คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : 10 | DWELL ON DREAMS
RED SNITCH
(AU!HOGWARTS)
OSH | KJI | PCY
( 10 )
‘DWELL ON DREAMS’
“อะไรนะ! พูดอีกทีซิว่าแม้แต่วันเสาร์นี้นายก็ไม่ได้ถูกกักบริเวณ”
คิมจงอินเอ็ดรองกัปตันทีมควิดดิชบ้านกริฟฟินดอร์ทางสายตา เมื่ออีกฝ่ายเผลออุทานออกมาเสียงดังลั่นกลางชั่วโมงปรุงยาจนโดยศาสตราจารย์ซลักฮอร์นเหล่ตามองมาอย่างตำหนิ เขาจัดการใส่น้ำจากกระเพาะของฮอร์กลัมป์ลงไปในหม้อจำนวนสองส่วน จุดไฟด้วยอุณหภูมิปานกลาง จับเวลาจนครบสิบวินาที แล้วจึงเริ่มปรุงน้ำยากำจัดวัชพืชอีกครั้งพร้อมๆ กับเอ่ยตอบคิมจงแดไปด้วย
“แค่เสาร์นี้เท่านั้นแหละน่า ฉันยังต้องถูกลงโทษอีกตั้งสิบเอ็ดชั่วโมง”
“นายเป็นกัปตันทีม! แล้วสัปดาห์หน้าเราก็มีแข่งด้วย!” จงแดยื่นเมือกหนอนฟลอบเบลอร์เพื่อให้จงอินเติมลงในหม้อ เนื่องจากวันนี้เป็นการจับคู่ปรุงยา ทั้งสองที่กลายเป็นเศษในกลุ่มเพื่อนจึงหันมาจับคู่กันเองราวกับเป็นเรื่องปกติธรรมดา
จำนวนนักเรียนวิชาปรุงยาลดลงเกินครึ่งหลังจากจบปีห้า อันที่จริงจงแดไม่เข้าใจสักเท่าไรนักว่าเหตุใดเจ้าของผิวสีแทนจึงยังเลือกลงเรียนวิชานี้อยู่ จงอินบอกว่ามันจำเป็นกับการสมัครทำงานในกระทรวง ซึ่งสาบานกับเมอร์ลินเลย จงแดไม่คิดว่าคนคนนี้มีแผนจะลองสอบเข้าเป็นมือปราบมารตามรอยปาร์คชานยอลไปอีกคน (โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเอาผลการเรียนมาวางเทียบกันแล้วเห็นถึงความแตกต่างมหาศาล)
“พวกนายซ้อมกันเองได้อยู่แล้ว” คนถูกโวยตอบแบบไม่ยี่หระ ในเมื่อบทลงโทษมาจากศาสตราจารย์มักกอนนากัล แล้วเขาจะทำอะไรได้ “ฝากหน่อย ท่านรองฯ”
“นี่มันบ้าชัดๆ ทั้งนายแล้วก็โอเซฮุนนั่นแหละ ป่านนี้สลิธีรินคงปวดหัวไม่ต่างกันแล้ว”
เป็นเรื่องตลกร้ายที่ซีกเกอร์ของทั้งสองบ้านถูกกักบริเวณด้วยกัน ทั้งที่การแข่งขันควิดดิชประจำปีระหว่างกริฟฟินดอร์กับสลิธีรินจะมาถึงในช่วงสัปดาห์หน้า อย่างน้อยก็เรียกได้ว่าเป็นความยุติธรรมที่ต่างฝ่ายต่างเสียเปรียบ แต่ให้เรียกว่าโชคดีก็พูดได้ไม่เต็มปาก
“แล้วเป็นยังไงบ้างล่ะ โดนกักบริเวณด้วยกันแบบนี้ นายคงสนิทกับหมอนั่นขึ้นมาน่าดู”
“ไม่มีทางเสียล่ะ” เขาสวน มือก็คนยาในหม้อตามเข็มนาฬิกาอีกสี่รอบ
“ฉันเข้าใจผิดอย่างนั้นหรือ” จงแดทำปากยื่น โบกไม้กายสิทธิ์ใส่หม้อปรุงยาหนึ่งครั้ง เป็นอันเสร็จเรียบร้อย “ก็เดี๋ยวนี้ไม่เห็นนายทำกระฟัดกระเฟียดเวลาพูดถึงโอเซฮุนแล้วนี่นา เลยอดคิดไม่ได้ว่าคงดีกันแล้วน่ะซี”
“อะไรนะ?”
เขาถลึงตา พอได้ยินอย่างนั้นก็ทำท่าฮึดฮัดขึ้นมาอย่างกับถูกตั้งระบบต่อต้านอัตโนมัติเอาไว้ หมอนี่พูดจาเหลวไหลเป็นบ้า เขาก็ยังเกลียดโอเซฮุนเหมือนเดิมนั่นแหละ ใช้ตาตุ่มมองหรือไงถึงเห็นว่าความสัมพันธ์ระหว่างกัปตันบ้านคู่อรินั้นดีขึ้น เรื่องนี้เมอร์ลินเป็นพยานว่าให้ตายก็เป็นไปไม่ได้
“เมื่อก่อนแค่พูดชื่อนั้น นายก็หงุดหงิดจะเป็นจะตายแล้ว” คิมจงแดยังพูดไม่หยุดปาก ไม่ได้สังเกตเลยว่าสีหน้าคนฟังเหมือนพ่อมดที่กำลังจะอาเจียนอยู่รอมร่อ “แต่เมื่อกี้นายเล่นปรุงยาต่อหน้าตาเฉย”
“หยุดเลย จะพูดเรื่องนี้อีกนานไหม”
เขาช่วยกันกับจงแดเพื่อกรอกน้ำยาลงขวด ด้วยความสัตย์จริงว่าหลังจากเพื่อนร่วมทีมพูดเช่นนั้น จงอินก็แทบไม่มีสมาธิพอจะทำอะไรดีๆ ในชั่วโมงปรุงยาได้อีก โชคช่วยที่น้ำยากำจัดวัชพืชเสร็จสมบูรณ์แล้วก่อนหน้า ทั้งคู่จึงไม่ต้องลุ้นเกรดระดับเลวมากจากศาสตราจารย์ฮอเรซ ซลักฮอร์นแต่อย่างใด
หลังหมดชั่วโมงเรียนทั้งหมดของวัน คิมจงอินถูกนัดหมายให้รออยู่ที่คุกใต้ดินเนื่องจากภารกิตในวันนี้ เป็นครั้งแรกที่เขาต้องเจอศาสตราจารย์ซลักฮอร์นยาวนานเกินสี่ชั่วโมง ชายหนุ่มถูกทิ้งให้อยู่กับอาจารย์ประจำบ้านสลิธีรินท่ามกลางความเงียบ จวบจนประตูห้องปรุงยาเปิดออกอีกครั้ง ชายแก่ร่างอวบก็ยิ้มกว้าง คล้ายเห็นว่าการมาถึงของนักเรียนคนโปรดนั้นมีประโยชน์ยิ่งกว่าเขาที่นั่งอยู่ตรงนี้เหลือหลาย
“ฉันไม่ได้คิดจะใช้งานพวกเธอหนักนักหรอก” ผู้รับผิดชอบในการลงโทษครั้งนี้ว่า “แค่ช่วยจัดและนับจำนวนวัตถุดิบที่เหลือจนกว่าจะครบสามชั่วโมงก็พอ”
หมดจากนี้ไปยังเหลือการกักบริเวณตลอดทั้งวันเสาร์อีกครั้งก็เป็นอันสิ้นสุด สามสิบชั่วโมงที่ไร้ซึ่งอิสระช่างยาวนาน ในที่สุดก็จะได้หลุดพ้นจากการติดแหงกอยู่กับคู่ปรับตัวฉกาจแล้ว
“เธอสามารถถามทุกอย่างในห้องนี้กับคุณโอได้ เข้าใจนะ”
จงอินพยักหน้ารับแบบขอไปที ถามโอเซฮุนอย่างนั้นหรือ ฝันไปเถอะว่าเขาจะทำ!
