คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : [KangxTeuk] Keep your vehemently touch.....[ทาส - Paradox] + ตอบเม้น 9
Title : [KangxTeuk] Keep your vehemently touch.....[ทาส - Paradox]
Type : Short Fic
Rate : NC - 17
===========================================
แสงอาทิตย์สาดส่องผ่านกระจกใสที่มีในห้องที่ทาด้วยสีเทาควันบุหรี่ทั้งห้อง เฟอร์นิเจอร์ภายในห้องถูกตกแต่งคละไปด้วยสีฟ้า สีดำ และสีขาวบริสุทธิ์ ตู้เสื้อผ้าถูกจัดวางตรงข้ามกับประตูห้องน้ำ โต๊ะเขียนหนังสือที่วางอยู่มุมขวาของห้องและถัดออกมาเป็นตู้หนังสือที่มีหนังสือวางระเกะระกะเต็มตู้ที่เจ้าตัวไม่คิดจะสนใจมาจัดเรียงให้เป็นระเบียบ
เคาท์เตอร์ที่พร้อมไปด้วยน้ำเปล่าและของกินกระจุกกระจิกวางไว้ตามช่องต่างๆ ถัดไปเป็นโต๊ะรับประทานอาหารเล็กๆสำหรับสองคนเท่านั้น ตรงกลางห้องมีโซฟาหนานุ่มและโต๊ะรับแขกเตี้ยๆตั้งตระหง่านอยู่ เตียงนอนที่ปูด้วยผ้าสีขาวบริสุทธิ์ที่จัดวางอยู่อีกมุมหนึ่งของห้องโดยมีฉากบางๆกั้นเอาไว้
ร่างบอบบางที่นอนบนเตียงขยับตัวเล็กน้อยเมื่อแสงส่องเข้าตา นัยน์ตาโตดั่งกวางสาวเริ่มกระพริบถี่ๆเพื่อปรับสายตาให้ชินกับแสง มือเรียวพยุงร่างกายที่บอบช้ำให้ลุกขึ้น ร่างบางก้าวเดินพร้อมกับความเจ็บที่แล่นไปทั่วร่าง ฟันสีขาวกัดริมฝีปากเพื่อระบายความเจ็บปวดเมื่อครู่ ร่างเปลือยเปล่าเผยให้เห็นผิวขาวเนียนละเอียดที่ตอนนี้มีแต่รอยแดงช้ำไปทั่วตัว ทั้งรอยจูบและรอยฟันที่เจ้าของของร่างนี้ประทับตรึงตราไว้เมื่อคืน
ร่างบางค่อยพาตัวเองไปในห้องน้ำเพื่อชำระล้างร่างกายที่เปื้อนไปด้วยคราบเลือดและคราบน้ำสีขาวขุ่น ซ่าๆๆๆ!!!เสียงสายน้ำจากฝักบัวทำให้ร่างบางนึกถึงวันนั้น วันที่เขาได้มาอยู่ในห้องนี้ ห้องที่ทำให้เขาปราศจากคำว่าอิสรภาพไปชั่วชีวิต......
วันที่ฝนตกหนัก หนักเสียจนกลบเสียงกรีดร้องขอความช่วยเหลือของคนตัวเล็กๆที่ดิ้นพราดกับการบังคับของชายใส่ชุดสูทสีดำสองคนให้ลงไปชั้นใต้ดินหรือเรียกว่าตลาดมืดดีๆนี่เอง ทำไมผมถึงถูกจับมาขายในตลาดมืดยังงั้นเหรอ? เพราะพ่อที่ติดเหล้า แม่ที่ติดการพนัน พี่ที่ขยันทำงานให้พวกท่านจนจบชีวิตลงโดยไร้การเหลียวแลจากพ่อแม่แท้ๆของตัวเอง พวกคุณคงเดากันได้ไม่ยากเลยใช่มั้ยว่าทำไมผมถึงมีสภาพแบบนี้......
