คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : บทที่ 10
บทที่ 10
อาร์โรห์อยู่เฝ้ายามจนดวงอาทิตย์ใกล้จะโผล่พ้นสันเขา
เขาตรวจเช็คความเรียบร้อยทุกอย่างด้วยตัวเองก่อนที่จะเดินจากมาโดยที่ไม่มีใครรู้สึกตัว
เขาเชื่อว่าแม้แต่คาร์ลก็ไม่มีทางรู้สึกตัว ในเมื่ออีกฝ่ายอยู่ยามมาตลอดการเดินทาง แม้ว่าจะมีได้นอนหลับพักผ่อนอย่างเต็มตาในหมู่บ้านนักรบ แต่นั่นก็เพียงคืนเดียว ไม่สามารถขับไล่ความอ่อนเพลียทั้งหมดออกไปได้
การเดินทางคนเดียวอาจเป็นการกระทำที่ดูโง่เขลา
แต่ถ้ามันจะไม่ทำให้ใครเดือดร้อนล่ะก็เขายินดีที่จะทำมัน
อาร์โรห์พยายามเร่งเดินทางให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ แม้จะรู้อยู่แก่ใจว่าพวกคาร์ลไม่มีทางที่จะตามมาทัน แต่เขาก็อยากจะทิ้งระยะห่างจากพวกคาร์ลให้มากที่สุด ยิ่งมากก็ยิ่งดี
เพราะนั่นจะเท่ากับว่าอันตรายที่อีกฝ่ายจะได้รับก็จะยิ่งน้อยลง
แต่เดินทางออกมาได้ยังไม่ทันที่ดวงอาทิตย์จะขึ้นถึงกลางศีรษะ เขาก็กลับพบพวกออร์คที่กำลังล่าสัตว์ เสียงของพวกมันทำให้พวกสัตว์เล็กๆเตลิดหนี
เสียงหัวเราะแหบๆของพวกมันไม่ได้น่าฟังเลยสักนิด
อาร์โรห์นิ่งมองเหล่าปีศาจที่มีรูปร่างคล้ายมนุษย์ที่วิกลวิกาลครู่หนึ่ง เขาคงต้องอ้อมไปไกลเสียหน่อยกว่าจะเดินพ้นเขตของพวกออร์คที่คะเนจากสายตาแล้วมีอยู่มากกว่าสิบตน
“นั่นใครน่ะ!!!?”
เสียงแหบๆของออร์คตนหนึ่งดังขึ้นพร้อมกับการเดินเข้ามาใกล้เขา
เขายังไม่ทันขยับเลยนะ!!!
“โอ๋ๆๆ
อินคิวบัสที่เพิ่งโตเต็มวัยสินะ ฮี่ๆๆ”
ออร์คตนนั้นกล่าวพร้อมกับเดินเข้ามาใกล้อาร์โรห์ที่ดึงเอามีดออกมา
แต่เมื่อเทียบกับออร์ค
อินคิวบัสเช่นเขานั้นมีร่างกายที่อ่อนแอกว่ามากนัก
ไม่ว่าจะด้านพละกำลังหรือความอดทนต่ออาการบาดเจ็บก็ตาม จะมีก็เพียงความเร็วและกลยุทธ์เท่านั้นที่อินคิวบัสอาจใช้เป็นข้อได้เปรียบ แต่ที่เหลือก็คือข้อเสียเปรียบที่ไม่มีทางหาอะไรมาปิดได้มิด
มีดในมือถูกปัดออกด้วยความรุนแรงจนลอยห่างออกไปไกล ก่อนที่ร่างของออร์คตนนั้นจะตามเข้ามา อาร์โรห์ก็รีบดีดตัวลุกขึ้นแล้วกระโดดถอยเพื่อสร้างระยะห่าง
แต่เพียงแค่ก้าวถอยหลังไปอีกก้าวเดียวแผ่นหลังของเด็กหนุ่มอินคิวบัสก็ชนเข้ากับร่างกายแข็งๆของอะไรบางอย่าง
อาร์โรห์มองไปด้านหลัง
เห็นร่างกายหนาใหญ่แข็งแรงกำยำที่มีกล้ามเนื้อสีเทาแล้วเขาก็รู้แล้ว
เขายังไม่ทันได้ดีดตัวหนี
ฝ่ามือแข็งแกร่งของออร์คตนนั้นก็เข้ามาตรึงเขาไว้ด้วยแรงมหาศาลที่เขาดิ้นไม่หลุด และเมื่อเขามองไปรอบๆอีกครั้งก็มีออร์คอีกหลายตนปรากฏขึ้นมาโดยรอบ
...ถูกล้อมตั้งแต่เมื่อไหร่กัน...
