการของนายเลยเพลิง" เสียงตัดพ้อต่อว่าเศร้าๆของธนกฤตดังขึ้นก่อนที่จะขยำกระดาษในมือทิ้งแล้วชี้หน้าไปเพลิงตะวันและพายพเมฆ "ฉันจะไปตาหาลูก เจอเมื่อไหรฉันจะให้ลูกไปอยู่กับพ่อแม่ฉัน พวกนายพ่อลูกจะไม่มีวันได้เผด็จการใส่ลูกสาวฉันอีก"
"ธาม ธาม ไอ้ธาม" เพลิงตะวันเรียกแต่ธนกฤตกลับเดินออกจากบ้านไปอย่างไม่สนใจ "เอาจนได้ซินา ไอ้บ้าธามมันสร้างเรื่อจนได้"
"ผมไม่ยอมให้อาธามพาพริกไทยไปจากที่นี่ ผมไม่ยอม" พายัพเมฆเอ่ยก่อนที่จะก้มลงหยิบก้อนกระดาษคลี่ออกอ่านข้อความในนั้นอีกครั้ง มันคือจดหมายของพิมพ์ชนก จดหมายที่เด็กสาวทิ้งไว้ก่อนที่จะหนีไป
"ถึงทุกคนที่พริกไทยคิดมาหลายวันแล้วค่ะ พริกไทยไม่อยากแต่งงานกับพี่พลาย ข้อแรกคือพริกไทยยังเป็นนักเรียนอยู่เลย ข้อสองคืออายุค่ะพริกไทยกับพี่พลายอายุห่างกันเป็น20ปีเราไม่มีอะไรที่เหมือนกันเลย ที่สำคัญคือเราไม่ได้รักกัน พริกไทยเชื่อว่าคนที่รักกันเท่านั้นที่สมควรจะแต่งงานกัน พริกไทยรูู้ว่าถ้าบอกไปลุงเพลิงคงไม่ยอมยกเลิกงานแต่งแน่นอน พริกไทยจึงตัดสินใจเลือกวิธีนี้ ขอโทษทุกคนที่ได้รับผลเสียจากการตัดสินใจของพริกไทยด้วยนะคะ ปล. พริกไทยตัดสินใจแล้วก็จริงแต่ถ้าสามารถหาพริกไทยเจอก่อนวันแต่งงานเริกไทยก็จะยอมเข้าพิธีแต่งงานกับพี่พลายและถือว่าสวรรค์ท่านต้องการให้เป็นแบบนั้น"
"ผมจะตามหาพริกไทยกลับมาให้ได้ก่อนวันแต่ง และจะหาให้เจอก่อนอาธามด้วย" พายัพเมฆบอกก่อนที่จะเดินออกไปจากห้อง ทิ้งให้เพลิงตะวัน นาราริน และพิมพ์ลภัสยืนมองตามหลังไปอยู่อย่างนั้น
"เกิดอะไรขึ้นพริกหวาน" นารารินถามเมื่อในห้องไม่เหลือใครคนอื่นแล้วนอกจากเธอสามคน เช้าวันนี้พิมพ์ลภัสเข้าไปปลุกลูกสาวที่ห้องแค่กลับไม่เจอคนเจอเพียงจดหมายฉบับที่ตอนนี้พายัพเมฆพาติดตัวไปด้วย ธนกฤตมาโวยวายใส่เพลิงตะวันทันทีที่เห็นจดหมายนั่นแต่มีเหรอที่เธอกับเพลิงตะวันจะไม่รู้ว่ามันต้องมีเบื้องลึกเบื้องหลังแน่ๆ
"พี่ธามเป่าหูพริกไทยให้หนีออกจากบ้านดีกว่าแต่งงานกับผู้ชายที่เขาไม่ได้รักเรา" พิมพ์ลภัสบอกแต่ท่าทีของเธอยังคงนิ่งเฉยไม่ทุกข์ไม่ร้อน
"ร้ายจริงไอ้ธามนี่ เอาจนได้ซิมัน" เพลิงตะวันพูดแล้วส่ายหน้า เขาคิดไว้แล้วว่าธนกฤตคงไม่ยอมง่ายขนาดนี้ อุตส่าห์กะจะให้พายัพเมฆเฝ้าเด็กสาวไว้แล้วเชียวเจ้าเพื่อนตัวดีก็มาสั่งงานพายัพเมฆจนหาเวลากลับบ้านยังไม่ได้
"หวังว่าพลายมันจะเจอหนูพริกไทยก่อนไอ้ธามนะ" เพลิงตะวันเอ่ยก่อนที่จะถอนหายใจพรืด ในใจภาวนาให้เป็นอย่างนั้น
ทางด้านพายัพเมฆเดินมาที่รถมอเตอร์ไซค์ของตัวเองแล้วขบคิดว่าพิมพ์ชนกจะไปที่ไหน ที่ไหนที่เขาและคนอื่นๆจะไม่รู้และไม่คิดว่าเธอจะไป ที่ไหนนะ ที่ไหน
