ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Incubus ฝันอันตราย ภาค The Cursed Eyes (จบ)

    ลำดับตอนที่ #12 : บทที่ 11

    • อัปเดตล่าสุด 6 ก.ย. 58


    บทที่ 11

     

    หญิงสาวพาอาร์โรห์เข้ามาในเมืองใหญ่ที่เขาไม่นึกอยากจะเข้ามาเหยียบอีกไม่ว่าจะเป็นเมืองไหนก็ตาม  แต่เขาก็ทำได้เพียงจำใจตามอีกฝ่ายเข้ามาเมื่อพบว่าพวกคาร์ลเองก็เดินทางมาทางเดียวกับเขา  ทั้งๆที่คิดว่าสลัดหลุดแล้วแท้ๆ...

    เด็กหนุ่มอินคิวบัสเดินตามนักเวทสาวติดๆ หนึ่งด้วยกลัวพลัดหลง  และอีกหนึ่งคือเพื่อใช้กลิ่นอายของนักเวทสาวผู้นี้ในการอำพรางกลิ่นอายของเขา

    สการ์เลท  ฟรานเชสก้าคือชื่อของนักเวทสาวผู้นี้  อาร์โรห์แอบคิดนิดหน่อยว่าเจ้าหล่อนทำตัวสมชื่อจริงๆ  ตั้งแต่เส้นผม  เสื้อผ้าที่สวม  รองเท้า  ผ้าปิดตา  กระเป๋า  หรือแม้กระทั่งเสื้อคลุมก็ล้วนแล้วแต่เป็น สีแดงทั้งสิ้น  ยังดีหน่อยที่ดวงตาขอเธอยังเป็นสีน้ำตาลเปลือกไม้

    ถึงแม้ว่าสุดท้ายแล้วโดยรวมจะเป็นสีโทนเดียวกันหมดก็เถอะ...

    “นี่เจ้าจะเดินเบียดข้าไปถึงไหนเนี่ย?”

    “เอาเถอะน่า  รีบๆหาที่พักก่อนจะได้มั้ย”

    “เจ้าไม่ได้เป็นคนออกเงินก็พูดได้สิ” สการ์เลทบ่นเบาๆพลางพาอาร์โรห์เดินตรงไปยังโรงแรมเล็กๆที่ไม่สะดุดตาแห่งหนึ่ง

    “ขอห้องพักสองห้อง” หญิงสาวกล่าวพลางวางเหรียญทองสองเหรียญลงบนโต๊ะเคาน์เตอร์  ชายชราที่ยืนอยู่ด้านหลังเคาน์เตอร์รับคำปลกๆพลางเก็บเงินไปก่อนจะหยิบเอากุญแจห้องสองห้องออกมาจากที่แขวน “เชิญที่ชั้นสองได้เลยครับ” เสียงแหบๆตามประสาคนอายุมากกล่าวพลางชี้ไปทางบันได

    นักเวทสาวคว้าเอากุญแจทั้งสองดอกมาก่อนจะโยนดอกหนึ่งมาให้อาร์โรห์ที่ทำเพียงรับกุญแจดอกนั้นไว้ได้ง่ายๆ  เขามองตัวเลขที่เขียนอยู่บนแผ่นไม้เล็กๆที่ติดอยู่กับตัวพวง  จากนั้นจึงได้เดินหาห้องตามหมายเลขนั้น

    อาร์โรห์ถอนหายใจเฮือกหลังจากที่เข้ามาในห้อง  แต่ยังไม่ทันได้ก้าวไปจากหน้าประตู  เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นเป็นเหตุให้เขาต้องหันไปมองอย่างแปลกใจ

    เขาดึงประตูเปิดออก  แต่ยังไม่ทันได้มองคนที่มาเคาะประตูด้วยซ้ำลมวูบหนึ่งก็พัดตรงมายังใบหน้าของเขาด้วยความหนักหน่วงรุนแรง!

    หมับ!

    “เฮ้ย!?”

    “พวกเจ้าคิดจะทำอะไรอย่างนั้นเหรอ?” กล่าวทั้งใบหน้านิ่งๆ  นัยน์ตาสีนิลกวาดมองชายฉกรรจ์ตัวใหญ่ๆสี่ห้าคนที่มายืนออกันอยู่หน้าห้องซึ่งเป็นเพียงระเบียงทางเดินแคบๆพอให้คนสองคนเดินขนาบข้างกันไปเท่านั้น  จากนั้นเขาก็ปล่อยมือข้างที่ถูกส่งมาจะตันหน้าเขาเมื่อครู่เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

    “ท่าทางเจ้าจะมีกะตังนี่หว่า  เอาเงินมาให้พวกข้า  แล้วพวกข้าจะไปดีๆเลย!

