ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic SJ] Strawberry Lee Donghae [EunHae, WonKyu]

    ลำดับตอนที่ #10 : chapter 9 ฉันเป็นผู้ชาย นายก็เป็นผู้ชาย...หรือว่าไม่ใช่?

    • อัปเดตล่าสุด 22 เม.ย. 54


     

    Chapter 9

     

                ฮยอกแจจับมือของทงเฮไว้แน่น พวกเขาเดินเข้ามาในห้องเรียนพร้อมกันท่ามกลางความอึ้งของนักศึกษาคนอื่นๆ ฮยอกแจเป็นคนที่เคร่งขรึมอยู่แล้วจึงไม่มีใครสามารถเดาความรู้สึกของเขาได้ หากแต่ทงเฮที่กำลังหวาดกลัวก็แสดงอาการนิ่งเฉยได้ดีไม่แพ้กัน

     

                “ฮยอกแจ...นายคบกับทงเฮเหรอ” ซองมินเดินตรงดิ่งมาที่โต๊ะแล้วเอ่ยถามอย่างตรงไปตรงมา

     

                “อืม” ทงเฮหันไปเชิดหน้าตอบ

     

                “ฉันไม่ได้ถามนาย ฉันถามฮยอกแจ”

     

                “ฉันกับทงเฮคบกันแล้ว ใครจะตอบก็มีค่าเท่ากัน”

     

                ฮยอกแจไม่ได้มองหน้าซองมินเลยสักนิด ร่างอวบกระทืบเท้าอย่างเสียหน้า ในขณะที่คนทั้งห้องต่างพากันส่งเสียงฮือฮา มีเพียงคิบอมเท่านั้นที่ก้มหน้าซุกซ่อนความเศร้าของตัวเอง

     

                ...เขาช้ากว่าฮยอกแจกี่ก้าวกันนะ

     

                หนึ่งก้าว...สองก้าว...หรือว่าแพ้ตั้งแต่ยังไม่เริ่มก้าวเลยด้วยซ้ำ

     

                “นายโกหก!” ซองมินกัดฟันพูด

     

                “แล้วแต่จะคิด” เสียงทุ้มเอ่ยบอกก่อนจะหันไปยิ้มบางๆ ให้กับทงเฮ รอยยิ้มที่ทงเฮไม่ได้รู้สึกดีเลยสักนิด ฮยอกแจกำลังคลี่ยิ้มที่เสแสร้งส่งมาให้เขา

     

                มันคงจะดีกว่านี้ถ้ารอยยิ้มนั่นออกมาจากความรู้สึกที่แท้จริง

     

                “นายเคยบอกฉันว่านายจะไม่รักใครอีก นายจะรอจนกว่าผู้ชายคนนั้นจะกลับมา ฮยอกแจ...ทุกคนก็รู้ว่านายเคยพูดแบบนี้”

     

                “ฉันพูดแบบไหนตั้งแต่เมื่อไรกัน”

     

                “ทำไมเป็นแบบนี้ล่ะฮยอกแจ ถ้านายเลิกรักผู้ชายคนนั้น คนที่นายจะมองคนแรกก็ควรเป็นฉันสิ”

     

                ซองมินเอ่ยขึ้นด้วยน้ำตาที่นองเต็มใบหน้าหวาน ทงเฮได้แต่นั่งนิ่งเฉย เขาไม่ได้หันไปมองหน้าฮยอกแจเลยสักนิดว่ากำลังทำสีหน้าเช่นไรอยู่ ผู้ชายที่ฮยอกแจรักและกำลังรอคอยอยู่คือใครกันนะ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เรื่องที่ฮยอกแจบอกเขาในวันนี้คงเป็นได้แค่ละครที่พวกเขาต้องแสดงเท่านั้น

     

                แค่ละครฉากหนึ่งที่มีแต่ความโกหก...