"นี่ๆพริกไทยรู้เปล่า พ่อของนักเรียนใหม่เปิดรีสอร์ทอยู่ที่พัทยาด้วยแหละ รีสอร์ทสวยมากเลยเสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมาเขาชวนพวกเราไปเที่ยว"
"นั้นซิ อยากให้พริกไทยไปเห็นบ้างจัง"
"ภาดา นักเรียนใหม่นั่นเหรอ"
"ใช่ๆ"
เสียงสนทนาเมื่อหลายอาทิตย์ก่อนดังแว่วเข้ามาในหัวของพายัพเมฆเหมือนกับนึกขึ้นได้ ตอนที่พิมพ์ชนกอยู่โรงพยาบาลสองเพื่อนสนิทศศิกานค์และชมพูนุชของเด็กสาวมาเยี่ยมและเล่าให้เด็กสาวฟังเกี่ยวกับรีสอร์ทขอฃนักเรียนใหม่
ใบหน้าของนักเรียนใหม่ที่เขาเห็นในวันที่พิมพ์ชนกถูกยิงลอยเข้ามาในหัว อาจจะเป็นไปได้ที่พิมพ์ชนกจะไปที่นั้น มือหน้าคว้าสมาร์ทโฟนในกระเป๋าชึ้นมากดหมายเลขโทรออกทันที
"หนึ่ง นายถามน้องสาวนายให้ที่รีสอร์ทของนักเรียนใหม่ที่ชื่อภาดาอยู่ไหน" พายัพเมฆเอ่ยบอกปลายสายในเชิงสั่ง คนในสายคือเรือเอกศศิเดช ผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาซึ่งเป็นพี่ชายของศศิกานต์
ไม่นานปลายสายก็ตอบกลับมา ทันทีที่ได้คำตอบพายัพเมฆก็หยิบหมวกกันน็อตขึ้นมาสวมทันทีก่อนที่จะพารถมอเตอร์ไซค์คันโปรดพุ่งทะยานออกไป
ไม่นานต่อมาร่างสูงใหญ่ของพายัพเมฆก็ก้าวฉับๆเข้ามายืนหน้าประตูห้องพักห้องหนึ่งในรีสอร์ทริมทะเล จากการสอบถามพนักงานจึงได้รู้ว่าพิมพ์ชนกอาจจะพักอยู่ที่นี่
ก็อกๆๆ
เขาเคาะประตูก่อนที่ประตูนั้นจะถูกเปิดออกด้วยฝีมือของเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่เขาจำได้ว่านายคนนี้คือนักเรียนใหม่ที่พิมพ์ชนกกับเพื่อนพูดถึงกัน มือหนากำแน่น 'ไอ้เด็กนี่มาอยู่ในห้องนี้ได้ยังไง'
"มาหาใครครับ" ภาดาเอ่ยถามพลางขมวดคิ้วเป็นปม เขาคลับคล้ายคลับคลาว่าเคยเห็นคนที่ยืนอยู่หน้าประตูนี่ที่ไหนมาก่อน
"ใครมาเหรอภาดา" เสียงหวานร้องถามก่อนที่จะเดินออกมาดู "พี่พลาย"
"รู้จักเหรอ?" ภาดาถามแล้วพิมพ์ชนกก็พยักหน้า "งั้นก็คุยกันไปละกัน เราไปล่ะ"
นาทีต่อมาภาดาจึงเดินออกจากห้องไปและพายัพเมฆก็แทรกตัวเข้ามายืนในห้อง ใบหน้าเคร่งเครียด ไม่รู้ว่าโกรธที่เธอหนีหรือหึงที่เห็นไอ้เด็กภาดานั่นออกจากห้องของเธอกันแน่
พิมพ์ชนกหลบตาเมื่อเห็นใบหน้าเคร่งเครียดของเขาพลางนึกย้อนไปถึงช่วงเวลาก่อนที่เธอจะตัดสินใจหนีออกจากบ้านมา
"หนูรักพลายมั้ยพริกไทย" คำถามตรงๆถูกส่งมาจากปากของคนเป็นพ่อจนพิมพ์ชนกต้องอ้าปากค้างอย่างตกใจ
"ว่าไงหนูรักนายพลายมั้ย" ธนกฤตถามย้ำในขณะที่พิมพ์ชนกนิ่งไปราวกับคิดหาคำตอบ
