ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Incubus ฝันอันตราย ภาค The Cursed Eyes (จบ)

    ลำดับตอนที่ #11 : บทที่ 10

    • อัปเดตล่าสุด 26 ก.ค. 58


    บทที่ 10

     

    อาร์โรห์อยู่เฝ้ายามจนดวงอาทิตย์ใกล้จะโผล่พ้นสันเขา  เขาตรวจเช็คความเรียบร้อยทุกอย่างด้วยตัวเองก่อนที่จะเดินจากมาโดยที่ไม่มีใครรู้สึกตัว

    เขาเชื่อว่าแม้แต่คาร์ลก็ไม่มีทางรู้สึกตัว  ในเมื่ออีกฝ่ายอยู่ยามมาตลอดการเดินทาง  แม้ว่าจะมีได้นอนหลับพักผ่อนอย่างเต็มตาในหมู่บ้านนักรบ  แต่นั่นก็เพียงคืนเดียว  ไม่สามารถขับไล่ความอ่อนเพลียทั้งหมดออกไปได้

    การเดินทางคนเดียวอาจเป็นการกระทำที่ดูโง่เขลา  แต่ถ้ามันจะไม่ทำให้ใครเดือดร้อนล่ะก็เขายินดีที่จะทำมัน

    อาร์โรห์พยายามเร่งเดินทางให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้  แม้จะรู้อยู่แก่ใจว่าพวกคาร์ลไม่มีทางที่จะตามมาทัน  แต่เขาก็อยากจะทิ้งระยะห่างจากพวกคาร์ลให้มากที่สุด  ยิ่งมากก็ยิ่งดี  เพราะนั่นจะเท่ากับว่าอันตรายที่อีกฝ่ายจะได้รับก็จะยิ่งน้อยลง

    แต่เดินทางออกมาได้ยังไม่ทันที่ดวงอาทิตย์จะขึ้นถึงกลางศีรษะ  เขาก็กลับพบพวกออร์คที่กำลังล่าสัตว์  เสียงของพวกมันทำให้พวกสัตว์เล็กๆเตลิดหนี  เสียงหัวเราะแหบๆของพวกมันไม่ได้น่าฟังเลยสักนิด

    อาร์โรห์นิ่งมองเหล่าปีศาจที่มีรูปร่างคล้ายมนุษย์ที่วิกลวิกาลครู่หนึ่ง  เขาคงต้องอ้อมไปไกลเสียหน่อยกว่าจะเดินพ้นเขตของพวกออร์คที่คะเนจากสายตาแล้วมีอยู่มากกว่าสิบตน

    “นั่นใครน่ะ!!!?” เสียงแหบๆของออร์คตนหนึ่งดังขึ้นพร้อมกับการเดินเข้ามาใกล้เขา

    เขายังไม่ทันขยับเลยนะ!!!

    “โอ๋ๆๆ  อินคิวบัสที่เพิ่งโตเต็มวัยสินะ ฮี่ๆๆ” ออร์คตนนั้นกล่าวพร้อมกับเดินเข้ามาใกล้อาร์โรห์ที่ดึงเอามีดออกมา

    แต่เมื่อเทียบกับออร์ค  อินคิวบัสเช่นเขานั้นมีร่างกายที่อ่อนแอกว่ามากนัก  ไม่ว่าจะด้านพละกำลังหรือความอดทนต่ออาการบาดเจ็บก็ตาม  จะมีก็เพียงความเร็วและกลยุทธ์เท่านั้นที่อินคิวบัสอาจใช้เป็นข้อได้เปรียบ  แต่ที่เหลือก็คือข้อเสียเปรียบที่ไม่มีทางหาอะไรมาปิดได้มิด

    มีดในมือถูกปัดออกด้วยความรุนแรงจนลอยห่างออกไปไกล  ก่อนที่ร่างของออร์คตนนั้นจะตามเข้ามา  อาร์โรห์ก็รีบดีดตัวลุกขึ้นแล้วกระโดดถอยเพื่อสร้างระยะห่าง  แต่เพียงแค่ก้าวถอยหลังไปอีกก้าวเดียวแผ่นหลังของเด็กหนุ่มอินคิวบัสก็ชนเข้ากับร่างกายแข็งๆของอะไรบางอย่าง