ใช่!!!พ่อแม่จับผมไปขายในตลาดมืดหวังจะนำเงินก้อนนี้มาใช้ในการเล่นพนันและดื่มเหล้าต่อ อีกทั้งหนี้ก้อนโตที่แม่สร้างเอาไว้ในคาสิโนด้วย ผมถูกโยนไว้บนเวทีเสื้อเชิ้ตที่ใส่ถูกฉีกกระชากจนขาดวิ่นจนเห็นหุ่นผอมบางเพราะอดมื้อกินมื้อ เสียงประมูลกันดังลั่นห้องราคาตัวของผมพุ่งสูงไปถึงหลักสิบล้าน หลังจากนั้นเสียงเริ่มแผ่วเบาลงจนเหลือคนที่กล้าจะต่อราคาที่เสนอสูงสุดถึงเก้าสิบล้านวอน
'สองร้อยล้านวอน'
เสียงชายคนนึงที่ดังขึ้นและราคาที่สูงลิบลิ่วเรียกเสียงฮือฮาจากบรรดาผู้ที่มาประมูลด้วยกัน ชายที่ให้ค่าตัวผมสูงจนน่ากลัว ชายที่ได้ตัวผมไป.....คิม ยองอุน ชายที่โด่งดังในวงการมืดของประเทศเกาหลี ถ้าเปรียบกับด้านขาวสะอาดแล้วล่ะก็คงเป็น ชเว ซีวอน ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของบริษัทชเวกรุ๊ปที่มีคู่หมั้นเป็นหนุ่มนายแบบหน้าสวย เจ้าอารมณ์ และร้ายจนน่ากลัว คิม ฮีชอล เพื่อนที่แสนดีของผมที่ตอนนี้คงกำลังวิ่งหาตัวผมวุ่นไปทั่วโซล
หลังจากนั้นผมถูกพามาที่ห้องแห่งนี้ห้องที่ผมต้องใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ภายในห้องสี่เหลี่ยมนี้ต่อไปจนกว่าจะหมดลมหายใจเฮือกสุดท้ายของชีวิต ทำไมคิม ยองอุน ชายที่กุมวงการมืดทั้งหมดของเกาหลีต้องทุ่มเงินหลายร้อยล้านวอนซื้อตัวผมตัวนั่นคือคำถามแรกที่เข้ามาในหัวของผมเมื่อเขาได้ผมไป คำตอบที่ผมได้มาในวันที่ได้พรากความบริสุทธิ์ของผม
'ของเล่น ไม่จำเป็นต้องมาถามเจ้าของแค่ทำตัวให้สมกับของเล่นราคาแพงก็พอ'
น้ำตาผมไหลออกมาหลังจากจบประโยค ของเล่น....ผมเป็นเพียงแค่ของเล่นที่มีชีวิตของเขาใช่มั้ย??ของเล่นที่เขาทุ่มเงินซื้อมาเพื่อที่จะเล่น เล่นจนเบื่อแล้วขว้างทิ้ง เขี่ยทิ้งยังงั้นเหรอ??
