คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : ช า น มึ น : ต อ น ที่ สิ บ เ อ็ ด
ต อ น ที่ สิ บ เ อ็ ด
“รู้มั้ยว่านี่มันกี่โมงแล้ว ทำไมถึงเพิ่งกลับ”
ทันทีที่เดินมาหยุดอยู่หน้าบ้าน ย้ำว่าหน้าบ้าน ตรงประตูรั้วบ้านด้วยซ้ำ หวังจื่อเทาก็ยืนกอดอกทำหน้าบึ้งทำตัวราวกับเป็นคุณพ่อที่ยืนรอลูกสาวอายุสิบแปดกลับบ้าน แล้วยิ่งทำหน้าหงิกเข้าไปอีกเมื่อพบว่าคนที่เดินมาข้างๆกันคือใคร
“ไปไหนมา...เฮีย”
“เพิ่งจะสองทุ่มเอง”
“แต่ฟ้ามันมืดแล้วนะ!”
“ก็ไม่ได้กลับมาคนเดียวมั้ยล่ะ”
“กลับมากับมันนี่แหละยิ่งอันตราย นี่เฮียไว้ใจมันได้ไงวะ!!”
พอโดนกล่าวหาว่าอันตรายปาร์คชานยอลก็ขมวดคิ้วแน่นก่อนจะรั้งแขนของแบคฮยอนเอาไว้ไม่ให้เข้าบ้าน จื่อเทาเบิกตากว้างด้วยความหวง ทำท่าจะเปิดประตูรั้วออกมาหาเรื่องคนที่กำลังแต๊ะอั๋งพี่ชายตัวเอง คนกลางเลยจำต้องแยกผู้ชายตัวโตสองคนให้ห่างจากกันด้วยการยกมือยันน้องชายตัวเองเอาไว้
“แกพอได้แล้วน่า”
“พรุ่งนี้กูจะไปส่งเฮีย แล้วก็ไปรับเฮียด้วย ถ้าหนีไปขึ้นรถไฟฟ้าอีกกูจะโกรธ”
“พี่บอกเราแล้วนะแบคฮยอน...ว่าจะไม่ยอมให้นั่งรถกระป๋องนั่น เกิดขับเฉี่ยวชนอะไรเข้า...”
“เฮียกู ดูแลได้ไม่ต้องเสือก”
“จื่อเทา” ปรามน้องชายเสียงแข็งเมื่อพบว่าจะทำตัวก้าวร้าวไปกันใหญ่ แต่หวังจื่อเทากลับทำเพียงยักไหล่น้อยๆแล้วใช้ช่วงเวลาที่อีกครเผลอดึงแขนพี่ชายตัวเล็กให้เข้าบ้าน ปิดประตูรั้วแทบจะทันทีไม่ให้ปาร์คชานยอลได้มีโอกาสเห็นหน้าแบคฮยอนอีกครั้งก่อนจะจบวันนี้
“เข้าบ้านได้แล้วเฮีย”
“เฮ้ยเดี๋ยวก่อนดิ”
แบคฮยอนขยับซ้ายขวาทำท่าจะโผล่หน้าไปบอกลาคนที่อุตส่าห์พาไปเดทวันนี้ แต่จื่อเทาก็คือจื่อเทา เด็กนั่นเอาตัวใหญ่ๆบังไว้เสียมิดแล้วค่อยๆดันเขาเข้าบ้านไปเลย
“พี่...ฝันดีนะ!”
“เฮีย!”
ปัง!
แล้วเสร็จก็ปิดประตู แบคฮยอนทำหน้าเบ้ใส่น้องชายไปเสียหนึ่งทีก่อนจะรีบหันหลังกลับทำท่าจะขึ้นห้องนอนตัวเองแต่จื่อเทาก็ดึงแขนไว้
“เฮียไปไหนมา”
“แกทำท่าเหมือนพ่อแล้วนะจื่อเทา”
“คบกับมันไว้ใจได้แน่หรอ แม่ยังไม่รู้อีก”
“เขาก็เป็นคนดีน่า”
“แล้วงี้เฮียก็จะรักมันมากกว่ากูใช่มั้ยล่ะ!”
“หือ?” คนตัวเล็กครางในลำคอเบาๆก่อนจะหันไปหาน้องชายที่ทำหน้าแดงก่ำเหมือนกับกำลังเขิน จะว่าไปแล้วจื่อเทาเองไม่เคยพูดอะไรแบบนี้ ใบหน้าที่มันจะโดนชานยอลว่าว่าเขียวตอนนี้มีสีแดงๆขึ้นแซนระเรื่อ เขายิ้มออกมานิดหน่อย
“ยิ้มไร เฮีย...ยิ้มไร!”
“โตกว่าควายแล้วยังขี้น้อยใจอีกหรอ”
“กูว่าแล้ะ ไม่เคยเปลี่ยนอะ กับน้องนี่ล้อจังนะ”
“จื่อเทาของเราหัวใจมุ้งมิ้งสุดๆเลยนี่หว่า”
ยิ่งเห็นน้องเขินยิ่งแกล้งหนัก เอื้อมแขนไปพาดท้ายทอยอีกคนก่อนจะรั้งให้โน้มตัวลงมา แบคฮยอนขยี้ศีรษะหวังจื่อเทาด้วยความเอ็นดู แน่นอนว่าคนตัวยักษ์ร้องโวยวายเสียยกใหญ่
“เฮีย!”
“อย่าห่วงไปเลย รักแกกับรักเขามันไม่เหมือนกันหรอก เฮียเคยรักแกยังไงก็รักแกแบบนั้น เคยห่วงแกขนาดไหนตอนนี้ก็ยังห่วงเท่าเดิม ถึงเขาจะเข้ามาหรือไม่เข้ามา ที่เฮียรักแกก็ยังเหมือนเดิม”
“หึ...พูดแบบนี้แล้วคิดว่ากูจะยอมให้เฮียคบกับมันจริงๆน่ะหรอ”
“แต่ก็ชอบใช่มั้ยล่ะ ยิ้มใหญ่เลย ดูดิดูดิ”
ล้อน้องอีกครั้งด้วยการเอานิ้วจิ้มแก้มของจื่อเทาที่ยกขึ้นจนแก้มจะแตก คนที่กำลังยิ้มทำเป็นปัดมือเล็กออกแก้เขินก่อนจะดันคนขี้แกล้งให้ถอยห่าง กระแอมไออีกครั้งกู้ภาพลักษณ์ตัวเองให้กลับคืนมา
“กู...จะจับตาดูเฮียเอาไว้ คอยดูเถอะ”
สองนิ้วจิ้มเข้าหาลูกตาตัวเองก่อนจะชี้ออกมาทางเขา ทำสลับกันอยู่สองสามครั้งแล้วก็รีบเดินหนีขึ้นห้องไป
หวังจื่อเทายังไงก็เป็นหวังจื่อเทาอยู่ดีนั่นแหละ
------ GIDDY CHANYEOL ------
หลังจากนั้นน้องชายตัวโตก็ป่วนเขาน้อยลง แต่เวลาเจอหน้าคนข้างบ้านก็ยังเขม่นกันอยู่บ้าง จื่อเทากลับไปบ้านได้ประมาณเดือนกว่าแล้วและบยอนแบคฮยอนก็ผ่านช่วงสอบกลางภาคมาได้อย่างทุเรศทุรัง
ชีวิตในมหาลัยผ่านไปไวอย่างบอกไม่ถูก เวลาที่เรียนอาจจะดูเหมือนนานแต่เผลอแป๊บเดียวก็ผ่านไปครึ่งเทอมแล้ว
แน่นอนว่าวันนี้ก็เป็นวันครบรอบสามเดือนที่คบกันของเขากับคนข้างบ้าน
มันเป็นอะไรที่ไม่เอื่อยและไม่หวือหวาจนเกินไป แบคฮยอนคิดว่าตัวเองชอบความสัมพันธ์แบบนี้ที่มันดูค่อยๆก้าวไปทีละขั้นแต่ก้าวไปพร้อมกัน ครบรอบแต่ละเดือนที่ผ่านมาไม่ได้มีอะไรพิเศษมากมายนัก ก็แค่กินข้าวด้วยกันแล้วก็หาหนังซักเรื่องกลับมาดูที่บ้าน ขออนุญาตแม่นอนค้างที่บ้านของชานยอล....
