คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : The Tale 2 :: The Twins [ฝาแฝด] 03 - สายฝนในวันที่สงบสุข
The Main Character
From The Twins
ตัวละครหลัก
สองพี่น้องฝาแฝด
ตัวละครเสริม
-แม่มดชุดขาว-
- วิกตอเรีย -
-ชายหนุ่มชุดดำ และ ชายหนุ่มนัยน์ตาสีแดง-
- เฮเลน (มารดาของสองฝาแฝด) -
ด้านหลังประตูบานใหญ่นั้นคุณเคยได้ยินเสียงบางอย่างรึเปล่า
เสียงฝีเท้าของใครบางคนเดินไปมาลอดผ่านเข้ามาพร้อมทั้งเสียงร่ำไห้ที่โศกเศร้าของเหล่าผู้คนที่เคยโดนโลกใบนี้กลั่นแกล้งจนไม่เหลือแม้แต่จิตใจที่อยากจะช่วยเหลือผู้คน
เสียงนินทาว่าร้ายของผู้คนที่อยู่โดยรอบ...ใช่...คุณไม่เคยได้ยินเสียงนั้นเลย
ในเมื่อเสียงนั่นน่ะ ไม่มีวันส่งไปถึงคนที่ยังมีชีวิตอยู่เลยแม้แต่น้อย
มอร์แกนลุกขึ้นจากที่นอนกลางดึกพลางมองออกไปยังด้านนอกของคฤหาสน์ ภายนอกนั้นพร่ามัวเนื่องจากสายฝนที่กระหน่ำลงมาอย่างไม่รู้สาเหตุมามันมาจากสิ่งใด ทว่าถึงไม่รู้ที่ว่ามันตกลงมาเช่นไรก็ตาม แต่มันกลับทำให้ทัศนวิสัยในการมองเห็นลดลง ชายหนุ่มผมเทาก้าวลงจากเตียงก่อนตรงไปยังหน้าต่างที่ทำจากกระจกอย่างดีตรงหน้า
มือเรียวยาวข้างขวาของชายหนุ่มยกมือขึ้นก่อนเช็ดกระจกที่เต็มไปด้วยหยดน้ำบางๆ
ออก พลางมองผ่านไปยังอีกฝั่งของเมือง...ภาพตรงหน้านั้นช่างดูมืดมิดกว่าทุกๆ
ครั้งที่เขาเห็นเมืองนี้แม้ยามเช้าจะดูสดใสก็ตาม
ทว่าตอนกลางคืนกลับดูหดหู่จนไม่น่าเชื่อ
เสียงของสัตว์นานาชนิดดังประสานแข่งกับเสียงสายฝนอย่างไม่หยุด
ทว่าเพราะแรงลมกลับทำให้บางอย่างที่อยู่นอกห้องล้มลงมาพร้อมเสียงแตกกระจายอย่างรุนแรง
ทำเอาเมลอสที่นอนนิ่งอยู่ถึงกับลืมตาตื่นขึ้นมาพร้อมหันมองมอร์แกนด้วยความงุนงงราวกับจะถามว่าเขาได้ทำอะไรหรือเปล่า...หากแต่คนพี่กลับส่ายหน้าน้อยๆ
แทนคำตอบก่อนเดินตรงไปยังประตูห้องพร้อมทั้งเปิดประตออก
แต่เพราะจังหวะที่เขาผลักประตูนั้นมีแรงลมพัดผ่านพอดีทำให้แรงปะทะระหว่างสายลมกับการผลักของเขาเกิดขึ้น
และผลที่ออกมามันเดาไม่ยากนั่นคือมอร์แกนล้มเพราะแรงลมนั้น
เพราะทั้งลมและน้ำหนักประตูคงไม่แปลกที่จะล้มลงแบบนั้น
ดวงตาสีมรกตเหลือบไปเห็นผู้เป็นน้องชายที่เดินมาหาอย่างเชื่องช้าก่อนยื่นมือฉุดเขาขึ้นจากพื้น
แน่นอนว่าคนเป็นพี่ยอมยื่นมือให้อย่างง่ายดายก่อนยันตัวขึ้นจากพื้นพร้อมพึมพำออกมาเบาๆ
“ลมแรงจังเลยแฮะ
จะมีพายุงั้นเหรอ?”
