คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : Broken in silence .. // 5 //
.. Chapter 5 ..
คิบอมหยุดยืนมองร่างของคนที่เขาตามหาทั่วงาน แต่พอเจอเข้ามันก็สายไปแล้ว
นอกจากจะทำอะไรไม่ได้มันยังทำให้ทุกอย่างผิดพลาดไปหมด เหตุการณ์ตรง
ในพิธีวิวาห์ซึ่งรอบกายเคยเคลื่อนไหว ในตอนนี้ราวกับมีใครมาสั่งให้ทุกอย่างหยุดลง ใจดวงน้อยยืนคอยในสิ่งที่เป็นความหวังลมๆแล้งๆ อีซองมินเคยนึกว่าตัวเองอาจจะเป็นคนที่อีกฝ่ายเลือก เรื่องเลวร้ายที่ผ่านมาอาจจะเป็นเพียงแค่เรื่องล้อเล่น แต่ดูในตอนนี้สิ ในความเป็นจริงที่เป็นอยู่คือเขาที่ไม่รู้ว่าจะก้าวออกไปทางไหน เขาไม่สามารถหลบตาคู่นั้นที่สบกันอยู่ไปได้ เกลียดใจตัวเองนักที่ดื้อดึงไม่เข้าเรื่อง เหมือนเป็นตัวอะไรที่มาอยู่ผิดที่ผิดเวลา ทุกสายตาเริ่มจับจ้องกับอาการที่น่าแปลกใจ เจ้าบ่าวที่ชะงักไปเอาแต่มองไปที่ใครสักคนซึ่งจ้องตอบกลับมาเช่นกัน
โจวคยูฮยอนปล่อยให้เวลาแต่ละวินาทีผ่านไปโดยที่ใจของเขาไม่คิดที่จะเลือกอีกแล้ว .. เพราะยังไงเสีย คนไม่ดีคนนี้ก็เห็นแก่ตัวเกินกว่าจะยอมเสียดวงใจของตัวเองไปได้
.. ขอโทษนะ ซองมิน
ใบหน้าคมเก็บซ่อนความเจ็บปวดเอาไว้ก่อนจะตัดใจหันหนีดวงตาคู่นั้นที่เขาไม่อยากเห็นมันต้องมีน้ำตา แหวนเพชรเม็ดงามค่อยๆเคลื่อนเข้าสู่เรียวนิ้วของเจ้าสาวแสนสวย ขณะที่ใจของคนๆหนึ่งกำลังกล้ำกลืน ขณะที่ใจของคนอีกคนกำลังแตกสลาย
ปัง ปัง ..ปัง!!!
เสียงปืนไม่กี่นัดดังลั่นไปทั่วทั้งงาน แขกเหรื่อมากมายไม่รอช้าให้ความไม่ปลอดภัยคืบคลานเข้ามา พิธีวิวาห์ที่ดำเนินอยู่จึงต้องหยุดทุกอย่างโดยที่ความวุ่น
“คยูฮยอนคะ ...”
“ไม่ต้องห่วง คุณหลบไปก่อนนะมินอา” คยูฮยอนพูดจบหญิงสาวก็พยักหน้าให้อย่างอย่างรวดเร็ว เมื่อคิมมินอาออกไปจากที่ตรงนี้แล้วคยูฮยอนก็ไม่ลืมจะกวาดสายตาไปหาพ่อกับแม่ของตัวเองที่ตอนนี้ปลอดภัยและมีคนคุ้มกันอย่างแน่นหนาแล้ว ความวุ่นวายในงานที่ล่มไม่เป็นท่านั้นไม่ได้ทำให้คนที่รู้กันดีสงสัยเลยว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่ใครเลยจะคิดว่าจะโดนกัดกันกลางงานอย่างนี้
ชายหนุ่มวิ่งตรงไปข้างหน้าเพื่อจะหาคนที่เขาห่วงสุดหัวใจ เวลานี้ไม่จำเป็นแล้วที่ต้องเก็บความห่วงเอาไว้ คนหลายคนวิ่งผ่านเขาเข้ามาชนคนแล้วคนเล่าทำให้ไม่ง่ายนักต่อการจะวิ่งออกไปหาคนๆนั้น แต่แล้วคยูฮยอนก็หลุดออกมาจากผู้คนได้ เขาชะเง้อหาซองมินซึ่งกำลังยืนอยู่ที่เดิม แค่นั้นแหละที่หัวใจมันแทบจะหยุดเต้นเพราะเห็นอีกฝ่ายยืนอยู่แค่คนเดียว ลูกน้องคนเก่งที่เขาไว้ใจให้ดูแลนอกจากจะทำพลาดที่ปล่อยให้เข้ามาในงานได้แล้วยังผิดที่ตอนนี้ไม่รู้ว่าหายหัวไปไหนกันหมด
คยูฮยอนนึกอยากจะฆ่าลูกน้องตัวดีทั้งสองคนเหลือเกิน อีซองมินที่ยืนอยู่ต่อหน้า
ไม่ทันจะได้ก้าวเข้าไปใกล้กว่าเดิมเท่าใด คนที่ไม่เคยละทิ้งหน้าที่ก็วิ่งเข้ามาอีกทาง คิมคิบอมเข้าประชิดตัวอีซองมินอย่างรวดเร็วก่อนจะสบตากับเจ้านายตัวเองอย่างรู้กัน บอดี้การ์ดหนุ่มพยักหน้าให้พร้อมทั้งคว้าเข้าที่คนตัวเล็กอย่างไม่รอช้า
ซองมินที่ยืนอึ้งไปเมื่อรู้สึกตัวจึงดันตัวเองออกจากการเกาะกุมนั้น
“นายจะพาฉันไปไหน ปล่อยนะ ..”
“อย่าดื้อเลยน่าคุณ ไปกับผมเดี๋ยวนี้ อยู่นี่อันตรายแค่ไหนไม่เห็นรึไง”
“ไม่ ปล่อย ฉันไม่ไป .. ขอร้องล่ะ นายอย่าพาฉันไปเลยนะคิบอม ขอร้องแค่ครั้งนี้ครั้งเดียวเอง” ซองมินรั้งตัวเองออกพลางอ้อนวอนให้มือคู่นั้นปล่อยเขาไปแต่ก็ยังถูกดึงเอาไว้เหมือนเดิม แววตาหมดหวังหันมาอีกคนที่เขาอยากเจอ คยูฮยอนที่ยืนอยู่จึงรีบหันหน้าหนีและพยายามจะเดินจากไป คิบอมมองภาพคนที่เขาจับมือเอาไว้อย่างแสนสงสาร น้ำตานองหน้าอย่างนี้กับท่าทางจะวิ่งตามคนที่รักมันสะเทือนเข้าไปในใจของคิบอมจนเจ็บตามไปด้วย เขาไม่ได้อยากจะรั้งซองมินเอาไว้อย่างนี้หรอกนะแต่มันไม่สามารถปล่อยไปได้เพราะเป็นคำสั่ง
“ฮึก .. ปล่อยฉันคิบอม ฉันมาที่นี่เพื่อมาหาคุณชายของนาย แล้วไม่เห็นรึไงว่าเค้ากำลังจะเดินหนีฉันไป ขอร้องล่ะ” คิบอมแข็งใจไม่ยอมปล่อยมือ แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้เลยจริงๆ อยากอ้อนวอนให้คนตัวเล็กกลับไปกับเขาดีๆแต่ก็พูดไม่ออก จะปล่อยก็ไม่กล้า ให้ตายสิ ถ้าไม่ติดว่าเขารู้และเข้าใจคุณชายของตัวเองล่ะก็นะ คงนึกว่ามันโหดร้ายเกินไปตั้งแต่แรกแล้วล่ะ
“คยูฮยอน!! คุณอย่าเดินหนีได้มั้ย .. ขอผมถามแค่นิดเดียว แล้วผมจะไม่มาอีก” ซองมินดันตัวเองออกจากคิบอมซึ่งมันไม่มีผลอะไรเลย เขาจึงได้แต่หมดแรงและ
ใจแล้วว่าจะไม่ใจอ่อนในเวลานี้ แต่เสียงที่ดังตามหลังมานี่สิที่ยังไม่หยุด น้ำเสียงที่
“ปล่อยได้แล้วคิบอม..” เขาสั่งแค่สั้นๆร่างเล็กของซองมินก็เป็นอิสระทันที คิบอมมองคนข้างกายที่วิ่งตรงไปข้างหน้าพลางระวังอันตรายทั้งหมดที่พร้อมจะเกิดขึ้นได้ในเวลานี้ ซองมินหยุดยืนห่างจากคยูฮยอนไม่ไกลมากนัก อย่างน้อยก็ได้ยินเสียงโดยไม่จำเป็นต้องตะโกน
“คุณมันใจร้ายจริงนะ..”
.. แล้วอีซองมินจะรู้ไหมนะ ว่าคนใจร้ายคนนี้มันเจ็บแค่ไหน ..
