คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : Chapter:10th You told me that
Chapter:10th You told me that “
”
“โครม!!!!” อยู่ๆผมก็รู้สึกหวิวๆ เหมือนโลกไร้แรงโน้มถ่วงไปชั่วขณะ และเมื่อผมรู้สึกตัวอีกทีตัวเองก็ล้มลงเอาหน้าแนบพื้นปูนหน้าเต็นท์สวัสดิการซะงั้น! ของรอบตัวผมถูกกวาดจนเรียบไม่มีเหลือ โชคดีที่โต๊ะไม่ล้มลงมาทับผมเอา ไม่งั้นคงไปจบที่โรงพยาบาลแน่ครับงานนี้!!
“ไอ้คุณ! หน้าตึก ศิลป์เขาวัดเรียบร้อยแล้วมึง ไม่ต้องเอาหน้าไปวัดอีกก็ได้! 555+”เสียงไอ้กรีนที่นั่งไกลกว่ารัศมีทำลายล้างของผม ปล่อยสุนัขจากปากออกมาเพ่นพล่านและที่สำคัญสุนัขของมันดันเป็นโรคกลัวน้ำอีกต่างหาก ผมว่าผมคงต้องรีบไปฉีดยาด่วน เพราะโดนกัดไปหลายแผลแล้วล่ะครับตอนนี้!
“ไอ้ห่ากรีน! เห็นคนล้มแล้วอย่าข้ามดิมึง!!” ไอ้ชายกเท้าถีบขาไอ้กรีนไปหนึ่งที!! เป็นที่สะใจของผมมากมาย!! อย่างน้อยผมก็มีเพื่อนแท้ อยู่หนึ่งคนล่ะครับ!! มึงกะกูจะเป็นเพื่อนกันตลอดไปไอ้ชาเพื่อนรัก!
“ไปดูพื้นดิ๊มึง
เกิดร้าวไปล่ะซวยเลย เดี๋ยวแมร่งผอ.มาปล้นเงินกูไปซ่อมพื้นอีก ตอนนี้กูยิ่งกรอบๆอยู่!! 555+” -_-;; ถ้าผมจำไม่ผิด ไอ้ชามันเป็นคนพูดว่าคนล้มแล้วอย่าข้ามไม่ใช่เหรอครับ แต่นี่มันเห็นผมล้มแล้วจัดการฝังกลบเลยทีเดียว เพื่อนผมแต่ละคนโคตรน่าคบค้าสมาคมเป็นที่สุด!! ผมไม่เคยเห็นใครสันดานเลว เอ้ย!! นิสัยไม่ดีขนานนี้มาก่อนเลยครับ!! (ไอ้น้องคุณเก็บอาการหน่อย:โทรเลขด่วน)
“สัด!!! ไม่ช่วยแล้วยังซ้ำเติมอีกนะมึง”ผมยันตัวลุกขึ้นจากพื้นอย่างยากลำบาก ผมมองดูฝ่ามือตัวเอง เพราะรู้สึกตึงๆ...ถลอก เลือดออกซิบๆ! ไม่มีอะไรน่าตกใจครับ แค่แผลถลอก กับ เลือด! เลือดดดดดดด!!!!!
“ว๊ากกกกกกก!!!” ผมร้องออกมาลั่น เมื่อเห็นเลือดสีแดงๆบนฝ่ามือตัวเอง!! ไอ้กรีนกับไอ้ชาที่กำลังหัวเราะขำผมเมื่อกี้หันมามองผมที่อยู่ๆก็ร้องออกมาอย่างตกใจ!!
“ไอ้ห่าคุณ! มึงร้องทำไมวะ! สัดแมร่ง..พวกกูตกใจหมด!!” ไอ้กรีนทำหน้าเซงๆลุกจากเก้าอี้เดินมาหาผม ส่วนไอ้ชาก็นั่งมองผมอยู่ที่เดิมไม่คิดจะขยับไปไหน! ไอ้ห่านี่มันเคยทุกข์เคยร้อนกับใครเขามั้ยเนี่ย?
