ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Tales of Love :: บทนิทานแห่งความรัก (รับสมัครตัวละคร)

    ลำดับตอนที่ #11 : The Tale 2 :: The Twins [ฝาแฝด] 02 - เรื่องเล่าเมื่อครั้งอดีต

    • อัปเดตล่าสุด 22 พ.ย. 60




    The Main Character

    From The Twins



    ตัวละครหลัก

    "ผมกับเขาก็เหมือนหยินและอย่าง...ถึงแม้จะเข้ากันไม่ได้ แต่ก็คอยเกื้อหนุนค้ำจุนกันและกัน"
    "ก็ตามใจหมอนั้นสิ.....จะให้โดดผาหรืออะไรก็แล้วแต่..."

    สองพี่น้องฝาแฝด


    ตัวละครเสริม

    -แม่มดชุดขาว-

    - วิกตอเรีย -

    -ชายหนุ่มชุดดำ และ ชายหนุ่มนัยน์ตาสีแดง-

    - เฮเลน (มารดาของสองฝาแฝด) -






    The Twins[ฝาแฝด] 02
    เรื่องเล่าเมื่อครั้งอดีต



                แสงแดดยามเช้าส่องผ่านม่านสีขุ่นทำให้มอร์แกนกระพริบตาถี่พลางลุกขึ้นจากเตียงกว้างตรงหน้า ชายหนุ่มเรือนผมเทาเหลือบมองภายในห้องที่ไม่คุ้นเคยก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าตนเองเพิ่งย้ายบ้านมาทำให้มอร์แกนถอนหายใจออกมาเล็กน้อยพลางหันมองเมลอสที่ยังหลับอยู่บนเตียง


              เขาควรปลุกดีไหมล่ะ?


              มอร์แกนจ้องร่างคนที่หลับอยู่บนเตียงเล็กน้อยก่อนยืนมือเข้าไปลูบเส้นผมของผู้เป็นน้องชาย ทว่าเพราะแบบนั้นทำให้เมลอสสะดุ้งตื่น ดวงตาเดียวกับเขาค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาพร้อมหันมองพี่ชายของตนเองก่อนถามเสียงห้วนๆ


              “อะไร?”


    “เปล่า แค่จะปลุกเท่านั้นเอง”


    ชายหนุ่มผู้เป็นพี่ตอบช้าๆ ทำให้เมลอสเลิกคิ้วมองอีกครั้งก่อนที่มอร์แกนจะเดินไปอาบน้ำแต่งตัวทำให้คนน้องได้แค่นั่งรอจนกว่าอีกคนจะเสร็จธุระ ไม่นานนักผู้เป็นพี่ก็เดินออกมาในชุดที่ใส่ประจำเรียบร้อยทำให้เมลอสลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำต่อ


    ก่อนที่พวกเขาจะเดินออกจากห้องไปยังห้องทานอาหาร เพราะที่บ้านนั้นมีกฎต้องกินข้าวพร้อมกันทำให้เลี่ยงไม่ได้ อันที่จริงพ่อและแม่ของพวกเขาเป็นขุนนางที่เพิ่งย้ายมาด้วยทำให้ค่อนข้างที่เข้มงวดกับทั้งสองพอสมควร มอร์แกนเมลอสเดินผ่านกลุ่มแม่บ้านที่กำลังขนอาหารมายังห้องพลางเลี่ยงให้พวกขำเดินสะดวกขึ้น


    แน่นอนการกระทำของทั้งสองเรียกสีหน้าแปลกใจจากแม่บ้านทั้งหลายได้เป็นอย่างดี ทว่าถึงกระนั้นพวกเธอก็ยิ้มให้กับคุณหนูทั้งสองก่อนเดินรีบยกอาหารไปตามเสียงตะโกนเรียกของหญิงสาวผู้เป็นเจ้าของบ้าน ชายหนุ่มทั้งสองก้าวเข้าไปในห้องที่มีครอบครัวตนเองนั่งอยู่


    มุมหัวโต๊ะมีชายหนุ่มวัยกลางคนที่เป็นเจ้าของบ้านนั่งอยู่ ถัดมาฝั่งขวามือของเขาคือหญิงสาวผู้เป็นภรรยา ตรงกับหญิงสาวเป็นเด็กสาววัยสิบสี่เรือนผมสีบลอดน์ยาวนั่งแกว่งเท้านิดๆ ราวกับรออะไรบางอย่าง สองฝาแฝดเดินตรงเข้าไปนั่งที่นั่งประจำของตนเองอย่างรู้หน้าที่ ก่อนแม่บ้านจะเริ่มเสิร์ฟอาหารให้กับพวกเขา


