คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : Chapter 11: The Trouble with Love
Chapter 11: The Trouble with Love
เดรโก มองไปรอบๆเพื่อตรวจสอบห้องสมุดอย่างรวดเร็ว มันทำให้เขาดีใจที่รู้ว่าตัวเองเป็นนักเรียนเพียงคนเดียวที่อยู่ที่นั่น เขาทำให้ศาสตราจารย์ สเนป มั่นใจพอที่จะปล่อยให้เขารับโทษกักบริเวณเพื่อเก็บหนังสือในห้องสมุดให้เข้าที่ จากการทีเขาจัดฉากต่อยเจ้ามัลคอล์ม แบดด็อคเพื่อการนี้โดยเฉพาะ มันเป็นการเปิดโอกาสที่ดีเยี่ยมเพื่อให้เขาได้ค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับคาถา มัลธัส อะบิ เดรโกรอจนกว่ามาดามพินซ์จะก้าวออกไปชั่วครู่ แล้วจึงสะบัดไม้กายสิทธิ์ออกมาโดยเร็ว มุ่งหน้าไปยังเขตหวงห้าม
กลิ่นกระดาษหนังเก่าๆคลุ้งอยู่ทั่วอากาศ เขารู้สึกเหมือนหนังสือโบราณต่างๆพวกนั้นกำลังเชิญชวนให้เขาทำในสิ่งที่เขาต้องทำ หลังจากกระซิบคาถาหาตำแหน่งง่ายๆ เพียงหนึ่งครั้ง เดรโกตามลำแสงสีขาวที่พุ่งออกมาจากปลายไม้กายสิทธิ์ จนกระทั่งมันหยุดอยู่ที่หนังสือเก่าเล่มหนา ที่มีหน้าปกหนังขาดรุ่งริ่ง รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนริมฝีปากของเขา เดรโกเก็บไม้กายสิทธิ์ลงในกระเป๋ากางเกง และดึงหนังสืออกมาจากมุมบนชั้น เขาวางมันลงบนพื้นพร้อมกับที่เขานั่งลง เดรโกรู้ว่าเขามีเสื้อคลุมล่องหนอยู่กับตัว ดังนั้นเขาจึงสามารถออกไปเมื่อไหร่ก็ได้ที่เขาพอใจ การค้นหาเล็กๆน้อยๆนี้ คงจะไม่เป็นอันตรายอีกต่อไปแล้ว เดรโกปิดตาลงและเพ่งความสนใจไปที่คำว่า มัลธัส อะบิ ด้วยความตั้งใจทั้งหมด เขาเปิดหนังสือไปยังที่ๆเขาคิดว่าอาจจะพบคาถาอย่างมีความหวัง เขาเริ่มอ่าน หน้าที่เผยให้เห็นว่า
‘คาถาแห่งการทำลายล้างมวลหมู่, ระดับที่ 13 ; มัลธัส อะบิ’
มัลธัส อะบิถูกสร้างขึ้นโดย ซัลลาซาร์ สลิธีริน พ่อมดศาสตร์มืดที่โลกรู้จัก เขาเป็นผู้ก่อตั้งโรงเรียนคาถาพ่อมด แม่มด ฮอกวอตส์ มีข้อมูลเล็กน้อยที่ถูกเปิดเผยเกี่ยวกับ เหตุการณ์แวดล้อมในการสร้างคาถา และรับรู้ได้เพียงแค่ว่ามีการใช้คำสาปแช่งโดยประสบความสำเร็จจำนวน 3 ครั้ง ในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา ครั้งแรก คำสาปแช่งถูกใช้โดยไทบอลท์ ในปีค.ศ.1200 ครั้งที่สองโดยอ็อคตาเวียส มาร์คี ในปีค.ศ.1413 และครั้งที่สามโดยเบล เดฟิวในปีค.ศ. 1715 (สำหรับข้อมูลเกี่ยวกับเหตุการณ์ อ่าน ‘ประวัติศาสตร์สงครามพ่อมด’ โดยบินเดวอล บินส์)
คาถาทำงานโดยการดึงเวทมนตร์ทุกๆอย่างออกจากแม่มดหรือพ่อมดที่เสกมัน และเปลี่ยนมันไปเป็นคลื่นพลังการทำลายล้างที่ทรงอำนาจทางเวทมนตร์ของผู้เสกโดยลำพัง เนื่องจากไม่มีพ่อมดหรือแม่มดคนไหนที่จะสามารถมีชีวิตอยู่ได้โดยปราศจากเวทมนตร์ ไม่มีใครเสกคาถา มัลธัส อะบิ และมีชีวิตอยู่เพื่อเล่าเรื่องราวให้เราฟังได้ ด้วยเหตุผลนี้ทำให้ มัลธัส อะบิเป็นที่โต้แย้งและถูกจัดให้อยู่ในคาถาระดับที่ 13: ความรุ่งโรจน์ทางเวทมนตร์ในระดับสูงสุด
เดรโกอ่านไปเรื่อยๆและพบว่าหน้าต่อไปอธิบายรายละเอียดถึงวิธีการใช้ มัลธัส อะบิแปลมาจากลายมือของซัลลาซาร์ สลิธีรินเอง เดรโกไม่รีรอที่จะฉีกกระดาษหนังออก และเก็บมันไว้ในกระเป๋าของเขาอย่างเรียบร้อย
“นายกล้าดียังไง ทำลายหนังสือเล่มนั้น!” เสียงเกี้ยวกราดเสียงหนึ่งดังมาจากที่ไหนสักแห่ง เดรโก สะดุ้งตกใจสุดขีด แต่หลายปีในการฝึกฝนให้เป็น มัลฟอย คนหนึ่ง เขาสามารถซ่อนความรู้สึกได้เป็นอย่างดี เขาค่อยๆลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆและอย่างรอบคอบ เพ่งมองไปยังผู้บุกรุก เดรโกหรี่ตาเล็กน้อยในความมืด
“เฮอร์ไมโอนี่ใช่เธอหรือเปล่า?” เขาถามอย่างระมัดระวัง ท้องของเขาวาบร้อนไปหมดซึ่งความรู้สึกนี้เริ่มจะเป็นที่คุ้นเคยต่อเขามากเกินไปแล้ว คำถามของเขาได้รับคำตอบจากเธอด้วยอารมณ์ฉุนเฉียวและขุ่นเคือง
“อย่ามาเรียกฉันว่า เฮอร์ไมโอนี่นะ! ฉันเห็นนายฉีกหน้านั้นออก นายต้องซ่อมแซมมันเดี๋ยวนี้ และเก็บมันในทันที!” ใช่แล้ว คนนั้นคือ เฮอร์ไมโอนี่อย่างแน่นอนที่สุด เดรโกคิดอย่างขบขันเป็นเชิงเหน็บแนม หลังจากเขากระซิบพูดออกมาว่า “ลูมอส” เดรโกก้าวสองสามก้าวไปหาเธอ เขาสังเกตเห็นกระดุมเม็ดบนสุดจากเสื้อที่เธอใส่อยู่หลุดออก และมันมีส่วนช่วยขยายเนินเนื้อบริเวณนั้น มันเน้นรอบอกของเธออย่างน่าเย้ายวนใจ
