ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    SHinee JONGKEY INNOCENT XX รักร้ายคุณชายตัวเเสบ 18+ part II

    ลำดับตอนที่ #11 : CHAPTER 10 INNOCENT II 100%

    • อัปเดตล่าสุด 2 ม.ค. 56


    THE' FARRY

    CHAPTER   10   INNOCENT  II  

     

     

      สองสัปดาห์ที่ฉันตัดสินใจมาอยู่ที่นี่    วันของการเริ่มงานที่ฉันคิดว่านี่มันไม่ใช่

    เรื่องดีสักเท่าไหร่     ตำแหน่งนั้นฉันรู้สึกกังวลใจเพราะเลขาของฉันคงจะหนีไม่

    พ้นใครคนนี้ได้ถ้าไม่ใช่….ลีจองชิน  

     

     

    “ อย่ามองฉันแบบนั้นสิค่ะ” 

     

     

     

      มันเรื่องอะไรกันเนี่ย   

     

     

     

    “ ทำไงได้    ฉันรู้ว่าพี่คงไม่เชื่อที่เด็กไม่มีหัวนอนปลายเท้าอย่างฉันจะมาเป็น

    เจ้านายของพี่   แต่ไม่ว่ายังไงพี่ต้องแนะนำฉันนะ  แล้วฉันจะแนะนำผู้ชายสัก

    คนให้พี่  อ๊ะ!!!      ฉันรีบก้มหน้างุดๆ   เมื่อเอกสารเล่มหนาดันฟาดลงบนหน้า

    ผากฉัน   ดูท่าจะโมโหน่าดูแฮะ

     

     

     

    “ ฉันนึกว่าพี่ชอบผู้ชายซะอีก ” 

     

     

     

     

    “ เห็นฉันเป็นอย่างงั้นเหรอนังเด็กบ้า!!! 

     

     

     

    “ ขอโทษค่ะ ” 

     

     

     

    “ บ่ายวันนี้เรามีประชุม  เอกสารที่ฉันเอามาให้หวังว่ามันจะมีสาระกับเธอ

    บ้าง   เลิกเที่ยวคิดนั่นคิดนี้แล้วหันมาสนใจงานของซะ  

     

     

    .. เอกสารนี่ฉันต้องอ่านมันทั้งหมดจริงๆน่ะเหรอ   เยอะจังเลย  แล้วฉันจะ

    อ่านมันหมดนี่ได้ยังไงเนี่ย    คงต้องใช้เวลาศึกษากันหน่อย”   

     

     

     แล้วเธอกับผอ.….      

     

     

     

     อย่างที่เข้าใจนั่นแหละค่ะ ”   

     

     

     

    “ มันก็น่าอยู่หรอกนะ  เฮ่อะ~    พี่จองชินคงจะรู้สึกสงสารเห็นใจฉัน   ถึงได้

    ทำหน้าเหนื่อยหน่ายใจพร้อมกับลุกออกไปจากห้องทำงานใหม่ของฉัน  

     

     

      ฉันนั่งถอนหายใจด้วยความรู้สึกเหน็ดเหนื่อย   พ่อ แม่  คุณตา  พี่ชาย   ไม่มี

    ใครช่วยฉันได้นอกจากตัวฉันเอง   และฉันก็นึกโมโหตัวเองที่ยังอุตสาห์เก็บแหวน

    แต่งงานที่เขาขว้างทิ้งไปกลับมา   ฉันพยายามจะเข้าใจเขาให้มากแต่รู้สึกว่าจุด

    ยืนของเขาทำไมมันถึงได้ห่างไกลกันถึงเพียงนี้

     

     

     

     

    F5421 Room

     

     

      ซองวอนมีการขยายกิจการไปอย่างรวดเร็ว     แต่ยอดขายของปีนี้ไม่ค่อย

    ดีเท่าที่ควร     ดิฉันคิดว่าทางบริษัทเราน่าจะมีการส่งเสริมยอดขายหรือไม่ก็ทำ

    การคืนกำไรให้กับลูกค้าตามโครงการที่ท่านผ.อ คิม  ที่ท่านเคยได้ร่างไว้ในที่

    ประชุมเมื่อสี่ปีที่แล้วดิฉันคิดว่ามันน่าจะเป็นทางออกที่ดีสำหรับซองวอนนะคะ

    ท่านประธาน ”  

     

     

     