ทันทีที่ศาสตราจารย์เดินออกไป เซฮุนก็ถอดเสื้อคลุมพาดบนเก้าอี้ตัวใกล้ๆ แล้วปลดเนกไทให้หลวมขึ้นเพื่อจะได้ทำอะไรได้ถนัด จากนี้ก็แค่ต้องรอว่าหมอนี่จะเริ่มต้นกวนประสาทกันเมื่อไร หวังใจว่าสามชั่วโมงในวันนี้จะไม่เกิดปัญหาอะไรเช่นที่เคยเกิดในป่าต้องห้ามอีก
คุกใต้ดินทั้งอึมครึมและเย็นชื้น แน่ใจได้ว่านอกจากนักเรียนบ้านสลิธีรินแล้วคงไม่มีใครชอบสถานที่พรรค์นี้ได้ลงคอแน่ จัดแจงและนับจำนวนวัตถุดิบได้ไม่เท่าไรก็เริ่มหนาวจนคิดถึงไฟร้อนๆ ในเตาผิงขึ้นมาเสียแล้ว ตั้งแต่สัปดาห์หน้าเป็นต้นไปเขาจะกลับมาเที่ยวเล่นและซ้อมควิดดิชอย่างเต็มที่ ให้สมกับเวลาที่เสียไปก่อนหน้านี้จนจงแดเลิกหงุดหงิดไปเลย
แต่แล้วปัญหาก็บังเกิด คิมจงอินไม่ใช่นักเรียนที่ตั้งใจในวิชาสมุนไพรศาสตร์ หรือต่อให้ตั้งใจได้เท่าคีย์ แต่ก็ไม่แน่ว่าจะแยกเจ้าสมุนไพรที่ตั้งเรียงกันสามขวดโหลตรงหน้าได้หรือเปล่าอยู่ดี อย่างน้อยก็น่าจะมีชื่อติดบอกเอาไว้ซี นี่มันไม่ต่างอะไรจากคำถามเช่นว่า พิกซี่ตัวไหนหล่อที่สุด เลยสักนิด
อาจกล่าวได้ว่า เขาเรียนรู้ที่จะอยู่กับโอเซฮุนเก่งขึ้น อย่างน้อยถ้าหมอนี่ไม่ได้เข้ามาใกล้ในระยะสองเมตร พูดจากวนประสาท หรือส่งสายตากะลิ้มกะเหลี่ยมาให้ก็ยังพอทนได้ เดี๋ยวก่อน ทนได้อย่างนั้นหรือ? ได้ตั้งแต่เมื่อไรกัน มันไม่ใช่ว่าจงอินยอมรับกับการต้องอยู่ร่วมกับคู่อริสักหน่อย
คิดฟุ้งซ่านเพลินๆ ก็ถูกประชิดตัวเข้าทางด้านหลัง จงอินสะดุ้งโหยงจนเผลอทำโหลวัตถุดิบในมือลื่นตก หากแต่ใครอีกคนกลับจับขวดโหลแก้วในสถานการณ์อันตรายขึ้นวางบนชั้นได้ทัน ไม่อย่างนั้นนอกจากจะเสียชั่วโมงกักบริเวณแล้ว น่ากลัวว่าจะถูกศาสตราจารย์ซลักฮอร์นหักคะแนนอีกแน่นอน
“โหลนี้คือเฮลลีบอร์ แต่นี่ไม่ใช่” เสียงทุ้มพูดบอกอยู่ข้างหูในขณะที่ใช้ปลายนิ้วชี้ให้ดูประกอบ “เฮลลีบอร์เป็นพืชมีพิษ ฉันคิดว่าย้ายไปวางไว้ตู้นั้นน่าจะดีกว่า”
จงอินรีบทำตามเซฮุนบอกโดยไม่ตอบโต้ให้มากความ หมอนี่รู้มากกว่าเขา แล้วในท่าทางล่อแหลมเมื่อสักครู่นี้ หากเกิดอะไรขึ้นมาละก็ ฝ่ายได้เปรียบคงไม่ใช่ซีกเกอร์บ้านสิงโตแน่
“ส่วนเรื่องคำขอ ฉันคิดมาแล้ว”
ชายหนุ่มชะงักกึก รีบวางโหลเฮลลีบอร์ไว้บนตู้สมุนไพรมีพิษแล้วหมุนตัวกลับมาอย่างระมัดระวัง เซฮุนเสยเรือนผมสีเข้มของตนจนมันยุ่งนิดๆ ส่วนนัยน์ตายังจดจ่ออยู่กับวัตถุดิบปรุงยาที่ตนรับผิดชอบอยู่ แค่ดูก็รู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายกำลังประหม่าอย่างหาดูได้ยาก ทำให้หวั่นใจว่าคำขอที่กำลังจะเอื้อนเอ่ยออกมานั้นถึงขั้นเลวร้ายหรือไม่
“หลังจากแข่งควิดดิช -- หมายถึงเสาร์หน้า”
การแข่งระหว่างกริฟฟินดอร์และสลิธีรินจะถูกจัดขึ้นเป็นนัดแรกในทุกปี หมายความว่าเขาจะต้องแข่งขันกับเซฮุนในศุกร์ที่จะถึง แต่หลังจากนั้นหมอนี่จะต้องการอะไรกันเล่า
“ฉันขอซื้อเวลาจากนายทั้งวัน”
“เพื่ออะไร” พูดจาอ้อมค้อมอ้ำๆ อึ้งๆ หรือมันคงจะแย่มาก ถึงได้กระดากที่จะพูดออกมา
“ไปฮอกส์มี้ด”
“หา?” คิมจงอินถึงกับอ้าปากค้าง ก่อนจะกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอเพราะไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน ไปฮอกส์มี้ดเนี่ยนะ ของแบบนั้นเอามาเป็นรางวัลพนันได้ด้วยหรือไง “ขอปฏิเสธ”
ได้ยินอย่างนั้นเซฮุนก็ก้าวดุ่มๆ มาหาเขา ผิวที่ขาวซีดทำให้เห็นความแปลกประหลาดจากคนตรงหน้านิดหน่อย ถ้ามองไม่ผิดจงอินคิดว่าใบหูหมอนี่กลายเป็นสีแดงเรื่อ อีกทั้งใบหน้าเหยียดหยันตามแบบฉบับตระกูลโอก็แฝงความกระอักกระอ่วนอยู่ไม่น้อย ที่ทำเงียบมาตั้งแต่แรกเพราะมัวรอจังหวะพูดสิ่งนี้อย่างนั้นหรือ
“นายไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ นั่นคือข้อตกลงของเรานี่”
“แล้วนี่น่ะหรือที่นายว่ามันไม่น่าเสียหาย!” จงอินแหว “แค่นึกภาพว่าต้องไปฮอกส์มี้ด... ต้องไปกับนายก็พะอืดพะอมแล้ว”
เซฮุนเงียบไปอึดใจหนึ่ง “ตกลง เราไม่ไปฮอกส์มี้ดก็ได้ ถ้านายเอาอย่างอื่นเข้าแลก”
จากความเลิ่กลั่กก็สงบลงจนผันเปลี่ยนเป็นยิ้มเจ้าเล่ห์เหมือนอย่างทุกที จงอินเบี่ยงตัวหนีไปอีกฝั่ง พยายามรักษาระยะห่างไม่ให้ร่างกายถูกจาบจ้วงได้โดยง่ายอีก ลำพังแค่ถูกจงแดเห็นว่าทั้งสองสนิทกันก็แย่เต็มทีแล้ว ขืนไปเที่ยวด้วยกันอย่างนั้น มีหวังคงดิ้นไม่หลุดจากคำครหาต่างๆ แน่
“จะอยากไปฮอกส์มี้ดทำไม” เขาถาม “อยากแกล้งให้ฉันอับอายมากนักหรือ”
“ไปกับฉันมีอะไรต้องอับอาย” คราวนี้เซฮุนโต้กลับด้วยน้ำเสียงขุ่นมัว ทีเคยไปกับชานยอลยังรับได้ แล้วตอนนี้ยังจะมาถามพาซื่ออีก “เว้นเสียแต่ว่ามันเป็นความเขินอายของนาย”
“ไร้สาระ ฉันจะเขินอายทำไมในเมื่อ --”
