คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : บทที่ 11
บทที่ 11
หญิงสาวพาอาร์โรห์เข้ามาในเมืองใหญ่ที่เขาไม่นึกอยากจะเข้ามาเหยียบอีกไม่ว่าจะเป็นเมืองไหนก็ตาม แต่เขาก็ทำได้เพียงจำใจตามอีกฝ่ายเข้ามาเมื่อพบว่าพวกคาร์ลเองก็เดินทางมาทางเดียวกับเขา ทั้งๆที่คิดว่าสลัดหลุดแล้วแท้ๆ...
เด็กหนุ่มอินคิวบัสเดินตามนักเวทสาวติดๆ
หนึ่งด้วยกลัวพลัดหลง
และอีกหนึ่งคือเพื่อใช้กลิ่นอายของนักเวทสาวผู้นี้ในการอำพรางกลิ่นอายของเขา
‘สการ์เลท ฟรานเชสก้า’ คือชื่อของนักเวทสาวผู้นี้
อาร์โรห์แอบคิดนิดหน่อยว่าเจ้าหล่อนทำตัวสมชื่อจริงๆ ตั้งแต่เส้นผม
เสื้อผ้าที่สวม รองเท้า ผ้าปิดตา
กระเป๋า
หรือแม้กระทั่งเสื้อคลุมก็ล้วนแล้วแต่เป็น ‘สีแดง’
ทั้งสิ้น
ยังดีหน่อยที่ดวงตาขอเธอยังเป็นสีน้ำตาลเปลือกไม้
ถึงแม้ว่าสุดท้ายแล้วโดยรวมจะเป็นสีโทนเดียวกันหมดก็เถอะ...
“นี่เจ้าจะเดินเบียดข้าไปถึงไหนเนี่ย?”
“เอาเถอะน่า
รีบๆหาที่พักก่อนจะได้มั้ย”
“เจ้าไม่ได้เป็นคนออกเงินก็พูดได้สิ”
สการ์เลทบ่นเบาๆพลางพาอาร์โรห์เดินตรงไปยังโรงแรมเล็กๆที่ไม่สะดุดตาแห่งหนึ่ง
“ขอห้องพักสองห้อง”
หญิงสาวกล่าวพลางวางเหรียญทองสองเหรียญลงบนโต๊ะเคาน์เตอร์
ชายชราที่ยืนอยู่ด้านหลังเคาน์เตอร์รับคำปลกๆพลางเก็บเงินไปก่อนจะหยิบเอากุญแจห้องสองห้องออกมาจากที่แขวน
“เชิญที่ชั้นสองได้เลยครับ” เสียงแหบๆตามประสาคนอายุมากกล่าวพลางชี้ไปทางบันได
นักเวทสาวคว้าเอากุญแจทั้งสองดอกมาก่อนจะโยนดอกหนึ่งมาให้อาร์โรห์ที่ทำเพียงรับกุญแจดอกนั้นไว้ได้ง่ายๆ
เขามองตัวเลขที่เขียนอยู่บนแผ่นไม้เล็กๆที่ติดอยู่กับตัวพวง จากนั้นจึงได้เดินหาห้องตามหมายเลขนั้น
อาร์โรห์ถอนหายใจเฮือกหลังจากที่เข้ามาในห้อง แต่ยังไม่ทันได้ก้าวไปจากหน้าประตู
เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นเป็นเหตุให้เขาต้องหันไปมองอย่างแปลกใจ
เขาดึงประตูเปิดออก
แต่ยังไม่ทันได้มองคนที่มาเคาะประตูด้วยซ้ำลมวูบหนึ่งก็พัดตรงมายังใบหน้าของเขาด้วยความหนักหน่วงรุนแรง!
หมับ!
“เฮ้ย!?”
“พวกเจ้าคิดจะทำอะไรอย่างนั้นเหรอ?”
กล่าวทั้งใบหน้านิ่งๆ นัยน์ตาสีนิลกวาดมองชายฉกรรจ์ตัวใหญ่ๆสี่ห้าคนที่มายืนออกันอยู่หน้าห้องซึ่งเป็นเพียงระเบียงทางเดินแคบๆพอให้คนสองคนเดินขนาบข้างกันไปเท่านั้น
จากนั้นเขาก็ปล่อยมือข้างที่ถูกส่งมาจะตันหน้าเขาเมื่อครู่เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ท่าทางเจ้าจะมีกะตังนี่หว่า เอาเงินมาให้พวกข้า แล้วพวกข้าจะไปดีๆเลย!”