ดวงตาสีเทาของเขาประสานกับดวงตาสีน้ำตาลช็อกโกแลตคู่งามของเธอ เฮอร์ไมโอนี่กัดริมฝีปากล่างของตัวเองด้วยความประหม่า ความเงียบทำให้ไม่ได้ยินเสียงอื่นใดอีก
“ฉ-ฉันหมายถึง...อย่างที่ฉันพูดจริงๆ มัลฟอย! เอากลับไปคืนซะ หรือไม่งั้นฉันจะรายงานเรื่องที่นายทำให้ดัมเบิลดอร์รู้ ฉันพูดจริงๆนะ! อย่างเช่นฉันจะบอกศาสตราจารย์ว่า...หัวหน้านักเรียนชายทำลับๆล่อๆอยู่ในเขตหวงห้ามและ -”
“เราจะแกล้งทำเป็นไม่รู้ สักเรื่องไม่ได้เลยเหรอ” เดรโก แสดงความคิดเห็นเงียบๆ เวลานี้ความสนใจของเขาทั้งหมดถูกดึงดูดไปยังริมฝีปากนุ่มนวลของเธอ ในขณะที่เธอใช้ปลายลิ้นเลียริมฝีปากของตัวเอง และก่อนที่เดรโกจะทันรู้ตัวว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่นั้น เขาขยับเข้าไปใกล้เธอจนเหลือระยะห่างเพียงเล็กน้อย เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกว่าลมหายใจของเธอติดขัดอยู่ในลำคอ พวกเขายืนอยู่ใกล้กันเหลือเกินแล้วในตอนนี้ เธอรู้สึกได้ถึงความร้อนจากร่างกายที่แผ่ออกมาจากตัวเขา เฮอร์ไมโอนี่ถอยหลังไปก้าวหนึ่ง แต่ยังคงไม่อาจหลบสายตาออกจากดวงตาสีเงินที่ทำให้เธอหลอมละลายได้
เฮอร์ไมโอนี่ พบว่าตัวเองยืนพิงชั้นหนังสือสูงอันหนึ่ง เธอไม่มีทางหนีไปไหนได้ และเงยหน้าขึ้นมองชายหล่อเหลาที่อยู่ตรงหน้าเธอ เฮอร์ไมโอนี่ อยากรู้ว่าจะมีที่ไหนอีกที่เธอชอบอยู่ไปมากกว่านี้ โดยสัณชาติญาณที่เดรโกมี เขารับรู้สิ่งนี้ได้ในทันที เขายิ้มและก้าวไปข้างหน้า ยันฝ่ามือทั้งสองข้างของเขาเข้ากับชั้นที่อยู่เบื้องหลังเธอ หน้าผากของคนทั้งสองเกือบจะสัมผัสชิดติดกันเพียงเสี้ยว
ในตอนนี้ หัวใจและความคิดของเฮอร์ไมโอนี่กำลังโลดแล่นไม่เป็นจังหวะ เธอกำลังทำอะไรอยู่ที่นี่ นี่คือเดรโก มัลฟอยนะ ผู้ชายคนที่บอกว่าเขาเห็นด้วยกับจุดมุ่งหมายของโวลเดอ มอร์! เธอรู้สึกได้ถึงลิ้นร้อนๆของเดรโก พุ่งผ่านมายังริมฝีปากล่างของเธอ และเธอไม่อาจหยุด เสียงร้องครางเล็กๆที่หลุดรอดออกจากปากของตัวเองได้
“เดรโก ได้โปรด เราไม่ควร
”
“ชู่!” เขาบอกให้เธอเงียบด้วยการประกบริมฝีปากของตัวเองลงบนริมฝีปากของเฮอร์ไมโอนี่ ในขณะที่พวกเขาจูบกัน เฮอร์ไมโอนี่กลัวว่าเธออาจจะจมดิ่งอยู่ในรสจูบอันหอมหวานของเขาไปตลอดกาล เธอสูญเสียการควบคุมในตัวเอง ไปยังขอบเขตที่เธอไม่เคยตั้งใจจะเข้าไป มันเป็นขอบเขตที่ซึ่งมีเพียงแค่เขาที่จะสามารถเข้าถึงเธอ ที่มีเพียงแต่เขาเท่านั้นที่จะสามารถสัมผัสเธอได้...
ความพยายามที่จะรวบรวมสติของเธอกลับคืน เฮอร์ไมโอนี่วางกระเป๋ากระแทกลงบนพื้นเสียงดังและ ผลักเดรโกออกไป มันทำให้รสจูบนั้นสิ้นสุดลงในทันที เธอพยายามอย่างเต็มที่ที่จะสนใจสิ่งอื่น แต่มันไม่ได้เป็นอย่างที่เธอต้องการ นั่นก็เพราะเธอสัมผัสได้ถึงมัดกล้ามซึ่งอัดแน่นอยู่ภายใต้เสื้อเชิ้ตที่เดรโกสวมใส่ หรือความอ่อนโยนของเขา หรือริมฝีปากที่เร่าร้อน ที่ประกบกับริมฝีปากของเธออย่างแนบแน่น ในชั่วขณะที่เพิ่งผ่านมา
“นายกำลังค้นหาอะไรอยู่ เดรโก” เธอถามเขา ด้วยเสียงหายใจแผ่วเบา ความรู้สึกทั้งหมดที่เกิดขึ้น ปรากฎอย่างชัดเจนในน้ำเสียงของเธอ ดวงตาของเขาหรี่แคบลงเล็กน้อยและเฮอร์ไมโอนี่รู้สึกว่าท้องของเธออัดแน่นไปด้วยความกังวล เธอไม่อาจอธิบายได้ว่ามันเป็นอย่างไร แต่เธอรู้ว่าอะไรก็ตามที่เขากำลังจะพูด เขากำลังจะโกหก
“ไม่มีอะไรสำคัญหรอก” เขาพูดพึมพำอย่างไม่ใส่ใจนัก เขาไม่ยอมพลาดจังหวะที่เขามี เดรโก โน้มตัวลงไปข้างหน้า ขบเบาๆที่หูของเธออย่างนุ่มนวล ‘โอ้...พระเจ้า... เธอพยายามฝืนบังคับตัวเองให้ออกห่างจากเขา ก่อนที่เธอจะสูญเสียการควบคุมอีกครั้ง’ ความรู้สึกคุ้นเคยที่ปั่นป่วนเกิดขึ้นในตัวเธอ และเฮอร์ไมโอนี่ผลักเขากลับไปอีกครั้งด้วยพลังทั้งหมดที่เธอมี
“เดรโก หยุดพยายามทำให้ฉันไขว้เขวซะที... นายทำอะไรบางอย่างใช่ไหม!” เธอกล่าวพร้อมกับส่งสายตากึ่งโกรธ กึ่งพิจารณาไปที่เขา อารมณ์รักของเดรโกถูกทำลายลงด้วยข้อกล่าวหาของเธอในทันที เขาตำหนิตัวเองอย่างเงียบๆที่สูญเสียการควบคุมในทีแรก และยอมถอนตัวออกจากความอบอุ่นอันน่าปรารถนาของเธอ ตอนนี้เฮอร์ไมโอนี่หน้าบึ้งตึงอย่างเป็นอันตราย
“เรื่องของฉันก็คือ...มันเป็นเรื่องของฉัน เกรนเจอร์! และฉันขอแนะนำให้เธอจำมันไว้ ในสมองของเธอด้วย!” จากนั้นเขาเก็บหนังสือเข้าที่และรีบออกไปจากห้องสมุดในทันทีราวกับพายุลูกใหญ่