'หึ ของเล่นน่ะไม่จำเป็นต้องมีน้ำตา จำไว้ด้วย'
พอพูดจบเขาหันหลังเดินออกจากห้อง ประตูไม้วอลนัทค่อยๆเคลื่อนตัวปิดลงพร้อมกับเสียงสะอื้นออกจากปากของผม ความเจ็บปวดในหัวใจที่พบเจอมันไม่หยุดหย่อนและลุกลามขยายออกไปมากขึ้นทุกวัน ทุกวัน เจ็บจนชาชิน เจ็บจนแทบจะไร้ความรู้สึก หรือ....หัวใจผมเริ่มจะด้านชาไปเสียแล้ว ด้านชากับความรักที่เริ่มงอกเงยพร้อมกับความเจ็บปวดที่เขาโยนเมล็คทิ้งลงมาภายในใจของผม ต้นรักที่มีหนามแหลมคอยทิ่มแทงในใจของผมทุกวี่ทุกวัน
เธอ เธอเคยรักฉันรึเปล่า
บางคราวเธอดูช่างโหดร้าย
มันถูกบังคับไปทุกอย่าง
จนทำให้เราไม่แน่ใจ
เธอเปลี่ยนตัวฉันดูใหม่
ผมเดินออกจากห้องน้ำพร้อมกับผ้าเช็ดตัวพันกาย มือเรียวเปิดตู้เสื้อผ้าและหยิบเสื้อเชิ้ตสีขาวที่มีอยุ่ภายในตู้ไม่กี่ตัวมาสวมใส่ ชายเสื้อที่ยาวเลยลงมาจากสะโพกมนเพียงแค่สองคืบทำให้เห็นขาขาวๆได้พอหอมปากหอมคอ ขาเพรียวพาร่างอันบอบบางไปหาของกินลงท้อง ทั้งๆที่ใจมันไม่อยากแต่ร่างกายกลับต้องการของเพื่อหล่อเลี้ยงให้มีชีวิตอยู่เพื่อรอรับความทรมานต่อไป
ผมหยิบส้มที่พ่อบ้านเพิ่งนำมาให้เมื่อวันก่อนเข้าปาก ผมสีดำสนิทตอนนี้ยาวจนคลอเคลียเอวของผมมันบ่งบอกถึงระยะเวลาที่ผมถูกจับนำมาไว้ที่นี่ ผมไม่เคยรู้เลยว่าวันนี้เป็นวันอะไร ปีอะไรแม้แต่วันเกิดตัวเองผมยังไม่รู้ว่ามันผ่านไปหรือยัง ผมไม่เคยรู้ว่าโลกภายนอกเป็นยังไงบ้าง......
ผมเดินไปหยิบหนังสือที่อ่านค้างไว้มาอ่าน โซฟาหนานุ่มที่นั่งอยู่ช่วยบรรเทาความเหนื่อยล้าไปได้หน่อยนึง แกร๊ก!!!ผมเงยหน้าจากหนังสือ พ่อบ้านชิน ดงฮีวัย 43 ปีเข็นอาหารต่างๆเข้ามาวางเสิร์ฟบนโต๊ะรับประทานอาหาร
"คุณหนูทึกกี้ ได้เวลาอาหารแล้วครับ"
"อา....ลุงชินไม่ต้องเรียกผมว่าคุณหนูหรอกครับ ผมมาจากครอบครัวยากจนเท่านั้นเอง"
"ไม่ได้หรอกครับ คุณชายคังอินสั่งมาครับ"
ทึกกี้......เป็นชื่อเล่นของผมที่พวกเพื่อนๆมักจะเรียกกัน เพียงแค่ชื่อเล่นแค่นี้มันไม่ยากสำหรับคนอย่างคังอินหรือยองอุนเลย คังอินเป็นชื่อเรียกสำหรับคนที่สนิทชิดเชื้อสามารถเรียกได้เท่านั้น ครั้งหนึ่งที่ผมเคยหลุดปากเรียกชื่อนี้ออกมา เขาโกรธจนตบหน้าผม.....และเลือดไหลออกมาจากมุมปาก
'ของเล่นอย่างนายไม่มีสิทธิ์มาเรียกฉันด้วยชื่อนั้น!!!!!'
หลังจากนั้นผมคงไม่ต้องพูดถึงเรื่องราวในคืนนั้น คืนที่ต้องตกนรกทั้งเป็น.........
