ลำดับตอนที่ #12
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : [oศิลาอักษร :E12:} พงศาวดารชาติพันธุ์
Abyssinian
ปีศาจแมว
เป็นเผ่าพันธุ์ที่ค่อนข้างเป็นมิตรกับคน��แต่ก็ยังคงความเย่อหยิ่งทรนงในตนเองและรักการผจญภัย
สายลมอุ่นๆเป็นดั่งเพื่อนสนิท�ไม่ถูกกับอากาศหนาวเย็นเป็นที่สุด��
โดยส่วนมากจะมีดวงตาสีทองเป็นประกายสวยงามยามเมื่อต้องแสงอาทิตย์
หากพอตะวันลาลับจะเร้นกายอยู่ภายใต้ความมืดมิดของรัตติกาล
ธาตุที่เหมาะกับเผ่าพันธุ์�
เนื่องจากเผ่าปีศาจแมวนั้นรักสายลมและความอบอุ่น ดังนั้นจึงค่อนข้างจะเหมาะกับธาตุลมและไฟ เป็นพิเศษ
ธาตุที่แพ้ทาง�
น้ำและน้ำแข็ง เพราะเผ่าปีศาจแมวนั้นชอบอยู่ในที่ๆมีอากาศอบอุ่น��ดังนั้นน้ำและน้ำแข็งจึงถือเป็นสิ่งที่พวกเธอและเขาเกลียดมาก
ความสามารถของเผ่าพันธุ์
ความเร็วดุจสายลม ร่างกายที่มีความยืดหยุ่นสูง มีสัญชาตญาณและประสาทรับรู้อันเฉียบแหลม สามารถกลายร่างเป็นแมวได้
ประวัติศาสตร์ชาติพันธุ์
เมื่อหลายร้อยปีก่อน ได้มีต้นไม้พิศวงต้นหนึ่งเกิดขึ้นมาท่ามกลางธรรมชาติอันงดงาม
ผู้ก่อตั้งรุ่นแรกเป็นเพียงแมวจรจัดที่พลัดหลงเข้าไปในป่าแห่งนั้น�ในขณะที่มันกำลังจะตายนั้นเองก็ได้มาเจอกับต้นไม้ต้นนี้เข้า
มันปรารถนาที่จะมีชีวิตอยู่ต่อและสามารถต่อกรกับเหล่ามนุษย์หรืออสูรร้ายได้ พลันคำขอ�ร่างกายของมันกลับกลายเป็นมนุษย์
แต่ยังคงมีหูและหางเพื่อแสดงถึงเผ่าพันธุ์เดิม��เมื่อแมวตนนั้นได้ไปบอกสหายของตนที่เป็นแมวจรจัดด้วยกัน
มันมันก็พากันมาอ้อนวอนต่อต้นไม้พิศวงเพื่อที่จะได้กลายเป็นมนุษย์บ้าง คำอวยพรจากต้นไม้พิศวงนั้นทำให้แมวหลายร้อยตัว
กลายร่างเป็นครึ่งคนครึ่งแมว��พวกเขาต่างตั้งรกรางอยู่บริเวณใกล้กับต้นไม้พิศวง
คำบอกเล่านี้สืบสารมาจนถึงปัจจุบัน�ปีศาจแมวตนใดเมื่อมีอายุครบ�18�ปี จะได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้ใหญ่
และสามารถขอพรจากต้นไม้นี้ได้คนละครั้ง ไม่ว่าคำขอนั้นจะเป็นสิ่งใดก็สามารถทำให้มันเป็นจริงได้��
ดังนั้นเหล่าเด็กหลายคนจึงเฝ้าฝันว่าจะได้โตเป็นผู้ใหญ่เสียที เพราะเด็กไม่มีสิทธิออกจากหมู่บ้าน�
นั้นคือกฎเหล็กของพวกเขา �แต่ครั้งหนึ่ง�กลับมีเด็กคนหนึ่งหายไปจากหมู่บ้านอย่างไม่ทราบสาเหตุ
มหาสรรพาวุธของเผ่าพันธุ์
คำอวยพรแห่งอาคาเดีย
ต้นไม้พิศวงที่ธรรมชาติรังสรรค์ขึ้นมาเพื่อมอบความปารถนาแก่พวกเขา��
กิ่งก้านของมันสามารถนำมาสร้างเป็นอาวุธได้��ดอกของมันมีกลิ่นหอมหวานและช่วยเยียวยาจิตวิญญาณ��
ใบของมันมีไว้เพื่อเป็นยารักษาโรคต่างๆ
______________________________________________
Animus
สัตว์เทวะ (พันธะ)
สัตว์ที่อสูรที่มีการวิวัฒนาการมาจากสัตว์อสูรทั่วไป�
มีความสามารถทางกายและพลังเวทย์ในสายเวทย์นั้นๆที่สูง
ธาตุที่เหมาะกับเผ่าพันธุ๋
ไม่มีธาตุชัดเจนที่เหมาะกับเผ่า�
ขึ้นกับแต่ละตนว่าจะมีลักษณะอย่างไร
ธาตุที่แพ้ทาง
ไม่มีธาตุชัดเจนที่เหมาะกับเผ่า
ขึ้นกับแต่ละตนว่าจะมีลักษณะอย่างไร
ความสามารถของเผ่าพันธุ์
สามารถใช้มหาเวทย์ได้
ประวัติศาสตร์ชาติพันธุ์
แรกเริ่มเดิมทีสัตว์เทวะนั้นมาจากสัตว์อสูรทั่วๆไป�
แต่เพราะมีความสามารถและพลังเวทย์ที่เพิ่มสูงขึ้นจนเกินขีดจำกัดทางความสามารถของเผ่าสัตว์อสูรเดิม�
จึงมีการวิวัฒนาการกลายเป็นสัตว์เทวะที่มีลักษณะแตกต่างไปจากเดิมและแข็งแกร่งมากขึ้น�
มีอำนาจทางสายเวทย์นั้นๆที่เพิ่มมากขึ้นจนสามารถใช้มหาเวทย์ได้�
ส่วน "พันธะ" นั้นหมายถึงการที่ได้ทำพันธะเป็นบริวารของมนุษย์ และถึงแม้ว่าจะทำพันธะตั้งแต่ตอนยังเป็นเพียงสัตว์อสูร�
เมื่อวิวัฒนาการสู่ขึ้นเป็นสัตว์เทวะแล้ว ก็ยังคงเป็นบริวารของมนุษย์ผู้นั้นเช่นเดิม�
หากแต่มนุษย์ผู้นั้นต้องสูญเสียพลังเวทย์ในการหล่อเลี้ยงและการดำรงอยู่ของสัตว์เทวะมากขึ้นอย่างมาก�
การทำพันธะก็ทำให้สามารถติดต่อกับผู้เป็นนายทางจิตได้ รวมไปถึงการคืนสู่ร่างสัตว์อสูรเดิมของตนได้�
และไม่อาจทำภัยอันตรายใดๆต่อมนุษย์ผู้นั้นได้หากไม่จำเป็น
มหาสรรพาวุธของเผ่าพันธุ์
เนื่องจากสัตว์เทวะเป็นการวิวัฒนาการมาจากสัตว์อสูรทั่วไป จึงไม่มีมหาสรรพาวุธประจำเผ่า
______________________________________________
Asura / Demon
ปีศาจ / อสุรา
เผ่าพันธุ์อันเป็นตัวแทนแห่งความมืด ผู้ชักนำรัตติกาลมาสู่พิภพทั้งมวล
ปีศาจนั้นมีรูปร่างหลากหลายแบบ ขึ้นอยู่กับว่า ปีศาจตนนั้นมีหน้าอย่างไร มีความสามารถเช่นไร
หรืออยู่อาศัยอยู่ที่ใดๆ แต่ส่วนใหญ่แล้ว ปีศาจมักมีพลังเวทย์ที่สูงส่งเสมอ
มักเป็นที่เข้าใจผิดกันอยู่บ่อยๆ ว่า ปีศาจอาศัยอยู่ในนรก ซึ่งจริงๆ แล้ว นั่นเป็นความเชื่อที่ถูกเพียงส่วนเดียว
หากเพราะแท้แล้วปีศาจต่างก็กระจายอยู่ในทุกๆ พิภพ กระทั่งบนสวรรค์ก็ยังมีอาศัยอยู่
หากเพราะเพื่อค้ำจุนอำนาจไม่ให้เผ่าพันธุ์เทพเป็นใหญ่ในแสงสว่างมากนัก
ธาตุที่เหมาะกับเผ่าพันธุ์
ความมืด
ธาตุที่แพ้ทาง
ส่วนใหญ่แพ้แสงสว่าง แต่ใช่ว่าจะเป็นเช่นเดียวกับทุกตนเสมอไป
ความสามารถของเผ่าพันธุ์
ทนทานต่อการถูกโจมตี ความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ เพราะพลังทั้งหมดเป็นความมืดจึงทำให้แฝงกายตามเงา
ปกปิดจิตสังหารที่แนบเนียน สามารถเรียกอาวุธออกมาจากห้วงมิติแห่งความมืด
ประวัติศาสตร์ชาติพันธุ์
นานจนเกินคณานับ ตั้งแต่จักรวาลนี้กำเนิดขึ้น ดำเนินมาจนกระทั่งพิภพต่างๆ ก่อกำเนิดสิ่งมีชีวิต
ในเวลานั้น จักรวาลธาตุหลายแขนงก่อกำเนิดสรรพชีวิตขึ้น นั่นเองถือเป็นจุดกำเนิดที่ปีศาจถือกำเนิดจากความมืดแห่งจักรวาล
ปีศาจนับเป็นเผ่าพันธุ์เก่าแก่ที่กำเนิดขึ้นจนนับได้ว่ามีอายุรุ่นราวคราวเดียวเท่าเทียมกับเทพเจ้า รวมถึงที่อยู่เองก็ตั้งอยู่บนสวรรค์เช่นกัน
เพราะแสงสว่างนั้นมีคุณ หากแต่แสงสว่างที่เหลื่อล้นก็อาจให้โทษได้เช่นกัน ดังนั้นปีศาจที่ถือกำเนิดจากความมืดจึงเป็นผู้คานอำนาจเทพ
ทุกๆ วันนี้ ปีศาจและเทพเจ้าต่างก็คานอำนาจซึ่งกันและกันเสมอ เพื่อให้พิภพทั้งหลายอยู่ในสภาพสมดุล ไม่เกิดมหาวิบัติขึ้น
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดนั่นคือ เทพเจ้าจะเป็นผู้นำพารุ่งอรุณมาสู่ทุกพิภพ ขณะเดียวกันปีศาจก็จะชักนำรัตติกาลมาสู่สรรพชีวิตเช่นกัน
ปีศาจทั้งหลายตั้งตนอยู่ในสวรรค์อยู่นาน จนกระทั่งเทพเจ้าได้รังสรรค์สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่ามนุษย์ขึ้น
ปีศาจบางส่วนจึงได้ลงไปอยู่อาศัยร่วมกับเผ่าพันธุ์อื่นๆ เช่นเดียวกับเทพบางองค์ที่อยู่ร่วมกับมนุษย์
ทำให้มีปีศาจกระจายออกไปทั่วพิภพทั้งหลายเช่นกัน ปัจจุบันพิภพหลักที่ปีศาจอาศัยอยู่คือสวรรค์ชั้นสูงสุด อันมีชื่อว่าปรนิมมิตสวัสดี
และอาศัยอยู่ร่วมกับเทพโดยแบ่งสวรรค์ออกเป็นสองส่วน และแยกการปกครองกันอย่างเป็นอิสระ
*(ซึ่งตามจริงแล้วในอดีตสวรรค์แบ่งออกเป็นสามส่วน คือ อาณาจักรของเทพ ปีศาจ(อสุรา) และยักษา
ต่อมาปีศาจได้ก่อสงครามขึ้นและขับไล่ยักษ์ออกไป ทำให้ปีศาจได้ครอบครองดินแดนส่วนของยักษา
ทว่าก็ทำให้ทั้งสองเผ่าพันธุ์เป็นศัตรูกันตั้งแต่นั้นมา)
มหาสรรพาวุธของเผ่าพันธุ์