แต่ไม่ได้มีอะไรเกินเลยเข้าใจไหม
เห็นปาร์คชานยอลบ้าๆบอๆขาดบ้างเกินบ้างแต่ก็ถือว่าวางตัวได้ดีพอสมควร ในคืนนั้นไม่มีอะไรมากไปกว่านอนกอดกันธรรมดา อาจจะเพราะแบคฮยอนตั้งกติกาไว้ตั้งแต่แรกว่าถ้าหากมีมากกว่านั้นเขาจะหนีกลับบ้านทันที
“อ้าว มือเป็นอะไร”
พอลงจากตึกมาก็พบปาร์คชานยอลนั่งอยู่ด้านล่าง มาพร้อมกับผ้าพันแผลที่พันมือเอาไว้ ดวงตาคู่เล็กเบิกกว้างนิดหน่อยด้วยความตกใจก่อนจะถลาเข้าไปดู วางกระเป๋าลงบนโต๊ะแล้วจ้องมองมือที่อยู่ใต้ผ้าพันแผลสีน้ำตาล เมื่อเช้าก็ยังดีๆอยู่เลยแล้ววันนี้เกิดจะไปมีเรื่องกับใครที่ไหนมา
“....ไปทำอะไรมา”
แบคฮยอนเอ่ยถามเสียงแข็งเมื่อพบว่าอีกคนยังนั่งนิ่งไม่ยอมตอบ ปาร์คชานยอลก็ยังคงเงียบแถมยังกดโทรศัพท์เล่นเช่นเดิม แต่ไม่นานนักก็ละมือจากหน้าจอสี่เหลี่ยมมากวักมือเรียกเขาให้ขยับเข้าไปใกล้
ร่างบางถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วจึงขยับตัวไปนั่งข้างๆ มือข้างที่ถูกพันแผลเอาไว้ยื่นมาที่เขา ดวงตาคู่เล็กเหลือบมองคนข้างตัวนิดหน่อย แต่แน่นอนว่าไอ้คนมึนทำท่าไม่สนใจ “พี่จะให้ผมทำไรเนี่ย”
“อยากรู้ว่าเป็นไรก็แกะดูดิ”
“ผมทำแผลคืนให้ไม่เป็นนะ”
“อื้ออ เดี๋ยวเรียกไอ้จงอินมาทำให้”
คิมจงอินแท้จริงแล้วไม่ใช่เพื่อนหรอก แต่เป็นเบ๊สารพัดประโยชน์ต่างหาก
สุดท้ายแล้วแบคฮยอนเลยดึงมืออีกคนเข้ามาใกล้ก่อนจะค่อยๆแกะผ้าพันแผลสีน้ำตาลที่พับเอาไว้หลายทบออก ทันทีที่เห็นมืออีกคนคิ้วเรียวก็ขมวดเข้าหากันแน่น
“อะไร?”
“เอาเข้าไปดูใกล้ๆดิ”
แบคฮยอนหยิบของที่อยู่ในมือใหญ่ออกมา เป็นเฟืองสีทองที่ถูกร้อยใส่ในสร้อยสีเงิน คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันหนักกว่าเดิม ยกมันให้สูงขึ้นจนอยู่ในระดับสายตาแล้วจึงเอ่ยปากถาม “อะไร? เอาไปใส่โมเดลรถหรอ”
“นี่ล้อเล่นปะเนี่ย”
“เอ้า มันเฟืองปะ? เฟืองมันทำอะไรได้มั่ง ผมไม่รู้อะ”
“นี่บยอนแบคฮยอน..”
ร่างสูงกลอกตาไปมาก่อนจะขยับตัวเข้าไปใกล้คนตัวเล็กที่กำลังทำหน้าบื้อมองเฟืองอยู่แบบนั้น อารมณ์โรแมนติกพลันหายวับไปกับตาเมื่อเด็กข้างบ้านไม่ได้มีท่าทีตื่นเต้นกับสิ่งที่อยู่ในมือของเขา มิหนำซ้ำยังทำหน้างงฉงนสงสัยว่าทำไมถึงเอามาให้
“แต่สวยดีนะพี่ สีทองด้วย ซื้อมาแพงมั้ย? ทองจริงปะ”
“เด็กโง่เอ๊ย....”
โดนเคาะลงกลางศีรษะก่อนที่จะเอื้อมมือมาหยิบสร้อยคืนไป แบคฮยอนเอี้ยวตัวมองตามแต่สุดท้ายก็โดนอีกคนบังคับให้หมุนตัวกลับไป
สัมผัสเย็นๆแตะลงที่ระหว่างไหปลาร้า คนตัวเล็กก้มลงมองทันทีก่อนจะพบว่าเฟืองทองเมื่อซักครู่กำลังถูกสวมเข้าที่คอ “เอ้ย สวมทำไม”
“มันคือเกียร์”
พูดพลางขยับยุกยิกอยู่ด้านหลัง แบคฮยอนนิ่งไปพักหนึ่งพยายามนึกว่ามันคืออะไร ไม่นานนักใบหน้าของโอเซฮุนก็ลอยเข้ามาในหัว เมื่อเดือนก่อนที่มันทำหน้าฟึดฟัดแล้วถามถึงเรื่องเกียร์ หมายถึงเกียร์นี้เองหรอ?
“ให้...ทำไมอะ”
ที่จริงแล้วก็พอจะได้ยินมาอยู่บ้าง รู้ความหมายมานิดหน่อยหลังจากที่เซฮุนพูดวันนั้นแต่เขาก็อยากจะถามเพื่อความแน่ใจ แบคฮยอนไม่ได้หวังว่าอีกคนจะต้องให้เพราะรู้ว่ามันได้มายากแค่ไหนแต่วันนี้ปาร์คชานยอลกลับเอามาให้ และแทนที่เขาจะทำท่าตกใจ ประหลาดใจหรือดีใจซักหน่อยกลับไปทำซื่อบื้อใส่
ก็คนมันไม่เคยเห็นนี่หว่า
“รู้มั้ยว่าเกียร์คืออะไร”
“.....รู้ มั้ง”
“ถ้างั้น...ดูแลให้ดีด้วยนะ”
“..........”
“ที่จริงแล้วจะฝากเกียร์หรืออะไรมันก็ไม่สำคัญเท่ากับคนรับ”
“........”
“ถ้าคนรับไม่ใช่เรามันก็ไม่มีความหมาย จะฝากเกียร์ไว้กับใคร แต่ใจยังไงก็อยู่กับเรา”
“.....ทำไมเสี่ยวจังวะ”
แบคฮยอนบ่นพึมพำ อดหน้าร้อนวูบวาบขึ้นมาเสียไม่ได้ เวลาจะมึนก็มึนเสียจนน่าหมั่นไส้ เวลาจะจริงจังก็ดันมาทำเขารู้สึกเขินจนไปไม่ถูก มือเล็กขยับไปลูบเฟืองทองเบาๆแล้วหันกลับไปหา ปาร์คชานยอลขยับหน้าเข้ามาใกล้ ยกยิ้มเล็กน้อยตามประสาเวลาแหย่เขาได้
“ชอบปะละ”
“อะไร!”
“หน้าแดงงี้ชอบอะดิ”
“พี่นี่มัน....กลับบ้านแล้ว!”
พอทำอะไรไม่ได้ก็ลุกขึ้นยืนก่อนจะคว้ากระเป๋าเดินหนีออกมา ยกมือขึ้นถูแก้มไปมาราวกับว่าจะทำให้ริ้วแดงๆหายไปได้ ริมฝีปากบางพยายามบังคับให้หยุดยิ้มแต่ดูเหมือนว่ามันจะเป็นเรื่องลำบากเสียเหลือเกิน
“เดี๋ยว...เดี๋ยวดิ้”
ร่างสูงรีบก้าวตามมาก่อนจะคว้าข้อมือคนรักเอาไว้ แบคฮยอนเขินทีไรชอบเดินหนีตลอด แรกๆก็ไม่เข้าใจแต่พอตอนหลังถึงได้รู้ว่าเพราะเจ้าตัวชอบมาแอบยิ้มอยู่คนเดียวทุกที อย่างตอนนี้ก็เหมือนกัน
ยิ้มให้ดูก็ได้ ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย
“กลับบ้านกัน”
ปาร์คชานยอลยิ้มก่อนที่แบคฮยอนจะเม้มปากเล็กน้อย พยักหน้าเบาๆก่อนจะเดินตามอีกคนไป
------ GIDDY CHANYEOL ------
“พี่ชานยอล”
“หื้อ?”