“ไม่รู้สิ
แต่ว่าที่นี่ใกล้ทะเลนี้”
เมลอสบอกพลางเหลือบมองผ่านหน้าต่าง
อนึ่งไกลออกไปนั้นมีชายฝั่งอยู่ เพราะแรงลมทำให้คลื่นในทะเลสูงพอสมควร มอร์แกนเองก็มองตามก่อนลองผลักประตูอีกครั้งพลางเดินออกจากห้องอย่างรวดเร็ว
ดวงตาสีมรกตไล่มองรอบๆ
เพื่อหาต้นเสียงก่อนหน้านี้ก่อนที่จะหยุดลงที่แจกันประดับบ้าน
เพราะแรงลมเมื่อครู่ทำให้มันหล่นลงมาจากฐานวางนี่เอง
ชายหนุ่มผมเทาหันมองหน้ากับผู้เป็นน้องชายตนเองก่อนหันมองหน้าต่างที่เปิดกว้างตรงหน้า...อันที่จริงไม่ใช่ว่าปิดแล้วหรือ
หรือว่ามอร์แกนลืมปิดเองแล้วจำไม่ได้กันนะ
มอร์แกนเดินตรงไปยังหน้าต่างก่อนส่องออกไปด้านนอก
ทว่ามันกลับไม่มีอะไรนอกจากสายฝนเลยทำให้เขาเหลือบมองท้องฟ้าอีกครั้งก่อนปิดหน้าต่างลงเสียงดังพร้อมทั้งหันไปกล่าวกับเมลอสที่ยืนมองเศษแก้วอยู่
“เอาล่ะ
กลับไปนอนได้แล้ว”
“แล้วจะทำยังไงกับเศษแก้วนี้”
“...ให้แม่บ้านมาเก็บตอนเช้าแล้วกัน...”
มอร์แกนบอกพลางผลักผู้เป็นน้องชายให้เดินเข้าไปในห้องเบาๆ
ทว่าเหมือนอีกคนจะหันมองเขาเล็กน้อยก่อนหันกลับในเวลาไม่นานทำเอาพี่ชายงุนงงในท่าทางเมื่อครู่ไม่น้อย
เหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่างกับเขาแต่ว่าสุดท้ายก็เลือกที่จะไม่พูดแทน
และปีนขึ้นเตียงนอนอย่างรวดเร็วพร้อมทั้งดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมทำให้มอร์แกนมองน้อยๆ
ก่อนยืนมือไปขยี้ผมน้องชายตนเองผ่านผ้าห่มผืนหนาตรงหน้าพร้อมทั้งเอนตัวลงนอนข้างๆ
เสียงสายฝนที่กระทบกับพื้นนั้นบางครั้งก็น่ารำคาญเบาๆ
ทว่าบางครั้งมันกลับดีเลยด้วยซ้ำ
อนึ่งอย่างน้อยก็ไม่ใช่ค่ำคืนที่เงียบสงบจนน่าขนลุกเพราะความเงียบสงัดนั้นมันทำให้มอร์แกนนึกถึงเรื่องสมัยเด็กบ่อยๆ
แต่ว่าอย่างน้อยเขาก็เห็นเมลอสนอนอยู่ข้างๆ ตนเองเสมอนั่นแหละที่ทำให้เขารู้สึกโล่งใจเป็นที่สุด
ถึงแบบนั้นมอร์แกนก็ยังไม่เข้าใจความรู้สึกตนเองอยู่ดี...รู้สึกโล่งใจทุกครั้งที่เห็นผู้เป็นน้องชายอยู่ข้างๆ
แม้จะไม่เข้าใจตัวเองมากก็ตามเขามักจะคิดเสมอว่าเพราะอีกฝ่ายเป็นน้องชายทำให้ตนเองเป็นห่วงมากถึงขนาดนั้น
เพราะเป็นพี่น้องสินะ ชายหนุ่มเหลือบมองคนที่นอนหันหลังให้ตนเองเล็กน้อยก่อนเลื่อนสายตาไปมองเพดานอีกครั้ง
เขารู้สึกตัวอีกครั้งรุ่งเช้าก็มาเยือนพร้อมทั้งเสียงนกร้องเบาๆ
กับอากาศที่ชื้นเล็กน้อย มอร์แกนยกมือขึ้นกุมศีรษะเล็กน้อยเนื่องจากมีอาการปวดศีรษะเล็กน้อยหลังจากที่ตื่นขึ้นมา
ทว่าเพราะท่าทางแบบนั้นของเขาทำให้เมลอสที่ลุกทีหลังหันมองเล็กน้อยก่อนเอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
เนื่องจากเจ้าตัวยังสะลึมสะลืออยู่เหมือนกัน
“ปวดหัวงั้นเหรอ?”
