ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic SJ] Strawberry Lee Donghae [EunHae, WonKyu]

    ลำดับตอนที่ #11 : chapter 10 ก็เราเป็นแฟนกัน...ไม่ใช่เหรอ?

    • อัปเดตล่าสุด 26 เม.ย. 54


     

    Chapter 10

     

                เสียงรถยนต์เข้ามาจอดเทียบอยู่หน้าบ้านทำให้ทงเฮชะโงกหน้าออกไปดู ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มสวยออกมาอย่างดีใจเมื่อเห็นฮยอกแจขับรถมารับเขา

     

                บางทีวันนี้ทงเฮอาจจะต้องใช้เวลาแต่งตัวให้นานขึ้น

     

     

     

                “คุณหนูฮยอกแจ”

     

                นางทงจาเอ่ยเรียกร่างโปร่งที่เดินเข้ามาในบ้านหลังเล็กๆ ของตัวเองอย่างตกใจ ฮยอกแจโค้งศีรษะทักทายอย่างนอบน้อม ไม่ได้คิดว่านางทงเฮเคยเป็นคนรับใช้ในบ้านของตัวเองมาก่อนเลยสักนิด

     

                “ทงเฮล่ะครับ” ฮยอกแจเอ่ยถามพลางกวาดสายตามองไปรอบๆ ตุ๊กตาผ้ามากมายวางเกลื่อนเต็มพื้นบ้านจนทงจารู้สึกละอายใจ

     

                “ทงเฮอยู่ในห้องค่ะ คงกำลังแต่งตัวเตรียมไปเรียน”

     

                “งั้นเดี๋ยวผมนั่งรอ...”

     

                “อย่าเลยค่ะคุณหนู ที่พื้นมีแต่เศษผ้าเต็มไปหมด เดี๋ยวกางเกงจะเปื้อนเปล่าๆ” แม่ของทงเฮรีบชิงบอกก่อนที่    ฮยอกแจจะย่อตัวนั่งลงที่พื้น บ้านของเธอไม่ได้มีเฟอร์นิเจอร์ไว้ต้อนรับแขกเลย ลำพังแค่จ่ายค่าเช่าในแต่ละเดือนก็ต้องรับจ้างเย็บตุ๊กตาจนหัวหมุนแล้ว จะไปหาซื้อของแพงๆ แบบนั้นได้อย่างไร

     

                “ผมไม่กลัวเปื้อน แต่กลัวเมื่อยครับ” ฮยอกแจพูดติดตลก ก่อนจะนั่งลงทันที

     

                ความเงียบแผ่กระจายไปทั่วทั้งห้องเมื่อทงจารีบก้มหน้าก้มตาเย็บตุ๊กตาผ้าทั้งหมดให้เสร็จทันตามเวลา ฮยอกแจมองภาพนั้นแล้วก็อดนึกโทษตัวเองไม่ได้ เพราะในตอนนั้นเขาเด็กเกินกว่าจะปกป้องใครได้ หรืออาจจะเป็นเพราะฮยอกแจไม่มีความกล้าหาญพอก็ตาม     

     

                สุดท้ายผลลัพธ์มันก็เหมือนเดิม

     

                คือทงเฮและแม่ต้องมาอยู่ในสภาพแบบนี้

     

                “คุณหนูทานอะไรมาหรือยังคะ” ทงจาเอ่ยถามขึ้นทำลายความเงียบ

     

                “ถ้ายัง ป้าจะทำให้ผมทานไหมล่ะครับ”

     

                “คือว่า...”

     

                “ผมยังอยากกินข้าวฝีมือป้า อยากกินไปพร้อมๆ กับทงเฮ” คำพูดที่ชวนรำลึกถึงอดีตทำให้ทงจาลดมือลง ก่อนจะมองหน้าฮยอกแจแล้วถอนหายใจบางๆ ก่อนจะเอ่ยถามขึ้น

     

                “คุณหนูรักทงเฮเหรอคะ?”