“ไหนลองเรียกสิ้”
“....ชานยอล”
“พี่ชานยอลต่างหากล่ะ” ระหว่างที่กำลังนอนขดตัวอยู่ใต้ผ้าห่มผืนใหญ่อยู่หน้าเครื่องทำความร้อน ปาร์คชานยอลที่นอนกลิ้งอยู่ข้างๆก็เรียกชื่อตัวเองขึ้นมาจนแบคฮยอนขมวดคิ้วนิดหน่อย แล้วยังให้เขาเรียกชื่ออีกต่างหาก
“เปลี่ยวไรขึ้นมาอะพี่”
“เรายังไม่เคยเรียกว่าพี่ชานยอลซักครั้งเลยนะ”
หันกลับไปด้านหลังก็เห็นคนตัวโตนอนหน้ามุ่ย แบคฮยอนเงียบไปครู่ใหญ่เพื่อประมวลผลก่อนจะพบว่ามันเป็นแบบนั้นจริงๆ เขายังไม่เคยเรียกชานยอลว่าพี่ชานยอลเลยซักครั้ง ไม่เรียกชานยอลก็เรียกพี่ตลอด คนตัวเล็กเม้มปากแน่นก่อนจะเผยอออกทำท่าจะเรียก เพราะไหนๆแล้วเขาอาจจะเรียกแบบนั้นได้แล้วก็ได้
“พี่.......”
“.......”
“พี่......”
“........”
“ฮื่อ ทำไมผมเรียกแบบนั้นไม่ได้วะ”
ลุกขึ้นนั่งก่อนจะทำหน้านิ่ว เขาลองออกเสียงเบาๆก่อนจะพบว่าก็ทำได้ แต่พอหันหน้ากลับไปเจอเจ้าของชื่อกำลังนั่งจ้องเขม็งคำว่า 'พี่ชานยอล' ก็พลันหายวับไปกับสายลม ปาร์คชานยอลเองก็ลุกขึ้นนั่งบ้างก่อนจะรั้งคนตัวเล็กเข้าไปใกล้ กดจูบลงไปเบาๆบนริมฝีปากบาง แบคฮยอนตกใจก่อนจะต่อยไหล่อีกคนดังอั้ก
“ทำไรเนี่ย!”
“ก็เห็นว่าช่วงนี้หนาว...เลยนึกว่าปากแข็งจนพูดไม่ได้”
“นี่เอาฮาใช่ปะ?”
“ปกติก็เสียว แต่ถ้าอยากให้ฮาก็โอเค”
คนละเรื่องแล้วมึง!
แบคฮยอนถึงตาใส่ก่อนจะยกเท้าเขี่ยอีกคนให้พ้นทาง ปาร์คชานยอลหัวเราะเบาๆเมื่อเห็นท่าทีแบบนั้นแล้วจึงลากบยอนแบคฮยอนให้หลุดจากผ้าห่มผืนใหญ่ จับให้อีกคนนั่งอยู่ระหว่างขาก่อนจะเอาผ้าห่มผืนเดิมมาคลุมตัวเองเอาไว้
“อากาศเย็นเนอะ”
“ก็ไปห่มผ้าดีๆดิ มานั่งแบบนี้ให้มันได้อะไรขึ้นมาวะพี่”
“หนาวเนื้อห่มเนื้อไง”
“มันก็ต้องถอดเสื้อผ้าแล้วกอดกันปะวะ”
“เอาแบบนั้นก็ได้นะ” ไม่ว่าเปล่ายังจับเสื้อตัวนอกของเขาเอาไว้ เลิกมันขึ้นมาเล็กน้อยจนแบคฮยอนตามไปตีมือแทบไม่ทัน เดี๋ยวนี้ปาร์คชานยอลน่ะปากว่ามือถึง แทบจะไม่ต้องรอสิ้นประโยคเจ้าตัวก็จับเสื้อเขาเอาไว้แล้วราวกับว่าสิ่งที่พูดน่ะผ่านการคิดมาอย่างดี
“ไหนลองเรียกพี่ชานยอลอีกทีดิ้”
“เอาตรงๆปะ มันเรียกไม่ได้อะ”
“ทำไม?”
“ไม่รู้ว่ะพี่ มันรู้สึกว่าแบบ....”
“หันหน้ามา”
“หื้อ?” ด้วยความสงสัยเลยเอี้ยวตัวกลับไปมองคนด้านหลัง ปาร์คชานยอลทาบริมฝีปากลงบนริมฝีปากเล็กอีกครั้ง แต่คราวนี้ไม่ใช่จุ๊บแกล้งกันอย่างที่ผ่านมา มือใหญ่จัดแจงท่านั่งให้ใหม่ก่อนจะค่อยๆเบียดริมฝีปากลงไปอีกครั้ง คนถูกจู่โจมก็ตกใจในคราวแรกแต่สุดท้ายแล้วก็โดนอีกคนสะกดเสียอยู่หมัด
หลังๆมาปาร์คชานยอลชอบจูบแบบนี้อยู่บ่อยครั้ง อ้างว่าเข้าหน้าหนาวแล้วต้องเพิ่มความอบอุ่นให้กันหน่อย ถึงจะรู้ว่ามันเป็นการแถแบบฟังไม่เข้าท่าแต่แบคฮยอนก็ยอมทุกครั้ง เขารู้สึกว่าใจตัวเองเต้นระรัวเวลารับรู้ได้ถึงสัมผัสอ่อนโยนบนริมฝีปากอย่างเช่นตอนนี้
คนอายุมากกว่าออกแรงดูดริมฝีปากเล็กเบาๆเอียงศีรษะตัวเองเล็กน้อยก่อนจะวางมือลงบนกลุ่มผมนิ่ม กดใบหน้าหวานให้แนบเข้ามาใกล้กว่าเดิม เมื่อฉวยโอกาสจนพอใจก็ผละออกห่างแค่เล็กน้อย กระซิบชิดริมฝีปากอีกคนด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“ไหน...ลองเรียกพี่ชานยอล”
“....พี่ชานยอล”
เสียงใสสั่นเครือเผลอพูดออกไปราวกับต้องมนต์สะกด ปาร์คชานยอลยกยิ้มก่อนจะแนบริมฝีปากตัวเองลงไปอีกครั้ง หัวใจของเขากำลังพองโตเมื่อได้ยินสิ่งถึงหวังมานาน เขาเก็บตักตวงความหวานจากคนข้างหน้าอีกหน และเมื่อผละออกก็พูดนำเพื่อให้อีกคนพูดตาม
“พี่ชานยอล”
“พี่ชานยอล”
“น่ารัก”
“ไอ้คนฉวยโอกาส”
“ก็ทำออกจะบ่อยยังไม่ชินอีกหรอ”
พอได้ยินเสียงหัวเราะแบคฮยอนก็ผลักอีกคนออกก่อนจะลุกให้ถอยห่างจากอีกคนแล้วดึงผ้าห่มผืนใหญ่ติดมือมาด้วย ถ้าหากว่าสติดีกว่านี้เขาจะทุบอีกซักทีสองทีด้วยซ้ำ แต่นี่ยังเขินไม่หายเลย
ให้ตายสิ นับวันปาร์คชานยอลยิ่งอันตรายเข้าไปทุกที
“นี่...พี่!”
“ชานยอล พี่ชานยอลแบบเมื่อกี้สิ”
พอหนีมานั่งบนโซฟา คนตัวยาวก็เดินตามมาก่อนจะยึดครองตักเขาเอาไปเป็นหมอนหนุน พอแบคฮยอนเรียกด้วยน้ำเสียงดุๆก็ทำหน้ามึนแล้วเปลี่ยนเรื่องไปเฉยๆ เขาเม้มปากแน่นก่อนจะขยับมือไปดึงผมอีกคนเบาๆ
“เมื่อกี้พี่หลอกให้ผมพูดชัดๆ”
“รู้เขาหลอก แต่เต็มใจให้หลอก”
“คราวหลังไม่ให้จูบแล้วนะ!”
โดนยียวนมากเข้าก็ก็เกิดอาการหัวเสียสั่งห้ามอีกคนไม่ให้ยุ่งกับริมฝีปากของตัวเองอีก แต่ปาร์คชานยอลก็คือปาร์คชานยอล ผู้ชายหน้ามึนที่มักจะทำเป็นฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องขยับตัวขึ้นมาจุ๊บริมฝีปากเขา
นั่นไง! เอาอีกแล้วไง
ตุ้บ!
“ย่าห์เด็กโง่! ผลักพี่ตกแบบนี้ได้ยังไง”
แน่นอนว่าคนฉวยโอกาสโดนผลักตกลงจากตัก แบคฮยอนขดตัวกลมไม่ให้ปาร์คชานยอลกลับขึ้นมานอนบนตักได้อีก แต่โทรศัพท์กลับดังขึ้นเสียก่อน ขาเล็กเลยจำเป็นต้องยืดออกก่อนจะล้วงโทรศัพท์ออกมา
“ว่าไงเทา”
[เฮียอยู่ไหนวะ กดออดสามพันรอบแล้วนะ กูจะหนาวตายแล้วนะเฮีย!]