"หนูไม่..." "ไม่รักงั้นหนีงานแต่งมั้ยลูก หนูไปสักพักแล้วพอพ่อหาเจอพ่อจะส่งหนูไปอยู่กับคุณย่าคุณยาย ไม่ให้ลุงเพลิงมาบังคับหนูอีก" ธนกฤตเอ่ยบอกก่อนที่เด็กสาวจะได้ตอบจนหมด พิมพ์ชนกอ้าปากค้างเธอไม่ได้จะบอกว่าไม่รักแต่จะบอกว่าไม่รู้ต่างหากล่ะ
"แต่..." "ไม่ต้องแต่ลูก พ่ออยากให้หนูมีความสุขกว่าการแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รัก พลายไม่ได้รับหนูเลย มันเองก็ถูกบังคับ สู้เราจบแบบนี้ดีกว่า" คำพูดนั้นทำให้พิมพ์ชนกหุบปากนั่งคิด ธนกฤตวงเงินจำนวนหนึ่งลงบนเตียงของลูกสาวแล้วเอ่ยบอกก่อนที่จะเดินจากไป "พ่อให้หนูเลือกเองนะจะอยู่ หรือจะยังไง"
พิมพ์ชนกนั่งคิดอยู่ร่วมชั่วโมงแต่ก็ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะทำตามที่คนเป็นพ่อบอกดีหรือไม่
"พริกไทย" เสียงหวานเอ่ยเรียกก่อนที่ร่างของพิมพ์ลภัสจะก้าวเข้าห้องมาหาบุตรสาว เธอได้ยินที่สองพ่อลูกคุยกันแล้วแต่ให้เวลาพิมพ์ชนกได้คิด
"แม่ขา" เด็กสาวเรียกแล้วก็กอดร่างของมารดา เวลาที่ต้องตัดสินใจอะไรเธอชอบที่จะเข้ามากอดมารดาไว้
"ลูกไม่รู้ว่าลูกจะตัดสินใจยังไงใช่มั้ย ใจนึงก็อยากจะไปเพราะคิดว่านไม่รักกันจะแต่งงานกันไปทำไม อีกใจนึงอยากจะอยู่ลองใช้ชีวิตกับพลายดูและก็กลัวลุงเพลิงจะต้องขายหน้าที่เจ้าสาวลูกชายหาย" พิมพ์ลภัสถามอย่างรู้ใจคนเป็นลูก "ไม่ลองเสี่ยงดูล่ะ หายตัวไปสักพักถ้าถูกเจอก่อนวันแต่งก็ถือว่าหนูกับพลายมีชะตาต้องแต่งงานกัน แต่ถ้าไม่มีใครหาเจอก็ถือว่าไร้วาสนาต่อกันไป"
"แล้วถ้าเขาหาเจอล่ะ ลูกกับพี่พลายไม่มีอะไรยืนยันเลยว่าชีวิตคู่จะไปรอด อายุก็ห่างกันตั้งเยอะ" เด็กสาวบอก
"ถ้าเขาตามเจอก็ถือซะว่าพระพรหมท่านกำหนดไว้แบบนั้น ก็ลองใช้ชีวิตกันไป อายุไม่ใช่อุปสรรคของความรักและชีว้ตคู่ พ่อขากับแม่ขาก็ไม่ได้แต่งงานกันเพราะความรัก เราไม่รู้จักกันมากกว่าที่ได้ยินคนอื่นเล่าเลยด้วยซ้ำแต่เราก็รักกันได้จนถึงวันนี้ แล้วทำไมหนูกับพลายจะเป็นไปไม่ได้ พลายเขาช่วยพ่อกับแม่ดูแลหนูมาแต่เล็ก หนูกับพี่เขารู้จักกันมาเท่าชีวิตหนู แม่เชื่อว่าถ้าได้เปิดใจยังไงก็รักกันได้" พิมพ์ลภัสบอกก่อนที่จะกอดตอบเงียบๆปล่อยให้เด็กสาวได้ขบคิด
"ลูกจะทำตามที่แม่ขาเสนอค่ะ" เด็กสาวบอกอย่างตัดสินใจได้ แต่ไม่รู้ทำไมใจลึกๆเชื่อว่าพายัพเมฆจะตามหาเธอเองดละจะตามเจอด้วย
และแล้วผลก็ออกมาตามที่เธอคาด พายัพเมฆเป็นคนตามหาเธอเจอจนได้
ต่ออีก60%
พายัพเมฆมองคนที่หลบตาแล้วเดินไปนั่งที่เตียงนอนยกมือกอดอกแล้วทำหน้าแสนงอน
'ซะงั้น' พิมพ์ชนกคิดแล้วยกมือขึ้นเกาศีรษะ 'แล้วต้องง้อเหรอ'