    อาร์โรห์มองไปด้านหลัง  เห็นร่างกายหนาใหญ่แข็งแรงกำยำที่มีกล้ามเนื้อสีเทาแล้วเขาก็รู้แล้ว

    เขายังไม่ทันได้ดีดตัวหนี  ฝ่ามือแข็งแกร่งของออร์คตนนั้นก็เข้ามาตรึงเขาไว้ด้วยแรงมหาศาลที่เขาดิ้นไม่หลุด  และเมื่อเขามองไปรอบๆอีกครั้งก็มีออร์คอีกหลายตนปรากฏขึ้นมาโดยรอบ 

    ...ถูกล้อมตั้งแต่เมื่อไหร่กัน...

    อาร์โรห์กัดฟัน  หมายจะหาทางหนีออกไปจากการที่ถูกเจ้าออร์คตัวยักษ์ด้านหลังนี่พันธนาการไว้  แต่แล้ว  เจ้าออร์คที่เป็นคนเจอเขาก็กลับเดินเข้ามาหา

    “เนื้ออินคิวบัสน่าจะหวานไม่น้อยเลย...พวกเจ้าว่าไงล่ะ ฮี่ๆๆๆ”

    “เอาเลย! ฆ่ามันเลย!!!

    อาร์โรห์กัดฟันกรอด  เจ็บใจตัวเองที่ดันมาเสียท่าให้กับพวกออร์คที่มีดีแต่ใช้สัญชาตญาณและมีร่างกายที่แข็งแรงทนทานเพียงแค่นั้น

    ...ยังไงก็ต้องหนีไปให้ได้...ก่อนที่พวกคาร์ลจะตามมา...

    เสียงลากกระบองดังครืดๆเรียกให้อาร์โรห์หันไปมองทางต้นเสียง  เขาเพ่งมองไปบนกระบองนั้น  สังเกตเห็นรอยเลือดแห้งกรังอยู่บนหนามเหล็ก  คาดว่าคงจะใช้จัดการอะไรบางอย่างมาก่อนหน้านี้ไม่มากก็น้อย

    ดวงตาสีนิลเริ่มกลอกมองให้ทั่วอีกครั้ง  สุดท้ายแล้วเขาก็จำต้องงัดเอาพลังเวทที่เหลืออยู่ร่อยหรอออกมาใช้

    ก็ใครใช้ให้เวทที่สลักอยู่บนมีดดูดกลืนเวทของเขาไปอย่างกับกระหายขนาดนั้นล่ะ!

    อาร์โรห์รวบรวมพลังเวทไว้ที่ฝ่าเท้าอย่างเงียบๆ  ยังดีที่พวกออร์คไร้ความรู้ในเรื่องของเวท  ทำให้ไม่มีออร์คตนใดสังเกตเห็นความผิดปกติ

    ในขณะที่กระบองหนามถูกเงื้อขึ้นนั่นเอง  อาร์โรห์ก็ยกขาถีบเข้าที่หน้าอกของออร์คตนนั้นจนอีกฝ่ายถอยวืดไปไกล

    ออร์คตนอื่นๆเห็นดังนั้นจึงเริ่มกรูกันเข้ามาหาอาร์โรห์ที่รีบใช้เวทเสริมกำลังสะบัดออร์คตนที่จับเขาไว้จนหลุดและกระโดดขึ้นไปฟาดฝ่ามือลงที่กลางกระหม่อมของอีกฝ่ายจนล้มตึง

    เมื่อเห็นว่าเริ่มมีออร์คตนอื่นๆกรูกันเข้ามา  อาร์โรห์ก็สยายปีกออกและบินขึ้นสู่ท้องฟ้า  รวบรวมเอาพลังเวทในร่างสร้างเป็นคันธนู  และสร้างศรเวทสีดำกร้าวขึ้น  ไอพลังมืดกดดันแผ่ซ่านออกมาจากศรเวทเพราะพลังที่ถูกรวบรวมมาสร้างนั้นเข้มข้นอย่างน่าตกใจ  จากนั้นอาร์โรห์ก็ปล่อยให้ศรเวททะยานออกจากคันศร  เพียงแค่มันตกลงสู่พื้น  แรงระเบิดมหาศาลก็กวาดเอาออร์คตายไปกว่าครึ่ง!!!