อีเทอร์ เวทย์มหากาฬโบราณ มีความสามารถกลืนกินทุกสรรพสิ่ง
ดูดกลืนพลังเอาชีวิตเเละเสริมความเเข็งเเกร่งไร้เทียมทานให้กับผู้ใช้
(*ในอดีต : กิ่งปาริชาตมหาเวทย์ [ มิราบิลลิส ] ปัจจุบันหายสาปสูญ)
________________________________________ปีศาจ / อสุรา
เผ่าพันธุ์อันเป็นตัวแทนแห่งความมืด ผู้ชักนำรัตติกาลมาสู่พิภพทั้งมวล
ปีศาจนั้นมีรูปร่างหลากหลายแบบ ขึ้นอยู่กับว่า ปีศาจตนนั้นมีหน้าอย่างไร มีความสามารถเช่นไร
หรืออยู่อาศัยอยู่ที่ใดๆ แต่ส่วนใหญ่แล้ว ปีศาจมักมีพลังเวทย์ที่สูงส่งเสมอ
มักเป็นที่เข้าใจผิดกันอยู่บ่อยๆ ว่า ปีศาจอาศัยอยู่ในนรก ซึ่งจริงๆ แล้ว นั่นเป็นความเชื่อที่ถูกเพียงส่วนเดียว
หากเพราะแท้แล้วปีศาจต่างก็กระจายอยู่ในทุกๆ พิภพ กระทั่งบนสวรรค์ก็ยังมีอาศัยอยู่
หากเพราะเพื่อค้ำจุนอำนาจไม่ให้เผ่าพันธุ์เทพเป็นใหญ่ในแสงสว่างมากนัก
ธาตุที่เหมาะกับเผ่าพันธุ์
ความมืด
ธาตุที่แพ้ทาง
ส่วนใหญ่แพ้แสงสว่าง แต่ใช่ว่าจะเป็นเช่นเดียวกับทุกตนเสมอไป
ความสามารถของเผ่าพันธุ์
ทนทานต่อการถูกโจมตี ความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ เพราะพลังทั้งหมดเป็นความมืดจึงทำให้แฝงกายตามเงา
ปกปิดจิตสังหารที่แนบเนียน สามารถเรียกอาวุธออกมาจากห้วงมิติแห่งความมืด
ประวัติศาสตร์ชาติพันธุ์
นานจนเกินคณานับ ตั้งแต่จักรวาลนี้กำเนิดขึ้น ดำเนินมาจนกระทั่งพิภพต่างๆ ก่อกำเนิดสิ่งมีชีวิต
ในเวลานั้น จักรวาลธาตุหลายแขนงก่อกำเนิดสรรพชีวิตขึ้น นั่นเองถือเป็นจุดกำเนิดที่ปีศาจถือกำเนิดจากความมืดแห่งจักรวาล
ปีศาจนับเป็นเผ่าพันธุ์เก่าแก่ที่กำเนิดขึ้นจนนับได้ว่ามีอายุรุ่นราวคราวเดียวเท่าเทียมกับเทพเจ้า รวมถึงที่อยู่เองก็ตั้งอยู่บนสวรรค์เช่นกัน
เพราะแสงสว่างนั้นมีคุณ หากแต่แสงสว่างที่เหลื่อล้นก็อาจให้โทษได้เช่นกัน ดังนั้นปีศาจที่ถือกำเนิดจากความมืดจึงเป็นผู้คานอำนาจเทพ
ทุกๆ วันนี้ ปีศาจและเทพเจ้าต่างก็คานอำนาจซึ่งกันและกันเสมอ เพื่อให้พิภพทั้งหลายอยู่ในสภาพสมดุล ไม่เกิดมหาวิบัติขึ้น
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดนั่นคือ เทพเจ้าจะเป็นผู้นำพารุ่งอรุณมาสู่ทุกพิภพ ขณะเดียวกันปีศาจก็จะชักนำรัตติกาลมาสู่สรรพชีวิตเช่นกัน
ปีศาจทั้งหลายตั้งตนอยู่ในสวรรค์อยู่นาน จนกระทั่งเทพเจ้าได้รังสรรค์สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่ามนุษย์ขึ้น
ปีศาจบางส่วนจึงได้ลงไปอยู่อาศัยร่วมกับเผ่าพันธุ์อื่นๆ เช่นเดียวกับเทพบางองค์ที่อยู่ร่วมกับมนุษย์
ทำให้มีปีศาจกระจายออกไปทั่วพิภพทั้งหลายเช่นกัน ปัจจุบันพิภพหลักที่ปีศาจอาศัยอยู่คือสวรรค์ชั้นสูงสุด อันมีชื่อว่าปรนิมมิตสวัสดี
และอาศัยอยู่ร่วมกับเทพโดยแบ่งสวรรค์ออกเป็นสองส่วน และแยกการปกครองกันอย่างเป็นอิสระ
*(ซึ่งตามจริงแล้วในอดีตสวรรค์แบ่งออกเป็นสามส่วน คือ อาณาจักรของเทพ ปีศาจ(อสุรา) และยักษา
ต่อมาปีศาจได้ก่อสงครามขึ้นและขับไล่ยักษ์ออกไป ทำให้ปีศาจได้ครอบครองดินแดนส่วนของยักษา
ทว่าก็ทำให้ทั้งสองเผ่าพันธุ์เป็นศัตรูกันตั้งแต่นั้นมา)
มหาสรรพาวุธของเผ่าพันธุ์
อีเทอร์ เวทย์มหากาฬโบราณ มีความสามารถกลืนกินทุกสรรพสิ่ง
ดูดกลืนพลังเอาชีวิตเเละเสริมความเเข็งเเกร่งไร้เทียมทานให้กับผู้ใช้
(*ในอดีต : กิ่งปาริชาตมหาเวทย์ [ มิราบิลลิส ] ปัจจุบันหายสาปสูญ)
Deity
เทพเจ้าเผ่าพันธุ์แห่งการรังสรรค์ มหาอำนาจที่ถือกำเนิดจากแสงสว่าง
รู้จักกันในนามเทพผู้มีเมตตาทั้งหลาย และผู้ให้กำเนิดสรรพชีวิต
*(ซึ่งแท้แล้วนับว่าผิดโดยสิ้นเชิง เพราะเทพไม่ได้ให้กำเนิดสิ่งมีชีวิต แต่คอยดูแลสิ่งมีชีวิต)
มักเป็นที่เข้าใจผิดว่า เทพและปีศาจเป็นศัตรูกัน ซึ่งความจริงแล้วเป็นศัตรูกันแค่ธาตุของเผ่าพันธุ์เท่านั้น
ปัจจุบันเทพเจ้ายังคงคานอำนาจกับปีศาจเพื่อความสมดุลของพิภพทั้งหลายอยู่เช่นเดิม
ธาตุที่เหมาะกับเผ่าพันธุ์
ขึ้นอยู่กับอำนาจที่ครอบครอง
ธาตุที่แพ้ทาง
ขึ้นอยู่กับอำนาจที่ครอบครอง
ความสามารถของเผ่าพันธุ์
รังสรรค์ธรรมชาติทุกอย่างได้โดยมีพื้นฐานมาจากอำนาจของตน
แม้กระทั่งปรากฏการณ์บางอย่าง เทพเองก็สามารถทำให้มันเกิดขึ้นได้เช่นกัน
นั่นหมายความว่า เทพมีอำนาจแตกต่างกันออกไปในแต่ละองค์
โดยที่ระดับของอำนาจจะต่างกันไป ตั้งแต่เวทย์ธรรมดา
ไปจนถึงการใช้มหาเวทย์ได้เลยทีเดียว
ประวัติศาสตร์ชาติพันธุ์
เช่นเดียวกับปีศาจ เทพเองก็เป็นรูปธรรมของแสงสว่างเช่นกัน
นานมาแล้ว เทพต่างกำเนิดจากแสงสว่างในจักรวาล และกลายเป็นเผ่าพันธุ์ดึกดำบรรพ์เผ่าหนึ่ง
ในช่วงแรกๆ เทพต่างก็อาศัยอยู่ในสวรรค์และดำรงชีวิตเฉกเช่นเผ่าพันธุ์อื่นๆ
แต่แล้ว เมื่อเทพค้นพบว่าเผ่าพันธุ์ของตนมีอำนาจเฉพาะตัว และคุณสมบัติพิเศษ
อันได้แก่ มีรัศมีแห่งแสงอันเป็นศัตรูต่อปิศาจ มีอายุขัยที่ยืนยาว
และสามารถถือกำเนิดจากการสิ้นอายุขัยของสัตว์อันมีความดีมากอีกด้วย
ทำให้เทพเจ้าต่างใช้อำนาจส่วนนี้ครอบครองสวรรค์ส่วนใหญ่
และคอยนำแสงสว่างเข้าสู่พิภพต่างๆ โดยมีปีศาจคอยเกื้อหนุนค้ำจุน
เพื่อป้องกันไม่ให้อำนาจเทพลุกลามจนเกิดเหตุจนทำลายล้างโลกได้
ส่วนใหญ่แล้ว หลายๆ อารยธรรมมักจะมีเทพเจ้าประจำอยู่
หากในความเป็นจริงแล้ว เทพเจ้าต่างหากที่นำอารยธรรมนั้นลงมาให้สรรพสัตว์
อาทิ องค์เทพทั้งสามที่ให้ความดูแลแก่เอลีเซีย เป็นต้น
ปัจจุบัน อาณาจักรสูงสุดของเทพเจ้าตั้งอยู่ในสวรรค์ชั้นปรนิมมิตสวัสดี
โดยแบ่งเขตอาณาจักรแยกกับปีศาจ แล้วปกครองอยู่อย่างเป็นอิสระ
มหาสรรพาวุธแห่งเผ่าพันธุ์
มีหลายประเภท ดังนี้
คทามหาสรรค์ [ อินโกลเฟอรัสชั่น ]
พัดแห่งมหาอรุณ [ อีเทอโรรา ]
เกวียนแห่งสุริยนตร์ [ เฮกซัส ]
ฯลฯ
*(ในอดีต : กระบี่เพลิงปฐพีพิพากษา [ อิมพีเรียมจัสทิเทีย ] ปัจจุบันหายสาปสูญ)
________________________________________
Dwarf
คนแคระ
เผ่าพันธุ์ที่เกิดจากอำนาจแห่งโชคของอิซซุนโบชิ บรรพกษัตริย์ห่งคนแคระทั้งมวล
แม้จะชื่อว่าคนแคระ แต่ลักษณะทั่วไปเมื่อดูจากภายนอกนั้นไม่ต่างอะไรจากมนุษย์ธรรมดา
เพียงแต่มีพรสวรรค์เรื่องโชค ทักษะการช่าง และการต่อสู้อย่างรวดเร็วเท่านั้น
เวทมนตร์ที่คนแคระใช้ออกจะแตกต่างจากมนุษย์อยู่มาก อาจเพราะอารยธรรมที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกัน
จึงทำให้คนแคระมีเวทย์ที่มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง โดยเฉพาะช่วงหลังๆ มานี้
ก็ได้มีการติดต่อกันฉันมิตรกับอาณาจักรยักษ์ที่อยู่ไม่ไกลนักเสียด้วยซ้ำ
เวทมนตร์ อารยธรรม ไปจนถึงเทคโนโลยีของคนแคระจึงพัฒนาอย่างก้าวกระโดด
นับว่าคนแคระเป็นหนึ่งในเผ่าพันธุ์ที่น่าจับตามองในปัจจุบันมากพอควรทีเดียว
ธาตุที่เหมาะกับเผ่าพันธุ์
ปฐพี ทอง โชค
ธาตุที่แพ้ทาง
น้ำ
ความสามารถของเผ่าพันธุ์
มีอำนาจแห่งโชคซึ่งสามารถเปลี่ยนสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้หากรู้วิธีติดตัว
โดยเฉพาะเมื่อร่วมกับความสามารถที่มีอยู่แล้วของคนแคระยิ่งทำให้พวกเขาแข็งแกร่งขึ้นไปอีก
หากเพราะเมื่อพรสวรรค์ช่างและกำลังแห่งปัญญามารวมกับอำนาจแห่งโชคแล้ว
ไม่ว่าสิ่งใด หากคนแคระรู้วิธีการก็สามารถบันดาลให้เกิดขึ้นได้ จึงนับว่าเป็นความสามารถที่น่ากลัวทีเดียว
