คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : [SF] Be my Chanyeol เป็นแฟนกับฮยองไหม - Krisyeol (2)
Be my Chanyeol
เป็นแฟนกับฮยองไหม
ในห้องซ้อมขนาดใหญ่มีกระจกติดสามด้าน เสียงกระทบฝีเท้ากับพื้นดังขึ้นสลับกับเสียงคุยของบรรดาเด็กฝึกหัดทั้งชายและหญิงในค่ายเพลงชื่อดังซึ่งขณะนี้อยู่ในช่วงพักเบรคหลังจากซ้อมติดต่อกันมาหลายชั่วโมง
“ คริสฮยอง ” เสียงทุ้มกระซิบข้างๆ หูผมขณะที่ผมกำลังยกน้ำขวดใหญ่กรอกปากตัวเองด้วยความกระหาย แผ่นหลังใหญ่พิงเข้ากับกำแพงสีขาวสะอาดอย่างเหนื่อยล้าพร้อมกับเหงื่อที่ผุดไหลทั่วร่างกาย
“ ไปดูรุ่นพี่ทงบังชินกิซ้อมเต้นกันไหมฮะ ”
“ ตอนนี้เหรอ ” ผมเลิกคิ้วถามอย่างสงสัย ใบหน้าของเด็กน้อยเต็มไปด้วยความหวัง ยิ่งมองยิ่งน่ารัก ลองคิดดูว่าดวงตากลมโตใสซื่อบวกกับริมฝีปากอวบอิ่มมันเป็นสมการที่น่าหลงใหลเพียงใด ชานยอลเป็นบุคคลที่อันตรายจริงๆ เค้าสามารถทำให้ใครๆ หลงใหลในใบหน้าและท่าทางของเค้าอย่างง่ายดาย แต่หากได้รู้จักนิสัยใจคอก็จะทำให้รักชานยอลมากขึ้นอีกเป็นเท่าตัว หลายปีแล้วที่เรารู้จักกัน นั่นทำให้ความสัมพันธ์ของเราเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จนผมเองควบคุมความรู้สึกนี้ไม่อยู่ ทั้งรัก ชอบ หวง ห่วง อธิบายไม่ถูกเหมือนกัน
“ อื้ม ถ้าไม่ไปตอนนี้ก็ไม่รู้จะไปตอนไหนแล้วนะ พอเราซ้อมเสร็จ รุ่นพี่ก็กลับอพาร์ทเมนต์แล้ว ” เจ้าเด็กซนหาเรื่องมาให้ผมเครียดอีกจนได้ ไม่รู้นึกคึกอะไรขึ้นมา ถ้าจะไปก็ต้องแอบไป ถึงห้องซ้อมเต้นของเด็กฝึกหัดจะมีสมาชิกหนาแน่น หายไปไม่กี่คนก็ดูไม่ออกเท่าไหร่นัก แต่หากครูฝึกจับได้มีหวังโดนทำโทษชุดใหญ่
“ ถ้าโดนจับได้ขึ้นมาหละชานยอล ”
“ จับไม่ได้หรอกน่า ” คนตัวเล็กกว่าคักยิ้วให้ด้วยความมั่นใจก่อนจะมองซ้ายมองขวาดูต้นทาง ผมไม่ตอบอะไร ก้มหน้าคิดทบทวนให้รอบคอบ
“ ไม่เป็นไรฮะ ผมไปคนเดียวก็ได้ แต่คริสฮยองอย่าบอกใครนะ ”
“ เฮ้ย ชานยอล ! ” ไม่ทันที่ผมจะทักท้วงอะไร ร่างโปร่งของอีกฝ่ายก็วิ่งหายไปจากห้องซ้อมเสียแล้ว คิดจะไปก็ไป ผมส่ายหน้าเบาๆ แล้วลุกขึ้นรีบตามหลังอีกคนให้ทัน