เฮอร์ไมโอนี่มองเขาจากไปอย่างเศร้าๆ มันเป็นความเสียใจมากกว่า การสูญเสียความใกล้ชิดทางร่างกาย เธอรู้สึกคล้ายกับว่าไม่มีทางที่จะรู้จักเขาได้เลย และด้วยเหตุผลที่ลึกซึ้งบางอย่าง เธอต้องการที่จะรู้จักเขามากขึ้นกว่านี้ เธอต้องการรู้ว่าเขากำลังรู้สึกอะไร... เขาเกิดบ้าอะไรขึ้นมาถึงทำกับเธออย่างนี้ และทำไมเธอถึงมีแรงกระตุ้นอยากรู้ทุกสิ่งที่เกี่ยวข้องกับเดรโก มัลฟอยด้วยล่ะ เฮอร์ไมโอนี่รู้ดีว่าสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น ไม่ได้มีความหมายอะไรกับเขาเลย มันก็แค่ก้าวสำคัญก้าวหนึ่งที่เขาชนะเธอก็เท่านั้น
เฮอร์ไมโอนี่ถอนหายใจ และรู้สึกเหมือนคนโง่อย่างแท้จริง เธอหยิบกระเป๋าขึ้น มุ่งหน้าไปยังห้องนั่งเล่นรวมของกริฟฟินดอร์ บางทีแฮร์รี่ รอนและจินนี่ อาจจะทำให้เธอร่าเริงขึ้นได้ ไม่ว่าจะยังไง เธอรู้ว่าชีวิตของเธอเริ่มยุ่งยากมากกว่าเดิมแล้ว และจอมวายร้ายสลิธีริน...เขาเอากระดาษหนังไปด้วย
***
กิ่งก้านสาขาของหมู่ไม้ ทอดเงาผ่านท้องฟ้ายามราตรีที่ดำสนิท และลมส่งเสียงกระซิบกระซาบน่ากลัวทักท้วงต่อการรุกล้ำของเขา นักเรียนส่วนใหญ่จะกลัวการเข้าไปในป่าต้องห้ามในคืนน่าขนลุกเช่นนี้ ทว่ามันเป็นเรื่องง่ายสำหรับเดรโก ทันทีที่ผ่านต้นโอ๊คเก่าแก่ผิวขรุขระซึ่งเดรโกรู้ดีว่าได้สิ้นสุดเขตห้ามใช้คาถาปรากฏตัวแล้ว เขาถอดเสื้อคลุมล่องหนออก เสกให้มันเล็กลงและเก็บมันลงในกระเป๋ากางเกง จากนั้นเดรโกสูดหายใจลึก ดึงไม้กายสิทธิ์ออกมาและตะโกนว่า “แอปปาเรท!”
ในทันทีทันใด เขามาถึงหน้าคฤหาสน์มัลฟอย
“นาย
ภายในห้องเต็มไปด้วยผู้คนที่สวมใส่ชุดเสื้อคลุมสีดำ เกิดความเงียบขึ้นชั่วขณะ แต่ละคนถือไม้กายสิทธิ์ของตนชี้มายังทิศทางที่เขายืนอยู่
“เดรโก!” หนึ่งในนั้นคำรามใส่อย่างเต็มไปด้วยความเกลียดชัง เดรโกรับรู้ว่าเสียงนั้นคือพ่อของเขา
“สวัสดีลูเซียส และเหล่าผู้เสพความตาย” เดรโกหยุดชั่วขณะเมื่อเขามองเห็นร่างหนึ่งตรงกลางห้องที่มีดวงตาสีแดง
“และ...ลอร์ดโวลเดอมอร์” เดรโกพูดเป็นเชิงทักทาย โวลเดอมอร์แสยะยิ้ม ดวงตาสีแดงฉายแววขบขันแบบปีศาจ
“หนุ่มน้อย มัลฟอย นี่เอง” เจ้าแห่งศาสตร์มืดพูดในเชิงทักทายเช่นกัน
“น่าประหลาดใจอะไรเช่นนี้ เราไม่ต้องตามหาเจ้า เพื่อฆ่าเจ้าแล้วในตอนนี้” เดรโกรู้สึกถึงชั่วขณะแห่งความหวั่นวิตก ถ้าเขาถูกฆ่าก่อนที่เขาจะสามารถทำให้แผนการแก้แค้นของเขาเกิดขึ้น ได้ มันคงจะทำให้เขาท้อแท้ และเสียใจจริงๆ เดรโกตอบกลับไปโดยเร็ว
“ท่านไม่จำเป็นต้องฆ่า ข้าหรอกนายท่าน ข้าทบทวนเรื่องการเป็นทาสรับใช้ของท่านใหม่แล้ว” เขาพูดเสียงเย็นชา โวลเดอมอร์เลิ่กคิ้วขึ้นอย่างครุ่นคิด และก้าวไปหาเขาหนึ่งก้าว
“เจ้าพูดจริงหรือไม่ เดรโก” เขาถามแบบขู่
“หรือบางทีเจ้าอาจจะเข้าร่วมกับพวกคนโง่ที่รักพวกมักเกิ้ลเหล่านั้น ผู้ที่ภักดีต่อ อัลบัส ดัมเบิลดอร์ และแฮร์รี่ พอตเตอร์ใช่ไหมล่ะ” เดรโกกลอกตา การเหยียดหยามแสดงบนใบหน้าของเขาอย่างแท้จริง ราวกับว่าเขาจะภักดีต่ออัลบัส ดัมเบิลดอร์และแฮร์รี่ พอตเตอร์! อย่างงั้นแหละ
“ได้โปรดเถอะนาย
“เจ้าอาจจะกำลังโกหกอยู่ก็ได้” เดรโกพยักหน้า เขาคิด ‘นี่เป็นส่วนที่เสี่ยงมากที่สุดของแผนการ ถ้าหลายสิ่งไม่เป็นไปอย่างที่เขาต้องการ ทุกอย่างก็จะสูญเปล่า’
“มีทางออกที่ง่ายมากซึ่งจะตรวจสอบว่า ทำไมข้าจึงมาที่นี่เพื่อปฏิญาณตัวจะเป็นทาสไปตลอดกาล นายท่าน ท่านแค่ใช้คาถา “ความสัตย์จริง” กับข้า ข้าไม่มีสิ่งใดต้องปิดบังท่าน” เสียงพึมพำแสดงความเห็นด้วย กระจายไปทั่วห้อง และโวลเดอมอร์ผงกหัวอย่างโหดร้าย คาถาความสัตย์จริง ไม่ใช่แค่ทำให้คนไม่สามารถโกหกได้เท่านั้น แต่ยังทำให้เกิดความรู้สึกเจ็บปวดอย่างมากมายเช่นกัน เจ้าแห่งศาสตร์มืดยกแขนขึ้นและใช้นิ้วมือโค้งงอชี้ไปที่เดรโก
“เวอริทัส!” เขาตะโกน เดรโกรู้สึกถึงความร้อนดุจเปลวไฟที่อัดแน่นอยู่ในปอดทั้งสองข้าง มันบีบเขาไว้อย่างเจ็บปวด เผาไหม้เขาจากภายใน... มันเจ็บปวดแต่เดรโกเคยผ่านพ้นประสบการณ์เช่นนี้มามากแล้ว แม้ว่าเขาจะเจ็บปวด...แต่เขาทนมันได้
“ทำไมเจ้าถึงจะเข้าร่วมกับเรา เดรโก มัลฟอย” ลอร์ดโวลเดอมอร์ถามอย่างมีอารมณ์ขัน เดรโกให้คำตอบที่เขากลั่นกรองมาดีแล้ว
“ท่านก็รู้ว่าแม่ของข้าถ่ายทอดพรสวรรค์ในการเป็นผู้มองเห็นอนาคตให้แก่ข้า สิ่งที่ท่านไม่รู้คือข้ามีคำทำนายแรกอยู่ในมือแล้ว คำทำนายนี้ทำให้ข้าได้รู้ว่า ถ้าข้าช่วยฝ่ายดี ข้าจะตาย ข้าจะไม่มีวันทำตามเพื่อจุดมุ่งหมายที่ข้าไม่เชื่อ” เสียงของเดรโกดังขึ้น เย็นเยือกและชัดเจน แม้ว่าผลจากคาถา เวอริทัส จะทำให้เขาเจ็บปวดเพียงใดก็ตาม