    “เสียใจด้วย  ข้าไม่มี”

    “ว่าไงนะ??  คิดว่าจะหลอกพวกข้าได้หรือไง???  ท่าทางขี้ก้างอย่างเจ้า  แล้วยังท่าทางเหนียมๆเหมือนพวกลูกผู้ดี  วันๆอ่านแต่หนังสือแบบเจ้าน่ะเหรอ?? เฮอะ! ข้าไม่เชื่อว่ะ!!

    “ไม่เชื่อก็ตามใจ  อย่ามายุ่งกับข้าเป็นพอ” กล่าวจบอาร์โรห์ก็คิดจะดันประตูปิด  แต่อีกฝ่ายกลับเอามือยันประตูห้องไว้จนมันแนบไปกับผนังห้อง

    อุตสาห์จะไม่มีเรื่องแล้วแท้ๆ...

    “คิดว่าบอกว่าไม่มีเงินแล้วพวกข้าจะปล่อยเจ้าไปหรือไง?? หือ?”

    อาร์โรห์หรี่ตาลง  มองสำรวจอีกฝ่ายอีกครั้ง  ใช้สายตาในการประเมินว่าอีกฝ่ายจะมีฝีมือขนาดไหนและเขาจะรับมือด้วยวิธีแบบใด

    หมัดหลุนๆถูกเหวี่ยงเข้ามาหาเขาอย่างไม่ให้ทันตั้งตัว  อาร์โรห์จึงต้องอาศัยสัญชาตญาณหลบหมัดนั้นไปด้วยการหงายหลังหลบ  ก่อนจะรั้งข้อมือของอีกฝ่ายด้วยมือทั้งสองข้างเหวี่ยงข้ามศีรษะกระแทกลงกับพื้น  ทว่าเมื่ออาร์โรห์เห็นว่าอีกฝ่ายยังลุกขึ้นมาได้  เขาก็พุ่งเข้าไปหาและกระโดดเหวี่ยงขาเตะขนานกับพื้นเข้าก้านคออีกฝ่ายเต็มๆ  เป็นเหตุให้อีกฝ่ายล้มลงหมดสติทันที

    ทุกอย่างที่เกิดขึ้นอาจเรียกได้ว่าเกิดขึ้นภายในไม่กี่วินาที  แต่มันกลับทำให้คนอื่นๆที่ยืนอยู่หน้าห้องยืนอึ้งกันเป็นแถบๆเมื่อเห็นพวกของตนเองถูกทำซะหมอบภายในเวลาสั้นๆ

    อาร์โรห์ลงสู่พื้นอย่างสวยงามโดยที่ยังคงหันหลังให้กับบานประตูที่เปิดอ้า  เขาทำเพียงเหลือบมองคนที่ยืนอยู่หน้าประตูนิ่งๆด้วยสายตาคมกริบ  จากนั้นจึงก้มลงดึงร่างของคนที่นอนกองอยู่บนพื้นและโยนคืนให้พวกนั้นอย่างไม่ยี่หระ

    อีกฝ่ายรับร่างของคนที่ลอยมาด้วยสภาพทุลักทุเล  ก่อนจะรีบพากันโกยอ้าวพร้อมๆกับตะโกนไปด้วย

    “สัตว์ประหลาดดดดดดดด!!!!

    อาร์โรห์ไม่ได้ใส่ใจ  เขาเป็นปีศาจ  ต่างจากสัตว์ประหลาดก็เพียงเส้นคั่น  และต่อให้โดนเรียกแบบนั้นแล้วทำไม?  จะมีคนเชื่อคนพวกนั้นสักกี่คนกันเชียว

    เขาผลักประตูปิด  ตั้งใจจะพักผ่อนเสียหน่อย  แต่เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นอีก  เป็นเหตุให้อาร์โรห์ต้องขมวดคิ้วแล้วเดินไปเปิดประตูอีกครั้ง

    คนที่ยืนอยู่หน้าประตูคือหญิงสาวผู้มีสีแดงทั้งร่าง

    สการ์เลทนั่นเอง

    “เจ้าเอง?”