     

                “ฉันไม่ได้รอใครและฉันก็ไม่เคยรักใครด้วย”

     

                “ฉันไม่เชื่อ...นายโกหก...ฮึก...นายโกหก” ซองมินปาดน้ำตาออกจากใบหน้าอย่างไม่อายใคร ทุกคนในห้องรู้ดีว่าซองมินแอบชอบฮยอกแจมานานแล้ว แม้ว่าซองมินจะชอบเดทกับผู้ชายหลายคนสักแค่ไหน แต่คนที่ซองมินชอบมากที่สุดก็คืออี ฮยอกแจ

     

                “ตอนนี้ฉันคบกับทงเฮแล้ว เพราะฉะนั้นอย่าพูดอะไรแบบนี้อีก” ฮยอกแจเอ่ยบอกอย่างไม่ใส่ใจ เพราะตั้งแต่โตมาฮยอกแจก็ไม่เคยสนใจความรู้สึกของใครอยู่แล้ว...นอกจากผู้ชายคนนั้น

     

                “ฉันจะบอกอะไรให้นะฮยอกแจ คนที่นั่งข้างนายเป็นคนเสแสร้งสิ้นดี ตอนนี้นายอาจจะยังไม่รู้ แต่ซักวันนายจะต้องเสียใจกับสิ่งที่นายเลือก”

     

                พอซองมินพูดจบก็วิ่งหนีออกไปจากห้องเรียนทันที พอดีกับซีวอนที่เดินสวนเข้ามาในห้องด้วยความงุนงงเมื่อไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนหน้านี้

     

                “ซองมินเป็นอะไรไปวะฮยอกแจ คิบอม” ร่างสูงเอ่ยถามเพื่อนทั้งสอง

     

                “เรื่องไร้สาระน่ะ นายไปนั่งที่เถอะ อาจารย์จะเข้าสอนอยู่แล้ว” คิบอมบอกด้วยเสียงเนือยๆ ซีวอนจึงยักไหล่เบาๆ ก่อนจะเดินไปนั่งหลังสุดเช่นทุกครั้ง

     

                หลังจากที่เหตุการณ์ในห้องเริ่มกลับมาปกติดีแล้ว ทงเฮก็ค่อยๆ ชักมือบางของตัวเองออกจากมือของฮยอกแจ ฮยอกแจหันไปมองคนข้างกาย ก่อนจะรู้ตัวว่าตลอดหลายนาทีที่ผ่านมาเขาจับมือของทงเฮแน่นมากแค่ไหน แววตาที่ฮยอกแจมองมาในตอนนี้ ทงเฮอยากจะเก็บมันไว้ จดจำมันเอาไว้

     

                เพราะเขารู้ดีว่าแววตาที่เป็นห่วงเขาจากฮยอกแจคงจะไม่มีให้เห็นได้อีกง่ายๆ แน่

     

                “ไม่ต้องห่วงนะ อะไรที่ฉันบอกว่าจะทำแล้ว ฉันจะทำให้ดีที่สุด” ฮยอกแจกระซิบข้างๆ หูคนตัวเล็ก ทงเฮพยักหน้าสองสามครั้ง ก่อนจะถอนหายใจยาวอย่างโล่งใจ ทว่า...

     

                “ส่วนนายก็แค่โกหกแบบที่นายเคยทำเถอะ ฉันรู้ว่านายจะทำได้ดี”

     

                คำพูดสุดท้ายของฮยอกแจกลับทำให้ทงเฮปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาเต็มหัวใจ

     

     

     

                ซองมินเหวี่ยงกระเป๋าไปในห้องแต่งตัวด้วยความโมโหเมื่อเดินทางมาถึงสตูดิโอ ก่อนจะส่งเสียงโวยวายลั่นเพราะคิดว่าไม่มีอยู่ในห้องนี้อีกแล้วนอกจากเขา

     

                “อี ทงเฮคนเลว! แกจะเกิดมาบนโลกนี้ทำไม ฉันทั้งรวยกว่าน่ารักกว่า ทำไมคนที่ฮยอกแจเลือกไม่ใช่ฉัน”

     

                “เพราะนายนิสัยแย่แบบนี้ไงล่ะ”

     

                เสียงเยือกเย็นของใครบางคนดังขึ้นมาจากห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า ม่านสีดำสนิทถูกเลื่อนเปิดออกกว้าง เผยให้เห็นบุคคลที่ยืนอยู่ด้านใน

     

                “รุ่นพี่ฮีชอล” ซองมินยกมือขึ้นปิดปากตัวเองแทบไม่ทัน

     