    ทุกอย่างเกิดขึ้นภายในไม่กี่วินาที  และถึงแม้ผลจะออกมาน่าพอใจ  แต่ถ้าอาร์โรห์สามารถเสริมพลังเวทเข้าไปมากกว่านี้เขาเชื่อว่าจะไม่มีออร์คตนใดเหลือรอดอย่างแน่นอน

    อาร์โรห์นิ่งมองเหล่าออร์คที่พากันวิ่งหนีตะเหลิดกันอย่างอลหม่าน  ไม่ว่าจะข้ามเศษซากของเผ่าพันธุ์เดียวกัน  หรือแม้กระทั่งทิ้งออร์คบางตนที่บาดเจ็บจนหนีไปไหนไม่ได้ก็ตาม

    ช่างน่าสมเพช...พวกออร์คที่ไม่รู้จักแม้กระทั่งจะช่วยเหลือกันเอง  ยังสมควรจะเรียกว่าสิ่งมีชีวิตอีกหรือ...สมแล้ว...ที่ถูกเรียกว่าสิ่งบิดเบี้ยวของโลก...

    อาร์โรห์ลงสู่พื้น  ใบหน้าของเขาซีดขาวลงเล็กน้อย  อาจเพราะเขาใช้พลังเวทไปเกือบหมดละมั้ง

    เขาคงต้องเลิกใช้พลังเวทไปอีกซักพัก...

    อาร์โรห์ออกเดินต่อ  เดินไปอย่างไร้จุดหมาย  แผ่นหลังของอาร์โรห์ในตอนนี้ช่างดูบอบบางและโดดเดี่ยวอ้างว้าง...เหมือนกับในอดีตที่ไม่มีใครเหลียวแลเขาแม้แต่มารดาที่ให้กำเนิด  และบางที...เขาอาจจะเดินทางเช่นนี้ต่อไป...เรื่อยๆ...เรื่อยๆ...

     

    คาร์ลรู้สึกตัวขึ้นมาเมื่อแสงของดวงอาทิตย์กระจายสร้างความอบอุ่นทั่วทั้งผืนป่า  แต่กลับไม่พบแม้แต่เงาของเด็กหนุ่มอินคิวบัสที่ควรจะนั่งเฝ้ายามอยู่

    อินคิวบัสหนุ่มลุกพรวดขึ้นอย่างตระหนก  พยายามจะมองหาร่องรอยของอาร์โรห์จนพบรอยเท้าที่ตรงเข้าสู่ผืนป่าตรงหน้า  เขารีบปลุกเดลและลูน่า

    “นี่  พวกเจ้ารีบตื่นเร็ว!

    “มีอะไรเหรอ?”

    “อาร์โรห์หายไปแล้ว”

    “อะไรนะ!!?”

    เสียงที่สองพี่น้องตะโกนขึ้นมาด้วยสภาพตื่นเต็มตาทำให้คาร์ลเผลอผงะถอยไปนิดหน่อย ...กลิ่นรัญจวนใจเหลือเกิน...

    “ข้าว่า...ก่อนที่พวกเราจะออกเดินทางคงต้องจัดการกับตัวเองซะก่อนล่ะ...”

    ถึงจะทำให้พวกเขาตามอาร์โรห์ไม่ทัน  แต่จะให้ไปมันทั้งสภาพแบบนี้ก็ไม่ไหวเหมือนกัน...

    กว่าจะพร้อมออกเดินทางกันจริงๆก็กว่าหนึ่งชั่วโมง  ซึ่งสาเหตุก็ไม่มีอะไรมาก ลูน่าเนี่ยแหละ  แถมเจ้าตัวยังบอกว่านี่มันเร็วที่สุดเท่าที่เคยทำมาแล้วด้วย...นี่ขนาดเร็วยังปาไปประมาณครั่งชั่วโมงได้  ถ้าช้าเนี่ยจะซักกี่ชั่วโมงกัน...