“คำทำนายกล่าวว่า ข้าจะตาย ถ้าข้าช่วยฝ่ายดี” เขาพูดซ้ำ
“ข้ารู้แล้ว รู้ถึงมันแล้ว และข้าจะเป็นผู้เสพความตาย”
โวลเดอมอร์ยิ้มอย่างชั่วร้าย ขณะหนึ่งเดรโกกลัวว่าโวลเดอมอร์อาจจะเข้าใจทะลุปุโปร่งถึงคำอธิบายของเขา โวลเดอมอร์อาจเห็นถึงบางสิ่งในขณะที่เขาพูด อาจเป็นความจริงเฉพาะเรื่องที่เขาโกหก สถานการณ์โดยรวมชักนำไปในทางที่ผิดทั้งหมดได้อย่างดี จากนั้นเดรโกรู้สึกว่าความเจ็บปวดหายไปจากร่างเขาแล้ว และรู้ว่าคาถา เวอริทัส ถูกถอนไปแล้ว เขาสังเกตด้วยความแปลกใจอย่างยิ่ง ว่าโวลเดอมอร์ดูพอใจ ไม่ใช่สิ พอใจคงจะน้อยเกินไป โวลเดอมอร์ปลาบปลื้มอย่างมาก
“ถ้าเช่นนั้น มังกรอยู่ในเงามืดใช่ไหม และพระอาทิตย์ก็จะไม่ขึ้นมาอีก” โวลเดอมอร์ครุ่นคิด เดรโกสงสัยว่าเขากำลังพูดถึงอะไร
“ดีมาก เดรโก มัลฟอย เขาจะต้องถูกแนะนำให้เป็นที่รู้จัก...”
“ด้วยความเคารพ นายท่าน ข้าขอปฏิเสธที่จะเป็นที่รู้จักในพิธีรับสมาชิกใหม่เข้ากลุ่ม ในฐานะที่ข้าเป็น มัลฟอยคนหนึ่ง ข้าควรจะถูกแนะนำให้เป็นที่รู้จักเป็นการส่วนตัว อย่างที่ท่านทำเมื่อครั้งที่แล้ว” เดรโกพูดในท่าทีร้องขอแบบหยิ่งยโสตามปกติของเขา ใบหน้าของโวลเดอมอร์มืดมิด
“เจ้ากล้าดีกับข้าหรือไง พ่อหนุ่ม! ” เขาร้องคำราม เดรโกยังคงจ้องเขา ปฏิเสธที่จะแสดงความอ่อนแอ
“เจ้าจะเป็นที่รู้จักในพิธีของตัวเจ้าเอง ก่อนที่เจ้าจะกล้าพูดกับข้าในท่าทีอวดดีเช่นนั้น อย่างไรก็ตาม พิธีแนะนำตัวของเจ้าจะเกิดขึ้นที่งานพิธีรวมกลุ่มในวันคริสต์มาส ถ้าเจ้ากล้าแสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้อีก ข้าจะไม่ลังเลที่จะฆ่าเจ้า ข้าพูดชัดเจนใช่ไหม” เขาถามอย่างเป็นอันตราย เดรโกพยักหน้าเร็วๆ
“ดี กลับไปฮอกวอตส์ได้แล้ว ก่อนที่ดัมเบิลดอร์จะสงสัย” เดรโกพยักหน้าอีกครั้งและออกไปจากห้องประตูถูกปิดตามหลังเขาไป
ทันที่ที่เขาปลอดภัยออกจากคฤหาสน์มัลฟอย และอยู่ในบริเวณฮอกวอตส์แล้ว เดรโกปลดปล่อยอารมณ์ออกมา เขากระโดดอย่างมีชัย เขาทำมันแล้ว เขาตบตาโวลเดอมอร์ได้ดี ในวันที่จะมาถึงข้างหน้านี้ เขาจะสามารถฆ่าโวลเดอมอร์ และทาสรับใช้วงในของโวลเดอมอร์ได้ พวกผู้เสพความตายทุกๆคนที่ยังมีชีวิตอยู่ พิธีรวมกลุ่มในวันคริสต์มาสเป็นวันที่ผู้เสพความตายทุกคนต้องปรากฏตัวเพื่อดูทายาทในรุ่นต่อไปเข้าร่วมกลุ่ม และพวกเขาทั้งหมดกำลังจะตาย
เดรโกแน่ใจว่าคริสต์มาสนี้คงจะเป็นคริสต์มาสที่ดีที่สุดในชีวิตของเขา ความจริงที่ว่า มันคงจะเป็นคริสต์มาสสุดท้ายของเขาด้วย แต่มันก็ไม่ได้กวนใจเขาในที่สุด
***
เดรโกจัดเสื้อคลุมยาวสีดำของเขาให้ดูเรียบร้อย ชำเลืองมองครั้งสุดท้ายในกระจก (ซึ่งบอกกับเขา รู้ว่าเขาน่าดึงดูดอย่างน่าประหลาด) เขาเดินออกไปยังห้องโถงใหญ่ ในที่สุดก็ถึงวัน ฮัลโลวีน คืนนี้ เป็นคืนงานเลี้ยงเต้นรำที่เขากับเฮอร์ไมโอนี่ และความช่วยเหลือของเหล่าพรีเฟ็คได้พยายามจัดงานนี้ขึ้นมา ห้องโถงมีผู้คนอยู่เต็มเรียบร้อยแล้ว ในตอนที่เขามาถึง และด้วยความรู้สึกที่รับรู้ได้รวดเร็วยิ่งขึ้นจากพรสวรรค์ของเขา เดรโกรับรู้ความรู้สึกตื่นเต้นทั่วทุกหนทุกแห่ง โดยส่วนตัวแล้ว เดรโกไม่รู้ว่าความอึกทึกเป็นอย่างไร เขาคงจะไม่ยุ่งยากมากนักถ้าไม่ใช่เพราะว่าเขาเป็นหัวหน้านักเรียนชาย และดัมเบิลดอร์ยืนกรานให้เขามา
เดรโกยิ้มให้กับกลุ่มนักเรียนปีหก ที่กำลังหัวเราะต่อกะซิกกัน และจ้องมองเขาอ้าปากค้างในขณะที่เขาเดินผ่านไป เอาล่ะ บางทีนี่อาจไม่แย่ไปทั้งหมด ถ้ามีเพียงสิ่งเดียวที่เดรโกจะสนุกกับโอกาสเหล่านี้ได้ มันคือ ความสนใจที่เขาได้รับจากความดูดีของเขานั่นเอง คืนนี้เขาอยู่ในชุดเครื่องแต่งกายสีดำทังตัวแบบแวมไพร์ มีเพียงเส้นไหมสีเขียวเข้มเท่านั้นที่เป็นริ้วอยู่บนเสื้อคลุมของเขา
การตัดกันของสีระหว่างผมและดวงตาสีเงินกับชุดสีดำของเขาทำให้อยากจะหยุดหายใจ ถ้าคนอื่นใส่ชุดแบบนี้ คำพูดอย่างเช่น จำเจและซ้ำซาก คงจะเป็นสิ่งที่ได้ยิน แต่เมื่อเดรโกใส่มัน คำพูดอย่างเช่น เซ็กซี่และมีเสน่ห์จะออกมาจากปากของสาวๆทุกที่
