คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : The Tale 2 :: The Twins [ฝาแฝด] 02 - เรื่องเล่าเมื่อครั้งอดีต
The Main Character
From The Twins
ตัวละครหลัก
สองพี่น้องฝาแฝด
ตัวละครเสริม
-แม่มดชุดขาว-
- วิกตอเรีย -
-ชายหนุ่มชุดดำ และ ชายหนุ่มนัยน์ตาสีแดง-
- เฮเลน (มารดาของสองฝาแฝด) -
แสงแดดยามเช้าส่องผ่านม่านสีขุ่นทำให้มอร์แกนกระพริบตาถี่พลางลุกขึ้นจากเตียงกว้างตรงหน้า
ชายหนุ่มเรือนผมเทาเหลือบมองภายในห้องที่ไม่คุ้นเคยก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าตนเองเพิ่งย้ายบ้านมาทำให้มอร์แกนถอนหายใจออกมาเล็กน้อยพลางหันมองเมลอสที่ยังหลับอยู่บนเตียง
เขาควรปลุกดีไหมล่ะ?
มอร์แกนจ้องร่างคนที่หลับอยู่บนเตียงเล็กน้อยก่อนยืนมือเข้าไปลูบเส้นผมของผู้เป็นน้องชาย
ทว่าเพราะแบบนั้นทำให้เมลอสสะดุ้งตื่น ดวงตาเดียวกับเขาค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาพร้อมหันมองพี่ชายของตนเองก่อนถามเสียงห้วนๆ
“อะไร?”
“เปล่า
แค่จะปลุกเท่านั้นเอง”
ชายหนุ่มผู้เป็นพี่ตอบช้าๆ
ทำให้เมลอสเลิกคิ้วมองอีกครั้งก่อนที่มอร์แกนจะเดินไปอาบน้ำแต่งตัวทำให้คนน้องได้แค่นั่งรอจนกว่าอีกคนจะเสร็จธุระ
ไม่นานนักผู้เป็นพี่ก็เดินออกมาในชุดที่ใส่ประจำเรียบร้อยทำให้เมลอสลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำต่อ
ก่อนที่พวกเขาจะเดินออกจากห้องไปยังห้องทานอาหาร
เพราะที่บ้านนั้นมีกฎต้องกินข้าวพร้อมกันทำให้เลี่ยงไม่ได้ อันที่จริงพ่อและแม่ของพวกเขาเป็นขุนนางที่เพิ่งย้ายมาด้วยทำให้ค่อนข้างที่เข้มงวดกับทั้งสองพอสมควร
มอร์แกนเมลอสเดินผ่านกลุ่มแม่บ้านที่กำลังขนอาหารมายังห้องพลางเลี่ยงให้พวกขำเดินสะดวกขึ้น
แน่นอนการกระทำของทั้งสองเรียกสีหน้าแปลกใจจากแม่บ้านทั้งหลายได้เป็นอย่างดี
ทว่าถึงกระนั้นพวกเธอก็ยิ้มให้กับคุณหนูทั้งสองก่อนเดินรีบยกอาหารไปตามเสียงตะโกนเรียกของหญิงสาวผู้เป็นเจ้าของบ้าน
ชายหนุ่มทั้งสองก้าวเข้าไปในห้องที่มีครอบครัวตนเองนั่งอยู่
มุมหัวโต๊ะมีชายหนุ่มวัยกลางคนที่เป็นเจ้าของบ้านนั่งอยู่
ถัดมาฝั่งขวามือของเขาคือหญิงสาวผู้เป็นภรรยา ตรงกับหญิงสาวเป็นเด็กสาววัยสิบสี่เรือนผมสีบลอดน์ยาวนั่งแกว่งเท้านิดๆ
ราวกับรออะไรบางอย่าง สองฝาแฝดเดินตรงเข้าไปนั่งที่นั่งประจำของตนเองอย่างรู้หน้าที่
ก่อนแม่บ้านจะเริ่มเสิร์ฟอาหารให้กับพวกเขา
แม้จะย้ายบ้านใหม่ก็ตามแต่ว่าบรรยากาศยามเช้าของครอบครัวไม่ได้เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย
ยังคงเงียบสงบไม่มีใครเอ่ยปากพูดแม้แต่น้อยจนกระทั่งแยกย้ายกันไปทำงาน
มอร์แกนเดินออกจากบ้านไปยังท่าเรือเพื่อเช็คงานของตนเองที่เพิ่งย้ายมา
ส่วนเมลอสเดินไปยังอีกฟากแทน
ทว่าระหว่างที่เมลอสกำลังเดินไปนั้นเสียงของผู้เป็น้องสาวอย่างวิกตอเรียกลับดังขึ้นทำให้เขาชะงักน้อยๆ
ก่อนหันมองเธออีกครั้ง เด็กสาวสิบสี่วิ่งออกมาพร้อมยืนหนังสือสมุนไพรเล่มหนึ่งให้ทำให้เด็กหนุ่มงุนงงไม่น้อยก่อนเอ่ยถามเสียงเบา
“นี่
น้องไปเอามาจากไหน?”