นอกจากนี้คนแคระยังเคลื่อนไหวได้รวดเร็วว่องไวกว่าเผ่าพันธุ์อื่นๆ อีกด้วย
หากคิดจะโจมตีให้โดนคนแคระละก็ ขอบอกได้เลยว่ายากนัก
ประวัติศาสตร์ของเผ่าพันธุ์
คนแคระถือกำเนิดเป็นครั้งแรกในโลก เมื่อ 5,700 ปีที่แล้ว
เมื่อตายายผู้อาศัยอยู่กลางป่าคู่หนึ่งได้พบว่ามีเด็กน้อยกำเนิดขึ้นจากตอต้นไทรยักษ์
ทว่าเด็กผู้นั้นมีขนาดเพียงหัวแม่มือเท่านั้น
กระนั้นแล้ว ตายายทั้งสองก็ตัดสินใจรับเลี้ยงเด็กดังกล่าวมาเป็นดั่งบุตร
ทั้งคู่ตั้งชื่อเด็กแคระให้ว่า อิซซุนโบชิ แล้วชุบเลี้ยงในฐานะบุตรบุญธรรมมาจนเติบใหญ่
เมื่ออิซซุนโบชิอายุย่างเข้า 20 ปี ตายายทั้งสองกลับถูกอสุรกายในป่าฆ่าตาย
อิซซุนโบชิเกิดความแค้นเป็นอย่างมาก จึงได้ออกเดินทางไปยังดินแดนที่เป็นนรกโบราณในปัจจุบัน
โดยมีของติดตัวเพียงแค่เสื้อผ้า อาหาร และค้อนไม้ธรรมดาๆ เท่านั้น
ในขณะที่อสุรกายดังกล่าวมีร่างกายสูงเท่ากับปราสาทหลังหนึง
แต่แล้ว เขาก็สามารถเอาชนะอสุรกายนั้นมาได้ด้วยกำลังปัญญาและอำนาจแห่งโชค
อสุรกายนั้นหนีไป แล้วทิ้งขุมเวทย์แสงสีแสดเรืองไว้บนพื้น
อิซซุนโบชิเห็นดังนั้นแล้วจึงนำเวทย์ของตนรวมเข้ากับขุมเวทย์ของอสุรกาย
แล้วผนึกเข้ากับค้อนไม้ของตน กลายเป็นค้อนนำโชค
จากนั้นจึงขอพรสามประการ กล่าวคือ ให้ได้เป็นเจ้าปกครองนครของตน
ขอให้ตัวสูงเท่าคนปกติ และขอให้มีจำนวนบุตรหลานที่เกิดจากตนเท่ากับดาวบนฟ้า
เมื่อสิ้นคำขอ ร่างกายของเขาก็ขยายขึ้นจนเท่าคนปกติ
หลังจากนั้น อิซซุนโบชิก็กลายเป็นปฐมกษัตริย์ของอาณาจักรคนแคระ
และสืบเชื้อสายปกครองอาณาจักรของตนเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน
มหาสรรพาวุธแห่งเผ่าพันธุ์
ดิเรกภัณฑ์แห่งชัยชนะ [ เอคตัสฮาร์โมนี ]
*(ในอดีต : มหาค้อนวิเศษ [ อิซซุนิโออะเรกทัส ] ปัจจุบันหายสาปสูญ)
________________________________________
Elf
เอลฟ์
เอลฟ์เป็นเผ่าพันธุ์หนึ่งที่เกิดจากจิตวิญญาณแห่งธรรมชาติ
ทำให้มีความสว่างในดวงจิตสูงมาก เอลฟ์ปกติจะมีหูแหลมยาวเป็นสัญลักษณ์
ธาตุที่เหมาะกับเผ่าพันธุ์
Elf
เอลฟ์
เอลฟ์เป็นเผ่าพันธุ์หนึ่งที่เกิดจากจิตวิญญาณแห่งธรรมชาติ
ทำให้มีความสว่างในดวงจิตสูงมาก เอลฟ์ปกติจะมีหูแหลมยาวเป็นสัญลักษณ์
ธาตุที่เหมาะกับเผ่าพันธุ์
ธาตุแสงสว่าง , ธาตุสายฟ้า
เอลฟ์เป็นเผ่าพันธุ์ที่มีธาตุแสงสว่างในตัวสูงมาก เมื่อเทียบกับเผ่าพันธุ์อื่นๆ
แต่ก็ยังไม่ถึงกับมากที่สุดการต่อสู้ในสภาพรอบตัวที่มีแสงสว่างจะทำให้เอลฟ์�มีความได้เปรียบสูงมากขึ้น
แม้เผ่าพันธุ์อื่นอาจดวงตาพร่ามัว แต่เอลฟ์ที่มีสายตาเฉียบคมนั้น แสงสว่างไม่เป็นปัญหาเลยแม้แต่น้อย
ธาตุที่แพ้ทาง
เอลฟ์เป็นเผ่าพันธุ์ที่มีธาตุแสงสว่างในตัวสูงมาก เมื่อเทียบกับเผ่าพันธุ์อื่นๆ
แต่ก็ยังไม่ถึงกับมากที่สุดการต่อสู้ในสภาพรอบตัวที่มีแสงสว่างจะทำให้เอลฟ์�มีความได้เปรียบสูงมากขึ้น
แม้เผ่าพันธุ์อื่นอาจดวงตาพร่ามัว แต่เอลฟ์ที่มีสายตาเฉียบคมนั้น แสงสว่างไม่เป็นปัญหาเลยแม้แต่น้อย
ธาตุที่แพ้ทาง
ธาตุความมืด
ถ้าโดนเพียงเล็กน้อย การขับออกไม่ใช่ปัญหา แต่ถ้าโดนเข้าไปในปริมาณมาก
พลังสว่างข้างในจะออกมาต่อต้านจนทำให้ร่างกายเสียสมดุล
ถึงแม้เอลฟ์จะไม่ตาย แต่ดวงจิตจะถูกขับออกจากร่างในที่สุด
ความสามารถของเผ่าพันธุ์
ถ้าโดนเพียงเล็กน้อย การขับออกไม่ใช่ปัญหา แต่ถ้าโดนเข้าไปในปริมาณมาก
พลังสว่างข้างในจะออกมาต่อต้านจนทำให้ร่างกายเสียสมดุล
ถึงแม้เอลฟ์จะไม่ตาย แต่ดวงจิตจะถูกขับออกจากร่างในที่สุด
ความสามารถของเผ่าพันธุ์
มีฝีมือการยิงธนูที่เก่งกาจ สายตาที่ฉับไวกว่าเผ่าพันธุ์อื่นใดและพลังการรักษาที่เยี่ยมยอด
มีสติปัญญาและการแก้ไขปัญหาในระดับที่ดี�
ประวัติศาสตร์ชาติพันธุ์
มีสติปัญญาและการแก้ไขปัญหาในระดับที่ดี�
ประวัติศาสตร์ชาติพันธุ์
นานแสนนานมาแล้ว เผ่าพันธุ์เอลฟ์ได้ถือกำเนิดจากบนโลกจากจิตวิญญาณแห่งธรรมชาติ
เอลฟ์ถือกำเนิดและอยู่อาศัยในผืนป่าใหญ่ มีนิสัยที่ใจดี รักอิสระและพร้อมที่จะช่วยเหลือสิ่งต่างๆ การอยู่ในผืนป่าทำให้เอลฟ์จากรุ่นสู่รุ่น
มีพัฒนาการและการตอบสนองที่จัดว่าไวเมื่อเทียบกับเผ่าพันธุ์อื่นๆ การรักษาและเยียวยาก็ถือเป็นพลังที่สุดยอดของเผ่าพันธุ์�
แต่เมื่อโลกถึงคราวเปลี่ยนแปลง ผืนป่าน้อยใหญ่ถูกทำลาย เอลฟ์เริ่มสูญหายไปเรื่อยๆ จนทำให้เอลฟ์ที่ยังมีชีวิตรอด
ตะเกียกตะกายออกมาจากป่าเพื่อเรียกร้องสิทธิ์และปกป้องผืนป่า
และปัจจุบันนี้เจตจำนงอันแรงกล้าของเอลฟ์ก็ยังถูกสืบทอดมาจนถึงตอนนี้
มหาสรรพาวุธของเผ่าพันธุ์�
เอลฟ์ถือกำเนิดและอยู่อาศัยในผืนป่าใหญ่ มีนิสัยที่ใจดี รักอิสระและพร้อมที่จะช่วยเหลือสิ่งต่างๆ การอยู่ในผืนป่าทำให้เอลฟ์จากรุ่นสู่รุ่น
มีพัฒนาการและการตอบสนองที่จัดว่าไวเมื่อเทียบกับเผ่าพันธุ์อื่นๆ การรักษาและเยียวยาก็ถือเป็นพลังที่สุดยอดของเผ่าพันธุ์�
แต่เมื่อโลกถึงคราวเปลี่ยนแปลง ผืนป่าน้อยใหญ่ถูกทำลาย เอลฟ์เริ่มสูญหายไปเรื่อยๆ จนทำให้เอลฟ์ที่ยังมีชีวิตรอด
ตะเกียกตะกายออกมาจากป่าเพื่อเรียกร้องสิทธิ์และปกป้องผืนป่า
และปัจจุบันนี้เจตจำนงอันแรงกล้าของเอลฟ์ก็ยังถูกสืบทอดมาจนถึงตอนนี้
มหาสรรพาวุธของเผ่าพันธุ์�
คำสอนแห่งเอลฟ์และกระจกแห่งปัญญา
______________________________________________
Fiend
อสุรกาย
เผ่าพันธุ์พิเศษ ไม่มีลักษณะแน่ชัด
อสุรกายมักเกิดได้จากเหตหลายอย่างด้วยกัน ดังนั้นพวกมันจึงไม่มีรูปแบบ
บ้างก็เกิดมาจากการผสมกันทางสายเลือด บ้างก็เกิดมาจากการกลายพันธุ์
หรือบางทีอสุรกายที่เกิดมาจากอำนาจเวทย์ที่ผิดเพี้ยนก็มี
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น อสูรกายก็ยังนับว่าแกร่งเมื่อเทียบกับเผ่าพันธุ์อื่นๆ อยู่ดี
อสุรกายมักจะรู้จักกันในนามของอสูรที่อยู่รอบๆ แคว้น
กล่าวคือ ไม่ใช่เผ่าอะไรเลย แต่กลับเป็นจำพวกอสูรกายนั่นเอง
โดยทั่วไปแล้ว อสุรกายจะแบ่งออกเป็นสองพวก
คืออสุรกายธรรมดา และอสุรกายที่มีปัญญา
โดยประเภทหลังจะอันตรายกว่าประเภทแรก และหากระดับความมีปัญญาสูงมากเท่าไร
ความอันตรายก็ยิ่งมีสูงขึ้นเท่านั้น
ธาตุที่เหมาะสมกับเผ่าพันธุ์
แล้วแต่ประเภทของอสุรกาย
ความสามารถเผ่าพันธุ์
แล้วแต่ประเภทของอสุรกาย
ประวัติศาสตร์ชาติพันธุ์
อสูรกายมีหลายจำพวก แต่ก็ใช่ว่าจำพวกที่มีเจตนาดีนั่นจะไม่มีเสียทีเดียว
อสูรกายตนแรกที่มีปรากฏในหน้าประวัติศาสตร์คือมหามัจฉาติสสรนนท์
พญาปลายักษ์ที่ทำหน้าที่หนุนจักรวาลไว้ให้ทรงตัวอยู่ได้
หลังจากนั้นเรื่องราวของอสุรกายก็แพร่กระจายไปทั่วโลก
มีตำนานต่างๆ มากมายที่กล่าวถึงอสุรกาย แต่ที่รู้จักกันมากที่สุด
คือตำนานอสูรมังกรที่นำทัพเข้าจู่โจมเอเลเซียเมื่อหลายพันปีก่อน
แล้วถูกนักบวชแห่งหมอกสยบลงได้ในเวลาต่อมา
อสูรกายนั้นนับว่ากระจายไปทั่วพิภพ โดยเฉพาะประเภทมีปัญญาแล้ว
ยิ่งเรียนรู้และรู้จักการทำตัวเป็นสัตว์สังคมอยู่ร่วมกับสัตว์อื่นได้ดี
หากเพราะอสุรกายมีปัญญาบางตนไม่รู้เผ่าพันธุ์ตนเองจริงๆ เลยก็มี
ไม่แน่ว่า ตัวท่านหรือคนรอบข้างของท่านอาจจะเป็นอสูรกายเสียเองก็ได้นะ?