    แม้จะย้ายบ้านใหม่ก็ตามแต่ว่าบรรยากาศยามเช้าของครอบครัวไม่ได้เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย ยังคงเงียบสงบไม่มีใครเอ่ยปากพูดแม้แต่น้อยจนกระทั่งแยกย้ายกันไปทำงาน มอร์แกนเดินออกจากบ้านไปยังท่าเรือเพื่อเช็คงานของตนเองที่เพิ่งย้ายมา ส่วนเมลอสเดินไปยังอีกฟากแทน


    ทว่าระหว่างที่เมลอสกำลังเดินไปนั้นเสียงของผู้เป็น้องสาวอย่างวิกตอเรียกลับดังขึ้นทำให้เขาชะงักน้อยๆ ก่อนหันมองเธออีกครั้ง เด็กสาวสิบสี่วิ่งออกมาพร้อมยืนหนังสือสมุนไพรเล่มหนึ่งให้ทำให้เด็กหนุ่มงุนงงไม่น้อยก่อนเอ่ยถามเสียงเบา


    “นี่ น้องไปเอามาจากไหน?”


    “เห็นวางอยู่สวนด้านหลังบ้านค่ะ หนูไปล่ะ”


    วิกตอเรียบอกพลางชี้ไปยังสวนหลังบ้านทำให้ชายหนุ่มมองตาม แวบแรกเขาเห็นร่างของใครบางคนกำลังวิ่งเล่นตรงนั้นทว่าเมื่อกะพริบตามันกลับหายไปราวกับเป็นแค่ภาพลวงตาชั่ววูบ ทำให้เมลอสยกมือขึ้นขยี้ตาเบาๆ ก่อนเปลี่ยนทิศทางที่ยังอีกฟากอย่างรวดเร็ว ทันทีที่เด็กหนุ่มก้าวออกมาจากบ้านนั้น เสียงกระซิบของเหล่าผู้คนที่อาศัยอยู่แถวนั้นกลับดังขึ้นทำให้ชายหนุ่มทำหน้าไม่เข้าใจเล็กน้อยพลางเดินตรงไปยังที่ทำงานของตนเอง


    ทางด้านมอร์แกนชายหนุ่มเดินทางไปยังท่าเรือท่ามกลางเสียงกระซิบกระซาบของเหล่าผู้คนที่อาศัยอยู่แถวๆ นั้น อนึ่งเท่าที่ได้ยินคร่าวๆ น่าจะพูดกันเรื่องที่พวกเขาย้ายเข้ามาอยู่พื้นที่ที่ว่างนับสิบปีนั้น ทว่านอกนั้นเด็กหนุ่มกลับไม่ได้ยินแล้วทำให้เขารีบเร่งฝีเท้าไปยังท่าเรืออย่างรวดเร็ว เพราะเคยทำงานที่บ้านเกิดทำให้มอร์แกนทำงานค่อนข้างคล่องกว่าคนอื่นๆ


    ชายหนุ่มนั่งทำงานของตนเองจนกระทั่งถึงเวลาเย็น อันที่จริงแทบจะไม่ได้เดินไปไหนแม้กระทั่งกินข้าวกลางวันก็คนที่ทำงานด้วยเอามาให้เพราะเขายุ่งจนแทบละมือไม่ได้ง่ายๆ เพื่อนร่วมงานบอกตำแหน่งที่เขาทำอยู่นั้นมักจะว่างบ่อยๆ ผู้ใหญ่เล่ามันเป็นอาถรรพ์ที่เกิดขึ้นเมื่อสิบปีก่อน


    โดยตำแหน่งนี้เคยเป็นของสองฝาแฝดชื่อว่า มาเรียกับไมเคิล...อนึ่งตอนได้ยินแรกมอร์แกนนึกว่ามาเรียเป็นเด็กผู้หญิง แต่ว่ากลับกลายเป็นหนุ่มหน้าหวานซะได้...จากที่เพื่อนคนนั้นบอกเมื่อสิบปีก่อนตอนที่ทั้งสองกำลังไปส่งสินค้าที่ดินแดนอื่นนั้นเรือกลับล่มกลางทาง แต่สิ่งที่น่าตกใจคือบ้านของทั้งสองกลับถูกไฟเผ่าจนไม่เหลือใครสักคน ไม่สิ..เหลือคนหนึ่งแต่หลังจากวันนั้นไปเธอคนนั้นก็หายตัวไปไม่มีใครเห็นเธออีกเลย


    หลังจากที่ทั้งสองตายไปตำแหน่งนี้ก็เหมือนมีอาถรรพ์ไม่มีใครทนทำงานได้ถึงหนึ่งปี..บ้างก็ลาออกไป บางคนก็โดนไล่ออก และที่หนักสุดคือเกิดอุบัติเหตุเช่นเดียวกับทั้งสองคน เล่านั้นถูกเล่าปากต่อปากเรื่อยๆ บางก็ว่าเป็นเพราะความผิดที่ทั้งสองคนก่อขึ้นนั่นคือปีศาจแห่งราคะ ทั้งๆ ที่เป็นพี่น้องกลับคิดกับอีกคนเกิดคำว่าครอบครัว บางก็ว่าเป็นเพราะคำสาปของแม่มดสาวคนหนึ่งทำให้มันกลายเป็นแบบนี้