“นา รึล ทัล มา คา ซือ มา เน คา ดึก ชา คอ จยอ กา นึน Innocent ”
เสียงเพลงที่ติดชาร์ตเพลงยอดนิยมหลายสัปดาห์ติดต่อกันดังขึ้นจากห้องซ้อมขนาดไม่ใหญ่มากนัก ร่างโปร่งในชุดเสื้อยืดสีขาวตัวใหญ่กับกางเกงเดปสีดำยืนเกาะกระจกใสจากด้านนอกราวกับว่าจะสามารถทะลุเข้าไปได้ยังไงยังนั้น ผมหัวเราะกับภาพตรงหน้าเบาๆ ก่อนจะเดินตรงไปหาอีกคน
“ คิดว่าตัวเองเป็นจิ้งจกหรือไง ”
“ เท่ห์จัง ” ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะไม่สนใจผมเท่าไหร่นัก ชานยอลมองทะลุผ่านกระจกใสจ้องไปยังบอยแบนด์ชื่อดังอย่างทงบังชินกิที่กำลังซ้อมเต้นอย่างพร้อมพร้อมเพรียง ผมละสายตาจากเด็กน้อยและหันมาดูรุ่นพี่ซ้อมเต้นบ้าง ไม่แปลกใจเลยที่พวกเขาได้รับความนิยมจากวัยรุ่นทั่วประเทศ ทั้งยังกำลังโกอินเตอร์โด่งดังไปทั่วเอเชีย ทุกจังหวะท่าทางช่างมีเสนห์น่าหลงใหล เสียงร้องที่ทรงพลังวิเศษกว่าที่ผมเคยพบจากที่ใด เรายืนมองรุ่นพี่จากด้านนอกผ่านกระจกอย่างชื่นชม ซึ่งเป็นกระจกที่คนด้านในสะท้อนภาพของตน ส่วนคนด้านนอกมองเห็นคนที่อยู่ด้านใน
“ ยุนโฮฮยองเท่ห์จัง ”
“ เท่ห์มากไหม ”
“ เท่ห์มากเลยฮะคริสฮยอง ”
นั่นไม่ใช่เสียงผม นั่นไม่ใช่เสียงฮยองนะชานยอล
เสียงใหญ่ดังขึ้นจากด้านหลังของพวกเราที่ยืนมองอย่างตั้งใจ ร่างกายของผมเริ่มแข็งทื่อเมื่อสมองประมวลผลว่านั่นคือเสียงของครูจาง ครูที่ฝึกสอนพวกเราด้านการร้องเพลง ผมหันหลังไปก่อนจะแสร้งยิ้มให้คนอายุมากกว่าและโค้งให้อย่างอ่อนน้อม หนีเสือปะจระเข้ อะไรมันจะซวยขนาดนี้วะไอ้คริส
“ โอ ! ดูชางมินฮยองสิฮะ ” เจ้าเด็กตัวแสบยังคงไม่รู้เรื่องรู้ราว อ้าปากหวอมองรุ่นพี่อย่างตั้งใจ
“ หันมาดูฉันก่อนดีไหม ปาร์คชานยอล ”
“ ครูจาง ! ” ชานยอลสะดุ้งโหยงเมื่อหันมาทางต้นเสียงแล้วใบหน้าของเขาห่างจากชายวัยกลางคนเพียงไม่ถึงคืบ ร่างโปร่งโค้งให้ครูของตนด้วยสีหน้ากลัวตายสุดชีวิต
“ ได้ข่าวว่าวันนี้พวกเธอมีซ้อมเต้นถึงเที่ยงคืนไม่ใช่หรือไง ”
……
“ ตามฉันมาที่ห้อง เดี๋ยวนี้ ”
.
.
.