มหาสรรพาวุธแห่งเผ่าพันธุ์
ตามบันทึกประวัติศาสตร์ทั่วโลกแล้ว
มหาสรรพาวุธแห่งเผ่าพันธุ์อสูรกายทั่วโลกมีมากกว่าร้อยชิ้น
เกินขอบเขตที่จะบันทึกลงเสียหมดได้
______________________________________________
Fiend
อสุรกาย
เผ่าพันธุ์พิเศษ ไม่มีลักษณะแน่ชัด
อสุรกายมักเกิดได้จากเหตหลายอย่างด้วยกัน ดังนั้นพวกมันจึงไม่มีรูปแบบ
บ้างก็เกิดมาจากการผสมกันทางสายเลือด บ้างก็เกิดมาจากการกลายพันธุ์
หรือบางทีอสุรกายที่เกิดมาจากอำนาจเวทย์ที่ผิดเพี้ยนก็มี
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น อสูรกายก็ยังนับว่าแกร่งเมื่อเทียบกับเผ่าพันธุ์อื่นๆ อยู่ดี
อสุรกายมักจะรู้จักกันในนามของอสูรที่อยู่รอบๆ แคว้น
กล่าวคือ ไม่ใช่เผ่าอะไรเลย แต่กลับเป็นจำพวกอสูรกายนั่นเอง
โดยทั่วไปแล้ว อสุรกายจะแบ่งออกเป็นสองพวก
คืออสุรกายธรรมดา และอสุรกายที่มีปัญญา
โดยประเภทหลังจะอันตรายกว่าประเภทแรก และหากระดับความมีปัญญาสูงมากเท่าไร
ความอันตรายก็ยิ่งมีสูงขึ้นเท่านั้น
ธาตุที่เหมาะสมกับเผ่าพันธุ์
แล้วแต่ประเภทของอสุรกาย
ความสามารถเผ่าพันธุ์
แล้วแต่ประเภทของอสุรกาย
ประวัติศาสตร์ชาติพันธุ์
อสูรกายมีหลายจำพวก แต่ก็ใช่ว่าจำพวกที่มีเจตนาดีนั่นจะไม่มีเสียทีเดียว
อสูรกายตนแรกที่มีปรากฏในหน้าประวัติศาสตร์คือมหามัจฉาติสสรนนท์
พญาปลายักษ์ที่ทำหน้าที่หนุนจักรวาลไว้ให้ทรงตัวอยู่ได้
หลังจากนั้นเรื่องราวของอสุรกายก็แพร่กระจายไปทั่วโลก
มีตำนานต่างๆ มากมายที่กล่าวถึงอสุรกาย แต่ที่รู้จักกันมากที่สุด
คือตำนานอสูรมังกรที่นำทัพเข้าจู่โจมเอเลเซียเมื่อหลายพันปีก่อน
แล้วถูกนักบวชแห่งหมอกสยบลงได้ในเวลาต่อมา
อสูรกายนั้นนับว่ากระจายไปทั่วพิภพ โดยเฉพาะประเภทมีปัญญาแล้ว
ยิ่งเรียนรู้และรู้จักการทำตัวเป็นสัตว์สังคมอยู่ร่วมกับสัตว์อื่นได้ดี
หากเพราะอสุรกายมีปัญญาบางตนไม่รู้เผ่าพันธุ์ตนเองจริงๆ เลยก็มี
ไม่แน่ว่า ตัวท่านหรือคนรอบข้างของท่านอาจจะเป็นอสูรกายเสียเองก็ได้นะ?
มหาสรรพาวุธแห่งเผ่าพันธุ์
ตามบันทึกประวัติศาสตร์ทั่วโลกแล้ว
มหาสรรพาวุธแห่งเผ่าพันธุ์อสูรกายทั่วโลกมีมากกว่าร้อยชิ้น
เกินขอบเขตที่จะบันทึกลงเสียหมดได้
Frozen Fairy
ภูติน้ำแข็ง
เผ่าพันธุ์ที่อยู่คู่กับน้ำและน้ำแข็งมาเนิ่นนานแต่โบราณมาแล้ว รักสงบและเกลียดการฆ่าฟัน
เป็นเผ่าพันธุ์ที่จะเลี้ยงดูและฝึกฝนให้ทุกคนใช้น้ำและน้ำแข็งได้อย่างคล่องแคล่ว
เพื่อใช้ในชีวิตประจำวันและเพื่อป้องกันตัว
ธาตุที่เหมาะกับเผ่าพันธุ์
น้ำ
ธาตุที่แพ้ทาง
ลม
ความสามารถของเผ่าพันธุ์
ควบคุมสิ่งที่มีธาตุน้ำ สร้างน้ำ สามารถควบคุมอุณภูมิจนติดลบมากขึ้นเรื่อยๆ ได้
จะมากแค่ไหนอยู่ที่ฝีมือการใช้และพลังเวท,เข้าไปในเงาของสิ่งที่มีธาตุน้ำและโผล่ออกมาจากสิ่งที่มีธาตุน้ำอื่นได้ราวเดินผ่านประตู
,ใช้เวทเกี่ยวกับน้ำและน้ำแข็งได้ว่องไวและคล่องแคล่วกว่าเผ่าพันธุ์อื่นราวกับว่าเป็นอวัยวะส่วนหนึ่งของร่างกาย
ประวัติศาสตร์ชาติพันธุ์
ที่มาของเผ่าพันธุ์ไม่ปรากฏแน่ชัด แต่ทุกคนมีสายเลือดของผู้ที่ภูติน้ำแข็งนับถือเป็นเทพอยู่
และเป็นสาเหตุที่เผ่าพันธุ์นี้สามารถใช้้น้ำได้ยอดเยี่ยมอลังการ มีเทพที่นับถือเป็นนักรบแห่งวารี สตรีผู้กอบกู้อิสระภาพ
มหาสรรพวุธของเผ่าพันธุ์
น้ำตาสีครามของเทพวารี
______________________________________________
Human
มนุษย์
เผ่าพันธุ์ที่ไม่มีทักษะหรืออวัยวะพิเศษอะไรเด่นชัด
ความสามารถ เวทมนร์ และปัญญาจัดว่าอยู่ในระดับธรรมดาสามัญ
ทว่าความสามารถในการปรับตัวและพัฒนาตนเองกลับสูงกว่าเผ่าพันธุ์อื่นใดมากกว่าที่คิด
ธาตุที่เหมาะกับเผ่าพันธุ์
แล้วแต่ความสามารถของมนุษย์แต่ละคน
ธาตุที่แพ้ทาง
แล้วแต่ความสามารถของมนุษย์แต่ละคน
ความสามารถของเผ่าพันธุ์
ไม่มีอะไรพิเศษ เพราะความสามารถจะเด่นทางใด
ขึ้นอยู่กับว่ามนุษย์แต่ละคนจะเลือกพัฒนาทักษะใดเท่านั้น
ประวัติศาสตร์ชาติพันธุ์
ประวัติศาสตร์ของมนุษย์ในเอเลเซียนั้นเริ่มมาตั้งแต่เมื่อหนึ่งหมื่นปีก่อน
ตั้งแต่มนุษย์อพยพจากอนุทวีปทางตะวันออกมายังดินแดนแถบเอเลเซียในปัจจุบัน
ตามหลักฐานทางประวัติศาสตร์ ยังค้นพบว่ามนุษย์เองก็มีส่วนร่วมในการก่อสร้างแคว้นอีกด้วย
ส่วนมนุษย์จากโลกภายนอกที่เข้ามาภายหลังนั้นล้วนไม่มีประวัติศาสตร์ร่วมกับชาวเอเลย์โดยสิ้นเชิง
มหาสรรพาวุธแห่งเผ่าพันธุ์
เอกซ์คาวอยซ์ โซลแตร์ ดาบแห่งสายสัมพันธ์มหาปัญญา
(ในอดีต : มหาธนูดับอาทิตย์สิบดวง �[ไพชยันตร์สุริยนต์ ] ซึ่งปัจจุบันหายสาปสูญ)
_______________________________________
Inferno Dragon
มังกรเพลิง
มังกรในธาตุไฟ ลำตัวเป็นสีแดงล้วน ลำตัวแห้งและร้อน เป็นตระกูลของมังกรไฟและมังกรภูเขาไฟ
มีความเกี่ยวข้องกับทะเลทรายและแผ่นดินที่แห้งแล้ง ซึ่งมังกรไฟจะมีลักษณะเป็นสีแดง ส้ม และเหลืองเข้ม
ตัวหนาและใหญ่ ลำตัว คอ และหางยาวเหมือนงู มังกรไฟบางชนิดจะชอบนอนจำศีลอยู่ในปล่องภูเขาไฟ
มีอาวุธประจำตัวคือลูกไฟที่มันจะพ่นออกมาเพื่อป้องกันตัวนั่นเอง มังกรไฟจัดเป็นประเภทขี้หงุดหงิด ขี้โมโหและเอาใจยาก
มันสามารถทำให้ผู้คนตกอยู่ในความหวาดกลัว สามารถทำลายเมืองเล็กๆ ได้ในพริบตาด้วยเปลวไฟของมัน
เรียกเอาเลือดเนื้อและความเกลียดชังจากผู้คนได้ เป็นมังกรอารมณ์รุนแรงโดยเฉพาะเมื่อเปลี่ยนช่วงในการเติบโต
ในช่วงนั้นจะไม่ค่อยสามารถควบคุมพลังตนเองได้และเป็นอันตราย อนึ่ง ไม่ชอบน้ำแต่ทนได้
ธาตุที่เหมาะสมกับเผ่าพันธุ์
ธาตุไฟ
ธาตุที่แพ้ทาง
ธาตุน้ำ
ความสามารถของเผ่าพันธุ์
พ่นไฟด้วยความร้อนที่พอๆกับดวงอาทิตย์ มอดไหม้ในพริบตา ทนความร้อนได้
แผ่ความร้อนได้ตลอดเวลา หนังหนาป้องกันการโจ้มตี ประสาทสัมผัสไวต่อการรับรู้
ประวัติศาสตร์ชาติพันธุ์�
มังกรส่วนใหญ่จะถูกไวกิ้งล่า และล้มตาย มีสงคราม สู้แย่งชิง ก่อสงครามกันเอง
มหาสรรพาวุธของเผ่าพันธุ์�
มหาสรรพาวุธของเผ่าพันธุ์�
ลูกแก้วอมตะทีฝังอยู่ในหัวใจ
______________________________________________
Karasutengu
ภูตอีกา
ภูติชนิดหนึ่งหรือจะว่าเป็นปีศาจก็ได้ มีปีกสีดำกลางหลัง พลังเวทสูงและมีพละกำลังมาก
