คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : [sf] be your boyfriend ;; kibum x donghae 100%
Couple ;; kibum x donghae
Rate ;; PG13+
Talk ;; เป็นภาคต่อมาจาก I’m not your brother ที่ค้างไว้แบบงงๆ ตังค์เองตอนแต่งก็งงๆเหมือนกัน 5555
ร่างบางนั่งเคาะนิ้วบนโต๊ะทำงานไปเรื่อย สายตามองเหม่อออกนอกหน้าต่างปล่อยตัวและใจให้ลอยออกไปจากสถานที่ทำงาน แม้สายตาจะจับจ้องอยู่ที่ตึกซักตึกหนึ่งที่อยู่ด้านนอกนั่นหากแต่ใจกลับลอยหายไปไกล แต่จู่ๆก็ต้องสะดุ้งเฮือกเมื่อเสียงแฟ้มกระทบกับโต๊ะทำงานก่อนที่จะรีบตวัดสายตาเคืองขุ่นไปยังคนที่บังอาจรบกวนสมาธิ แต่แล้วก็ต้องรีบก้มหน้าหนีเมื่อพบว่า....
“เหม่ออีกแล้วนะคุณอี!”
“ฮีชอลฮยองอ่า...ทำไมต้องดุด้วยล่ะ แค่เผลอนิดๆหน่อยๆเอง”
“ไอ้นิดๆหน่อยๆนี่กี่วันมาแล้วหื้มอีทงเฮ งานการไม่ทำเอาแต่นั่งมองกระจกด้านนอก อยากย้ายไปทำงานที่ตึกอื่นรึไง ยื่นใบลาออกเลยดีมั้ย?”
“ก็แค่เหม่อเองอ้ะ” คนถูกบ่นเบะปากออกก่อนจะมองตามร่างโปร่งของรุ่นพี่ที่เดินไปรูดม่านปิดเสียแล้ว มือบางจัดการกับกองเอกสารข้างหน้าที่ยุ่งๆแล้วสุมตัวอยู่บนกองงานที่ไม่มีทีท่าว่าจะเสร็จก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆเมื่อคิมฮีชอลหัวหน้าฝ่ายที่มีตำแหน่งเป็นหัวหน้าของเขาเดินออกไปแล้ว
เรียนจบมาก็หลายปี ซีวอนยื่นตำแหน่งในบริษัทของพ่อตัวเองให้ก็ไม่เอาอ้างว่าจะมาหาประสบการณ์ก่อน ก็ถือว่าดีที่เขาได้มาอยู่ตรงนี้ได้ประสบการณ์เต็มๆเพราะได้หัวหน้าที่ทำงานเป็นแบ่งงานให้ลูกน้องทุกคนได้อย่างครบถ้วนไม่มีขาดตกบกพร่อง
ช่วงหลายวันที่ผ่านมาเขาเหม่อ....แหงล่ะจะไม่ให้เหม่อได้ไงในเมื่อใจมันไปอยู่ที่สนามบินรอรับใครอีกคนที่บอกว่าจะกลับมาเกาหลีวันนี้อะ!
เดาไม่ออกใช่มั้ยว่าเป็นใคร...ใบ้ให้ก็ได้ ก็ไอคนที่เอาจูบแรกเขาไปเมื่อสิบปีก่อนไง!
ให้ดิ้นตาย! ไม่ติดต่อมาเลยจริงๆนะ จนกระทั่งซีวอนบอกเขาเมื่อหลายวันก่อนว่าคิบอมจะกลับมาและพวกเราก็ควรจะไปรับเพราะเคยไปส่งซึ่งนั่นไม่ใช่เหตุผลที่สมควรจะไปเสียด้วยซ้ำ แต่ไอ้อาการเหม่อแบบบ้าๆนี่มันเป็นมาหลายวันจนช่วงหลังนี่โดนฮีชอลฮยองด่าเอาอีกรอบ;____;
บัลเลบัลเลบัลเลบัลเลบัลเล
“ฮัลโหล”
[ฮยองรออยู่หน้าตึก ลงมาเร็วเข้า]
“เฮ้ย! รีบหรอ!! ผมยังไม่เลิกงานเลยฮยอง”
หันมองนาฬิกาก็พบว่าเพิ่งจะเป็นเวลาบ่ายสามโมงเย็น แต่ดูเหมือนว่าจะโวยวายดังเกินไปหน่อย หัวหน้าคนสวยก็เดินกลับมาที่โต๊ะเขาอีกรอบซะแล้ว เห็นสายตาดุๆที่จ้องมาเลยพยายามจะวางสายหากแต่ชเวซีวอนยังคงง้องแง้งจนเขาแทบจะเอาหัวโขกโต๊ะให้ตายคาที่
จะงี่เง่าตอนไหนก็ได้แต่ต้องไม่ใช่ตอนนี้;_____;
“ฮยอง แค่นี้ก่อนนะ หัวหน้าผม......”