อาร์โรห์กัดฟัน
หมายจะหาทางหนีออกไปจากการที่ถูกเจ้าออร์คตัวยักษ์ด้านหลังนี่พันธนาการไว้ แต่แล้ว
เจ้าออร์คที่เป็นคนเจอเขาก็กลับเดินเข้ามาหา
“เนื้ออินคิวบัสน่าจะหวานไม่น้อยเลย...พวกเจ้าว่าไงล่ะ
ฮี่ๆๆๆ”
“เอาเลย! ฆ่ามันเลย!!!”
อาร์โรห์กัดฟันกรอด
เจ็บใจตัวเองที่ดันมาเสียท่าให้กับพวกออร์คที่มีดีแต่ใช้สัญชาตญาณและมีร่างกายที่แข็งแรงทนทานเพียงแค่นั้น
...ยังไงก็ต้องหนีไปให้ได้...ก่อนที่พวกคาร์ลจะตามมา...
เสียงลากกระบองดังครืดๆเรียกให้อาร์โรห์หันไปมองทางต้นเสียง เขาเพ่งมองไปบนกระบองนั้น
สังเกตเห็นรอยเลือดแห้งกรังอยู่บนหนามเหล็ก
คาดว่าคงจะใช้จัดการอะไรบางอย่างมาก่อนหน้านี้ไม่มากก็น้อย
ดวงตาสีนิลเริ่มกลอกมองให้ทั่วอีกครั้ง
สุดท้ายแล้วเขาก็จำต้องงัดเอาพลังเวทที่เหลืออยู่ร่อยหรอออกมาใช้
ก็ใครใช้ให้เวทที่สลักอยู่บนมีดดูดกลืนเวทของเขาไปอย่างกับกระหายขนาดนั้นล่ะ!
อาร์โรห์รวบรวมพลังเวทไว้ที่ฝ่าเท้าอย่างเงียบๆ ยังดีที่พวกออร์คไร้ความรู้ในเรื่องของเวท ทำให้ไม่มีออร์คตนใดสังเกตเห็นความผิดปกติ
ในขณะที่กระบองหนามถูกเงื้อขึ้นนั่นเอง อาร์โรห์ก็ยกขาถีบเข้าที่หน้าอกของออร์คตนนั้นจนอีกฝ่ายถอยวืดไปไกล
ออร์คตนอื่นๆเห็นดังนั้นจึงเริ่มกรูกันเข้ามาหาอาร์โรห์ที่รีบใช้เวทเสริมกำลังสะบัดออร์คตนที่จับเขาไว้จนหลุดและกระโดดขึ้นไปฟาดฝ่ามือลงที่กลางกระหม่อมของอีกฝ่ายจนล้มตึง
เมื่อเห็นว่าเริ่มมีออร์คตนอื่นๆกรูกันเข้ามา อาร์โรห์ก็สยายปีกออกและบินขึ้นสู่ท้องฟ้า รวบรวมเอาพลังเวทในร่างสร้างเป็นคันธนู และสร้างศรเวทสีดำกร้าวขึ้น ไอพลังมืดกดดันแผ่ซ่านออกมาจากศรเวทเพราะพลังที่ถูกรวบรวมมาสร้างนั้นเข้มข้นอย่างน่าตกใจ
จากนั้นอาร์โรห์ก็ปล่อยให้ศรเวททะยานออกจากคันศร เพียงแค่มันตกลงสู่พื้น แรงระเบิดมหาศาลก็กวาดเอาออร์คตายไปกว่าครึ่ง!!!