“เสียใจด้วย
ข้าไม่มี”
“ว่าไงนะ??
คิดว่าจะหลอกพวกข้าได้หรือไง???
ท่าทางขี้ก้างอย่างเจ้า
แล้วยังท่าทางเหนียมๆเหมือนพวกลูกผู้ดี
วันๆอ่านแต่หนังสือแบบเจ้าน่ะเหรอ?? เฮอะ! ข้าไม่เชื่อว่ะ!!”
“ไม่เชื่อก็ตามใจ อย่ามายุ่งกับข้าเป็นพอ”
กล่าวจบอาร์โรห์ก็คิดจะดันประตูปิด
แต่อีกฝ่ายกลับเอามือยันประตูห้องไว้จนมันแนบไปกับผนังห้อง
อุตสาห์จะไม่มีเรื่องแล้วแท้ๆ...
“คิดว่าบอกว่าไม่มีเงินแล้วพวกข้าจะปล่อยเจ้าไปหรือไง??
หือ?”
อาร์โรห์หรี่ตาลง มองสำรวจอีกฝ่ายอีกครั้ง ใช้สายตาในการประเมินว่าอีกฝ่ายจะมีฝีมือขนาดไหนและเขาจะรับมือด้วยวิธีแบบใด
หมัดหลุนๆถูกเหวี่ยงเข้ามาหาเขาอย่างไม่ให้ทันตั้งตัว
อาร์โรห์จึงต้องอาศัยสัญชาตญาณหลบหมัดนั้นไปด้วยการหงายหลังหลบ
ก่อนจะรั้งข้อมือของอีกฝ่ายด้วยมือทั้งสองข้างเหวี่ยงข้ามศีรษะกระแทกลงกับพื้น ทว่าเมื่ออาร์โรห์เห็นว่าอีกฝ่ายยังลุกขึ้นมาได้
เขาก็พุ่งเข้าไปหาและกระโดดเหวี่ยงขาเตะขนานกับพื้นเข้าก้านคออีกฝ่ายเต็มๆ เป็นเหตุให้อีกฝ่ายล้มลงหมดสติทันที
ทุกอย่างที่เกิดขึ้นอาจเรียกได้ว่าเกิดขึ้นภายในไม่กี่วินาที แต่มันกลับทำให้คนอื่นๆที่ยืนอยู่หน้าห้องยืนอึ้งกันเป็นแถบๆเมื่อเห็นพวกของตนเองถูกทำซะหมอบภายในเวลาสั้นๆ
อาร์โรห์ลงสู่พื้นอย่างสวยงามโดยที่ยังคงหันหลังให้กับบานประตูที่เปิดอ้า
เขาทำเพียงเหลือบมองคนที่ยืนอยู่หน้าประตูนิ่งๆด้วยสายตาคมกริบ จากนั้นจึงก้มลงดึงร่างของคนที่นอนกองอยู่บนพื้นและโยนคืนให้พวกนั้นอย่างไม่ยี่หระ
อีกฝ่ายรับร่างของคนที่ลอยมาด้วยสภาพทุลักทุเล ก่อนจะรีบพากันโกยอ้าวพร้อมๆกับตะโกนไปด้วย
“สัตว์ประหลาดดดดดดดด!!!!”
อาร์โรห์ไม่ได้ใส่ใจ เขาเป็นปีศาจ
ต่างจากสัตว์ประหลาดก็เพียงเส้นคั่น
และต่อให้โดนเรียกแบบนั้นแล้วทำไม?
จะมีคนเชื่อคนพวกนั้นสักกี่คนกันเชียว
เขาผลักประตูปิด
ตั้งใจจะพักผ่อนเสียหน่อย
แต่เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นอีก
เป็นเหตุให้อาร์โรห์ต้องขมวดคิ้วแล้วเดินไปเปิดประตูอีกครั้ง
คนที่ยืนอยู่หน้าประตูคือหญิงสาวผู้มีสีแดงทั้งร่าง…
สการ์เลทนั่นเอง
“เจ้าเอง?”