“ ผมเจอเด็กสองคนนี้ยืนอยู่หน้าห้องซ้อมศิลปิน ฝากจัดการด้วยนะครับครูคิม ” ภายในห้องเงียบกริบ มีเพียงเสียงฮิตเตอร์ที่กำลังทำงานและเสียงหายใจเข้าออกของครูฝึกที่เหนื่อยจากการสอนเต้นมา ครูจางโค้งให้ร่างใหญ่ที่มีหน้าตาดุดันแล้วขอตัวกลับบ้านไปก่อน ผมและชานยอลได้แต่ยืนนิ่งก้มหน้ายอมรับความผิดแต่โดยดี เรื่องการหนีซ้อมถือเป็นความผิดอันใหญ่หลวงมากสำหรับค่ายเพลงในเกาหลี เพราะการซ้อมทุกชั่วโมงมีค่า หากขาดซ้อมแม้แต่ครั้งเดียวก็ต่อท่าใหม่แทบจะไม่ได้
“ ปาร์คชานยอล เธออีกแล้วเหรอ ”
คำว่าอีกแล้วเหรอของครูคิมทำให้ผมรู้สึกแปลกใจ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกของชานยอลงั้นเหรอ
“ พวกเธอคิดจะไปไหนก็ไป แบบนั้นเหรอ ! ”
“ คิดว่าเก่งแล้ว ไม่ต้องซ้อมแล้วแบบนั้นใช่ไหม ! ”
“ ได้ข่าวว่าจะได้บรรจุวงโปรเจคใหม่ แต่กลับมาทำตัวแบบนี้ ”
“ หึ น่าตลกสิ้นดี ไม่รู้ว่าเขาเอาพวกเธอมาได้ยังไง ถ้าท่านผู้บริหารรู้ พวกเธอได้โดนถอดจากการเตรียมเดบิวต์เป็นสมาชิกวงเอ็กโซแน่ๆ โดยเฉพาะเธอ ปาร์คชานยอล ”
“ ฉันว่าเธอไม่มีความรับผิดชอบมากพอที่จะเดบิวต์และเป็นศิลปินที่ดีได้ ฉันคงต้องส่งเรื่องถึงท่านผู้บริหารคิมยองมิน ฉันคิดว่าชื่อของเธอไม่ควรอยู่ในเอ็กโซเมมเบอร์ ”
ไหล่บางของคนข้างๆ ผมเริ่มสั่นไหวอย่างเห็นได้ชัด น้ำหยดใสเคลื่อนลงจากใบหน้ากระทบพื้นหินอ่อนตามแรงโน้มถ่วงโลก ชานยอลกำลังร้องไห้ … ผมไม่เคยเห็นเค้าร้องไห้แม้แต่ครั้งเดียว นั่นทำให้ผมรู้สึกเจ็บปวดอย่างบอกไม่ถูก หากผมรั้งและเตือนเค้าไว้เรื่องแบบนี้คงไม่เกิดขึ้น มันไม่ง่ายกับการจะได้บรรจุลงวงเตรียมเดบิวต์ ชีวิตของเด็กฝึกหัดทุกคนเหมือนเดินอยู่บนเส้นได้บางๆ การแข่งขันมีสูงมากขึ้นเมื่อจำนวนเด็กฝึกหัดมากขึ้น กว่าที่พวกเราจะยืนถึงจุดนี้มันเหนื่อยและผ่านอะไรมาอย่างแสนสาหัส ถ้าเรื่องของชานยอลถูกส่งไป ความฝันที่เค้าสร้างมาคงต้องพังทลาย ไม่รู้อีกนานแค่ไหนกว่าจะได้เดบิวต์ มันไม่มีอะไรแน่นอนเลยจริงๆ
“ ความผิดผมเองครับครูคิม ”
“ ผมชวนชานยอลโดดเองครับ ชานยอลเตือนผมแล้วแต่ผมบังคับให้เค้ามาเป็นเพื่อนผม ”
“ อย่าให้เรื่องถึงท่านผู้บริหารเลยนะครับ ผมขอร้อง ” ผมค่อยๆ คุกเข่าลงทั้งสองข้างลงตรงหน้าเจ้าชีวิตของเราในตอนนี้ก่อนจะก้มหัวจนแทบติดพื้น นี่เป็นครั้งแรกที่ผมโดนคดีหนีซ้อม มันคงไม่โดนลงโทษร้ายแรงมากเท่าไหร่หากเทียบกับสิ่งที่ชานยอลจะได้รับ ผมยอมเสียสละด้วยความเต็มใจดีกว่าที่ตำแหน่งของชานยอลจะถูกเปลี่ยนเป็นใครอีกคน