“แกอยู่หน้าบ้านหรอ”
ตุ้บ!
“เราสะบัดพี่เป็นรอบที่สองแล้วนะแบคฮยอน”
ทำท่าจะปีนกลับไปนอนบนตักเล็กดังเดิมแต่สุดท้ายก็โดนสะบัดลงมาอีกรอบ แบคฮยอนวิ่งไปหยุดยืนอยู่ที่หน้าต่าง แหวกผ้าม่านออกก่อนจะเห็นว่าหวังจื่อเทายืนตัวสั่นอยู่ที่หน้าบ้านตัวเอง
รีบหยิบเสื้อโค้ทตัวใหญ่ที่แขวนอยู่แถวนั้นมาสวมก่อนจะวิ่งทั่กๆลุยอากาศเย็นออกไปเปิดประตูหน้าบ้านพลางตะโกนเรียกน้องชายตัวเอง
“จื่อเทา!”
“อ้าว เฮียไปทำไรบ้านนั้นวะ”
“เข้ามาก่อนๆ ปากซีดหมดแล้ว”
“ถึงว่าทำไมกดออดแล้วไม่มาเปิด มาขลุกอยู่บ้านมันนี่เอง”
“แม่ไปทำธุระ”
“อยู่บ้านคนเดียวไม่ได้ก็โทรตามกูสิวะ”
บ่นกระปอดกระแปดก่อนจะเดินเข้ามาในบ้านของคนที่เหม็นขี้หน้า ปาร์คชานยอลยืนรออยู่หน้าประตูก่อนจะทำหน้าเบ้นิดหน่อยเมื่อพบว่าใครเดินเข้ามาในบ้าน “ไม่ต้องทำหน้างั้น กูก็ไม่ได้อยากเข้าบ้านมึงนักหรอก”
“เทา...พูดให้ดีหน่อย”
ระหว่างกำลังถอดเสื้อโค้ตออกก็ยกเท้าเตะหน้าแข้งน้องชายตัวโตเบาๆที่พูดจาหยาบคายใส่คนอายุมากกว่า ชานยอลยกยิ้มน้อยๆก่อนจะเดินเข้ามาโอบไหล่แบคฮยอนต่อหน้าต่อตา
“นี่มึง!”
“พอเลย พอทั้งคู่เลย”
รีบห้ามทัพก่อนที่จะเกิดยุทธหัตถีภายในบ้าน พอกันเสียทั้งคู่ ปาร์คชานยอลก็ช่างแหย่ หวังจื่อเทาก็ของขึ้นเอาง่ายๆ ช่างเป็นคู่ที่เข้ากันยิ่งกว่าอะไร
“ผมให้น้องมาอยู่แป๊บนึงนะพี่ เดี๋ยวแม่มาแล้วจะพาเข้าบ้าน”
“เข้าบ้านตอนนี้เลยไม่ได้หรอวะ”
“เฮียทำกุญแจบ้านหาย เข้าใจยัง? แล้วก็ทำตัวให้ดีด้วย”
หวังจื่อเทาเบ้ปากออกก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาโดยไม่ต้องรอให้เจ้าของบ้านอนุญาต ขายาวพาดไปบนโต๊ะกระจกที่ตั้งอยู่ตรงกลาง แบคฮยอนดุน้องชายตัวเองอีกครั้งด้วยการตีหน้าขาอีกคนเบาๆ
“ทำตัวให้มันดีๆหน่อย”
“อะไรวะ”
“คำพูดคำจาด้วย กินอะไรมารึยัง?”
“ยัง หิวอะทำให้กินหน่อย” เสร็จแล้วก็ยิ้มเผล่อ้อนคนเป็นพี่ แบคฮยอนเลยเตะไปอีกครั้งด้วยความหมั่นไส้ก่อนจะยืมครัวของคนข้างบ้านที่ขอเดินตามเข้ามาด้วยโดยให้เหตุผลที่ว่าไม่อยากอยู่กับหวังจื่อเทาเพียงลำพัง
เขาคิดว่ามันก็ไม่ควรอยู่ด้วยกันจริงๆนั่นแหละ
4 0 %
“ผมขอยืมครัวก่อนนะ ข้าวด้วย เดี๋ยวพรุ่งนี้จะเลี้ยงข้าวคืน”
“ไม่เป็นไร น้องเมียแค่นี้เลี้ยงได้”
“ตบปากตัวเองสามที เดี๋ยวนี้เลย” หันไปหาอีกคนเอาตะหลิวที่หยิบออกมาชี้หน้าปาร์คชานยอล หมอนั่นไม่ทำอะไรนอกจากยักคิ้วใส่แล้วยังขยับหน้าเข้ามาใกล้ แถมยังยกยิ้มอีก “อยากให้เราตบให้”
“เอาข้างซ้ายหรือข้างขวาล่ะ?”
“เอาข้างๆใจได้มั้ย เดี๋ยวจะไกลกันเกิน”
กูยอม....ยอมเขาเลย
------ GIDDY CHANYEOL -----
“เฮีย...ถามจริง จะบอกแม่เมื่อไหร่วะ”
“อะไร?”
พอตกเย็นแม่ก็กลับมาบ้านก่อนจะพาออกไปหาอะไรทานกันด้านนอกโดยชวนคนข้างบ้านออกไปด้วย แล้วจึงค่อยกลับบ้านแล้วแยกย้ายกันเข้านอน จื่อเทาหิ้วตัวเองมานอนกลิ้งอยู่บนเตียงของพี่ชายที่กำลังเปิดคอมพิวเตอร์เล่น
“เรื่องของเฮียกับไอ้นั่นอะ”
“เขาชื่อชานยอล แกเองก็ควรจะเรียกเขาว่าพี่ชานยอล”
“รอกูใส่กระโปรงก่อนละกันแล้วค่อยเรียก”
แบคฮยอนหมุนเก้าอี้กลับมาทำหน้าดุใส่หวังจื่อเทา แน่นอนว่าน้องชายหน้าเขียวไม่เคยรู้สึกผิดหรืออะไรทั้งนั้น “เฮียยังไม่ตอบคำถามกูเลย”
“ยังไม่ถึงเวลา”
“แล้วเมื่อไหร่จะถึง เอ้ออ อีกไม่นานก็เลิกกันแล้วใช่มั้ยล่ะ”
แบคฮยอนกลอกตาไปมาด้วยความหน่ายก่อนจะโยนหมอนที่ใช้พิงไปใส่จื่อเทาที่ปากหมา หมอนใบเล็กอัดเข้าหน้าคมนั่นเต็มๆ เด็กตัวสูงเลยลุกขึ้นมาโวยวายเสียงขุ่น “ไรวะ พูดความจริงแค่นี้ต้องโกรธ?”
“นี่....ยังไม่เลิกเว้ย!”
“ดูหน้าก็รู้ว่าเจ้าชู้จะตาย”
“แก....อยากเห็นเฮียเสียใจมากใช่ไหม? ถึงได้เอาแต่แช่งกันแบบนี้”
แบคฮยอนเม้มปากนิดหน่อยก่อนจะหมุนตัวกลับมาหน้าคอมตามเดิม หวังจื่อเทาเงียบไปครู่หนึ่งแล้วเดินมาวางมือลงบนพนักพิงของเก้าอี้ออกแรงกดเบาๆเหมือนจะง้อ “เปล่าซักหน่อย ทำไมเฮียคิดงั้นวะ”
“.........”
“โอเคเฮีย กูขอโทษอย่าเงียบแบบนี้ดิวะ”
จื่อเทายกธงขาวยอมแพ้ ไม่ว่าอย่างไรเขาก็แพ้ทางพี่ชายคนนี้แบบหมดรูป เขาชอบให้แบคฮยอนด่าว่าดีกว่าเงียบใส่กันแบบนี้ มือใหญ่หมุนเก้าอี้ที่อีกคนนั่งอยู่ให้หันมาก่อนที่ร่างสูงโย่งจะนั่งลงตรงหน้า กอบกุมมือของแบคฮยอนที่วางอยู่บนตักเอาไว้
“ผมอยากให้เฮียรีบบอกแม่นะ”
“ทำไม?”
“เฮียกับมันก็คบกันมาห้าเดือนแล้ว ผมว่าบอกไว้ก็ดี”
“..........”
“เฮียเองยังชอบคนข้างบ้านได้ แล้วทำไมแม่จะเริ่มต้นใหม่กับคนข้างบ้านบ้างไม่ได้”
“....หมายความว่าไง?”
“คุณจุนยองกับแม่....เฮียไม่รู้จริงๆหรอวะ?”