    “เมื่อกี้ข้าเห็นคนพวกนั้นเดินมาจากห้องเจ้า”

    “ไม่มีอะไรหรอก  ก็แค่พวกรีดไถเงิน” กล่าวก่อนจะถอนหายใจเฮือก  แต่แล้วก็กลับถูกหญิงสาวตรงหน้ามองมาด้วยสายตาเหมือนจะไม่เชื่อเท่าไหร่นัก

    “อะไร??”

    “อย่างเจ้าเนี่ยนะ  ไล่พวกรีดไถเงินตัวใหญ่ๆแบบนั้น” ไม่ว่าเปล่า  อีกฝ่ายยังกวาดตามองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า  เท้าจรดหัวอีกสามสี่ครั้งเหมือนพิจารณา “ถ้าเป็นพวกที่ตัวใหญ่แต่แรงปวกเปียกก็ว่าไปอย่าง  แต่ดูยังไงเจ้าพวกนั้นก็น่าจะมีแรงพอๆกับวัวควาย  แต่เจ้าที่ตัวเล็กๆบางๆกลับ...ไม่มีรอยแผล...”

    “นี่เจ้าดูถูกกันขนาดนี้เชียว?”

    “ฮึ!” เธอหัวเราะขึ้นจมูกเบาๆ  ก่อนจะกลับเข้าประเด็นที่เธอมาหาเขา “ขอเข้าไปหน่อยสิ”

    อาร์โรห์นิ่งไปครู่หนึ่งจึงหลีกทางให้อีกฝ่ายเดินเข้ามา

    สการ์เลทนั่งลงที่เก้าอี้ชุดในห้อง  รอจนอาร์โรห์ปิดประตูห้องเรียบร้อยจึงได้เอ่ย

    “ข้าเห็นคนกลุ่มหนึ่งมาถามหาเจ้า”

    “หาข้า??”

    “ใช่” เธอกล่าวพลางพยักหน้า “เป็นกลุ่มผู้ชายสองคน  ผู้หญิงหนึ่งคน  แถมหนึ่งในนั้นยังมีนัยน์ตาต้องสาปด้วย”

    “...!” อาร์โรห์ทำได้เพียงเบิกตากว้างขึ้น  ก่อนจะหลบสายตาของอีกฝ่ายที่มองมา  เขาจึงไม่ทันได้เห็นสายตาของนักเวทสาวที่ส่องประกายไม่น่าไว้ใจบางอย่าง

    ประกายตาที่แสดงถึงความกระหายอยากได้  และโลภมาก!

    “ส...สการ์เลท  เจ้าอย่าพูดเรื่องนี้ต่อหน้าข้าอีกนะ  คนพวกนั้น...ข้าไม่รู้จักหรอก...” อาร์โรห์กล่าวประโยคสุดท้ายด้วยน้ำเสียงที่แสดงถึงความไม่แน่ใจ  และสาวเจ้าเองก็จับสังเกตเห็นมันได้อย่างชัดเจน  แต่เธอก็ไม่ได้พูดอะไรมากไปกว่าคำว่า อืมเป็นการรับคำ  และขอตัวออกจากห้องของอาร์โรห์ไป

     

    ตกเวลากลางดึก  ภายในห้องพักของนักเวทสาวนาม  สการ์เลท  ร่างสูงโปร่งของชายหนุ่มคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นที่หน้าต่าง  ขาแตะลงบนพื้นยืนอย่างมั่นคง  เสียงของส้นรองเท้าที่สัมผัสถูกพื้นเบาๆ  ทำให้หญิงสาวที่นอนอยู่บนผืนเตียงรู้สึกตัวตื่น

    “นายท่าน...”

    “สการ์เลท  ข้าอยากให้เจ้าเร่งมือ  พาอาร์โรห์มาหาข้าให้เร็วที่สุด”

    “ทำไมต้องรีบด้วยล่ะเจ้าคะ?  เจ้าปีศาจนั่นยังไงตอนนี้ก็ถูกข้าหลอกจนสนิทใจแล้ว  รอหลอกพรรคพวกของมันมาให้ครบก่อนก็ยังไม่สายนะเจ้าคะ??”