“อีทงเฮ....”
[หัวหน้านายอยู่แถวนั้นหรอ เอามาคุยซิ เดี๋ยวฮยองคุยเอง ก็วันนี้มีธุระสำคัญขอออกก่อนไม่ได้รึไงกัน]
“อย่าน่า...ผมเพิ่งทำงานได้สามเดือนเองนะฮยอง”
“อีทงเฮ.....”
“โว้ย! อยากคุยกันนักใช่มั้ย เอาไปเลย!” จู่ๆก็เกิดปรี๊ดแตกยื่นโทรศัพท์ของตัวเองให้กับหัวหน้าที่ไม่แปลกใจซักเท่าไหร่เพราะเขามักจะหลุดแบบนี้บ่อยๆ คิดจะชักมือกลับตอนนี้ก็ไม่ทันเพราะไอโฟนสีขาวของตัวเองคิมฮีชอลคว้าไปเสียแล้ว ร่างบางหดตัวลีบนั่งลงบนเก้าอี้แล้วซุกหน้าเข้ากองงานตามเดิม
“ครับ....คิมฮีชอลครับ....หัวหน้าของอีทงเฮครับ....บริษัทนี้งานเลิกสี่โมงเย็นหากออกก่อนต้องทำเรื่องขอลางาน...ชั่วโมงเดียวก็ไม่ได้ครับ....หือ?ว่าไงนะ?...ย่าห์...อยากตายรึไง!....นี่พูดดีๆด้วยนะทำไมมาพูดจาแบบนี้! ฝันไปเถอะ! ถ้ายังไม่สี่โมงเย็นพนักงานคนไหนก็ไม่มีสิทธิ์!”
โอ้ชิบหายล่ะ-o- ซีวอนฮยองคนดีหลุดปากหมาใส่หัวหน้าเขาหรืออย่างไร
หัวหน้าคนสวยฟึดฟัดอยู่สองสามทีพลางสบถรัวใส่โทรศัพท์มือถือเขาแล้วยื่นคืนมาให้ ดวงตาคู่คมนั่นจิกใส่เขาหนึ่งทีก่อนจะขยับริมฝีปากสวยนั่น “อย่าคิดหนีนะทงเฮ ชั้นจะเดินออกมาดูอีกที”
นี่หัวหน้าเขาว่างงานมากเลยใช่มั้ยถึงเอาแต่นั่งจับผิดลูกน้องเนี่ย;___;
แล้วจะทำอย่างไรได้นอกจากพยักหน้ารับแล้วทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ ตบหน้าตัวเองเบาๆเพื่อเรียกสติให้กลับคืนมาหลังจากเมื่อกี้เหมือนเพิ่งผ่านสมรภูมิรบก็ไม่ปาน มือเล็กคว้ากระดาษจากเอกสารกองแรกได้ไม่ถึงนาทีก็ต้องเงยหน้าขึ้นเมื่อพบว่ามีใครบางคนยืนอยู่ที่หน้าโต๊ะทำงานของเขา.....
“ซีวอนฮยอง!”
“ชี่~ เบาๆสิ เดี๋ยวหัวหน้าล็อตไวเลอร์ของนายก็ออกมาหรอก”
“ขึ้นมาทำไมเนี่ย ก็ได้ยินแล้วไม่ใช่รึไงว่าผมออกก่อนสี่โมงไม่ได้”
“เอาน่า หนีกันเถอะ ถูกไล่ออกก็เข้าทำงานบริษัทฮยองก็ได้ เงินเดือนดีกว่านี้เยอะ”
“อีทงเฮ!”
โว้ยยยย;________; อยากตายวันละหลายพันหน นี่วันนี้มันวันอะไรกัน!