ภายใต้ใบหน้าที่ซ่อนความรู้สึกเอาไว้ คยูฮยอนกำลังทรมานที่ทำอย่างใจคิดไม่ได้ แก้มขาวๆดวงตาช้ำๆ น้ำตาพวกนั้นอีก แล้วดูสิ .. แค่มองกันแบบนี้เขาก็แทบทนดูไม่ได้แล้ว ร่างสูงก้าวไปข้างหน้าหวังอยากจะสัมผัสสักนิดให้หายคิดถึง อย่างน้อยก็ยังได้รู้ว่าความรู้สึกที่ใกล้กันมันเป็นอย่างไร คยูฮยอนเดินไปได้แค่ก้าวเดียวสองขาก็ต้องชะงักหยุดลง .. เมื่อเขารู้สึกได้ถึงบางอย่าง
คยูฮยอนสบตากับคิบอมอย่างรู้กัน ขณะที่คนตรงกลางนั้นไม่มีอะไรในหัวเลยนอกจากตรงหน้าของเขา
“ขอโทษนะที่ผมมารบกวนคุณ อยากจะมาแสดงความยินดีแต่ก็ทำไม่ลง .. ไม่นึกว่ามันจะเกิดอะไรที่ผมไม่เข้าใจขึ้น แต่ยังไงก็ขอให้ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี”
“ที่มาวันนี้ เพราะอยากถามอะไรคุณซักคำ”
“ว่ามาสิ” ท่าทางเฉยเมยของคยูฮยอนนั้นทำให้ซองมินแทบไม่อยากจะได้คำตอบเลย เขารู้ตัวดีแล้วล่ะกับอะไรทั้งหมด แต่ไหนๆก็มาแล้วนี่ หากไม่ได้ยินกับหูตัวเองคงกลับบ้านไปแล้วนอนไม่หลับแน่ๆ ใบหน้าหวานถูกอาบไปด้วยหยดน้ำตาที่
กลิ้งหล่นลงมาผ่านริมฝีปากที่ยกยิ้มบางๆขึ้นมา
“คุณน่ะ .. ไม่รักผมแล้วใช่มั้ย หรือที่ผ่านมาคุณแค่ล้อเล่น”
“............”
“ที่ผ่านมาผมอาจจะโง่ที่ยังไม่ยอมเชื่อ แต่วันนี้ผมแค่อยากได้ยินจากปากคุณ ผมจะได้ตัดใจให้มันจบไป แล้วผมจะไปโดยไม่มาให้คุณเห็นหน้าอีก..ผมสัญญา”
คยูฮยอนกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก มันไม่ใช่คำถามที่น่าแปลกอะไร แต่เขาไม่นึกว่าตัวเองจะต้องมาตอบในเวลาที่มันบีบคั้นอย่างนี้
“อืม..มันก็แค่เรื่องที่ผ่านมาแล้ว ฉันไม่ติดใจอะไรหรอก”
สายลมเอื่อยผิดเวลาพัดพาถ้อยคำทำร้ายจิตใจให้ได้ยินชัดเจน
รอบข้างพวกเขาแทบจะว่างเปล่าไปด้วยผู้คน รอบนอกเท่านั้นที่ตำรวจและคนที่เกี่ยวข้องจะวุ่นวายกันอยู่ โต๊ะหลายตัวและทุกสิ่งในพิธีล้มระเนระนาดไปหมดเพราะเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น คนสามคนท่ามกลางความเงียบยืนนิ่งไปด้วยความ
รู้สึกลึกๆที่แทบไม่ต่างกัน ซองมินที่บอกตัวเองให้เข้มแข็งก่อนมา พอเอาเข้าจริงแล้วก็แทบจะไร้ความรู้สึก มันเจ็บจนชาไปทั้งร่าง ขณะที่คยูฮยอนยืนกำมือแน่นฝืนทำเฉยออกไป ทุกอย่างจึงนิ่งงันไปหมด บรรยากาศรอบข้างที่เขารู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างก็พลอยนิ่งไปเช่นกัน
“กลับบ้านนายไปเถอะนะอีซองมิน”
“แสดงว่าที่ผ่านมาผมโง่คิดไปเองคนเดียวใช่มั้ย โง่ที่ปล่อยให้คุณหลอกลวงด้วยคำพูดต่างๆนานา”
“ใช่ ..นายมันโง่เอง”
และหากยังไม่ชัด โจวคยูฮยอนก็จะบอกให้อีซองมินจำเอาไว้อีกที
“ฉันไม่ได้รักนาย”
จบแล้ว ..แค่นี้แหละที่ซองมินอยากได้ยิน
คนตัวเล็กยืนช้ำใจอยู่ระหว่างอีกสองคนที่กำลังประมวลเหตุการณ์บาง
“ขอบคุณครับที่กรุณาบอกให้ผมทราบ”
“.........”
“ต่อไปผมจะได้เข้าใจ ว่าเรามันก็แค่ ... คนเคยรู้จัก”
ประโยคที่ไม่ได้อยากฟังทิ่มแทงลงไปในใจอย่างยากจะเอ่ย คยูฮยอนอยาก
อีซองมินยืนก้มหน้าน้ำตาไหลอย่างหนักเสียจนคนที่ยืนมองด้านหลังอยาก
และวินาทีที่บางอย่างเริ่มเคลื่อนไหว
คิมคิบอมปฏิบัติหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายเป็นอย่างดี เข้าวิ่งเข้าไปคว้าเอาร่างเล็กไว้อย่างรวดเร็ว ไม่มีแรงขัดขืนอย่างทุกครั้งที่เป็น ร่างอ่อนแรงเหมือนไร้วิญญาณถูกเขาโอบไว้ให้วิ่งออกไปด้วยกัน
คยูฮยอนยืนมองภาพตรงหน้าอยู่ครู่หนึ่งจนคนทั้งสองลับตาไป ร่างสูงจึงรีบตวัดตัวหลบกระสุนที่พุ่งตรงมาที่เขาแทน มือข้างที่ซ่อนไว้ในเสื้อกระชากวัตถุสีดำออกมาป้องกันตัว .. และบางเรื่องที่เขาต้องทนมานาน ไม่นึกว่าเวลาที่จะได้สะสางนั้นจะใกล้เข้ามาทุกที
เมื่อพ้นประตูรั้วออกมาได้ คนทั้งสองจึงหยุดวิ่งลงอย่างทุลักทุเล คิบอมพยุงร่างของซองมินเอาไว้ก่อนที่รถสีดำคันหนึ่งจะแล่นมาจอดลงต่อหน้าพวกเขาอย่างรวดเร็ว
“มาได้ทันใจจริงนะไอ้ตัวต้นเหตุ”
เสียงทุ้มเอ่ยเบาๆซึ่งคนในอ้อมกอดก็ใช่ว่าจะมีสติพอที่จะได้ยิน คิบอมหันซ้ายหันขวาก่อนจะรีบดันร่างของซองมินเข้าไปที่เบาะหลังแล้วปิดประตูลงอย่างรวดเร็ว เขารีบวิ่งมาเข้าไปนั่งยังเบาะข้างคนขับทันทีที่รถเริ่มออกตัวไปตามถนน ใบหน้าที่อาบไปด้วยน้ำตานั้นไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองกำลังทำอะไร ซองมินเวียนหัวอย่างมากเพราะความเสียใจที่ทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองไม่มีสติ
“คุณโอเคมั้ยซองมิน” คิบอมหันกลับมาถามเพราะความเป็นห่วง ร่างเล็กตัวสั่นเทาเพราะหมดเรี่ยวแรง ซองมินไม่ได้ตอบคำถามที่ได้ยิน เขาเพียงแต่หลับตาลงเพื่อควบคุมตัวเองครู่หนึ่งแล้วลืมขึ้นอย่างเก่า ซองมินสบตากับคิบอมก่อนจะเบนหนีแล้วก็ต้องพบว่าใครอีกคนที่กำลังบังคับพวงมาลัยอยู่นั้นเป็นใคร แม้ว่าจะเห็นเพียงเสี้ยวหน้าด้านข้าง แต่เขาก็มั่นใจว่าตัวเองจำได้ไม่มีผิดแน่
“รยออุค..” ซองมินครางชื่อนี้ออกมาอย่างไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ตาเห็น ความฉงนสงสัยปรากฎขึ้นบนใบหน้าของเขา และเมื่อไม่มีใครเอ่ยอะไรซองมินก็พอจะเข้าใจดี
“นาย .. ทำไมถึง ......” ซองมินไม่รู้ว่าตัวเองต้องเจอเรื่องอะไรมากมายไปอีกนานแค่ไหน ที่สำคัญคนพวกนี้จะหลอกลวงเขาไปถึงไหนกัน เขาเงียบและไม่พูดอะไรอีกเลย นั่นทำให้คิบอมรู้สึกลำบากใจขึ้นมาเช่นเดียวกับคนซึ่งเป็นสาเหตุที่ตอน
นี้ทำได้แค่บังคับพวงมาลัยไปด้วยความรู้สึกผิด เขาทำตามหน้าที่ แต่หากจะผิด
“ผมขอโทษ” ถึงรยออุคจะบอกออกไป คนฟังก็ไม่คิดอยากจะได้ยิน และยิ่ง
“ดื่มน้ำก่อนสิคุณ” คิบอมยื่นขวดน้ำที่รับมาจากรยออุคให้กับซองมิน มือบางไม่คิดจะขยับมารับทำให้คิบอมต้องถอนหายใจแล้วจับมือของซองมินมารับเอา
ที่คาด ผ่านไปไม่กี่นาทีที่ซองมินรู้สึกง่วงนอนขึ้นมาเสียดื้อๆ สักพักร่างเล็กจึงเอนหลับลงไปตามแนวยาวของเบาะรถในทันที เห็นอย่างนั้นคิบอมก็ส่ายหน้าให้กับจอมวางแผน ซึ่งรยออุคไม่แน่ใจนักว่าเป็นการชมหรือด่ากันแน่
“ต้องขอบใจนายใช่มั้ยกับยานอนหลับในน้ำเนี่ย”
“แน่ล่ะ .. ขืนไม่ให้หลับฉันว่าได้ร้องไห้จนเป็นลมแน่”
คิบอมมองคนที่หลับไปก่อนจะสั่งให้รยออุคจอดรถลงที่ข้างทางเมื่อคาดว่าออกมาได้ไกลพอสมควรแล้ว
“อะไรของนายวะคิบอม” ชายหนุ่มที่เบรกรถลงมองตามเพื่อนรักที่รีบเปิดประตูลงมาดูคนที่หลับพับไปกับเบาะ คิบอมจับร่างของซองมินให้นอนราบไปในท่าที่ดีที่สุดและคิดว่าจะสบายที่สุด ร่างสูงจัดแจงถอดเสื้อนอกของตัวเองออกแล้วคลุมลงไปบนร่างเล็กที่มีคราบน้ำตาอยู่เต็มหน้า ทุกอย่างเกิดขึ้นในสายตาของรยออุคตลอด
“หึ .. ห่วงใยจริงนะคิบอม”
“มันหน้าที่ว่ะ คุณชายสั่งเราไว้ยังไงนายจำได้ไม่ใช่เหรอรยออุค”
“จำได้สิ ดูแลให้ดีที่สุด”
“อืม”
ถึงกระนั้นก็ตาม รยออุคก็อดไม่ได้ที่จะส่งสายตารู้ทันไปให้คิบอม ซึ่งแน่นอนว่าที่ได้กลับมาจะเป็นหน้าตาที่บูดบึ้งอย่างไม่ยอมรับในสิ่งที่ทำลงไป
“อย่ามองแบบนี้สิวะ ก็บอกแล้วไงว่ามันหน้าที่”
“เออๆๆๆ ไม่เห็นต้องทำหน้าดุเลยนี่หว่า”
“แต่ว่านะคิบอม ถึงเราจะดูแลดีแค่ไหน ยุงไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอมอย่างไร .. มันก็แค่ภายนอกเท่านั้น”
“..................”