ทุกอย่างเกิดขึ้นภายในไม่กี่วินาที และถึงแม้ผลจะออกมาน่าพอใจ
แต่ถ้าอาร์โรห์สามารถเสริมพลังเวทเข้าไปมากกว่านี้เขาเชื่อว่าจะไม่มีออร์คตนใดเหลือรอดอย่างแน่นอน
อาร์โรห์นิ่งมองเหล่าออร์คที่พากันวิ่งหนีตะเหลิดกันอย่างอลหม่าน ไม่ว่าจะข้ามเศษซากของเผ่าพันธุ์เดียวกัน
หรือแม้กระทั่งทิ้งออร์คบางตนที่บาดเจ็บจนหนีไปไหนไม่ได้ก็ตาม
ช่างน่าสมเพช...พวกออร์คที่ไม่รู้จักแม้กระทั่งจะช่วยเหลือกันเอง
ยังสมควรจะเรียกว่าสิ่งมีชีวิตอีกหรือ...สมแล้ว...ที่ถูกเรียกว่าสิ่งบิดเบี้ยวของโลก...
อาร์โรห์ลงสู่พื้น ใบหน้าของเขาซีดขาวลงเล็กน้อย อาจเพราะเขาใช้พลังเวทไปเกือบหมดละมั้ง
เขาคงต้องเลิกใช้พลังเวทไปอีกซักพัก...
อาร์โรห์ออกเดินต่อ เดินไปอย่างไร้จุดหมาย แผ่นหลังของอาร์โรห์ในตอนนี้ช่างดูบอบบางและโดดเดี่ยวอ้างว้าง...เหมือนกับในอดีตที่ไม่มีใครเหลียวแลเขาแม้แต่มารดาที่ให้กำเนิด
และบางที...เขาอาจจะเดินทางเช่นนี้ต่อไป...เรื่อยๆ...เรื่อยๆ...
คาร์ลรู้สึกตัวขึ้นมาเมื่อแสงของดวงอาทิตย์กระจายสร้างความอบอุ่นทั่วทั้งผืนป่า
แต่กลับไม่พบแม้แต่เงาของเด็กหนุ่มอินคิวบัสที่ควรจะนั่งเฝ้ายามอยู่
อินคิวบัสหนุ่มลุกพรวดขึ้นอย่างตระหนก
พยายามจะมองหาร่องรอยของอาร์โรห์จนพบรอยเท้าที่ตรงเข้าสู่ผืนป่าตรงหน้า เขารีบปลุกเดลและลูน่า
“นี่
พวกเจ้ารีบตื่นเร็ว!”
“มีอะไรเหรอ?”
“อาร์โรห์หายไปแล้ว”
“อะไรนะ!!?”
เสียงที่สองพี่น้องตะโกนขึ้นมาด้วยสภาพตื่นเต็มตาทำให้คาร์ลเผลอผงะถอยไปนิดหน่อย
...กลิ่นรัญจวนใจเหลือเกิน...
“ข้าว่า...ก่อนที่พวกเราจะออกเดินทางคงต้องจัดการกับตัวเองซะก่อนล่ะ...”
ถึงจะทำให้พวกเขาตามอาร์โรห์ไม่ทัน แต่จะให้ไปมันทั้งสภาพแบบนี้ก็ไม่ไหวเหมือนกัน...
กว่าจะพร้อมออกเดินทางกันจริงๆก็กว่าหนึ่งชั่วโมง ซึ่งสาเหตุก็ไม่มีอะไรมาก ลูน่าเนี่ยแหละ
แถมเจ้าตัวยังบอกว่านี่มันเร็วที่สุดเท่าที่เคยทำมาแล้วด้วย...นี่ขนาดเร็วยังปาไปประมาณครั่งชั่วโมงได้ ถ้าช้าเนี่ยจะซักกี่ชั่วโมงกัน...