ในเมื่ออะไร จงอินนึกไม่ออกเสียทีเดียว เหมือนว่าสิ่งที่อยู่ในหัวมันขาวโพลนไปเสียดื้อๆ เมื่อสักครู่นี้เขาจะพูดว่าอะไร ในเมื่อบริสุทธิ์ใจ ในเมื่อไม่ได้คิดอะไร ไม่ว่าจะตัวเลือกแบบไหน ทำไมรูปประโยคมันถึงพิลึกพิลั่นไปเสียหมดเล่า
“ในเมื่อฉันกับนายเกลียดกัน”
คนฟังเลิกคิ้ว ก่อนจะหลุดแค่นหัวเราะหยันคล้ายเวลาดูแคลนนักเรียนบ้านคู่อริที่โง่เง่าสักคน
“ฉันน่ะหรือเกลียดนาย? ทำไมเราถึงได้ต้องพูดเรื่องนี้ซ้ำซากนัก ที่รัก” โอเซฮุนพูดช้าและชัดเป็นพิเศษในประโยคหลัง ลงท้ายด้วยเน้นคำว่าที่รักหนักๆ ทำเอาคิ้วจงอินกระตุกหลังได้ยินเช่นเดียวกับทุกที “สังคมของนายเขาอยากไปเที่ยวกับคนที่เกลียดหรือไง พอทีเถอะ ที่ว่าเป็นศัตรูนั่นฉันก็ไม่เคยคิดเลยสักครั้ง”
จู่ๆ หมอนี่พูดบ้าอะไร เขาอยากจะแกล้งทำไขสือให้ถึงที่สุด หากบทโต้เถียงกลางสนามควิดดิชในคืนหนึ่งก็ฝังอยู่ในความทรงจำอย่างเด่นชัด
‘เลิกเล่นสนุกด้วยเรื่องพรรค์นี้ได้แล้ว! ถึงนายจะคิดว่ามันทำลายศักดิ์ศรีของฉันได้ก็ตาม เท่านี้ฉันก็เกลียดนายจนไม่รู้จะเกลียดยังไงได้อีก แล้วถ้านายเองก็เกลียดฉันมากนัก ทำไมไม่ประลองกันให้รู้ดำรู้แดงไปเลยเล่า’
‘ให้ตายเถอะเมอร์ลิน... นายโง่ — หรือเพราะแค่ไม่รู้จะหาคำอธิบายอะไรให้กับสิ่งที่เราเป็นอยู่กันแน่’
ใช่ เขามันโง่ โง่นักที่สิ้นไร้ไม้ตรอกเกินกว่าจะกีดกันโอเซฮุนออกไปจากชีวิตให้รู้แล้วรู้รอดไป จะเรื่องเลวร้ายหรืออะไรดีๆ ที่หมอนี่หยิบยื่นเข้ามาช่วย คิมจงอินก็ล้วนรังเกียจมันทั้งสิ้น หากเขาไม่โง่ ทุกอย่างจะกลายเป็นปัญหา หากเขาไม่โง่ กำแพงสูงชันที่ตั้งคั่นอยู่ตรงกลางอาจจะพังทลายลงมาเพียงแค่นิ้วสะกิดก็ได้ ความเคยชินยามถูกหมอนี่รุกล้ำเข้ามานั้นอันตราย เขาที่หมดแรงจะดึงดันปฏิเสธมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่เป็นผลดีเลยสักนิด
“ฉันไม่สนว่านายจะคิดอะไร แต่ฉันเกลียดนาย แค่นั้นก็มากเกินพอแล้ว”
“เลิกบ่ายเบี่ยงเสียทีเถอะ”
มันไม่ได้ผลเพราะครั้งนี้โอเซฮุนควบคุมสติได้ดีกว่าคราวในสนามควิดดิชมากนัก ทั้งสุ้มเสียงและแววตาดุดันไม่ได้ทำให้จงอินนึกกลัว กลับกันแล้วมีแค่หัวใจของเขาที่สั่นสะท้าน ผิดกับการปั้นหน้าตึงระหว่างยืนเผชิญเมื่ออีกฝ่ายสาวเท้าเข้ามาใกล้
“ฉันจะไม่ทำผิดพลาดซ้ำๆ ทั้งที่เวลาน้อยลงทุกที” เซฮุนพูดใส่เขา “แล้วฉันก็เลิกเล่นบทคู่ปรับงี่เง่านั่นมาตั้งนานแล้ว คิมจงอิน ไม่น่าเชื่อถ้านายจะไม่รู้สึกถึงมัน”
“หุบปาก”
“ถ้าอยากให้หยุด นายคงต้องจูบฉัน”
คำพูดที่สวนกลับมาทันทีทำให้จงอินนิ่งค้าง ก่อนจะหงุดหงิดจนเลือดขึ้นหน้าเมื่อสมองประมวลผลได้ “ไม่มีทาง! บอกแล้วไงว่าต่อให้มีไม้กวาดสิบฟุตอยู่ในมือ ฉันก็ไม่มีวันเข้าใกล้นาย”
ไม่ทันขาดคำริมฝีปากของเขาก็ถูกจู่โจมจูบ เอวถูกวงแขนแกร่งโอบรัดแนบชิด ส่วนมือสีแทนที่พยายามผลักอกคนตรงหน้าออกกลับถูกกุมไว้แน่น จงอินปิดเปลือกตาหนีดวงตาสีเข้มซึ่งจับจ้องมองมา ขมวดคิ้วทำสีหน้าเหยเก ท้ายแล้วก็ถูกปลายลิ้นชื้นรุกไล่เข้ามาในโพรงปาก ไล้เลียจนขนลุกซู่ไปทั้งกาย ยามมันลากผ่านไรฟัน กระหวัดเกี่ยวลิ้นของเขา ไม่มีสักครั้งที่จงอินจะไม่รู้สึกราวกับเป็นครั้งแรก
ยามอีกฝ่ายผละออกอย่างเชื่องช้าเปรียบเสมือนสัญญาเรียกให้ลืมตาขึ้น นัยน์ตาของเซฮุนปรากฏอยู่ตรงหน้า ใกล้จนจงอินไม่อาจสังเกตได้ชัดว่ามันสื่อสารถึงสิ่งใดกันแน่
“นี่น่ะหรือไม้กวาดสิบฟุตของนาย” เจ้าชายสลิธีรินกระชับมือของเขาที่ผลักอยู่บนอกแน่นขึ้น “ดูเหมือนฉันจะบั่นมันจนกุดเสียแล้ว”
“ถอยไป” เขาสั่งเสียงเข้ม
“ฉันไม่มีทางถอย เมื่อได้อยู่ใกล้คนที่ชอบ”
เท่านั้นก็เหมือนทั้งโลกหยุดหมุน เสียงหัวใจเต้นดังขึ้นแหวกความเงียบสงัดภายในคุกใต้ดินอย่างไม่อาจควบคุมได้อีกต่อไป ทั้งร่างของเขาร้อนรุ่ม และร้อนยิ่งกว่าคือตรงช่วงเอวที่ถูกวงแขนอีกคนโอบรัดเข้าหา อยู่ดีๆ คำด่าสารพัดที่เตรียมเอาไว้ก็พากันกระจัดกระจายจนวุ่นอยู่ในหัว ลำคอแห้งผาก อีกทั้งมือที่ดึงดันจะผลักโอเซฮุนออกก็คล้ายสูญเสียเรี่ยวแรงขึ้นมาดื้อๆ
คนที่ชอบ คิมจงอินราวกับเด็กน้อยที่ไม่รู้จักคำคำนั้นขึ้นมาชั่วขณะ เขาพยายามประมวลผลมันซ้ำแล้วซ้ำเล่าแต่ก็ไม่เข้าใจในทันที สมองโล่งลื่นจนเหมือนรอยหยักอันตรธานไปจนหมด แม้แต่ดวงตาที่เคยว่องไวขนาดที่สามารถมองเห็นลูกสนิชได้เด่นชัด บัดนี้ยังพร่าเลือนและร้อนไปทั้งกระบอกตา
เมื่อนั้น จงอินก็ได้สติขึ้นมาอีกครั้งหลังรู้สึกถึงแรงงับเบาๆ บริเวณต้นคอ เขาอยากผลักไสโอเซฮุนออก แต่กลับลืมวิธีสั่งการร่างกายไปเสียสิ้น ลมหายใจอุ่นๆ ไล่สูงขึ้นมาจนหยุดอยู่ข้างใบหู
“ฉันมีตัวเลือกให้นายสองข้อ”
“...”
