ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ดูการ์ตูนอย่างแมว ๆ

    ลำดับตอนที่ #116 : Soredemo Machi wa Mawatteiru เมืองอลวนโลกพิสดารที่ดูแล้วสนุกดีนะ

    • อัปเดตล่าสุด 31 ม.ค. 54



     

    นี้คือ อนิเมชั่นประจำปี 2010 ที่ผมชอบมากๆ นอกเหนือจาก Sora no Otoshimono Forte เพราะว่าการ์ตูนเรื่องนี้เป็นอะไรมากกว่าการ์ตูนตลก


       


    Soredemo Machi wa Mawatteiru

    คอมมาดี้และชีวิตประจำวันเบาๆ

     

    Soredemo Machi wa Mawatteiru เป็นการ์ตูนญี่ปุ่น ที่ตอนแรกออกเป็นมังงะวาดโดย Masakazu Ishiguro และเริ่มได้รับนิยมในนิตยสาร Young King OURs [การ์ตูนดังในนิตยสารนี้ก็เช่น แวมไพร์โหด(Hellsing), ศาลเจ้าหมอกยามเช้า(Shrine of the Morning Mist), โลกตัวอ่อน(World Embryo) ว่าแต่ทำไมมีแต่การ์ตูนดองยาวทั้งนั้นเลยหว่า] การ์ตูนออกตั้งแต่ปี 2005 ปัจจุบันพิมพ์ไปแล้ว 8 เล่ม(ยังไม่จบ) และอนิเมชั่นก็ตามมา ในปี 2010 กำกับโดย Shinbo Akiyuki มี 12 ตอนจบ และเชื่อว่าน่าจะมีภาค 2 ตามมาแน่นอน

    Soredemo Machi wa Mawatteiru เป็นเรื่องราวของตัวเอกที่เป็นเด็กผู้หญิงมัธยมปลายธรรมดาที่ชื่อ โฮโทริ อาราชิยามะ ซึ่งมีนิสัยขี้แยและความคิดอ่านไม่เหมือนใคร(ทำให้หลายคนมักมองเธอว่าโง่ไม่ก็บ้า) เธอและครอบครัวและเพื่อนอาศัยในย่านแห่งหนึ่งในย่านกลางค้าแห่งหนึ่ง โดยช่วงว่างหรือหลังเลิกเรียนนั้นเธอจะทำงานพิเศษเป็นสาวเมดในร้านกาแฟ ซีไซต์ ที่คุณยายของเธอเป็นเจ้าของ (ไม่ใช่คุณยายแท้แต่รู้จักกับตัวเอกมานานจนนางเอกเรียกคุณยาย) โดยเนื้อหาโดยรวมจะเน้นเรื่องในชีวิตประจำวันส่วนใหญ่ แต่กระนั้นบางครั้งเรื่องก็เน้นเรื่องมนุษย์ต่างดาว ผีและสิ่งเหนือธรรมชาติบ้าง และมุมมองการดำเนินเรื่องยังเป็นของบุคคลอื่นนอกเหนือตัวเอกด้วย

                    

                    โฮโทริ อาราชิยามะ(Hotori Arashiyama) เป็นตัวเอกหลักของการ์ตูนเรื่องนี้ มีนิสัยซุ่มซาม ขี้แยชอบร้องไห้ ชอบเรื่องลึกลับมีความฝันอยากเป็นนักสืบ แต่ไม่เก่งคณิตศาสตร์(เนื่องจากเธอบอกว่าคณิตศาสตร์มันไม่จำเป็นต้องการเป็นนักสืบ) ครอบครัวของเธอก็แสนจะสงบสุขมีพ่อมีแม่มีน้องชายและน้องสาว แถมสุนัขที่หน้าคล้ายแร็คคูน เวลาเลิกเรียนก็จะไปทำงานเป็นสาวเมดในร้านคุณยายเนื่องจากต้องทดแทนบุญคุณค่าแกงกระหรี่ที่กินตั้งแต่เด็กยันมัธยมปลาย แต่พอเป็นเมดแล้วแสนอนาถเพราะร้านไม่ค่อยมีคนมาใช้บริการเลย ทำให้เธอต้องหาหลายวิธีในการเรียกลูกค้าอยู่บ่อยๆ ชอบเล่นมุกที่ทำให้คนรอบข้างอึ้งอยู่บ่อยๆ