“อยากจะบอกคุณชายเหลือเกินว่ามันจะมีประโยชน์อะไร ในเมื่อหัวใจของคุณซองมินเค้าแหลกละเอียดไปหมดแล้ว”
.. คนเรา หากได้ลองรักแล้วมันก็ยากจะถอนใช่ไหม แล้วถ้าได้ลองเจ็บล่ะ มันเลือกที่จะเดินหนีได้ยากเหมือนกันรึเปล่า ..
ร้านดอกไม้เล็กๆในมุมหนึ่งของชานเมืองกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง จะมีเปลี่ยนไปก็แค่ในวันนี้มีเพียงแค่เจ้าของร้านคนเดิมและคนเดียว สองบอดี้การ์ดหนุ่มนั่งอยู่ที่มุมหนึ่งของร้าน เขาทั้งสองไม่ได้ถูกชวนให้อยู่ ขณะเดียวกันก็ไม่ได้ถูกไล่ให้กลับไปเช่นกัน มันอาจจะฟังดูดีแต่กลับกัน เพราะนั่นยิ่งแย่ไปใหญ่เมื่อคุณเจ้าของร้านกลับทำเหมือนมองไม่เห็นพวกเขาเลยมากกว่า คิบอมและรยออุคนั่งถอนหายใจกับเรื่องทุกอย่างที่คุณชายของพวกเขาวางเอาไว้แต่กลับล้มไม่เป็นท่าเพราะคนที่ไม่
ได้รู้เรื่องอะไรด้วยเลย แค่รยออุคปล่อยให้ซองมินโผล่เข้าไปในงานเมื่อวานนี้ก็มากพอแล้ว คิบอมที่น่าจะจัดการได้ก็ดันพาออกไปไม่ทันอีก มันเรื่องบังเอิญหรือโชค
และเพราะทนดูไม่ไหว เมื่อรยออุคเห็นว่าซองมินกำลังยกของหนัก เขาก็ตรงเข้าไปหมายจะช่วยด้วยความเคยชิน แต่คนเคยเป็นเจ้านายกลับไม่คิดจะรับมันไว้
“ไม่เป็นไรหรอก ฉันยกเองได้”
“แต่ว่าผม..”
“คุณก็เป็นเหมือนแขกของร้าน เชิญนั่งที่เดิมตามสบายดีกว่านะครับ” ใบหน้าหวานๆที่มีแววเศร้าสร้อยนั่นยิ้มมาให้นิดหน่อย ท่าทางหมางเมินแบบนั้นทำให้คนฟังได้แต่นิ่งไปเพราะไม่มีเหตุผลจะไปดึงดัน รยออุคพูดไม่ออกเลยสักนิดเพราะรู้ตัวดีว่าตัวเองผิดที่หลอกลวงจึงทำให้เขาแทบไม่มีหน้าจะมองอีกฝ่ายต่อไป ชายหนุ่มจึงถอยออกมานั่งอยู่ข้างเพื่อนรักที่เดิม คิบอมเข้าใจดีจึงไม่ได้ออกความเห็นอะไรอีก
ซองมินจัดร้านไปตามปกติ ทั้งยกดอกไม้ที่เตรียมไว้สำหรับออเดอร์ออกมาจากตู้แช่ ทั้งจัดเรียงอุปกรณ์ทำช่อตามที่ลูกค้าสั่ง เขาหันไปง่วนอยู่กับสมุดบัญชีครู่หนึ่งก่อนที่จะจัดการทุกอย่างแล้วมาจบลงที่การยืนคัดกุหลาบแต่ละดอก ทุกการกระทำของซองมินอยู่ในสายตาของคิบอมและรยออุคตลอดเวลา ทั้งสองต่างรู้ดีกว่าภายในใจของอีกฝ่ายนั้นมันคงกำลังเจ็บทนแทบทนไม่ไหว ตอนนี้ทั้งสองคนไม่มีอะไรให้ต้องห่วงกับเรื่องของคุณชายของพวกเขาเท่าไหร่ ห่วงได้ก็แค่จิตใจที่คงจะร้อนรนจนแทบทำอะไรไม่ได้เลยมากกว่า สองบอดี้การ์ดหนุ่มจึงได้แต่ภาวนาให้ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี ซองมินแปลกใจที่เช้านี้ไม่มีลูกค้าแวะเวียนเข้ามาเลยสักคน แต่ก็ดีแล้ว เพราะเขามีออเดอร์ตั้งเยอะให้จัดการ ถ้าไม่รีบเดี๋ยวจะไม่ทันเสียก่อน
ขณะที่ในหัวคิดไปต่างๆนานาเพื่อให้ลืมใครบางคน สัญญาณที่ดูท่าว่างานจะมีมาเพิ่มอีกก็ปรากฏขึ้น เสียงเครื่องยนต์ของรถคันหนึ่งพุ่งเข้ามาจอดที่หน้าร้านของเขาราวกับกำลังต้องการดอกไม้สักช่ออย่างเร่งด่วน ซองมินมองไปยังประตูกระ
“สวัสดีครับ .. ไม่ทราบว่ามีอะไรให้รับ..........” ใบหน้าหวานเงยขึ้นสบตากับลูกค้าตรงหน้าที่ก้าวเข้ามายืนตรงข้ามกับเขา ดวงตากลมโตชะงักไปครู่หนึ่งเมื่อพบ
“มาทำไม” ซองมินถามออกไปตรงๆยิ่งเป็นการปิดกั้นให้คนผิดไม่กล้าจะเอ่ยแม้แต่คำว่าขอโทษ
“ฉันอยากได้กุหลาบสักช่อ .. จะได้ไหม”
“ผมไม่ขาย” คำปฏิเสธต่อมาอีกนั้นแสดงให้เห็นว่าไม่ต้องการให้เขามาเหยียบที่นี่ คยูฮยอนยิ้มบางๆพลางหัวเราะตัวเองในใจ เป็นไงล่ะ ถูกเกลียดเข้าแล้วสิ
“งั้นผมขอพบเจ้าของร้านได้รึเปล่า” ร่างสูงยังไม่หมดความพยายาม ท่าทางเหนื่อยอ่อนกับแววตาเศร้าๆมันช่างแตกต่างจากที่ซองมินเคยเห็นเหลือเกิน แต่อย่าหวังว่าจะใช้ไม้นี้ให้เขาใจอ่อนหลงเชื่อลมปากได้อีก
“คุณมีอะไรก็รีบว่ามา ผมมีงานให้ต้องทำอีกเยอะ” ซองมินดึงอารมณ์ตัวเองกลับมาไม่ให้ได้ไล่คยูฮยอนออกไปจากร้านเพราะควรจะคิดเสียว่าอีกฝ่ายเป็นลูกค้า และเขาไม่ใช่คนเลือกที่รักมักที่ชังเสียด้วย
ร่างสูงภายใต้เชิ้ตสีเข้มกำลังซ่อนบางอย่างเอาไว้ แต่มันไม่ทันแล้วสิ ลูกน้องของเขาทั้งสองต่างก็ต้องมองเป็นตาเดียวกันเมื่อเลือดสีแดงสดซึมออกมาจากแขนเสื้อก่อนที่มันจะไหลลงมาตามแขนข้างหนึ่งของเขา ซองมินมองตามอย่างตกใจ พลางตรงเข้าหาอย่างลืมตัว
“คุณเป็นอะไร ทำไมเลือดออก...” ซองมินถามอย่างเป็นห่วง ท่าทางเดือด
คยูฮยอนมองซองมินอยู่ครู่หนึ่ง และนั่นทำให้เขาต้องผิดหวังขึ้นมาทันทีเมื่ออีกฝ่ายมีท่าทีเปลี่ยนไป คนตรงหน้าขยับกายออกห่างก่อนจะเอ่ยประโยคที่ทำให้เขาต้องเจ็บเข้าไปในใจไม่น้อย
“ให้ผมเรียกหมอให้มั้ย คุณจะได้หายเร็วๆและไม่ต้องหลอกใครเค้าอีก .. ว่าคุณเจ็บ ว่าคุณต้องการใครสักคน เค้าคนนั้นจะได้ไม่ต้องกลายเป็นคนโง่เพราะคิดไปเองคนเดียว” คยูฮยอนอึ้งไปไม่ต่างกับอีกสองคนที่ดูอยู่ห่างๆ เขาถอนหายใจพลางยกมือขึ้นห้ามลูกน้องที่ทำท่าเหมือนจะเข้ามาช่วย แผลแค่กระสุนเฉียดเหมือนมดกัดแค่นี้ คยูฮยอนไม่ได้สนใจอะไรมักนักหรอก สิ่งที่เขาสนใจคือคนตรงหน้ามากกว่า