ปกติจะมีรูปร่างเป็นมนุษย์ธรรมดา สีผมเป็นสีปกติตามภูมิประเทศที่เกิดไม่ได้สีดำทุกตนเหมือนตอนแปลงกายเป็นอีกา
เท็งกุซ่อนปีกของตนได้เพื่อไม่ให้เกะกะโดยใช้มนต์บัง เมื่อแปลงเป็นอีกาสีขนจะมีสำดำผสมสีผมปกติ
เช่นมีผมสีม่วงก็จะเป็นดำเหลือบม่วง นอกจากนี้ยังมีนิสัยบางอย่างคล้ายอีกาเช่นชอบสิ่งแวววาวและชอบขโมยของ
พวกเขาสามารถเดินทางผ่านเงาได้ในระยะทางไกลๆ หรือวาปนั่นเอง
ธาตุที่เหมาะกับเผ่าพันธุ์
______________________________________________
Karasutengu
ภูตอีกา
ภูติชนิดหนึ่งหรือจะว่าเป็นปีศาจก็ได้ มีปีกสีดำกลางหลัง พลังเวทสูงและมีพละกำลังมาก
ปกติจะมีรูปร่างเป็นมนุษย์ธรรมดา สีผมเป็นสีปกติตามภูมิประเทศที่เกิดไม่ได้สีดำทุกตนเหมือนตอนแปลงกายเป็นอีกา
เท็งกุซ่อนปีกของตนได้เพื่อไม่ให้เกะกะโดยใช้มนต์บัง เมื่อแปลงเป็นอีกาสีขนจะมีสำดำผสมสีผมปกติ
เช่นมีผมสีม่วงก็จะเป็นดำเหลือบม่วง นอกจากนี้ยังมีนิสัยบางอย่างคล้ายอีกาเช่นชอบสิ่งแวววาวและชอบขโมยของ
พวกเขาสามารถเดินทางผ่านเงาได้ในระยะทางไกลๆ หรือวาปนั่นเอง
ธาตุที่เหมาะกับเผ่าพันธุ์
ธาตุลมและธาตุสายฟ้า
�
ธาตุที่แพ้ทาง�
แพ้ทางธาตุน้ำและธาตุไฟรวมถึงธาตุแสงสว่าง
ความสามารถของเผ่าพันธุ์
ความสามารถของเผ่าพันธุ์
เท็งกุรวดเร็วดั่งสายลมและแปลงร่างเป็นอีกาได้ โดยขนาดตัวนั้นขึ้นอยู่กับอายุแต่ถึงแม้จะอายุมากจนตัวใหญ่เท่า
ยอดปราสาทแล้วก็ตามก็สามารถลดขนาดร่างกายตนเองได้ เชี่ยวชาญมนต์มายา การแปลงกายหรือปลอมตัว
พวกเขาสามารถเคลื่อนที่ได้ในพริบตาในระยะทางสั้นๆ และสร้างและเรียกพายุรุนแรงได้เพียงแค่กระพือปีก
พายุที่พวกเขาสร้างจะมีความรุนแรงมากแต่ชั่วครู่ก็สลายไปแต่การเรียกพายุนั้นจะเป็นการวอนขอธรรมชาติ
ดังนั้นพายุที่เรียกมาจะขึ้นอยู่กับสภาพอากาศบริเวณนั้น หากแดดแรงพายุก็จะอ่อนกำลังกว่าพายุที่เรียกมาในบริเวณที่ชื้น
เท็งกุมีพละกำลังมหาศาลและอึดถึกอย่างมาก การบินฝ่าพายุจึงเป็นเรื่องง่ายมาก พลังเวทสูงส่งและทนทานต่อการโจมตี
ประวัติศาสตร์ชาติพันธุ์
ยอดปราสาทแล้วก็ตามก็สามารถลดขนาดร่างกายตนเองได้ เชี่ยวชาญมนต์มายา การแปลงกายหรือปลอมตัว
พวกเขาสามารถเคลื่อนที่ได้ในพริบตาในระยะทางสั้นๆ และสร้างและเรียกพายุรุนแรงได้เพียงแค่กระพือปีก
พายุที่พวกเขาสร้างจะมีความรุนแรงมากแต่ชั่วครู่ก็สลายไปแต่การเรียกพายุนั้นจะเป็นการวอนขอธรรมชาติ
ดังนั้นพายุที่เรียกมาจะขึ้นอยู่กับสภาพอากาศบริเวณนั้น หากแดดแรงพายุก็จะอ่อนกำลังกว่าพายุที่เรียกมาในบริเวณที่ชื้น
เท็งกุมีพละกำลังมหาศาลและอึดถึกอย่างมาก การบินฝ่าพายุจึงเป็นเรื่องง่ายมาก พลังเวทสูงส่งและทนทานต่อการโจมตี
ประวัติศาสตร์ชาติพันธุ์
พวกเขาเป็นปีศาจชนิดหนึ่งที่ถือกำเนิดมาจากอีกาทีมีอายุเกินร้อยปี
หรือเปลี่ยนสภาพมาจากวิญญาณมนุษย์ที่มีจิตวิญญาณแรงกล้าและตายตาไม่หลับ
เท็งกุส่วนมากจะอาศัยอยู่ตามหุบเหวและป่าเขาลึก เผ่าพันธุ์นี้เป็นนักรบโดยกำเนิดแม้ว่าตอนก่อนจะตายลงจะไม่ใช่นักรบก็ตามที
และยังมีเท็งกุบางพวกที่อาศัยในโลกมนุษย์ตามยุคสมัยต่างๆ พวกเขาถูกนับถือเป็นเทพเจ้าป่าเจ้าเขาและคอยปกปักธรรมชาติ
มหาสรรพาวุธของเผ่าพันธุ์
หรือเปลี่ยนสภาพมาจากวิญญาณมนุษย์ที่มีจิตวิญญาณแรงกล้าและตายตาไม่หลับ
เท็งกุส่วนมากจะอาศัยอยู่ตามหุบเหวและป่าเขาลึก เผ่าพันธุ์นี้เป็นนักรบโดยกำเนิดแม้ว่าตอนก่อนจะตายลงจะไม่ใช่นักรบก็ตามที
และยังมีเท็งกุบางพวกที่อาศัยในโลกมนุษย์ตามยุคสมัยต่างๆ พวกเขาถูกนับถือเป็นเทพเจ้าป่าเจ้าเขาและคอยปกปักธรรมชาติ
มหาสรรพาวุธของเผ่าพันธุ์
พัดเท็งกุ
มหาสรรพาวุธแห่งขุนเขา ว่ากันว่าเพียงโบกพัดนี้เพียงครั้งก็ถล่มเมืองใหญ่ให้ราบเป็นหน้ากลองได้เพียงเสี้ยววิ
และบังคับทิศทางใหสายลมพัดพาสิ่งที่ต้องการไปยังที่หมายได้แม้จะไกลแค่ไหนก็ตาม
พัดเท็งกุมีอำนาจวิเศษบงการวิญญาณอาฆาตให้มาเป็นทาสและสรรค์สร้างสิ่งของจากความว่างเปล่่า
--ปัจจุบันพัดนี้แตกกระจายเป็นหลายชิ้น--
มหาสรรพาวุธแห่งขุนเขา ว่ากันว่าเพียงโบกพัดนี้เพียงครั้งก็ถล่มเมืองใหญ่ให้ราบเป็นหน้ากลองได้เพียงเสี้ยววิ
และบังคับทิศทางใหสายลมพัดพาสิ่งที่ต้องการไปยังที่หมายได้แม้จะไกลแค่ไหนก็ตาม
พัดเท็งกุมีอำนาจวิเศษบงการวิญญาณอาฆาตให้มาเป็นทาสและสรรค์สร้างสิ่งของจากความว่างเปล่่า
--ปัจจุบันพัดนี้แตกกระจายเป็นหลายชิ้น--
Key Master
คีย์มาสเตอร์
เผ่าพันธุ์ที่กำเนิดมาจากมนุษย์ แต่เพราะว่าได้รับพลังโบราณจากกุญแจที่พวกเขาพบ
ทำให้พวกเขาแตกต่างจากมนุษย์ทั่วๆไป ภายหลังจึงขนานนามตนเองว่าคีย์มาสเตอร์นับแต่นั้นมา
ธาตุที่เหมาะกับเผ่าพันธุ์
ธาตุมืด และนอกนั้นรองลงมา
ธาตุที่แพ้ทาง
ไม่มีธาตุที่แพ้ทาง เพราะเป็นเผ่าพันธุ์ที่ใช้มนตราเป็นอาวุธ
ความสามารถของเผ่าพันธุ์
สามารถใช้มนตราผ่านกุญแจได้ ไม่ว่ากุญแจนั้นจะเป็นกุญแจอะไร หรือของใคร
มีดีกว่ามนตราจากไม้เท้าคือมีความสามารถในการพลิกแพลงสูงกว่ามากๆ
นอกจากนั้นยังสามารถบรรจุมนตราลงในกุญแจเพื่อการเรียกใช้งานที่รวดเร็วได้อีกด้วย
นี้ถือเป็นการหน่วงมนตราที่ร้ายแรงที่สุด เพราะไม่เสียพลังเวทย์ใดๆในขณะหน่วง
มนตราไว้ในกุญแจเลย นอกเสียจากจะเสียกุญแจที่หน่วงไว้เพราะพวกมัน
ไม่สามารถทนพลังงานของมนตราที่หน่วงลงไปไว้ได้ และพวกเขายังสามารถ
เข้ากับพลังมนตราได้กับทุกๆธาตุ แต่ว่าแต่ละคนจะมีธาตุที่ตนเองแตกต่างกันไป
นอกจากนั้นเมื่อพวกเขาต้องแสงจันทร์ สีผมของพวกเขาจะเปลี่ยนไปเป็นสีนํ้าเงินเข้ม
และดวงตาสีแดงดุจโลหิต อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะเผ่านี้
ประวัติศาสตร์ชาติพันธุ์
จุดเริ่มต้นนั้นไม่สามารถหาหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษรได้ แต่เชื่อว่า
เผ่าพันธุ์นี้ถือกำเนิดขึ้นมาโดย"ผู้เริ่มต้น"เป็นชายหญิงสองคน โดยที่เผ่านี้ไม่จำเป็นต้อง
การทายาตเพื่อสืบสกุล เพียงแต่จำเป็นต้องได้รับการผ่านพิธีที่ทางเผ่าเรียกว่า
"โคโรน่า" เป็นคล้ายๆการทดลองว่า มนุษย์ผู้นั้นสามารถตอบสนองได้ถึงกุญแจที่เป็น"พาส"
ของตนได้ไหม�หากสามารถสัมผัสถึงพาสได้ ก็จะมีความสามารถที่จะเป็นคีย์มาสเตอร์ได้ แต่เผ่าพันธุ์นี้มีจำนวนที่น้อย