                     

    โทชิโกะ ทัตสึโกะ(Toshiko Tatsuno) สาวแว่นผมสีบลอนด์เพื่อนสนิทของตัวเอก ที่ตัดสินใจจะทำงานในร้านกาแฟเดียวกับตัวเอกเพราะเธอรู้ว่าซานาดะคุงเพื่อนร่วมห้องที่เธอแอบชอบเป็นขาประจำร้านแห่งนี้(แต่ซานาดะดันแอบชอบตัวเอก) เธอเป็นฉลาดแต่นิสัยชอบหนีความจริงอยู่เรื่อย และสามารถรับกับพฤติกรรมบ้าๆ ของตัวเอกได้ดี ดูเหมือนเธอไม่ชอบชื่อเล่น ทัตซึน” ที่ตัวเอกเรียกสักเท่าไหร่

                     

                     ฟุตาบะคอน(Futaba Kon) หรือรุ่นพี่คอน รุ่นพี่ของตัวเอกแต่ลักษณะของเธอค่อนข้างตัวเตี้ย อกแบนราบ และท่าทางเหมือนทอมบอย ทำให้ตอนแรกตัวเอกนึกว่าเป็นเด็กชายมัธยมต้นมากกว่า ชอบแมวและชอบเล่นกีตาร์เบส มีความสนิทกับตัวเอกมากจนหลังๆ ความสัมพันธ์พัฒนาจนเกือบวาย(ผมโครตชอบเลย คู่นี้) และที่สำคัญเธอใส่ชุดเมดได้น่ารักมากๆ

                     

                    อุกิ อิโซฮาตะ(Uki Isohata) หญิงชราเจ้าของร้านกาแฟซีไซด์ ที่ตอนนี้กำลังมีปัญหาคนไม่ค่อยเข้ามาร้าน เธอเลยเปลี่ยนร้านเป็นเมดคาเฟ่แถมดึงฮิโทริให้มาทำงาน(โดยสัญญาทาส)แต่จนแล้วจนรอดร้านก็ไม่ค่อยมีคนเข้าอยู่ดี ส่วนใหญ่จะมีแต่ขาประจำ เช่นซานาดะ(ที่มาเพราะอยากใกล้ชิดตัวเอก)

                    นอกจากนั้นยังมีตัวละครในเรื่องอีกมากมาย โดยมีทั้งคนในครอบครัว, ครูสอนคณิตศาสตร์, คนในย่านการค้า, เพื่อนของตัวเอก และนอกเหนือจากนี้การ์ตูนไม่ได้เสนอมุมมองแค่ตัวเอกเพียงตัวเดียวแต่นำเสนอมุมมองของตัวละครอื่นเหล่านี้เข้าไปด้วย

    การ์ตูนเรื่องนี้ผมแนะนำผู้ชื่นชอบคอมมาดี้ให้ดูเลยครับ เพราะว่าสนุกมาก แม้ภายนอกคุณจะดูว่า เมดอีกแล้วกรูเบื่อแต่ความจริงแล้วไม่ใช่เลย เพราะว่าเรื่องนี้ไม่ได้เน้นเมด แต่เน้นสังคมเล็กๆ ของตัวเอกและความสัมพันธ์ของตัวละครในเรื่องมากกว่า ไม่มีตัวละครไหนจืดจางเลยสักนิด ทุกตัวละครต่างมีบทมีบาทลงตัวของมันเอง และข้างล่างก็คือเหตุผลที่ทำไมคุณต้องดูการ์ตูนเรื่องนี้

                   