อารมณ์ของเธอช่างอ่อนไหว
โดนบีบบังคับตามคำสั่ง
ต้องอยู่ต้องทนเป็นทาส
ผมตักอาหารเข้าปากสี่ห้าคำก่อนที่จะวางช้อนส้อม ส่วนลุงชินดงเดินไปเปลี่ยนผ้าปูที่นอนที่เปื้อนไปด้วยเลือดและน้ำจากกิจกรรมที่ผมต้องเจอเมื่อคืน ลุงชินดงมองผมด้วยความสงสารทุกครั้งที่เขาต้องจัดการสิ่งต่างๆภายในห้อง ลุงชินดงเดินมาตรงหน้าผมและโค้งตัวลงจนหัวแทบจะติดพื้น
"ผมต้องขอโทษแทนคุณชายด้วยนะครับคุณหนู จริงๆแล้วคุณชายไม่ได้เป็นคนแบบนี้ คุณชายเป็นคนที่ร่าเริง ยิ้มง่าย และใจดี...."
"พอเถอะครับลุง สำหรับคนอื่นคุณคิมของลุงเขาคงเป็นแบบนั้น แต่กับผมแล้ว......เขาคงไม่คิดจะไยดีกับของเล่นที่เขาทุ่มเงินหลายล้านซื้อมาหรอกครับ"
ผมยิ้มฝืดเฝื่อน ลุงชินดงส่งสายตาปวดร้าวให้ผม
.....คุณหนูที่แสนดี จิตใจงดงามเหมือนเทวดาตัวน้อยๆกลับต้องมาเจอคุณชายที่ของเขาทรมานทุกคืนถึงกระนั้นเขากลับไม่คิดจะหนี ไม่สิหนีไม่ได้มากกว่าประตูไม้วอลนัทชั้นดีที่ถูกล็อคจากด้านนอก หน้าต่างที่ปิดตาย ไม่เคยได้สัมผัสไอฝน ไม่เคยได้สัมผัสเกล็ดหิมะที่ขาวสะอาดที่เหมือนจิตใจของเขา ถึงแม้ร่างกายจะเเปดเปื้อนก็ยังดูบริสุทธิ์เหมือนเดิมตลอดมา......
"ของเล่น.....เขามีความคิดกันด้วยเรอะ"
ชายหนุ่มร่างสูงกำยำยืนพิงกระตูที่ถูกเปิดด้วยสายตาไม่สบอารมณ์ นัยน์ตาที่กลมจ้องร่างที่นั่งบนเก้าอี้ไม่วางตา ริมฝีปากเหยียดยิ้มราวกับเย้ยหยันคำพูดที่ออกมาจากกลีบปากสวยเมื่อครู่นี้ พ่อบ้านหันมามองคุณชายที่ตนเลี้ยงดูมาตั้งแต่เป็นทารกตัวน้อยๆด้วยสายตาตื่นตะลึงไม่ว่ากี่ครั้งๆที่ได้ยินจากก็อดสงสารคุณหนูคนนี้ไม่ได้สักที
"ออกไปได้แล้ว"
พ่อบ้านโค้งตัวก่อนที่จะพาตัวเองออกไปพร้อมกับรถเข็นอาหาร ร่างสูงเดินเข้ามาแต่ไม่ลืมล็อคประตูเพื่อไม่ให้ของเล่นชิ้นนี้หนีออกไปได้ ร่างสูงเดินไปยังโต๊ะอาหาร สายตาคมกวาดมองอาหารบนโต๊ะที่พร่องลงไปเพียงแค่นิดเดียว มือหนาหยิบช้อนของร่างบางมาตักอาหารเข้าปาก
"อาหารก็รสชาติดี ทำไมถึงกินไปแค่นิดเดียว"
ร่างสูงถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบกับคนตรงหน้า ร่างบางก้มหน้านิ่งไม่คิดจะตอบคำถาม ต่อหน้าคนๆนี้เราเป็นเพียงแค่ตุ๊กตาไร้ชีวิตจิตใจ ถ้าเขาต้องการดังนั้นเราก็จะเป็น เป็นเพื่อเขาแม้ว่าหัวใจของตัวเองจะแหลกสลายก็ตาม
ใบหน้าหวานเงยสบนัยน์ตาคม ดวงตากลมโตไร้ประกายมีเพียงแค่ลมหายใจเท่านั้นที่บ่งบอกว่าเจ้าตัวยังมีชีวิต มีเลือดเนื้อ ริมฝีปากบางเม้มสนิทไร้คำพูดใดที่เล็ดลอดออกมา ตอนนี้คนตรงหน้าเหมือนตุ๊กตาตัวโตดั่งที่ร่างสูงต้องการ มือหนาเอื้อมจับใบหน้าสวย
"ฉันถาม....ตอบมาเดี๋ยวนี้!!"