    คาร์ลมองลูน่าด้วยสีหน้าเซ็งๆ  ไม่เพียงตามอาร์โรห์ไม่ทัน  ช้าแบบนี้อาจจะไม่เหลือแม้กระทั่งร่องรอยให้หาเลยมั้ง...

    คิดได้เพียงเท่านั้นทั้งสามก็ต้องหยุดชะงัก  เมื่อตรงหน้าปรากฏสิ่งที่ทำให้พวกเขาต่างตระหนก  ร่างของปีศาจสีเทากว่าสิบตนนอนเกลื่อนกลาดและกระจัดกระจายอยู่ตรงหน้า  อีกทั้งยังได้กลิ่นเลือดเหม็นสาบจนต้องพากันอุดจมูกกันยกใหญ่

    คาร์ลเดินปิดจมูกเข้าไปสำรวจซากของปีศาจที่อยู่ใกล้ๆ  ร่างกายของปีศาจตนนั้นมีบาดแผลอยู่ทั่วตัว  ทั้งยังมีเลือดสีเข้มผิดปกติจากมนุษย์ซึมออกมาจากบาดแผลหลายจุด

    คาร์ลนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนที่หางตาจะเหลือบไปเห็นหลุมกว้างบนพื้นที่ห่างออกไปจากจุดที่พวกเขาอยู่ระยะหนึ่ง  เขาลุกขึ้นวิ่งตรงไปยังหลุมนั้น  เพียงแค่ก้มลงสำรวจ  เขาก็สัมผัสได้ถึงไอพลังเวทจางๆ  อีกทั้งยังเป้นพลังเวทที่เขารู้สึกคุ้นเคย...

    ...อาร์โรห์...เป็นคนจัดการออร์คทั้งหมดนี้เลยอย่างนั้นหรือ...

    “คาร์ล  เจ้าเจออะไรอย่างนั้นหรือ?” เป็นเดลที่เข้ามาถาม  ส่วนลูน่าก้มลงสำรวจบริเวณหลุมที่กินบริเวณกว้างไปหลายเมตร

    “ไม่น่าเชื่อเลย  ดินบริเวณนี้ปกติคงจะอุดมสมบูรณ์  แต่ที่หลุมนี่ดินกลับแตกระแหง  เหมือนกับถูกดูดเอาความอุดมสมบูรณ์ทั้งหมดไปอย่างนั้นล่ะ...” ลูน่าหันมากล่าวกับเดลที่ยืนอยู่ใกล้ๆ

    เดลนิ่งไปครู่หนึ่ง “ดินถูกดูดความอุดมสมบูรณ์อย่างนั้นหรือ...หรือว่าจะเป็นพลังของอาร์โรห์!!?”

    “ใช่ ถูกแล้วล่ะ” คาร์ลกล่าวพลางลุกขึ้นยืน “นี่เป็นผลกระทบจากพลังเวทสายมืด  แต่ปกติ  อย่างมากก็แค่ทำลายไปเพียงจุดเล็กๆ  แต่นี่  นอกจากผิวดินที่เกิดหลุม  ส่วนใต้ดินในบริเวณหนึ่งกิโลเมตรกลับสูญเสียความอุดมสมบูรณ์ไปจนหมด  อีกไม่นานผืนดินบริเวณนี้ก็คงจะแตกระแหง...”

    “หมายความว่ายังไงกันแน่??”

    “อาร์โรห์คงจะใช้พลังเวทมหาศาลในการจัดการออร์คพวกนี้...”