ซองมินพยายามจะไม่คิดแล้วเชียว แต่พอคยูฮยอนขยับเดินเข้ามาใกล้เขาก็ต้องถอยออกห่าง ร่างเล็กชนเข้ากับแจกันที่วางอยู่บนโต๊ะข้างๆเข้า มันหล่นลงกระแทกพื้นแล้วแตกออกเป็นเสี่ยงจนคนทำต้องตกใจ ซองมินรีบก้มลงหมายจะเก็บมันขึ้นตามความเคยชิน และด้วยความห่วงคยูฮยอนจึงอยากจะห้ามเอาไว้
“อย่านะ ... อย่ามาใกล้ผม” ซองมินปัดมือของอีกฝ่ายออกอย่างรวดเร็ว ความอดทนของเขามันกำลังหายไปหมดแล้วสิ หัวใจของเขาไม่ใช่ก้อนหินนะที่เจ็บแค่ไหนก็ไม่มีความรู้สึก และต่อให้เกลียดมากแค่ไหน มันก็คงไม่หายไปได้เพียงแค่วันเดียวหรอก
ร่างเล็กลุกขึ้นยืนแต่นั่นก็ทำให้มือหนาของคนตรงหน้าเอื้อมมาหาอย่างไม่ยอมลดละ เขาถอยออกจากคยูฮยอนด้วยแววตาที่ดูจะรังเกียจและไม่อยากเข้าใกล้ ใบหน้าคมชาวาบไปหมดกับท่าทางอย่างนั้นที่เขาไม่อยากจะเห็น ในตอนนี้อีซองมินผู้ที่บอกให้ตัวเองเข้มแข็งและลืมทุกอย่างนั้นไม่มีอีกแล้ว เขาคนที่อ่อนแอกลับมาอีกครั้ง ทั้งร่างหมดทางจะไปจึงตัดสินใจวิ่งหนีเข้าไปในห้องนอนที่อยู่ด้าน
“คุณชาย...” รยออุคมองเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยความวิตก เขาไม่นึกเลยว่ามันจะเป็นแบบนี้ ไม่สิ ก็รู้อยู่แต่ก็แค่ไม่อยากให้เกิดเท่านั้นเอง
“เอาเหอะ .. ไม่มีอะไรหรอก พวกนายไม่ต้องห่วง” ถึงจะบอกอย่างใจเย็น
“ใจเย็นน่ะ ไม่มีอะไรหรอก”
“เออ โทษทีว่ะ สงสัยจะอิน”
แม้จะเอ่ยราวกับว่ามันน่าขัน แต่แท้จริงแล้วเขาทั้งสองก็กลุ้มไปด้วยไม่น้อย
“คุณเข้ามาทำไม” ซองมินถามอย่างตกใจเพราะไม่นึกว่าอีกฝ่ายจะกล้าเข้ามาในห้องของเขาอย่างถือวิสาสะ คยูฮยอนอยากจะเอ่ยคำว่าขอโทษออกไป แต่สาย
“นายยังเก็บมันไว้ใช่ไหม” ชายหนุ่มถามราวกับอยากได้คำตอบยืนยันว่ายังมีใจให้กัน
“ก็แค่เก็บไว้ ไม่ได้ใส่เอาไว้ .. หึ ผมน่ะฉลาดแล้วนะ ไม่ได้โง่งมถึงขนาดนั้นหรอก เชิญคุณเอากลับคืนไปได้เลย” ซองมินไม่มีท่าทีว่าจะลดราวาศอกในคำพูดของเขาลงเลย คยูฮยอนไม่คิดจะถือโกรธแม้แต่นิด คนที่ผิดคือเขาต่างหากล่ะ
“ฟังนะซองมิน คือว่าทั้งหมดน่ะ...”
“พอแล้วครับคุณโจวคยูฮยอน!! คุณเลิกยุ่งกับผมทีเถอะ มันไม่มีประโยชน์อะไรหรอก คุณทำแบบนี้ไปเพื่ออะไรกัน คุณอยากมาไถ่โทษเพราะรู้สึกผิดใช่มั้ยล่ะ ถ้าอย่างนั้นคุณก็ทำอย่างเดิมสิ ทิ้งเงินไว้ให้ผมสักก้อนแล้วเขียนโน๊ตสั้นๆว่าลาก่อน แค่นั้นเอง ง่ายจะตายไป”
พระเจ้า .. โจวคยูฮยอนเหมือนกับกำลังถูกก้อนหินหนักๆทับลงมาที่อกให้เขาไม่สามารถพูดอะไรออกไปได้ มันถึงเวลาที่คนโง่อย่างเขาจะเริ่มฉลาดและจัดการเรื่องของตัวเองโดยไม่ต้องทำร้ายคนที่รักได้แล้ว แต่มันคงสายไปใช่ไหม ในเมื่อเขาไม่
สามารถจะเอ่ยเป็นคำพูดออกไปได้
“นายฟังนะซองมิน ฉันน่ะ...”
“พอได้แล้ว ผมเกลียดคุณเหมือนกันนั่นแหละ ได้ยินมั้ยว่าผมเกลียดคุณ!!”
“คิบอม ช่วยพาฉันไปข้างนอกทีสิ ฉันอยากไปข้างนอก” ซองมินที่ไม่ยอมพูดคุยด้วยเหมือนเดิมกลับเอ่ยกับคิบอมอย่างเคย ใบหน้าหวานที่ดูจะคิดมากกำลังขอร้องเขา บอดี้การ์ดหนุ่มยืนนิ่งพลางมองไปยังด้านหลังของอีกฝ่ายที่ปรากฏร่างของเจ้านายตัวเองเดินตามออกมาช้าๆ ซองมินไม่หันไปมองหน้าคยูฮยอน เขาไม่อยากเห็นหน้า หรืออันที่จริงกำลังอยากจะหนีมากกว่า รยออุคยืนขึ้นทั้งที่ในมือจะยังเก็บกวาดพื้นไม่เรียบร้อย เขาเริ่มเห็นอะไรบางอย่างระหว่างสามคนนี้แล้วสิ
“เอ่อ คือ..” คิบอมไม่กล้ารับปากซองมินด้วยเพราะไม่มีคำสั่ง เขามองเจ้า
น่าแปลก .. เจ้านายของเขากล้าจะยอมตามใจผู้ชายธรรมดาๆคนนี้ขนาดนี้เลยหรือ
สวนสนุกเล็กๆในเมืองกลายเป็นที่ที่ซองมินเลือกจะเดินอยู่เงียบๆคนเดียวโดยมีคิบอมเดินตามหลัง เป็นอย่างนั้นอยู่พักใหญ่กว่าที่จะเริ่มรู้สึกตัวว่าเหนื่อยแล้ว
“รอตรงนี้นะ ผมจะไปซื้อน้ำมาให้”
“ไม่เป็นไรหรอก แค่นี้ก็กวนนายมากพอแล้ว”
“เหอะน่ะ”
คิบอมหายไปไม่นานก็กลับมาพร้อมกับน้ำผลไม้กระป๋องในมือ กระป๋องหนึ่งของเขาเองส่วนอีกอันนั้นเขายื่นให้คนที่นั่งรออยู่แล้ว ซองมินรับมันมาดื่มพลางมองไปรอบกายข้างกันกับคิบอมที่นั่งเป็นเพื่อน เสียงหัวเราะของเด็กๆ หนุ่มสาวที่เดินจับมือกันผ่านไป ครอบครัวที่สุขสันต์ ทั้งหมดนี้ทำไมนะเขาถึงได้อิจฉาเสียเหลือ
พอลองได้นั่งเงียบๆแล้วเขาก็ใจเย็นลงอย่างเห็นได้ชัด สำหรับคิบอมนั้นอาจเป็นคนที่ซองมินโมโหน้อยที่สุดก็ได้ ซึ่งอาจ
จะเป็นเพราะว่าอีกฝ่ายไม่ได้หลอกอะไรเขา แต่เท่าที่นึกได้มันก็มีอยู่เรื่องหนึ่งนี่นะ
“นี่คิบอม นายหลอกฉันอยู่เรื่องหนึ่งใช่ไหม”
“หลอกเหรอ อะไรล่ะ”
“ก็ที่นายเคยบอกว่ามีคนมาสมัครงานที่ร้านของฉัน ที่แท้นายก็แค่กุเรื่องขึ้น
“ซองมิน ผมขอโทษนะเรื่องวันนั้นน่ะ วันที่เราดูพลุกัน”
“ช่างเหอะน่ะ .. บอกแล้วไงว่าฉันไม่โกรธหรอก นายคงคิดถึงแฟนเก่ามากไม่งั้นคงไม่มาจูบฉันหรอกจริงไหม”
“เอ่อ ผมแค่อยากขอโทษที่ผม.....”