คืออยากเอาหัวโขกโต๊ะให้ตายคาที่จะได้ไม่ต้องเผชิญหน้า ร่างบางของคิมฮีชอลเดินมาที่โต๊ะของเขาอีกครั้งในรอบวัน คราวนี้ริมฝีปากบางแสยะยิ้มขึ้นเมื่อเห็นร่างสูงแปลกหน้าไม่คุ้นตา แขนเรียวยกขึ้นกอดอกไม่เดินเข้ามาใกล้ หน้าหล่อของชเวซีวอนก้มมาใกล้เขาหากแต่สายตากลับจ้องไปยังใบหน้าหวานของหัวหน้า “นั่นใช่มั้ยล็อตไวเลอร์น่ะ”
“ฮยอง...ไม่เอา”
“เก็บของ เราจะหนีแล้ว เร็วเข้า” ถึงจะไม่เห็นด้วยก็เถอะแต่อีทงเฮก็แอบเก็บของเข้ากระเป๋าเสียแล้ว ดูเหมือนว่าหัวหน้าของเขาจะยังไม่เห็นเมื่อจัดการเก็บของเสร็จร่างเล็กก็มองพี่ชายตัวเองสลับกับหัวหน้าคนสวยอยู่หลายที ไม่มีเสียงเล็ดลอดออกมานอกจากรอยยิ้มเหี้ยมๆจากร่างบอบบางและรอยยิ้มกริ่มจากร่างสูง....
สงสัยจะได้เวลาไปทำงานที่บริษัทของชเวซีวอนแล้วล่ะ....
“นายไม่เห็นหรอ ให้ตายสิ ขำชะมัดอะ”
“ฮยองนะฮยอง...เตรียมงานใหม่ไว้ให้ผมเลย เงินเดือนต้องเยอะกว่าทีนี่เป็นสองเท่าด้วย”
“เอาน่า ยัยล็อตไวเลอร์นั่นไม่กล้าไล่นายออกหรอก คนแบบนั้นต้องเก็บนายไว้ระบายอารมณ์หลังจากที่เพิ่งแพ้ฮยองมาไง คึๆ” แหงล่ะ....จะไม่ให้คิมฮีชอลแพ้ได้ยังไงก็ในเมื่อพี่ชายเขาทำหน้าหื่นซะขนาดนั้น แถมยังทำท่าจะเข้าไปข่มขืนหัวหน้าเขาอีกต่างหาก เพราะอย่างนี้อีทงเฮเลยหนีออกมาได้โดยโดนสายตาของหัวหน้าจ้องมองด้วยความแค้นตลอดเวลาที่เดินออกมานั่นแหละ
เขาเดินเข้าสนามบินมาพร้อมๆกับชเวซีวอนเจอญาติของคิมคิบอมที่มารอรับก็รู้สึกว่าเหมือนตัวเองไม่สมควรจะมาจริงๆอะ แต่ดูเหมือนชเวซีวอนจะไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรทำหน้าระรื่นยิ้มยื่นมือทักทายคนนี้เขาไปเรื่อย ใช้เวลาไม่นานนักหรอกเขาก็เห็นคนที่ดูคุ้นตากำลังเดินออกมา ใจดวงน้อยเต้นถี่ระรัวเมื่อพบว่าคนที่อยู่ข้างๆของคุณนายคิมทียังคงสวยไม่สร่างเป็นผู้ชายร่างสูงสวมแว่นตาดำ แก้มป่องๆที่เป็นสัญลักษณ์ทำเอาอีทงเฮหน้าร้อนขึ้นมากก
อย่าเคะ อย่าเคะ อย่าเคะ อย่าเคะแตกนะ!!
ร้องบอกตัวเองในใจแบบนั้นก่อนจะเอามือกุมที่หน้าอกตัวเองแล้วสูดลมหายใจเข้าลึกๆก้าวขาตามหลังชเวซีวอนที่เดินไปแล้ว ร่างสูงของคิมคิบอมหันมองมาทางพวกเขาแล้วผละออกมาจากพ่อแม่ของตัวเองเดินเข้ามาหาพลางโบกมือ อีทงเฮหยุดยืนอยู่หน้าชเวซีวอนนิดหน่อยก่อนจะลังเลว่าควรจะยกมือทักทายหรือไม่
ยก ไม่ยก ยก ไม่ยก
“อะ....ไฮ คิบอม”
“ซีวอนฮยองงงงงงง”
เดี๋ยวก็ตบดิ้น-___-!! คนที่เรียกน่ะทงเฮฮยองนะเด็กนี่!!