“เมื่อกี้ข้าเห็นคนพวกนั้นเดินมาจากห้องเจ้า”
“ไม่มีอะไรหรอก
ก็แค่พวกรีดไถเงิน” กล่าวก่อนจะถอนหายใจเฮือก
แต่แล้วก็กลับถูกหญิงสาวตรงหน้ามองมาด้วยสายตาเหมือนจะไม่เชื่อเท่าไหร่นัก
“อะไร??”
“อย่างเจ้าเนี่ยนะ ไล่พวกรีดไถเงินตัวใหญ่ๆแบบนั้น”
ไม่ว่าเปล่า อีกฝ่ายยังกวาดตามองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า เท้าจรดหัวอีกสามสี่ครั้งเหมือนพิจารณา
“ถ้าเป็นพวกที่ตัวใหญ่แต่แรงปวกเปียกก็ว่าไปอย่าง
แต่ดูยังไงเจ้าพวกนั้นก็น่าจะมีแรงพอๆกับวัวควาย แต่เจ้าที่ตัวเล็กๆบางๆกลับ...ไม่มีรอยแผล...”
“นี่เจ้าดูถูกกันขนาดนี้เชียว?”
“ฮึ!” เธอหัวเราะขึ้นจมูกเบาๆ ก่อนจะกลับเข้าประเด็นที่เธอมาหาเขา
“ขอเข้าไปหน่อยสิ”
อาร์โรห์นิ่งไปครู่หนึ่งจึงหลีกทางให้อีกฝ่ายเดินเข้ามา
สการ์เลทนั่งลงที่เก้าอี้ชุดในห้อง รอจนอาร์โรห์ปิดประตูห้องเรียบร้อยจึงได้เอ่ย
“ข้าเห็นคนกลุ่มหนึ่งมาถามหาเจ้า”
“หาข้า??”
“ใช่” เธอกล่าวพลางพยักหน้า
“เป็นกลุ่มผู้ชายสองคน
ผู้หญิงหนึ่งคน
แถมหนึ่งในนั้นยังมีนัยน์ตาต้องสาปด้วย”
“...!”
อาร์โรห์ทำได้เพียงเบิกตากว้างขึ้น
ก่อนจะหลบสายตาของอีกฝ่ายที่มองมา
เขาจึงไม่ทันได้เห็นสายตาของนักเวทสาวที่ส่องประกายไม่น่าไว้ใจบางอย่าง
ประกายตาที่แสดงถึงความกระหายอยากได้ และโลภมาก!
“ส...สการ์เลท
เจ้าอย่าพูดเรื่องนี้ต่อหน้าข้าอีกนะ
คนพวกนั้น...ข้าไม่รู้จักหรอก...”
อาร์โรห์กล่าวประโยคสุดท้ายด้วยน้ำเสียงที่แสดงถึงความไม่แน่ใจ
และสาวเจ้าเองก็จับสังเกตเห็นมันได้อย่างชัดเจน แต่เธอก็ไม่ได้พูดอะไรมากไปกว่าคำว่า ‘อืม’ เป็นการรับคำ และขอตัวออกจากห้องของอาร์โรห์ไป
ตกเวลากลางดึก
ภายในห้องพักของนักเวทสาวนาม
สการ์เลท
ร่างสูงโปร่งของชายหนุ่มคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นที่หน้าต่าง ขาแตะลงบนพื้นยืนอย่างมั่นคง เสียงของส้นรองเท้าที่สัมผัสถูกพื้นเบาๆ ทำให้หญิงสาวที่นอนอยู่บนผืนเตียงรู้สึกตัวตื่น
“นายท่าน...”
“สการ์เลท
ข้าอยากให้เจ้าเร่งมือ
พาอาร์โรห์มาหาข้าให้เร็วที่สุด”
“ทำไมต้องรีบด้วยล่ะเจ้าคะ?
เจ้าปีศาจนั่นยังไงตอนนี้ก็ถูกข้าหลอกจนสนิทใจแล้ว
รอหลอกพรรคพวกของมันมาให้ครบก่อนก็ยังไม่สายนะเจ้าคะ??”
“หึๆๆ
ไม่ต้องห่วงไปหรอก
ขอแค่ได้ตัวอาร์โรห์มา เจ้าพวกนั้นก็ไม่หนีไปไหนแล้ว แถมยังจะเดินเข้ามาหาพวกเราเองด้วย แบบนี้ไม่สบายกว่าหรือไง?”