ในทันใด เดรโกรู้สึกว่า ความสนใจของเขาถูกดึงไปยังทางเข้าห้องโถง ดวงตาของเขาหันเหไปในทิศทางนั้น และดูเหมือนจะเป็นความต้องการของมันเองโดยปริยาย เดรโกรู้สึกว่าปากของเขาแห้งผาก สิ่งที่กำลังยืนอยู่คือ สิ่งมีชีวิตที่สวยที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็นมาทั้งชีวิต ผมสีน้ำตาลหนาของเธอปล่อยเป็นลอน ยาวมาถึงกลางหลัง โครงหน้าที่แผ่รังสีของความสวยงามแบบธรรมชาติ มงกุฎดอกไม้วางอยู่บนศีรษะของเธออย่างประณีตบรรจง ทำให้เธอดูน่าทึ่ง ชุดที่เธอสวมใส่ ทำมาจากผ้าไหมสีครีมราบลื่นซึ่งกระชับตัวเธอทุกส่วนสัด เว้นก็แต่โบว์ผ้าแถบสีเขียวอ่อนหลวมๆที่ประดับเสื้อบริเวณอกและตกลงที่ไหล่ทั้ง 2 ข้าง เธอยิ้มและโบกมือให้กับอาจารย์ใหญ่ที่อยู่อีกฝากหนึ่งของห้อง เดรโกรู้สึกว่าท้องของเขาปั่นป่วน เขารู้ว่าเธอคือใครในทันใด รอยยิ้มของผู้หญิงเพียงคนเดียวที่มีผลต่อเขาได้มากเช่นนี้
เขารีบหันกลับไปก่อนที่มีใครสังเกตเห็นความอ่อนแอที่เกิดขึ้นกับเขาชั่วขณะหนึ่ง เดรโกเดินไปยังกลุ่มสลิธีรินที่กำลังผงกหัวทักทายเขา ความรู้สึกแปลกๆเหล่านี่ เริ่มที่จะไร้สาระขึ้นทุกวัน นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป เขาคงต้องหลีกเลี่ยงที่จะเจอ เฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์ ไม่ว่าจะทางใด มันแย่เกินพอแล้ว ที่เขาพูดเปิดอกกับเธอทุกเรื่อง แล้วยังจูบเธออย่างหุนหันพันแล่นในห้องสมุดอีก ไม่มีสิ่งไหนที่ เดรโก มัลฟอย ทำแบบหุนหันพันแล่น ก่อนที่จะมีเฮอร์ไมโอนี่มาเกี่ยว
ความรู้สึกใหม่...มันเป็นการขาดการควบคุม เวลาอยู่ใกล้เธอมันทำให้เขาหวั่นไหว และสิ่งที่มีประโยชน์เพียงสิ่งเดียวที่เขาเรียนรู้ได้จากพ่อของเขา สิ่งๆนั้นคือ บทเรียนที่ว่า อะไรก็ตามที่ทำคุณรู้สึกหวั่นไหวจำเป็นต้องกำจัดออกไปโดยเร็วที่สุด เดรโกขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว เฮ่อ! เขาไม่อาจจะขจัดเธออกไปได้อย่างแน่นอน อันที่จริง ถ้าเขา ได้ยินว่ามีใครกล้าแตะต้องตัวเธอ พวกนั้นจะพบว่าตัวเอง จะตายในไม่ช้าเช่นกัน เขาคงต้องอยู่ห่างจากเธอ มันคงจะไม่ยากมากเท่าไหร่ที่จะเลี่ยงเธอหลังจากคริสต์มาส เดรโกคิดกับตัวเอง เมื่อถึงตอนนั้น เขาคงจะตายไปแล้ว
“สวัสดี เดรกี้” เสียงเล็กๆกวนประสาทดังขึ้น แพนซี่ทักเขา ‘อี้! แพนซี่อีกแล้วเหรอเนี่ย’ เดรโกแอบคิด แพนซี่แต่งกายในชุดสีแดงซึ่งต้องเป็นสองไซด์ที่เล็กเกินไปสำหรับเธอ เธอเดินกรีดกรายไปหาเดรโกและยิ้มหวานเยิ้ม
“แด้ดดี้บอกฉันว่านายกลับมาหาพวกเรา” เธอกระซิบในขณะที่เธอตรวจสอบมัดกล้ามบนแผ่นอกของเขา ด้วยกรงเล็บสีดำ
“ฉันไม่รู้ว่า ฉันมีความสุขมากแค่ไหน ที่ฉันได้ยินอย่างนั้น เขาพูดว่าฉันสามารถมีความสัมพันธ์กับนายได้อีกถ้าฉันต้องการ” เดรโกคงจะตกใจอย่างที่สุด ถ้าความคิดเห็นนั้นมาจากคนอื่น แต่เขารู้ว่าแพนซี่เป็นผู้หญิงสำส่อน เฮอร์ไมโอนี่ไม่มีทางที่จะคิด พูดอะไรชั้นต่ำเช่นนั้น เขาหรี่ตาอย่างเป็นภัย
“พาร์กินสัน ฉันจะไม่มีความสัมพันธ์อะไรกับเธออีก แม้ว่าเธอจะเป็นผู้หญิงคนเดียวที่มีชีวิตอยู่ ฉันขลุกอยู่กับเธอในปีที่ห้า เพราะตอนนั้นฉันไม่รู้ว่ามีใครดีกว่าเธอ หวังว่าครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายที่ฉันต้องพูดว่า อยู่ให้ห่างจากฉัน” แพนซี่กะพริบตา อึ้งพูดอะไรไม่ออกครู่หนึ่ง จากนั้น สายตาเปลี่ยนเป็นเจ็บแค้น เธอทำหน้าบึ้งและก้าวเดินออกไปจากเขา
“นายจะต้องเสียใจที่พูดกับฉันวันหนึ่ง เดรกี้! ถ้านายต้องการฉัน และฉันจะไม่อยู่ตรงนั้น! ฉันจะไม่อดทนกับเกมส์ของนายอีกต่อไปแล้ว” เดรโกหัวเราะอย่างเย็นชา
“เกมส์เหรอ ฉันเล่นเกมส์อะไรอีกล่ะ ไม่มีเกมส์อะไรที่ฉันต้องเล่นสักหน่อยพาร์กินสัน ฉันก็แค่เบื่อหน้าเธอ... จบเรื่อง!” แพนซี่เปล่งเสียงร้องทักท้วงจากในลำคอ ซึ่งเดรโกไม่แยแสเธอเลย ในขณะที่เขาเดินไปหาสาวเรเวนคลอผมบลอนด์ที่น่าดึงดูดมากกว่าคนอื่นๆ เธอยืนพิงกำแพงอยู่ ถ้าเขาต้องอยู่ที่นี่ เขาต้องทำให้ตัวเองสนุก เดรโกเข้าไปใกล้เธอและยิ้มอย่างมีเสน่ห์ให้แก่เธอ
“อยากเต้นรำไหม” เธอหน้าแดงพอสมควรและพยักหน้า และในขณะที่เขาเต้นอยู่กับเธอ เขาไม่อาจขจัดภาพสาวกริฟฟินดอร์ผมสีน้ำตาลเข้ม ออกไปจากสมองของเขาได้
***
เฮอร์ไมโอนี่ปั้นรอยยิ้มบนใบหน้าในขณะที่เธอเดินเข้าไปใกล้แฮร์รี่ รอน ลาเวนเดอร์และปาราวาตีอย่างเคย เธอถูกประชากรผู้ชายครึ่งหนึ่งของฮอกวอตส์มองข้าม และเป็นอีกครั้งที่เธอเผลอชายตามองไปทั่วทั้งห้องเพื่อหาบางสิ่ง และเฮอร์ไมโอนี่บังคับตัวเองไม่ให้สนใจเขาอีก เธอต้องหยุดความหลงใหลที่มีต่อเดรโก มัลฟอย ก่อนที่คนอื่นจะเริ่มสงสัย เขาเป็นปีศาจ เย็นชาและไม่มีเหตุผลใดๆเลยที่เธอจะชอบเขา ไม่มีเลย...