------ GIDDY CHANYEOL -----
นับว่าเป็นเรื่องที่น่าตกใจนิดหน่อย
แบคฮยอนนอนคิดเรื่องนี้ทั้งคืนและเป็นเหตุผลว่าทำไมเช้านี้เขาเลยเกิดอาการเบลอนิดหน่อย เขาไม่เคยคิดห้ามถ้าหากเป็นคิดจะเริ่มต้นใหม่กับใครเพราะนั่นเป็นสิทธิ์ของแม่ เป็นความสุขของแม่ ซึ่งแบคฮยอนไม่มีสิทธิ์ไปห้ามด้วยซ้ำ
แต่พอเป็นปาร์คจุนยอง คุณลุงข้างบ้านที่เป็นพ่อแท้ๆของปาร์คชานยอล เขาเลยตกใจนิดหน่อย
โอเค อย่าเรียกว่านิดหน่อยเลย ตกใจมากๆจะดีกว่า
แบคฮยอนไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ของแม่กับลุงข้างบ้านนั้นไปถึงจุดไหน แล้วมันจะสามารถพัฒนาไปได้มากกว่านี้มั้ย แล้วถ้ามันถึงจุดจุดนั้นที่แม่เกิดอยากจะแต่งงานใหม่ขึ้นมา แล้วเขากับปาร์คชานยอลจะทำยังไง
จบ...หรือไปต่อ?
แล้วยิ่งเป็นแบบนี้เขาควรจะบอกแม่จริงๆหรอว่ากำลังคบกับปาร์คชานยอล
แบคฮยอนเดินลงมาจากชั้นสองช่วงสายๆ เลยเวลามื้อเช้าไปได้พักใหญ่แล้วและคิดว่าแม่คงจะไม่รอ พอได้ยินเสียงพูดคุยที่ดังมาจากชั้นล่างขาเรียวก็ชะงักไปครู่หนึ่ง เสียงนี้เขาได้ยินอยู่บ่อยครั้งแน่นอนว่าไม่พ้นเป็นเสียงของคุณลุงข้างบ้านที่ดูเหมือนว่าหลังๆนี้จะมาเยี่ยมบ่อยเสียเหลือเกิน
“ทำไมเพิ่งตื่น”
เพราะยืนลังเลอยู่ตรงบันไดเสียนาน คนตัวสูงข้างบ้านก็เดินมาหยุดอยู่ที่หน้าบันไดแล้วเอ่ยปากถามด้วยความสงสัย แบคฮยอนหรี่ตาลงนิดหน่อยก่อนจะเอามือชี้อีกคนที่กำลังจะขยับขึ้นมา “หยุดอยู่ตรงนั้นนะ”
“ทำไมเพิ่งตื่น”
“ก็ตื่นสายปกติป่าววะ...นี่! จะเดินขึ้นมาเพื่อ?”
“ทำไมตื่นสาย”
“ผมนอนไม่หลับ...โอเคชานยอล ผมจะเดินลงไปแล้ว ไม่ต้องเดินขึ้นมา”
รีบบอกก่อนที่อีกคนจะเดินขึ้นมาถึงชั้นบน ไม่อย่างนั้นแล้วปาร์คชานยอลลากเขาเข้าไปในห้องแหงๆ มันมักจะเป็นแบบนี้เสมอเวลาที่คนข้างบ้านมาพร้อมกับพ่อ ชานยอลชอบลากเขาเข้าห้องนอนทั้งๆที่มันไม่ใช่ห้องนอนของตัวเองด้วยซ้ำ ถ้าเป็นวันนี้อาจจะยังพอมีข้ออ้างว่ายังไม่ได้กินข้าวเช้าให้อีกคนได้ลงไปนั่งเล่นด้านล่างได้บ้าง
“ทำไมถึงนอนไม่หลับ”
“ถามเยอะจัง เป็นเจ้าหนูจำไมหรอ”
“เป็นห่วงมั้ยล่ะ”
นิ้วยาวขยับตรงมาที่จมูกรั้นก่อนจะบีบมันเสียหนึ่งทีจนคนถูกรังแกเบ้ปากแล้วดันมืออีกฝ่ายให้ถอยห่าง แบคฮยอนขยับตัวลงเดินจากบันไดโดยมีปาร์คชานยอลเดินตามมาติดๆ
“ลุงจุนยองสวัสดีครับ”กล่าวทักทายชายวัยกลางคนที่นั่งอยู่บนโซฟา พ่อของปาร์คชานยอลยิ้มกว้างก่อนจะทักทายกลับด้วยท่าทางร่าเริงปกติ แม่ของเขาที่นั่งหันหลังอยู่ก็หันกลับมาพลางเอ่ยปากถามถึงสาเหตุที่ทำให้นอนตื่นสายขนาดนี้
“ทำวันนี้ถึงตื่นสายจัง?”
“เพราะป้าไม่ปลุกผมไง”
“เดี๋ยวพอแม่ปลุก แกก็ทำหน้าหงิกใส่อีก”
“ไม่หรอกน่า แล้วเทาล่ะ?”
“อยู่ในห้องครัว นั่นก็เพิ่งลงมา”
“งั้นผมไปกินข้าวก่อนนะป้า ขอตัวนะครับคุณลุง”
แบคฮยอนโค้งตัวลงอีกครั้งพลางส่งยิ้มบางแล้วจึงเดินมายังห้องครัว เจอหวังจื่อเทากำลังตักข้าวใส่จาน น้องชายตัวสูงนั่งลงบนโต๊ะทานข้าวแล้วเหลือบมองคนที่ยืนอยู่ด้านหลังแบคฮยอน “มึงจะตามพี่กูเป็นเงาเลยหรือไง”
ปาร์คชานยอลพอได้ยินคำถามรู้แน่ว่าหมายถึงตัวเอง คนถูกถากถางเลยยิ้มกว้างออกมาก่อนจะเลื่อนเก้าอี้แล้วนั่งลงไปบนนั้น ส่งยิ้มให้กับน้องชายของแฟนที่กำลังจะกินข้าว เขาพูดเสียงเบา ไม่อยากให้แบคฮยอนที่กำลังจะตักข้าวมาได้ยินเข้า “ไม่เอาไม่เสือกดิ”
จื่อเทากลอกตาก่อนจะยกนิ้วกลางขึ้น แน่นอนว่าเขาเองก็ไม่อยากให้พี่ชายมาได้ยินหรือเห็นสิ่งที่เขากำลังจะทำกับคนข้างบ้าน ไม่ว่ายังไงแบคฮยอนก็จะวางตัวเป็นกลางและไม่เคยเข้าข้างใครแบบจริงๆจังๆจนทำให้เขาหงุดหงิด ขืนเขาโวยวายตอนนี้พี่ชายได้เข้าข้างไอ้หูกางนี่แหงๆ
เห็นเฮียว่ามึน แถวบ้านเรียกตอแหลตีเนียนมั้ยยังไง
“แกรู้มานานเท่าไหร่แล้วจื่อเทา”
หลังจากที่กินข้าวไปได้ซักพัก แบคฮยอนที่เอาแต่เขี่ยข้าวเล่นก็เอ่ยปากถามเมื่อชานยอลลุกไปเข้าห้องน้ำ จื่อเทาขมวดคิ้วงง “รู้อะไร?”
“เรื่องแม่”
“อ๋อ....ก็ซักพักแล้วแหละ กูสังเกตเอา”
“แกยังไม่ได้ถามแม่?”
“ก็เออ แต่ของแบบนี้มันเห็นกันอยู่แล้ว ไม่งั้นแม่ไม่พูดถึงบ่อยขนาดนี้หรอก แล้วลุงเขาจำเป็นต้องมาหาบ่อยขนาดนี้มั้ยล่ะ ไหนว่าปกติมาหาลูกเดือนละครั้ง นี่มาเกือบทุกอาทิตย์เลยไม่ใช่หรือไง”
แบคฮยอนเม้มปากแน่นก่อนที่สุดท้ายจะรวบช้อนและตะเกียบวางเข้าไว้ด้วยกัน เขารู้สึกว่ากระเพาะในเช้าวันนี้มันจะรับอาหารได้ไม่ดีเท่าที่ควรเพราะความกังวลกำลังทำร้ายมันอยู่ในตอนนี้ จื่อเทาชะงักจากชามข้าวตรงหน้าแล้วหันจ้องบยอนแบคฮยอนที่กำลังทำหน้านิ่ว
“เป็นไรปะเฮีย?”