    เริ่มจากเพลงเปิดเรื่องและปิดเรื่อง “Down Town” และ “Maids Sanjou!” เป็นเพลงที่ดีที่สุดแห่งปี ที่ฟังแล้วติดหู ฟังแล้วรู้สึกสนุกสนาน ไม่มีเบื่อ ผมเปิดฟังตอนพิมพ์เรื่องหลายรอบ ชอบจริงๆ “Down Town” เพลงเปิดเรื่องนั้นฟังแล้วได้บรรยากาศเมด บรรยากาศเมืองมาก  แต่ผมชอบเพลงประกอบ “Sou wa Itte mo Sekai wa Owarana” มากกว่า เพราะฟังแล้วรู้สึกตื่นเต้น และติดหูจริงๆ ด้วยเสียงไวโอลีน เสียงกีตาร์เบส พร้อมเสียงรุ่นพี่คอนและโฮโทริและสาวแว่นในชุดเมดมันช่างชวนหลงใหล จริงๆ  (เมดนรกยกล้อ)  

    อนิเมชั่นการ์ตูนเรื่องนี้ผมดูแล้วรู้เลยว่า ผู้กำกับคืออากิยูกิ ชินโบ  เพราะการ์ตูนเต็มไปด้วยลูกเล่น รูปแบบพิสดารที่เต็มไปด้วยมุมกล้องแปลกๆ เช่น เอียงบ้าง, ซูมเข้าบ้าง, ซูมออกบ้าง, ลาดเท, มุมกล้องเปลี่ยนกะทันหัน, เลนส์ตาปลา, นอกจากนั้นยังมีการตัดฉากภาพมากมายไม่ว่าจะเป็นเดี๋ยวเป็นรูปแร็คคูน การเคลื่อนไหวก็มีมากมายหลายแบบแบบเร็วแบบช้า(สโลโมชั่นแบบหนังจีน) จนเรียกได้ว่าเป็นเครื่องหมายการค้าของผู้กำกับเรื่องนี้แล้วมั้ง

    นอกจากมุมกล้องแล้วการ์ตูนยังทำฉากบรรยากาศคล้าย Bakemonogatari อีก ไม่ว่าจะเป็นบรรยากาศย่านการค้าที่เสมือนหนึ่งโลกที่ค่อนข้างร้างคน ที่ค่อนข้างวังเวง หนาวหัวใจ ผู้คน(ตัวประกอบ)แทบไม่เดินผ่านฉาก บางฉากดูขลัง ดูลึกลับ ไม่เพียงแต่มุมกล้องบรรยากาศผู้กำกับคนนี้ยังนำมุกเด็ดจากผลงานของตนมาใส่การ์ตูนเรื่องนี้แบบไม่ยั้ง ไม่ว่าจะเป็นการเลียนแบบเสียดสีจากการ์ตูน Sayonara Zetsubou Sensei มุกตัวละครพูดทั้งเรื่องอย่าง Bakemonogatari เช่น ฉากพ่อตัวเอกพาหมามาเดินเล่นช่างละม้ายคล้ายพระเอกเรื่อง Bakemonogatari จริงๆ คุณภาพของการ์ตูนไม่ต้องห่วงเพราะทำออกมาได้สวยงามมาก

       

    การ์ตูนเรื่องนี้ไม่ได้เน้นเรื่องเมดอย่างที่คุณคิด หากแต่เน้นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับร้านซีไซด์และย่านการค้าเสียมากกว่า เหมือนกับเราดูรายการระเบิดเถิดเทิงทางช่อง 5 สมัยก่อนที่เน้นร้านขายของชำเจ๊หม่ำกับย่านสลัมเป็นหลัก ซึ่งการ์ตูนก็เน้นแบบนั้น  ส่วนตัวละครอาจไม่บ้าเท่าการ์ตูนคนบ้าใต้สะพาน แต่กระนั้นการออกแบบตัวละครก็ทำได้อย่างลงตัวไม่ได้ดูโหลอย่างที่คิดเช่นเจ้าของร้านเมดหญิงชราที่ดูเหมือนแม่มดสโนไวน์ที่ดูเหมือนเข้มงวดแต่ความจริงแล้วรั่วกว่าที่คิด หรือจะเป็นสาวแว่นเพื่อนของโฮโทริที่ออกแบบได้โดดเด่นตามแบบสาวแว่น แถมบางตัวละครจิกกัดประเด็นญี่ปุ่นนิดๆ ด้วย เช่น โฮโทริที่สื่อถึงวัยรุ่นญี่ปุ่นปัจจุบันที่เน้นฉับไวรวดเร็วรักครอบครัวรักเพื่อนและเข้ากับคนรอบข้างง่าย หรือจะเป็นนายซุนซากุ มัตสุดะเจ้าหน้าที่ตำรวจย่านการค้าบ้าๆ บอๆที่ชอบจับผิดโฮโทริ เหมือนอารมณ์ขันที่ชี้จุดบกพร่องสังคมของญี่ปุ่น