“จะที่นี่ หรือว่าฮอกส์มี้ด”
คิมจงอินสูดลมหายใจลึก ยกขาคร่อมไม้กวาด ก่อนจะบินพุ่งตรงออกไปกลางสนามเมื่อประตูของผู้เล่นถูกเปิดออก เหล่านักกีฬาควิดดิชในชุดสีแดงและเขียวบินสวนกันฉวัดเฉวียน ท่ามกลางเสียงเฮอย่างตื่นเต้นดีใจเมื่อการแข่งที่ทุกคนรอคอยถึงเวลาเปิดฉากขึ้นในที่สุด
“ยินดีต้อนรับสู่การแข่งขันควิดดิชนัดแรกประจำฤดูกาลของฮอกวอตส์! วันนี้กริฟฟินดอร์เจอกับสลิธีริน!”
เสียงนักเรียนปีสามซึ่งรับหน้าที่เป็นโฆษกตลอดแข่งขันดังกังวานทั่วสนามด้วยคาถาโซโนรัส เหล่านักเรียนจากบ้านกริฟฟินดอร์และบ้านสลิธีรินต่างโบกธงเชียร์และตะโกนแหกปากเสียงดังเป็นพิเศษ ราวกับจะข่มขวัญฝั่งตรงข้ามนับตั้งแต่การแข่งขันยังไม่เริ่ม จงอินขี่ไม้กวาดผ่านหน้าแทมและคีย์ก่อนจะยกนิ้วโป้งให้กันตามประสาเพื่อนสนิท นอกจากนั้นเขายังเห็นด้วยว่าวันนี้คริสตัล จองไม่ได้มาชมการแข่งพร้อมกับเจสันจากบ้านเรเวนคลอ ผู้เป็นแฟนหนุ่มของเธอ
หลังจากบินโชว์ตัวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ผู้เล่นทั้งสองฝั่งก็เข้าประจำที่โดยการหยุดเป็นครึ่งวงกลม หันหน้าเข้าหากันบริเวณกึ่งกลางสนาม ที่แยกออกมามีเพียงซีกเกอร์ของทั้งสองบ้านซึ่งบินขึ้นสูงเหนือผู้เล่นคนอื่นๆ ประจันหน้าหยั่งเชิงระหว่างที่มาดามฮูซเยื้องย่างเข้าสู่สนาม
ทั้งที่เตรียมตัวมาดีมากแล้ว แต่การได้พบหน้าโอเซฮุนอย่างจังก็ทำให้หัวใจจงอินกระตุกวูบ เขานึกถึงบทสนทนาสุดท้ายระหว่างที่ทั้งคู่อยู่ในชั่วโมงกักบริเวณเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว เป็นโชคดีว่าเวลาของการลงโทษชุดสุดท้าย คิมจงอินถูกแยกไปช่วยศาสตราจารย์สเปราต์ที่เรือนกระจก ส่วนโอเซฮุนยังติดแหงกอยู่กับศาสตราจารย์ซลักฮอร์น เขาจึงพอจะมีเวลาตั้งตัวมากขึ้นหลังต้องเจอเหตุการณ์ช็อกโลก
‘ฉันไม่มีทางถอย เมื่อได้อยู่ใกล้คนที่ชอบ’
สายตาที่มองตรงมาจากฝั่งตรงข้ามราวกับจะย้ำเตือนประโยคนั้นให้แจ่มชัดในหัวเขาอีกรอบ จงอินจำได้ว่าคืนดังกล่าวเขาแทบนอนไม่หลับ ต้องพลิกตัวไปมาพลางลุกขึ้นมาเดินวนรอบห้อง จนกระทั่งจอห์น ดิอัลโล รูมเมตผิวสีสะดุ้งตื่นขึ้นเพราะเสียงฝีเท้าแล้วออกปากไล่ให้เขาข่มตาหลับสักที
โอเซฮุนน่ะหรือจะชอบฉัน จงอินถามตนเองเช่นนี้มากกว่าร้อยครั้ง เขาก็แค่จะแกล้งให้ฉันอับอายแหละน่า
ไม่มีใครกลั่นแกล้งคู่อริด้วยการจูบ หรืออะไรๆ พรรค์นั้นหรอกน่า เลิกหลอกตัวเองแบบโง่ๆ สักที!
แต่แล้วอีกเสียงหนึ่งก็สวนเข้าให้
ตั้งแต่มีเรื่องกับโอเซฮุน คิมจงอินก็ดูคล้ายกับเจ้าโง่เง่าซ้ำแล้วซ้ำเล่า บ่อยครั้งที่เขาสูญเสียเหตุผลและความรอบคอบเพียงเพราะถูกปั่นหัว หลายครั้งที่เขามักจะขาดสติยั้งคิด เอาตนเองเข้าไปอยู่ในเส้นทางของหมอนั่นแล้วถูกละเล่นตามใจชอบ เดิมทีจงอินไม่คิดว่าตนเป็นคนฉลาด แต่เขาก็ไม่คิดเหมือนกันว่าจะมีใครที่บ้าและขาดปฏิภาณได้เท่ากัปตันทีมกริฟฟินดอร์คนนี้อีก
แล้วยิ่งถ้าเหตุผลทั้งหมดนั่น มันเกิดขึ้นเพราะโอเซฮุนชอบ... เขา
“ผู้เล่นอยู่ในตำแหน่ง ขณะที่มาดามฮูซเดินเข้าสู่สนามเพื่อเปิดการแข่งขัน” เสียงโฆษกเรียกสติเขาคืนมา ดวงตาสีเข้มแสร้งมองหนีไปทางอื่นเพื่อหลบเลี่ยงซีกเกอร์คู่แข่ง
“ฉันอยากเห็นการแข่งขันที่ขาวสะอาดจากพวกเธอทุกคน”
มาดามฮูซพูดเหมือนเดิมทุกปี หล่อนเตะเบาๆ ที่หีบสีมะฮอกกานีกลางสนาม ทันใดนั้นฝาก็เปิดออก ลูกบลัดเจอร์และสนิชสีทองพากันบินขึ้นสู่อากาศราวกับมีชีวิต
“บลัดเจอร์ขึ้นไปแล้ว ตามด้วยโกลเด้นสนิช!” โฆษกบรรยายอย่างละเอียด “อย่าลืมว่าลูกสนิชมีค่าหนึ่งร้อยห้าสิบแต้ม ซีกเกอร์ฝ่ายใดจับลูกสนิชได้เมื่อไร เกมเป็นอันจบลง!”