     

               

     

                ทงเฮรีบวิ่งออกไปนอกบ้านหลังจากแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว หากแต่ร่างบางกลับเดินคอตกเข้ามาด้านในอีกครั้ง ก่อนจะโพล่งถามคนเป็นแม่

     

                “ฮยอกแจไปแล้วเหรอครับแม่”

     

                “อืม” เธอส่งเสียงอยู่ในลำคอขณะที่ตอบคำถามลูกชาย ในมือยังคงเอาแต่เย็บตุ๊กตา ไม่คิดจะเงยหน้าขึ้นสบตา คนเป็นลูกเลยแม้แต่นิด

     

                “แม่ไม่ได้บอกเหรอครับว่าผมอยู่ในห้อง”

     

                “บอก...”

     

                “แล้วทำไม...”

     

                “คุณหนูฮยอกแจมีธุระด่วน ลูกเองก็รีบไปเรียนเถอะ มันสายมากแล้ว”

     

                ทงเฮได้แต่ยืนตัวชาอยู่ที่เดิม แม่ของเขาลุกหนีออกไปเข้าห้องน้ำราวกับกลัวว่าจะถูกซักไซ้อะไรอีก ทงเฮไม่รู้หรอก ว่าภายใต้ความเย็นชาของแม่นั้น แม่ต้องปวดใจมากแค่ไหนที่ทำร้ายลูก เมื่อประตูห้องน้ำปิดลง เธอก็ทรุดนั่งและร้องไห้โฮทันที

     

                แม่ขอโทษนะทงเฮ ขอโทษที่ทำให้ลูกเจ็บปวด แล้วสักวันลูกจะเข้าใจความหวังดีของแม่เอง

     

     

     

                หลังจากซีวอนแต่งตัวและขับรถออกไปมหาวิทยาลัยแล้ว คยูฮยอนก็ชันตัวลุกขึ้นนั่งด้วยความยากลำบาก เมื่อคืนซีวอนไม่ได้มาห้องเขา แต่เขาต่างหากที่ถูกซีวอนเรียกขึ้นไปนอนด้วยบนเรือนใหญ่

     

                และก่อนจะนอนก็คงหนีไม่พ้นกิจกรรมเดิมๆ

     

                “ผมไม่โกรธคุณซีวอนหรอกครับ คุณบอกว่าคุณรักผม” คยูฮยอนเอ่ยเบาๆ กับคนที่อยู่ในกรอบรูปข้างหัวเตียง ก่อนจะจุมพิตเบาๆ ที่ใบหน้าหล่อเหลานั้น แล้ววางกรอบรูปไว้ที่เดิม

     

                คยูฮยอนดึงผ้าปูที่นอนที่เปื้อนคราบสกปรกตั้งแต่เมื่อคืนนี้ออกไปซัก ก่อนจะค่อยๆ ถอดปลอกหมอนออกมาด้วย กลิ่นน้ำยาสระผมของซีวอนยังติดอยู่ไม่จางหาย มือเรียววางหมอนไว้ที่เตียงตามเดิม ก่อนจะเหลือบไปเห็นนาฬิกาที่ซีวอนลืมไว้เมื่อวันก่อน

     

                “คุณซีวอนกลายเป็นคนขี้ลืมแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไรกันนะ”

     

                คยูฮยอนหยิบนาฬิกาขึ้นมา ก่อนจะหัวเราะเบาๆ กับตัวเอง เขารีบอาบน้ำแต่งตัว เลือกชุดที่ซีวอนซื้อให้เมื่อวันก่อน ก่อนจะรีบรุดออกไปมหาวิทยาลัยของซีวอนในทันที

     

                ซีวอนจะต้องเอ่ยปากชื่นชมเขาแน่ๆ

     

     

     

                ทงเฮเดินทางมาถึงมหาวิทยาลัยหลังฮยอกแจเกือบชั่วโมง เมื่อเดินเข้าไปในห้อง ทุกคนต่างก็พากันมองมาที่เขาด้วยสายตาแปลกประหลาด มีก็แต่ซองมินที่ยิ้มเยาะที่มุมปากอย่างมีเลศนัย

     

                “ฮยอกแจ ทำธุระเสร็จแล้วเหรอ?” ทงเฮเอ่ยถามเหมือนไม่มีอะไรเกินขึ้น

     

                “อืม” เสียงทุ้มตอบสั้นๆ ก่อนจะเบือนหน้าหนี

     

                “ฉันเห็นรถนายจอดอยู่หน้าบ้าน คิดว่านายจะรอฉันซะอีก”

     

                “ทำไมฉันต้องรอนายด้วย”

     

    ฮยอกแจพูดราวกับไม่ใช่คนๆ เดียวกับที่ทงเฮเห็นเมื่อวานนี้ ใบหน้าหวานแสร้งยิ้มออกไปทั้งๆ ที่หัวใจเต้นรัว ก่อนจะทำใจดีสู้เสือชวนฮยอกแจคุยอีกครั้ง

     

    “ก็เราเป็นแฟนกัน...ไม่ใช่เหรอ?”