'มาง้อดิ มาง้อ' พายัพเมฆคิดแต่ใบหน้ายังคงดัดจริตว่างอนเหลือเกินแอบปลายตามองแล้งส่งกระแสจิตให้มาง้อเขาเดี๋ยวนี้
"เด็กนิสัยไม่ดี" ว่าให้แล้วก็ทำงอนหนักกว่าเดิมจนเด็กนิสัยไม่ดีถึงกับงง
"ถ้าเค๊าเป็นเด็กนิสัยไม่ดี ตัวเองก็ผู้ใหญ่เพี้ยนแล้ว" เด็กสาวบอก "คนอะไรเดินมางอนเขาถึงที่ ไม่มีความเป็นผู้ใหญ่เลย"
"เชอะ"
"เชอะมาก็เชอะกลับ เชอะ"
และแล้วทั้งสองก็หันหลังให้กันเด็กสาวเดินออกไปนั่งที่ระเบียงห้องไม่สนใจคนมางอนซะอย่างนั้น
"เด็กดื้อ ไม่ได้ดั่งใจเลย" พายัพเมฆพูดแล้วก็นั่งอยู่บนเตียงอยู่แบบนั้น เขาจะไม่ง้อ ไม่ง้อๆๆๆ ไม่ง้อหรอก
พายัพเมฆเคยได้ยินมาว่าคบหาเด็กอายุน้อยกว่าบางทีก็ทำให้เราทำตัวเด็กไปด้วย เขาเพิ่งเห็นวันนี้แหละว่าจริง วันนี้เขาทำตัวเป็นเด็กๆงอนใส่เด็กไปซะงั้น แถมเด็กยังไม่ง้ออีกต่างหาก แต่เขาจะไม่ง้อก่อน ไม่มีทางล่ะ
2ชั่วโมงต่อมา
พายัพเมฆไม่ใช่คนที่ยอมใครง่ายๆหรือยอมอ่อนให้ใครมากนัก พิมพ์ชนกก็เช่นกัน ทั้งสองจะไม่ง้อใครถ้าตัวเองไม่ผิด นั่นคือสิ่งที่ทั้งสองมีเหมือนกันแต่ยังไม่เคยแสดงออกให้เห็นมากนัก
เมื่อพิมพ์ชนกไม่ยอมมาง้อ เขาก็ไม่มีเหตุผลที่ต้องคุยกับเธอก่อนเช่นกัน สองชั่วโมงที่เขานั่งอยู่ตรงนี้ ส่วนเธอเดินไปเดินมาแค่ก็ไม่สนใจเขาขนในที่สุดก็เป็นพายัพเมฆเองที่ทนไม่ไหว 'ที่ทนไม่ไหวเพราะเขารักเธอไง ส่วนที่พริกไทยยังนิ่งเพราะเด็กคนนั้นยังไม่เคยรู้จักความรักและไม่ได้รักเขา'
ไลน์
เสียงจากสมาร์ทโฟนทำให้พายัพเมฆที่จะก้าวไปหาพิมพ์ชนกต้องหยุดแล้วเปิดอ่าน
พ่อเพลิง : หาน้องเจอรึยังพลาย
พลาย : เจอแล้วครับ ว่าจะพากลับพอดี
พ่อเพลิง : อย่าเพิ่งพามารอให้ค่ำก่อน พามาตอนนี้ธามได้ฉกลูกหนีอีก
พลาย : แล้วให้ทำไงอะ
พ่อเพลิง : รอให้ค่ำค่อยกลับมา ค่อยพูดให้ธามเข้าใจไปว่าหนูพริกไทยตกเป็นของแกแล้ว คราวนี้มันยังขัดก็คงได้ยกแม่น้ำทั้งห้ามาพูดแล้ว
พลาย : อาธามจะไม่ยิงผมทิ้งเหรอแบบนั้น
พ่อเพลิง : ไม่หรอกน่า ธามมันรักแกนะพลาย รักเหมือนลูกคนนึง
พลาย : แต่ก็ไม่ใช่ลูกแท้ๆนิ
พ่อเพลิง : เชื่อพ่อน่าพลาย ไอ้ธามไม่ทำอะไรหรอกแค่จะเจ็บจี๊ด กระฟัดกระเฟียดหน่อยๆ แล้วก็ไปชักดิ้นชักงอที่บ้าน แต่ก็ยอมให้พริกไทยแต่งงานกับแก
พลาย : เชื่อได้เหรอ
เพลิง : ไม่เชื่อพ่อแล้วแกจะเชื่อใครวะ เชื่อพ่อดิ พ่อเคยมา ตาแกน่ะหวงลูกสาวยิ่งกว่าไอ้ธามอีก พ่อยังรอดมาได้
พลาย : นั่นเพราะพ่อทำแม่ท้องพี่พีมไม่ใช่เหรอตาถึงไม่ทำไรพ่อ
พ่อเพลิง : อย่ามาย้อน ธามมันมีเหตุผลกว่าตาแกเยอะ ความรักลูกก็มากกว่า มันไม่ยอมให้ลูกสาวโดนกินฟรีหรอก
พลาย : แน่นะ
พ่อเพลิง : คิดจะรักลูกเสือจะกลัวอะไรกับพ่อเสือ