    ทว่าเพราะเรื่องผ่านมาสิบกว่าปีแล้วทำให้ไม่ค่อยแน่นอน เพื่อนร่วมงานของมอร์แกนเองก็เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งเหมือนกันทำให้ชายหนุ่มแอบโล่งอกไม่น้อย ชายหนุ่มรีบจัดการงานที่กองตรงหน้าของตนเองอย่างรวดเร็วก่อนเก็บของกลับบ้านไป ทว่าครั้งนี้ระหว่างทางกลับบ้านนั้นเขากลับสะดุ้งกับเสียงคุยกันเช่นเดียวกับเมื่อเช้าทำให้ตัดสินใจเดินเข้าไปถามอย่างอดไม่ได้


    “เอ่อ..คือ ไม่ทราบว่าเรื่องเล่าที่ว่าคืออะไรครับ?”


    “อืม...เกี่ยวกับแม่มดเมื่อสิบปีก่อนน่ะ...เธอเคยอยู่ที่นั่นก่อนที่จะถูกเผ่าทิ้งไป”


    หญิงสาววัยกลางคนเอ่ยเสียงแผ่วเบาพลางชี้ไปยังจุดที่ว่า ทว่ามันกลับทำให้มอร์แกนถึงกับนิ่งไปนิดๆ ในเมื่อบ้านที่พวกเขาชี้ไปนั้นเป็นบ้านของชายหนุ่มเองถึงจะได้ยินว่ามันร้างเพราะโดนวางเพลิงก็เถอะ แต่ไม่ได้คิดว่ามันจะเป็นที่เดียวกับที่มีตำนานแบบนั้น หลังจากที่ฟังหญิงสาวคนนั้นเล่าจบเด็กหนุ่มเดินกลับไปยังบ้านของตนเองพลางบ่อยความคิดตนเองไปเรื่อยๆ


    ที่นี่โดนวางเพลิงโดยเหล่าผู้คนที่มีความเชื่อผิดๆ ทุกคนเสียหมด มาเรียกับไมเคิลที่เพื่อนร่วมงานเล่าก่อนหน้านี้ก็อยู่ที่นี่ด้วย พวกเขานั้นเป็นเด็กกำพร้า แต่ว่าฐานประวัติก่อนที่กำพร้านั้นแต่ละคนมีตำแหน่งสูงส่งจนน่ากลัว...แต่ที่น่าตกใจที่สุดคือเด็กสาวที่ได้ชื่อว่าแม่มด...เธอคนนี้เคยเป็นเชื้อพระวงศ์มาก่อน เพราะเกิดสงครามทำให้ครอบครัวเธอเสียหมด


    ชายหนุ่มเดินก้มหน้าตลอดทางเดินทำให้บังเอิญชนกับแขนของใครบางคน...มอร์แกนสะดุ้งน้อยๆ ก่อนหันไปเด็กหนุ่มที่สวมผ้าคลุมที่ยืนถือกระดาษแผ่นเล็กๆ อยู่ แม้จะใส่ผ้าคลุมปิดบังใบหน้าตนเองก็เถอะ แต่ว่าเพราะแรงชนเมื่อครู่ทำให้ผ้าคลุมไถลหลุดจากศีรษะ


    เด็กหนุ่มตรงหน้ามีเรือนผมสีดำสนิทราวกับท้องฟ้ายามราตรีตัดกับผิวที่ซีดเซียวราวกับไม่เคยโดนแดด แต่ว่าที่น่ากลัวกว่านั้นคือดวงตาสีแดงดุจดั่งปีศาจในตำนานความเชื่อ เด็กหนุ่มตรงหน้าดูลนลานเล็กน้อยก่อนรีบหยิบผ้าคลุมขึ้นมาอีกครั้ง อนึ่งมอร์แกนคิดว่าการแต่งตัวของคนตรงหน้าพอสมควร ชุดสีดำทั้งตัวคล้ายกับนักล่าแม่มดไม่มีผิดเพี้ยน แต่ถึงกระนั้นชายหนุ่มก็หันกลับไปกล่าวกับเด็กหนุ่มคนนั้นเสียงเบา


    “ขอโทษ...ไม่เป็นไรนะ”