“บอกแล้วไงว่าไม่เป็นไร อย่าพูดถึงอีกเลย” ซองมินบอกปัดเพราะเวลานี้เขาไม่อยากจะนึกเรื่องไม่เป็นเรื่องเท่าไหร่ คิบอมพยายามจะอธิบายแล้ว ชายหนุ่มกำลังอยากจะขอโทษเรื่องที่เขาโกหกต่างหากล่ะ แต่ซองมินก็ดันไม่ฟังเสียเลย คิบอมจึงต้องเก็บเรื่องนี้เอาไว้ ถ้ามีโอกาสไว้เขาจะบอกแล้วกัน
“นี่คิบอม เราไปเล่นไอ้นั่นกันมั้ย”
“หือ...”
“ก็รถไฟเหอะไง ไม่พอนะ ถ้านายคิดว่าแน่จริงลองเข้าบ้านผีสิงกับฉันซักรอบเป็นไง” จู่ๆรอยยิ้มที่คิบอมไม่คิดว่าจะได้เห็นก็ปรากฎขึ้นมาอย่างน่าประหลาดใจ เขายังอึ้งๆอยู่เลยพยักหน้ารับปากไปเสียแล้ว ซองมินฉุดคิบอมให้ลุกไปกับเขาเพื่อทำในสิ่งที่คิดว่าจะได้ไม่ต้องคิดเรื่องบางอย่างให้ว้าวุ่นใจ
ทั้งหมดระหว่างคนทั้งสองนั้นปรากฏแก่สายตาสองคู่ที่ยืนมองอยู่ในมุมหนึ่งของสวนสนุก คยูฮยอนและรยออุคยืนมองคนทั้งคู่อยู่ตลอดเวลาหลังจากที่ตามมาตั้ง
.. ไอ้บ้าคิบอม นายทำอะไรลงไปวะ จูบคุณซองมินเนี่ยนะ
“เอ่อ ..คุณชายครับ เรายืนอยู่นี่นานแล้วนะ น้ำซักแก้วมั้ยผมจะไปซื้อให้”
ไม่มีคำตอบสำหรับคำถามของรยออุคแต่อย่างใด คยูฮยอนส่ายหน้าให้พลางถอนหายใจเบาๆ เขาเหนื่อยน่ะเหนื่อย แต่มันเหนื่อยใจมากกว่าเป็นไหนๆ
“นายหิวก็ไปหาอะไรกินได้นะ”
“ครับ” รยออุคตอบ แต่ทว่าเขากับคุณชายยังคงยืนมองตามคนทั้งสองที่กำลังสนุกสนานกันอยู่ ใบหน้าคมนิ่งเฉยหากแต่มือกลับกำเข้าหากันแน่น มันแน่นมากเสียจนคนที่ยืนมองชักจะเริ่มเป็นห่วง รยออุคมองดูก็รู้แล้วว่าอะไรเป็นอะไร เพื่อนรักตัวเองชอบคนรักของเจ้านายไม่เท่าไหร่ แต่ในเวลาปัญหาแบบนี้ เจ้านายที่ยืนมองคนรักของตัวเองมีความสุขอยู่กับลูกน้องนี่สิ ไหนจะเรื่องที่ได้ยินนั่นอีก เห็นแล้วเขาหนักใจอย่างบอกไม่ถูกเลยล่ะ
คยูฮยอนตัดสินใจกลับไปรอที่บ้านโดยมีรยออุคขับรถให้อย่างรู้ใจ ระหว่างทางใบหน้าคมของผู้เป็นนายก็เอาแต่นิ่งทั้งที่ในใจขบคิดไปต่างๆนานา
“เอ่อ .. คุณชาย...”
“เรื่องพ่อกับแม่เคลียร์แล้วนะ นาย
“ครับ คุณชาย”
ทั้งรถเงียบไปอีกทีเมื่อบทสนทนาสั้นๆที่เข้าใจแค่ระหว่างกันได้จบลง
เวลาล่วงเลยจนค่ำแล้ว พระจันทร์ลอยเด่นขึ้นมาบนท้องฟ้าพร้อมกับอากาศที่เย็นลงมาก ซองมินถึงได้กลับมาที่บ้านพร้อมกับคิบอมที่ตัวติดกันมาตลอดทั้งวัน เป็นอย่างที่คิดว่ารยออุคยังอยู่ที่บ้าน ซองมินพยายามไม่แม้จะอยากมองหน้าอีกฝ่าย ในเมื่อที่นี่ก็เหมือนกับไม่ใช่ที่ของเขาอยู่แล้ว ใครอยากทำอะไรก็เชิญ
“คุณซองมิน ไปเที่ยวที่ไหนมาเหรอครับ” รยออุคยังพยายามยิ้มถามออกไป
“ก็ สวนสนุกน่ะ ไม่ได้ไปไหนหรอก” ถึงกระนั้นคนมารยาทดีที่ด่าใครไม่เป็นนักก็ยิ้มให้ตามปกติ ร่างเล็กเดินผ่านคนที่เคยได้ชื่อว่าลูกน้องที่หวังดีของเขาไปด้วยความผิดหวัง ซองมินไม่ได้เกลียดรยออุคหรอกนะ แต่สำหรับที่ผ่านมามันก็ทำให้เขาเสียใจได้มากพอสมควร .. เสียใจที่ถูกหลอกลวงโดยคนที่ตัวเองไว้ใจที่สุดคนหนึ่ง
รยออุคพูดไม่ออกกับท่าทางเฉยเมยกันแบบนั้น ทำอาชีพนี้มาก็นาน แต่เขาไม่รู้มา
เสียงเครื่องยนต์ดังขึ้นและหายไปอย่างรวดเร็วทำให้คุณเจ้าของบ้านที่เหมือนไม่สนใจต้องเดินออกมายืนชะเง้อมองเหตุการณ์ ซองมินไม่รู้หรอกว่ามันเรื่องอะไร แต่มันไม่ใช่ธุระของเขาเลยสักนิด ร่างเล็กไม่คิดจะสนใจจึงหันกลับไปยังห้องนอน เขาคงกำลังลืมบางอย่างไปแล้ว แต่พอเปิดประตูห้องเข้าไปก็ต้องชะงักในทันที
แสงสลัวจากพระจันทร์ด้านนอกสาดส่องเขามาให้สว่างพอจะดูออกว่าใครบางคนกำลังนั่งทำอะไรอยู่ที่มุมหนึ่งของห้อง
“คุณยังไม่กลับ....” ซองมินเอ่ยถามคนที่มองมายังเขาในความมืด ร่างสูงนั่งไขว้ขาพลางยกแก้วบรั่นดีในมือขึ้นดื่ม เขายกมันขึ้นดื่มจนหมดแล้วรินจากขวดแก้วลงไปใหม่ราวกับมันคือน้ำเปล่า กลิ่นแอลกอฮอล์คละคลุ้งไปทั้งห้อง
“ไง .. ไปเที่ยวไหนกันมา หมอนั่นคงทำให้สนุกมากเลยสินะ” คยูฮยอนเอ่ยเรียบๆแต่ชายหนุ่มกลับปิดเสียงกลั้วหัวเราะในคอไม่มิด คนฟังหน้าขึ้นสีทันทีด้วยความไม่พอใจเมื่อได้ยิน ทำไมซองมินจะไม่รู้ความหมายที่อีกฝ่ายต้องการจะสื่อ
“ใช่ ผมสนุกแล้วก็มีความสุขมาก .. ทำไมเหรอ คุณไม่เคยมีช่วงเวลาอย่างนั้นหรือไง” เสียงเล็กเอ่ยกลับไปอย่างไม่ยอมแพ้ ซองมินแสร้งเข้มแข็งทั้งที่ความจริงแล้วเขากำลังทนไม่ไหว ช่วงเวลาสั้นๆเท่านั้นที่สนุกอยู่กับคิบอมแล้วลืมเรื่องพวกนี้ แต่ตอนนี้สิ เขากลับลืมเรื่องสนุกไปหมดแล้วต่างหาก
“หึ ..ปากดีสมกับเป็นนายจริงๆเลยนะ” เสียงทุ้มที่รู้ตัวดีกว่ากำลังเมามากเอ่ยออกไปอย่างที่ใจคิด แต่เขาจะรู้ไหมว่ามันทำให้คนฟังเจ็บซ้ำแล้วซ้ำเล่า ร่างเล็กกำมืออย่างพยายามอดทน เขาอยากไล่ผู้ชายคนนี้ออกไปจากที่นี่เสียจริงๆ
“คุณเมามากแล้ว ผมไม่อยากจะใจร้ายไล่ออกไปตอนนี้หรอกนะ เพราะงั้นก็ถือซะว่าผมให้คุณยืมห้องแล้วกัน พรุ่งนี้แล้วก็หวังว่าคุณจะไม่ได้อยู่ที่นี่อีก” ซองมิน
“หยุดอยู่ตรงนั้นแหละ .. คิดว่านายเป็นใครกันอีซองมิน”
.. คิดว่าเป็นใครกัน ถึงได้มาทำให้ฉันต้องคิดถึงแต่นายแบบนี้