ให้อารมณ์เดียวกันกับเมื่อสิบปีที่แล้วไม่มีผิด-________________________-
แต่ตอนนี้มันก็เหมือนจะน้อยใจนิดหน่อยแหละที่คิมคิบอมเลือกที่จะเดินผ่านเขาไปแล้วกอดกับซีวอนแทน คนถูกเมินเบ้ปากน้อยๆแล้วยกมือขึ้นกอดอกพลางทำหน้าทำตาใส่คิมคิบอมที่ยืนหันหลังให้เขา
ต่อไปจะไม่สนใจแล้วเด็กบ้า!!
เขาเดินกลับมาที่รถด้วยสีหน้าบูดบึ้ง พยายามจะระงับอารมณ์ไม่กระแทกจังหวะการเดินให้แรงเกินไปกลัวว่าคนที่เดินตามมาจะรู้ เด็กแก้มป่องที่อิมพอร์ตมาจากอเมริกาขอกลับรถของชเวซีวอนอ้างว่ามีเรื่องจะคุยกันเยอะ จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่คิดจะมาทักทายเขาเลยให้ตายสิ! ร่างบางกัดริมฝีปากบางของตัวเองแล้วยืนก้มหน้านิ่งอยู่ที่ประตูรถด้านหลัง พยายามจะเปิดประตูซ้ำๆแล้วก็ต้องเตะล้อรถเข้าระบายอารมณ์
“...ฮึ่ย! อะ....อ๊ะ?”
“ทงเฮ......” ก่อนที่จะเตะที่ล้อรถซ้ำอีกรอบจู่ๆก็มีมือปริศนาสอดเข้าที่เอวก่อนจะซุกหน้าลงที่ไหล่ ร่างบางตัวแข็งทื่อเมื่อจำได้ว่าเจ้าของเสียงเป็นคนที่เมินเขาตลอดเวลาที่เจอหน้ากันนั่นแหละ น้ำเสียงทุ้มที่ดังอยู่ใกล้ริมใบหูทำเอาขาแทบจะหมดแรง “วะ....ว่าไง”
“ขอโทษนะที่เมินใส่”
“มะ....ไม่เป็นไร”
“เพราะทงเฮสวย.....ผมก็เลยไม่กล้าคุยด้วย”
“หะ...ห๊ะ?”
“จริงๆแล้วในรูป ทงเฮน่ารักมากเลยนะ น่ารักจนผมกลัวว่าทงเฮจะไปมีแฟนแล้ว น่ารักจนผมกลัวว่าทงเฮจะจำผมไม่ได้ น่ารักจนผมไม่กล้าคุยกับทงเฮ”
“..........”
“แต่พอได้มาเห็นตัวจริงแล้ว ทงเฮสวยขึ้นเยอะมากๆเลย”
คิมคิบอมจะรู้มั้ยว่าที่ทงเฮใจเต้นแรงไม่ใช่เพราะคำพูดหรอกนะ หากแต่เป็นลมหายใจร้อนๆที่เป่ารดอยู่ตรงที่ใบหน้านี่ต่างหาก!
“ทงเฮ......”
“อะ...อื้อ ทำไมต้องทำเสียงแบบนั้นด้วย”
“ก็ทงเฮหายโกรธรึยังอะ”
“อื้อ จริงๆแล้วก็ไม่ได้โกรธหรอกน่า ไม่เห็นต้องทำเสียงหงอยแบบนั้นเลย”
“ก็ไม่เห็นทงเฮคุยด้วยเลยนี่นา”
แล้วใครมันมาเมินเขาก่อนล่ะ!!
คิมคิบอมโอบรัดเอวเขาให้แน่นอีกรอบก่อนจะผละออกแล้วจับแขนเขาให้หันหน้ามามองกัน อีทงเฮทำหน้าตื่นเล็กน้อยก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อริมฝีปากหนาเลื่อนมาทาบที่แก้มของเขาเบาๆก่อนจะขยับริมฝีปากเฉียดริมฝีปากบางไปทาบลงที่แก้มอีกข้างหนึ่ง สัมผัสอุ่นๆที่เพิ่งผ่านไปเมื่อครู่ทำเอาร่างบางเบิกตากว้างขึ้นอีกเป็นสองเท่า คิมคิบอมเห็นแบบนั้นก็ยิ้มออกมาน้อยๆก่อนจะพูดอะไรบางอย่างให้เขาใจเต้นอีกรอบ
“รักทงเฮนะ!”
อีทงเฮตายคาที่อะ!!!