     

    พูดจบก็เขินเอง คนน่ารักก้มหน้างุดเพื่อซ่อนใบหน้าที่แดงก่ำเป็นลูกมะเขือเทศสุก หากแต่ใบหน้านั้นกลับต้องถอดสีเมื่อฮยอกแจค่อยๆ หันมาแล้วเอ่ยขึ้น

     

    “ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว”

               

    “ฮยอกแจ...” ทงเฮช้อนตาเรียกชื่อคนตรงหน้าด้วยความตกใจ ก่อนจะหันซ้ายหันขวาเลิ่กลั่กเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะของเพื่อนๆ

     

                “ฉันบอกแล้วว่าซักวันฮยอกแจจะต้องรู้ธาตุแท้ของนาย” เสียงของซองมินตะโกนขึ้นมาจากข้างหลัง ทำให้ทงเฮตัวสั่นไปด้วยความโกรธ มือเรียวค่อยๆ กำหมัดแน่นเมื่อเสียงหัวเราะของทุกคนเริ่มดังขึ้นจนเขาทรงตัวแทบไม่อยู่แล้ว

     

                “ไม่คิดเลยว่าวันนั้นจะมาถึงเร็วขนาดนี้”

     

                “หุบปากไปซะซองมิน” คิบอมกดเสียงต่ำลอดไรฟันจนซองมินเม้มปากแน่น

     

                “นายทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร?” ทงเฮยืนขึ้นและเอ่ยถามฮยอกแจด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ดวงตาคู่สวยวูบไหวอยู่ตลอดเวลาเมื่อมองคนตรงหน้า

     

                “ฉันก็แค่หาอะไรทำแก้เบื่อ”

     

    “ว่าไงนะ แก้เบื่อเหรอ?”

     

    ทงเฮแทบไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง มันจริงอย่างที่ในหนังสือบางเล่มเคยบอกเอาไว้ ความสุขของมนุษย์มักจะเข้ามาและผ่านไปอย่างรวดเร็วเสมอ

     

                “ก็อย่างที่ได้ยินนั่นแหละ”

     

                “โธ่เว้ย!” คิบอมที่มองอยู่นานแทรกเข้ามากระชากคอเสื้อของฮยอกแจอย่างทนไม่ไหว

     

                “เป็นอะไรไปคิบอม” ฮยอกแจยิ้มที่มุมปากและเอ่ยถามอย่างยั่วโมโห

     

                “เพราะนายเป็นเพื่อนฉันหรอกนะ ฉันถึงไม่อยากทำอะไร” คิบอมปล่อยมือของตัวเองออกจากคอเสื้อเพื่อน ซีวอนที่ทำท่าจะเดินเข้ามาห้ามในตอนแรกจึงหยุดยืนดูสถานการณ์อยู่ไกลๆ

     

                “ไม่ใช่เพราะนายชอบทงเฮมากหรอกเหรอ นายถึงไม่กล้าแสดงความป่าเถื่อนออกมาในตอนนี้”

     

                “...”

     

                “ถ้าชอบมากก็เอาไปสิ ฉันยกให้!

     

                ผลัวะ!