                “คงตกใจสินะ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะแอบฟัง แต่นายเข้ามาแล้วก็โวยวายเอง” ฮีชอลยิ้มร้ายที่มุมปาก ทำให้ซองมินมองด้วยสายตาเคืองๆ ก่อนจะเดินเข้าไปใกล้

     

                “ผมไม่ตกใจหรอกครับ”

     

                “งั้นเหรอ? แตท่าทางของนายเมื่อกี้ไม่ได้บอกฉันแบบนั้นนะ”

     

                “พี่ฮีชอลรู้จักสำนวน ไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่ ไหมล่ะครับ ความสัมพันธ์ของเรามันเป็นแบบนั้นแหละ”

     

                ซองมินยิ้มเยาะ เพราะต่อให้เขาตกใจที่ฮีชอลได้ยินคำพูดของเขา ซองมินก็ไม่ได้รู้สึกเสียหน้าแต่อย่างใด ถึงฮีชอลจะเห็นความเลวของเขา แต่เขาก็เห็นความเลวของฮีชอลที่โรงแรมเมื่อวันก่อนเช่นเดียวกัน

     

                “อย่าโอหังให้มันมากนักอี ซองมิน”

     

                ทั้งคู่กดเสียงต่ำในลำคอเพื่อตอบโต้กันอย่างไม่ยอมแพ้ ฮีชอลเข้าวงการเดินแบบมาก่อนซองมินได้เกือบสองปี ในขณะที่ซองมินพยายามจะประจบเขาเพื่อให้นักข่าวรู้ว่าเขาสนิทกับนายแบบรุ่นพี่ ทว่าฮีชอลกลับรู้เช่นเห็นชาติของซองมินเป็นอย่างดี และเขาทั้งสองคนก็ไม่เคยจริงใจต่อกันเลยสักนิด

     

                “คุยอะไรกันอยู่เหรอหนุ่มๆ” เสียงบุคคลที่สามแทรกขึ้นทำให้ซองมินกับฮีชอลรีบผละออกจากกัน

     

                “จองซู” ฮีชอลเรียกคนที่เพิ่งเข้ามาด้วยน้ำเสียงที่หงุดหงิดกว่าเดิมเสียอีก เขารีบเดินสวนจองซูออกไปด้านนอก หากแต่จองซูกลับรั้งแขนเรียวเอาไว้

     

                “คุณจองซู คุณมาทำอะไรที่นี่เหรอครับ” ซองมินเอ่ยถามด้วยดวงตาลุกวาวเพราะเขารู้ว่าคนตรงหน้าเป็นดีไซเนอร์ที่โด่งดังมากแค่ไหน

     

                “ผมมารับฮีชอลไปทานข้าวน่ะครับ”

     

                “นี่นาย! จะบ้าไปแล้วเหรอ?” ฮีชอลแผดเสียงดังลั่นอย่างไม่พอใจ

     

                “นายควรจะเรียกฉันว่าทึกกี้เหมือนตอนอยู่บ้านสิ ฉันเป็นคนพิเศษของนายนะ”

     

                จองซูกระซิบที่ข้างหูฮีชอล ก่อนจะขยิบตาส่งให้อย่างชั่วร้าย ฮีชอลพยายามจะแกะข้อมือของตัวเองออก ทว่าจองซูกลับบีบแขนเรียวของเขาไว้แน่น

     

                “คุณจองซูคบกับรุ่นพี่เหรอครับ?” ซองมินเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มจอมปลอมที่เขาถนัด

     

                “ก็อย่างที่เห็นนั่นแหละครับ”

     

                “แต่ว่ารุ่นพี่ฮีชอลเขาคบกับ...”