“เห็นวางอยู่สวนด้านหลังบ้านค่ะ
หนูไปล่ะ”
วิกตอเรียบอกพลางชี้ไปยังสวนหลังบ้านทำให้ชายหนุ่มมองตาม
แวบแรกเขาเห็นร่างของใครบางคนกำลังวิ่งเล่นตรงนั้นทว่าเมื่อกะพริบตามันกลับหายไปราวกับเป็นแค่ภาพลวงตาชั่ววูบ
ทำให้เมลอสยกมือขึ้นขยี้ตาเบาๆ ก่อนเปลี่ยนทิศทางที่ยังอีกฟากอย่างรวดเร็ว ทันทีที่เด็กหนุ่มก้าวออกมาจากบ้านนั้น
เสียงกระซิบของเหล่าผู้คนที่อาศัยอยู่แถวนั้นกลับดังขึ้นทำให้ชายหนุ่มทำหน้าไม่เข้าใจเล็กน้อยพลางเดินตรงไปยังที่ทำงานของตนเอง
ทางด้านมอร์แกนชายหนุ่มเดินทางไปยังท่าเรือท่ามกลางเสียงกระซิบกระซาบของเหล่าผู้คนที่อาศัยอยู่แถวๆ
นั้น อนึ่งเท่าที่ได้ยินคร่าวๆ น่าจะพูดกันเรื่องที่พวกเขาย้ายเข้ามาอยู่พื้นที่ที่ว่างนับสิบปีนั้น
ทว่านอกนั้นเด็กหนุ่มกลับไม่ได้ยินแล้วทำให้เขารีบเร่งฝีเท้าไปยังท่าเรืออย่างรวดเร็ว เพราะเคยทำงานที่บ้านเกิดทำให้มอร์แกนทำงานค่อนข้างคล่องกว่าคนอื่นๆ
ชายหนุ่มนั่งทำงานของตนเองจนกระทั่งถึงเวลาเย็น
อันที่จริงแทบจะไม่ได้เดินไปไหนแม้กระทั่งกินข้าวกลางวันก็คนที่ทำงานด้วยเอามาให้เพราะเขายุ่งจนแทบละมือไม่ได้ง่ายๆ
เพื่อนร่วมงานบอกตำแหน่งที่เขาทำอยู่นั้นมักจะว่างบ่อยๆ
ผู้ใหญ่เล่ามันเป็นอาถรรพ์ที่เกิดขึ้นเมื่อสิบปีก่อน
โดยตำแหน่งนี้เคยเป็นของสองฝาแฝดชื่อว่า
มาเรียกับไมเคิล...อนึ่งตอนได้ยินแรกมอร์แกนนึกว่ามาเรียเป็นเด็กผู้หญิง
แต่ว่ากลับกลายเป็นหนุ่มหน้าหวานซะได้...จากที่เพื่อนคนนั้นบอกเมื่อสิบปีก่อนตอนที่ทั้งสองกำลังไปส่งสินค้าที่ดินแดนอื่นนั้นเรือกลับล่มกลางทาง
แต่สิ่งที่น่าตกใจคือบ้านของทั้งสองกลับถูกไฟเผ่าจนไม่เหลือใครสักคน ไม่สิ..เหลือคนหนึ่งแต่หลังจากวันนั้นไปเธอคนนั้นก็หายตัวไปไม่มีใครเห็นเธออีกเลย
หลังจากที่ทั้งสองตายไปตำแหน่งนี้ก็เหมือนมีอาถรรพ์ไม่มีใครทนทำงานได้ถึงหนึ่งปี..บ้างก็ลาออกไป
บางคนก็โดนไล่ออก และที่หนักสุดคือเกิดอุบัติเหตุเช่นเดียวกับทั้งสองคน
เล่านั้นถูกเล่าปากต่อปากเรื่อยๆ
บางก็ว่าเป็นเพราะความผิดที่ทั้งสองคนก่อขึ้นนั่นคือปีศาจแห่งราคะ ทั้งๆ
ที่เป็นพี่น้องกลับคิดกับอีกคนเกิดคำว่าครอบครัว
บางก็ว่าเป็นเพราะคำสาปของแม่มดสาวคนหนึ่งทำให้มันกลายเป็นแบบนี้
ทว่าเพราะเรื่องผ่านมาสิบกว่าปีแล้วทำให้ไม่ค่อยแน่นอน
เพื่อนร่วมงานของมอร์แกนเองก็เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งเหมือนกันทำให้ชายหนุ่มแอบโล่งอกไม่น้อย
ชายหนุ่มรีบจัดการงานที่กองตรงหน้าของตนเองอย่างรวดเร็วก่อนเก็บของกลับบ้านไป
ทว่าครั้งนี้ระหว่างทางกลับบ้านนั้นเขากลับสะดุ้งกับเสียงคุยกันเช่นเดียวกับเมื่อเช้าทำให้ตัดสินใจเดินเข้าไปถามอย่างอดไม่ได้
“เอ่อ..คือ
ไม่ทราบว่าเรื่องเล่าที่ว่าคืออะไรครับ?”