ทันทีที่ทิ้งตัวนั่งลงบนโต๊ะทำงานจิตก็หลุดลอยออกไป ไอ้อาการเกรงกลัวหัวหน้าที่อาจจะไล่เขาออกได้ตั้งแต่เมื่อวานมันหายวับไปตั้งแต่เจอหน้าเด็กนอกอเมริกา ดวงตาสีนิลเลื่อนลอยมองออกไปนอกหน้าต่างพลันหน้าบางคนก็ลอยเข้ามาจนต้องสะบัดศรีษะแรงๆเพื่อเรียกสติ
บ้า! บ้าไปแล้วที่นึกถึงหน้าของคิมคิบอมน่ะ!
“สงสัยอยากจะไปทำงานข้างนอกใช่มั้ย เอาตึกไหนล่ะ เตรียมใบสมัครไว้รึยัง ชั้นกำลังจะไล่นายออกแล้วนะ”
“อ๊ะ....ผมไม่ได้อยากไปทำงานที่อื่นเสียหน่อย”
“ถ้างั้นทำไมไม่ไปทำงานกับแฟนนายซะล่ะ ดูท่าทางเขาก็ไม่ได้อยากให้นายทำงานที่นี่เท่าไหร่นี่”
“แฟนผมที่ไหนกันเล่า” ร่างบางบ่นงึมงำแล้วตั้งท่าตั้งใจจะทำงาน เมื่อเห็นว่าหัวหน้าไม่เข้ามาเขกหัวอย่างที่เคยก็นึกงงหันไปมองหน้าเห็นร่างโปร่งบางทำหน้าเครียดแล้วก็แปลกใจ “ฮยอง....”
“ถ้านายไม่ได้อยากทำงานที่นี่ก็ไม่เป็นไรนะ ชั้นไม่ได้บังคับอยู่แล้ว”
“อะไรกัน นี่ฮยองกำลังจะไล่ผมออกใช่มั้ยเนี่ย”
“นี่ฮยองจะไล่ลูกน้องออกอีกแล้วหรอ....อะ..ทงเฮ” คนถูกเรียกได้เบิกตากว้างเมื่อพบหน้าของคนที่ไม่คิดว่าจะมาอยู่ที่นี่ คิมฮีชอลหันไปแยกเขี้ยวใส่คนที่มาใหม่ก่อนจะผลักร่างสูงนั่นให้ถอยห่าง คิมคิบอมเบะปากออกน้อยๆแล้วเดินเข้ามาหาร่างบางที่ยังคงนั่งอึ้ง ก้มตัวลงให้ระดับสายตาอยู่เท่ากันแล้วเอ่ยปากทักทาย “ทงเฮทำงานอยู่กับฮีชอลฮยองหรอเนี่ย~”
“คะ...คิบอม”
“คนนี้ห้ามไล่ออกนะฮยอง! ถึงทงเฮจะยื่นใบลาออกก็ห้ามอนุมัตินะ!”
“ดะ...เดี๋ยวสิ! นายรู้จักทงเฮรึไง”
“ก็ทงเฮเป็นเจ้าของจูบแรกผมอะ!”
“เฮ้ยยยยยย” เกือบได้หงายหลังตกเก้าอี้เมื่อเจ้าเด็กนอกก็ทำหน้าตาแลดูภูมิใจกับสิ่งที่พูดออกมา คิมฮีชอลเบิกตากว้างแล้วหันขวับมามองที่อีทงเฮทันที ร่างบางรีบส่ายหัวพรืดจนคนที่เด็กกว่าแปดปีกอดอกแล้วเริ่มทำหน้ามุ่ย “ที่วันนั้นไปส่งผมที่สนามบินไง ทำไมทงเฮไร้ความรับผิดชอบแบบนี้ล่ะ”
โฮ;______; กูโดนเด็กจู่โจม แล้วยังจะโดนหาว่าไม่มีความรับผิดชอบอีกหรอเนี่ย!
“พะ...พอได้แล้วคิบอม! นี่มันเวลางานนะ ถ้าอยากจะมาอีกก็กลับไปนั่งทำตัวดีๆในห้องได้แล้ว”
“ผมจะนั่งกับทงเฮอะ!”