“ผมน่ะเหรอ ก็แค่คนโง่ๆคนหนึ่งที่ถูกคนฉลาดอย่างคุณหลอกเอา .. พอใจรึยัง แล้วก็ถ้าไม่มีธุระผมก็อยากให้คุณไปจากที่นี่ เข้าใจรึเปล่า” เมื่อคนหนึ่งหมดความอดทน อีกคนก็ใช่ว่าจะอดทนอีกต่อไป คยูฮยอนกระแทกแก้วเหล้าลงกับโต๊ะตัวเล็กก่อนจะตรงปรี่เข้ามาหาซองมินที่ยืนสู้หน้าไม่ถอยไปไหน ใบหน้าคมยกยิ้มขึ้นพลางมองสำรวจคนตัวเล็กไปทั่งทั้งร่าง ความเมาไม่ได้ทำให้เขาขาดสติขนาดนั้นหรอก เขารู้ตัวดีว่าตัวเองทำอะไร และรู้สึกอะไรจึงพูดออกไป
“หึ... แบบนี้ก็ไม่แปลกหรอกนะที่คิบอมมันจะชอบ ตอนฉันไม่อยู่มันชวนทำอะไรบ้างล่ะ จูบกันไปกี่รอบแล้ว...” พูดได้แค่นั้นใบหน้าคมก็ต้องหันไปตามแรงของมือบางที่ฟาดลงบนหน้าของเขา
“คุณมันเลวจริงๆ!! คิดว่าการที่หลอกผมให้มาเป็นของเล่นของคุณได้น่ะมันแน่นักหรือไง คนโง่ๆอย่างผมไม่ใช่จะรักใครก็ได้หรอกนะ” ซองมินโกรธมากที่ถูกกล่าวหา ใจหนึ่งก็สงสัยว่าที่คยูฮยอนพูดหมายถึงอะไร แต่ก็ช่างมันเป็นไรในเมื่อเขากับคิบอมไม่ได้มีอะไรอย่างที่คิด ที่สำคัญพูดไปก็ไม่ฟังอยู่ดี
เหมือนสวรรค์กลั่นแกล้งให้ความในใจส่งผ่านไปไม่ถึงกัน คยูฮยอนจ้องลึกลงมาในตาคู่สวยท่ามกลางแสงสลัวจากพระจันทร์ด้านนอก ชายหนุ่มอยากจะบอกเหลือเกินว่าเขาไม่พอใจแค่ไหน ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าซองมินไม่ได้คิดอะไรแต่ในเวลานี้
คยูฮยอนคงไม่มีสติพอจะเก็บความรู้สึกเอาไว้ อีกเรื่องที่อยากจะเอ่ยอธิบายให้เข้าใจก็ดันต้องปัดมันไปเพราะทุกอย่างมันดันไม่เป็นใจเอาเสียเลย ไม่ได้อยากจะทำร้ายหรอกนะ แต่ร่างตรงหน้าที่กำลังจะเดินหนีมันทำให้เขาต้องคว้าตัวเอาไว้ คยูฮยอนฉุดแขนของซองมินอย่างแรงให้ทั้งร่างต้องเซเข้าปะทะกับอกของเขา
“ผมเจ็บนะ .. ”
“เจ็บสิดี นายจะได้ไม่ต้องเดินหนีฉันอีก”
“คุณมันบ้า คุณเมามากแล้วรีบไปนอนจะดีกว่า”
“ไม่!! ฉันรู้ดีว่ากำลังทำอะไร ...”
“ก็เรื่องของคุณ
คยูฮยอนบดขยี้อารมณ์ลงมาอย่างไม่ลดละ พักใหญ่รสจูบที่หนักหน่วงก็ดึงให้น้ำตาเม็ดโตของคนถูกเอาเปรียบต้องร่วงหล่น ร่างสูงหยุดการกระทำลงแต่เขากลับถูกตบหน้าเป็นครั้งที่สอง ดวงตากลมที่เต็มไปด้วยน้ำตากำลังมองเขาอย่างเคียดแค้น
“ถ้าไม่ได้ประสงค์ดีกันแต่แรก ก็กรุณาอย่าทำกับผมแบบนี้”
“..................”
“แล้วก็อย่าพาลว่าคนอื่น เพราะคิบอมเค้าไม่เหมือนคุณ” ซองมินไม่ได้ตั้งใจจะปกป้องใคร เขาแค่พูดไปตามความถูกต้อง แต่นั่นกลับทำให้คนฟังคิดตรงกันข้าม
“คนโง่ๆคนนี้ หวังว่าจะไม่ต้องเห็นหน้าคุณอีก” ซองมินเอ่ยเสียงเย็นบาดลึกลงไปในใจของคยูฮยอน คนฟังใจหายเพราะกลัวเหลือเกินว่าอีกฝ่ายจะหมดรัก แต่มีหรือที่คุณชายคนนี้จะยอมง่ายๆ เขาคว้าเอาคนที่กำลังจะเดินหนีไปเข้าหาตัวอีกครั้ง คราวนี้แววตาดุดันจดจ้องลงมาอย่างไม่มีทีท่าจะหาความอ่อนโยนได้เลย และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่ซองมินรู้สึกกลัวขึ้นมาจับใจ
“ปล่อยผมนะ เราไม่ได้เป็นอะไรกัน เพราะงั้นอย่ามาแตะตัวผม” ซองมินดันตัวเองออกจากคยูฮยอนที่ยังคงตั้งใจล็อคตัวของเขาเอาไว้ มือบางทุบอีกฝ่ายเพราะหมดความอดทน แต่นั่นย่อมแพ้ความขุ่นมัวในใจของอีกคนที่มีมากกว่าเป็นไหนๆ
คยูฮยอนย้ำตัวเองว่าเขาไม่ได้เมา ทุกอย่างที่ทำนั้นรู้ตัวดี หากจะเมาก็เพราะฤทธิ์
อยากกอดมากแค่ไหน อีกฝ่ายคงไม่เข้าใจ ที่เขาแสดงออกไปจึงเป็นแค่การทำตามใจอย่างรุนแรง
“โอ๊ย .. เจ็บนะ ปล่อยผม” ซองมินร้องลั่นเมื่อทั้งร่างถูกรวบเข้าไปกอดไว้แน่น ใบหน้าคมฉกฉวยหาโอกาสจากคนในอ้อมกอดอย่างบ้าคลั่ง จะให้บอกไหมว่าเขาคิดถึงแค่ไหน ให้บอกหรือไม่ว่าอดทนทำทุกอย่างเพราะอะไร แล้วจู่ๆไอ้ลูกน้องตัวดีนั่นดันได้จูบและรอยยิ้มของคนที่เขาหวงแหนไป ขณะที่ตัวเขาเองต้องพบกับคำว่าเกลียดที่อีกฝ่ายตั้งใจมอบให้ อย่าโทษใครเลย ต้นเหตุเพราะตัวเองทั้งนั้น น่าสมเพชสิ้นดีไหมล่ะ.. โจว คยูฮยอน
แรงอารมณ์กำลังปะทุขึ้นมา ยามเมื่อความหึงหวงตีแผ่ไปทั้งความคิด
ร่างเล็กแม้จะดิ้นเท่าไหร่ก็ไม่สามารถหลุดออกไปจากการกระทำป่าเถื่อนนี้ได้ ซองมินเก็บก้อนสะอื้นไว้เพื่อไม่แสดงความอ่อนแอออกมา รักมากแค่ไหนแต่ในใจมันเจ็บกว่านัก
“ผมเกลียดคุณ เกลียดคุณที่สุด!!” เสียงหวานสั่นเครือตะโกนขึ้นข้างหูของคนที่สนุกกับการย่ำยีความรู้สึกของเขา ใบหน้าคมยกยิ้มขึ้นกับซอกคอขาวเนียนที่เขาไม่อยากจะละจากไป คยูฮยอนเอ่ยตอบอย่างไร้ซึ่งความเห็นใจ
“งั้นเหรอ .. เกลียดนักก็ช่วยไม่ได้นะ ในเมื่อเกลียดไปแล้วก็เกลียดให้มันถึงที่สุดเลยแล้วกัน” แม้จะพูดอย่างนั้น แต่อีกนัยกลับเป็นการตอกย้ำตัวเอง คยูฮยอนอยากจะอ่อนโยนด้วยหรอกนะ หากว่าซองมินไม่มีทีท่าจะหนีเขาไปอีก ร่างสูงจำต้องรั้งอีกฝ่ายให้ไว้ ทว่าความไม่ตั้งใจกลับทำให้คยูฮยอนต้องผลักซองมินลงไปที่เตียง ร่างสูงจึงถือโอกาสล้มตัวตามลงไป คนตรงหน้าที่ยิ่งถดกายหนีเท่าไหร่เขาก็ยิ่งไม่พอใจเท่านั้น
“จะทำอะไรน่ะ ออกไปนะ..”