“นายท่าน...ทำไมข้าถึงคิดไม่ได้นะ ข้านี่โง่จริง”
“สมองของศพ...จะคิดอะไรได้มากไปกว่านี้เล่า...ฮึๆๆ
อย่าลืมซะล่ะ พาอาร์โรห์มาหาข้า”
“เจ้าค่ะ” หญิงสาวก้มศีรษะรับคำ รอจนอีกฝ่ายจากไปเธอจึงนอนลงอีกครั้ง เปลือกตาปิดลงหลับลึกต่อ ราวกับว่าก่อนหน้านี้เธอไม่ได้ตื่นขึ้นมากลางดึก และเมื่อเธอตื่นขึ้นมาเธอก็ลืมสิ่งที่ได้พูดคุยกับชายหนุ่มคนนั้นไปจนหมดสิ้น
รอจนกว่าจะถึงเวลาที่เหมาะสมเพื่อให้เธอทำตามคำสั่งนั้น...
สการ์เลทพาอาร์โรห์ออกเดินทางต่อในช่วงเที่ยงของวันถัดมา
เดินทางออกจากเมืองใหญ่กลับสู่ผืนป่าที่ดูจะมีไอความมืดลอยอวลไปทั่วอย่างที่ไม่น่าจะปรากฏบนโลกมนุษย์ได้
อาจเป็นเพราะปีศาจที่หลุดเข้ามาในโลกมนุษย์ที่เป็นต้นเหตุให้เกิดปรากฏการณ์ประหลาดนี้ขึ้น แต่อาร์โรห์ก็ทำได้เพียงคาดการณ์เงียบๆอยู่คนเดียว
จะให้สาวเจ้าที่ดูจะเด่นสะดุดตาจนแม้แต่สัตว์ปีศาจก็ยังวิ่งเข้าหาคนนี้รู้ไม่ได้เด็ดขาด
ใช่แล้ว
ตอนนี้พวกเขากำลังเผชิญหน้ากับสัตว์ปีศาจฝูงเบ้อเริ่ม
เหมือนว่าจะเป็นจิ้งจอกขนเพลิงที่มีความสามารถในการพ่นไฟและบังคับไฟ อีกทั้งเพลิงของพวกมันยังดับเองไม่ได้จนกว่าจะฆ่าจิ้งจอกขนเพลิงที่เป็นเจ้าของไฟทิ้งเท่านั้นด้วย
อาร์โรห์นึกถึงสิ่งที่เคยได้อ่านมาจากหนังสือในโลกปีศาจ
แน่นอนว่าเขาไม่เคยเผชิญหน้ากับสัตว์ปีศาจชนิดนี้ แม้ว่าจะเคยอ่านข้อมูลผ่านตามาบ้าง แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เขาเกิดข้อได้เปรียบขึ้นมาเลยแม้แต่น้อย
“ช่วงนี้นี่ปีศาจออกอาละวาดบ่อยจริง
ก่อนหน้านี้ข้าว่ายังไม่เคยเผชิญหน้ากับปีศาจในเขตที่มีมนุษย์อาศัยอยู่เลยนะ”
ไม่เคยเจอในเขตที่มีมนุษย์อาศัย...?
อาร์โรห์ขมวดคิ้วกับคำพูดนั้น แต่เขาก็ไม่มีเวลาคิดมากนักเมื่อมีจิ้งจอกขนเพลิงตัวหนึ่งพ่นไฟเข้าใส่พวกเขาจนต่างฝ่ายต่างต้องแยกกันหลบไปคนละทิศ ทว่าเรื่องแปลกมันหลังจากนี้ต่างหาก
มีจิ้งจอกขนเพลิงตามอาร์โรห์มาเพียงสามตัว
...แล้วที่เหลือไปไหน?