คาร์ลมองลูน่าด้วยสีหน้าเซ็งๆ ไม่เพียงตามอาร์โรห์ไม่ทัน
ช้าแบบนี้อาจจะไม่เหลือแม้กระทั่งร่องรอยให้หาเลยมั้ง...
คิดได้เพียงเท่านั้นทั้งสามก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อตรงหน้าปรากฏสิ่งที่ทำให้พวกเขาต่างตระหนก ร่างของปีศาจสีเทากว่าสิบตนนอนเกลื่อนกลาดและกระจัดกระจายอยู่ตรงหน้า
อีกทั้งยังได้กลิ่นเลือดเหม็นสาบจนต้องพากันอุดจมูกกันยกใหญ่
คาร์ลเดินปิดจมูกเข้าไปสำรวจซากของปีศาจที่อยู่ใกล้ๆ ร่างกายของปีศาจตนนั้นมีบาดแผลอยู่ทั่วตัว ทั้งยังมีเลือดสีเข้มผิดปกติจากมนุษย์ซึมออกมาจากบาดแผลหลายจุด
คาร์ลนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนที่หางตาจะเหลือบไปเห็นหลุมกว้างบนพื้นที่ห่างออกไปจากจุดที่พวกเขาอยู่ระยะหนึ่ง เขาลุกขึ้นวิ่งตรงไปยังหลุมนั้น เพียงแค่ก้มลงสำรวจ เขาก็สัมผัสได้ถึงไอพลังเวทจางๆ อีกทั้งยังเป้นพลังเวทที่เขารู้สึกคุ้นเคย...
...อาร์โรห์...เป็นคนจัดการออร์คทั้งหมดนี้เลยอย่างนั้นหรือ...
“คาร์ล
เจ้าเจออะไรอย่างนั้นหรือ?” เป็นเดลที่เข้ามาถาม
ส่วนลูน่าก้มลงสำรวจบริเวณหลุมที่กินบริเวณกว้างไปหลายเมตร
“ไม่น่าเชื่อเลย
ดินบริเวณนี้ปกติคงจะอุดมสมบูรณ์
แต่ที่หลุมนี่ดินกลับแตกระแหง
เหมือนกับถูกดูดเอาความอุดมสมบูรณ์ทั้งหมดไปอย่างนั้นล่ะ...”
ลูน่าหันมากล่าวกับเดลที่ยืนอยู่ใกล้ๆ
เดลนิ่งไปครู่หนึ่ง
“ดินถูกดูดความอุดมสมบูรณ์อย่างนั้นหรือ...หรือว่าจะเป็นพลังของอาร์โรห์!!?”
“ใช่ ถูกแล้วล่ะ” คาร์ลกล่าวพลางลุกขึ้นยืน
“นี่เป็นผลกระทบจากพลังเวทสายมืด
แต่ปกติ
อย่างมากก็แค่ทำลายไปเพียงจุดเล็กๆ
แต่นี่ นอกจากผิวดินที่เกิดหลุม
ส่วนใต้ดินในบริเวณหนึ่งกิโลเมตรกลับสูญเสียความอุดมสมบูรณ์ไปจนหมด อีกไม่นานผืนดินบริเวณนี้ก็คงจะแตกระแหง...”
“หมายความว่ายังไงกันแน่??”
“อาร์โรห์คงจะใช้พลังเวทมหาศาลในการจัดการออร์คพวกนี้...”
เพียงแค่คำพูดประโยคนั้นจบลง ความเงียบก็เริ่มโปรยตัวลงมา กระจายอยู่ทั่วทุกอณูอากาศ ไม่มีใครเอ่ยอะไรออกมา ราวกับทุกคนพร้อมใจกันนิ่งเงียบ ไม่ใช่ว่าไม่ใส่ใจที่จะเอ่ยปากปรึกษา
แต่ต่างก็รู้ดีว่าสภาพของอาร์โรห์ในตอนนี้ไม่น่าจะสามารถใช้เวทระดับนั้นได้
แต่มันก็เกิดขึ้นแล้วนี่??