“อืม...นิดหน่อย”
มอร์แกนบอกทำให้เมลอสเอนตัวเข้ามาให้พร้อมทั้งยกมือขึ้นแตะหน้าผากเขาเบาๆ
ชายหนุ่มผู้เป็นพี่ชายถึงกับชะงักน้อยๆ เมื่ออีกคนเอนตัวมาใกล้แบบนี้
ทว่าเขากลับเลือกที่จะนิ่งมองอีกคนแทนก่อนที่เมลอสจะกล่าวออกมาเสียงเรียบๆ
“พี่มีไข้”
“เอ๊ะ
งั้นเหรอ?”
“เพราะฝนเมื่อคืนมั้ง”
“อ่า
จริงสิ”
ชายหนุ่มพึมพำออกมาเบาๆ
ก่อนยกมือขึ้นแตะศีรษะของตนเองในขณะที่เมลอสลุกขึ้นจากเตียงก่อนตรงไปยังโต๊ะทำงานของตนเองพลางเริ่มค้นบางอย่างอยู่นานก่อนเดินกลับมามามอร์แกนที่นั่งนิ่งอยู่ที่เดิม
ชายหนุ่มที่มีใบหน้าพิมพ์เดียวกับเขานั่งลงบนเตียงใกล้ๆ
เล็กน้อยก่อนยื่นยาสมุนไพรให้มอร์แกนพร้อมกับกล่าวต่อ
“วันนี้ไม่ต้องไปทำงานดีกว่านะ”
“แต่ข้ายังไม่บอกที่ทำงานเลย”
“อืม
เดี๋ยวข้าไปบอกให้เอง ท่าทางจะเป็นหนักกว่าที่พี่คาดไว้อีก”
เมลอสกล่าวพลางหัวเราะออกมาเบาๆ
ทำให้มอร์แกนเผลอยิ้มตาม
อนึ่งพอที่จะเข้าใจว่าผู้เป็นน้องชายหัวเราะตนเองที่ตั้งท่าจะเถียงว่าตนเองไปทำงานไหว
แต่ว่าไม่รู้ว่าเพราะเขาถึงเผลอยิ้มออกมาทุกครั้งที่เห็นอีกคนหัวเราะ
เมลอสหันมองหน้าเขาเล็กน้อยก่อนลุกขึ้นไปยังห้องน้ำ
หลังจากที่ผู้เป็นน้องชายออกไปทำงานนั้น มอร์แกนเอนตัวลงนอนบนเตียงอีกครั้ง
และมันเป็นอย่างที่เมลอสบอกไม่มีผิดเพี้ยนอนึ่งสมกับอีกคนเป็นหมอพอสมควร
มอร์แกนรู้สึกว่าศีรษะเริ่มหนักขึ้นและปวดเล็กน้อย
บวกกับอากาศที่เย็นและมีกลิ่นฝนอ่อนๆ ยิ่งทำให้เขาง่วงเข้าไปใหญ่
ทว่าไม่รู้ว่าเพราะอะไรเขากลับไม่สามารถข่มตาให้หลับได้ ดวงตาสีมรกตไล่มองไปเรื่อยๆ
จนกระทั่งหยุดลงที่หน้าต่างบานใหญ่อีกครั้ง
เขาเห็นเกสรดอกไม้สีขาวบริสุทธิ์จำนวนมากลอยขึ้นไปบนฟากฟ้าอย่างไม่หยุดหย่อนทั้งๆ
ที่ฝนกำลังตกอยู่ ทันดูแปลกๆ ใช่ไหมล่ะ ทั้งๆ ที่มีหยาดน้ำจากฟากฟ้าแท้ๆ
เกสรที่เล็กราวกับเป็นแค่เศษเสี้ยวของดอกไม้นั้นกลับไม่ได้เป็นดั่งธรรมชาติเลยแม้แต่น้อยมันทำให้มอร์แกนอดที่จะมองไม่ได้
ชายหนุ่มจ้องมองภาพนั้นอยู่นานก่อนเลื่อนสายตากลับมาในห้องเช่นเดิมพลางพยายามข่มตาหลับอีกรอบ
และในที่สุดเขาก็หลับไปจนได้ทว่าจังหวะนั้นกลับเป็นจังหวะที่เมลอสกลับมาหยิบของที่ลืมไว้ภายในห้อง
ดวงตาของผู้เป็นน้องชายจ้องพี่ชายตนเองด้วยความเป็นห่วงเล็กน้อยก่อนที่จะเดินกลับออกไปอย่างรวดเร็ว
เมลอสเดินลงบันไดของคฤหาสน์ตรงไปยังรถม้าที่จอดอยู่หน้าบ้านอย่างไม่ลังเล
เพราะฝนตกทำให้ยากที่จะเดินไปเหมือนปกติทำให้เขาเลือกที่จะนั่งรถม้าไปแทน