“ ครูคิมครั … ”
“ ขอร้องหละครับ ” ผมพูดตัดหน้าชานยอล ผมรู้ดีว่าเค้าจะพูดอะไรต่อไป ชานยอลไม่ใช่คนที่สามารถให้ใครรับผิดแทนตนเองได้ สุดท้ายครูคิมก็ยอมใจอ่อน หากเกิดเหตุการณ์แบบนี้ซ้ำอีกผมจะโดนถอดจากตำแหร่งแร๊พเปอร์ของเอ็กโซเอ็มทันที เมื่อสองขายาวของชายอายุสามสิบต้นๆ สาวออกจากห้องไป เสียงสะอื้นของชานยอลดังขึ้นจนใจผมหล่นวูบ เค้ายืนก้มหน้ากำมือตัวเองไว้แน่น
“ ชานยอล ”
“ ผมขอโทษ อึก … ขอโทษนะฮะ ” มือหนาของผมคว้าเอวบางอีกคนมากอดแน่น จับหัวกลมให้ชิดกับไหล่กว้าง น้ำตาของอีกฝ่ายไหลซึมผ่านเสื้อยืดตัวบาง
ได้โปรด หยุดร้องเถอะนะชานยอล …
“ ผมทำให้คริสฮยองเดือดร้อน ผมขอโทษนะฮะ ขอโทษ ” เสียงของอีกฝ่ายสั่นจนผมแทบแปลไม่ออก
“ ไม่เป็นไรนะชานยอล สัญญากับฮยองได้ไหมว่าจะไม่หนีซ้อมอีก ”
“ ผมสัญญาฮะ ผมขอโทษ ” ไม่รู้ว่าผมได้ยินคำว่าขอโทษออกมาจากปากเด็กคนนี้กี่สิบรอบแล้ว ทั้งที่ความจริงคนที่ควรขอโทษคือผมมากกว่า ผมผิดเองที่ห้ามปรามชานยอลไว้ไม่ทัน ผมกระชับอ้อมกอดแน่นลูบหัวกลมอย่างปลอบโยน รอยยิ้มจางๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของผม เราไม่เคยกอดกันแนบแน่นขนาดนี้เลยตั้งแต่รู้จักกันมา ผมใช้โอกาสนี้หยิบยื่นความรู้สึกของผมให้อีกฝ่ายได้สัมผัส ขอแค่ได้กอดกันแบบนี้ก็รู้สึกดีมากแล้วเพราะผมรักชานยอล ไม่รู้เหมือนกันว่ารู้สึกแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ทั้งที่รู้ดีว่าชานยอลมีแฟนแล้ว ในความคิดของผม ชานยอลไม่ควรจะเป็นฝ่ายปกป้องหรือดูแลใครด้วยซ้ำ ทั้งรูปลักษณ์ภายนอกและนิสัยก็น่ารักไปเสียหมด น่าทะนุถนอมและเก็บรักษาไว้เป็นเจ้าของแต่เพียงผู้เดียว และหลังจากเหตุการณ์นั้นก็ไม่มีเรื่องแย่ๆ เกิดขึ้นกับเราอีกเลย
จนวันหนึ่ง หลังจากที่พวกเราเดบิวต์ได้ 2 เดือน
ภายในห้องประชุมขนาดไม่ใหญ่มากนัก โต๊ะตัวยาวถูกประกอบด้วยศิลปินหน้าใหม่ 12 คนและผู้จัดการอีก 2 คน อธิบายเรื่องการโปรโมทผลงานของพวกเราให้ฟัง
“ เรื่องโปรโมทคงไม่มีปัญหาอะไรแล้วนะ แต่มีเรื่องสำคัญอีกเรื่องนึง ”
เสียงใหญ่ของชายวัยกลางคนหยุดชะงักก่อนจะไล่สายตามองไปยังเมมเบอร์วงเอ็กโซทุกๆ คน
“ คู่จิ้นในวง ”
“ อย่างที่พวกเธอน่าจะรู้กันดีว่าจุดขายของศิลปินสมัยนี้มันก็มีเรื่องคู่จิ้นมาเกี่ยวข้อง ใครคู่กับใคร ช่วยทำตัวให้สนิทกันและเซอร์วิสต์แฟนคลับเยอะๆ หน่อยละกันนะ ฉันจัดแจงไว้ให้แล้ว ฟังดีๆ ”