“เปล่าๆ ไม่ได้เป็นไร”
“ไม่อะ เฮียเป็น ปวดหัว? ปวดท้องหรอ ทำไมกินข้าวนิดเดียวเองวะ”
เริ่มสังเกตเห็นถึงอาการผิดปกติของคนเป็นพี่ ก่อนที่พี่ชายตัวเล็กจะลุกออกไปไหนหวังจื่อเทาก็รีบยึดข้อมืออีกคนไว้แล้วซักไซ้ตามเรื่องตามราว เป็นช่วงเวลาพอดีกับปาร์คชานยอลที่ไปเข้าห้องน้ำเดินกลับมา เขามองไปยังร่างบางที่กำลังยื้อยุดอยู่กับน้องชาย “มีอะไร”
“เฮียแม่งกินข้าวไปนิดเดียวเอง” เทารีบฟ้องคนที่เข้ามาใหม่โดยลืมไปแล้วว่าเกลียดขี้หน้ากันขนาดไหน
“เป็นอะไร?”
“เปล่าพี่ ผมแค่รู้สึก....” ยังไม่ทันจะพูดอะไรจบ ร่างสูงโปร่งของคุณลุงข้างบ้านก็เดินเข้ามาในห้องครัว กวาดสายตามองเด็กๆด้วยรอยยิ้มที่ดูใจดี “ออกไปที่ห้องนั่งเล่นสิ ลุงกับแม่ของเธอมีอะไรจะบอก”
แบคฮยอนหันสบตากับจื่อเทา น้องชายตัวโตนิ่งไปพักใหญ่ก่อนจะรับคำตอบกลับไป “ได้ครับ เดี๋ยวผมจะตามออกไป”
------ GIDDY CHANYEOL -----
เขาเดินตามคุณลุงจุนยองออกมาพร้อมๆกับเทาโดยมีปาร์คชานยอลเดินตามมาด้านหลัง ไม่นานนักก็พากันนั่งลงบนโซฟาที่ดูเหมือนว่าจะทำมาพอดิบพอดีสำหรับห้าคน แม่นั่งอยู่โซฟาเดี่ยวทางด้านซ้ายมือส่วนคุณลุงจุนยองก็นั่งอยู่ทางด้านขวา ในขณะที่โซฟากลางตัวยาวมีเขาจื่อเทาและปาร์คชานยอลนั่งเรียงกันตามลำดับ
จื่อเทาขัดขวางทุกวิถีทางที่จะไม่ให้เขาและคนข้างบ้านได้อยู่ใกล้กัน
เอากับมันสิ
“ไหนๆก็อยู่กันครบแล้ว ลุงคิดว่าเราควรจะต้องบอกเรื่องนี้ซักที”
เมื่อจบประโยคแบคฮยอนก็หันมองแม่ที่นั่งอยู่ทางซ้ายมือของตัวเอง หญิงสาวหนึ่งเดียวในบ้านกำลังเงยหน้าขึ้นสบตากับคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามพลางส่งยิ้มบาง เท่านั้นแบคฮยอนก็พอจะทราบด้วยตัวเองแล้วว่าเรื่องที่คุณลุงจุนยองจะบอกต่อไปนี้เป็นเรื่องอะไร
“ลุง...กับแม่ของเธอ คบกันมาได้หกเดือนแล้วนะ”
หกเดือน?
นั่นหมายความว่าก่อนที่เขาและปาร์คชานยอลจะได้คบกันด้วยซ้ำ
แบคฮยอนเหลือบมองคนที่นั่งถัดจากหวังจื่อเทาไปดูว่าจะมีปฏิกิริยาอะไรบ้าง แต่ปาร์คชานยอลก็ยังคงนิ่ง ไม่มีท่าทีอะไรแสดงออกมานอกจากสีหน้าเดิมๆที่เคยได้เห็นเป็นประจำ เขาไม่รู้ว่าควรจะต้องทำอย่างไรต่อไปเลยได้แต่ยิ้มแกนๆออกมาพร้อมกับเอ่ยปากแซว “ผมว่าแล้วเชียว....ช่วงนี้ป้าถึงได้แต่งตัวสวยทุกวันเลย”
“อะไรของแกแบคฮยอน” คนถูกแซวทำตาโตก่อนจะเอื้อมมือมาบิดเนื้อที่ต้นขาของเขา แบคฮยอนเลยแกล้งร้องโอดโอยก่อนจะวิ่งจากที่ของตัวเองไปหยุดอยู่ข้างหลังของคุณลุงข้างบ้านที่กำลังยิ้มออกมาน้อยๆ เขาเอามือเกาะโซฟาตัวนั้นไว้แล้วจึงเอ่ยปากฟ้อง
“ลุงต้องช่วยผมนะ แค่พูดความจริงก็หยิกเนื้อผมจนจะหลุดจากขาอยู่แล้วเนี่ย”
“โอเค โอเค ลุงจะปกป้องแบคฮยอนเองนะ” มือใหญ่นั่นเอื้อมมาลูบศีรษะเขาเบาๆด้วยความเอ็นดูและจู่ๆแบคฮยอนก็รู้สึกผิดขึ้นมา
บางที...แม่กับลุงจุนยองอาจจะวางแผนอนาคตไปถึงไหนต่อไหนแล้วก็ได้
อาจจะหวังให้เขากับปาร์คชานยอลเป็นพี่น้องที่รักกัน ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน
และอาจจะหวังว่าเขากับปาร์คชานยอลจะพบเจอกับผู้หญิงที่ดี ได้แต่งงานมีครอบครัวที่ดีในอนาคต
แล้วตอนนี้แบคฮยอนกำลังทำอะไร?
ทำลายความฝันอันนั้นของพวกเขาหรอ?
“เดี๋ยวผม...ไปอาบน้ำก่อนนะ”
“ผมไปกินข้าวต่อแล้วกัน”
แบคฮยอนและจื่อเทาขอแยกย้ายในที่สุด ร่างเล็กเดินขึ้นบันไดโดยที่มีปาร์คชานยอลเดินตามมาติดๆ และทันทีที่จะเข้าห้องคนตัวเล็กก็รีบปิดประตูหวังว่าจะไม่ให้อีกคนได้เข้ามา แต่ชานยอลก็ยังคงไวกว่ารีบแทรกตัวเข้ามาก่อนที่แบคฮยอนจะปิดประตูได้
เจ้าของห้องเห็นแบบนั้นเลยเม้มปากเล็กน้อยก่อนจะหันหลังไม่โวยวายแบบทุกทีซึ่งแน่นอนว่ามันคือความผิดปกติปาร์คชานยอลรีบรั้งอีกคนเข้ามาใกล้แล้วสวมกอดเข้าที่เอว เขามักจะทำแบบนี้อยู่บ่อยๆเวลาแบคฮยอนโกรธ
ถ้าแบคฮยอนโวยวายนั่นหมายความว่าไม่ได้โกรธจริง
แต่ถ้าเงียบเมื่อไหร่...นั่นแหละพายุเข้าแน่
ปาร์คชานยอลวางคางลงบนกลุ่มผมนิ่มแล้วโยกตัวไปมาเบาๆ เขาไม่เห็นสีหน้าของแบคฮยอนในตอนนี้ว่าเป็นอย่างไร อีกคนเลื่อนมือมาจับหลังมือของเขาไว้พลางลูบมันเบาๆ
“พี่รู้มานานแค่ไหนแล้ว...ชานยอล?”
“รู้อะไร?”
“พ่อของพี่ แม่ของผม”
“.......”
ปล่อยให้ความเงียบโรยอยู่รอบตัวซักพักก่อนที่ปาร์คชานยอลจะถอยตัวเองไปนั่งลงบนเตียงโดยจับร่างเล็กที่ยืนหันหลังให้เมื่อซักครู่หันหน้ากลับมามองกัน เขาจับมือทั้งสองข้างของแบคฮยอนรวบมาไว้ด้วยกัน
“คิดอะไรอยู่?”
“พี่ยังไม่ได้ตอบคำถามผมเลย”
“กำลังคิดเรื่องอะไร...แบคฮยอน”
“ทำไมพี่ไม่บอกผม”
“........”