นัยน์ตาคมหรี่ลงด้วยความไม่พอใจที่เริ่มก่อตัวภายในใจ
"ผมคือตุ๊กตา ผมคือของเล่น ไม่จำเป็นต้องมีคำตอบให้คุณคิมไม่ใช่หรือครับ"
คำตอบที่เขาพูดมันออกมาจากใจจริงกลับทำให้ร่างสูงคิดว่าประชดประชัน ร่างสูงเหยียดยิ้มเป็นรอยยิ้มที่น่ากลัวสำหรับทุกๆคนแต่ร่างบางชาชินเสียแล้วที่ต้องเห็นรอยยิ้มแบบนี้ทุกวันทุกคืน หลังจากนี้คงไม่พ้นเตียงที่เพิ่งเปลี่ยนผ้าปูไปเป็นแน่แท้
มือหนาคว้าข้อมือผอมบางและเหวี่ยงเจ้าตัวลงบนเตียง ไม่มีแม้แต่เสียงร้องขอความช่วยเหลือ ร้องขอความเมตตาจากคนที่กำลังซุกไซร้ซอกคอของตน ถึงขอไปก็ไร้ผล.......แต่ละทางที่ริมฝีปากร่างสูงผ่านได้ฝากรอยจูบและรอยฟันที่กัดเนื้อขาวๆจนเลือดไหลซิบๆ ร่างบางได้แต่กลั้นเสียงร้องของความเจ็บไว้ในลำคอ
ไม่พูด ไม่โวย ไม่บ่น มันจวนจะกลายเป็นทาส
โดนเฆี่ยน โดนตี ถูกใช้งาน ต้องฝืนทนต่อไป ทาส
ไม่พูด ไม่โวย ไม่บ่น เธอทำให้กลายเป็นทาส สนองอารมณ์
ถูกทิ้ง ต้องฝืนทนต่อไป
Rate : Ctal + a
===========================
เสื้อเชิ้ตสีขาวถูกเหวี่ยงลงพื้นพร้อมเสื้อสูท เนคไทค์ เสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนของร่างสูง ชิ้นส่วนด้านล่างถูกถอดออกจนหมดตอนนี้มีเพียงแค่ร่างเปลือยเปล่าทั้งสองคนที่กอดเกี่ยวปลดปล่อยอารมณ์ที่พุ่งพล่าน
มือหนาจับขาเพรียวแยกออกจากกัน ลิ้นสากดุนช่องทางอ่อนนุ่มที่ฉีกขาดและยังไม่หายดีสักเท่าไหร่ ร่างบางเกร็งตัวเสียงครางแสนหวานเล็ดลอดออกมายิ่งทำให้ร่างสูงแกล้งต่อไปเปลี่ยนจากช่องทางด้านหลังเป็นส่วนอ่อนไหวด้านหน้า
"อึ้ก อา....อ๊า อา"
มือเรียวขยี้เรือนผมสีดำเป็นที่ระบายอารมณ์ที่อีกฝ่ายมอบให้ ร่างบางบิดเร้ากับสิ่งที่จะพุ่งทะยานจนถึงจุดสูงสุดเหมือนร่างสูงจะรู้จึงถอนริมฝีปากออก จับเรียวขาแยกกว้างก่อนที่จะสอดนิ้วทั้งสามนิ้วเข้าไปและแยกออกจากกันทำให้ช่องทางอ่อนนุ่มฉีกขาดเลือดสีแดงสดหยดลงบนผ้าปูสีขาวเป็นดวง
"อึก!!!"