“สัด! เลือดกูออกมั่งเหอะมึง” ผมยื่นมือ ให้ไอ้กรีนเห็นแผลสดเมื่อกี้ได้ชัดๆ เลือดผมมีค่ายิ่งกว่าทองคำ1000 ชั่ง อีกนะครับ!! (ความจริงก็ไม่รู้หรอกว่า 1 ชั่งมันเท่าไหร่แต่เห็นในหนังจีนชอบพูดกันเลยเอามาใช้บ้าง : sms จากน้องคุณครับ!!)
“มารดามึงเหอะ! แผลเท่าขี้มดทำมาเป็นร้องโว้ยวาย อย่างกับโดนตอหม้อหล่นใส่หัว @!+_#!$%&*)!+*@)#” ไอ้กรีนบ่น บ่น แล้วก็ บ่น -_-;; ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ผมเดินยังไงถึงล้ม (เรื่องนี้ผมก็อยากรู้?) แถมยังกวาดข้าวของกระจัดกระจาย ทำให้มันต้องมาช่วยเก็บ... แล้วก็หันไปด่าไอ้ชาที่มั่วแต่นั่งมองมันเก็บของบนพื้นโดยไม่ช่วย(สมควรโดนด่าอ่ะครับ) แล้วกลับมาไล่ผมให้ไปหาอาจารย์พยาบาลที่นั่งอยู่ในเต็นท์ของคณะบริหารและเครื่อค่ายผู้ปกครองที่อยู่ฝั่งตรงข้าม เยื้องกับเต็นท์สวัสดิการที่ผมสิงสถิตอยู่!! สาดดด! บ่นยิ่งกว่าแม่กูอีก!!
ผมจำใจเดินไปหาอาจารย์ห้องพยาบาล(ที่ผมจำชื่อไม่ได้)อย่างเซงๆ จะไม่ให้เซงได้ยังไงล่ะครับ ก็ได้ห่ากรีนแมร่งบ่นอย่างกับผมพึ่งโดนมีดสปาต้ากระสวกไส้มายังงั้นแหละ!! แถมยังบ้องหัวผมไปทีนึ่งอีกต่างหาก เชี่ย!! มือกูเจ็บอยู่หรอก ไม่งั้นมึงโดนกูเสยหัวมึงกลับแน่!!
ผมเดินด่าไอ้เพื่อนสารเลวของผมอยู่ในใจ ตาก็มองหาอาจารย์พยาบาล...แต่หาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอครับ!! ในเต็นท์มีคนเต็มไปหมด ผู้บริหารใหญ่ของโรงเรียนรวมอยู่ที่นี่หมดเลย ทั้งผู้อำนวยการ...รองผู้อำนวยการ...อาจารย์...สมาคมเครือค่ายผู้ปกครอง...แล้วก็...คณะกรรมการนักเรียน!!! ผมบอกแล้วครับคณะกรรมการนักเรียนโรงเรียนผมยิ่งใหญ่ 555+
“คุณ!!!มีอะไรหรือเปล่า?” โอ้!!! สวรรค์มาโปรดไอ้คุณแล้วครับ..
“จารย์ครับ!! คือผมหกล้มอ่ะครับจารย์”ต่อมสำออยทำงานขึ้นมาทันทีทันใดเลยครับผม!! ถ้าพวกไอ้กรีนมาเห็นเข้าคงส่งสายตาอาฆาตมาให้ผมแน่ๆ...สงสัยกันเหรอครับว่าทำไม? ก็เพราะอาจารย์น้ำเป็นอาจารย์ฝึกสอนสาวและสวยคนเดียวของหมวดสังคมศึกษา...ที่ได้รับหน้าที่มาสอนวิชาประวัติศาสตร์ให้กับห้องผม 2คาบต่อสัปดาห์...เห็นอาจารย์น้ำทีไรใจผมมันเต้นเป็นจังหวะช่าช่าช่าอ่ะครับ(เมื่อกี้เหมือนผมได้ยินเสียงไอ้กรีนแว่วๆ ว่า ‘สันดาน’!!!)