เด็กหนุ่มชาวอินคิวบัสตัดสินใจหยุดขาที่พาตัวเองเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วลง
และหันมาเผชิญหน้ากับจิ้งจอกขนเพลิงทั้งสามตัวที่หยุดฝีเท้าลงไม่ไกลจากเขานัก
ต่างฝ่ายต่างคุมเชิงกันชั่วครู่ จนแน่ใจว่าไม่มีใครคิดจะกระโจนเข้ามาหา อาร์โรห์จึงตัดสินใจเอ่ยถามออกไป
“พวกเจ้าต้องการอะไรกันแน่”
เหมือนจิ้งจอกขนเพลิงเหล่านั้นจะเข้าใจในสิ่งที่เขาพูด พวกมันหันหน้าเข้าหากันเป็นเชิงปรึกษา ก่อนที่จะมีตัวหนึ่งก้าวออกมาข้างหน้า
มันอ้าปากออกราวกับพร้อมจะพ่นไฟใส่เขาจนอาร์โรห์ต้องย่อตัวลงตั้งท่าพร้อมหลบการโจมตี
แต่แล้วก็กลับมีเสียงดังออกมาจากปากยาวๆของเจ้าสัตว์ปีศาจตรงหน้า
“ข้าจะเตือนด้วยความหวังดี เลิกยุ่งกับศพนั่นซะจะดีกว่า”
หา?
สัตว์ปีศาจพูดได้??
เหมือนอาร์โรห์จะอึ้งจนผงะไปครู่หนึ่งเมื่อพบว่าสัตว์ปีศาจที่ปกติจะพูดไม่รู้เรื่อง
คุยกันก็ไม่ได้กลับพูดออกมาเป็นประโยคที่ฟังรู้เรื่อง แถมยังเป็นการเป็นงานอีกต่างหาก
ผ่านไปครู่หนึ่งกว่าเขาจะรู้ตัวว่าตัวเองอึ้งผิดประเด็นไป
“พ...พวกเจ้าหมายความว่ายังไงกันแน่...ศพอะไร...?”
“ก็ผู้หญิงที่อยู่กับเจ้าไง...นี่เจ้าไม่รู้ตัวเลย??”
“เป็นไปไม่ได้หรอก ข้ายังรู้สึกได้ถึงไอพลังชีวิต...”
เสียงที่อาร์โรห์พูดค่อยๆเบาลงเรื่อยๆเมื่อเขาค้นพบความจริงที่ทำเอาขนแขนของเขาลุกชัน
เหงื่อเย็นๆไหลออกมาเต็มแผ่นหลังรวมทั้งฝ่ามือทั้งสองข้างที่ถูกสวมถุงมือทับ
อาร์โรห์มั่นใจว่าสการ์เลทเป็นผู้หญิง แต่ไอพลังชีวิตในร่างกลับเป็นของผู้ชาย
ซ้ำร้ายยังเป็นพลังชีวิตของปีศาจที่มีเวทกล้าแข็งพอจะประกอบพิธีคืนชีพ...
สการ์เลทไม่ใช่พวกซอมบี้หรือกูล
แต่เป็นเหมือนกับตุ๊กตาที่ถูกใส่ดวงวิญญาณเข้าไป ทำให้มีชีวิตและถูกควบคุมความทรงจำ...
...โหดร้าย... ใครกันที่เป็นคนทำเรื่องแบบนี้...
“ทางสมาคมปีศาจที่อยู่ที่โลกมนุษย์จับไอพลังชีวิตของนางที่ควรจะตายไปแล้วได้ เลยส่งพวกข้ามากำจัดนางซะ ไม่อย่างนั้นมันจะเป็นอันตรายต่อปีศาจที่โลกมนุษย์นี่”
“อะไรนะ...”
“อย่างที่บอกไปนั่นแหละ อย่าเข้ามายุ่งอีกล่ะ”
เหมือนกลัวว่าอาร์โรห์จะเอ่ยอะไรมากไปกว่านั้น
จิ้งจอกขนเพลิงทั้งสามตัวจึงได้โจนทะยานออกไปทันที
เด็กหนุ่มอินคิวบัสทำได้เพียงยืนนิ่งอยู่กับที่ รู้สึกเหมือนถูกปั่นหัว
เขานิ่งคิดว่าใครกันที่สามารถทำให้สการ์เลทกลับมามีชีวิต แล้วทำไมถึงต้องมาตีสนิทเขา จะบอกว่าเป็นฝีมือพวกคาลร์ก็ไม่น่าใช่ ...หรือว่าจะเป็น...
เฮคเตอร์...