กัปตันทีมบ้านสิงโตพยายามรวบรวมสมาธิก่อนเริ่มการแข่งขันด้วยการสูดลมหายใจเข้าออกช้าๆ ตาเหลือบมองการเคลื่อนไหวของสนิชซึ่งกำลังบินหยอกล้อพวกเขาไปรอบๆ จงเอาโอเซฮุนออกจากสมองไปก่อน นี่ไม่ใช่เวลาให้มาคิดเรื่องไร้สาระอีกแล้ว
มาดามฮูซหยิบลูกควัฟเฟิลขึ้นมาถือไว้ในมือ มันเป็นบอลชนิดเดียวในสนามที่ไม่สามารถเคลื่อนไหวเองได้ ท่ามกลางการลุ้นแทบลืมหายใจชั่วอึดใจหนึ่งของคนดู ควัฟเฟิลสีแดงก็ถูกโยนสูงขึ้นกลางอากาศ ทันใดนั้นเหล่าผู้เล่นทั้งสิบสี่คนก็เริ่มเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วขนาดที่มองตามไม่ทัน
“ควัฟเฟิลถูกปล่อยแล้ว เริ่มต้นเกม ณ บัดนี้!”
คิมจงแดเป็นฝ่ายคว้าลูกควัฟเฟิลได้ก่อน ถึงอย่างนั้นก็ต้องเอี้ยวตัวหลบลูกบลัดเจอร์ที่ถูกตีมาจากฝ่ายตรงข้ามจนเกือบถูกเชสเซอร์จากบ้านสลิธีรินแย่งควัฟเฟิลไป ทว่านี่เพิ่งจะต้นเกมเท่านั้น เมื่อเข้าใจได้ว่ากริฟฟินดอร์จัดกระบวนการเล่นมาแบบไหน ฝั่งบ้านงูก็เริ่มแปรตำแหน่งผู้เล่นเพื่อรับมืออย่างทันท่วงที สมกับที่ขึ้นชื่อว่าเป็นยุคทองภายใต้การขึ้นนำของเจ้าชายจากตระกูลโอ
เสียงประกาศแต้มคะแนนขอบทั้งสองบ้านดังสลับกันไม่หยุดหย่อน ส่งผลให้ซีกเกอร์หนุ่มคลาดสายตาจากลูกสนิชอย่างช่วยไม่ได้เมื่อต้องบินตัดผ่านกลางวงแข่งขันและเกือบตกจากไม้กวาดเพราะบลัดเจอร์ที่แหวกอากาศเฉียดศีรษะไปหวุดหวิด การแข่งขันในวันนี้รุนแรงพอสมควร อีกทั้งการเคลื่อนไหวของสลิธีรินยังอ่านทางได้ยาก เกมดำเนินเร็วขึ้นกว่าปีที่แล้วเกือบเท่าตัว
โอเซฮุนบินอยู่กึ่งกลางสนามทางด้านบน นัยน์ตาคมกวาดมองไปโดยรอบก่อนจะพุ่งหัวไม้กวาดตรงไปยังปีกซ้ายทันทีที่จับสังเกตอะไรบางอย่างได้ เห็นเช่นนั้นจงอินก็ไม่รอช้า เขารีบบินตามไปก่อนจะเห็นสนิชสีทองกระพือปีกหนีความเร็วของกัปตันบ้านสีเขียวอย่างว่องไว จะปล่อยให้โอกาสนี้หลุดมือไปไม่ได้ นี่เป็นจังหวะที่ลูกสนิชกำลังเคลื่อนไหวอย่างเป็นระบบที่สุด
ชายหนุ่มกระแทกตัวใส่เซฮุนจนอีกฝ่ายเซออกนอกเส้นทางเล็กน้อย แต่แค่ครู่เดียวเซฮุนก็เบียดกลับเข้ามากระแทกไหล่กลับ ตั้งใจจะบี้ให้เขากระเด็นออกนอกวิถีบินเพื่อจะครอบครองสนิชสีทองแต่เพียงผู้เดียว สองซีกเกอร์บินเบียดเสียดกันไปมาอย่างนั้นขณะไล่ตามลูกสนิช สร้างความตื่นเต้นหวาดเสียวให้กับผู้ชมจนเกิดเสียงฮือฮาหลายต่อหลายครั้ง
เขาเบี่ยงตัวหลบเสาและผู้แข่งขันคนอื่นๆ อย่างคล่องแคล่ว สถานการณ์ในตอนนี้จงอินยังไม่ได้เปรียบเหนือเซฮุนสักเท่าไรนัก สนิชบินหนีอ้อมสนาม บ้างก็ลงต่ำแล้วหนีเข้าไปใต้ผ้าใบและอัฒจันทร์ของผู้ชมจนทั้งสองต้องเสี่ยงตามไปติดๆ หลายครั้งที่จงอินเกือบจะชนเสยเข้ากับโครงเหล็กอย่างจัง หากกะจังหวะผิดพลาดไปนิดเดียว มีหวังเกมนี้คงจบไม่สวยแน่
ทันทีที่โผล่ออกมาจากหลังเสาในครั้งล่าสุด เขาก็ได้เห็นเต็มๆ ตาว่าโอเซฮุนถูกลูกบลัดเจอร์กระแทกเข้าทางด้านข้างลำตัวจนกระเด็นตกจากไม้กวาดแล้วกลิ้งไปตามพื้น
“เซ-- !”
เขาไม่เข้าใจว่าเหตุใดตนเองถึงได้ตกใจขนาดนั้น อาจเพราะคิมจงอินไม่เคยเห็นโอเซฮุนพลาดท่ามาตลอดสี่ปีของการแข่งขันก็เป็นได้
ถึงอย่างนั้นเขาก็ตัดสินใจบินตามสนิชสีทองต่อไป จวบจนคว้ามันเอาไว้ได้หลังจากที่สลิธีรินทำแต้มที่เก้าสิบได้สำเร็จ ทันใดนั้นเสียงเฮดังสนั่น ไม้กวาดนิมบัสคู่ใจค่อยๆ เคลื่อนไหวช้าลง ก่อนจะหยุดนิ่งอยู่กลางอากาศในขณะที่ชูหลักฐานแห่งชัยชนะขึ้นประจักษ์แก่สายตาทุกคนในสนาม
“คิมจงอินได้รับหนึ่งร้อยห้าสิบแต้ม! กริฟฟินดอร์เป็นฝ่ายชนะด้วยคะแนนสองร้อยสิบต่อเก้าสิบแต้ม!”