“อืม...เกี่ยวกับแม่มดเมื่อสิบปีก่อนน่ะ...เธอเคยอยู่ที่นั่นก่อนที่จะถูกเผ่าทิ้งไป”
หญิงสาววัยกลางคนเอ่ยเสียงแผ่วเบาพลางชี้ไปยังจุดที่ว่า
ทว่ามันกลับทำให้มอร์แกนถึงกับนิ่งไปนิดๆ
ในเมื่อบ้านที่พวกเขาชี้ไปนั้นเป็นบ้านของชายหนุ่มเองถึงจะได้ยินว่ามันร้างเพราะโดนวางเพลิงก็เถอะ
แต่ไม่ได้คิดว่ามันจะเป็นที่เดียวกับที่มีตำนานแบบนั้น
หลังจากที่ฟังหญิงสาวคนนั้นเล่าจบเด็กหนุ่มเดินกลับไปยังบ้านของตนเองพลางบ่อยความคิดตนเองไปเรื่อยๆ
ที่นี่โดนวางเพลิงโดยเหล่าผู้คนที่มีความเชื่อผิดๆ
ทุกคนเสียหมด มาเรียกับไมเคิลที่เพื่อนร่วมงานเล่าก่อนหน้านี้ก็อยู่ที่นี่ด้วย
พวกเขานั้นเป็นเด็กกำพร้า แต่ว่าฐานประวัติก่อนที่กำพร้านั้นแต่ละคนมีตำแหน่งสูงส่งจนน่ากลัว...แต่ที่น่าตกใจที่สุดคือเด็กสาวที่ได้ชื่อว่าแม่มด...เธอคนนี้เคยเป็นเชื้อพระวงศ์มาก่อน
เพราะเกิดสงครามทำให้ครอบครัวเธอเสียหมด
ชายหนุ่มเดินก้มหน้าตลอดทางเดินทำให้บังเอิญชนกับแขนของใครบางคน...มอร์แกนสะดุ้งน้อยๆ
ก่อนหันไปเด็กหนุ่มที่สวมผ้าคลุมที่ยืนถือกระดาษแผ่นเล็กๆ อยู่
แม้จะใส่ผ้าคลุมปิดบังใบหน้าตนเองก็เถอะ แต่ว่าเพราะแรงชนเมื่อครู่ทำให้ผ้าคลุมไถลหลุดจากศีรษะ
เด็กหนุ่มตรงหน้ามีเรือนผมสีดำสนิทราวกับท้องฟ้ายามราตรีตัดกับผิวที่ซีดเซียวราวกับไม่เคยโดนแดด
แต่ว่าที่น่ากลัวกว่านั้นคือดวงตาสีแดงดุจดั่งปีศาจในตำนานความเชื่อ
เด็กหนุ่มตรงหน้าดูลนลานเล็กน้อยก่อนรีบหยิบผ้าคลุมขึ้นมาอีกครั้ง
อนึ่งมอร์แกนคิดว่าการแต่งตัวของคนตรงหน้าพอสมควร
ชุดสีดำทั้งตัวคล้ายกับนักล่าแม่มดไม่มีผิดเพี้ยน แต่ถึงกระนั้นชายหนุ่มก็หันกลับไปกล่าวกับเด็กหนุ่มคนนั้นเสียงเบา
“ขอโทษ...ไม่เป็นไรนะ”
ผลคืออีกคนพยักหน้าน้อยๆ
ก่อนกระชับผ้าคลุมปิดบังใบหน้าของตนเองมากกว่าเดิมพลางรีบเดินหนีโดยไม่พูดอะไรทำให้มอร์แกนงุนงงไม่น้อยก่อนหมุนตัวกลับไปยังบ้านของตนเอง
ชายหนุ่มยังเอิญเจอกับผู้เป็นน้องชายของตนเองระหว่างทางที่กำลังถึงบ้านโดยที่เมลอสกำลังคุยกับแม่ค้าที่ขายสมุนไพร
เหมือนเจ้าตัวจะหาซื้อของไปปรุงยาใหม่แต่ว่าสมุนไพรนั้นหายากพอสมควรทำให้มีปัญหาเล็กน้อย ทำให้มอร์แกนเดินเข้าไปช่วยเคลียร์ในที่สุดก็ได้มันมาพร้อมทั้งเสียงบ่นน้อยๆ
ของผู้เป็นน้อง
“ข้ารู้นะว่ามันหายาก
แต่ว่าอย่างน้อยก็ไม่น่าขายแพงแบบนี้”
“เถอะน่า
ว่าแต่งานวันแรกเป็นยังไง?”