อาร์โรห์สะดุดกับความคิดตนเอง
หากเป็นเฮคเตอร์ก็น่าจะให้สการ์เลทฆ่าเขาไปแล้วสิ แต่นี่นอกจากจะไม่ทำอะไรยังเคยช่วยเขาไว้ด้วย
...จะเป็นไปได้ยังไง...
อาร์โรห์ยกมือขึ้นกุมขมับตนเอง นี่มันใช่เวลามานั่งคิดเรื่องนี้หรือไงกัน...
ตู้ม!!!
เสียงระเบิดจากจุดที่ห่างออกไปทำเอาอาร์โรห์สะดุ้งโหยง
ก่อนที่เขาจะสัมผัสได้ถึงไอพลังเวทที่พุ่งผ่านลมที่เกิดจากแรงระเบิดเข้ามาหา
ไอพลังเวทของสการ์เลท!
คิดได้เพียงเท่านั้นร่างเพรียวลมของอาร์โรห์ก็โจนทะยานออกไปยังจุดที่เกิดการระเบิดเมื่อครู่ทันที
ทว่าเพียงแค่มาถึงมันก็กลับทำให้อาร์โรห์ต้องสูดหายใจเฮือก ตรงหน้าของเขาคือหลุมขนาดใหญ่ มีเพียงบริเวณกลางหลุมที่ไม่โดนระเบิดจึงกลายเป็นแท่นสูง และบนนั้นก็มีร่างสีแดงยืนโดดเด่น
เส้นผมสีแดงเป็นลอนยาวเลยไหล่ลงมาเล็กน้อยปลิวไปตามสายลม ดวงตาสีเปลือกไม้ไร้แววของความเป็นมนุษย์ ใบหน้านิ่งเรียบเย็นชา มองดูหลุมรอบกายอย่างไม่ใส่ใจ แต่เพียงไม่นาน เหมือนเธอจะเพิ่งรู้สึกตัว ร่างของเธอสะดุ้งขึ้น แต่ก็ต้องกุมศีรษะและคู้ตัวลง
เห็นเช่นนั้น
อาร์โรห์ที่คิดว่าจะมาเพียงยืนยันสิ่งที่ได้รับฟังมาก็กลับใจอ่อนและออกไปช่วยพยุงเธอเข้ามาพักในร่มจนได้
“สการ์เลท
เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?”
“อือ...ปวดหัว...”
“นี่...เกิดอะไรขึ้น? แล้วจิ้งจอกขนเพลิงพวกนั้นล่ะ??”
“ไม่รู้สิ
พวกมันไล่ตามข้ามา
ส่วนข้าก็ใช้เวทต่อสู้
หลังจากนั้นข้าก็จำไม่ได้แล้ว...”
ได้ยินดังนั้นอาร์โรห์ก็ขมวดคิ้วมุ่น
...จำอะไรไม่ได้...นั่นก็หมายความว่าเธอไม่ได้สติตอนที่ใช้เวทเอาชนะพวกจิ้งจอกขนเพลิงน่ะสิ?
หรือว่าจะถูกควบคุมร่างกาย...
“นี่
แล้วเจ้าน่ะ หายไปไหนมาไม่ทราบ”
“หา?
ข้าเหรอ?
ข้าก็ถูกจิ้งจอกขนเพลิงตามเหมือนกัน”
สการ์เลทมองอาร์โรห์ด้วยสายตาที่เหมือนจะติดป้ายว่า
‘ข้าไม่เชื่อเจ้า’ เอาไว้
เธอมองสำรวจอาร์โรห์ตั้งแต่หัวจรดเท้า
เท้าจรดหัว (อีกแล้ว)
ก่อนจะส่ายหน้า
สะอาดเอี่ยมแบบนี้เชื่อได้ที่ไหน!!!
“...” อาร์โรห์ตีหน้านิ่งใส่ ท่าทางคงคิดปลงกับการโดนสำรวจแบบนี้แล้ว
จากนั้นจึงลุกขึ้นยืนเต็มความสูงและยื่นมือมายังหญิงสาวที่มองมายังเขาพลางเลิกคิ้วขึ้น
“อะไร?”