อาร์โรห์จัดการออร์คพวกนี้ได้ด้วยตัวคนเดียว ด้วยเวทเพียงบทเดียว...
...เกิดอะไรขึ้นกับอาร์โรห์กันแน่...
ไม่สนุกนะแบบนี้ !!
อาร์โรห์คิดขณะที่เขายังคงหอบหนัก
ดวงตาสอดส่ายไปรอบๆตัวที่มีปีศาจหลายสิบตนยืนกันจนแน่นขนัด
ทั้งที่เพิ่งจะเสียพลังเวทไปเกือบหมดกับการจัดการออร์คพวกนั้น
แต่ผ่านไปไม่ถึงครึ่งวันเขาก็เจอกับปีศาจกลุ่มใหม่และต่อสู้ยืดเยื้อมาจนตอนนี้ซึ่งฟ้าเริ่มมืดแล้ว
สู้แบบนี้เขาเสียเปรียบเห็นๆเลย!
อาร์โรห์ขยับหลบดาบเพลิงที่พุ่งเข้าใส่
ก่อนจะพุ่งไปด้านหน้าเมื่อสังเกตเห็นช่องทางที่พอจะหนีได้
แต่ขยับไปได้ไม่เท่าไหร่เขาก็ต้องชะงักเมื่อมีโทรลตัวยักษ์ก้าวออกมาขวางหน้า
มันส่งเสียงคำรามเน่าเหม็นออกมาจนอาร์โรห์ทำได้เพียงกระโดดถอยกลับไปอยู่กลางวงล้อมเข้าต่อสู้โรมรันกับปีศาจตนอื่นๆ
อาร์โรห์ใช้คันธนูในการรับการโจมตีหลายต่อหลายครั้ง
ปีศาจที่ถูกเขาใช้ลูกธนูจัดการไปก็มีอยู่ไม่น้อย แต่ปีศาจเหล่านี้ก็ไม่ยอมหมดเสียที...
โฮกกกกกกก!!!!!
เสียงคำรามที่ทำให้กลิ่นเน่าเหม็นฟุ้งกระจายทำเอาอาร์โรห์ชะงักร่างไปชั่ววินาทีหนึ่ง ดวงตาสีนิลสะท้อนภาพของโทรลที่ถือกระบองเหล็กอันใหญ่ยักษ์ทุ่มลงบนร่างของปีศาจตนแล้วตนเล่า
เลือดของปีศาจแต่ละตนสาดกระจายปะปนกันจนเกิดกลิ่นฉุนที่ทำเอาเวียนหัว
ทั้งๆที่ปกติโทรลจะเคลื่อนไหวอืดอาดชักช้า แต่ในตอนนี้อาร์โรห์กลับรู้สึกว่ามันเคลื่อนไหวได้เร็วอย่างน่าประหลาด
อาร์โรห์ทำได้เพียงยืนนิ่งมองสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า
รู้ตัวอีกทีก็เมื่อตอนที่โทรลตนนั้นใกล้จะเข้ามาถึงตัว เขาคิดจะสยายปีกขึ้นบิน
แต่อยู่ๆร่างทั้งร่างกลับขยับเขยื้อนไม่ได้พร้อมกับสัมผัสของพลังเวทที่ลอยขึ้นมาจากใต้ฝ่าเท้าของเขา...
กระบองอันยักษ์ถูกเงื้อขึ้นสูงพร้อมกับเงาร่างใหญ่ที่ทาบทับลงมาบนร่างของอาร์โรห์ที่ทำได้เพียงเบิกตากว้างขึ้น รอถูกกระบองนั่นทุบลงมาบนร่าง
ฉัวะ!!!
โฮกกกกกกกกกก!!!