ตาสีเข้มหลุบมองยังโอเซฮุนที่ถูกเพื่อนร่วมทีมค่อยๆ ช่วยพยุงตัวขึ้นอย่างทุลักทุเล มาดามพอมฟรีย์รีบรุดเข้ามาพร้อมกับเปลสนามและนักเรียนผู้ช่วย เขาเห็นคาตาว่าแขนของเซฮุนถึงกับหักผิดรูป แรงปะทะจากบลัดเจอร์สามารถทำให้ผู้เล่นบาดเจ็บจนถึงขั้นนอนโรงพยาบาลสองสัปดาห์อย่างที่เคยมีมาแล้วในปีก่อนๆ ดูท่าหมอนั่นคงเจ็บมาก ใบหน้าหล่อเหลาบิดเบี้ยวขณะถูกเสกคาถาเฟอรูล่าเพื่อดามแขนเบื้องต้น
“เจ็บแทนสุดๆ” จงอินสะดุ้งเล็กน้อยเมื่ออยู่ๆ จงแดก็บินเข้ามาหยุดอยู่ข้างๆ “ฉันเองก็เกือบไป ถ้าหลบไม่ทันคงได้มีสภาพอย่างเขาแน่”
เขามองจงแดและหันไปมองโอเซฮุนที่ถูกหามออกไปอีกครั้งหนึ่ง นัดแข่งขันปีที่แล้วเป็นคิมจงอินที่ตกอยู่ในสภาพนั้น เขาจึงเข้าใจดีกว่าความเจ็บปวดและหงุดหงิดที่ต้องพ่ายแพ้ เมื่อผสมปนเปกันแล้วทำให้รู้สึกแย่เพียงใด
“โดนเสียบ้าง”
“อะไรนะ” จงแดได้ยินเสียงซีกเกอร์คนเก่งพึมพำเบาหวิว นอกจากจะไม่ยอมรับว่าพูดอะไรออกมาแล้ว จงอินยังบินหนีไปรอบสนามพลางชูสนิชสีทองเพื่อประกาศชัยชนะในปีแรกของการเป็นกัปตันทีมไปด้วย “โธ่ เลือดเย็นชะมัด”
“ไม่ต้องห่วงว่าฉันจะเดตกับนายไม่ไหวเพราะแค่แขนหักหรอก”
“สำคัญตัวเองมากไปมั้ง ถ้าบอกว่าฉันยังสะใจไม่หายน่าจะถูกต้องเสียกว่า”
คิมจงอินถอนหายใจขณะมองชายหนุ่มในชุดเสื้อเชิ้ตสีพื้น แขนซ้ายอยู่ในเฝือกแบบแข็งและปิดมันเอาไว้ด้วยการใช้สเวตเตอร์สีเทาคลุมไหล่อีกที โอซุนก็ยังเป็นโอเซฮุนอยู่วันยังค่ำ หมอนี่ยิ้มเจ้าเล่ห์ ไม่สะทกสะท้านทั้งที่แขนโดนบลัดเจอร์กระแทกจนหัก ต่อให้ใช้ยารักษาชั้นดีจากโรงพยาบาลเซนต์มังโก แต่กว่ากระดูกจะกลับไปเชื่อมสนิทก็ใช้เวลาสองถึงสามวัน อาการหนักกว่าที่เขาเคยประสบเมื่อปีที่แล้วพอสมควร
ไม่น่าเชื่อว่าจะมีวันที่เขายอมตกปากรับคำไปเที่ยวฮอกส์มี้ดกับอริตัวฉกาจจากบ้านสลิธีริน แน่นอนว่าไม่ใช่เพราะคำสารภาพรักที่สุดแสนจะน่าสะอิดสะเอียนในวันนั้นอย่างเด็ดขาด แต่เป็นเพราะนี่คือข้อตกลงจากการเดิมพันโง่ๆ เมื่อครั้งที่ทั้งคู่ถูกลงโทษให้เข้าไปป้ายยาฮิปโปกริฟฟ์ในป่าต้องห้าม ครั้งนั้นจงอินแพ้เซฮุนหลุดลุ่ย แล้วหมอนี่ก็ไม่มีทางเปลี่ยนใจต่อความต้องการของตนเอง ถึงแม้จะตกอยู่ในสภาพบาดเจ็บจนทำอะไรได้ไม่ถนัดถนี่ก็ตามที
“วันนี้แต่งตัวดูดีเป็นพิเศษเลยนี่ ตื่นเต้นที่จะได้เดตหรือ”
“ฉันก็แต่งแบบนี้เป็นปกติ!” เขาแหว อยู่ดีๆ อย่ามาใส่ร้ายกันให้ยาก
ถึงจะทำหน้าตาบูดบึ้งให้ตายอย่างไร แต่การที่สองซีกเกอร์จากบ้านสิงโตและบ้านงูเดินด้วยกันก็สร้างความแปลกใจให้ผู้พบเห็นจนพากันซุบซิบอย่างไม่เกรงว่าเขาจะได้ยิน เอาเถอะ รู้ดีว่าอย่างไรก็ต้องโดนแบบนี้อยู่แล้ว สู้ทำเป็นหูทวนลมไปเสีย อย่างไรก็คงยอมมาเที่ยวกับหมอนี่แค่ครั้งเดียวเท่านั้น
แม้จะยังไม่มีหิมะก็ตาม แต่ฮอกส์มี้ดในช่วงฤดูใบไม้ร่วงนั้นเริ่มหนาวเย็นจนหลายคนต้องสวมเสื้อโค้ตให้ความอบอุ่น ดวงตาสีเข้มเหลือบซ้ายแลขวา นั่งคิดนอนคิดอย่างไรก็นึกไม่ออกว่าโอเซฮุนวางแผนลงโทษเขาด้วยการเดตอย่างไรกันแน่ ในเมื่อเป็นผู้ชายสองคน อย่างดีหน่อยก็แค่นั่งจิบบัตเตอร์เบียร์เรื่อยเปื่อยที่ร้านไม้กวาดสามอันจนกว่าจะหมดวัน หรืออย่างแย่ที่สุดก็คือพาเข้าร้านมาดามพุดดิฟุต ร้านน้ำชาเล็กๆ ตกแต่งลูกไม้หวานแหวว และมักจะมีแค่บรรดาคู่รักเท่านั้นที่กล้าย่างกรายเข้าไป
แน่นอนว่าอะไรเป็นตัวเลือกที่แย่ที่สุด โอเซฮุนก็มักจะเลือกสิ่งนั้น
เขาทำสีหน้าพะอืดพะอมเมื่อต้องก้าวเท้าเข้าไปในร้านที่เต็มไปด้วยสีฉูดฉาดและลูกไม้ซึ่งเยอะจนดูไร้รสนิยม แค่กวาดสายตามองคร่าวๆ ก็เห็นว่ามีแต่ลูกค้าชายหญิงที่คิดว่าการจูบหลังถ้วยน้ำชาจะทำให้รอดพ้นสายตาจากโต๊ะอื่นๆ ไปได้ ถ้าเลือกได้คิมจงอินก็อยากหนีออกจากที่นี่ตอนนี้เลย ถ้าไม่เพียงแต่เซฮุนจะยังเอาแต่ยิ้มระรื่น ทำราวกับว่าสนุกนักหนาที่ได้เห็นเขากลืนไม่เข้าคายไม่ออกอย่างนี้