    “หึๆๆ  ไม่ต้องห่วงไปหรอก  ขอแค่ได้ตัวอาร์โรห์มา  เจ้าพวกนั้นก็ไม่หนีไปไหนแล้ว  แถมยังจะเดินเข้ามาหาพวกเราเองด้วย  แบบนี้ไม่สบายกว่าหรือไง?”

    “นายท่าน...ทำไมข้าถึงคิดไม่ได้นะ  ข้านี่โง่จริง”

    “สมองของศพ...จะคิดอะไรได้มากไปกว่านี้เล่า...ฮึๆๆ อย่าลืมซะล่ะ  พาอาร์โรห์มาหาข้า”

    “เจ้าค่ะ” หญิงสาวก้มศีรษะรับคำ  รอจนอีกฝ่ายจากไปเธอจึงนอนลงอีกครั้ง  เปลือกตาปิดลงหลับลึกต่อ  ราวกับว่าก่อนหน้านี้เธอไม่ได้ตื่นขึ้นมากลางดึก  และเมื่อเธอตื่นขึ้นมาเธอก็ลืมสิ่งที่ได้พูดคุยกับชายหนุ่มคนนั้นไปจนหมดสิ้น  รอจนกว่าจะถึงเวลาที่เหมาะสมเพื่อให้เธอทำตามคำสั่งนั้น...

    สการ์เลทพาอาร์โรห์ออกเดินทางต่อในช่วงเที่ยงของวันถัดมา  เดินทางออกจากเมืองใหญ่กลับสู่ผืนป่าที่ดูจะมีไอความมืดลอยอวลไปทั่วอย่างที่ไม่น่าจะปรากฏบนโลกมนุษย์ได้

    อาจเป็นเพราะปีศาจที่หลุดเข้ามาในโลกมนุษย์ที่เป็นต้นเหตุให้เกิดปรากฏการณ์ประหลาดนี้ขึ้น  แต่อาร์โรห์ก็ทำได้เพียงคาดการณ์เงียบๆอยู่คนเดียว  จะให้สาวเจ้าที่ดูจะเด่นสะดุดตาจนแม้แต่สัตว์ปีศาจก็ยังวิ่งเข้าหาคนนี้รู้ไม่ได้เด็ดขาด

    ใช่แล้ว  ตอนนี้พวกเขากำลังเผชิญหน้ากับสัตว์ปีศาจฝูงเบ้อเริ่ม  เหมือนว่าจะเป็นจิ้งจอกขนเพลิงที่มีความสามารถในการพ่นไฟและบังคับไฟ  อีกทั้งเพลิงของพวกมันยังดับเองไม่ได้จนกว่าจะฆ่าจิ้งจอกขนเพลิงที่เป็นเจ้าของไฟทิ้งเท่านั้นด้วย

    อาร์โรห์นึกถึงสิ่งที่เคยได้อ่านมาจากหนังสือในโลกปีศาจ  แน่นอนว่าเขาไม่เคยเผชิญหน้ากับสัตว์ปีศาจชนิดนี้  แม้ว่าจะเคยอ่านข้อมูลผ่านตามาบ้าง  แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เขาเกิดข้อได้เปรียบขึ้นมาเลยแม้แต่น้อย

    “ช่วงนี้นี่ปีศาจออกอาละวาดบ่อยจริง  ก่อนหน้านี้ข้าว่ายังไม่เคยเผชิญหน้ากับปีศาจในเขตที่มีมนุษย์อาศัยอยู่เลยนะ”

    ไม่เคยเจอในเขตที่มีมนุษย์อาศัย...?

    อาร์โรห์ขมวดคิ้วกับคำพูดนั้น  แต่เขาก็ไม่มีเวลาคิดมากนักเมื่อมีจิ้งจอกขนเพลิงตัวหนึ่งพ่นไฟเข้าใส่พวกเขาจนต่างฝ่ายต่างต้องแยกกันหลบไปคนละทิศ  ทว่าเรื่องแปลกมันหลังจากนี้ต่างหาก

    มีจิ้งจอกขนเพลิงตามอาร์โรห์มาเพียงสามตัว

    ...แล้วที่เหลือไปไหน?