พ่อเพลิง : ถ้าแกกลัวตายก็พาพริกไทยกลับมาคืนพ่อเขา แล้วชาตินี้อย่าหวังว่าจะได้เจอพริกไทยอีก
พลาย : ใช่แล้ว คิดจะรักพริกไทย จะกลัวอะไรกับอาธาม ตามที่พ่อพูดเลยครับ
พ่อเพลิง : ดี แค่นี้ล่ะ สามทุ่มค่อยพามา
พลาย : ครับ
พายัพเมฆถอนหายใจก่อนจะมองนาฬิกา มีเวลาอยู่ที่นี่อีกสี่ชั่วโมงเชียว นี่เขาหาพิมพ์ชนกเจอเร็วไปรึเปล่า
'ช่างเถอะ ไปง้อเด็กก่อนดีกว่า' คิดได้ดังนั้นผู้ใหญ่วัยกลางคนก็ก้าวเท้าเดินหมายจะเดินไปหาพิมพ์ชนกที่ตอนนี้นั่งอ่านหนังสืออยู่ระเบียงแต่เพราะความที่เขามัวแต่มองเด็กสาวจึงไม่ทันระวังลื่นล้มหงายหลังดังโครม "โอ๊ยยย"
"พี่พลาย" เด็กสาวหันมองแล้วก็วิ่งเข้ามาดูเมื่อเห็นพ่อคนขี้งอนหงายหลังอยู่กับพื้น
"โอ๊ย กระดูกกกก" คนล้มหงายหลังร้องอย่างสำออยเมื่อเห็นท่าทีแสนห่วงใยของว่าที่เจ้าสาว
"เจ็บตรงไหน บอกเค๊ามา" เด็กสาวถามมองไปมองมาว่าคนไม่หนุ่มเท่าไหร่ของเธอเจ็บตรงไหนบ้าง
"เจ็บไปหมดเลย" พายัพเมฆบอกทั้งที่จริงๆมันก็ไม่ได้เจ็บอะไรขนาดนั้น พิมพ์ชนกพยุงร่างของพายัพเมฆมานั่งบนเตียงอย่างทุลักทุเลแล้วมองสำรวจอีกที
"มีตรงไหนแตกหักมั้ยเนี่ย ยิ่งแก่ๆอยู่" เด็กสาวว่าแต่คนฟังถึงกับจี๊ดในใจ ถูกปฏิเสธแบบไร้เยื่อใยจะเจ็บเท่าโดนปรามาสว่าแก่มั้ยเขายังไม่แน่ใจ
"คำก็แก่ สองคำก็อายุมากกว่าเป็น20ปี พูดได้น่าน้อยใจมาก" คนขี้งอนบอกตอนนี้ชักเริ่มน้อยใจ ในจดหมายมีเพียงข้อความไม่กี่บรรทัดที่เขาฟังแล้วแสลงใจ หนึ่งไม่รัก สองอายุห่างกัน เธอรับไม่ได้เหรอที่จะต้องมีสามีแก่ แล้วคนแก่กว่าไม่มีหัวใจรึไงกัน
"ก็พี่พลายอายุมากกว่าเค๊า20ปีจริงๆนิ สำหรับเด็กอายุสิบแปดน่ะพี่พลายแก่แล้ว" พิมพ์ชนกบอกแต่ยังคงสำรวจคนล้มหงายหลังต่อ
"แก่กว่าแล้วไง รับไม่ได้ รังเกียจเหรอ" คนแก่ขี้งอน ขี้น้อยใจเกิดนึกแวะดราม่าเอ่ยบอก
"ไม่ได้รังเกียจซะหน่อย" เด็กสาวบอกแล้วนั่งลงข้างๆ อารมณ์ไหนของพายัพเมฆอีกล่ะทีนี้
"ไม่เชื่อหรอกว่าไม่รังเกียจ ถ้าไม่รังเกียจแล้วหนีทำไม ตัวเองรังเกียจที่จะต้องแต่งงานกับคนแก่กว่าเกือบสองรอบใช่มั้ยล่ะ พูดตรงๆมาเถอะ" พูดไปตามประสาคนมีความรักขี้น้อยใจแล้วก็หันหน้าหนี
"เค๊าไม่ได้รังเกียจ เค๊าต้องทำยังไงตัวเองถึงจะเชื่อว่าเค๊าไม่ได้หนีเพราะรังเกียจ" คนโดนดราม่าใส่ถาม
"ตัวเองทำไม่ได้หรอก" พูดแล้วก็ไม่หันกลับมามองใบหน้าหวาน ขบคิดหาวิธีพิสูจน์ว่าเด็กสาวรังเกียจเขามั้ย
"ทำได้ เพื่อพิสูจน์ว่าเค๊าไม่ได้รังเกียจตัวเอง ตัวเองจะให้ทำอะไรได้หมดเลย" เด็กสาวบอก ก็ไม่รู้ทำไมตัวเองจะต้องแคร์ความรู้สึกพายัพเมฆขนาดนี้ด้วย