เพราะว่ามีจำนวนไม่มาก ที่จะสามารถสัมผัสถึง"พาส"ของตนเองได้ อีกทั้งยังต้องผ่านการ
ประเมิณด้านสติปัญญาและนิสัยต่างๆจากคนของเผ่าอีก โดยในปัจจุบันนี้เผ่านี้เหลือ
อยู่น้อยมากๆ เพราะไม่มีการสืบทอดนั้นเอง
(พาส = กุญแจต้นกำเนิด เป็นกุญแจหลักที่่คีย์มาสเตอร์ใช้ โดยพาสนั้นสามารถจูน
พลังของผู้ใช้ให้ออกมาเป็นพลังมนตราได้รุนแรงที่สุดในบรรดากุญแจทั้งหมด แต่มีข้อเสีย
คือหากพาส"พัง หรือ แตกสลาย" ด้วยอะไรหรือสิ่งใด คีย์มาสเตอร์ผู้นั้นจะไม่มีวันปล่อยพลังอันแท้จริง
ของตนเองออกมาได้อีก เพราะว่าไม่มีกุญแจดอกไหนที่สามารถตอบสนองพลังได้ดีเท่าพาสอีก)
มหาสรรพาวุธแห่งเผ่าพันธุ์
พาสของชายผู้เริ่มต้น "ริน"
_______________________________________
Nuclear
นิวเคลียร์เผ่าพันธุ์ที่ไม่เชิงว่าเป็นเผ่าพันธุ์โดยตรงเสียทีเดียว
เกิดจากปฏิกิริยาการเคลื่อนที่ของอนุภาค จนทำให้เกิดการชนหรือการรวมตัวอย่างใหญ่หลวงขึ้น
บางทีอาจทำให้เกิดการระเบิดอย่างมหาศาลได้
ธาตุที่เหมาะกับเผ่าพันธุ์
ธาตุกัมมันตภาพรังสี
(ยูเรเนียม พอลโลเนียม เรเดียม พลูโตเนียม ซีเซียม โคบอลต์ ฯลฯ)
ธาตุที่แพ้ทาง
ไอโอดีน
ความสามารถของเผ่าพันธุ์
มีอนุภาพในการทำลายล้างสูง เเละสามารถคงสภาพในรูปของสารปนเปื้อนที่มีผลต่อการเจริญเติบโตของเซลล์สำหรับสิ่งมีชีวิตได้�
มีอำนาจการทะลุทะลวงสูงและสามารถทำลายเนื้อเยื่อของสิ่งมีชีวิตได้ หากสัมผัสและได้รับอำนาจของนิวเคลียร์
ในปริมาณมาก อาจทำให้อวัยวะกลายสภาพ ร่างกายบิดเบี้ยว หรือเสียชีวิตลงในที่สุด
ประวัติศาสตร์ชาติพันธุ์
ไม่มีประวัติศาสตร์ลึกนัก ปรากฏเพียงแต่ว่านิวเคลียร์เคยทำลายล้างเมืองในประเทศบางประเทศจนราบคาบไปบ้างก็มี
มหาสรรพาวุธของเผ่าพันธุ์
ไม่มี
_______________________________________
Phantom Dragon
มังกรแฟนธ่อม
เหมือนมนุษย์ธรรมดาทั่วไปแต่เคลื่อนไหวได้เร็วและเงียบกว่านิดหน่อย
สามารถแปลงเป็นครึ่งมังกรได้ สามารถแปลงเฉพาะส่วน�เช่นเฉพาะปีก หรือมือ�
ร่างแปลงเต็มที่จะมีปีก หาง ผิวหนังจะเห็นเป็นเกล็ดมังกร มือและเท้ากลายเป็นกรงเล็บ
ดวงตาเรียว เขี้ยวแหลมยาว บางตัวอาจมีเขาด้วย
ธาตุที่เหมาะกับเผ่าพันธุ์�
ไร้ธาตุ
ธาตุที่แพ้ทาง
ไร้ธาตุ
ความสามารถของเผ่าพันธุ์
แปลงเป็นร่างครึ่งมังกรเพิ่มความสามารถพื้นฐานทุกด้าน
เคลื่อนไหวได้ว่องไว รวดเร็วและไร้ร่องรอย(ขึ้นอยู่กับการฝึกด้วย)
กรีดร้องเป็นคลื่นเสียงได้ทุกความถี่(เป็นช่วงนะ ไม่ใช่ร้องทีนึงครอบคลุมหมด)
ดีดตัวพุ่งออกไปในระยะสั้นๆด้วยความเร็วเหนือเสียง เกิดเป็นกำแพงเสียง
ประวัติศาสตร์ชาติพันธุ์
มังกรเผ่าเล็กๆที่รักในความเร็ว แยกตัวออกมาจากเผ่าใหญ่เมื่อไรไม่มีใครทราบแน่ชัด
ส่วนสาเหตุที่แยกตัวเพราะพวกเขารักอิสระเกินไปจนไม่อาจอยู่รวมกับมังกรหมู่มากขนาดนั้นได้
มีลักษณะเด่นคือความปราดเปรียว ว่องไว คล่องแคล่ว และไม่มีร่างมังกรเต็มตัว
หลายคนคาดว่าที่เป็นเช่นนี้เพราะร่างครึ่งมังกรสามารถเคลื่อนไหวได้สะดวกกว่า
จึงถูกคัดเลือกมาจนกลายเป็นเอกลักษณ์ของเผ่าไป
มหาสรรพาวุธของเผ่าพันธุ์
Void(วอยด์) เป็นคำที่ใช้เรียกพลังที่ไม่มีใครสามารถระบุหน้าตาแน่ชัดได้
แต่ทุกคนล้วนรู้ว่าผู้ครอบครองวอยด์จะกลายเป็นมังกรที่เร็วที่สุด เร็วยิ่งกว่าเสียง เร็วเกินกว่าใครจะมองได้ทัน
ไม่มีผู้ใดอาจตามทันหรือรับรู้ถึงตัวตนได้ จนราวกับว่าเป็นความว่างเปล่า
_______________________________________
Storm Guardian
ผู้พิทักษ์แห่งสายลม
เป็นเผ่าพันธุ์ที่เกิดจาก มนุษย์ที่มาพร้อมกับพลังเวทย์แห่ง ลม และต่างจากมุษย์ปกติทั่วไป
ธาตุที่เหมาะกับเผ่าพันธุ์
_______________________________________ผู้พิทักษ์แห่งสายลม
เป็นเผ่าพันธุ์ที่เกิดจาก มนุษย์ที่มาพร้อมกับพลังเวทย์แห่ง ลม และต่างจากมุษย์ปกติทั่วไป
ธาตุที่เหมาะกับเผ่าพันธุ์
ลม และความมืด
นอกจากนั้นก็รองลงมา แต่ไม่สามารถใช้เวทย์มนต์ประเภทไฟได้
ธาตุที่แพ้ทาง
นอกจากนั้นก็รองลงมา แต่ไม่สามารถใช้เวทย์มนต์ประเภทไฟได้
ธาตุที่แพ้ทาง
แพ้ประเภทไฟ อย่างยิ่งยวด
ความสามารถของเผ่าพันธุ์
การพลิกแพลกใช้ "ลม" ตามสถานการณ์ และสามารถเปลี่ยนรูปลักษณ์
กลับเป็นแบบที่เคยมีมาในอดีตและการเคลื่อนไหวที่ เร็วดั่งพายุ
ประวัติศาสตร์ชาติพันธุ์
ประวัติตามที่สืบทอดกันมารุ่มต่อรุ่น และไม่สามารถหาที่มาได้อย่างชัดเจนแน่นอน แต่ที่สำคัญคือ
บรรพบุรุษของเขาเคยเป็นมนุษย์ที่บูชาเทพเจ้าแห่งสายลม และด้วยความปราณีของเทพองค์นั้น
จึงได้มอบพลังที่สามารถควบคุม ความเป็นไปของลมได้ และเริ่มสอนวิธีการใช้ลมในแบบต่างๆ แต่เมื่อเวลาผ่านไป
ก็เกิดสงครามในเผ่า ทำให้มีคนล้มตายกันเป็นจำนวนมาก และส่วนหนึ่งได้หนีออกมาเป็นแค่หมู่บ้านเล็กๆ หลายแห่ง
แต่มีหนึ่งหมู่บ้าน ซึ่งสืบประเพณีต่างๆ และยังได้รับความเมตตาจากเทพเจ้าอีกครั้ง ให้มีการแปรเปลี่ยนรูปลักษณ์ให้เป็นดั่งเทพเจ้า
แต่ยังไม่เหมือนซักทีเดียว และยังได้บอกให้รวมที่ชนเผ่าที่สามารถใช้ลมมาอยู่รวมกัน
จึงทำให้มีความหลากหลาย ไม่เว้นแม้แต่ปีศาจ เอลฟ์ ดาร์คเอลฟ์ มนุษย์ ออร์ค คนแคระ ฯลฯ
และสอนวิธีการแปรเปลี่ยนรูป ร่าง สืบมา
มหาสรรพาวุธของเผ่าพันธุ์
มหาเวทย์ว่าด้วยการควบคุมลมและพายุ
ความสามารถของเผ่าพันธุ์
การพลิกแพลกใช้ "ลม" ตามสถานการณ์ และสามารถเปลี่ยนรูปลักษณ์
กลับเป็นแบบที่เคยมีมาในอดีตและการเคลื่อนไหวที่ เร็วดั่งพายุ
ประวัติศาสตร์ชาติพันธุ์
ประวัติตามที่สืบทอดกันมารุ่มต่อรุ่น และไม่สามารถหาที่มาได้อย่างชัดเจนแน่นอน แต่ที่สำคัญคือ
บรรพบุรุษของเขาเคยเป็นมนุษย์ที่บูชาเทพเจ้าแห่งสายลม และด้วยความปราณีของเทพองค์นั้น
จึงได้มอบพลังที่สามารถควบคุม ความเป็นไปของลมได้ และเริ่มสอนวิธีการใช้ลมในแบบต่างๆ แต่เมื่อเวลาผ่านไป
ก็เกิดสงครามในเผ่า ทำให้มีคนล้มตายกันเป็นจำนวนมาก และส่วนหนึ่งได้หนีออกมาเป็นแค่หมู่บ้านเล็กๆ หลายแห่ง
แต่มีหนึ่งหมู่บ้าน ซึ่งสืบประเพณีต่างๆ และยังได้รับความเมตตาจากเทพเจ้าอีกครั้ง ให้มีการแปรเปลี่ยนรูปลักษณ์ให้เป็นดั่งเทพเจ้า
แต่ยังไม่เหมือนซักทีเดียว และยังได้บอกให้รวมที่ชนเผ่าที่สามารถใช้ลมมาอยู่รวมกัน