โทรลตนนั้นคำรามลั่นก่อนที่จะหันกลับไปที่ด้านหลังของตนเอง ฟาดกระบองในมือลงบนพื้นดินที่อาร์โรห์เห็นว่ามีร่างๆหนึ่งยืนอยู่
แต่ขณะที่อาวุธที่ถูกเหวี่ยงเข้าหาด้วยแรงมหาศาลอยู่นั่นเอง
อยู่ๆร่างนั้นก็หายไปเสียเฉยๆจนเจ้าโทรลนั่นฟาดพลาดโดนพื้นจนเป็นรอย
“ฮ่าๆๆ! เจ้าโทรลโง่เง่า!! คิดจะมาสู้กับนักเวทอย่างข้ายังเร็วไปสิบปี!!!”
เสียงที่ฟังดูออกจะหวานไปเล็กน้อยสำหรับบุรุษเพศแต่ก็ไม่หวานถึงขั้นสตรีเพศดังขึ้นจากบนท้องฟ้าจนอาร์โรห์ต้องกลอกตาไปมอง นัยน์ตาสีนิลสะท้อนภาพของร่างในผ้าคลุมสีแดงร่างหนึ่งที่ยืนนิ่งอยู่บนอากาศ...
มนุษย์ที่รู้เวทงั้นหรือ??
เวทสีแดงเพลิงปรากฏขึ้นบนฝ่ามือของผู้ที่อ้างตนเองเป็นนักเวท
แผ่แรงกดดันบางอย่างลงมาจนแม้แต่อาร์โรห์ก็ยังขนลุกไปทั้งแขน แต่โทรลกลับไม่ได้รับรู้ถึงแรงกดดันนั้น
มันยังคงส่งเสียงคำรามคล้ายจะขู่ขวัญนักเวทที่ลอยอยู่เหนือหัว มันจ้องมองจอมเวทคนนั้นโดยที่ไม่ได้รู้แม้กระทั่งชะตากรรมที่กำลังจะตามมา
“รับเวทไฟของข้าไปซะ!!!”
ไม่ว่าเปล่า
สายพลังเวทในมือยังถูกปล่อยออกมา
กลายเป็นเปลวเพลิงเผาผลาญไปยังร่างของโทรลที่ทำได้เพียงส่งเสียงคำรามลั่น
ร่างที่ติดไฟของโทรลก้าวเดินไปด้านหน้าอีกเพียงสองสามก้าวก็ล้มลงตรงหน้าอาร์โรห์ในที่สุด
ไฟร้อนระอุแผ่ไอร้อนออกมาจนอากาศโดยรอบอบอวลไปด้วยความร้อน
ยิงไม่ต้องพูดถึงอาร์โรห์ที่ยืนอยู่ในระยะประชิด เขาแทบจะเป็นลมเพราะขาดอากาศหายใจ
ออกซิเจนในอากาศถูกเผาไหม้ด้วยความร้อนที่มีมากกว่าไฟปกติ
แต่เขาก็ยังไม่สามารถขยับตัวออกมาจากบริเวณนั้น เวทที่ตรึงเขาอยู่ยังคงทำงาน แม้แต่จะขยับปากพูดก็ยังทำไม่ได้
อาจเรียกได้ว่าเป็นโชคช่วย นักเวทที่ลอยอยู่กลางอากาศเหมือนจะสังเกตเห็นอาร์โรห์ เขาจึงได้บังคับเวทให้พาร่างของตนเองเข้ามาหาอาร์โรห์ด้วยความเร็วสูง
ก่อนจะคว้าเอาร่างของอาร์โรห์ติดมือมาพร้อมกับเวทที่ใช้ตรึงเขาอยู่เมื่อครู่แตกสลายลงทันที
อาร์โรห์ถูกปล่อยลงที่พื้นด้วยการโยนจนก้นกระแทกพื้นดังตุบ เขาตะหวัดสายตาเขียวๆมองไปยังร่างที่ค่อยๆลงสู่พื้นอย่างนุ่มนวล ส่วนมือถูก้นที่ปวดตุบๆจนน้ำตาแทบเล็ดเพื่อบรรเทาอาการปวดไปพลางๆ
“เจ้าจะวางข้างก็ช่วยนุ่มนวลหน่อยได้มั้ย!!?”