    เด็กหนุ่มชาวอินคิวบัสตัดสินใจหยุดขาที่พาตัวเองเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วลง  และหันมาเผชิญหน้ากับจิ้งจอกขนเพลิงทั้งสามตัวที่หยุดฝีเท้าลงไม่ไกลจากเขานัก

    ต่างฝ่ายต่างคุมเชิงกันชั่วครู่  จนแน่ใจว่าไม่มีใครคิดจะกระโจนเข้ามาหา  อาร์โรห์จึงตัดสินใจเอ่ยถามออกไป

    “พวกเจ้าต้องการอะไรกันแน่”

    เหมือนจิ้งจอกขนเพลิงเหล่านั้นจะเข้าใจในสิ่งที่เขาพูด  พวกมันหันหน้าเข้าหากันเป็นเชิงปรึกษา  ก่อนที่จะมีตัวหนึ่งก้าวออกมาข้างหน้า  มันอ้าปากออกราวกับพร้อมจะพ่นไฟใส่เขาจนอาร์โรห์ต้องย่อตัวลงตั้งท่าพร้อมหลบการโจมตี  แต่แล้วก็กลับมีเสียงดังออกมาจากปากยาวๆของเจ้าสัตว์ปีศาจตรงหน้า

    “ข้าจะเตือนด้วยความหวังดี  เลิกยุ่งกับศพนั่นซะจะดีกว่า”

    หา?

    สัตว์ปีศาจพูดได้??

    เหมือนอาร์โรห์จะอึ้งจนผงะไปครู่หนึ่งเมื่อพบว่าสัตว์ปีศาจที่ปกติจะพูดไม่รู้เรื่อง  คุยกันก็ไม่ได้กลับพูดออกมาเป็นประโยคที่ฟังรู้เรื่อง  แถมยังเป็นการเป็นงานอีกต่างหาก

    ผ่านไปครู่หนึ่งกว่าเขาจะรู้ตัวว่าตัวเองอึ้งผิดประเด็นไป

    “พ...พวกเจ้าหมายความว่ายังไงกันแน่...ศพอะไร...?”

    “ก็ผู้หญิงที่อยู่กับเจ้าไง...นี่เจ้าไม่รู้ตัวเลย??”

    “เป็นไปไม่ได้หรอก  ข้ายังรู้สึกได้ถึงไอพลังชีวิต...” เสียงที่อาร์โรห์พูดค่อยๆเบาลงเรื่อยๆเมื่อเขาค้นพบความจริงที่ทำเอาขนแขนของเขาลุกชัน  เหงื่อเย็นๆไหลออกมาเต็มแผ่นหลังรวมทั้งฝ่ามือทั้งสองข้างที่ถูกสวมถุงมือทับ

    อาร์โรห์มั่นใจว่าสการ์เลทเป็นผู้หญิง  แต่ไอพลังชีวิตในร่างกลับเป็นของผู้ชาย  ซ้ำร้ายยังเป็นพลังชีวิตของปีศาจที่มีเวทกล้าแข็งพอจะประกอบพิธีคืนชีพ...

    สการ์เลทไม่ใช่พวกซอมบี้หรือกูล  แต่เป็นเหมือนกับตุ๊กตาที่ถูกใส่ดวงวิญญาณเข้าไป  ทำให้มีชีวิตและถูกควบคุมความทรงจำ...

    ...โหดร้าย... ใครกันที่เป็นคนทำเรื่องแบบนี้...

    “ทางสมาคมปีศาจที่อยู่ที่โลกมนุษย์จับไอพลังชีวิตของนางที่ควรจะตายไปแล้วได้  เลยส่งพวกข้ามากำจัดนางซะ  ไม่อย่างนั้นมันจะเป็นอันตรายต่อปีศาจที่โลกมนุษย์นี่”

    “อะไรนะ...”

    “อย่างที่บอกไปนั่นแหละ  อย่าเข้ามายุ่งอีกล่ะ” เหมือนกลัวว่าอาร์โรห์จะเอ่ยอะไรมากไปกว่านั้น  จิ้งจอกขนเพลิงทั้งสามตัวจึงได้โจนทะยานออกไปทันที

    เด็กหนุ่มอินคิวบัสทำได้เพียงยืนนิ่งอยู่กับที่  รู้สึกเหมือนถูกปั่นหัว  เขานิ่งคิดว่าใครกันที่สามารถทำให้สการ์เลทกลับมามีชีวิต  แล้วทำไมถึงต้องมาตีสนิทเขา  จะบอกว่าเป็นฝีมือพวกคาลร์ก็ไม่น่าใช่  ...หรือว่าจะเป็น...

    เฮคเตอร์...