“เรา....ควรจะเลิกกัน...ดีมั้ย”
------ GIDDY CHANYEOL -----
แบคฮยอนเป็นคนคิดมากกว่าที่เห็น
ผมเพิ่งรู้ความจริงในข้อนี้
หลังจากที่เขาพูดออกมาในวันนั้นผมก็จูบแบคฮยอนย้ำซ้ำๆอยู่หลายครั้งพร้อมกับให้เขารับปากว่าจะไม่พูดคำนี้อีก แบคฮยอนยิ้มแต่ก็ไม่ได้รับปากและหลังจากนั้นก็เปลี่ยนเรื่อง กลับไปเป็นแบคฮยอนคนเดิมที่โวยวายเรื่องที่ผมฉวยโอกาสกับเขา จนคิดว่ามันปกติแล้ว
แต่ไม่เลย...แบคฮยอนพยายามจะหลบหน้าผม
ก่อนเปิดเทอมเขาหายหน้าหายตาไป ไปขลุกอยู่ที่บ้านของเซฮุนโดยอ้างเหตุผลว่ามีกิจกรรมของคณะที่จะต้องทำ พอผมจะตามไปด้วยโอเซฮุนก็บอกว่ามันเป็นงานของคณะเภสัชที่คณะอื่นไม่ควรจะเข้ามายุ่ง และะพอเปิดเทอมแบคฮยอนก็ไปมหาลัยเองให้เหตุผลว่ามีเรียนแปดโมงเช้า
ผมกำลังคิดว่าตัวเองทำอะไรผิด
โอเค ผมชอบเที่ยวกลางคืน แต่ตั้งแต่คบกับเด็กข้างบ้านผมก็เที่ยวน้อยลง ถึงจะเที่ยวแต่สาบานได้เลยว่าไม่เคยหิ้วผู้หญิงติดไม้ติดมือกลับมาทั้งก่อนและหลังคบกับแบคฮยอน
หรือบางทีเขาอาจจะเบื่อที่ผมชอบทำมึนมากๆ?
ก็เห็นทำหน้าเคลิ้มทุกทีเวลาโดนจูบ
ผมยอมรับเลยว่าที่ชอบทำมึนตลอดเป็นเพราะว่าเวลาตีเนียนไม่สนใจอะไรมันมักจะได้ในสิ่งที่ต้องการเสมอ อย่างเช่นเวลาทำอะไรให้แบคฮยอนบางครั้งเด็กนั่นชอบทำท่าเกรงใจ ถ้าไม่ยัดเยียดให้ก็ไม่เอา ถามคำถามก็ชอบทำลีลาไม่ค่อยยอมตอบเปลี่ยนเรื่องได้ตลอดเวลา
เพราะงั้นแบคฮยอนคงคิดได้ว่าถ้าหากเผชิญหน้ากันตรงๆ คนที่เป็นฝ่ายเสียเปรียบก็คงจะเป็นตัวเอง เลยพยายามหลบหน้าผมสินะ
เรื่องของพ่อกับคนข้างบ้านนั้นผมคิดว่ามันเป็นเรื่องดีถ้าหากพ่อจะได้ลองคบใครใหม่บ้าง
ผมอยากมีแม่ และอยากให้พ่อมีความสุข
ถ้าหากแบคฮยอนจะหลบหน้าผมเพราะเรื่องนี้ ผมเองก็ยังไม่รู้เหมือนกันว่าควรจะต้องทำยังไง?
มันไม่ดีหรอถ้าหากว่าพ่อของผมและแม่ของเขาจะแต่งงานกัน มันจะทำให้เราได้ใกล้ชิดกันมากอีกหนึ่งขั้น ผมยังมองไม่ออกเลยว่าแบคฮยอนจะกังวลอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้
ผมไม่รู้เลยว่าเขาคิดอะไรอยู่
พอเลิกเรียนปาร์คชานยอลก็ตรงดิ่งไปยังคณะที่แบคฮยอนเรียนเป็นวิชาสุดท้ายของวัน นี่ให้พี่อีทงเฮขอตารางเรียนของคนตัวเล็กมาให้เพราะเขาขอเองยังไงแบคฮยอนก็ไม่ยอมให้ อ้างว่าอยู่ในช่วงเพิ่มถอนวิชาเลือก
พอเสียงออดดังขึ้น หลังจากนั้นไม่เกินห้านาทีเขาก็เห็นนักศึกษาคณะเภสัชศาสตร์เดินลงมาจากตึกกลุ่มใหญ่ เขาหาแบคฮยอนได้ไม่ยากเท่าไหร่นักเพราะเจ้าตัวมักจะเดินคู่กับโอเซฮุนเสมอ และเห็นว่าตอนนี้แบคฮยอนกำลังหมุนตัวกลับราวกับรู้ว่าตอนนี้เขากำลังรออยู่ ปาร์คชานยอลรีบก้าวเท้าตาม ใช้เวลาไม่นานก็ทันร่างเล็กที่กำลังหลบหน้าหลบตาเขาในช่วงนี้
“จะไปไหน?”
“อะ...อ้าว หวัดดีพี่”
“กำลังจะไปไหน”
“วันนี้เลิกเร็วหรอ”
“จะไปไหน?” เทคนิคเดิมที่ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ใช้ได้ผล แบคฮยอนเม้มปากอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะยอมตอบคำถาม
“....ผมคิดว่าผมลืมของไว้ที่ห้องเลคเชอร์เมื่อกี้”
“ถ้าอย่างนั้นก็ไปเอา”
“.......”
“ด้วยกันนี่เลย” ฉวยข้อมือเล็กมาไว้ในมือก่อนจะออกแรงดึงเบาๆให้เดินไปด้วยกัน แบคฮยอนทำตาโตนิดหน่อยก่อนใช้อีกมือที่ว่างจับมืออีกคนเอาไว้แล้วออกแรงต้าน
“มะ...ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมไปเองดีกว่า”
“ถ้าทำแบบนั้นเราก็จะหลบหน้าพี่อีกใช่มั้ย”
“.......”
“มีเรื่องอะไรกันแน่แบคฮยอน”
เราสองคนยืนสบตากัน หนึ่งคนมีแต่คำถามในขณะที่อีกคนมีแต่ความลับที่ไม่อยากจะพูดอะไรในตอนนี้ พอเห็นท่าทางกระอักกระอ่วนใจปาร์คชานยอลเลยถอนหายใจออกมาเบาๆ ดึงร่างเล็กๆนั่นเข้ามากอดแนบอก
“พี่จะไม่คาดคั้นอีกแล้ว ขอโทษนะ”
“อื้อ” ยกมือขึ้นกอดตอบคนตัวใหญ่ ยิ่งกอดก็ยิ่งรู้สึกผิด แบคฮยอนกำลังสับสนไม่รู้ว่าควรจะไปทางไหน ยืนกอดกันอยู่ซักพักก็ผละออก ชานยอลมองจมูกรั้นที่ตอนนี้กำลังแดงคล้ายกับคนจะร้องไห้ เขาเอื้อมมือออกไปบีบมันเบาๆ
“อย่าร้องไห้นะ ปลอบคนไม่เก่ง”
“ไม่ได้จะร้องซักหน่อย”
“งั้น....กลับบ้านกัน”
ปาร์คชานยอลส่งยิ้มบางก่อนจะจัดการจับมือแบคฮยอนให้เดินออกจากตึกด้วยกัน เป็นครั้งแรกในรอบของเทอมสองที่ทั้งสองคนได้กลับบ้านพร้อมกันเสียที
------ GIDDY CHANYEOL -----
เพราะอากาศข้างนอกอุณหภูมิเหลือเพียงเลขหลักเดียว ปาร์คชานยอลเลยต้องปรับฮีทเตอร์ให้ทำงานหนักกว่าเก่า ช่วงเย็นรถติดเยอะเลยทำให้วันนี้ใช้เวลาบนท้องถนนเยอะกว่าปกติ เขาหันมองแบคฮยอนที่นั่งอยู่ด้านข้าง กำลังนั่งเหม่อมองด้านนอกกระจก
“นี่.....” เขาจิ้มเข้าที่ต้นแขนอวบระหว่างที่รถกำลังติด พอเห็นว่าแบคฮยอนยังไม่หันมาเขาเลยก้มลงไปกัดเบาๆ “ย่าห์...พี่เป็นหมาหรอ”
อีกคนทำเพียงต่อว่าเบาๆไม่ได้ขึ้นเสียงดังทำหน้าฉุนเหมือนเคย และปาร์คชานยอลก็เห็นแล้วว่ามันกำลังผิดปกติ เขาวางมือลงบนกลุ่มผมนิ่มแล้วออกแรงขยี้เบาๆ “ถ้ามีอะไรอยากจะพูดก็พูดได้นะ”
“.........”
“เห็นเราซึมแบบนี้แล้วรู้สึกไม่ดีเลย”
ปาร์คชานยอลเห็นว่าริมฝีปากบางกำลังเม้มเข้าหากันแน่น จมูกรั้นนั่นกำลังแดงขึ้นมาอีกครั้ง พร้อมๆกับที่ไฟแดงเปลี่ยนเป็นไฟเขียว เขาเลยละมือลากศีรษะนิ่มๆมาจับเกียร์แทน
“ผมเคยบอกรึเปล่าว่าผมชอบพี่นะ”
“กลางวันโอเซฮุนเอาอะไรให้กิน?” ปาร์คชานยอลยิ้มออกมาน้อยๆก่อนจะเหลือบมองคนที่นั่งอยู่ด้านข้างเพียงชั่วครู่
“แต่....ผมคิดมาซักพักแล้วแหละ”
“อือหึ?”