ร่างบางกลั้นเสียงอย่างสุดความสามารถคังอินมองใบหน้าหวานที่บัดนี้หยาดเยิ้มใบด้วยน้ำตา ริมฝีปากแดงสวย แก้มชมพูระเรื่อน่าสัมผัส ทำให้เขาอดใจไม่ไหวถอนนิ้วออกมาและกระแทกแก่นกายตัวเองเข้าไปจนสุด
"อ๊า!!!! จะ เจ็บ เอาออกไป....ขอร้องล่ะ..."
น้ำตาหยาดหยดลงมาตามแก้มเนียน ร่างสูงก้มลงไปซับและมอบจุมพิตที่หอมหวานทำให้ร่างบางหมดสิทธิร้องขออีกต่อไป ร่างสูงขยับตัวออกและกระแทกเข้าไปอีกครั้ง
"อ๊าาาาาา!!"
รู้สึกอึดอัดไปทั้งท้อง มือเรียวป่ายเปะปะเพื่อหาอะไรมาบรรเทาความรู้สึกที่ได้รับสุดท้ายก็มาลงที่หลังกว้างของร่างสูง ริมฝีปากร่างสูงกดทับลงมาอย่างหนักหน่วงลิ้นสากดุนเข้ากะหวัดหาความหอมหวานจนทั่วโพรงปาก เสียงเนื้อกระทบกันคลอกับเสียงครางดังไปทั่วห้อง
"....นายยังแน่นเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลย"
มือหนากอบกุมแก่นกายของอีกฝ่ายและเริ่มหยอกล้อส่วนปลายราวกับจะทรมานคนด้านล่างให้อึดอัดกับความอยากจะปลดปล่อยอารมณ์สุดท้ายออกมาก ร่างสูงกระแทกเข้าออกเป็นจังหวะและเริ่มรูดส่วนอ่อนไหวขึ้นลงอย่างรวดเร็ว แก่นกายที่เข้าออกช่องทางสีชมพูแทบจะทำให้ร่างบางคลั่งตาย
ความร้อนของแท่งเนื้อเสียดสีกับผนังช่องทางสร้างความเสียวซ่านและต้องเกร็งหน้าท้องแบนราบทุกครั้งที่สิ่งนั้นกระแทกเข้ามา มืออีกข้างที่ว่างยังคงซุกซนป่ายเปะปะไปทั่วร่างกายของร่างบาง และไปยังช่องทางเต็มแน่นสอดแทรกนิ้วเข้าไป
"อ๊ะ อ้าาาา!!มะ ไม่ ฮ้าา"
ร่างบางร้องห้ามไม่เป็นภาษา มีหรือที่ร่างสูงจะสนใจกลับแทรกเข้าไปอีกจนช่องทางฉีกขาดกว้างกว่าเดิม ช่องทางด้านล่างเริ่มแสบและชาดิกจนไปทั่วร่าง มีสิ่งเดียวที่ร่างบางรู้สึกได้คือการขยับแก่นกายของร่างสูงที่แทบจะเขาสำลักความหอมหวานจนเกือบตาย แขนเรียวสร้างรอยบนหลังกว้างเป็นทาง