เว้นแต่ว่า เขามีดวงตางดงามมากที่สุด และแน่นอนเขาจูบได้อย่าง...
“เฮ้ เฮอร์ไมโอนี่ ตายจริง! เธอดูน่าทึ่ง!” ลาเวนเดอร์ถามอย่างกระตือรือร้น คนอื่นๆพยักหน้าเห็นด้วยในขณะที่เฮอร์ไมโอนี่หน้าแดง
“ใช่แล้ว เธอทำให้ตำแหน่งหัวหน้านักเรียนหญิงเป็นที่น่าภูมิใจอย่างแจ่มแจ้ง” แฮร์รี่พูดต่อด้วยรอยยิ้ม เฮอร์ไมโอนี่เกือบจะหน้าบูด แน่นอนนั่นเป็นเหตุผลเดียวที่เฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์อยากจะดูสวยก็เพื่อเห็นแก่ตำแหน่งนักเรียนหญิงของเธอ เธอไม่ต้องการเป็นที่สนใจของเด็กผู้ชายสักคนเลยในฐานะเด็กสาวคนหนึ่งใช่ไหม เฮอร์ไมโอนี่ไม่ได้โง่ เธอรู้ว่าตัวเองน่าสนใจพอสมควรและรูปร่างของเธอก็ไม่ใช่ปัญหา มันเป็นเพราะชื่อเสียงของเธอ ความฉลาดของเธอ มันทำให้พวกหนุ่มๆกลัวเธอ โอ้! ดีล่ะ เธอคิดถึงหนุ่มคนเดียวที่เธอต้องการและไม่อาจจะเข้าถึงเขาได้ในที่สุด...
“ขอบคุณ แฮร์รี่” เธอพูดอย่างพอใจด้วยรอยยิ้มเล็กๆ พวกเขาสนทนาเรื่องไร้สาระชั่วครู่ก่อนทั้งสองคู่ แฮร์รี่กับรอนจะไปยังฟลอร์เต้นรำ ปล่อยเฮอร์ไมโอนี่ที่ยืนว้าวุ่นใจอยู่ข้างหลัง
***
การเต้นรำดำเนินต่อไป เดรโก มัลฟอย และเฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์ ยังคงแอบมองกันและกัน ในขณะที่พวกเขาเปลี่ยนคู่เต้นรำกับคนอื่นๆ มันจึงไม่เป็นที่สังเกตของทุกคน เว้นก็แต่ แน่นอน อัลบัส ดัมเบิลดอร์ เขาพอจะรับรู้ถึง ความต้องการที่ซ่อนอยู่ภายในของคนทั้งสองได้ และความคิดอันล้ำลึกทำให้แผนการเริ่มต้นขึ้น เขาหันเหความสนใจไปยังด้านซ้ายของเขาในทันที ที่ซึ่งเซเวอร์รัส (ที่ปฏิเสธที่จะแต่งตัว) และมิเนอร์ว่า (ซึ่งทำให้ทุกคนตกใจด้วยภาพลักษณ์ของเจ้าสาวของแฟรงก์เกนสไตน์ทั้งผมและทุกอย่าง) กำลังทะเลาะกันอย่างเคย ดวงตาของดัมเบิลดอร์เริ่มแวววาวอย่างซุกซน เขาคิด ‘อ้า! สมบูรณ์แบบ’
ห้องโถงใหญ่เงียบลงในขณะที่อาจารย์ใหญ่ลุกขึ้นยืนบนโต๊ะกลางห้อง ดูแปลกโดยแท้ในชุดเครื่องแต่งกายของแร็พเปอร์ มักเกิล เขากระแอมและพูดพึมพำว่า ‘โซนารัส’
“ขอโทษด้วยที่ขัดจังหวะ ก่อนอื่น ฉันอยากจะพูดว่า ‘อย่ากังวลไป’ งานเลี้ยงเพิ่งผ่านไปเพียงครึ่งเท่านั้น” เสียงถอนหายใจของความโล่งอกดังออกมาจากกลุ่มนักเรียน
“ฉันอยากจะใช้โอกาสนี้เพื่อจะแสดงความชื่นชมกับพวกเธอทุกคนในเรื่องเครื่องแต่งกายที่มหัศจรรย์ของพวกเธอ และเพื่อเตือนพวกเธออีกครั้งว่ารางวัลจะมอบให้ในตอนท้ายของค่ำคืนนี้ หลากหลายประเภท ฉันยังอยากที่จะขอบคุณพรีเฟ็คของเรา และโดยเฉพาะอย่างยิ่งหัวหน้านักเรียนชายและหญิงของเราที่ทำงานอย่างหนัก ในการจัดงานครั้งนี้เพื่อความสนุกสนานของเรา”
เสียงปรบมือดังสนั่นในทันที และดัมเบิลดอร์ยิ้มอย่างมีความสุข
ในตอนนี้ฉันคิดว่ามันคงจะสนุกที่จะเปลี่ยนคู่เต้นรำสัก 1 หรือ 2 เพลง” พวกนักเรียนส่งเสียงร้องแสดงความไม่พอใจ พวกเขาน่าจะรู้ว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นได้ จากแสงที่เป็นประกายในดวงตาของเขา ดัมเบิลดอร์ยังคงดูเหมือนไม่สนใจต่อคำทักท้วงของพวกนักเรียน
“ฉันจะโบกไม้กายสิทธิ์ และลูกไฟจะปรากฏตรงหน้าพวกเธอแต่ละคน ตามแสงไฟไปจนกว่าจะหยุด ใครก็ตามที่เธอพบว่าอยู่ตรงหน้าจะเป็นคู่เต้นของเธอ ในครั้งต่อไป ถ้าเธอไม่เต้นกับคู่เต้นคนใหม่ของเธออย่างน้อยหนึ่งเพลง ลูกไฟจะโจมตีเธอ เริ่มได้!”