จึงทำให้มีความหลากหลาย ไม่เว้นแม้แต่ปีศาจ เอลฟ์ ดาร์คเอลฟ์ มนุษย์ ออร์ค คนแคระ ฯลฯ
และสอนวิธีการแปรเปลี่ยนรูป ร่าง สืบมา
มหาสรรพาวุธของเผ่าพันธุ์
มหาเวทย์ว่าด้วยการควบคุมลมและพายุ
Warlock
แม่มดไสยดำ
ผู้มีลักษณะดังเช่นมนุษย์ปกติ แต่มีผิวสีขาวซีด ดวงตาสีอ่อนจนแทบไม่เห็นแววตา เลือดเป็นพิษสูงมาก
ร่างกายผอมบาง แขนและขาเรียงเล็ก เล็บมีสีชมพูคล้ำ ร่างกายอ่อนแอกว่าแม่มดปกติมาก
แต่เมื่อใช้พลังมากไป ร่างกายจะมีละอองสีดำขึ้นมาปกคลุมทั้งตัว เผ่าแม่มดสีดำจะมีเพียงผู้หญิงเท่านั้น พอเติบโตได้ระยะหนึ่ง
ร่างกายจะคงสภาพตอนนั้นไว้จนกว่าจะตาย อายุขัยของแม่มดสีดำจะสั้นกว่าแม่มดธรรมดา
แต่ถ้ากินพิษและความมืดเข้าไปมากๆก็จะสามารถดำรงชีวิตได้ต่อไปเรื่อยๆจนกำลังผลึกจะหมดพลังลง
ธาตุที่เหมาะกับเผ่าพันธุ์
ความมืดและพิษ เพราะพวกเธอสามารถใช้พลังของความมืดได้อย่างเชี่ยวชาญและใช้พิษในการสังหาร
ธาตุที่แพ้ทาง
ไม่มี ทว่าแพ้ยาที่มีฤทธิ์รักษาสูงเป็นอย่างมาก
ความสามารถของเผ่าพันธุ์
สามารถให้ธาตุความมืดได้อย่างเชี่ยวชาญ และสามารถใช้พิษที่อยู่ในเลือดของตนได้
โดยละอองที่แม่มดสีดำสร้างจะขึ้นอยู่กับเจตนาว่าต้องการใช้ทำอะไร
พวกเธอทำพันธะสัญญากับภูตได้ โดยจะทำดวงจิตของภูตมาไว้ในร่างของตน
ทำให้มีดวงจิตสองดวงและสามารถอัญเชิญภูตออกมาได้
แต่ต้องแลกด้วยพลังงานความมืดที่มีอยู่ ถ้าพลังงานหมดร่างกายก็หมดแรงและหมดสติลง
ร่างภูตก็จะสงบลงและกลับเข้าร่างผู้เป็นนายเหมือนเดิม
แม่มดสีดำนั้นไม่จำเป็นต้องมีอาวุธ เพราะถึงจะร่างกายอ่อนแอ
แต่การต่อสู้ทางกายภาพก็ยังพอมี และไม่จำเป็นต้องใช้อะไรเพื่อช่วยในการร่ายเวทย์
แต่จะใช้เพียงเพื่อควบคุมพลังเท่านั้น แม่มดสีดำนั้นมีพลังเวทย์ที่เกินจะคาดได้
แต่นั่นก็ควบคุมยากมากที่จะไม่ให้พลังเวทย์ทะลักออกมาเกินจำเป็น
ประวัติศาสตร์ชาติพันธุ์
เผ่าพันธุ์ของแม่มดที่มีเหลือเพียงไม่กี่คน เพราะแม่มดทุกเผ่าเห็นว่าแม่มดเผ่านี้เป็นเผ่านอกรีตจะถูกขับไล่
แม่มดสีดำเกิดจากเผ่าแม่มดชั้นสูงที่ทำพันธสัญญากับภูตโดยไม่ผ่านพิธีกรรม
ทำให้พันธะของแม่มดหมดลงและดวงจิตของภูตได้รวมอยู่ในตัวของแม่มด
จึงทำให้มีความสามารถมากกว่าแม่มดเผ่าอื่นมากเพราะมีดวงจิตถึงสองดวง
จึงได้ย้ายถิ่นฐานมาตั้งในหุบเขาและสร้างพลังเวทย์ขึ้นมาป้องกันไม่ให้ใครเข้ามาได้
และได้สร้างผนึกควบคุมพลังของเผ่าพันธุ์เอาไว้ และได้สร้างดวงจิตเป็นร่างของแม่มดสีดำทุกคน
ซึ่งสามารถสร้างดวงจิตได้เพียงแค่ปีละสองดวงเท่านั้น จึงทำให้แม่มดสีดำมีจำนวนน้อยมาก และผู้ที่จะสร้างได้
ต้องมีพลังของผนึกมากพอตัว ไม่มีอะไรบอกถึงวัฒนธรรมของแม่มดสีดำได้อย่างแน่ชัด
แต่มีเพียงแท่นบูชาเก่าๆที่จารึกเรื่องราวของผู้ก่อกำเนิดเท่านั้น ที่ยังเป็นเครื่องยืนยันได้ว่าเผ่านี้ยังคงมีตัวตนอยู่
มหาสรรพาวุธของเผ่าพันธุ์
ผลึกแห่งอาเนียสที่ฝังในดวงตาทั้งสองข้างที่ถูกผนึกด้วยคาถาชั้นสูงของผู้สร้างดวงจิตของแม่มดสีดำทุกตน
(*อาเนียส = ชื่อของผู้ก่อกำเนิดเผ่าพันธุ์)
_______________________________________
Yaksha / Giant
ยักษา
มวลชนแห่งยักษา หรือเผ่ายักษ์
เผ่าพันธุ์ดึกดำบรรพ์ที่เกิดจากสสารมืดในจักรวาล จึงทำให้ยักษ์มีกำลังมหาศาล
หากเพราะเกิดมาในยุคที่จักรวาลยังอ่อนเยาว์นัก ทำให้ยักษ์มีฐานะเป็นเผ่าพันธุ์ที่เก่าแก่
และมีอารยธรรมเทียบเท่ากับปีศาจและเทพเลยทีเดียว
โดยทั่วไปแล้ว ยักษ์มักมีรูปร่างที่สูงใหญ่ บึกบึน ดูเข้ากับพละกำลังที่ยักษ์ได้ครอบครอง
แต่จำพวกที่รูปร่างเหมือนมนุษย์ก็ใช่ว่าจะไม่มีเลยเช่นกัน ซึ่งส่วนมากแล้วมักเป็นยักษิณี
ยักษ์เป็นเผ่าพันธุ์ทีถือว่ามีอารยธรรมก้าวหน้าและสูงส่งมาก ไม่เพียงแค่กำลัง แต่เวทย์หลายแขนงยักษ์ก็คิดค้นขึ้นมาใช้เอง
แต่ด้วยจุดแข็งของยักษ์ด้านนี้ก็ทำให้วงวานยักษากลายเป็นศัตรูกับปีศาจเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน
ธาตุที่เหมาะกับเผ่าพันธุ์
ขึ้นอยู่กับสถานการณ์
ธาตุที่แพ้ทาง
ขึ้นอยู่กับสถานการณ์
ความสามารถของเผ่าพันธุ์
Instant Magic หรือ ร่ายมนตร์ในอึดใจเดียว
ซึ่งเป็นภูมิปัญญาทางเวทย์มนตร์อันสูงส่งที่ยักษาคิดค้นขึ้น
ไม่ว่ามนตร์จะยืดยาวเพียงไร หรือมีเงื่อนไขมากแค่ไหน
หากทำตามเงื่อนไขของ Instant Magic หรือร่ายเวทย์ไว้ล่วงหน้าแล้ว
พวกยักษ์ก็จะสามารถดึงมาใช้ได้ทันที โดยไม่ต้องผ่านการร่ายบทหรือทำพิธีกรรมก่อน
จึงทำให้ยักษ์มีพลังเวทย์และทักษะทางเวทมนตร์ที่สูงเทียบเท่ากับปีศาจและเทพเลยทีเดียว
ประวัติศาสตร์เผ่าพันธุ์
เดิมทีเผ่ายักษ์มีอารยธรรมดึกดำบรรพ์อยู่บนสวรรค์ชั้นปรนิมมิตสวัสวดี อันเป็นสวรรค์ชั้นสูงสุด
พวกยักษาถือเป็นเผ่าแรกที่มีการคิดค้นเวทมนตร์ขึ้นโดยใช้ขุมพลังในธรรมชาติมาเป็นอำนาจของเวทมนตร์
แทนที่จะใช้พลังของตนเอง เหล่ายักษากลับดึงอำนาจที่แข็งแกร่งกว่าจากต้นปาริชาตในสวรรค์มาใช้
ทำให้เวทมนตร์แขนงต่างๆ รวมถึง Instant Magic ถือกำเนิดในเวลาต่อมา
การพัฒนาอย่างก้าวกระโดดของอารยธรรมยักษาในขณะนั้น ทำให้ปีศาจเกรงว่าจะเป็นภัยคุกคามต่อตน
จึงเกิดมหาสงครามอสุรา-ยักษาขึ้นในเวลาต่อมา และจบลงด้วยการถูกขับไล่ออกจากสวรรค์
ทำให้วงศ์วานยักษาต้องอพยพลงไปสร้างอาณาจักรใหม่ขึ้นในพิภพบาดาล
และตั้งถิ่นฐานในดินแดนนรกที่ไร้ไฟซึ่งเป็นที่อยู่เดิมของเหล่าคนแคระ
ต่อมาจึงเรียกนรกส่วนที่ยักษ์ปกครองว่า นรกโบราณ�และใช้ขุมพลังจากมหาพฤกษาจิตตปาลิ
เป็นอำนาจเวทย์คอยเกื้อหนุนเหล่ายักษาแทนต้นปาริชาตเนื่องจากถูกปีศาจแย่งชิงไป
จึงทำให้ยักษาผูกจิตอาฆาตเป็นศัตรูกับปีศาจมาจนถึงปัจจุบัน
มหาสรรพาวุธแห่งเผ่าพันธุ์
ค้อนราชพลี [ พสุธามหาสันฑ์ ]
*(ในอดีต : กระบองแห่งจิตตปาลิ [ โมวิมัส ] ปัจจุบันหายสาปสูญ)
_______________________________________
Zero
เซโร่
เซโร่เป็นเผ่าพันธ์ที่ไม่มีระบุในประวัติศาสตร์โลกทั่วไป เซโร่เป็นเผ่าพันธ์ที่มีได้เพียงคนเดียวส่งผ่านรุ่นต่อรุ่น�
ถ้าคนนึงตายโดยไม่ได้สืบเผ่าพันธ์ DNAจะรวมตัวกลายเป็นแสง ล่องลอยหาผู้ที่เหมาะสมคนต่อไป
ลักษณะของเผ่านี้จะเปลี่ยนไปตามผู้ที่ถูกเลือกหรือลูกของรุ่นก่อน