      แต่นั่นมันยังไม่ใช่ทางออกที่ดีหรอกนะผ.อ ยุน    ผมยังไม่มีความเห็นใดแล้ว

    เราจะต้องเสียอีกสักเท่าไหร่   มันไม่คุ้มหรอกนะครับที่จะเอาสินค้าตรงนี้ไปทุ่ม

    กับอะไรที่มันไร้ประโยชน์แบบนั้น ”    

     

     

     

     

    “ ไม่เสมอไปหรอกค่ะ  การส่งเสริมยอดขาย  บางทีนั่นอาจจะเป็นทางออกที่ดี

    ที่สุด   ในฐานะที่ฉันเป็นผู้ดื่มไวน์ข้าวของซอนวอน  ฉันว่าทางบริษัทน่าจะมี

    การลดแลกแจกแถมสักหน่อย      ฉันจึงอยากจะให้มีกิจกรรมดีๆแบบนั้นเกิด

    ขึ้น     ลูกค้าจะได้หันมาซื้อไวน์ข้าวราคาถูกๆและอร่อย  และที่สำคัญดิฉันรู้สึก

    เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งที่ท่านผอ.ยุนแชวอนได้กล่าวมาทั้งหมดค่ะ ”

        

     

     

    “ นี่..คิมคีซุน!!!   

     

      

     

      ขอบคุณครับ สำหรับความเห็นของทุกๆท่าน   ผมจะกลับไปคิดดูอีกที  ผม

    ยอมรับนะครับว่าความเห็นของทุกท่านดีหมด  ยังไงผมก็คงต้องขอกลับไปคิด

    ดูแล้วการประชุมครั้งหน้าผมจะชี้แจงรายละเอียดให้ทุกท่านได้ทราบ  ยินดีที่ได้

    ร่วมงานกันนะคิมคีซุน     ผมหวังว่าผู้บริหารทุกท่านจะให้คำปรึกษากับเธอได้ดี

    นะครับ ” ฉันเพียงแต่ยิ้มให้ท่านประธาน   เมื่อรู้สึกว่ามีผู้บริหารจำนวนหนึ่งไม่

    ค่อยจะพอใจกับความเห็นของฉันสักเท่าไหร่      ตราบใดที่ยังเป็นสมุนรับใช้

    ลีโบยอง 

     

     

    “ ถ้าไม่รังเกียจสิ้นเดือนนี้ผมอยากจะเชิญทุกท่านมาร่วมงานเลี้ยงของพวกเขา

    และถือเป็นการแถลงการณ์กับนักข่าวเพื่อไขข้อสงสัยให้ทุกท่านได้ทราบ สำหรับ

    การประชุมของวันนี้   ผมขอจบการประชุมเพียงเท่านี้ขอบคุณครับ            

     

     

     

      คุณเชวมินโฮนั่งอยู่ข้างๆฉันตลอดทั้งการประชุม   ผู้บริหารคนอื่นๆน่าจะเดิน

    ออกกันไปเกือบหมด        เรานั่งอยู่ตรงนั่นเกือบสามนาทีแล้วมือของเขาก็สะกิด

    ชายกระโปรงฉัน พร้อมทั้งยื่นกระดาษแผ่นเปล่าเขียนข้อความสั้นๆในหน้ากระดาษ   

     

     

    เยี่ยมไปเลย

     

      

     การประชุมในครั้งนี้มีผู้บริหารคนสำคัญหลายคน    ที่ฉันเคยเห็นหน้าเขาจาก

    หนังสือพิมพ์แวดวงธุรกิจอะไรทำนองนั้น    ส่วนตัวฉันไม่ค่อยจะมีประสบการณ์

    ด้านนี้สักเท่าไหร่   แต่ก็พอเรียนรู้อะไรมานิดๆหน่อย   ที่สำคัญฉันไม่เชื่อว่าตัวฉัน

    เองจะพูดอะไรแบบนี้ได้ ฉันจึงยิ้มน้อยๆให้เขา และในระหว่างที่ฉันลุกออกจากที่นั่ง

    ไม่ทันไร  เจ้าของมือขาวๆก็ยื่นมาข้างหน้า             

     

     

      เธอคือคิมคีซุนใช่มั้ยจ๊ะ    ความเห็นเธอน่าสนใจดี   ฉันคงไม่จำเป็นต้อง

    บอกชื่อฉันกับเธอหรอกนะ   เอาเป็นว่าหลังจากนี้ฉันคงได้เจอเธออีก    

     

     

    “ เช่นกันค่ะ ”   

     

     

     