หัวใจของผมเริ่มเต้นแรงด้วยความตื่นเต้น มันจะดีไม่น้อยถ้าคนนั้นคือชานยอล คงไม่ต้องเซอร์วิสต์อะไรมากเพราะการได้อยู่ใกล้ชานยอล ได้ดูแลเค้าคือสิ่งที่ผมถนัดอยู่แล้ว ขอให้เป็นชานยอลเถอะ
“ คริส ”
ผู้จัดการเอ่ยชื่อผมขณะที่กำลังจดจ้องกระดาษในมือเช่นเดียวกับผมที่จ้องปากอีกฝ่ายรอฟังประโยคถัดไป
“ นายคู่กับอี้ชิง ”
“ ลู่หานคู่กับเซฮุน แบคฮยอนคู่กับชานยอล จื่อเทา… ”
เสียงของผู้จัดการค่อยๆ หรี่เบาลงตามความรู้สึกของผม เหมือนเป็นลมที่พัดผ่านหู ผมไม่ได้ยินอะไรเลย ในหัวมีแต่ชื่อของชานยอลลอยเต็มไปหมด ใบหน้าของคนน่ารักที่นั่งตรงข้ามผมเจื่อนลงอย่างเห็นได้ชัดเช่นเดียวกันกับผม ตากลมโตหลุบต่ำลง เม้มปากเข้ากันแน่น ไม่รู้ว่าชานยอลคิดอะไร อีกใจหนึ่งผมก็ไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเอง บางทีที่มีปฏิกิริยาแบบนี้ชานยอลอาจอยากคู่กับอี้ชิงหรือไม่ก็เมมเบอร์คนอื่นๆ ก็ได้ จะคิดอะไรมากวะอู๋ฟาน
“ เรื่องวันนี้ก็มีแค่นี้ แยกย้ายไปซ้อมได้ ”
พวกเราลุกขึ้นโค้งให้กับผู้จัดการวงก่อนจะเดินออกจากห้องตรงไปยังห้องซ้อมเต้น ผมตั้งใจเดินออกจากห้องเป็นคนสุดท้ายเพราะมีเรื่องอยากจะคุยเป็นการส่วนตัวกับผู้จัดการ
“ ทำไมผมต้องคู่กับอี้ชิงเหรอครับ ”
เมื่อได้จังหวะผมรีบตะโกนถามไล่หลังชายวัยกลางคนที่กำลังจะออกจากห้อง ไม่ได้ตั้งคำถามหาเรื่องแต่อย่างใด แค่อยากรู้เกณฑ์การตัดสินว่าใครควรคู่กับใครก็เท่านั้น
“ นายมีปัญหาอะไรเหรอ ” คนตรงหน้าหยุดเดินค่อยๆ หันกลับมาตอบคำถาม
“ เปล่าครับ ผมแค่อยากรู้ ”
“ ก็ตามความเหมาะสม ทำไม นายมีปัญหากับอี้ชิงหรือไง ฉันก็เห็นนายดูสนิทกันดี ”
“ ใช่ครับ เราสนิทกันมาก แต่ความเหมาะสมที่ว่ามันยังไงเหรอครับ ”
“ พวกนายเป็นคนจีนเหมือนกัน ดูสนิทกันดี น่าจะเซอร์วิสต์แฟนๆ ได้อย่างเป็นธรรมชาติ เกณฑ์ของฉันก็มีแค่นี้ ”
“ แล้วทำไมเซฮุนถึงคู่กับลู่หาน ”
“ นั่นเป็นข้อยกเว้น อย่าเรื่องมากเลยน่า ทำตามหน้าที่ก็พอ ”
TBC
กราบสวัสดีรีดเดอร์ทุกท่าน แฮ่กๆๆๆ T_T ขอโทษที่มาอัพช้านะคะ บางคนคงลืมพาร์ทแรกไปหมดแล้ว ไม่เป็นไร อ่านใหม่เนอะ 55555555555555555555555555555 ไรเตอร์หายไปนานมาก อย่างแรกคือปรับตัวกับมหาวิทยาลัยไม่ค่อยทัน อย่างที่สองโน๊ตบุ๊คเอาไปซ่อม ตอนนี้มาแล้วน้า ขอบคุณที่ยังติดตามอยู่นะคะ จะเปิดเรื่องใหม่แล้ว อาจจะมาคั่นตอนที่สามของเรื่องนี้ก่อนเพราะแต่งดองไว้ในคอมน้องเสร็จเรียบร้อย ฝากด้วยนะคะ ขอบคุณมากค่า
ความคิดเห็น