“มันรบกวนทงเฮนะ”
“ผมขอนั่งกับทงเฮนะ ไม่รบกวนหรอกเนอะ~” ไม่ทันได้จบประโยค ไม่ทันให้พี่ชายหน้าสวยองตัวเองอนุญาตหรอกคิมคิบอมก็คว้าเก้าอี้ที่อยู่แถวๆนั้นมาแล้วสไลด์ตัวเองมานั่งข้างๆ คิมฮีชอลกรอกตาไปมาด้วยความเหนื่อยอ่อนก่อนจะเอ่ยปากขอร้องลูกน้องอย่างแผ่วเบา “ฝากดูคิบอมด้วยนะทงเฮ ถ้ากวนก็มาบอกชั้นนะ”
“อะ...อ่า ได้ครับ”
“ฮีชอลฮยองวันนี้หล่อจริงๆเลยนะ!”
“ทงเฮมีแฟนรึยัง?”
“ยัง”
“แล้วเคยมีแฟนมาก่อนปะ”
“ก็มีบ้าง”
“โอ๊ยหึงอะ”
“อะไรกัน มันก็เป็นปกติ นายไม่เคยมีรึไง?”
“ผมก็รอทงเฮคนเดียวนั้นแหละ แหม่มสาวๆเข้ามาหา ผมก็ไม่สนใจหรอกนะจะบอกให้”
แอทแทครอบที่หนึ่ง;______;
“แล้วแฟนทงเฮอะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย”
“ผู้หญิงสิ”
“งั้นโอเค หายหึงล้ะ”
“ทำไมล่ะ?”
“ผมจะได้เป็นผู้ชายคนแรกของทงเฮไง”
อะ...แอทแทครอบที่สอง;_______;
“ทงเฮเคยจูบกับแฟนป้ะ”
“ก็ต้องมีสิ แฟนกันนะ”
“กอด...จับมือ ก็ทำด้วย?”
“ของแบบนั้นมันแน่นอนอยู่แล้ว”
“ต่อไปน่ะ.....หืม?”
“ทงเฮต้องทำแบบนั้นกับผมด้วยนะ!”
แอทแทครอบที่สาม;_________;
“ทงเฮ.....”
“อื้ออออ ชั้นไม่เคยมีอะไรกับใครนะ”
“ทงเฮทะลึ่งอะ! ไม่ได้จะถามเรื่องนั้นซักหน่อยเหอะ”
“ก็ไม่รู้นี่.......”
“ทงเฮ.......”
“อื้ออ”
“เป็นแฟนกับผมนะ”
แอทแทครอบนี้ทำเอาอีทงเฮน็อคค้างไปเลย;_____;
เมื่อคืนกว่าจะนอนได้ก็ตีสาม;_____; โอ้ตายล้ะ อีทงเฮตื่นมาตาเลยเป็นหมีแพนด้าแบบนี้นี่ไง
ร่างบอบบางเดินลงมาจากบ้านด้วยท่าทางสะลึมสะลือ แม้ว่าจะอาบน้ำก็แล้วเถอะมันไม่ได้ช่วยให้ตาสว่างขึ้นมาเลย แต่ที่ตื่นขึ้นมานี่ก็เพราะความหิวล้วนๆอะ เดินมาเปิดประตูตู้เย็นหาน้ำดื่มก็พบโน้ตสั้นๆที่เป็นลายมือของแม่แปะไว้ด้านหน้า กว่าจะแปลข้อความในจดหมายได้ก็ต้องจูนเครื่องอยู่พักหนึงล่ะ
อืม.....แม่บอกว่าเดี๋ยวคิบอมจะมารับพาไปเที่ยวตอนสิบโมง.....
คิบอม? สิบโมง?
พอประมวลผลได้ก็รีบหันมองนาฬิกาก่อนจะพบว่าเป็นเวลาสิบโมงครึ่ง รีบวิ่งไปที่หน้าประตูก่อนจะเปิดประตูออกไปฟาดเข้าเข้ากับอะไรบางอย่างจนเกิดเสียงดังโครม อีทงเฮชะเง้อมองด้านหลังประตูก่อนจะพบว่าร่างสูงที่แม่บอกว่ามารอรับตั้งแต่สิบโมงยืนลูบจมูกเบาๆ
“คิบอม....”
“ทงเฮอะ กดออดแล้วก็ไม่สนใจ!”
“เลือดกำเดาไหลแน่ะ”
“ทงเฮอา! รับผิดชอบเลย!!”
พาร่างสูงเข้ามาในบ้านก่อนจะจัดการหาผ้าห่อน้ำแข็งมาประคบเข้าที่จมูกของอีกฝ่าย ใครมันจะไปรู้ล่ะว่าคิมคิบอมจะยืนอยู่ตรงนั้น นึกว่าจะยืนรออยู่หน้ารั้ว ที่ไหนได้ดันปีนรั้วบ้านเขาเข้ามานั่งรอซะงั้นอะเลยเปิดออกไปซะเต็มแรงด้วยความตกใจ....