     

                “หวังว่าคุณจะไม่เอาเรื่องนี้ไปบอกใครนะครับ ผมขอตัวก่อน”

     

                จองซูโค้งศีรษะเล็กน้อย ก่อนจะลากฮีชอลออกไปจากห้องแต่งตัวอย่างรวดเร็ว ฮีชอลใจสั่นไปหมด เขากลัวเหลือเกินว่าซองมินจะบอกเรื่องนี้กับนักข่าวรู้ และซีวอนก็จะรู้ความลับที่เขาไปนอนกับจองซูในคืนนั้น

     

                ทว่าในห้องแต่งตัวห้องเดิม ซองมินกลับยืนเบ้ปากใส่คนทั้งสองที่เพิ่งเดินจากไปแล้วเอ่ยขึ้น

     

                “ถ้าฉันบอกเรื่องนี้กับนักข่าว แกก็ดังน่ะสิคิม ฮีชอล”

     

     

     

                หลังจากเลิกเรียน ฮยอกแจก็ขับรถออกมาจากมหาวิทยาลัยพร้อมกับทงเฮเพื่อความแนบเนียน ทว่าเมื่อถึงกลางทาง ทงเฮกลับหันไปมองเสี้ยวหน้าคมแล้วพูดขึ้น

     

                “จอดรถเถอะฮยอกแจ” เสียงที่ดังขึ้นนั้นช่างเหน็ดเหนื่อยและบางเบาในความรู้สึกของฮยอกแจเหลือเกิน

     

                “จอดทำไม ฉันกำลังจะไปส่งนายที่บ้าน”

     

                “ไม่มีใครอยู่แถวนี้ นายไม่ต้องมาแสดงละครตบตาว่าเป็นแฟนฉันหรอก”

     

                “ตอนนี้ฉันก็ไม่ได้แสดงละครนี่” คำพูดนั้นทำให้หัวใจของทงเฮเต้นโครมครามจนแทบจะหลุดออกมาด้านนอก

     

                “มะ..หมายความว่าไง?” เขาเอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก

     

                “เพื่อให้การแสดงออกมาสมจริง นักแสดงก็ควรจะทำความรู้จักกันให้มากขึ้นไม่ใช่เหรอ”

     

                “เรื่องแบบนั้นไม่จำเป็นสำหรับฉันหรอก” ทงเฮตอบอย่างหยิ่งยโส ฮยอกแจจึงเหยียบเบรกและจอดรถที่ข้างทางอย่างรวดเร็ว เขาโน้มใบหน้าคมเข้ามาใกล้จนทงเฮกลั้นหายใจเอาไว้แทบไม่ทัน

     

                “ไหนบอกว่าไม่จำเป็นไง”

     

                “...”

     

                “นายยังไม่คุ้นชินกับเลิฟซีนเลยด้วยซ้ำ” ฮยอกแจผละออกไปนั่งตามเดิม ทงเฮวางมือเรียวทาบลงที่หน้าอกด้านซ้าย เกือบไปแล้ว เขาเกือบปล่อยให้สมองทำตามคำสั่งของหัวใจเสียแล้ว

     

     

     

                ฮยอกแจพาทงเฮไปที่โรงอาบน้ำสาธารณะแห่งหนึ่ง เขาลงมาจากรถแล้วเปิดประตูให้กับทงเฮราวกับมันเป็นหน้าที่ที่คนรักอย่างเขาจะต้องกระทำ

     

                “เพิ่งรู้นะว่านายชอบให้ผู้ชายเปิดประตูให้” ฮยอกแจพูดเหน็บแนมทันทีที่เห็นหน้าร่างเล็ก

     

                “พาฉันมาที่นี่ทำไม นายเคยมาด้วยเหรอ” แทนที่ทงเฮจะใส่ใจกับคำพูดนั้น เสียงเล็กกลับเอ่ยถามขึ้นเมื่อก้าวลงออกจากรถ

     

                “ไม่ นี่เป็นครั้งแรก”

     

                “อ้าว!

     

                “ฉันอยากรู้ว่าเวลาคนจนๆ เขามาโรงอาบน้ำ เขาทำอะไรกันบ้าง” พูดจบก็จับมือทงเฮแล้วลากเข้าไปด้านในทันที ทว่าทงเฮกลับยังขืนตัวไว้อย่างกล้าๆ กลัวๆ

     

                “ดะ...เดี๋ยวสิ!

     

                “กลัวอะไร ฉันเป็นผู้ชาย นายก็เป็นผู้ชาย...” ฮยอกแจเลื่อนหน้าเข้ามาใกล้ “...หรือว่าไม่ใช่?”