    เพียงแค่คำพูดประโยคนั้นจบลง  ความเงียบก็เริ่มโปรยตัวลงมา  กระจายอยู่ทั่วทุกอณูอากาศ  ไม่มีใครเอ่ยอะไรออกมา  ราวกับทุกคนพร้อมใจกันนิ่งเงียบ  ไม่ใช่ว่าไม่ใส่ใจที่จะเอ่ยปากปรึกษา  แต่ต่างก็รู้ดีว่าสภาพของอาร์โรห์ในตอนนี้ไม่น่าจะสามารถใช้เวทระดับนั้นได้

    แต่มันก็เกิดขึ้นแล้วนี่??  อาร์โรห์จัดการออร์คพวกนี้ได้ด้วยตัวคนเดียว  ด้วยเวทเพียงบทเดียว...

    ...เกิดอะไรขึ้นกับอาร์โรห์กันแน่...

     

    ไม่สนุกนะแบบนี้ !!

    อาร์โรห์คิดขณะที่เขายังคงหอบหนัก  ดวงตาสอดส่ายไปรอบๆตัวที่มีปีศาจหลายสิบตนยืนกันจนแน่นขนัด 

    ทั้งที่เพิ่งจะเสียพลังเวทไปเกือบหมดกับการจัดการออร์คพวกนั้น  แต่ผ่านไปไม่ถึงครึ่งวันเขาก็เจอกับปีศาจกลุ่มใหม่และต่อสู้ยืดเยื้อมาจนตอนนี้ซึ่งฟ้าเริ่มมืดแล้ว

    สู้แบบนี้เขาเสียเปรียบเห็นๆเลย!

    อาร์โรห์ขยับหลบดาบเพลิงที่พุ่งเข้าใส่  ก่อนจะพุ่งไปด้านหน้าเมื่อสังเกตเห็นช่องทางที่พอจะหนีได้  แต่ขยับไปได้ไม่เท่าไหร่เขาก็ต้องชะงักเมื่อมีโทรลตัวยักษ์ก้าวออกมาขวางหน้า  มันส่งเสียงคำรามเน่าเหม็นออกมาจนอาร์โรห์ทำได้เพียงกระโดดถอยกลับไปอยู่กลางวงล้อมเข้าต่อสู้โรมรันกับปีศาจตนอื่นๆ

    อาร์โรห์ใช้คันธนูในการรับการโจมตีหลายต่อหลายครั้ง  ปีศาจที่ถูกเขาใช้ลูกธนูจัดการไปก็มีอยู่ไม่น้อย  แต่ปีศาจเหล่านี้ก็ไม่ยอมหมดเสียที...

    โฮกกกกกกก!!!!!

    เสียงคำรามที่ทำให้กลิ่นเน่าเหม็นฟุ้งกระจายทำเอาอาร์โรห์ชะงักร่างไปชั่ววินาทีหนึ่ง  ดวงตาสีนิลสะท้อนภาพของโทรลที่ถือกระบองเหล็กอันใหญ่ยักษ์ทุ่มลงบนร่างของปีศาจตนแล้วตนเล่า  เลือดของปีศาจแต่ละตนสาดกระจายปะปนกันจนเกิดกลิ่นฉุนที่ทำเอาเวียนหัว

    ทั้งๆที่ปกติโทรลจะเคลื่อนไหวอืดอาดชักช้า  แต่ในตอนนี้อาร์โรห์กลับรู้สึกว่ามันเคลื่อนไหวได้เร็วอย่างน่าประหลาด  อาร์โรห์ทำได้เพียงยืนนิ่งมองสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า  รู้ตัวอีกทีก็เมื่อตอนที่โทรลตนนั้นใกล้จะเข้ามาถึงตัว  เขาคิดจะสยายปีกขึ้นบิน  แต่อยู่ๆร่างทั้งร่างกลับขยับเขยื้อนไม่ได้พร้อมกับสัมผัสของพลังเวทที่ลอยขึ้นมาจากใต้ฝ่าเท้าของเขา...

    กระบองอันยักษ์ถูกเงื้อขึ้นสูงพร้อมกับเงาร่างใหญ่ที่ทาบทับลงมาบนร่างของอาร์โรห์ที่ทำได้เพียงเบิกตากว้างขึ้น  รอถูกกระบองนั่นทุบลงมาบนร่าง

    ฉัวะ!!!

    โฮกกกกกกกกกก!!!