ก่อนที่ร่างสูงจะเร่งจังหวะไปพร้อมกับถอนนิ้วออกมา ร่างบอบบางกระตุกเกร็งและปล่อยน้ำสีขาวขุ่นเปรอะไปทั่วหน้าท้องแบนราบและหน้าท้องแกร่ง ร่างสูงขยับเข้าออกสักพักจึงปล่อยน้ำสีขาวขุ่นเต็มช่องทาง ร่างบางที่นอนระโหยโรยแรงบนเตียงแต่ร่างสูงกลับไม่สนใจเริ่มการกระทำต่อไปราวกับคนๆนี้เป็นของเล่นที่มีไว้เพื่อระบายอารมณ์จริงๆ
ยอม ถูกเหยียบ โดนย่ำโดนยี วิญญาณฉันคงจะแหลกสาย
แต่เป็นเพราะรักเธอมากกว่า จึงต้องมาถูกทรมานทรกรรมเป็นทาส
ไม่พูด ไม่โวย ไม่บ่น มันจวนจะกลายเป็นทาส
โดนเฆี่ยน โดนตี ถูกใช้งาน ต้องฝืนทนต่อไป ทาส
ไม่พูด ไม่โวย ไม่บ่น เธอทำให้กลายเป็นทาส สนองอารมณ์
ถูกทิ้ง ต้องฝืนทนต่อไป
เวลาล่วงเลยเข้าสู่ตอนกลางคืนกว่าผมจะได้สติตื่นขึ้นมา ทุกครั้งๆที่ผมตื่นขึ้นมา ผมพบแต่ความว่างเปล่าเท่านั้นมีเพียงกลิ่นกายและความอุ่นของเจ้าตัวที่เพิ่งลุกออกไปเท่านั้นที่ทิ้งเอาไว้ว่าเขาเคยมาอยู่ในห้องนี้ ผมเอื้อมมือไปหยิบเสื้อสุทสีดำที่คุณเขาวางทิ้งมากอดเพียงแค่นี้ก็พอแล้วสำหรับความสุขเล็กๆน้อยๆที่ของเล่นชิ้นนึงจะได้รับจากเจ้าของ
ผมพาตัวเองไปห้องน้ำอีกเช่นเคย ผมเดินผ่านฉากกั้นบางๆไปโดยไม่คิดว่าจะมีใครมานั่งอยู่ในตามปกติวิสัยและปิดประตูเข้าห้องน้ำไป ใครจะรู้ว่ามีร่างหนึ่งที่สั่งให้พ่อบ้านหอบเอกสารมากองทิ้งไว้และนั่งลงมือทำเมื่อหนึ่งชั่วโมงที่ผ่านมา ผมเดินออกมาอย่างช้าๆและหยิบเสื้อเชิ้ตมาใส่
"เป็นของเล่นภาษาอะไร ไม่คิดจะทักทายเจ้าของที่นั่งหัวโด่อยู่"
ใบหน้าคมเงยขึ้นมาจากแฟ้มเอกสาร นัยน์ตาสวยเบิกกว้างไม่คิดว่าเขาจะยังอยู่ในห้อง มือเรียวที่กำลังติดกระดุมร่วงลงตามแรงโน้มถ่วงของโลกเผยให้เห็นทุกส่วนของร่างกายอย่างไม่ปิดบัง
"คิดจะยั่วกันงั้นรึ"
ใบหน้าหวานแดงซ่านและรีบติดกระดุมจนหมด ปากบางบ่นอุบอิบๆ
"บ่นอะไร ของเล่นไม่จำเป็นต้องบ่นแค่อยู่เฉยๆ กินข้าวให้มีชีวิตต่อ นอนรอฉันแค่นั้นก็พอแล้ว"
นัยน์ตาคมตวัดมองร่างบางที่เบือนหน้าหนีเพื่อซ่อนรอยปวดร้าว ก่อนที่จะลุกขึ้นมาคว้าใบหน้าหวานและออกแรงบีบจนแก้มแดงช้ำ
"เวลาคุยกับเจ้าของต้องหันหน้ามาตรงๆ หัดจำไว้ด้วย!"