“ไม่มีทางหรอก อย่าคิดหนีให้ยากเลย” เสียงทุ้มว่าแล้วก็ดึงร่างเล็กเข้าหาตัวก่อนจะล็อคข้อมือให้จมลึกลงไปกับที่นอน ใบหน้าข่าวผ่องแดงก่ำเพราะการร้องไห้ ดวงตาช้ำต่อว่าคยูฮยอนคนที่เขาเกลียดแสนเกลียด
“ปล่อยผม บอกให้ปล่อย”
“บอกแล้วไงว่าไม่ ทำไมเหรอ รังเกียจฉันขนาดนั้นเลย”
“หยุดเถอะนะ ผมขอร้อง คุณเมามากแล้วนะรู้ตัวมั้ย”
“ฉันไม่ได้เมา นายเอาอะไรมาตัดสินกันฮะ”
“ก็ที่ทำอยู่นี่ไงล่ะ คุณทำแบบนี้ทำไม คุณกลับไปหาคนที่คุณรักไม่ดีกว่าเหรอ”
“เพื่อให้นายได้อยู่กับคนอื่นที่ไม่ใช่ฉันงั้นสิ”
“พูดอะไรน่ะ ผมไม่...”
“อย่าพูดเลยอีซองมิน .. หึ อย่าทำหน้าแบบนี้สิ อย่าทำเหมือนเราไม่เคยมีอะไรกัน” ประโยคแทงใจดังเข้าไปเต็มสองหูของคนที่นอนหวาดกลัวอยู่ใต้ร่าง ซองมินไม่อยากจะนึกหรอกนะว่าเขาเคยมีอะไรกับคยูฮยอนที่เป็นแบบนี้หรือไม่ คุณชายคนไม่เอาไหนในสายตาของเขาที่เคยบอกว่ารักกันนั้นแม้จะเอาแต่ใจแค่ไหนก็ไม่เคยทำรุนแรงกับเขาอย่างนี้ นึกแล้วน้ำตาก็พาลจะไหลออกมาอีก
“ร้องไห้ทำไม เกลียดฉันมากใช่มั้ย บอกมาสิเหมือนเมื่อกี้ไง”
“ฮึก .. ใช่ ผมเกลียดคุณ เกลียดๆๆๆๆๆ เข้าใจมั้ยว่าผมเกลียด ............” พูดไม่ทันจบเรียวปากอิ่มก็ถูกปิดลงด้วยจูบอันหนักหน่วงอีกครั้ง คยูฮยอนไม่อยากจะได้ยินมันอีกต่อไป เขาหมดความอดทนแล้วสิ ร่างกายนุ่มที่ดิ้นไปมาภายใต้อ้อมแขนแกร่งยิ่งกระตุ้นอารมณ์อันเดือดดาลอย่างไม่มีเหตุผลให้โหมกระพือขึ้น คยูฮยอนใช้กำลังที่มีปลุกปล้ำซองมินอย่างบ้าคลั่ง เสื้อตัวบางถูกเขาดึงออกไปให้พ้นร่าง ผิวกายเปลือยเปล่าจึงถูกบดเบียดยัดเยียดความใคร่จากคนด้านบนอย่างไม่มีทีท่าจะปราณีกัน ความร้อนแผ่กระจายไปทั่งทั้งร่างกายเมื่อยามที่สองร่างกอดเกี่ยวแนบชิด หยดน้ำตาร่วงหล่นคราใดคนใจร้ายก็หาได้สนใจไม่ โจวคยูฮยอนทั้งโกรธทั้งเสียใจจนลืมไปแล้วว่าคนตรงหน้าไม่ได้ทำอะไรผิดเลยแม้แต่นิด
“ฮึก .. ทำแบบนี้กับผมทำไม คนใจร้าย ผะ ผมเกลียดคุณ ..ฮึก...” เสียงสะอื้นไห้กล่าวตัดพ้อในยามที่ร่างกายถูกโถมแรงลงมาจนหาที่ยึดเหนี่ยวไม่ได้
.. ไม่แปลกหรอก เพราะมันไม่ได้มาจากความรัก
เมื่อความต้องการสิ้นสุด เมื่อบทรักอันแสนเจ็บปวดอันยาวนานได้จบลง คนถูกกระทำก็หมดสติหลับไปในทันที
“อา....” เสียงทุ้มครางต่ำเมื่อเขาเสร็จสิ้นและหยุดทุกอย่างลง ใบหน้าคมฟุบลงข้างกับแก้มขาวเนียนที่ถูกเขาทั้งกอดทั้งจูบจนหนำใจ คยูฮยอนเงยขึ้นเห็นว่าซองมินหลับไปจึงเขย่าที่ใบหน้าเบาๆ รอยแดงช้ำตามเรียวแขนจากฝีมือของเขาและหยาดน้ำตาที่เปรอะเต็มหน้าในตอนนี้ดึงให้ความนึกคิดของคนที่มองอยู่หวนกลับมา ร่างสูงยันตัวเองขึ้นมองคนในอ้อมกอดให้เต็มตาก่อนจะนิ่งไปพักใหญ่
“โธ่เว้ย...”
เสียงทุ้มสบถเบาๆกับตัวเองที่ทำอะไรลงไปไม่คิด เขาก้มลงแนบ
“นายคงไม่อยากฟัง .. แต่ฉันขอโทษ”
ความปวดแปลบแผ่กระจายไปทั่วร่างกายทุกอณู แต่อย่างน้อยในใจของเขาก็มั่นใจว่าไม่นานมันจะผ่านไป .. ตามกาลเวลา
อ้อมแขนแกร่งเปรียบดั่งคีมเหล็กที่ใช้ทำร้ายร่างกายอีกคนให้ต้องชอกช้ำ สุดท้ายก็ยังคงกอดไว้แนบกายตลอดทั้งคืนเช่นกัน แต่ยามเช้าที่ไม่ค่อยสดใสเท่าใดนัก คนที่รู้สึกผิดกลับตื่นขึ้นมาพบเพียงความว่างเปล่า ที่นอนซึ่งยับยู่และร่องรอยต่างๆจากเรื่องเมื่อคืนยิ่งตอกย้ำให้เจ็บใจตัวเองมากไปกว่าเก่า คยูฮยอนถอนหายใจอย่างหัวเสียก่อนสักพักความกลัวจะปราดเข้ามาในสมองอย่างทุกทีเหมือนคนบ้า คยูฮยอนรีบคว้าเอาเสื้อขึ้นสวมแล้ววิ่งออกจากห้องเพื่อไปยังส่วนที่เป็นหน้าร้านดอกไม้ ภาพที่เห็นทำให้เขาต้องถอนหายใจอย่างโล่งอก .. อีซองมินปลอดภัยดี
ชายหนุ่มยืนมองอีกฝ่ายเงียบๆอย่างคนไม่มีสิทธิ์ ร่างเล็กในชุดลำลองปกติที่ทับอีกทีด้วยผ้ากันเปื้อนด้านหน้ากำลังทำหน้าที่เจ้าของร้านคนเดียวอย่างทุกที จะต่างไปก็คือความสดใสที่เคยมี ตอนนี้เหลือเพียงแต่ความหม่นหมองในดวงตาคู่นั้น
คยูฮยอนนึกถึงแต่ก่อนที่เขาเคยมายืนตรงนี้ วันที่เคยจีบอีซองมิน วันนั้นที่เก็บความในใจไว้ไม่อยู่จึงต้องบอกรักออกไป และหากจะย้อนเวลากลับไปในวันแรกที่เจอกัน เขาก็ไม่นึกด้วยซ้ำว่าจากที่แค่คิดเล่นๆมันจะมาถึงขึ้นนี้ได้ รอยแดงเป็นจ้ำที่เรียวแขนขาและลำคอของซองมินปราฎแก่สายตาของคยูฮยอนเป็นอย่างดี เกลียด
“อ๊ะ ..บ้าจริง” เสียงเอ็ดตัวเองดังขึ้นเมื่อความเจ็บเกิดขึ้นที่ปลายนิ้ว หนามกุหลาบช่อโตปักเข้าเต็มๆให้เลือดหยดออกมา ซองมินเบื่อตัวเองเต็มทีกับความไม่เอาไหน ไม่รู้ว่าเพราะซุ่มซ่ามจนเป็นนิสัยหรือเหม่ออะไรกันแน่ ก้มดูที่นิ้วของตัวเองก็อดนึกถึงเรื่องในวันวานไม่ได้ วันนั้นที่เป็นแบบนี้ คิดได้ไม่เท่าไหร่บางเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นนั้นก็กำลังเกิดซ้ำอีกอย่างไม่น่าเชื่อ คยูฮยอนที่โผล่เข้ามารีบคว้ามือของซองมินไปดูอย่างเป็นห่วง ใบหน้าหวานหม่นลงเมื่อยามมองคนตรงหน้า คิดถึงเรื่องในวันนั้นที่เขาฝันไปเองคนเดียว ทั้งที่มันไม่จริงสักนิด .. ไม่จริงเลย
“ทำอะไรน่ะ...” ซองมินรีบดึงมือตัวเองออกมาอย่างรวดเร็วเมื่อนึกขึ้นได้ เขาไม่อยากได้ความหวังดีนั่นอีก นั่นมันก็แค่การหลอกลวงอย่างไม่คิดจริงจังอะไร
“เลือดนายออก”
“ไม่เป็นไร แค่นี้เจ็บไม่ถึงตาย .. ไม่เท่าเมื่อคืนหรอก”
“............” คยูฮยอนได้ยินอย่างนั้นก็ไม่สามารถจะเอ่ยอะไรออกมาได้อีก คุณชายที่แสนอวดดีและขี้เอาแต่ใจคนเดิมหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ แล้วคุณชายใจร้ายที่ตัดเยื่อใยกันให้ขาดไม่มีชิ้นดีเสียหลายครั้งก็ไม่รู้ว่าไปอยู่ไหนแล้วเหมือนกัน ตอนนี้มีแค่คุณชาย คนที่ไม่แทบเหลือสิทธิ์เหล่านั้นอีกแล้ว
ความหวังดีถูกปฏิเสธพร้อมทั้งผลักไส คยูฮยอนทำเหมือนจะบอกอะไรกับซองมิน แต่แล้วลูกค้าของร้านที่แวะมาแต่เช้าก็เปิดประตูเข้ามาเสียก่อน คุณเจ้าของร้านจึงปรับสีหน้าหันไปยิ้มรับตามหน้าที่ ทิ้งให้อีกคนยืนมองอยู่ห่างๆ
วันทั้งวันผ่านไปโดยที่คยูฮยอนแทบจะไม่ได้ทำอะไรเลย ชายหนุ่มทำราวกับคนว่างงานที่นอนอยู่บ้านเฉยๆ เขาใช้เวลาทั้งหมดไตร่ตรองและจัดการบางอย่างทางโทรศัพท์เป็นระยะขณะเดียวกันต่อให้อีกคนจะไม่สนใจเขาก็ช่างปะไร
“ทำอะไรน่ะ” ซองมินถามขึ้นเมื่อคยูฮยอนเข้ามายืนถือนู่นจัดนี่ข้างๆเขา
“ก็ทำหน้าที่ที่เคยทำไง” เสียงทุ้มหันมาตอบกับคนข้างกายที่ทำทีจะต่อว่าเขาขึ้นมาเพราะไม่พอใจ เขาจึงต้องรีบปรามขึ้นก่อน
“แน่ะ .. อย่าเรื่องมากนักเลย ไม่เห็นรึไงว่าลูกค้ารออยู่ รีบจัดเข้าสิ”
“ไม่ ออกไปเดี๋ยวนี้นะ ไม่งั้นผมจะ ....”