     

                “ไม่ได้กลัวซักหน่อย แค่จะบอกว่า...ออกเงินให้ฉันด้วย” พูดจบก็สะบัดหน้าหนีอย่างน่ารัก ฮยอกแจอยากจะเอื้อมมือไปหยิกแก้มเนียนนั่นเหลือเกิน ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาคงจะรวบทงเฮมากอดไว้อย่างไม่ลังเล แต่ตอนนี้แค่จ้องมองใบหน้าหวานเพียงไม่กี่วินาที ฮยอกแจก็เกิดอาการใจสั่นไปหมดแล้ว

     

                ทั้งคู่จ่ายเงินและเดินเข้าไปในโรงอาบน้ำ ทงเฮพยายามเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เร็วที่สุดเพื่อหนีฮยอกแจเข้าไปห้องอาบน้ำก่อน ทว่าเมื่อเก็บเสื้อผ้าไว้ในล็อกเกอร์และปิดประตูล็อกเกอร์ลง ฮยอกแจกลับยืนพิงล็อกเกอร์ถัดไปรอเขาอยู่อย่างหน้าตาเฉย

     

                “ไปแช่น้ำอุ่นๆ กัน” ฮยอกแจคว้ามือทงเฮมาจับไว้แน่น

     

                “ทำไมชอบมาจับมือฉันอยู่เรื่อย” ทงเฮรีบชักมือหนีออกมาทันที

     

                “ก็ชวนไปอาบน้ำพร้อมกันไง”

     

                “ละ...แล้วทำไมฉันต้องไปพร้อมนายด้วยล่ะ”

     

                “ก็เรามาด้วยกันและเพื่อความสนิทสนมของนักแสดงไง จำไม่ได้เหรอ?” ฮยอกแจพูดซ้ำอีกครั้งเพื่อให้ทงเฮได้รู้ตัว ดวงตาคู่สวยช้อนขึ้นมองร่างโปร่งที่ยืนอยู่ตรงหน้า ฮยอกแจอยู่ใกล้แค่เอื้อม หากแต่ทงเฮกลับรู้สึกเหมือนว่าหัวใจของฮยอกแจนั้นอยู่ไกลแสนไกลจากเขาเหลือเกิน

     

                “ฉันเดินเองได้ ไม่ต้องมาจับมือหรอก”

     

                “นายชอบเดินหนีฉันนี่ทงเฮ นายหนีฉันตลอด” ฮยอกแจบอกด้วยน้ำเสียงที่จริงจังมากที่สุดจนทงเฮรู้สึกผิด หากแต่สมองที่สั่งให้การกระทำของเขาตรงข้ามกับความรู้สึกที่แท้จริงอยู่เสมอก็ทำให้ทงเฮผลักอกฮยอกแจออกห่าง

     

                “ฉันคิดว่านายจะชอบฉันมากเกินไปแล้วนะอี ฮยอกแจ”

     

                คำพูดที่มั่นใจเช่นนั้นทำให้ฮยอกแจยืนนิ่งอึ้ง ทงเฮจึงรีบเดินผ่านฮยอกแจเข้าไปในห้องอาบน้ำทันที

     

     

     

                ในห้องอาบน้ำที่เต็มไปด้วยผู้ชายเกาหลีแทบทุกวัย ฮยอกแจถอดผ้าเช็ดตัววางไว้แล้วก้าวลงไปนั่งแช่น้ำอย่างไม่รู้สึกอายเลยสักนิด ทว่าทงเฮกลับยืนตัวแข็งทื่อ

     

                นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ทงเฮมาโรงอาบน้ำสาธารณะ

     

                มันไม่ใช่ครั้งแรกที่ทงเฮลงไปแช่น้ำด้วยร่างกายที่เปล่าเปลือย

     

    หากแต่เรือนร่างของฮยอกแจที่ไร้ซึ่งเสื้อผ้าสักชิ้นปกปิดอยู่ก็ทำให้ใบหน้าหวานของทงเฮขึ้นสีแดงเรื่อ ทงเฮกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอไปอย่างยากลำบาก จนฮยอกแจที่นั่งรออยู่นานหันมาเอ่ยทัก

     

    “จะยืนอยู่ตรงนั้นอีกนานไหม ทำไมไม่ลงมาซักที”

     

    “ก็จะไปแล้วนี่ไง” ทงเฮบอกด้วยสายตาที่สั่นไหว ฮยอกแจหันกลับไปด้วยท่าทางสบายใจ ผิดกับเขาที่ยืนนิ่งเป็นก้อนหินเพราะไม่รู้จะทำอย่างไรกับสถานการณ์นี้ดี