“ไหน?! ให้ครูดูแผลหน่อยซิ!!” อาจารย์น้ำทำหน้าตกใจ!! ผมเลยยื่นมือข้างที่มีแผลถลอก(รอยเท่าขี้มด)ให้อาจารย์น้ำดู จารย์น้ำน่ารักอ่ะครับ ผมให้คะแนน 100 เต็ม10 เลยอ่ะครับจารย์น้ำ >.< (คะแนนทะลุทะลวง)
อาจารย์จับมือผมไปพิศดูรอยถลอก(ย้ำอีกครั้งว่ารอยเท่าขี้มด)ที่มือ สีหน้าโล่งใจขึ้น...!!
‘จารย์น้ำน่ารักมากคร๊าบบบบบ!!!!’ ผมตะคอกใส่หน้าอาจารย์น้ำในใจดังๆ...ผมดูเป็นลูกศิษย์ทรพีเกินไปป่ะครับเนี่ย?! (ผมว่าผมได้ยินเสียงดังๆตอบมาว่า ‘เออออ!!!’)
“น้ำๆ...จารย์จิตามไปแข่งแชร์บอลคนไม่พอ!!” เสียงตะโกนจากเพื่อนอาจารย์น้ำ(ที่มาฝึกสอนด้วยกัน) ดังมาจากอีกด้านหลังผม...เฮ้อ!! หมดเวลาสนุกแล้วสิ หมดเวลาสนุกแล้วสิ! ภาพเทเลทับบี้ สี่ตัวที่ผมเพิ่งดู(แบบผ่านๆ)กับเจ้าตวงเมื่อเช้าไหลผ่านตาผมทันที...ครับ!! หมดเวลาสนุกแล้วสิ!
อาจารย์มองผมอย่างชั่งใจ...ผมว่าเธอคงไม่อยากทิ้งผมไว้ และก็คงไม่อยากปฎิเสธคำชวนของเพื่อนตัวเองที่มาตามไปรวมสนุกกับการแข่งกีฬาได้
“จารย์ไปเล่นเหอะครับ! เดี๋ยวผมใส่ยาเองได้ แผลแค่นี้เอง”ผมส่งยิ้มให้อาจารย์ ทั้งที่ในในแสนเสียดายที่อาจารย์น้ำไม่ได้ใส่ยาให้ก็ตาม...แต่ผมยังไม่อยากให้อาจารย์พลาดโอกาสร่วมกิจกรรมกีฬาที่ดูท่าจะมันส์ขึ้นกว่าเดิมมาก!! และถ้าพวกเพื่อนๆผมรู้ว่า ผมขัดขวางความสุขของอาจารย์สุดที่รักของพวกมัน(และผม) ผมคงโดนเสกหนังกระบือเข้าท้องแน่ครับงานนี้!
“ให้ครูไปหยิบกล่องยาให้เอามั้ย...แปปนึง!!อย่าเร่งสิ เดี๋ยวเราไปเอากล่องปฐมพยาบาลให้ลูกศิษย์ก่อน!!” อาจารย์น้ำหันไปตอบเพื่อนตัวเองที่ยืนเร่งยิกๆอยู่ด้านหลังผม...เออ! โทษครับจารย์ ไปน่ารักไกลๆ ได้ปะครับ ฮิ้วๆ! (เป็นคอร์รัสให้ตัวเองไม่ผิดใช่ป่ะครับ! 555+)
“คุณนั่งรอครูตรงนี้ก่อน! เดี๋ยวครูไปหยิบกล่องยามาให้” และผมก็ถูกทิ้งไว้คนเดียวตรงนี้ เพราะอาจารย์น้ำวิ่งไปหยิบ กล่องพยาบาลให้ผม
ผมตัดสินใจเดินไปนั่งบนเก้าอี้ที่วางเรียงกันเป็นตับ แต่ดันไม่มีคนนั่งซักคน!! ผมนั่งรออาจารย์น้ำอย่างเงียบๆ...ก็จะไม่เงียบได้ไงอ่ะครับ! ไม่มีเพื่อนคุยซักคน ถ้าคุยคนเดียวก็ถูกจับเข้าสมเด็จเจ้าพระยาแล้วอ่ะครับ! (ผู้คนเดียวมันผิดหรือไง?:โทรเลขด่วนมาก!)