     

                    การดำเนินเรื่องการ์ตูนเรื่องนี้ มีลำดับตอนต่างจากมังงะพอสมควร คือในอนิเมชั่นจะคัดตอนมาแทนที่จะเรียงตอนเหมือนมังงะเลย ก็ถือว่าดีละดับหนึ่ง เพราะแต่ละตอนที่คัดมาสื่อถึงความสัมพันธ์ของตัวละครเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี แม้เสียดายที่ในอนิเมชั่นไม่มีตอน “ท่องอวกาศ” ซึ่งเป็นตอนที่ปรากฏในมังงะเล่ม 1 ตอนที่ 7 ที่สื่อถึงความรักพี่น้องระหว่างครอบครัวของโฮโทชิเป็นอย่างดี(หวังว่าจะมีในภาคสอง)  ส่วนมุกการ์ตูนในเรื่องนี้มีหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น มุกล้อเลียน มุกประหลาดใจ ตลกร้าย มุกเหนือธรรมชาติ มุกขี้บ่น มุกแบบคุโรไมตี้ประเภทปล่อยมุกแล้วคนดูทำหน้าเห๋อว่ามุกอะไรของมันฟ่ะซึ่งกว่าหัวเราะต้องทำความเข้าใจเป็นพักใหญ่  หรือมุกที่เราพบเห็นประจำวันแต่เราไม่สนใจอย่างครูคณิตศาสตร์ตรวจข้อสอบนี้สุดฮ่าเลย ผมเชื่อว่าในโลกแห่งความจริงครูคณิตศาสตร์(และครูภาษาอังกฤษ)ทุกโรงเรียนจะต้องเจอกระดาษคำตอบประเภทนี้แน่ๆ หรือแม้แต่มุกขำไม่ออกในตอนสุดท้าย ที่ดูเหมือนทำตลกแต่ไม่ตลกเลย โดยมุกเหล่านี้มาจากการสนทนาของตัวละครที่เป็นธรรมชาติในเรื่อง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นมุกแต่ละมุกได้สอดแทรกความสัมพันธ์ของตัวละครในเรื่องเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นแอบชอบ ความเชื่อใจ ปม มิตรภาพ สรุปได้ว่าเป็นการ์ตูนที่หัวเราะแต่รู้สึกอบอุ่น มีความสุข รวมกัน

                    สิ่งที่ผมชอบมากคงจะเป็นนางเอกโฮโทริที่ผมดูแล้วรู้สึกรักเธอจริงๆ แม้ภาพลักษณ์ที่อนิเมชั่นสื่อออกมาให้เธอเหมือนเป็นตัวน่ารำคาญ นิสัยอยู่ไม่สุข แต่ผมกลับดูแล้วเธอน่ารักจริงๆ ต้องชมคนพากษ์ด้วยพากษ์ได้ดีเยี่ยมทีเดียว(คนพากษ์ฮิโทริคือ Chiaki Omigawa ผลงานคือพีโกะจากคนบ้าใต้สะพาน)

                   