“เราพอแค่นี้ดีมั้ย?”
ถึงตอนนั้นรอยยิ้มที่เคยปรากฏอยู่บนใบหน้าค่อยๆเหือดหาย คิ้วเข้มเริ่มขมวดเข้าหากันด้วยความไม่เข้าใจ เขาคิดว่าเรื่องนี้คุยกันจบไปแล้วเมื่อสองอาทิตย์ก่อน ถึงแบคฮยอนจะไม่ได้รับปากจริงจังแต่เขาคิดว่าการที่อีกคนยิ้มนั่นคือการตอบรับแล้ว
“ทำไม?”
“....ผมคิดว่าถ้าพ่อกับแม่เราคบกัน มันไม่ใช่เรื่องดีเท่าไหร่ถ้าเราจะคบกันต่อ”
“........”
“ผมแกล้งทำเป็นพี่น้องกับพี่ไม่ไหวหรอกนะถ้าหากว่าวันนึงพวกเขาแต่งงานกันขึ้นมาจริงๆ”
“........”
“ผมชอบพี่...แต่ผมรักแม่มากกว่า ผมไม่อยากให้แม่กังวลเรื่องนี้ ผมขอโทษนะพี่ที่เห็นแก่ตัว”
ระหว่างพูดไปก็ไม่ได้รู้ตัวเลยว่าหยดน้ำตากำลังไหลออกมา รู้อีกทีเห็นมือของตัวเองที่จับกันแน่นมันเบลอไปเสียแล้ว แบคฮยอนกัดริมฝีปากตัวเองราวกับว่าควรจะหยุดพูด ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเรื่องที่ทบทวนมาดีแล้วเขาก็ยังประหม่า
“ผมขอโทษนะพี่....ผมขอโทษ”
“.........”
เพราะปาร์คชานยอลเงียบเลยทำให้แบคฮยอนร้องไห้หนักขึ้น ไหล่เล็กห่อเข้าหาตัวเองก่อนจะเริ่มสะอื้น อากาศด้านนอกที่ว่าหนาวเย็นยังไม่เท่าบรรยากาศในรถตอนนี้ที่เย็นจับขั้วหัวใจ
แบคฮยอนคิดมาตลอดว่าถ้าหากบอกปาร์คชานยอลไปแล้วอีกคนจะตอบกลับมายังไง
เขายอมโดนปาร์คชานยอลจูบเป็นร้อยๆครั้งดีกว่าให้เงียบแบบนี้
ถ้าหากเป็นไปได้ แบคฮยอนเองก็อยากจะดึงประโยคเมื่อกี้กลับมา
แต่ตอนนี้ถึงได้รู้ว่า มันสายไปเสียแล้ว
------ GIDDY CHANYEOL -----
หลังจากนั้นปาร์คชานยอลทำเพียงส่งเขาที่หน้าบ้านก่อนจะถอยรถเข้าบ้านตัวเองไปและไม่ออกมาหากันเหมือนเคย
แบคฮยอนรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนโง่ก็วันนี้
ถ้าหากรู้ก่อน เขาคงจะยอมเสแสร้งแกล้งทำเป็นพี่น้องกับชานยอลดีกว่าปล่อยให้เราสองคนค่อยๆถอยห่างจากกันจนกลายเป็นแค่คนข้างบ้านเหมือนเมื่อก่อน
พอถึงวันหยุดสุดสัปดาห์ แบคฮยอนเดินหน้าเปื่อยออกมาจากบ้านเพราะพอตกดึกร้องไห้มาก็หลายวันแล้ว ปาร์คชานยอลไม่มาให้เห็นหน้าเลยซักครั้งนับแต่พูดเรื่องนั้นมา จากที่เคยมาทานข้าวเย็นด้วยกันก็หายไป อ้างว่าต้องไปทำรายงานบ้านเพื่อนมั่งล่ะ ทานข้าวกับเพื่อนมั่งล่ะ
ก็สมควรโดนไหม? ไปพูดกับเขาแบบนั้น
บอกแม่ไว้แล้วว่าวันนี้จะไปบ้านโอเซฮุน แต่ความจริงแล้วไปเดินเล่นเรื่อยเปื่อยคนเดียวตามท้องถนนมากกว่า ร่างเล็กเปิดประตูรั้วออกมาในช่วงสาย ปิดมันลงก่อนจะชะเง้อมองข้างบ้านที่มีรถจอดอยู่สองคัน ที่แม่หายไปเช้านี้ก็เดาได้ไม่ยาก คงจะไปหาอะไรทำในบ้านหลังนั้นเหมือนเคย
ถอนหายใจออกมาน้อยๆแล้วจึงรีบเดินจ้ำอ้าวให้พ้นเขตแดนของคนข้างบ้าน กระชับเสื้อโค้ทตัวหนาให้ห่อหุ้มร่างกายให้มิดชิด แบคฮยอนกำลังหนาวอีกครั้งเมื่อคิดถึงปาร์คชานยอลคนใจร้ายที่ตอนนี้ทำตามที่เขาบอกได้ดีเสียเหลือเกิน
เลิกกัน....แต่ก็ไม่เห็นจำเป็นจะต้องหลบหน้ากันเลยนี่
ว่าแล้วก็เริ่มเข้าใจความรู้สึกของอีกคนที่ต้องอดทนกับการที่เขาเอาแต่หลบหน้าตลอดสองสัปดาห์ที่ผ่านมา
“แบคฮยอน”
เสียงเรียกจากทางข้างหลังทำเอาคนที่กำลังเดินต้องหันไปมอง ยังไม่ทันจะได้ตั้งสติอะไรก็โดนฉวยข้อมือให้เดินกลับไปทางเดิมที่เดินมา ด้วยความตกใจเลยเผลอสะบัด ปาร์คชานยอลมองหน้าเขาเพียงแค่เสี้ยววินาทีแต่ก็จับอีกครั้งและจับแน่นกว่าเดิม
“ปล่อย...! ปล่อยผมนะพี่!”
“.......”
“หายหน้าหายตาไปหลายวันแล้วคิดจะลากผมกลับไปง่ายๆแบบนี้หรอ....ง่ายเกินไปปะวะ”
“.....เดินตามมาเฉยๆเถอะ”
พอได้ยินน้ำเสียงเรียบเฉยแบคฮยอนก็เม้มปากแน่นก่อนจะตระหนักว่าตัวเองนั่นแหละที่เป็นฝ่ายทำให้ปาร์คชานยอลต้องหายหน้าไป ร่างสูงลากเขาเข้าไปในบ้านทั้งๆที่ยังจับมือเอาไว้แบบนั้น แบคฮยอนเบิกตากว้างและเริ่มจะสะบัดมืออีกรอบเมื่อเห็นคุณลุงคนข้างบ้านกับแม่นั่งอยู่ที่โซฟา พออีกคนยังจับแน่นไม่ยอมปล่อยเลยต้องเดินเข้าไปชิดเพื่อบังมือเอาไว้แล้วเข่นเสียงลอดตามไรฟันเพื่อกระซิบ
“พี่ปล่อยผมเดี๋ยวนี้นะ....ชานยอล” ไม่....คนอย่างปาร์คชานยอลไม่ฟัง แถมยังทิ้งตัวลงคุกเข่าต่อหน้าผู้ใหญ่ทั้งสองคนที่กำลังทำหน้างงๆแล้วพูดเสียงดัง
“คุณน้าครับ....พ่อครับ ผมกับแบคฮยอนเรากำลังคบกันอยู่”
------ GIDDY CHANYEOL -----
1 0 0 %
เป็นคนแมนๆ ใจๆอยู่แล้ว
ทำไมต้องดราม่า
ดราม่าทำไมไม่เข้าใจ
คิดอะไรซับซ้อน
คนแต่งจิตป่วงก็งี้ บ้า
หลังจากนี้เวลาไปไฟว้ไฟนอล
รักส์มาก
#ชานมึน
ปล้ำแบคฮยอน ราคาชานมึนไม่น่าเกิน 400 นะ
เราดูทรงแล้ว ถ้าจัดหน้าดีๆ เราจะประหูยัดกันได้เย้อะ
ปล้ำชานยอล เรื่องนี้เราจะเอาฉากจิ๊บจิ๊บไปไว้ตรงไหนดี
แทรกไม่ถูกเลย ถถถถถถถถถถ
ความคิดเห็น