“มันเย็นนะ...ทงเฮอ่า”
“นอนอยู่นิ่งๆเถอะน่า เสื้อเปื้อนแล้วนะ”
“ฮื่อออ ว่าจะชวนทงเฮไปเดทซักหน่อย หมดหล่อซะแล้วอะ”
คนจะถูกชวนเดทหน้าขึ้นสีระเรื่อน้อยๆก่อนจะกดน้ำแข็งลงไปที่จมูกของอีกคนจนร่างสูงดิ้นน้อยๆแล้วเบะปากออกมา “ทงเฮ มันเย็นนะ!”
“ขอโทษนะ”
“ถ้ารู้สึกผิด...ก็รับผิดชอบซะสิ”
“หือ?”
“รับผิดชอบด้วยการเป็นแฟนผมสิทงเฮ”
โดนเด็กรุกเอาๆอีทงเฮก็แทบจะบ้าแล้วนะ;____;
จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้ให้คำตอบกับคิมคิบอมหรอกนะ ใครมันจะกล้ายอมรับออกไปง่ายๆกันล่ะ อีกอย่างก็เพิ่งจะมาเจอกันทั้งๆที่ไม่ได้เจอกันมาตั้งสิบปี ตอบตกลงไปทุกคนก็จะหาว่าใจง่ายน่ะสิ-3-!
ไม่ได้ออกไปเดทที่ไหนหรอก เพราะเขาต้องจัดการเอาเสื้อสีครีมที่เปรอะเลือดกำเดาไปซักแล้วตากแห้ง ตอนนี้คิมคิบอมเลยนอนเปลือยท่อนบนอยู่ในบ้านของเขา โดยที่แม่ไปเชจูเพื่อไปหาพ่อในวันหยุดสุดสัปดาห์แบบนี้ เขาเดินมาพร้อมกับรามมยอนหม้อขนาดกะทัดรัดแล้ววางวงบนโต๊ะหน้าทีวีก่อนจะเดินไปปลุกอีกคนที่กำลังนอนหลับอยู่บนโซฟาให้ลุกขึ้นมากิน “คิบอม...เสร็จแล้ว คิบอม”
“อือ....ทงเฮ” จู่ๆอีกคนก็ดึงตัวเขาเข้าไปกอดจนเสียกาทรงตัวล้มลงไปทับอีกคนซะงั้น อีทงเฮเบิกตากว้างมองคนที่เพิ่งจะได้สติแล้วก็ต้องค้อนขวับใส่คนที่เพิ่งจะลืมตาขึ้นมาและแทนที่จะปล่อยกลับพลิกตัวเขาให้ขึ้นไปนอนบนตัวของอีกคนเสียเต็มตัว แถมยังกอดเขาแน่นแล้วหลับตาลงอีกต่างหาก “คิบอม!”
“ผมหนาวนะ ทงเฮใจร้ายปล่อยให้ผมนอนแบบนี้ได้ยังไง”
“ก็นายบอกให้ชั้นไปทำรามมยอนมาให้อะ ใครใช้ให้หลับล่ะ”
“ไม่รู้แหละ ขอกอดก่อน หนาว” ว่าพูดเปล่ายังซบหน้าลงที่ตรงบ่าเขาแล้วพลิกตัวอีกรอบให้อีทงเฮเข้าไปนอนด้านในโซฟา กลิ่นกายอ่อนๆของอีกคนทำเอาร่างบางหน้าแดงจากที่เคยจะผลักไสกลับนอนนิ่งยอมเป็นตัวคลายหนาวให้อีกคนกอดซะงั้น ไม่นานนักอีกคนก็ละหน้าออกจากบ่าเขาแล้วลืมตามามองตากันจนร่างเล็กนั่นมีอันต้องหน้าแดงอีกรอบ “ทงเฮ....”
“........”
“คิบอมน่ะ...ไม่เคยลืมทงเฮเลยนะ”
“...........”
“คอยให้ซีวอนฮยองเอารูปทงเฮทั้งตอนเผลอ ตอนหลับ ตอนถ่ายตรงๆส่งมาให้ผมที่อเมริกา ยิ่งมองก็ยิ่งรู้ว่ายังไงผมก็ไม่ลืมทงเฮแน่ๆ”
“...........”