“เอาเป็นโต๊ะริมกระจกดีไหม” เซฮุนแสร้งถาม นิ้วชี้ไปยังโต๊ะมุมร้านซึ่งขนาบด้วยกระจกใสทั้งสองด้าน ไอเย็นที่เกาะเป็นฝ้าคงช่วยเสริมสร้างบรรยากาศโรแมนติกอย่างยิ่งยวด และเพราะรู้เช่นนั้น จงอินจึงสาวเท้าเดินดุ่มๆ ไปทิ้งตัวนั่งลงยังโต๊ะทางด้านในสุดของร้าน เกือบจะเป็นมุมอับเพราะถูกบดบังด้วยลูกไม้และโมบายขนาดใหญ่จนไม่ต้องกลัวว่าจะถูกใครเห็นได้ชัดอีก
จงอินนั่งกอดอก แสดงออกให้รู้เลยว่าเกลียดการมาร้านนี้อย่างกับอะไรดี
เซฮุนเปิดเมนูด้วยมือเดียว ไม่รู้ว่าหมอนี่จริงจังหรือแค่จะแกล้งเขาเล่นกันแน่ถึงได้พาเขามาที่นี่ แค่วันเดียวเท่านั้น ไม่กี่ชั่วโมง ถึงพยายามปลอบใจตนเองเช่นนี้ ทว่ากลับไม่มีสักวินาทีที่หัวใจจะสงบลงและมองว่ามันเป็นเรื่องธรรมดา แหงล่ะ ถ้าเป็นก่อนหน้าที่จะถูกบอกว่าชอบ เขาคงเอาแต่ก่นด่าเจ้าคนน่ารังเกียจแบบสาดเสียเทเสียจนเหนื่อยกันไปข้าง แล้วตอนนี้เป็นอย่างไรเล่า ถ้าเลือกได้จงอินก็จะเงียบ เพราะไม่ว่าเขาจะพูดจาเจ็บแสบออกไปมากแค่ไหน สายตาที่มองตอบกลับมาก็มีแต่จะพาให้ทำอะไรไม่ถูกเท่านั้น
คิมจงอินรับมือโอเซฮุนที่เป็นเช่นนี้ได้ไม่ดีเท่าไร
“แขนนั่น... ยังเจ็บอยู่ไหม”
ท้ายที่สุดเขาก็ทนความเงียบไม่ไหว ยิ่งเงียบก็ยิ่งสร้างบรรยากาศแปลกๆ ให้เกิดขึ้น สู้ถามถึงฟ้าฝนลดความประหม่าลงบ้างยังจะดีเสียกว่า ได้ยินเช่นนั้นเซฮุนก็วางแก้วกาแฟร้อนลงบนจานรอง มองตอบจงอินที่หยิบสโคนไปกัดคำโต
“ก็ยังเจ็บอยู่บ้าง” เจ้าชายสลิธีรินตอบเสียงเรียบ แต่เพียงครู่เดียว รอยยิ้มบางก็ฉาบบนกลีบบางบางเฉียบจนดูน่าหมั่นไส้ “อะไรกัน เป็นห่วงจริงๆ นี่นา”
“บอกแล้วไงว่าอย่าสำคัญตัวเองไปหน่อยเลย ถึงนายโดนเซนทอร์เหยียบ ฉันก็ไม่แลหรอก”
“อย่างนั้นหรือ” เซฮุนไม่ต่อปากต่อคำกวนประสาทเขา “ทำให้ฉันเสียใจเก่งจริงๆ”
คิมจงอินแค่นหัวเราะทันทีที่ได้ยิน “เสียใจเป็นด้วยหรือ ฉันนึกว่านายจะไร้ความรู้สึกด้านนั้นไปเสียแล้ว”
อีกฝ่ายทำเพียงแค่ยิ้มรับขณะยกแก้วกาแฟขึ้นจิบ ที่เขาว่างูไม่มีน้ำตาก็คงจะจริง เพราะขนาดคำปรามาสที่ว่าเสียใจไม่เป็น หมอนี่ยังไม่แม้แต่จะปฏิเสธเลยด้วยซ้ำ ด้านนี้ของโอเซฮุนมีแต่จะทำให้เขาอึดอัด เพราะแม้แต่คำสารภาพรักนั่น ยังชวนให้สงสัยเลยว่าจริงเท็จแค่ไหนกันแน่
โชคดีว่าเซฮุนทรมานเขาในร้านมาดามพุดดิฟุตแค่เพียงหนึ่งชั่วโมงเศษเท่านั้น หลังจากนั้นทั้งคู่จึงเดินไปยังร้านสคริเวนชาร์พเพื่อซื้อปากกาขนนกสำหรับใช้ส่วนตัว และเซฮุนยังซื้อรุ่นที่แพงที่สุดสำหรับเป็นของขวัญให้ศาสตราจารย์ซลักฮอร์นเนื่องในวันคล้ายวันเกิดอีกด้วย จะว่าไปได้เห็นเจ้าขายสลิธีรินเลือกของขวัญก็ดูแปลกตา โอเซฮุนที่เขารู้จักนั้นเป็นประเภทเหยียบหัวคนอื่นเพื่อก้าวขึ้นสู้ชัยชนะ เจ่าเล่ห์ ไม่เลือกวิธีการ แล้วยังขาดสามัญสำนึกในบางครั้งอีกด้วย
“นายอยากไปไหนต่อ”
อีกฝ่ายหันมาถามเขาหลังจากจ่ายเงินแล้ว ซึ่งจงอินคิดว่าไม่จำเป็นเลยสักนิด แบบนี้ก็ยิ่งเหมือนเดตเข้าไปใหญ่น่ะซี
“ฉันไม่อยากไปไหนหรอก” เขาตอบปัด “อยากกลับฮอกวอตส์จะแย่”
“อย่างนั้นไปร้านซองโก้ไหม” แต่เซฮุนก็แกล้งทำเป็นไม่ได้ยินเสียงบ่นนั้น “หรือว่าฮันนี่ดุกส์”
ท่าทางจะฟังภาษาคนไม่รู้เรื่อง ก็บอกว่าไม่อยากไปไหนไงเล่า ยังจะลากเขามาถึงร้านขนมหวานฮันนี่ดุกส์จนได้ เข้ามาแล้วจะให้ยืนเฉยๆ คงไม่ดีนักไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วจงอินจึงหยิบกบช็อกโกแลต เยลลี่เม็ดทุกรสเบอร์ตี้บอตต์ รวมถึงหมากฝรั่งดรูเบิลเบสต์โบลอิ้งไปฝากแทมกับคีย์ซึ่งบอกว่าจะนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่หอพัก อีกทั้งยังไม่ลืมเปปเปอร์อิมพ์สำหรับเอาไว้ลงโทษคนในทีมควิดดิชด้วย มันมีรสชาติเผ็ดจนควันโชยออกจากปาก ถือเป็นธรรมเนียมที่สืบทอดกันมารุ่นสู่รุ่นในหมู่กัปตันทีมบ้านกริฟฟินดอร์
“ไหนว่าไม่อยากมา แต่ซื้อเยอะขนาดนี้เนี่ยนะ” อยู่ดีๆ โอเซฮุนก็โผล่มาด้านหลังบางทีเขาคงจะชินมากขึ้นแล้ว ถึงได้ไม่หันไปสาปส่งหมอนี่ด้วยคาถาสะกดนิ่ง
“แต่คนที่บอกจะมาก็ไม่เห็นซื้ออะไรเลยนี่” จงอินแขวะกลับ แต่แล้วก็เข้าใจได้ว่าเหตุใดเซฮุนจึงยังไม่เลือกซื้ออะไรในร้านฮันนี่ดุกส์เลยสักอย่าง มือข้างเดียวที่เหลืออยู่นั้นถือถุงจากร้านสคริเวนชาร์พ ส่วนอีกข้างก็อยู่ในเฝือกหนา ไม่รู้จะถือตะกร้าแล้วหยิบสินค้าใส่ได้อย่างไร