นัยน์ตาสวยสบนัยน์ตาคมด้วยแววตาของตุ๊กตาเพื่อซ่อนความรู้สึกเจ็บจนแทบจะหายใจไม่ออกเพื่อไม่ให้คนตรงหน้ารู้
ไม่โวย ไม่วาย ต้องทน ต้องตาย
ไม่โวย ไม่วาย ต้องทน ต้องตาย
มือหนาสะบัดออกอย่างรังเกียจราวกับคนตรงหน้าเป็นเชื้อโรค ก่อนที่จะทิ้งลงโซฟาเพื่อทำงานต่อ ผมได้แต่ยืนนิ่งอยู่ตรงตู้เสื้อผ้า กระจกที่ติดกับด้านนอกตู้เสื้อผ้าสะท้อนภาพออกมาให้เห็นผู้ชายคนนึงที่มีใบหน้านิ่งไร้ชีวิตชีวา ดวงตาไร้ประกาย ตามเนื้อตัวมีร่องรอยแดงช้ำเหมือนตุ๊กตาที่ถูกทิ้งเอาไว้เบื้องหลังทุกครั้งที่ถูกใช้งานจนเสร็จ
ไม่รู้ว่าผมยืนนานขนาดไหนก่อนที่จะถูกมือของเขากระชากผมให้ไปนั่งที่โซฟาด้านข้าง ร่างสูงลงมือทำงานไม่มีเสียงพูดคุยเล็ดลอดออกจากริมฝีปากทั้งคู่ ผมได้แต่เหม่อลอยปล่อยให้ความคิดล่องลอยไปไกล จนร่างสูงเขวี้ยงแฟ้มงานลงบนพื้นอย่างไม่ไยดี ทำให้มีสติกลับมาอีกครั้ง เจ้าของผมหันมามองผมอย่างไม่สบอารมณ์
"น้ำหน้าอย่างนายไปให้พ้นหน้าฉันซะ!!!!"
เขาลุกพรวดไม่วายกระชากผมให้ลุกขึ้นและเหวี่ยงลงบนเตียง แต่คราวนี้เขาไม่ได้ตามด้วยคร่อมตัวผมกลับเดินออกจากห้องและปิดประตูไม้อย่างแรง ปัง!!!! พร้อมกับน้ำตาใสๆไหลออกจากนัยน์ตาคู่สวย ร่างบางนอนสะอื้นร่ำไห้มือเรียวหยิบเสื้อสูทตัวเดียวที่เขาทิ้งเอาไว้เหมือนกับของดูต่างหน้ามากอดเอาไว้ กลิ่นกายของเขา ความอุ่นของตัวเขา อ้อมกอดของเขา.......
เธอ เธอเคยรักฉันรึเปล่า บางคราวเธอดูช่างโหดร้าย
M ag ic
================================================
ฮ้า า า า
ตอนนี้โชก้อเอาฟิคที่ไปแชร์ก่พเพื่อนไว้มาแปะแก้ขัดไปก่อน
แฮะๆ
=_=;;
พูดง่ายๆคือตอนนนี้อีโชเข้าโหมดอู้แล้ว เอิ๊ก ก ก ก
ตอนนี้ก้อขอตอบเม้น 9 ที่แปะไว้นะเจ้าคะ
คือเรื่องTasน่ะโชขอปิดไปก่อนเพราะโชยังนอยไม่หาย
มันหมดกำลังใจอ่ะ เจอเม้นเข้าไปมันเกิดอาการอึ้งอ่ะ
ก้อบอกกันไปแล้วแต่ไม่ยอมฟังแล้วมาเม้นกันยังงี้
โชนอยอย่างแรง แล้วโชก้อขอโทษสำหรับคนที่ให้กำลังใจและติดตาม
ตอนนี้โชก้อขอปิดไปก่อนแล้วนะเจ้าคะ
ขอไปปรับปรุงเอาให้มันดีกว่านี้รอให้พร้อมแล้วโชจะเอามาลงให้
ขอโทษจริงๆนะเจ้าคะ
ถ้าโชเอาลงแล้วจะแจ้งให้รู้อีกทีนะเจ้าคะ
พีเอส ส ส . รักคนอ่านมากมาย อิอิ >.<
ความคิดเห็น