    โทรลตนนั้นคำรามลั่นก่อนที่จะหันกลับไปที่ด้านหลังของตนเอง  ฟาดกระบองในมือลงบนพื้นดินที่อาร์โรห์เห็นว่ามีร่างๆหนึ่งยืนอยู่  แต่ขณะที่อาวุธที่ถูกเหวี่ยงเข้าหาด้วยแรงมหาศาลอยู่นั่นเอง  อยู่ๆร่างนั้นก็หายไปเสียเฉยๆจนเจ้าโทรลนั่นฟาดพลาดโดนพื้นจนเป็นรอย

    “ฮ่าๆๆ! เจ้าโทรลโง่เง่า!! คิดจะมาสู้กับนักเวทอย่างข้ายังเร็วไปสิบปี!!!” เสียงที่ฟังดูออกจะหวานไปเล็กน้อยสำหรับบุรุษเพศแต่ก็ไม่หวานถึงขั้นสตรีเพศดังขึ้นจากบนท้องฟ้าจนอาร์โรห์ต้องกลอกตาไปมอง  นัยน์ตาสีนิลสะท้อนภาพของร่างในผ้าคลุมสีแดงร่างหนึ่งที่ยืนนิ่งอยู่บนอากาศ...

    มนุษย์ที่รู้เวทงั้นหรือ??

    เวทสีแดงเพลิงปรากฏขึ้นบนฝ่ามือของผู้ที่อ้างตนเองเป็นนักเวท  แผ่แรงกดดันบางอย่างลงมาจนแม้แต่อาร์โรห์ก็ยังขนลุกไปทั้งแขน  แต่โทรลกลับไม่ได้รับรู้ถึงแรงกดดันนั้น  มันยังคงส่งเสียงคำรามคล้ายจะขู่ขวัญนักเวทที่ลอยอยู่เหนือหัว  มันจ้องมองจอมเวทคนนั้นโดยที่ไม่ได้รู้แม้กระทั่งชะตากรรมที่กำลังจะตามมา

    “รับเวทไฟของข้าไปซะ!!!” ไม่ว่าเปล่า  สายพลังเวทในมือยังถูกปล่อยออกมา  กลายเป็นเปลวเพลิงเผาผลาญไปยังร่างของโทรลที่ทำได้เพียงส่งเสียงคำรามลั่น

    ร่างที่ติดไฟของโทรลก้าวเดินไปด้านหน้าอีกเพียงสองสามก้าวก็ล้มลงตรงหน้าอาร์โรห์ในที่สุด  ไฟร้อนระอุแผ่ไอร้อนออกมาจนอากาศโดยรอบอบอวลไปด้วยความร้อน  ยิงไม่ต้องพูดถึงอาร์โรห์ที่ยืนอยู่ในระยะประชิด  เขาแทบจะเป็นลมเพราะขาดอากาศหายใจ  ออกซิเจนในอากาศถูกเผาไหม้ด้วยความร้อนที่มีมากกว่าไฟปกติ  แต่เขาก็ยังไม่สามารถขยับตัวออกมาจากบริเวณนั้น  เวทที่ตรึงเขาอยู่ยังคงทำงาน  แม้แต่จะขยับปากพูดก็ยังทำไม่ได้

    อาจเรียกได้ว่าเป็นโชคช่วย  นักเวทที่ลอยอยู่กลางอากาศเหมือนจะสังเกตเห็นอาร์โรห์  เขาจึงได้บังคับเวทให้พาร่างของตนเองเข้ามาหาอาร์โรห์ด้วยความเร็วสูง  ก่อนจะคว้าเอาร่างของอาร์โรห์ติดมือมาพร้อมกับเวทที่ใช้ตรึงเขาอยู่เมื่อครู่แตกสลายลงทันที

    อาร์โรห์ถูกปล่อยลงที่พื้นด้วยการโยนจนก้นกระแทกพื้นดังตุบ  เขาตะหวัดสายตาเขียวๆมองไปยังร่างที่ค่อยๆลงสู่พื้นอย่างนุ่มนวล  ส่วนมือถูก้นที่ปวดตุบๆจนน้ำตาแทบเล็ดเพื่อบรรเทาอาการปวดไปพลางๆ

    “เจ้าจะวางข้างก็ช่วยนุ่มนวลหน่อยได้มั้ย!!?”