‘โป๊ก!!’
“โอ๊ยยยยยย!!!!!!” ผมหันไปดูด้านหลังทันทีที่เงยหน้าขึ้นมาได้!...
“ไอ้เชี่ย! มึงเล่นเชี่ยไรของมึงวะ สาดดด!” เมื่อผมพบผู้ร้ายที่ต้องการจะฆ่าผมด้วยกล่องปฐมพยาบาล!!ไอ้สันดานที่แมร่งเล่นไรเชี่ยๆ...ผมมองหน้าไอ้ห่าชายอย่างเอาเรื่อง..แต่ผลตอบรับที่กลับมากลายเป็นเสียงหัวเราะ หึ หึ.. ซะงั้นเหอะมึง!!
“กูอุตส่าห์เอายามาให้มึงนะไอ้ควายคุณ! หัดสำนึกซะบ้างเหอะว่ะ!” อ้าว! ไอ้สัดนี่มีหน้ามาทวงบุญคุณ ทั้งที่เมื่อกี้มันจะฆาตกรรมผมด้วยกล่องยา! สรุป ผมหรือมันที่เป็นคนผิดครับงานนี้!!!!
“ไอ้สัด!! กูเจ็บบ้างเหอะ” และสีหน้าไม่สะทกสะท้านของมันก็ทำให้ผมรู้ว่า ด่าไปก็เหนื่อยเปล่า...แมร่งด้านตัวพ่อ!
ไอ้ชายนั่งลงบนเก้าอี้ข้างๆผมแล้วจัดการเปิดกล่องปฐมพยาบาลออก มันคุ้ยอยู่2-3ที จนมันหยิบสิ่งของที่ต้องการออกมาจนครบ...ก็มีพาสเตอร์ สำลี ทิงเจอร์ไอโอดีน แต่สิ่งที่ทำให้ผมต้องตาโตจนแทบจะหลุดออกมานอกเบ้าก็คือ...แอลกอฮอล์!!
“ไหนแผลมึง?” ไอ้ชายเปิดฝาไอ้น้ำสีฟ้าๆนั่น สีมันก็สวยอยู่หรอกครับ...แต่มันแสบชิบหาย!!
“เฮ้ยๆ! พอโว้ย สำลีมึงชุบแอลกอฮอล์เอาโล่เหรอวะ?” ผมปรามไอ้ชายที่แมร่งเสือกเอาสำลีชุบแอลกอฮอล์ซะชุมโชก...สำลีนะมึงไม่ใช่ผ้าอ้อมเด็ก ที่ซึมซับได้มากกว่าเดิม!
“สัด! หุบปากแล้วเอาแผลมึงมาให้กูยลบัดเดี๋ยวนี้!” ผมมองหน้าไอ้ชายแปปนึ่ง นึกขำภาษาที่แมร่งใช้...ไอ้นี่แมร่งรั่วอย่างร้ายแรง อุดเท่าไหร่ก็ไม่หมดสักทีครับ ไอ้รู้รั่วของไอ้ชายเนี่ย
“มึงโดนมดกัดเหรอวะไอ้คุณ?”
“แผลถลอกบ้างเหอะมึง มดบ้านมึงกัดแล้วเลือดออกเหรอวะสัด!”ผมเอามือข้างที่ไม่เจ็บ(ไม่มีแผล)บ้องหัวไอ้ชายไปทีหนึ่ง...ไอ้ชายลูบหัวตัวเองก่อนที่มันจะเอามือผมไปทารุณกรรมอย่างร้ายกาจ..กว่าผมจะรอดพ้นจากสำลีชุ่มแอลกอฮอล์..ทิงเจอร์ไอโอดีน..และพาสเตอร์ยา ก็เล่นเอาเสียงผมแหบแห้ง เพราะเอาแต่ร้องทุกครั้งที่ไอ้ชายมันเอาไอ้นั้น เอาไอ้นี้มาโดนแผลผม แถมตอนสุดท้ายแมร่งยังจงใจเอานิ้วกดแผลผมอีก! ไอ้เชี่ยยยยย!! อย่าให้ถึงทีกูบ้างแล้วกัน
“เสร็จแล้วมึง! ร้องเชี่ยไรนักหนาวะ อย่างกับควายโดนเชือด” ไอ้ชายเก็บอุปกรณ์ปฐมพยาบาลลงกล่อง...ไอ้นี่ยังมีหน้ามาถาม สันดาน!!