    อาร์โรห์สะดุดกับความคิดตนเอง  หากเป็นเฮคเตอร์ก็น่าจะให้สการ์เลทฆ่าเขาไปแล้วสิ  แต่นี่นอกจากจะไม่ทำอะไรยังเคยช่วยเขาไว้ด้วย

    ...จะเป็นไปได้ยังไง...

    อาร์โรห์ยกมือขึ้นกุมขมับตนเอง  นี่มันใช่เวลามานั่งคิดเรื่องนี้หรือไงกัน...

    ตู้ม!!!

    เสียงระเบิดจากจุดที่ห่างออกไปทำเอาอาร์โรห์สะดุ้งโหยง  ก่อนที่เขาจะสัมผัสได้ถึงไอพลังเวทที่พุ่งผ่านลมที่เกิดจากแรงระเบิดเข้ามาหา

    ไอพลังเวทของสการ์เลท!

    คิดได้เพียงเท่านั้นร่างเพรียวลมของอาร์โรห์ก็โจนทะยานออกไปยังจุดที่เกิดการระเบิดเมื่อครู่ทันที  ทว่าเพียงแค่มาถึงมันก็กลับทำให้อาร์โรห์ต้องสูดหายใจเฮือก  ตรงหน้าของเขาคือหลุมขนาดใหญ่  มีเพียงบริเวณกลางหลุมที่ไม่โดนระเบิดจึงกลายเป็นแท่นสูง  และบนนั้นก็มีร่างสีแดงยืนโดดเด่น  เส้นผมสีแดงเป็นลอนยาวเลยไหล่ลงมาเล็กน้อยปลิวไปตามสายลม  ดวงตาสีเปลือกไม้ไร้แววของความเป็นมนุษย์  ใบหน้านิ่งเรียบเย็นชา  มองดูหลุมรอบกายอย่างไม่ใส่ใจ  แต่เพียงไม่นาน  เหมือนเธอจะเพิ่งรู้สึกตัว  ร่างของเธอสะดุ้งขึ้น  แต่ก็ต้องกุมศีรษะและคู้ตัวลง

    เห็นเช่นนั้น  อาร์โรห์ที่คิดว่าจะมาเพียงยืนยันสิ่งที่ได้รับฟังมาก็กลับใจอ่อนและออกไปช่วยพยุงเธอเข้ามาพักในร่มจนได้

    “สการ์เลท  เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?”

    “อือ...ปวดหัว...”

    “นี่...เกิดอะไรขึ้น? แล้วจิ้งจอกขนเพลิงพวกนั้นล่ะ??”

    “ไม่รู้สิ  พวกมันไล่ตามข้ามา  ส่วนข้าก็ใช้เวทต่อสู้  หลังจากนั้นข้าก็จำไม่ได้แล้ว...”

    ได้ยินดังนั้นอาร์โรห์ก็ขมวดคิ้วมุ่น  ...จำอะไรไม่ได้...นั่นก็หมายความว่าเธอไม่ได้สติตอนที่ใช้เวทเอาชนะพวกจิ้งจอกขนเพลิงน่ะสิ? หรือว่าจะถูกควบคุมร่างกาย...

    “นี่  แล้วเจ้าน่ะ  หายไปไหนมาไม่ทราบ”

    “หา?  ข้าเหรอ?  ข้าก็ถูกจิ้งจอกขนเพลิงตามเหมือนกัน”

    สการ์เลทมองอาร์โรห์ด้วยสายตาที่เหมือนจะติดป้ายว่า ข้าไม่เชื่อเจ้า เอาไว้  เธอมองสำรวจอาร์โรห์ตั้งแต่หัวจรดเท้า  เท้าจรดหัว (อีกแล้ว)  ก่อนจะส่ายหน้า

    สะอาดเอี่ยมแบบนี้เชื่อได้ที่ไหน!!!

    “...” อาร์โรห์ตีหน้านิ่งใส่  ท่าทางคงคิดปลงกับการโดนสำรวจแบบนี้แล้ว  จากนั้นจึงลุกขึ้นยืนเต็มความสูงและยื่นมือมายังหญิงสาวที่มองมายังเขาพลางเลิกคิ้วขึ้น

    “อะไร?”