“จะอะไร ลูกค้ามองแล้วเห็นมั้ยนั่น” คยูฮยอนกระทุ้งซองมินเบาๆเมื่อท่า
ซองมินไม่ยอมรับเขาอีกแล้ว คนๆนี้ไม่มีวันจะยอมคิดกับเขาอย่างเดิมได้หรอก แล้วเรื่องเมื่อคืนนั่นอีก
เมื่อร้านปิดลงความเงียบทั้งหมดที่รอจะเข้ามาเยือนก็พลันเกิดขึ้นในทันที คุณเจ้าของบ้านไม่ได้ไล่แขกคนเดิมที่หน้าทนอยู่ต่อเพราะรู้ว่ามันไม่มีประโยชน์อะไร ที่สำคัญคือเขาไม่อยากจะพูดด้วยมากกว่า หลายครั้งที่ซองมินต้องแอบร้องไห้คนเดียวเพราะยังเสียใจกับเรื่องเดิมๆที่ไม่ว่าจะบอกให้ตัวเองเข้มแข็งแค่ไหน เอาเข้าจริงมันก็ยังลืมไม่ได้ แล้วยิ่งต้องมาเห็นหน้ากันอยู่อย่างนี้มันยิ่งเจ็บไปกว่าเก่า และสิ่งที่ทำให้ไม่เข้าใจก็คือว่าทำไมเมื่อคืนถึงต้องทำกับเขาอย่างนั้น หรือเพราะยังเห็นเป็นที่ระบายความใคร่ .. ใจร้ายเกินไปแล้ว ทำร้ายจิตใจกันมามากแล้วยังต้องการเรื่องอย่างนี้จากเขาอีก
แม้จะไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์แต่รยออุคและคิบอมก็พอจะมองออกว่าเมื่อคืนนี้เกิดอะไรขึ้น ถึงในสายตาของสองบอดี้การ์ดหนุ่มจะคิดว่ามันออกจะรุนแรงเกินไปหน่อยสำหรับรอยแดงตามตัวของคุณเจ้าของร้าน แต่พวกเขาก็ใช่ว่าจะมีสิทธิ์ไปออกความคิดเห็นอะไรกับเรื่องของเจ้านายได้ ที่สำคัญเขาทั้งสองก็รู้ดีว่าคุณชายคงไม่ได้ตั้งใจ แต่รยออุคที่พอจะรู้สาเหตุเมื่อเล่าให้คิบอมฟังจึงลงความเห็นว่ามันน่าจะเป็นอย่างนั้นจริงๆ นอกจากความเครียดบวกกับความหึงแล้วยังมาเจอเหล้าเข้าไปอีก เลยคงจะคุมตัวเองไม่อยู่ คิบอมคิดว่าตัวเองไม่น่าพูดเรื่องวันดูพลุกับซองมินออกไปในตอนนั้นเลย คุณซองมินเลยต้องมาเจ็บตัวเพราะความโกรธของคุณชายของเขา
ระหว่างที่ซองมินอยู่ในบ้านของค่ำวันหนึ่ง ด้านนอกตรงโต๊ะไม้ตัวเดิมที่
“ชอบเหรอ” เสียงทุ้มเอ่ยถามสั้นๆกับหนึ่งในสองคนตรงหน้าของเขา บรรยากาศเริ่มจะอึดอัดเมื่อเสียงนิ่งๆนั้นไม่พูดอะไรออกมาอีกนอกจากจ้องหน้า
“ครับ”
“หึ .. กล้าดีนะ ฉันให้นายมาดูแล แต่ดันไปทำมากกว่านั้นซะได้”
“คุณชายคงได้ยินแล้ว ผมขอโทษ ผมผิดเอง แต่คุณซองมินเค้าไม่ได้....”
“ไม่ต้องรีบออกตัวปกป้องกันขนาดนั้นหรอกน่ะ”
“ไม่ใช่นะครับ ผมแค่เอ่ยตามความจริง คุณซองมินเค้าไม่เคยมองคนอื่นนอกจากคุณชายเลย เพราะงั้นถ้าคุณชายจะโกรธก็มาลงที่ผมเถอะ”
“พอแล้ว อย่ามาทำปกป้องกันขนาดนั้นเลย ฉันไม่ชอบ”
คยูฮยอนเอ่ยออกมาตรงๆ และมันก็มากพอจะทำให้บรรยากาศแย่ลงไปอีก
“ฉันรู้หรอกน่ะ .. หึ ก็ไม่ได้ว่าอะไรเสียหน่อย ในฐานะที่นายทำงานที่ฉันมอบ
“สำหรับเค้าแล้ว ไม่ผิดหรอกนะที่ใครจะชอบ ใครจะรัก ยิ่งอยู่ใกล้ก็ยิ่งห้ามใจไม่ไหวใช่ไหมล่ะ .. เพราะตั้งแต่แรกแล้วที่ฉันไม่เคยทำมันได้เลย”
ไม่กี่วันผ่านไปอย่างเชื่องช้า คนสองคนอยู่ด้วยกันแต่สามารถนับคำพูดกันได้เลยทีเดียว สุดท้ายคนที่ทนไม่ไหวจึงต้องเอ่ยปากถามในสิ่งที่คาใจมานาน
“ทำไมไม่กลับไปหาภรรยาของคุณ แล้วที่ทำอยู่นี่ต้องการอะไร บอกผมมา
“แล้วถ้าบอกไป นายจะเชื่อฉันได้รึเปล่า”
แค่สองประโยคที่เดิมพันด้วยคำตอบระหว่างสองหัวใจ ต่างฝ่ายต่างยืนจ้อง
ช่างเถอะ .. มันคงเป็นเรื่องสำคัญ ส่วนตัวเขาเองก็แค่ส่วนประกอบที่ความ
อีซองมินต้องเจ็บปวดอยู่กับสิ่งที่ตัวเองไม่เคยรู้อะไร ที่จริงแล้วเขาเองไม่เคยรู้อะไรตั้งแต่เริ่มเลยมากกว่า เพราะไม่มีใครอยากจะหยิบยื่นเรื่องอะไรให้เขารู้
เหมือนกับใจสลายอยู่ท่ามกลางความเงียบงัน
เขาไม่รู้อะไรเลย ไม่รู้สักนิด ไม่รู้ว่าตอนที่แอบร้องไห้ ทุกเสียงสะอื้น ทุกหยาดน้ำตามันจะบาดลึกลงไปในใจของใครบางคนที่แอบมองอยู่ห่างๆ
.. ไม่รู้แม้กระทั่งว่าสำหรับผู้ชายคนหนึ่งแล้ว .. ตัวเองจะสำคัญมากแค่ไหน
.
.
Tbc. Chapter 6
ในที่สุดก็เปิดจองรวมเล่มเรื่องนี้รอบพิเศษจนได้ค่ะ (มีแต่คนถามเลยเปิดเลยละกัน .. แอบเหนื่อยไม่ไหว โหะๆๆ = =)
ขอบคุณที่ติดตามกันนะคะ ((_ _))
ความคิดเห็น