เขาถอนหายใจ ใช้มือกวาดขนมส่วนของตนเองให้รวมอยู่แค่ครึ่งหนึ่งของตะกร้า “นายจะซื้ออะไรล่ะ”
“ฉันเอาฟีซซิ่งวิซบี้... เยอะๆ”
เซฮุนยิ้มขณะมองดูเขาหยิบฟีซซิ่งวิซบี้ใส่ตะกร้าอันแล้วอันเล่า วันนี้หมอนี่ยิ้มจนจะเอียนสายตาอยู่แล้ว แค่ได้มาฮอกส์มี้ดมันน่าดีใจอะไรนัก มิหนำซ้ำตอนอยู่ในร้านมาดามพุดดิฟุตยังถูกมองแปลกๆ อีกต่างหาก ไม่ได้ดูเวลาเลยว่าตอนนี้กี่โมงแล้ว อีกนานแค่ไหนกว่าจะหมดวันนี้เสียที
หลังจากนั้นโอเซฮุนยังทำตัวน่าโมโหด้วยการชิงจ่ายเงินสินค้าทุกอย่างในตะกร้ารวมถึงของเขาด้วย ข้อนี้จงอินโกรธจนเลือดขึ้นหน้า พอตั้งใจว่าจะไม่รับของก็กลายเป็นว่ามือที่เหลืออยู่ข้างเดียวนั้นถือถุงขนมทั้งหมดไม่พอเสียได้ เอาไว้กลับถึงฮอกวอตส์เมื่อไร เขาจะให้หมอนี่แบกคืนไปให้หมด
“อย่าทำเหมือนคนอื่นไม่มีจะกินไปหน่อยเลย”
“ไม่เห็นต้องมองกันในแง่ร้ายขนาดนั้น”
“แหงล่ะ ฉันไม่ได้อยากกินขนมที่มาจากเงินของนายสักหน่อย”
แทนที่จะโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงเหมือนอย่างเขา โอเซฮุนกลับหัวเราะเบาๆ ราวกับนี่เป็นแค่เรื่องทะเลาะไร้สาระอย่างไรอย่างนั้น ก้าวขาออกจากร้านฮันนี่ดุกส์ได้ไม่ทันไร จงอินก็เห็นจะๆ ตาว่ารอยยิ้มบนใบหน้าคนข้างๆ หุบลงเหมือนถูกตั้งระบบอัตโนมัติ ครั้นมองตรงไปข้างหน้าก็พบเด็กหนุ่มคนหนึ่งกำลังสาวเท้าเข้ามาใกล้ เป็นเด็กที่ตัวเล็กกว่าเขาและเซฮุนมาก ถึงอย่างนั้นกลับมีแววตาแบบที่จงอินไม่นึกชอบเอาเสียเลย
“รุ่นพี่ ยังไม่หายดีเลยนี่ครับ”
จงอินไม่ค่อยคุ้นหน้าเตนล์ เลวิธานสักเท่าไรนัก เดิมทีเขามักจะเห็นเซฮุนอยู่กับเอดิสัน เพอร์ซิวัล หรือว่าเซเลน่า ดังนั้นคนตรงหน้าจึงเป็นบุคคลที่เขาไม่รู้จักมักจี่มาก่อน แต่ก็ไม่แปลกหากนักเรียนร่วมบ้านจะรู้จักกันอย่างทั่วถึง
“ผมได้ดูการแข่งวันนั้นด้วย ท่าทางจะเจ็บแย่เลยนะครับ”
เตนล์ทำสีหน้าเห็นใจ ซึ่งผิดคาดที่เจ้าชายสลิธีรินอย่างโอเซฮุนไม่คิดรักษาน้ำใจรุ่นน้องเท่าที่ควร “ขอบคุณ แต่ตอนนี้ฉันไม่ว่าง ต้องขอตัวก่อน”
พูดจบก็เดินนำลิ่วจนเขาเผลอเดินตามโดยอัตโนมัติ เด็กหนุ่มเมื่อสักครู่เพียงยิ้มลาขณะที่เขาทั้งคู่เดินทิ้งระยะห่างจากไปเรื่อยๆ เท่านั้น ว่ากันตามตรงแล้ว คิมจงอินรู้สึกแปลกใจนิดหน่อยที่ได้เห็นคุณชายตระกูลโอในมุมที่ไม่เคยเห็นมาก่อน เซฮุนเย็นชาเสียยิ่งกว่าครั้งไหนๆ ที่เขารู้ ทั้งยังแสดงความห่างเหินอย่างสุดแสนได้ในช่วงเวลาสั้นๆ และบทสนทนาแค่สองสามประโยค
“เฮ้ จะเดินไปถึงไหนเนี่ย” เขาร้องทัก ขืนไม่ห้ามเอาไว้ สงสัยจะเดินจนถึงลอนดอนเลยกระมัง
หากแต่พอเงยขึ้นมองก็พบว่าเซฮุนไม่ได้พาเดินอย่างไร้จุดหมาย ตรงหน้าเขาคือบ้านเก่าซอมซ่อซึ่งมีขนาดไม่ใหญ่มากนัก มันตั้งอยู่บนเนินสูงซึ่งอยู่ห่างจากฮอกส์มี้ดไม่มาก ตั้งแต่ที่ได้รับอนุญาตให้ออกมาเที่ยวตั้งแต่ปีสาม ไม่มีสักครั้งที่เขาหรือกลุ่มเพื่อนจะพากันเดินมาถึงตรงนี้ ถึงแม้ว่าอันที่จริงจะเคยได้ยินคนพูดกันมาบ้างก็ตาม
“ที่นี่...”
“คนอื่นๆ เรียกกันว่า เพิงโหยหวน” เซฮุนตอบ “เป็นบ้านร้างที่ดี”
“คนที่จะชื่นชมบ้านร้างได้ก็คงมีแค่นายกระมัง แปลกพอกัน” แต่อย่างน้อยก็ดีกว่าร้านมาดามพุดดิฟุต เขาไม่ได้พูดออกไป
ถึงจะทำสีหน้าเหม็นเบื่อใส่โอเซฮุนแค่ไหน ทว่ามือขาวซีดก็ยังยื่นมาหาเขา ให้ตายเถอะเมอร์ลิน หมอนี่คิดว่าคิมจงอินจะยอมจับมือสกปรกพรรค์นี้หรือไง นอกจากจะพามาสถานที่แปลกๆ แล้วยังทำตัวแปลกๆ เป็นการลงโทษในระยะเวลาหนึ่งวันที่ช่างยาวนานจนเกินจะทนไหวจริงๆ
“ข้างบนนั้นวิวดีนะ”
ข้ออ้างแบบนั้น... ออกมาจากปากจอมเจ้าเล่ห์ประจำฮอกวอตส์ แบบนี้จะให้คิมจงอินรับมืออย่างไรกัน
-------------------------------------------
เหมือนลงผิดเรื่อง นี่มัน 'รักใสๆ หัวใจเวทมนตร์' ชัดๆ ;_ ;
ให้สลิธีรินกี่แต้มดีคะอนนี่
(พิชาร์ลสเพิ่งหายไปสามตอนเอง อย่าใจร้อนค่า อิอิ)
ชอบไม่ชอบยังไง คอมเมนท์หรือติดแท็กเป็นกำลังใจให้กันได้ที่ #เรดสนิช ค่ะ
ความคิดเห็น