    “หือ? อ้าว?? เจ้าเจ็บเป็นด้วยเหรอ??? ข้าเห็นเจ้ายืนหน้าซีดอยู่ข้างๆศพของเจ้าโทรลนั่นตั้งนานสองนานไม่คิดหนีนี่?”

    “ใครว่าข้าไม่คิดหนีกันล่ะ!! ข้าถูกเวทตรึงไว้อยู่ต่างหาก!!!

    “อ้อ  เหรอ??” เสียงที่ใช้กล่าวฟังก็รู้ว่าอีกฝ่ายไม่เชื่อเขาเลยแม้แต่น้อย  มันทำให้อาร์โรห์ทำหน้าไม่สบอารมณ์ก่อนจะรีบสะบัดหน้าหนีอีกฝ่ายเหมือนไม่อยากจะเห็นหน้า

    “เฮ้อ... เป็นผู้ชายประสาอะไร  ขี้งอนเสียจริง” คำกล่าวพึมพำนั่นไม่สามารถรอดไปจากปีศาจหูดีไปได้  อาร์โรห์เหลือบตามองอีกฝ่ายที่ถอดผ้าคลุมศีรษะออก  แต่เขาก็ทำได้เพียงเบิกตากว้างขึ้นเมื่อพบว่าอีกฝ่ายเป็นผู้หญิง!!!

    ใบหน้าของหญิงสาวตรงหน้าเรียกได้ว่างดงามได้อย่างไม่น่าเชื่อ  เครื่องหน้าทุกชิ้นถูกจัดวางอย่างลงตัวบนใบหน้ารูปไข่  นัยน์ตาสีเปลือกไม้และเส้นผมสีเลือดขับให้เธอดูโดดเด่นได้อย่างไม่น่าเชื่อ  แม้ว่าดวงตาข้างหนึ่งจะถูกผ้าปิดตาสีแดงปิดไว้ก็ตาม

    อาร์โรห์จ้องมองใบหน้าของหญิงสาวอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะถูกเสียงของเจ้าหล่อนเรียกให้ได้สติกลับมา

    “จ้องอะไรกันนักกันหนาล่ะ??  จะไปมั้ย???”

    “หา? ไปไหน?”

    “ก็เจ้าไม่มีที่ไปไม่ใช่หรือไง  ไหนๆก็ไหนๆมากับข้าก็ได้”

    คราวนี้คำพูดของหญิงสาวทำให้อาร์โรห์นิ่งไปครู่หนึ่ง  จากนั้นจึงรีบขยับลุกขึ้นเดินตามหญิงสาวที่หันกายเดินต่อไปแล้วเพื่อไม่ให้พลัดหลงกัน

                    อาร์โรห์คิดว่าถ้าไปกับหญิงสาวคนนี้  บางทีอาจทำให้เขาหลบพวกคาร์ลได้ง่ายขึ้น  โดยที่ไม่ได้รู้ตัวเลยว่านักเวทหญิงผู้นี้นั่นล่ะ  ที่จะนำพาเอาความวินาศสันตะโรมาสู่ตัวเอง  แล้วยังจะเลยไปให้พวกคาร์ลอีกด้วย...


    __________________________________________________________

    กลับมาอัพต่อแล้วจ้า หลายๆคนคงเพิ่งพ้นช่วงสอบหรือกำลังสอบเนอะ

    ยังไงก็พยายามเข้านะทุกคน!

    ตอนนี้อาร์โรห์แยกตัวออกมาแล้วสิ ถึงสุดท้ายจะหนีเงื้อมือคาร์----- #แค่กๆ

    หนีพวกคาร์ลไม่พ้นก็เถอะ ฮ่าๆๆๆ

    (เมื่อกี้นี้เลือดวายเกิดกำเริบ อย่าสนใจเลยนะ ฮ่าๆๆ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×