“ก็นะ
มีแต่คนเล่าเรื่องแปลกๆ ให้ฟัง มอร์แกนล่ะ?”
“ตำแหน่งอาถรรพ์”
“เหมือนกันเลย
พูดเรื่องอะไรก็ไม่รู้ไร้สาระสิ้นดี”
“เอาน่า
ไม่ต้องซีเรียสมาก”
มอร์แกนกล่าวพลางยิ้มให้ผู้เป็นน้องชายพลางยกมือขึ้นขยี้ผมอีกคนเล็กน้อยทำให้เมลอสหน้ามุ่ยลงทันทีก่อนที่คนพี่จะหลุดหัวเราะออกมาทั้งสองเดินคุยกันจนกระทั่งถึงประตูหน้าบ้านดวงตาสีเขียวมรกตกลับสะดุ้งเข้ากับใครบางคนที่อยู่ในสวนดอกไม้ข้างบ้าน
เธอคนนั้นอีกแล้วมองดูไกลๆ น่าจะกลมกลืนกับเด็กหมายสีขาวพอสมควร ทว่าระหว่างที่คิดนั้นเด็กหนุ่มกลับสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อนึกถึงคำพูดของหญิงสาวก่อนหน้านี้เกี่ยวกับแม่มดสาวที่หายตัวไป
“เธอคนนั้นมีผมสีขาวบริสุทธิ์
ประหลาดมากเลยล่ะ...”
ชายหนุ่มสะดุ้งเล็กน้อยก่อนหันมองภาพในสวนอีกครั้ง
ทว่าเด็กสาวคนนั้นกลับหายตัวไปแล้ว แต่เท่าที่จำได้ลางๆ เขาเห็นผมอีกคนเป็นสีขาวทำให้เด็กหนุ่มได้แต่บอกตนเองว่าคนๆ
นั้นอาจจะเป็นเด็กแถวนี้และเพราะทุ่งนั้นเป็นสีขาวทำให้เขาตาลายเห็นเธอผมสีขาวแทนก็เป็นได้
ทว่าหลังจากที่ชายหนุ่มก้าวเข้าไปในบ้านนั้นท้องฟ้ากลับเริ่มมืดครึ้มลงพร้อมทั้งเสียงท้องฟ้าคำรามเป็นระยะๆ
เกสรดอกไม้สีขาวล่องลอยตามสายลมที่พัดแรงขึ้น
ภายในสวนนั้นปรากฏร่างเด็กสาวที่มีสีขาวไปทั้งตัว...ทั้งผมและเสื้อผ้ายืนเอามือไขว้หลังพร้อมรอยยิ้มที่แสนอ่อนโยนปรากฏบนใบหน้าที่ชาวเนียน
ดวงตาสีขาวของเธอจ้องมองคฤหาสน์ตรงหน้าก่อนสายฝนจะกระหน่ำลงมาอย่างแรง
เด็กหนุ่มผู้มีดวงตาสีแดงคล้ายกับปีศาจร้าย
เรื่องเล่าที่เคยมีตั้งแต่สิบปีก่อน
เด็กสาวในทุ่งดอกไม้ที่แสนบริสุทธิ์
ทุกอย่างถูกเชื่อมกันไว้เสมอ
สิ่งที่พวกเขาต้องการไม่มีอะไรมาก
..ต้องการเพียงแค่...
เหยื่อรายแรกเท่านั้น
เอาล่ะ มอร์แกนเมลอส
พวกนายคือรายต่อไปจะสังเวยชีวิตให้แก่พวกเขา
ยินดีต้อนรับสู่ความตายที่แสนทรมาน
------------------------------------------------------------
มาแล้วค่ะ ขออภัยที่ช้ากว่าจะเขียนออกนานเลยทีเดียว TT
ความคิดเห็น