"พิสูน์ซิ อยู่นิ่งๆให้เค๊าจูบ ถ้าตัวเองอยู่นิ่งได้เขาจะเชื่อ" 'ไหนๆก็ไหนๆล่ะขอฉวยโอกาสนิดๆหน่อยๆล่ะกัน'คนขี้น้อยใจบอกแต่ในใจเขากลับคิดอย่างเจ้าเล่ห์ร้ายกาจ กะล่อนเหลือคณานับ
"ก็ได้" พิมพ์ชนกผู้รู้สึกแคร์ความรู้สึกพายัพเมฆเอ่ยบอกก่อนที่จะนั่งนิ่งๆหลับตาปี๋ พายัพเมฆยิ้มอ่อนๆก่อนที่จะเอียงหน้ามาจุมพิตที่ริมฝีปากบางคู่นั้นแล้วก็เพิ่มระดับความลึกซึ้งขึ้นจากการที่ปากแตะปากเป็นแทรกลิ้นอุ่นร้อนเข้าไปในโพลงปากหวาน พายัพเมฆทำเพราะคิดว่าเขาจะหยุดตัวเองไว้ได้แต่ไม่...หลังจากจูบจนหนำใจแล้วเขากลับหยุดตัวเองไว้แค่นั้นไม่ได้ บางการกระทำที่ไม่ได้กลั่นกรองไว้ก่อนจึงเกิดขึ้นโดนที่พิมพ์ชนกไม่มีโอกาสได้ขัดขืนหรือดิ้นรน
ในขณะที่เขาหลอกล่อให้พิมพ์ชนกไม่อาจปฏิเสธการกระทำอันไม่ได้ไตร่ตรองของเขา เด็กสาวก็ได้แต่นิ่งและลงเข้าไปในกับดักนั้นด้วยความคิดบางอย่างมันคือความอยากรู้อยากเห็นและอยากลองตามประสาเด็กวัยกำหนัดที่ชักจูงเด็กสาวไป กว่าจะรู้ตัวว่าผิดก็สายเกินแก้เสียแล้ว...
หลายชั่วโมงต่อมา
ร่างบอบบางเปลือยเปล่าขยับพลิกอย่างไม่สบายตัวก่อนที่จะลืมตาขึ้น น้ำตาหยดแมะออกจากดวงตาเมื่อขบคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นสดๆร้อนๆ 'เธอใจง่าย ชิงสุกก่อนห่ามไปเสียแล้ว ถ้าพ่อกับแม่รู้คงผิดหวังในตัวเธอมาก'
ในขณะที่น้ำตาแห่งความรู้สึกหลากหลายไหลหยดออกจากดวงตาของพิมพ์ชนกคนที่เธอนอนหันหลังให้กลับกำลังก่นด่าตัวเองในใจด้วยคำบริภาษนับร้อย
เขาได้เปลี่ยนข้าวสารเป็นข้าวสุกเสียแล้ว ทำไปโดยไม่ได้คำนึงถึงผลตามมา มันเป็นความคิดโง่ๆที่เกิดขึ้นชั่วเวลาหนึ่ง 'เลว เลวที่สุดไอ้พลายเอ้ย ทำไมแกถึงได้ทำอะไรเลวๆแบบนั้นวะ'
ไลน์
เสียงไลน์ฉุดรั้งให้พายัพเมฆต้องหันไปสนใจ เขาขยับลุกจากเตียงไปที่ปลายเตียงซึ่งมีกางเกงของเขากองอยู่ ล้วงสมาร์ทโฟนออกมาจากในกระเป๋าแล้วเปิดอ่านข้อความ
พ่อเพลิง : พลาย พาน้องกลับมาได้แล้ว ไอ้ธามมันจะบ้าตายแล้ว
พลาย : ยังไม่สามทุ่มเลยนะ แค่ทุ่มสิบห้า
พ่อเพลิง : แกจะให้ว่าที่พ่อตาแกช็อคตายก่อนรึไง
พลาย : อีกครั้งชั่วโมงล่ะกันทำให้วุ่นวายนัก
พ่อเพลิง : เอางั้นเหรอ
พลาย : เอางั้นดิ
พ่อเพลิง : เอ่อ ว่าไงก็ว่าตามกัน
"เฮ้อ" เขาถอนหายใจก่อนที่จะทิ้งตัวลงนอนอีกครั้ง ไม่ได้อยากแกล้งธนกฤตหรอกแต่อยากคิดว่าจะพูดอะไรกับพิมพ์ชนกดี ตอนนี้เขาเหมือนมีอะไรมาอุดปากไว้จนพูดไม่ออก
มือหนาตัดสินใจรวบร่างบอบบางเข้ามากอดไว้จากด้านหลัง "ขอโทษนะ พี่ผิดเอง พี่ขอโทษ"