ธาตุที่เหมาะกับเผ่าพันธุ์
ความว่างเปล่า
หากเพราะวิถีธาตุของเผ่ามีเพียงการดูดพลังผู้อื่น
ธาตุที่แพ้ทาง
ไม่มีธาตุที่แพ้�
ความสามารถของเผ่าพันธุ์
มีความสามารถในการ ดูดเวทย์ที่อยู่รอบตัว มาไว้เป็นบอลพลัง
โดยคุณสมบัติจะขึ้นอยู่กับเวทย์ที่ดูดมาได้ โดยขอบเขตพลังจะขึ้นอยู่กับ ความสามารถของผู้ใช้เอง
ซึ่งถ้าเมื่อใช้จนชำนาญจะสามารถเปลี่ยนเวทย์ที่ดูดมาเป็นพลังในการรักษาได้ แต่รักษาตัวเองไม่ได้เท่านั้น
ประวัติศาสตร์ชาติพันธุ์
เดิมที่เมื่อหลายร้อยล้านปีก่อนหน้านี้เผ่าเซโร่มีประชากร อยู่จำนวนมาก และเป็นหนึ่งในสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าสัตว์ประเสริฐ
มีรูปร่างหน้าตา เหมือนมนุษย์ แต่จะมีอายุที่สั้นมากๆ ทว่าแลกมากับสมองอันชาญฉลาด
วันหนึ่งมีนักประดิษฐ์ได้สร้างเครื่องที่จะทำให้อายุของประชากรยืนยาวขึ้น แต่เหตุการณ์ไม่คาดฝัน
เครื่องนั่นกลับดูดพลังชีวิตของเผ่าเซโร่ในทุกหนทุกแห่ง มารวมอยู่กับทารกน้อยซึ่งเป็นบุตรของนักประดิษฐ์ผู้นั้น
ซึ่งตอนแรกแล้วเป็นหนูทดลอง แต่กลับเป็นว่าเขาสร้างคนที่มีพลังของคนทั้งเผ่าขึ้นมาโดยแลกกับการล่มสลายของเผ่าพันธุ์�
หลังจากนั้นเด็กน้อยก็โตขึ้นด้วยพลังของเผ่าเซโร่ เขาเป็นผู้ที่ใช้พลังได้แข็งแกร่งที่สุด
เขาเป็นเหมือนหลุมดำแห่งเวทย์ที่จะดูดเวทย์อะไรและขนาดไหนมาใช้ก็ได้
แต่ด้วยนิสัยที่เป็นคนรักสงบ ทำให้เรื่องราวของเขาแทบไม่มีในประวัติศาสตร์
จนวันนึง ที่เขาต้องมอบ DNA ของเผ่าเซโร่ เพื่อชุบชีวิตหญิงที่ตนรักจากความตาย
แต่ก็แลกมาด้วยชีวิตของเขาเช่นกันเรื่องราวถูกส่งผ่านรุ่นต่อรุ่นจนเกิดเป็นตำนานที่รู้กันเพียงน้อยนิด
ขณะนี้เผ่าเซโร่ที่มีชีวิตอยู่คือเซโร่
มหาสรรพาวุธของเผ่าพันธุ์
พลังที่แฝงอยู่ใน DNA เผ่าพันธุ์ หรือก็คือ พลังในแบบที่ เซโร่รุ่นแรกใช้
______________________________________________
Zombie
ซอมบี้
ซอมบี้นั้นเกิดจากคนธรรมดาที่สิ้่นอายุไขหรือไร้ชีวิตมิอาจตื่นได้
จนได้รับพรจากเทพธิดาทำให้กลับมามีชีวิตอีกครั้งโดยมีพลังเวทย์แห่งแสงตกค้างอยู่ภายในร่างกายเพียงเบาบาง
เช่นเดียวกับชุบชีวิตด้วยพ่อมดฝ่ายมืดที่ได้รับพลังจากฮาเดส แต่จะมีเวทย์มนต์สายความมืดแทนที่ตกค้าง
และเมื่อชุบชีวิตมาจะจำเรื่องราวก่อนเสียชีวิตไม่ได้ซึ่งเหมือนกับการเกิดใหม่นั่นเอง
และยังสูญเสียพลังต่างๆตอนมีชีวิต�มีเพียงร่างกายเท่านั้นที่ได้กลับมา
หัวใจนั้นไม่สามารถเต้นได้อีกครั้งเป็นหลักฐานที่ทำให้รู้ว่าปัจจุบันร่างนี้ได้ตายลงไปแล้ว
ซึ่งซอมบี้เกือบทุกตนนั้นไม่เคยรู้ว่าตัวเองนั้นเกิดด้วยเวทย์มนต์ของฝ่ายใด
จึงไม่ทราบเรื่องพลังแม้แต่น้อย�แต่ซอมบี้นั้นสามารถมีความนึกคิดเป็นของตัวเองได้
ซึ่งต่างจากเวทย์มนต์ของพ่อมดวูดูที่ไม่ได้ขึ้นตรงกับฮาเดสเพราะจะเรียกได้เพียงซอมบี้ที่ไม่มีแม้แต่ความคิด
ได้เพียงรับใช้ผู้ที่เรียกอย่างไม่อาจขัดขืน เนื่องจากสิ่งที่เป็นตัวขับเคลื่อนร่างกายไม่ใช่ 'ชีวิต'
แต่กลับเป็นเพียงเวทย์มนต์เท่านั้น
ธาตุที่เหมาะกับเผ่าพันธุ์
ธาตุที่ซอมบี้ใช้ดีที่สุดนั้นไม่มีอยู่เพราะซอมบี้นั้นเมื่อกำเนิดมาจะไม่มี 'คอร์'
ที่เป็นตัวเรียกเวทย์มนต์ หรืออาจจะมีอยู่แต่เบาบางมาก
ซึ่งก็ไม่ได้หมายถึงว่าซอมบี้นั้นไม่สามารถใช้เวทย์มนต์ได้
แต่เป็นร่างกายที่เกิดจากสภาวะภาชนะที่ว่างเปล่า
ซึ่งหากได้ฝึกฝนพลังทางเวทย์มนต์นั้นจะตอบสนองได้ดี
โดยเฉพาะธาตุมืดและแสงสว่างเพราะเป็นรูปร่างใกล้เคียงกับความตายมากที่สุด
ส่วนแสงสว่างเกิดจากพรที่เหล่าเทพธิดาช่วยอวยพรให้ชุบชีวิตขึ้น
(ขึ้นอยู่กับว่าถูกปลุกด้วยวิธีของพ่อมดฝ่ายมืดหรือเทพธิดา)
เมื่อฝึกฝนจนได้ทราบถึงแหล่งกำเนิดของตัวเองไม่ว่าจะเป็นธาตุแสงหรือธาตุมืด
พลังที่ตกค้างนั้นจะแปรผันเป็นคอร์ที่ทรงอนุภาพเป็นแหล่งกำเนิดพลังหลักทันที
*คอร์ = แหล่งกำเนิดพลัง
ธาตุที่แพ้ทาง
ไฟและน้ำแข็ง
ซึ่งเป็นตัวแทนแห่งอุณหภูมิเพราะร่างกายไม่สามารถทนสภาพกับพวกความร้่อนหรือไอเย็นสูง
และร่างกายที่เกิดจากการฟื้นนั้นเป็นสภาพที่เกิดจากก่อนตายนั่นเอง
หากหนาวมากเกินไปเลือดอาจจะแข็งตัวและกลับสู่นิทราในที่สุด
ความสามารถของเผ่าพันธุ์
ความสามารถของเผ่าซอมบี้นั้นถ้าโดยปรกตินั้นซอมบี้จะซอมบี้จะมีความสามารถเฉพาะตัวเลยอย่างชีวิตที่อึดถึกเรียกได้ว่าอมตะเลยทีเดียว
ไม่ว่าจะตัดหัว ตัดขา ตัดแขน จะไม่อาจพรากชีวิตได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะทำให้หมดสภาพไม่ได้
เพราะซอมบี้นั้นยังมีความเจ็บปวดอยู่ หากได้รับความเจ็บปวดที่เลยกว่าที่ร่างกายจะได้รับ
ร่างกายจะเข้าสู่สภาวะหลับไหลทันที ซอมบี้นั้นยังมีพลังเวทย์จากตอนฟื้นมาเป็นเป็นแหล่งกำเนิดพลัง (แม้จะเบาบาง)
ซึ่งไม่อาจเรียกว่า'คอร์'ได้ตั้งแต่เกิด หากไม่ได้ฝึกฝนและหาแหล่งกำเนิดพลังตัวเอง(ที่ได้รับตอนมีชีวิตอีกครั้ง)
ความสามารถทางกายภาพนั้นจะเหมือนกับมนุษย์ทุกประการไม่ได้แข็งแกร่งกว่าเพียงใด
ซึ่งอาจจะด้อยกว่ามนุษย์เลยเพราะไม่อาจใช้ได้แม้แต่เวทย์มนต์พื้นฐาน แต่สิ่งที่พิเศษกว่านั้นคือภาชนะที่ว่างเปล่า
ทำให้สามารถรับความสามารถที่หลากหลายได้ เพียงแต่ไม่มีความทรงจำตอนมีชีวิตเพียงนั้น
ความรู้ ความสามารถ ความทรงจำ ครอบครัว หรือแม้แต่คนที่รักนั้นสูญหาย เนื่องจากเป็นข้อแลกเปลี่ยนที่ได้ฟื้นขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง
ประวัติศาสตร์ชาติพันธุ์
�ประวัติของซอมบี้นั้นมีมาเนินนานแล้วแต่ไม่สามารถพบได้บ่อยเพราะเหตุผลการเกิดนั้นยากนักที่จะทำนัก
โดยมีผู้ทิ้งหลักฐานต่างๆมากมาย แต่ที่พอจะเป็นแหล่งข่าวได้คือซอมบี้ที่เกิดจากความมืด
อันเกิดจากจอมเวทย์ที่ได้รับมนตราของฮาเดสเป็นสายพลัง ส่วนซอมบี้ที่เกิดจากแสงสว่างนั้น
เกิดจากพรแห่งสรวงสวรรค์ของเทพธิดาแห่งการกำเนิด�
โดยซอมบี้นั้นมีโอกาสที่ค้นพบต่ำมากเพราะผู้ที่สามารถปลุกชีพได้นั้นมีน้อยถึงน้อยที่สุด
มหาสรรพาวุธแห่งเผ่าพันธุ์
เวทย์มนต์ที่ตกค้างกลายเป็นคอร์
ซึ่งจะเป็นแหล่งกำเนิดพลังโดยอันเกิดจากเทพธิดาและฮาเดส
�
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น