     

                ทงเฮกวาดสายตามองไปรอบๆ เพื่อดูจำนวนคนที่อยู่ในห้องอาบน้ำเดียวกัน และเมื่อเห็นว่ามีคนอยู่ไม่ถึงสิบคน เขาก็กระโดดลงไปแช่ในน้ำ

     

                ทว่าทงเฮกลับไม่ได้ถอดผ้าเช็ดตัววางไว้ข้างบนเหมือนกับคนอื่นๆ

     

                “นายไม่ถอดผ้าเช็ดตัวก่อนเหรอ?” ฮยอกแจหันมาถาม

     

                “ฉันหนาวน่ะ” คนตัวเล็กแก้ตัวน้ำขุ่นๆ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นเพราะไม่อยากเห็นอะไรแปลกๆ จากร่างกายของคนที่นั่งอยู่ข้างกัน

     

                “แต่ฉันว่านายอาจจะอายตรงนั้นมากกว่านะ...หรือว่ามันเล็กไป” ฮยอกแจแกล้งเย้า ก่อนจะส่งสายตาหื่นๆ ไปที่เป้าของทงเฮจนมือบางต้องรีบฉวยมาปิดเอาไว้

     

                “ทะลึ่ง!

     

                “ทะลึ่งตรงไหน มันเป็นเรื่องธรรมดาที่ผู้ชายจะคุยเรื่องแบบนี้”

     

                “เรื่องธรรมดาของผู้ชายวิปริตอย่างนายน่ะสิ” พูดจบก็ลุกออกไปทันที ฮยอกแจมองตามแผ่นหลังบางที่มีเพียงผ้าเช็ดตัวเปียกชุ่มผืนเดียวคาดอยู่ที่เอว แม้เขาจะปากเสียและตั้งใจจะยั่วโมโหทงเฮแบบนี้ แต่เมื่อได้เห็นปฏิกิริยาตอบกลับแบบน่ารักๆ ของทงเฮ มันก็ทำให้ฮยอกแจรู้สึกดีขึ้น

     

     

     

                เวลาผ่านไปสักพัก ฮยอกแจก็เปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าเป็นชุดของโรงอาบน้ำ พวกเขาอยู่ในชุดสีฟ้าคล้ายๆ กัน หากแต่ฮยอกแจกลับดูเปล่งประกายแตกต่างจากคนอื่น ทงเฮนั่งลงหน้าจอโทรทัศน์หลังจากซื้อไข่ต้มมาด้วยกันถึงสองฟอง

     

                “ทำไมต้องกินไข่ต้ม” ฮยอกแจถามขึ้นเมื่อเห็นร่างบางกำลังปอกเปลือกไข่อย่างตั้งใจ

     

                “ฉันก็กินทุกครั้งที่มาโรงอาบน้ำ”

     

                “ที่บ้านนายไม่มีไข่ให้กินหรือไง”

     

                “ที่บ้านก็ส่วนที่บ้านสิ แต่กินไข่ต้มที่นี่มันได้อารมณ์มากกว่า” ทงเฮปัดเศษเปลือกไข่ให้เรียบร้อย ก่อนจะเลื่อนเข้าปากของตัวเอง ทว่ามือหนาของคนตรงข้ามกลับหยิบฉกไข่ต้มออกจากมือเขา

     

                “งั้นฉันจะลองกินดูบ้าง”

     

                “นี่! แย่งคนอื่นแบบนี้มันเสียมารยาทนะ” ทงเฮแหวใส่ หากแต่ฮยอกแจกลับแลบลิ้นอย่างผู้ชนะ “นายก็มีเงิน ทำไมไม่ไปซื้อมากินเองล่ะ”

     

                “แล้วนายไม่ได้ซื้อมาให้ฉันเหรอ ดูสิ...มันมีตั้งสองฟอง” เขาบอกหน้าตาย

     

                “ฉันซื้อมากินคนเดียว ไม่ได้คิดจะแบ่งใคร”

     