ทว่าจังหวะที่เขาก้าวขึ้นรถนั้นกลับมีเสียงร้องเพลงของใครบางคนดังขึ้นมาทำเอาชายหนุ่มสะดุ้งน้อยๆ
ก่อนหันมองรอบๆ แต่ถึงกระนั้นภาพเบื้องหน้าก็ว่างเปล่าเช่นเคย
มีเพียงสายฝนกับเกสรดอกไม้ที่พลิ้วไสวเท่านั้น
ชายหนุ่มผมเทามองสวนดอกไม้ใกล้ๆ บ้านของตนเองด้วยสีหน้าไม่เข้าใจพลางก้าวขึ้นรถม้าก่อนมันจะเริ่มแล่นออกไปสู่ภายนอกของบริเวณบ้าน
ทว่าถึงกระนั้นเมลอสก็อดที่จะหันมองบ้านของตนเองไม่ได้ อนึ่งเพราะห่วงพี่ชายตนเองมากเกินไป...ใช่
เพราะความห่วงพี่มากเกินไปต่างหาก ไม่มีอะไรผิดปกติไปจากคนอื่นๆ นี้ เมื่อคิดได้ดังนั้นคนเป็นน้องลอบถอนหายใจออกมาเบาๆ
พลางยกมือขึ้นลูบใบหน้าตนเองเพื่อตั้งสติกับงานในวันนี้ต่อ
ทางด้านมอร์แกนหลังจากที่หลับไปครั้งหนึ่งแล้วเขาถูกแม่บ้านปลุกให้ตื่นขึ้นมาอีกครั้งเพื่อทานอาหารเช้า
แน่นอนว่ามอร์แกนลุกขึ้นมาอย่างเชื่องช้าเนื่องจากอาการปวดหัวน้อยๆ
แต่ถึงจะเป็นแบบนี้ก็ตามชายหนุ่มก็ไม่ลืมที่จะเดินไปเข้าห้องน้ำเพื่อล้างหน้าก่อนทานอาหารเช้า
ชายหนุ่มเดินกลับมายังเตียงนอนของตนเองอีกครั้งพลางนั่งกินอาหารไปเงียบๆ
ในขณะที่แม่บ้านเดินกลับไปทำงานของตนเอง
ชายหนุ่มเหลือบมองสายฝนที่เริ่มเบาแรงลงเล็กน้อยก่อนก้าวเท้าตรงไปยังหน้าต่างบานใหญ่ตรงหน้าพร้อมทั้งเปิดออกอย่างเชื่องช้า
น่าแปลกทั้งๆ ที่เมื่อคืนลมแรงแท้ๆ แต่ว่ายามเช้ากลับเงียบสงบ
มีเพียงแค่สายฝนปรอยๆ เท่านั้นที่ตกลงมาไม่หยุด
ทว่าแม้จะเป็นแค่หยาดฝนเล็กน้อยก็ตามมันกลับทำให้พื้นเบื้องล่างเปียกชื้นบวกกับหมอกจางๆ
ที่ปรากฏขึ้นมาเพราะสายฝนนั้น นัยน์ตาสีมรกตจ้องภาพอยู่นานจนกระทั่งตัดสินใจเดินกลับเข้าไปยังเตียงของตนเองอีกครั้งพร้อมทั้งเสียงสายฝนกระทบกับพื้นเบาๆ
หากแต่สิ่งที่พวกเขาไม่รู้เลยนั่นคือหยาดฝนที่แม้จะเชื่องช้าและเบาบางเพียงแค่ไหนก็ตาม
ทว่าสุดท้ายแล้วกลับทำให้พื้นเบื้องล่างชื้นได้
เช่นเดียวกับบางสิ่งบางอย่างที่มีในตัวพวกเขา แม้จะน้อยนิด
ทว่ากลับไม่มีใครรับประกันได้จะน้อยนิดแบบนั้นเสมอไป สักวันหนึ่ง...ยิ่งสะสมมากบางสิ่งบางอย่างก็ยิ่งมากขึ้นเข้าไปอีกและไม่มีใครรับประกันว่าสักวันหนึ่ง....
...สิ่งนั้นจะบิดเบี้ยวเช่นเดียวกับสายหมอกรึเปล่า...
...และไม่มีใครรู้ได้ว่าสายฝนที่เบาบางนั้นจะเปลี่ยนเป็นมรสุมหรือเปล่า.....
------------------------------------------------------------
เป็นอะไรที่ปั้นไม่ออกจริงจังค่---
ช่วงนี้อาจจะช้านิดหน่อยเพราะแผ่นกระดาษทำวัน(ลงนิยาย)เลื่อนไปน่ะค่ะ
ความคิดเห็น