“หือ? อ้าว?? เจ้าเจ็บเป็นด้วยเหรอ???
ข้าเห็นเจ้ายืนหน้าซีดอยู่ข้างๆศพของเจ้าโทรลนั่นตั้งนานสองนานไม่คิดหนีนี่?”
“ใครว่าข้าไม่คิดหนีกันล่ะ!!
ข้าถูกเวทตรึงไว้อยู่ต่างหาก!!!”
“อ้อ
เหรอ??” เสียงที่ใช้กล่าวฟังก็รู้ว่าอีกฝ่ายไม่เชื่อเขาเลยแม้แต่น้อย มันทำให้อาร์โรห์ทำหน้าไม่สบอารมณ์ก่อนจะรีบสะบัดหน้าหนีอีกฝ่ายเหมือนไม่อยากจะเห็นหน้า
“เฮ้อ... เป็นผู้ชายประสาอะไร ขี้งอนเสียจริง”
คำกล่าวพึมพำนั่นไม่สามารถรอดไปจากปีศาจหูดีไปได้
อาร์โรห์เหลือบตามองอีกฝ่ายที่ถอดผ้าคลุมศีรษะออก แต่เขาก็ทำได้เพียงเบิกตากว้างขึ้นเมื่อพบว่าอีกฝ่ายเป็นผู้หญิง!!!
ใบหน้าของหญิงสาวตรงหน้าเรียกได้ว่างดงามได้อย่างไม่น่าเชื่อ
เครื่องหน้าทุกชิ้นถูกจัดวางอย่างลงตัวบนใบหน้ารูปไข่
นัยน์ตาสีเปลือกไม้และเส้นผมสีเลือดขับให้เธอดูโดดเด่นได้อย่างไม่น่าเชื่อ แม้ว่าดวงตาข้างหนึ่งจะถูกผ้าปิดตาสีแดงปิดไว้ก็ตาม
อาร์โรห์จ้องมองใบหน้าของหญิงสาวอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะถูกเสียงของเจ้าหล่อนเรียกให้ได้สติกลับมา
“จ้องอะไรกันนักกันหนาล่ะ?? จะไปมั้ย???”
“หา? ไปไหน?”
“ก็เจ้าไม่มีที่ไปไม่ใช่หรือไง ไหนๆก็ไหนๆมากับข้าก็ได้”
คราวนี้คำพูดของหญิงสาวทำให้อาร์โรห์นิ่งไปครู่หนึ่ง
จากนั้นจึงรีบขยับลุกขึ้นเดินตามหญิงสาวที่หันกายเดินต่อไปแล้วเพื่อไม่ให้พลัดหลงกัน
อาร์โรห์คิดว่าถ้าไปกับหญิงสาวคนนี้ บางทีอาจทำให้เขาหลบพวกคาร์ลได้ง่ายขึ้น โดยที่ไม่ได้รู้ตัวเลยว่านักเวทหญิงผู้นี้นั่นล่ะ ที่จะนำพาเอาความวินาศสันตะโรมาสู่ตัวเอง แล้วยังจะเลยไปให้พวกคาร์ลอีกด้วย...
__________________________________________________________
กลับมาอัพต่อแล้วจ้า หลายๆคนคงเพิ่งพ้นช่วงสอบหรือกำลังสอบเนอะ
ยังไงก็พยายามเข้านะทุกคน!
ตอนนี้อาร์โรห์แยกตัวออกมาแล้วสิ ถึงสุดท้ายจะหนีเงื้อมือคาร์----- #แค่กๆ
หนีพวกคาร์ลไม่พ้นก็เถอะ ฮ่าๆๆๆ
(เมื่อกี้นี้เลือดวายเกิดกำเริบ อย่าสนใจเลยนะ ฮ่าๆๆ
ความคิดเห็น