“.When I first saw you, I saw love.
And the first time you touched me, I felt love.
And after all this time, you're still the one I love..
(เมื่อฉันเห็นเธอครั้งแรก ฉันเห็นความรัก
เมื่อเธอสัมผัสฉันครั้งแรก ฉันรู้สึกถึงความรัก
และตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เธอยังคือคนที่ฉันรัก)
Looks like we made it
Look how far we've come my baby
We mighta took the long way
We knew we'd get there someday
(ดูเหมือนว่าเราจะทำสำเร็จนะ
ดูสิว่าเรามาได้ไกลแค่ไหน
แม้ว่าเส้นทางสายนี้จะทอดยาว
แต่เราก็รู้ว่าในที่สุดเราจะไปถึงจุดหมาย)
They said, "I bet they'll never make it"
But just look at us holding on
We're still together still going strong
(พวกเขาต่างพากันพูดว่า
"เชื่อเหอะ คู่นี้นะไปกันไม่รอดหรอก"
แต่ดูพวกเราสิ เรายังอยู่ด้วยกัน
ยังรักกันดี)
You're still the one I run to
The one that I belong to
You're the one I want for life
You're still the one that I love
The only one I dream of
You're still the one I kiss good night
(เธอยังเป็นคนหนึ่งคนนั้น
คนที่ฉันพึ่งพาเสมอ
คนที่ฉันมอบชีวิตให้
คนที่ฉันใฝ่หา
คนเดียว .. ที่ฉันรัก
เธอยังเป็นคนที่ฉันเฝ้าฝันถึง
คนที่ฉันจูบราตรีสวัสดิ์อยู่ทุกค่ำคืน)”
You're still the one - Shania Twain
ทันที่สิ้นเสียงทุ้มริมฝีปากหนาก็แตะลงบนกลีบปากบางอย่างแผ่วเบาค่อยๆเพิ่มแรงลงไปอย่างช้าๆเพื่อไม่ให้อีกคนตื่นตกใจ อีทงเฮปิดเปลือกตาลงรับสัมผัสที่อ่อนโยนก่อนจะเอื้อมมือไปกอดคออีกฝ่ายไว้ อาจจะเป็นเพราะน้ำเสียงเมื่อครู่ที่สะกดเขาไว้ทำให้ยอมอะไรง่ายๆแบบนี้ คิมคิบอมไม่ทำอะไรมากไปกว่าการดูดดุนริมฝีปากของเขา ดูดย้ำซ้ำๆราวกับจะให้หลุดออกไป ร่างสูงถอยห่างออกจากริมฝีปากบางอย่างแผ่วเบาแล้วขยับใบหน้ากระซิบชิดริมใบหู
“รักกันนะทงเฮ”
“อื้อ-/-“
“เป็นแฟนกับผมนะ”
“อื้ออออ-//-“
End Be your Boyfriend
ทอล์กๆบ่นๆ
ลงแล้ววววววว ครบร้อยเปอร์เซ็นเต็ม ดูคอมเม้นต์ก่อน ถ้ามาแบบอลัง(?)ก็จะแต่งสเปให้ อินี่จบมึนตัลหลอด จบห้วนๆตัลหลอด 555
ตอนแรกว่าอาทิตย์นี้ปิดคอร์สแล้วจะแต่งเรื่องอื่นต่อล้ะ เพราะพล็อตมันมาเรื่อยๆ แต่เมื่อเช้าแม่บอกกะทันหัน ตั้งแต่วันที่ 1-6 หนีเที่ยวกันทั้งบ้านลงใต้กัน #แอร้ฟฟฟฟฟฟ
หนูอยากแต่งฟิค หนูอยากลงฟิค;____;
แต่ก็อยากเที่ยว #โดนตบ 55555555
ขอให้อ่านกันอย่างมีความสุขนะค้า :) ข้องใจอะไรถามได้เน้ออ
ส่วนเรื่องของคนที่เคยขอคยูทึกมา...คือแบบว่า(. . ตอนนี้จิ้นวอนคยูไปแล้ว เคยมีเรื่องของคยูทึกแต่งไว้เมื่อตอนปีที่แล้ว แต่ไม่รู้ว่าจะแต่งได้ต่อรึเปล่า ถ้าแต่งต่อไปได้จะเอามาลงให้ละกันนะคะ><
แทงคิ้วเวรี่มัชฟอร์ยัวร์คอมเม้นต์=..=
ความคิดเห็น