“มึงอ่ะแกล้งกู ไอ้ชาย แมร่ง!” ไอ้ชายทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ทำให้ผมอยากเอาเท้าลูบหน้ามันเหลือเกิน มันไม่ตอบอะไรก่อนลุกเอากล่องปฐมพยาบาลไปเก็บ...ผมได้แต่มองตามหลังมันไปอย่างอาฆาตแค้น! อย่างที่บอกล่ะครับ..
‘อย่าให้ถึงทีกูบ้างแล้วกัน’
***
ช่วงเวลาอันแสนวุ่นวายกลับมาอีกครั้งเมื่อถึงเวลาที่พวกผู้ปกครองมาขอเบิกข้าวและน้ำให้ลูกๆของตัวเอง...เล่นเอาพวกสตาฟสวัสดิการอย่างพวกผมหัวหมุนเลยล่ะครับงานนี้! ไอ้แจกข้าวอย่างเดียวก็ไม่เท่าไรหรอกครับ แต่ปัญหาใหญ่มันคือตรงนี้ต่างหาก
‘ไอ้คุณ!! น้ำแข็งไม่พอโทรสั่งมาดิ๊!’
‘ไอ้คุณ!ข้าวขาด10กล่อง ยกไปให้สีม่วงดิ๊!’
‘ไอ้คุณ! ขนมหายไปไหน ไปหามาดิ๊!’
‘ไอ้คุณ! น้องเป็นอิสลาม เอาข้าวไก่ทอดมาเปลี่ยนทีดิ๊!’
‘ไอ้คุณ!!!!’
สารพัดไอ้คุณที่มันเรียกใช้เยี่ยงทาส! แล้วไอ้แผลที่มือก็ดันเป็นอุปสรรคในการทำงานของผมซะเหลือเกิน!...ผมทนทำงานต่อไปจนหน้าที่แจกข้าวของพวกผมจบลง ผมเดินถือกล่องข้าวและแก้วน้ำของตัวเองออกมา..ผมไม่อยากไปนั่งอัดรวมกับสตาฟคนอื่นที่มาพักทานอาหารกลางวันกันจนโต๊ะที่เต็นท์สวัสดิการเต็มเอี๊ยดจนหาที่นั่งสบายๆไม่ได้ ตัวเองเลยต้องระเห็จออกมาหาที่นั่งกินข้าวที่ใหม่คนเดียว...
‘ไอ้กรีน ไอ้ชา ไอ้เอ็ม ไปหาที่แดกข้าวกันโว้ย!!!’ ผมถือข้าวกล่องกับน้ำของตัวเองไว้ในมือ เดินไปเรียกไอ้เพื่อนรักสามตัวที่ทำท่าจะเดินออกไปนอกเต๊นท์สวัสดิการ
‘มึงไปแดกก่อนไป เดี๋ยวพวกกูตามไป”ไอ้เอ็มตอบผม
‘พวกมึงไม่แดกข้าวเหรอวะ?’ ผมถาม เพราะไม่เห็นไอ้พวกนี้ถือกล่องโฟมใส่ข้าวอยู่ในมือ ทั้งที่ทุกครั้งมันต้องกระโจนเข้าใส่ของกินเป็นอันดับแรกเสมอ...วันนี้พวกแมร่งมาแปลก?