เขาโบกไม้กายสิทธิ์ของเขา และห้องประชุมใหญ่สว่างจ้าด้วยลูกไฟที่ลอยอยู่หลากหลายสี เหล่านักเรียนเริ่มขยับในทันที พวกเด็กๆกลัวท่าทีของลูกกลมติดไฟเหล่านั้นอย่างชัดเจน จากนั้นดัมเบิลดอร์หวดไม้กายสิทธิ์อย่างระมัดระวังไปยังเดรโก เฮอร์ไมโอนี่ สเนปและมักกอนนากัล เขายิ้มอย่างพอใจ และลงจากโต๊ะอย่างว่องไว ตามลูกไฟของตัวเขาเองไปยัง ซีบิล ทรีลอนีย์
เธอเลิกคิ้วอย่างรู้ทันให้แก่ดัมเบิลดอร์เบื้องหลังแว่นตาขนาดใหญ่ของเธอ
“ดวงตาที่สามของฉันเห็นการก่อกวนที่คุณทำให้เกิดขึ้นในคืนนี้” เธอพูดอย่างมีอารมณ์ขัน
“คุณชอบก้าวก่ายเสมอใช่ไหม” ดัมเบิลดอร์แกล้งไม่ได้ยินเธอด้วยการโบกไม้กายสิทธิ์อีกครั้ง เพลงช้ากำลังขับขานดังทั่วทั้งห้อง เขาหันไปหาเพื่อนเก่าของเขาด้วยสายตาบริสุทธิ์
“เต้นรำกันไหม?”
เดรโกถลึงตาใส่ลูกไฟสีเขียวขนาดเล็กที่อยู่ตรงหน้าเขา และยืนพิงกำแพงอย่างรำคาญใจ เขาจะไม่ไปตามหาคู่เต้นของเขาเป็นแน่ คู่เต้นจะยินดีที่จะมาหาเขาเอง เขามองไปรอบๆด้วยสายตาเย็นชาของตัวเอง และแสยะยิ้มให้กับความยุ่งเหยิงที่อาจารย์ใหญ่เป็นต้นเหตุ เขามอง สเนป และมักกอนนากัล ที่สับสนอย่างมากในขณะที่ พวกเขาพยายามวิ่งหนีมัน และพบว่าลูกไฟเพียงแค่ถอยหนีพวกเขาเท่านั้น ในทันทีที่พวกเขาเริ่มเต้นรำด้วยกัน ‘เดี๋ยวก่อน...พวกเขากำลังหน้าแดงใช่ไหม’ เดรโกหรี่ตามองเล็กน้อยด้วยความไม่เชื่อ ‘พวกเขากำลังหน้าแดง!’
“...เดรโก-มัลฟอย” เสียงแผ่วเบาแทรกความคิดของเขา เขาหันไปมองและรู้สึกว่าหน้าของเขาไม่มีเลือดอีกต่อไป มันเป็นเธอ...
“ฉันคิดว่า เอ่อ... คือ ลูกไฟของฉันพาฉันมาหานาย” เธอพูดตะกุกตะกัก หน้าแดงด้วยความเขิน เดรโกเห็นสายตาประหม่าของเฮอร์ไมโอนี่ และมันช่วยไม่ได้ที่เขาจะยิ้มออกมา
เสียงเพลงดังขึ้น...
‘ปั ญ ห า ข อ ง ค ว า ม รั ก คื อ
มั น จ ะ ฉี ก ภ า ย ใ น ตั ว คุ ณ อ อ ก เ ป็ น ชิ้ น ๆ
ทำ ใ ห้ หั ว ใ จ คุ ณ เ ชื่ อ ใ น คำ โ ก ห ก
มั น แ ข็ ง แ ก ร่ ง ก ว่ า ศั ก ดิ์ ศ รี ข อ ง คุ ณ’
ดวงตาของเฮอร์ไมโอนี่เบิกกว้างอย่างไม่เชื่อ ‘เขากำลังยิ้มให้เธอ รอยยิ้มที่แท้จริง ถ้าอย่างนั้น เขาก็ไม่โกรธเธอใช่ไหม บางทีเขาอาจจะอยากเต้นรำกับเธอมากพอๆกับที่เธออยากเต้นรำกับเขาก็ได้’ เธอคิด
“เอาล่ะ” เขาพูดเนิบๆ
“เราจะเต้นรำกัน สเนปและมักกอนนากัลพยายามไม่ยอมเต้นด้วยกัน และมันออกมาไม่สวยนัก”
เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกว่า หัวใจของเธอจมดิ่งลงสู่ปลายเท้าของเธอ โอ้! พยายามฝืนน้ำตาให้ไหลกลับคืนไป เธอไม่ไว้ใจความรู้สึกของตัวเองเลยในตอนนี้ เฮอร์ไมโอนี่พยักหน้าตอบรับอย่างง่ายๆ เดรโกเดินไปหาเธอ และวางมือทั้งสองข้างลงบนสะโพกของเธอ เฮอร์ไมโอนี่พบว่าแขนของเธอวางอยู่รอบคอของเขาตามสัณชาติญาณ เธอพยายามจดจำว่าพวกเขาไม่อาจอยู่ร่วมกันได้ และจดจำว่าเขาไม่ได้รู้สึกอะไรกับเธอทั้งนั้น แต่ด้วยเสียงเพลงที่กำลังเล่นและบรรยากาศอันโรแมนติก มันช่างยากเหลือเกิน เมื่อเขาดึงตัวเธอเข้าไปใกล้กว่าเดิม เธอไม่อาจหยุดกะพริบตาหรือไม่อาจหยุดหน้าผากของเธอที่อิงแอบแนบชิดอยู่บนแผ่นอกกว้างของเขาได้
เพลงยังคงเล่นต่อไป...