                “ไม่รู้ล่ะ ฉันจะกินมัน” บอกจบก็ยัดไข่ทั้งลูกเข้าปากไปทันที ทงเฮส่งเสียงจิ๊จ๊ะอยู่ในลำคอเท่านั้น ก่อนจะปลอกไข่อีกฟองแล้วกินเองบ้าง

     

                “อร่อยจัง...ไม่คิดว่าจะอร่อยขนาดนี้” ฮยอกแจมีสีหน้าตื่นเต้นเมื่อกำลังเคี้ยวไข่ต้มอยู่ในปาก ทงเฮเงยหน้าขึ้นไปมองอีกฝ่าย หากแต่ฮยอกแจกำลังดูโทรทัศน์อยู่พอดีจึงไม่รู้ว่ามีคนกำลังแอบมองตัวเองอยู่อย่างไม่กระพริบตา

     

                แม้มันจะเป็นแค่โรงอาบน้ำสาธารณะ แต่ทงเฮกลับรู้สึกเหมือนเขาได้มาเดทกับฮยอกแจอย่างไรอย่างนั้น ทงเฮชอบรอยยิ้มมีความสุขแบบนี้ของฮยอกแจ เขาอยากจะเก็บภาพตรงหน้าให้เป็นภาพวาดในใจของเขาตลอดไป แม้ว่ามันจะขายไม่ได้ราคาเหมือนงานของจิตรกรระดับโลก

     

                แต่ภาพตรงหน้าของทงเฮก็มีคุณค่ามากที่สุดในชีวิตของเขา

     

                อี ทงเฮจะจดจำวันนี้เอาไว้

     

                “ฉันเบื่อแล้ว กลับกันเถอะ”

     

                จู่ๆ ฮยอกแจก็หันมาโพล่งขึ้น ทงเฮรีบเสมองไปทางอื่นเพราะกลัวว่าจะถูกจับได้ ก่อนจะหันหน้ามาหาฮยอกแจอีกครั้งแล้วพยักหน้ารัว

     

                “อืม...ไปสิ”

     

                ทั้งคู่เปลี่ยนเสื้อผ้าและออกมาจากโรงอาบน้ำในเวลาเกือบสี่ทุ่ม ทงเฮปล่อยให้ฮยอกแจขับรถไปส่งเขาที่บ้านโดยที่ไม่พูดอะไรอีก หากแต่ก่อนที่ทงเฮจะก้าวลงจากรถ เสียงทุ้มก็เอ่ยขึ้น

     

                “ถ้าฉันขับรถออกไปนายก็คงจะลืมมันทันที แต่สำหรับฉัน...ขอเก็บความทรงจำทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้นะทงเฮ ฉันขอแค่นี้จริงๆ”

     

                ทงเฮปล่อยให้รถยนต์ของฮยอกแจเคลื่อนตัวผ่านเขาไปโดยที่ไม่ได้พูดอะไรสักคำ

     

                หากแต่เมื่อรถยนต์ลับตาไปแล้ว

     

                ทงเฮกลับรู้สึกว่าเขาเริ่มชอบฮยอกแจมากขึ้นเรื่อยๆ มันมากเสียจนเก็บซ่อนไว้ในหัวใจไม่ได้อีกแล้ว

     

     

     

    Talk with Lee Seen

                ช่วงนี้อาจจะอัพได้บ่อยขึ้นแล้วค่ะ

    เพราะว่าไม่มีฟิกเรื่องอื่นค้างคาอีกแล้ว นอกจากซอรี่มายจูเลียต

    ฟิกโปรเจ็คท์ฝันหวานอายจูบก็แต่งเสร็จไปแล้ว (ซีนแต่งเรื่อง อาย ทุกคนรอติดตามผลงานด้วยนะคะ)

    ส่วนฟิกที่แต่งส่งเล็ทส์อึนเฮก็แต่งเสร็จแล้ว เหลือแค่ให้คนตรวจคำผิดให้ ใครที่แต่งส่งประกวด...เรามาสู้ไปด้วยกันนะคะ

    การบ้านเดี๋ยวใช้แม่ใช้เพื่อนทำ ฮ่าๆๆๆๆ (อย่าลอกเลียนแบบ)

    คิดถึงคนอ่านทุกคนค่ะ

    ช่วยติดตามตอนต่อไปด้วยนะคะ

     

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×