"ฮึก ฮือ!!!" คนได้รับการกอดและขอโทษปล่อยโฮออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ พายัพเมฆกอดเด็กสาวไว้แบบนั้นจนร่างบางเงียบลง
"ไปแต่ตัวกลับบ้านกันนะพริกไทย" คนไม่รู้จะพูดอะไรเอ่ยบอกแล้วคำพูดนั้นก็คือคำพูดสุดท้ายก่อนที่พิมพ์ชนกจะหอบผ้าห่มหนาคุมกายเดินเข้าห้องน้ำไปเปลี่ยนชุด ไม่มีประโยชน์ที่จะมานั่งร้องไห้ หรือนอนร้องไห้
'ลูกสาวผบ.ธนกฤต ไม่อ่อนแอกับอะไรง่ายๆ แล้วก็จะไม่ทำตัวง่ายๆอีก' เด็กสาวบอกตัวเองในใจและตั้งปณิธานกับตัวเอง เธอจะไม่ง่ายยอมให้พายัพเมฆชักจูงไปแบบวันนี้อีก เหตุการณ์ในวันนี้จะเป็นบทเรียนว่าเธอไม่ควรที่จะยอมให้เขาจูบง่ายๆหรืออยู่ใกล้กับเขาสองต่อสองอีก
ไม่นานหลังจากนั้นทั้งสองจึงกลับมาถึงบ้านของเด็กสาว ธนกฤตรีบเข้ามากอดบุตรสาวทันทีอย่างไม่สนใจอะไร เขายุให้พิมพ์ชนกหายไปแต่ก็ไม่รู้ว่าเด็กสาวไปที่ไหนเพราะคิดอะไรเด็กๆแท้ๆเขาถึงตามหาพิมพ์ชนกไม่เจอ คนที่เจอกลับเป็นไอ้ลูกหมาน้อย
"งานแต่งพรุ่งนี้ยกเลิก ต่อจากนี้ฉันจะพาพริกไทยไปอยู่กับปู่ย่าของแก" ธนกฤตบอก
"ธาม แกไม่คิดบ้างเหรอ ไอ้พลายมันเจอพริกไทยตั้งแต่เช้า ป่านนี้ข้าวสารไม่เป็นข้าวสุกไปแล้วเหรอ" เพลิงตะวันบอกด้วยท่าทีนิ่งๆ
คำพูดนั้นทำให้ธนกฤตอดคิดตามขึ้นมา
"คิดดีๆนะธาม จะยอมให้พลายมันได้ทำอะไรต่ออะไรไปฟรีๆเหรอ" จอมวางแผนผู้มีอีกความสามารถคือการใส่ไฟเอ่ยต่อ
พายัพเมฆมองธนกฤตที่มองมาที่เขาก่อนแล้วด้วยท่าทีเศร้าๆ "ขอโทษนะอาธาม ผมผิดสัญญาซะแล้ว"
"ไอ้..." คนฟังอย่างธนกฤตเอ่ยได้แค่นั้นก็กัดฟันกรอดแล้วครุ่นคิด "ไม่เชื่อเว้ย พริกไทยไม่มีทางยอม"
"ผมรังแกน้อง น้องไม่ได้สมยอมหรอก" พายัพเมฆบอกและคำพูดนั้นทำให้ธนกฤตแทบพุ่งเข้ามาหาถ้าไม่ติดที่เพลิงตะวัน พิมพ์ลภัสและพิมพ์ชนกห้ามไว้
พิมพ์ชนกมองคนใจกล้าหน้าด้านที่กล้าพูดกับพ่อของเธออย่างไม่กลัวตายแล้วพูดไม่ออก ทั้งที่เขาไม่ได้รังแกเธอแม้แต่นิดและเป็นเธอที่โอนอ่อนผ่อนตามไปแต่เขากลับบอกแบบนั้นไป จะคิดเข้าข้างตัวเองได้มั้ยว่าสามีหมาดๆของเธอกำลังปดป้องเธอจากความผิดหวังของพ่อแม่
"ใจเย็นน่าธาม คิดถึงงานพรุ่งนี้ดีกว่านายยังจะให้ยกเลิกมั้ย" เพลิงตะวันถามพลางลอบยิ้ม ลูกชายเขาแสดงบทบาทได้แนบเนียนจริงๆ
"ยกเลิกกับผีอะไร มันต้องเอาทะเบียนสมรสมากองตรงหน้าฉันเท่านั้นมันถึงจะมีชีวิตรอด" ธนกฤตบอกแล้วก็สลัดคนที่จับไว้ออกเดินหนีขึ้นบันไดไป พิมพ์ชนกและพิมพ์ลภัสตามไปทันที
"เห็นมั้ย และแล้วแกก็ไม่โดนยิงทิ้ง" เพลิงตะวันบอกบุตรชายแล้วพาภรรยาเดินกลับบ้าน "อย่ายืนเซ่อ ขืนยืนอยู่นั่นไอ้ธามนึกบ้าขึ้นมาจะยุ่ง"