‘ปั ญ ห า ข อ ง ค ว า ม รั ก คื อ
มั น ไ ม่ ส น ว่ า คุ ณ จ ะ ต ก ห ลุ ม เ ร็ ว แ ค่ ไ ห น
แ ละ คุ ณ ไ ม่ อ า จ ป ฏิ เ ส ธ เ สี ย ง เ รี ย ก ร้ อ ง
ดู ซิ คุ ณ พู ด อะ ไ ร ไ ม่ อ อ ก เ ล ย
เดรโกไม่รู้ว่าจะขอบคุณดัมเบิลดอร์หรือตำหนิเขาดี เขาคิด ‘ทางหนึ่ง ผู้หญิงที่เขาต้องการมาตลอดคืนนี้ ในที่สุดเธอก็อยู่ในอ้อมแขนของเขา อีกทางหนึ่ง ความรู้สึกนั้นกลับมาอีกครั้ง ความรู้สึกปั่นป่วนในท้อง และปั่นป่วนที่หน้าอกของเขาไม่หยุดหย่อน ความรู้สึกประหลาดนั้นแข็งแกร่งกว่าความใคร่ และทำให้รู้สึกเจ็บปวดมากกว่าเกือบพันเท่า เขาดึงเธอเข้าไปใกล้โดยไม่รู้ตัว นี่เป็นเรื่องไร้สาระ เขาคือเดรโก มัลฟอย! อารมณ์เช่นนี้ไม่มีหน้าที่ในชีวิตของเขา นอกจากนี้เธอก็แค่ เหมือนคนอื่นๆใช่ไหม เธอไม่ได้สนใจเขาจริงๆ เธอก็แค่มองเขาที่หน้าตาเหมือนคนอื่นๆในโลก เดรโก ก้มลงมองในขณะที่เธอซบตรงอกของเขา เขาถอนหายใจอยู่ข้างใน เขารู้ว่าถ้าพวกเขายังเป็นแบบนี้ คงต้อง
ในที่สุดเพลงก็จบลง และเดรโกกับเฮอร์ไมโอนี่แยกจากกัน เธออ้าปากจะพูดบางอย่างแต่เดรโกไม่หยุดฟัง เขาไม่แม้แต่จะให้คำอธิบายกับเธอ เขาหันกลับไปและเดินอาดๆออกไปจากห้องโถงใหญ่ เขาพอแล้วกับเรื่องนี้ เขาไม่แน่ใจว่าเขาจะรับได้มากแค่ไหนก่อนที่เขาจะทำอะไรเกิรเลยกับเธอไปมากกว่านี้ อย่างเช่น จูบเธออีกครั้ง
เฮอร์ไมโอนี่มองเขาจากไปด้วยสายตาที่เจ็บปวด ‘ทีนี้เธอก็คงรู้แล้วนะว่าเขารังเกียจที่จะเต้นรำกับเธอ’ เสียงในหัวตำหนิเธอ เฮอร์ไมโอนี่รู้ว่ามันคือความจริง เธอส่ายหัว ไล่ความในใจออกไป เธอไม่สามารถยอมรับความจริงนี้ได้ และเดินกลับไปยังที่ๆเพื่อนของเธอนั่งอยู่ ครั้งนี้ มีเพียงแฮร์รี่ รอน และจินนี่เท่านั้น
“เฮ้ เฮอร์ไมโอนี่” จินนี่ทักอย่างสดใส
“เต้นรำสนุกไหม” เฮอร์ไมโอนี่หน้าบึ้งโดยไม่รู้ตัว
“อืม” เธอตอบสั้นๆ ในขณะที่เธอดื่มบัตเตอร์เบียร์ของรอนอึกใหญ่ แฮร์รี่และจินนี่มองตากันและกันอย่างรู้ความหมาย
“แล้วใครกันเหรอ ที่เธอต้องเต้นด้วย” แฮร์รี่ถามโดยไม่รู้เรื่องราว เฮอร์ไมโอนี่เงยหน้ามองเขาทันทีทันใด เธอบอกเขา
“มัลฟอย” เธอตอบพยายามพูดเสียงเบา แต่มันไม่ได้ผลกับหูที่ฝึกมาดีของรอน ดวงตาของรอนเบิกกว้างในทันที และหันไปหาเธออย่างไม่อยากจะเชื่อ
“ล้อเล่นใช่ไหม!” เขาพูดละล่ำละลัก เธอก้มหน้าลงมองตักและส่ายหัว
“ว้าว โชคร้ายจัง เฮอร์ไมโอนี่” เธอลุกขึ้นยืนทันที และกระดกบัตเตอร์เบียร์โดยเร็ว
“ฉันรู้สึกไม่ดีนัก” เธอพูดพึมพำ ก่อนจะพลุนพลันออกไปจากห้องโถงใหญ่ เพื่อนๆมองเธอจากไปด้วยสีหน้าต่างกัน คิ้วของรอนผูกกันอย่างครุ่นคิด แฮร์รี่ดูวุ่นวายใจ และจินนี่ดูยอมจำนน รอนเป็นคนแรกที่พูด
“หมู่นี้ เฮอร์ไมโอนี่ดูแปลกๆนะ รู้ไหม” เขาหยุดใช้ความคิดชั่วครู่
“มันอาจจะฟังดูแปลกจริงๆ แต่ฉันคิดว่ามันอาจจะเกี่ยวข้องกับมัลฟอย” แฮร์รี่และจินนี่ กลอกตาครุ่นคิดเมื่อได้ยิน
“แย่ล่ะ เชอร์ล็อค” แฮร์รี่บ่นออกมาพึมพำ รอนชำเลืองมองอย่างงุนงง
“พวกนายหมายความว่า พวกนายทั้งสองคนรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นอย่างนั้นใช่ไหม” จินนี่พยักหน้า
“ฉันสังเกตมาตั้งแต่ต้นปีแล้ว ฉันไม่อยากจะเชื่อว่า พี่จะไม่ได้สังเกต ฉันหมายถึงพี่เป็นเพื่อนสนิทเธอ!” เธอพูดเป็นเชิงตำหนิเล็กน้อย รอนไม่สนใจน้องสาวของเขาอีก และเพ่งมองไปยังแฮร์รี่
“นายรู้เรื่องและไม่บอกฉันเหรอแฮร์รี่” แฮร์รี่ยักไหล่ และจ้องมองความว่างเปล่าต่อไป
“ฉันไม่อยากเชื่อ มัลฟอย ต้องกำลังทำบางอย่างกับเฮอร์ไมโอนี่และพวกนายจะหยุดมันใช่ไหม! เขาอาจจะใช้คาถาสะกดใจหรือาจจะขู่เธอโดยเอาความลับมาเป็นข้อต่อรอง หรือ--”
“มันไม่ใช่อย่างนั้นหรอก รอน!” จินนี่โต้กลับไปอย่างรำคาญ
“ถ้างั้น มันเกิดบ้าบออะไรกันขึ้นล่ะ!” รอนตะโกนด้วยความหงุดหงิด แฮร์รี่หยุดเหม่อลอยและหันกลับไปหาเพื่อนด้วยสายตาเคร่งขรึม
“มันแย่กว่านั้น ฉัน...ฉันคิดว่าเธอกำลังตกหลุมรักเขา” หน้าของรอนซีดเผือดและปากอ้าค้างชั่วขณะด้วยความตกตะลึง จากนั้นเขาลุกขึ้นยืนและเริ่มเดินจากไป แฮร์รี่และจินนี่ต่างจ้องมองกันด้วยสายตาตื่นตะหนก พวกเขารีบกระโดดตามรอนไป คว้าแขนของเขาเอาไว้
“พี่จะทำอะไรน่ะ” จินนี่ถามอย่างวิตก หน้าของรอนสงบนิ่งน่าขนลุก และเธอรู้ว่านี่คือสัญญาณอันตราย
“ฉันกำลังจะไปฆ่ามัลฟอย” เขาพูดน้ำเสียงจริงจัง
เรื่องนี้ก็ใกล้จะจบเต็มทนแล้วนะค่ะเหลืออีกแค่สามตอนเท่านั้นยังไงก็ขอให้ทุกคนติดตามจนจบนะค่ะ
ความคิดเห็น