     

                คำพูดดูถูกเช่นนั้นทำให้คิบอมชกหน้าฮยอกแจเข้าไปเต็มแรง ทงเฮได้แต่ยืนอึ้งอยู่กับที่ ก่อนจะถูกคิบอมประคองออกไปข้างนอกโดยไม่หันกลับมามองฮยอกแจอีก

     

                “ฮยอกแจ เป็นไรมากไหมวะ?” ซีวอนรีบเข้ามาประคองเพื่อนแล้วเอ่ยถามขึ้น

     

                “คิบอมทำถูกแล้วล่ะ”

     

                ฮยอกแจลุกขึ้นยืน ก่อนจะนั่งที่โต๊ะตามเดิมด้วยสีหน้าเรียบเฉย ไม่มีใครกล้าเอ่ยปากต่อจากนั้นอีก แม้แต่ซีวอนที่พยายามจะเข้าใจความรู้สึกของเพื่อนก็ได้แต่ยืนจ้องอยู่ห่างๆ เท่านั้น

     

     

     

                คยูฮยอนเดินตรงไปยังห้องเรียนของซีวอนทันทีที่มาถึง ร่างโปร่งไม่ได้กดโทรศัพท์หาอีกฝ่ายเพราะคิดว่าซีวอนจะต้องดีใจแน่ๆ ที่เขานำนาฬิกามาให้

     

                จนกระทั่งถึงหน้าห้องเรียน...

     

                “คุณซีวอนครับ”

     

                ร่างโปร่งเรียกชื่อซีวอนที่นั่งจดเลคเชอร์อยู่หลังห้อง หากแต่ความเงียบของห้องเรียนทำให้หลายๆ คนพากันหันมามองคยูฮยอนเป็นตาเดียว

     

                “เอ่อ...คุณซีวอนลืมนาฬิกาไว้ที่บ้าน ผมเลย...”

     

                “มันเป็นคำสั่งของฉันหรือไง” เสียงเย็นๆ ทำให้คยูฮยอนสะดุ้งเฮือกไปด้วยความตกใจ บางทีสิ่งที่คยูฮยอนคิดไว้อาจจะไม่เป็นไปตามนั้นก็ได้

     

                “ก็ผมกลัวว่าคุณซีวอนจะไม่มีนาฬิกาใช้”

     

                “ฉันถามว่ามันเป็นคำสั่งของฉันเหรอ?”

     

                ซีวอนตะคอกถามอีกครั้งอย่างไม่เกรงใจอาจารย์ที่กำลังสอนอยู่หน้าห้อง ร่างสูงเดินตรงดิ่งเข้ามาหาคยูฮยอน ในขณะที่คยูฮยอนถอยกรูดไปจนติดกำแพง

     

                “คุณไม่ได้สั่งครับ” คยูฮยอนส่ายหน้ารัวอย่างรู้สึกผิด

     

                “แล้วจะสะเหร่อมาทำไม จะมาจับผู้ชายรวยๆ ที่นี่เหรอ ฝันไปเถอะ คนพวกนั้นไม่มองนายหรอก”

     

    คำพูดของซีวอนทำให้คยูฮยอนปล่อยน้ำตาไหลออกมาเป็นสาย ร่างโปร่งก้มหน้างุด คยูฮยอนรู้ดีว่าไม่มีใครจะมามองคนจนๆ อย่างเขาอีกแล้ว เหมือนที่ซีวอนเองก็ไม่เคยเห็นเขาในสายตาเช่นกัน มือเรียวเกลี่ยน้ำตาออกจากใบหน้าของตัวเอง ก่อนที่เสียงของบุคคลที่สามจะดังขึ้น

     

                “คยูฮยอน...เจอกันอีกแล้วนะ” ชางมินโบกมือทักทาย ก่อนจะส่งรอยยิ้มสดใสมาให้ หากแต่คยูอยอนกลับหันหน้าที่มีแต่น้ำตาหนีไปทางอื่น

     

                “ได้กลิ่นกระดูกแถวนี้หรือไงถึงได้ตามมาน่ะ” ซีวอนสะบัดเสียงถาม

     

                “กระดูกอะไรจะน่ารักขนาดนี้” ชางมินเอื้อมมือมาหยิกแก้มใสของคยูฮยอนอย่างเอ็นดู ทว่าเจ้านายอย่างซีวอนกลับกัดฟันกรอดอย่างโมโห

     

                “มานี่!

     

                “คุณซีวอน ผมเจ็บนะครับ โอ๊ย!” คยูฮยอนถูกซีวอนลากไปทางบันไดหนีไฟ เขาทั้งร้องด้วยความเจ็บปวด ทั้งฝืนตัวต้านทานแรงของซีวอนเอาไว้ ทว่ามันกลับไปเป็นผลเลย

     

     

     

                “ชอบมันใช่ไหม?”