‘พวกกูแดกแล้วว่ะมึง’ -o-;;
และนี่คือเหตุผลที่ผมต้องระเห็จออกมากินข้าวคนเดียวในตอนนี้แหละครับ...ผมแทบอยากกระโดดทีบพวกแมร่งจริงๆ แดกข้าวไม่เคยชวน..กูล่ะซึ้ง!(<<ส่อถึงนิสัย)
ผมเดินไปด้านหลังตึกศิลป์ เพราะจำได้ว่ามีศาลาไม้เล็กๆที่ทางโรงเรียนจัดไว้ให้นักเรียนนักพักผ่อนอยู่หลายหลัง และที่สำคัญมันไม่ร้อน!
ผมตัดสินใจเลือกศาลาหลังที่อยู่ใต้ต้นหูกวางเป็นที่กินข้าว เพราะเป็นหลังเดียวที่แดดส่องไม่ถึง...ผมหยิบiPod สีเขียวในกระเป๋ากางเกงออกมา เอาหูฟังเสียบหูตัวเอง เปิดกล่องโฟมและจัดการกินข้าวหมูทอดกระเทียมพริกไทยของตัวเอง
“นั่งด้วยคนได้มั้ย!”เสียงทุ้มๆดังขึ้นด้านข้าง เสียงนุ่มๆที่ผมไม่ได้ยินตั้งแต่วันที่ผมกับมันไปกินอาหารญี่ปุ่นด้วยกัน...เสียงไอ้อัค!
อัคว่างกล่องโฟมกับแก้วน้ำไว้ตรงข้ามผม ก่อนที่จะค่อยๆนั่งลง...ผมมองหน้าอัคอย่างงงๆ
“ไม่พอใจที่ผมมานั่งด้วยเหรอไง?..งั้นผมก็ขอโทษด้วยแล้วกัน” ผมฉุดแขนอัคไว้ก่อนที่มันจะลุกออกไป..ไอ้นี่! ขี้งอน ว่ะ
“ไม่ใช่! มึงนั่งเหอะกูไม่ว่าไร” อัคนั่งลงที่เดิม ผมมองรอยยิ้มที่มันส่งมาให้ผม...ผมถึงรู้ว่า ‘กูโดนแกล้งเข้าซะแล้ว!!’
***
“หายโกรธแล้วเหรอไง?”หลังจากที่เราสองคนนั่งกินข้าวของตัวเองเงียบๆจนหมด ผมก็ตัดสินใจถามคำถามนี้ออกไป อันที่จริงก็พอรู้แล้วหละครับว่าอัคคงหายเคืองผมแล้ว...แต่เพื่อความมั่นใจ ผมขอถามให้แน่ใจก่อนเป็นดีที่สุด
“ก็คุณบอกให้ ‘ใส่ไอ้นี่แล้วหายโกรธได้แล้ว!!’ ไม่ใช่เหรอไง? ” อัคลอยหน้าลอยตาตอบคำถามของผม...กวนตีนนะมึง!
“แล้วคุณอัคก็เลยหายโกรธตามที่ผมบอก?!”
“อือ!” มันตอบผมแค่นี้ก่อนที่มันจะลุกขึ้นเก็บกล่องโฟมและแก้วน้ำ ของผมและของตัวเองไปทิ้งขยะ ก่อนหันกลับมา ขยับปากบอกผมว่า ‘ไปแล้วนะ’ แล้วเดินกลับไปทางสนามกีฬาด้านหน้า
เมื่ออัคเดินพ้นมุมตึกไป ผมก็เตรียมตัวจะกลับไปที่เต็นท์สวัสดิการเหมือนเดิม แต่สายตาของผมก็สะดุดกลับ หมวกแก็ปสีดำ...ผมหยิบมันขึ้นมา ก่อนจะพบว่าใต้หมวกมีกระดาษชิ้นเล็กๆ
‘เย็นนี้พาไปเลี้ยง สุกี้หน่อยดิ! และขอบคุณสำหรับหมวกครับ...จาก ประธานนักเรียน’
ผมยื่นยิ้มกับตัวเอง ถ้าใครมาเห็นเข้าคงคิดว่าผมบ้าแน่! แต่ผมก็บังคับตัวเองให้หุบยิ้มลงไม่ได้จริงๆนี่ครับ!!!
To Be Continued
Edit 31 March 2011
ความคิดเห็น