    ผลคืออีกคนพยักหน้าน้อยๆ ก่อนกระชับผ้าคลุมปิดบังใบหน้าของตนเองมากกว่าเดิมพลางรีบเดินหนีโดยไม่พูดอะไรทำให้มอร์แกนงุนงงไม่น้อยก่อนหมุนตัวกลับไปยังบ้านของตนเอง ชายหนุ่มยังเอิญเจอกับผู้เป็นน้องชายของตนเองระหว่างทางที่กำลังถึงบ้านโดยที่เมลอสกำลังคุยกับแม่ค้าที่ขายสมุนไพร เหมือนเจ้าตัวจะหาซื้อของไปปรุงยาใหม่แต่ว่าสมุนไพรนั้นหายากพอสมควรทำให้มีปัญหาเล็กน้อย ทำให้มอร์แกนเดินเข้าไปช่วยเคลียร์ในที่สุดก็ได้มันมาพร้อมทั้งเสียงบ่นน้อยๆ ของผู้เป็นน้อง


    “ข้ารู้นะว่ามันหายาก แต่ว่าอย่างน้อยก็ไม่น่าขายแพงแบบนี้”


    “เถอะน่า ว่าแต่งานวันแรกเป็นยังไง?”


    “ก็นะ มีแต่คนเล่าเรื่องแปลกๆ ให้ฟัง มอร์แกนล่ะ?”


    “ตำแหน่งอาถรรพ์”


    “เหมือนกันเลย พูดเรื่องอะไรก็ไม่รู้ไร้สาระสิ้นดี”


    “เอาน่า ไม่ต้องซีเรียสมาก”


    มอร์แกนกล่าวพลางยิ้มให้ผู้เป็นน้องชายพลางยกมือขึ้นขยี้ผมอีกคนเล็กน้อยทำให้เมลอสหน้ามุ่ยลงทันทีก่อนที่คนพี่จะหลุดหัวเราะออกมาทั้งสองเดินคุยกันจนกระทั่งถึงประตูหน้าบ้านดวงตาสีเขียวมรกตกลับสะดุ้งเข้ากับใครบางคนที่อยู่ในสวนดอกไม้ข้างบ้าน เธอคนนั้นอีกแล้วมองดูไกลๆ น่าจะกลมกลืนกับเด็กหมายสีขาวพอสมควร ทว่าระหว่างที่คิดนั้นเด็กหนุ่มกลับสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อนึกถึงคำพูดของหญิงสาวก่อนหน้านี้เกี่ยวกับแม่มดสาวที่หายตัวไป


    “เธอคนนั้นมีผมสีขาวบริสุทธิ์ ประหลาดมากเลยล่ะ...”


    ชายหนุ่มสะดุ้งเล็กน้อยก่อนหันมองภาพในสวนอีกครั้ง ทว่าเด็กสาวคนนั้นกลับหายตัวไปแล้ว แต่เท่าที่จำได้ลางๆ เขาเห็นผมอีกคนเป็นสีขาวทำให้เด็กหนุ่มได้แต่บอกตนเองว่าคนๆ นั้นอาจจะเป็นเด็กแถวนี้และเพราะทุ่งนั้นเป็นสีขาวทำให้เขาตาลายเห็นเธอผมสีขาวแทนก็เป็นได้


    ทว่าหลังจากที่ชายหนุ่มก้าวเข้าไปในบ้านนั้นท้องฟ้ากลับเริ่มมืดครึ้มลงพร้อมทั้งเสียงท้องฟ้าคำรามเป็นระยะๆ เกสรดอกไม้สีขาวล่องลอยตามสายลมที่พัดแรงขึ้น ภายในสวนนั้นปรากฏร่างเด็กสาวที่มีสีขาวไปทั้งตัว...ทั้งผมและเสื้อผ้ายืนเอามือไขว้หลังพร้อมรอยยิ้มที่แสนอ่อนโยนปรากฏบนใบหน้าที่ชาวเนียน ดวงตาสีขาวของเธอจ้องมองคฤหาสน์ตรงหน้าก่อนสายฝนจะกระหน่ำลงมาอย่างแรง



     

    เด็กหนุ่มผู้มีดวงตาสีแดงคล้ายกับปีศาจร้าย

    เรื่องเล่าที่เคยมีตั้งแต่สิบปีก่อน

    เด็กสาวในทุ่งดอกไม้ที่แสนบริสุทธิ์

    ทุกอย่างถูกเชื่อมกันไว้เสมอ

    สิ่งที่พวกเขาต้องการไม่มีอะไรมาก

    ..ต้องการเพียงแค่...

    เหยื่อรายแรกเท่านั้น


    เอาล่ะ มอร์แกนเมลอส

    พวกนายคือรายต่อไปจะสังเวยชีวิตให้แก่พวกเขา

    ยินดีต้อนรับสู่ความตายที่แสนทรมาน



    ------------------------------------------------------------

    มาแล้วค่ะ ขออภัยที่ช้ากว่าจะเขียนออกนานเลยทีเดียว TT




    O W E N TM.
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×