    นอกเหนือจากมุกตลกการ์ตูนแล้ว สิ่งที่การ์ตูนเรื่องนี้สามารถทำให้ผู้ดูอย่างผมติดอกติดใจได้ก็คือปมของตัวละครต่างๆ แม้ว่าจะไม่มีสถานการณ์ที่รุนแรงหรือปมมืดมน แต่กระนั้นก็ยังมีช่วงเวลาที่เกิดความขัดแย้งหรือภาวะตึงเครียดเข้ามาเกี่ยวข้อง ตัวอย่างเช่นงานเลี้ยงวันเกิดที่พวกโฮโทริจัดงานวันเกิดให้ซานาดะก่อนที่จะถามเพื่อร่วมงานวันเกิดว่าแต่ละคนเกิดไว้ไหนบ้างแต่รุ่นพี่คอนไม่ตอบโฮโทริ โฮโทริเลยต้องขโมยบัตรประจำตัวรุ่นพี่มาดูจนกระทั้งรู้ว่าวันเกิดรุ่นพี่คอนดันมาตรงกับซานาดะส่งผลทำให้งานกร่อยลงทันที(ฮ่า), หรือเป็นฉากดวลปิงปองของโทชิกะกับนังเหยินที่ซ่อนปมการหนีปัญหาของโทชิกะอย่างแยบยล, หรือจะเป็นช่วงมนุษย์ต่างดาวที่โฮโทริทะเลาะกับรุ่นพี่คอนก็ทำได้น่ารักจริงๆ และที่แนะนำคือปมการทะเลาะกันระหว่าง โฮโทริVS ครูสอนคณิตศาสตร์ เป็นการจับคู่เป็นศัตรูกันอย่างรื่นเริง ผมดูแล้วนึกถึงผมตอนเป็นนักศึกษา ผมวางตัวเป็นศัตรูกับครูสอนภาษาอังกฤษ แถมทำข้อสอบเหมือนตัวเอกในการ์ตูนเรื่องนี้ทำด้วย ใครมีประสบการณ์แนวนี้จะฮ่ามาก(ช่างสงสารครูคณิตศาสตร์จริงๆ ที่ต้องรับมือโฮโทริ) ซึ่งปมเหล่านี้สามารถหาได้ตามชีวิตประจำวันที่เรามักพบเห็นประจำ จนไม่เคยคิดว่าการ์ตูนจะนำมาใช้ด้วย

      

    สิ่งที่สอดแทรกการ์ตูนเรื่องนี้นอกจากมุกตลกแล้ว คือการวางความสัมพันธ์ของตัวละครในเรื่อง คืออลวนรักที่ตัวละครแต่ละตัวมีคนแอบชอบไม่เหมือนกัน เช่น โฮโมทริแอบชอบครูคณิตศาสตร์ ซานาดะแอบชอบโฮโทริ โทชิโกะแอบชอบซานาดะ ฯลฯ  แต่การชอบของตัวละครในเรื่องไม่ได้เกี่ยวข้องกับเพศ หากแต่จะเน้นการแอบชอบแบบห่างๆ ที่บริสุทธิ์มากกว่า และยังมีการเน้นความสัมพันธ์เรื่องครอบครัว เช่นฉากโฮโทริพาน้องชายเดินเล่นในย่านการค้ายามค่ำคืนที่ทำให้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างที่อบอุ่น และกลไกเหล่านั้นจะถูกนำมาใช้กับตอนที่ 12 "Sore machi"

      

    สปอยทำไมตอนที่ 12 ถึงได้สุดยอดนักในสายตาของผม เชื่อเลยว่าใครที่ดูการ์ตูนเรื่องนี้โดยไม่ได้ดูตอนที่ 12 ถือว่าคุณไม่ได้ดูการ์ตูนเรื่องนี้ เสมือนหนึ่งถ้าคุณไม่ได้ไปดอยอินทนนท์แสดงว่าคุณไม่ได้ไปเชียงใหม่อย่างงั้นแหละ

    ในเว็บอื่นๆ นั้นส่วนใหญ่มักวิจารณ์การ์ตูนโดยดูเพียงแค่ไม่กี่ตอนก็อธิบายเรื่องราวเหมือนรู้ทั้งหมด ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วนั้นเป็นการวิจารณ์ที่ผิด เพราะว่าการ์ตูนบางเรื่องความสุดยอดของมันอยู่ที่ท้ายเรื่องต่างหาก