    “ก็...เดินทางต่อไง”

    คิ้วของสการ์เลทถูกยกขึ้นมากกว่าเดิม  เธอมองฝ่ามือภายใต้ถุงมือผ้าสีดำเปรอะดินอยู่ครู่หนึ่ง  สุดท้ายจึงยอมยื่นมือออกไปจับมือของอาร์โรห์เพื่อใช้เป็นหลักในการลุก  เมื่อยืนได้มั่น  สการ์เลทก็ปัดฝุ่นออกจากมือและกระโปรงของตัวเองเบาๆ

    อาร์โรห์ที่เห็นดังนั้นจึงมองสำรวจรอบๆ  จนไม่ทันได้สังเกตว่านักเวทสาวได้เงื้อมือขึ้น...

    ป้าบ!!!

    “โอ๊ย!!  สการ์เลท เจ้าตบหัวข้าทำไมเนี่ย!!?”

    “ลงโทษไง”

    “ลงโทษเรื่องอะไรไม่ทราบ...” อาร์โรห์เบ้หน้า  แต่นอกจากจะไม่ได้คำตอบ  สการ์เลทยังเดินหนีอีกต่างหาก  “เฮ้! รอข้าด้วยสิ!!

                    เขาตัดสินใจแล้ว...ไม่ว่ายังไงเขาก็จะช่วยปลดปล่อยสการ์เลทเอง!

     

                    “ฮึๆๆ  อาร์โรห์...ในเมื่อเจ้าอยากจะตายขนาดที่รู้ว่าจะต้องสู้กับข้าก็ยังมา  ข้าก็จะสนองให้  ฮึๆๆ  ฮ่าๆๆๆๆๆ!!!!

    เสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่งดังก้องอยู่ในห้องโถงอันมืดมิด  ที่กลางห้องปรากฏภาพของคนๆหนึ่งในมุมของคนที่เดินอยู่ด้านข้าง  ใบหน้าขาวสะอาด  นัยน์ตาสีนิลวาวใส  และเส้นผมสีรัตติกาลเงางามยาวสยายที่ปลิวไปตามสายลม  โดยรวมแล้วผู้ที่เห็นอาจลงความเห็นว่าอีกฝ่ายเป็นเด็กสาวแรกแย้มผู้งดงามที่ทำให้ใครหลายๆคนหลงใหล  โดยไม่มีใครนึกเลยว่าอีกฝ่ายจะเป็นปีศาจแฝงฝันอินคิวบัส

    ...อาร์โรห์  เลอร์จิล...

    เฮือก!

    อาร์โรห์สะดุ้งโหยงเมื่อรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างจ้องมองมา  แผ่นหลังอยู่ๆก็เกิดเย็นวาบเหมือนสัมผัสได้ถึงแรงประสงค์ร้ายบางอย่าง  ความรู้สึกด้านลบที่ลอยมากับสายลมกระทบเข้ากับร่างของเขาอย่างเจาะจงตัว

    “เป็นอะไรไปน่ะอาร์โรห์?”

    “ป...เปล่าหรอก  ไม่มีอะไร” ไม่มีอะไร...แค่ตอนนี้น่ะนะ....

    “งั้นก็แล้วไป”

                    อาร์โรห์ถอนหายใจเฮือก  มองสำรวจรอบๆครู่หนึ่งแล้วจึงออกตัวเดินตามสการ์เลทที่เดินไปก่อนแล้ว  ต่อจากนี้ไปคงต้องระวังตัวมากกว่าเดิม...

                    ...เฮคเตอร์  เทรานอส...  แค้นเขาถึงขนาดต้องใช้คนอื่นมาเป็นเครื่องมือ  ทำร้ายผู้อื่นอย่างไร้เหตุผล  เอาคนที่ไม่เกี่ยวข้องเข้ามาในการล้างแค้น  ช่างเป็นคนที่เห็นแก่ตัวและไร้เหตุผลจริงๆ...


    _____________________________________________________________________________________________________

    หลังจากไรท์หายไปนานก็ได้กลับมาอัพเพิ่มอีกตอนแล้วค่า

    ใกล้ถึงฉากที่ไรท์ถนัดแล้ว(?) และก็ใกล้จะครึ่งเรื่องแ้ลวด้วย (หรือเลยมาแล้วก็จำไม่ได้(?)

    ขอมาพรีเซนต์เพจอีกครั้งนะคะ

    ทุกคนสามารถไปตามไปถามหานิยายของไรท์ได้จากที่นี่เลยค่ะ ไม่ต้องกลัวว่าจะมีคนมาตอบแทนเพราะแอดมินเพจนี้มีไรท์คนเดียวค่า

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×