     

                “ฮึก...คุณซีวอนครับ...ผมผิดไปแล้ว...”

     

                “ฉันถามว่านายชอบมันใช่ไหม มาถึงนี่...ไม่ได้มาหาฉัน แต่มาหามันใช่ไหม”

     

                ซีวอนบีบข้อมือบางแน่นด้วยความโกรธ มันเป็นแค่ความโกรธและหวงของเล่นเท่านั้นที่ซีวอนจะมีให้คนตรงหน้า ไม่ใช่ความหึง ไม่ใช่ความรัก ไม่ใช่ความสำคัญใดๆ เลย

     

                “เปล่าครับ ผมมา...”

     

                “ไม่ต้องพูดหรอก คนอย่างนายมันเลี้ยงไม่เชื่อง!

     

                “คุณซีวอน” คยูฮยอนพนมขึ้นขอโทษเจ้านายของเขา เพราะความรู้เท่าไม่ถึงการณ์เท่านั้นที่คยูฮยอนทำผิด ไม่ใช่เพราะเขาอยากมีคนอื่น หัวใจของคยูฮยอนมีให้แค่ชเว ซีวอนได้เท่านั้น

     

                “หรืออยากให้ฉันล่ามโซ่ห๊ะ!!?!

     

                “ฮือๆ ไม่ครับ ผมไม่อยาก...”

     

                “งั้นก็จำไว้ให้ดี นาย...เป็นของฉันเท่านั้น!!!” พูดจบก็ปิดกลีบกุหลาบสวยด้วยริมฝีปากของตัวเองทันที คยูฮยอนพยายามจะดันตัวออกห่าง ทว่ายิ่งหนีก็ยิ่งถูกรั้งเข้าหา ยิ่งต้านทานมากเท่าไร ก็ยิ่งรู้ตัวว่ารักมากเท่านั้น

     

                “ซีวอน!” เสียงกร้าวที่ดังขึ้นทำให้ซีวอนผละออกจากคนรับใช้ทันที

     

                “พี่ฮีชอล

     

    ซีวอนเรียกชื่อคนรักด้วยความตกใจ ในขณะที่คยูฮยอนก็ทำตัวไม่ถูกเช่นกัน ดวงตาของฮีชอลฉายแววความโกรธอย่างชัดเจน นายแบบคนสวยเดินพุ่งตรงเข้ามาหาคยูฮยอน ก่อนจะเงื้อมือขึ้นสูง ทว่า...

     

                หมับ!

     

                ฮยอกแจคว้าข้อมือบางนั้นเอาไว้ ก่อนจะจ้องมองหน้าเพื่อนของตัวเองนิ่ง

     

                “ผู้ชายคนนี้ไม่ได้ทำผิดอะไร”

     

                “อย่ามายุ่งกับพี่” ฮีชอลพยายามจะสะบัดข้อมือออก แต่ฮยอกแจกลับบีบเอาไว้แน่น

               

    “ซีวอนต่างหากเป็นคนผิด ถ้าพี่ฮีชอลจะตีก็ตีซีวอนสิครับ”

     

                ฮยอกแจปล่อยมือออกจากฮีชอล ก่อนจะคว้ามือเรียวของคยูฮยอนมาจับไว้แล้วจูงออกไปด้านนอก สวนทางกับ คิบอมและทงเฮที่ขึ้นมาบนตึกพอดี

     

                ในขณะที่ฮยอกแจแสดงสีหน้าเรียบเฉยไม่ทุกข์ร้อนอะไร

     

                นัยน์ตาของทงเฮกลับฉายแววเศร้าอย่างเห็นได้ชัด

     

                ทงเฮไม่สามารถปฏิเสธได้อีกต่อไปแล้วว่า...เขาหลงรักผู้ชายที่ชื่ออี ฮยอกแจมากแค่ไหน

     

     

     

     

    Talk with Lee Seen

                ตอนนี้ฮยอกแจน่าสงสารมากเลย

    หรือสงสารคยู หรือสงสารเฮดีเนี่ย

    โอ๊ย...ดราม่าเนอะ!!

    แง้มไว้ว่า...ตอนหน้ายิ่งกว่านี้

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×