    ถ้าถามว่าตอนสุดท้ายมันมีอะไรแปลกใหม่เหรอ ผมก็ตอบว่าไม่มีอะไรแปลกใหม่อะไรเลย เป็นเรื่องแสนจะธรรมดาที่พบเห็นได้ในฉากจบการ์ตูนทั่วไป คือเป็นเรื่องของฮิโทริได้ตาย  วิญญาณได้หลุดจากร่างไปสู่สวรรค์ในช่วงสั้นๆ ก่อนกลับสู่ร่าง เชื่อเถอะมีการ์ตูนหลายเรื่องเอามุกแบบนี้ไปใช้เพียบ และในช่วงที่ร่างกายออกจากร่างนั้นการ์ตูนได้เล่นมุกเล็กน้อย(จะมีใครรู้มุกเทพฮานูบีสเนี้ย) ไม่ว่าจะเป็นสวรรค์ที่ฮิโทริเห็นดันเป็นเหมือนกับเมืองทันสมัย แถมทำอย่างกับสำนักงานที่ว่าการอำเภออย่างงั้นแหละ จากนั้นเรื่องการดำเนินหยอดมุกทีละมุก เพื่อให้เห็นว่าฮิโทริสนุกสนานสนุกไปซะทุกเรื่องในโลกแห่งนี้ ก่อนที่เรื่องตลกจะจบลงเมื่อฮิโทริใช้กล้องส่องไปยังโลกมนุษย์ส่องดู

    สิ่งที่ฮิโทริเห็นคือตัวละครทั้งหลายในเรื่องเกือบทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น เพื่อน คนย่านการค้า คุณครู พ่อแม่ น้องชายน้องสาวได้พูดถึงโฮโทริและแสดงความรู้สึกเสียอกเสียใจกับการจากไปของโฮโทริ แม้ว่าโฮโทริจะสร้างปัญหาชวนหัวแก่ทุกคน แต่ทุกคนก็ไม่อยากให้โฮโทริจากไป  และช่วงที่พ่อของโฮโทริวิ่งไปที่ศาลเจ้าและเทเงินในกล่องรับบริจาคก็ดูแล้วรู้สึกอินจริงๆ ทั้งที่ผมดูการ์ตูนเรื่องอื่น ไม่เคยอินเท่าเรื่องนี้เลย ทั้งที่การดำเนินเรื่องตอนจบก็เหมือนกับเรื่องอื่นเสียด้วยซ้ำ สาเหตุนั้นอาจเป็นเพราะการลำดับภาพ ลำดับตอน ที่การ์ตูนเรียงตอนได้ฉลาด คือมีทั้งมุกตลกสลับกับปมและความขัดแย้งของตัวละครต่างๆ อีกทั้งมุมกล้องของตัวละครในละครมรณะหลังความตาย สิ่งเหล่านี้ส่งทำให้ดูแล้วซึ้งกินใจ ที่ ก่อนที่จะจบอย่างประทับใจในตอนท้าย จนต้องร้องว่า มีภาคสองเดี๋ยวนี้น่ะ ชอบๆ

      

    สรุป เลยละกัน Soredemo Machi wa Mawatteiru เป็นการ์ตูนดีๆ ที่สร้างได้อย่างลงตัว แม้ไม่ใช่มุกตลกบ้าคลั่งหัวเราะหัวแข็ง มุกก็มีหลายแบบทั้งตรรกะและไม่ตรรกะ แต่ก็เป็นมุกตลกที่ดูแล้วรู้สึกดีๆ แม้ในช่วงการ์ตูนนี้ออกจะถูกการ์ตูนดังเรื่องอื่นกลบกระแสอยู่บ้าง แต่ผมเชื่อว่าหากใครดูการ์ตูนเรื่องนี้  เกือบทุกคนต้องยกให้เป็นสุดยอดอนิเมชั่นแห่งปีแน่นอน


    + +
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×