    “ ข่าวลือนั่นทำให้ฉันอดสงสัยไม่ได้จริงๆ     เหงื่อฉันไหลออกมาไม่หยุด ขณะที่

    ริมฝีปากฉันยังคงยิ้มค้างไว้เช่นนั้น  ไม่รู้จะตอบออกไปอย่างไรดี   เมื่อพี่แชวอนอายุ

    น่าจะมากกว่าฉันถึงหกปี พูดถึงเหตุการณ์เมื่อสี่ปีก่อน   และผู้บริหารบางคนต่างก็

    ยืนอยู่ในห้องขณะปรึกษาหารือกัน    

     

     

    “ เธอไม่ได้แต่งงานกับผอ.คิมไปแล้วหรอกหรือ ”   

     

     

    “ ไม่ใช่หรอกครับ  คีซุนเป็นภรรยาของผม ขอโทษนะครับที่ทำให้พวกคุณต้องเข้าใจ

    ผิด”     ฉันเงยหน้ามองเขานิ่งนาน  หลังจากนั้นพี่แชวอนถึงกับพูดอะไรไม่ออก 

    เขาจับมือฉันเดินตามหลังออกไปนอกห้องประชุม

     

      ภายใต้รอยยิ้มลับลมคมในอย่างงั้น    คำตอบที่ไม่ให้ฉันได้ตอบอะไรออกไป

    ซักคำเดียว               

      

     

                          >>>>>>    ต่อ  <<<<<<

     

     

     “ ทำไมคุณถึงไม่บอกความจริงเขาไปล่ะคะ ”   เขาเพียงแต่หันมายิ้ม  พร้อมทั้ง

    ปล่อยมือฉันลงทันทีที่เราต่างก็เดินเข้ามาข้างในลิฟต์ตัวแรก

     

     

    “ เราจะปล่อยให้มันเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆงั้นเหรอ ”  ฉันเอ่ยเพราะรู้สึกกังวลกับ

    เรื่องนี้เป็นพิเศษ    และก่อนที่ความกังวลใจของฉันจะเหือดหายพร้อมถ้อยคำ

    หนึ่ง  ทันใดนั้นมือของเขาจึงเอื้อมมากอบกุมมือฉัน       

            

     

     

      ตราบใดที่ฉันยังอยู่ข้างๆ  ฉันก็ไม่ปล่อยให้เธอต้องเจอปัญหาอยู่คนเดียวแน่ๆ ”

     

     

     

     

       ขอบคุณนะคะ  ยังไงคุณก็ไม่จำเป็นต้องทำขนาดนั้นหรอกค่ะ”

     

     

     

     

      ทำไม หรือว่าเธอไม่พอใจฉันสินะ ” 

     

     

     

    ….    

     

     

     

      เรื่องที่เธอไม่สามารถรับความรู้สึกของฉันได้ฉันรู้ดี    แต่ขอให้ฉันได้ปกป้อง

    ดูแลเธอจนกว่าสามีของเธอจะกลับมาได้หรือเปล่า  แล้วเธอก็ไม่จำเป็นต้องกังวล

    อะไรนักหรอก   แค่เชื่อฉันก็พอนะคีซุน      เขาปล่อยมือฉันลงทันทีที่ลิฟต์ลงมา

    ยังชั้นหนึ่ง  แล้วในเที่ยงวันฉันและคุณมินโฮเราต่างก็แยกย้ายกันเสียตรงนั้น

     

     

     

     

       สามชั่วโมงที่คิมมินฮวานนั่งอ่านหนังสือนิทานด้านข้างโต๊ะทำงาน  ส่วนเจ้า

    ของห้องก็ยังคงวุ่นวายกับเอกสารที่ยังเคลียร์ไม่เสร็จ  

     

     

       เด็กน้อยเลือกเปิดหนังสือนิทานอ่านอยู่หลายเล่ม    พยายามแล้วพยายามอีกที่

    ขอให้ท่านอ่านให้ฟัง   แต่ก็ไม่เป็นผลว่าพ่อจะหันมาสนใจเขา   ดูเหมือนว่าหลาย

    วันมานี้เพียงแค่เขาขี่จักรยานล้มนิดหน่อยพ่อก็โวยวายใส่เขาเสียยกใหญ่   หลังจาก

    วันนั้นมาคิมมินฮวานก็ไม่กล้าที่จะเข้าใกล้พ่อของเขาไปมากกว่านั้น      และตอนนี้

    เด็กน้อยก็รู้สึกคิดถึงแม่ของเขามากเหลือเกิน

     