“ก็...เดินทางต่อไง”
คิ้วของสการ์เลทถูกยกขึ้นมากกว่าเดิม เธอมองฝ่ามือภายใต้ถุงมือผ้าสีดำเปรอะดินอยู่ครู่หนึ่ง
สุดท้ายจึงยอมยื่นมือออกไปจับมือของอาร์โรห์เพื่อใช้เป็นหลักในการลุก เมื่อยืนได้มั่น
สการ์เลทก็ปัดฝุ่นออกจากมือและกระโปรงของตัวเองเบาๆ
อาร์โรห์ที่เห็นดังนั้นจึงมองสำรวจรอบๆ จนไม่ทันได้สังเกตว่านักเวทสาวได้เงื้อมือขึ้น...
ป้าบ!!!
“โอ๊ย!! สการ์เลท เจ้าตบหัวข้าทำไมเนี่ย!!?”
“ลงโทษไง”
“ลงโทษเรื่องอะไรไม่ทราบ...”
อาร์โรห์เบ้หน้า
แต่นอกจากจะไม่ได้คำตอบ
สการ์เลทยังเดินหนีอีกต่างหาก “เฮ้! รอข้าด้วยสิ!!”
เขาตัดสินใจแล้ว...ไม่ว่ายังไงเขาก็จะช่วยปลดปล่อยสการ์เลทเอง!
“ฮึๆๆ
อาร์โรห์...ในเมื่อเจ้าอยากจะตายขนาดที่รู้ว่าจะต้องสู้กับข้าก็ยังมา ข้าก็จะสนองให้ ฮึๆๆ
ฮ่าๆๆๆๆๆ!!!!”
เสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่งดังก้องอยู่ในห้องโถงอันมืดมิด ที่กลางห้องปรากฏภาพของคนๆหนึ่งในมุมของคนที่เดินอยู่ด้านข้าง ใบหน้าขาวสะอาด นัยน์ตาสีนิลวาวใส และเส้นผมสีรัตติกาลเงางามยาวสยายที่ปลิวไปตามสายลม
โดยรวมแล้วผู้ที่เห็นอาจลงความเห็นว่าอีกฝ่ายเป็นเด็กสาวแรกแย้มผู้งดงามที่ทำให้ใครหลายๆคนหลงใหล โดยไม่มีใครนึกเลยว่าอีกฝ่ายจะเป็นปีศาจแฝงฝันอินคิวบัส
...อาร์โรห์
เลอร์จิล...
เฮือก!
อาร์โรห์สะดุ้งโหยงเมื่อรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างจ้องมองมา
แผ่นหลังอยู่ๆก็เกิดเย็นวาบเหมือนสัมผัสได้ถึงแรงประสงค์ร้ายบางอย่าง
ความรู้สึกด้านลบที่ลอยมากับสายลมกระทบเข้ากับร่างของเขาอย่างเจาะจงตัว
“เป็นอะไรไปน่ะอาร์โรห์?”
“ป...เปล่าหรอก
ไม่มีอะไร” ไม่มีอะไร...แค่ตอนนี้น่ะนะ....
“งั้นก็แล้วไป”
อาร์โรห์ถอนหายใจเฮือก
มองสำรวจรอบๆครู่หนึ่งแล้วจึงออกตัวเดินตามสการ์เลทที่เดินไปก่อนแล้ว ต่อจากนี้ไปคงต้องระวังตัวมากกว่าเดิม...
...เฮคเตอร์
เทรานอส...
แค้นเขาถึงขนาดต้องใช้คนอื่นมาเป็นเครื่องมือ ทำร้ายผู้อื่นอย่างไร้เหตุผล เอาคนที่ไม่เกี่ยวข้องเข้ามาในการล้างแค้น ช่างเป็นคนที่เห็นแก่ตัวและไร้เหตุผลจริงๆ...
_____________________________________________________________________________________________________
หลังจากไรท์หายไปนานก็ได้กลับมาอัพเพิ่มอีกตอนแล้วค่า
ใกล้ถึงฉากที่ไรท์ถนัดแล้ว(?) และก็ใกล้จะครึ่งเรื่องแ้ลวด้วย (หรือเลยมาแล้วก็จำไม่ได้(?)
ขอมาพรีเซนต์เพจอีกครั้งนะคะ
ทุกคนสามารถไปตามไปถามหานิยายของไรท์ได้จากที่นี่เลยค่ะ ไม่ต้องกลัวว่าจะมีคนมาตอบแทนเพราะแอดมินเพจนี้มีไรท์คนเดียวค่า
ความคิดเห็น