พายัพเมฆมองตามหลังพิมพ์ชนกแล้วเดินตามผู้เป็นพ่อและแม่กลับบ้าน
พอถึงบ้านแยกเข้าห้องคนกำลังจะเป็นเจ้าบ่าวก็นอนไม่หลับยกมือก่ายหน้าผาก นึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นหลายชั่วโมงก่อนแล้วลำคอแห่งผาด ทุกสัมผัสที่เขาสัมผัสลงบนเนื้อนุ่มยังติดตาและติดใจเขาจนรู้สึกหลับตาไม่ลง
เขาอยากจะรอให้ถึงวันที่พิมพ์ชนกพร้อมแต่เพราะเขาร้างผู้หญิงมานานหรือเธอน่าหลงใหลก็บอกตัวเองไม่ได้ดขาถึงได้ทำบ้าๆแบบนั้นไป แค่แล้วก็ต้องหันไปสนใจไลน์เมื่อคนที่เขาคิดถึงส่งไลน์มา
ไลน์
พริกไทย : พี่พลายทำไมบอกพ่อไปแบบนั้น
พลาย : บอกแบบนั้นน่ะดีแล้ว
พริกไทย : ถามหน่อย
พลาย : ว่า
พริกไทย : ที่ทำไปเมื่อเย็นเพราะเผลอไปจริงๆ หรือจงใจเพื่อพ่อจะได้ไม่ยกเลิกงานแต่ง
พลาย : ทำไมถามแบบนี้
พริกไทย : แค่อยากรู้ ว่าตัวเองใช้เค๊าเป็นเครื่องมือเพราะไม่อยากขายหน้ายกเลิกงานแต่งรึเปล่า
พริกไทย : ตอบมาตรงๆนะ
พลาย : สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้อยู่ในแผนของพี่กับพ่อ พี่ห้ามตัวเองไม่อยู่เอง ไม่ได้ใช้พริกไทยเป็นเครื่องมือเลยนะ
พายัพเมฆบอกก่อนที่จะส่งภาพแคปหน้าจอที่คุยกับผู้เป็นพ่อให้เด็กสาวดู
พริกไทย : คิดจะรักลูกเสือเหรอ
"พลาดแล้วไอ้พลาย" บอกตัวเองเมื่อพิมพ์ชนกส่งคำถามกลับมาให้
พลาย : อือ พี่คิดจะรักลูกเสือซะหน่อย ลูกเสือน่ารัก นอนกอดก็อุ่น เนื้อตัวก็นุ่ม
พริกไทย : บ้า บ้าๆๆๆๆ ไม่คุยด้วยแล้ว
พลาย : สติ๊กเกอร์หัวเราะ
พลาย : พักเยอะๆนะเหนื่อยมาตั้งแต่บ่าย พรุ่งนี้เจอกันครับ
พลาย : ฝันดีครับว่าที่เจ้าสาว ไม่สิ คุณภริ
ก็อยากให้ออกแนวกุ๊กกิ๊กไม่มีข้ามขั้นข้ามตอนแต่มือและจินตนาการมันพาไป แฮะๆ(อยากรู้ว่าไปในทิศทางนี้แล้วเรื่องจะไปยังไงต่อ) เปลี่ยนชื่อตอนเป็น "ก่อนถึงวันวิวาห์คร่าา"
กลับมาแล้วค่ะ ครั้งนี้เผลอไปแล้วอีพี่พลายอดยาวๆเลยค่ะ อดไปจนน้องพริกไทยเรียนจบเลยทีเดียว(แบบนั้นเลยดีมั้ย55)
หลังหน้าประกาศมีอีกตอนนะคะ ชื่อตอน วันแต่งงาน ไร้สาระมั้ยไม่ทราบ แต่เอาที่ไรต์สบายใจแล้วกันนะคะ
และวันนี้เป็นวันสิ้นปี ปล่อยทุกอย่างไปกับปีเก่าพรุ่งนี้ปีใหม่เราจะมาไร้สาระกันคะ กับตอนพิเศษ ไม่มีผลต่อเนื้อเรื่อง เอาความฮาอย่างเดียว ใครไม่ชอบไม่อ่านก็ไม่ว่ากัน ตอนพิเศษอลวนค่ะ จับพระนางที่จบดล้วทุกคู่มาใส่ในนั้น เอาพริกไทยกับพี่พลายไปด้วย มีเพชรแท้กับเม็ดทรายด้วย(ไม่ตามจากรุ่นพ่อแม่ไม่รู้หรอกเม็ดทรายคือใคร คือเจ้าสาวของเพชรแท้คะ) รุ่นพ่อแม่กับรุ่นลูกนี้จะอยู่ในยุคนิยาย(วัยเดียวกันเลย) งงมั้ย งงไม่อ่านก็ได้ค่ะ
ความคิดเห็น