     

    “ แม่ไม่ทางทิ้งพวกเราไปหรอกใช่มั้ยฮะ   พ่อจะพาแม่กลับมาได้มั้ย   พาแม่กลับมา

    นะฮะพ่อ”   คิมมินฮวานทิ้งตัวลงนอนบนผืนพรมหันไปคว้าตุ๊กตาหมีสีน้ำตาลซับ

    คราบน้ำตาบนใบหน้าอย่างลวกๆ    คิมจงฮยอนได้ยินเสียงเด็กน้อยส่งเสียงกระซิก

    เป็นระยะ     เขาเริ่มไม่มีสมาธิเมื่อเสียงมินฮวานแทบจะดังขึ้นเรื่อยๆ   ชายหนุ่มจึง

    ตัดสินใจวางปากกาในมือลงพับเก็บแฟ้มให้เข้าที่ ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งข้างๆ  

     

     

    “ ถ้าลูกมัวแต่ร้องไห้พ่อก็ไม่มีสมาธิทำงานแล้วนะ  หยุดร้องไห้ได้แล้วเจ้าตัวแสบ

    อยากให้พ่ออ่านนิทานให้ฟังก่อนนอนมั้ย  อืมมเรื่องอะไรดี นี่ลูกอ่านถึงหน้าไหนแล้ว

    น่ะ  พ่อไม่อ่านมันได้มั้ย ”    

     

     

     

    “ทำไมหรือฮะผมว่ามันก็สนุกดีออก  ว่าแต่พ่อไม่โกรธผมแล้วใช่มั้ยฮะ” 

     

     

     

    “ พ่อจะโกรธลูกไปทำไมกันล่ะ ”   

     

     

     

    “ พาแม่กลับมานะฮะ     ยังไงก็ต้อง….พาแม่กลับมาให้ได้นะ ”   ไม่นานนัก

    เจ้าตัวน้อยก็ผล่อยหลับไปในที่สุด   คิมจงฮยอนนั่งเงียบอยู่นานพอสมควร 

     ไม่มีวันไหนที่คิมมินฮวานจะไม่ถามถึง

     

      ความโกรธเกลียดที่เขารู้สึกอยากจะฆ่าผู้หญิงคนนั้นเขาก็ไม่สามารถจะทำได้  

    เพราะมินฮวานรักผู้หญิงที่ได้ชื่อว่าเป็นแม่ของเขายิ่งกว่าอะไรทั้งหมด   มันจึง

    เป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงไม่ยอมทำอะไรเลยทั้งๆที่ควรจะทำตั้งแต่ต้น

       

     

      

     

     

      เสียงลมหายใจดังแผ่วเบาในความมืด   เชวมินโฮหยุดยืนอีกห้องถัดมา 

    ก่อนที่สายตาของเขาจะเหลือบเห็นเงารางเลือนซึ่งพิงเข้ากับประตูหน้าห้อง

    ไม่ไหวติง  

     

     สำหรับเขา  เธอคือผู้หญิงต้องห้าม    ต่อให้เขาได้ดูแลเธอเพียงเล็กน้อย

    และได้อยู่เคียงข้างเธอเช่นนี้    ความเจ็บปวดเหล่านั้นจึงถูกกลบเกลื่อน

    ด้วยรอยยิ้มที่มอบให้เธอเสมอ

     

       คิมคีซุนเอนตัวพิงกับผนัง แพรขนตายาวปิดพับเข้าหากัน เธอคงจะผล่อย

    หลับไปสักพักหนึ่ง โดยที่แฟ้มเล่มหนาตกลงข้างลำตัว     

     

     

      คงคิดถึงเขามากงั้นสินะ ถึงได้มานอนตรงนี้นะ”   เสียงทุ้มต่ำของเขา

    ทำให้เธอรู้สึกตัวลุกขึ้นยืนทันทีที่เห็นเขายืนค้ำร่างเธออยู่   

     

      หากไม่ใช่เพราะดวงตาที่แสนจะเลื่อนลอยของเธอในระยะหลังมานี้   แม้

    เธอจะไม่พูด   เขาก็รู้คำตอบนั่นอยู่แล้ว

     

       คุณตื่นแล้วหรือค่ะ   นี่ก็ยังไม่สว่างเลยกลับไปนอนต่อเถอะค่ะ”  กว่าเขา

    จะเอ่ยปากถามเธออีกครั้ง   คิมคีซุนก็เดินหายลงไปเสียก่อนแล้ว 

     

     

     

           

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×