ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Short fic : SJ & TVXQ by Cho-kune

    ลำดับตอนที่ #10 : [Many Couple * only SJ] SJ School 4

    • อัปเดตล่าสุด 9 ก.ค. 52


    Title : [Many Couple * only SJ]  SJ School 4

    Type : Short Fic

    Rate : PG 









    =========================================================
















    ฮีชอลที่ตอนนี้ยังคงจับเจ้าแมวเหมียวที่พุ่งดิ่งไปด้านหน้าเหมือนขีปนาวุธที่กำหนดเป้าหมายได้แล้ว      

    ...แมร่งเอ๊ย วันนี้เป็นวันซวยห่าเหวอะไรของคิมฮีชอลคนนี้กันวะ T^T ถูกแมวขโมยพุง ออ ปังยังไม่พอเจือกถูกดึงมาอยู่ในอุโมงค์บ้าอะไรก็ไม่รู้อีก ชีวิตของฮีนิมผู้นี้จะเป็นเยี่ยงไรต่อฟร้า า TOT... 
                 

    เมื่อถึงปลายทางแสงแดดส่องสว่างวาบจนฮีชอลต้องหลับตาปี๋และปล่อยมือจากเสื้อสูทช่วยขณะหนึ่งทำให้ร่วงลงกระแทกกับพื้นแต่ก็ไม่ได้เจ็บมากเท่าไหร่นัก เมื่อถึงที่หมายเจ้าแมวน้อยได้หยุดฝีเท้าและเปิดนาฬิกาดูเวลา


    'เฮ้อ ค่อยยังชั่วทันเวลาพอดี'

     
    "ค่อยยังชั่วงั้นเหรอ ไอ้แมวผี"

     
    น้ำเสียงราบเรียบที่ดังขึ้นด้านหลังจนขนลุกชันราวกับลางร้ายได้มาเยือน


    'อะ อ๊ะ OoO!!'


    แมวน้อยค่อยๆหันไปมองพบกับออร่าที่เย็นยะเยือกถูกปล่อยออกจากร่างบางที่อยู่ไม่ห่างจากตนแค่คืบเดียว นัยน์ตาหวานตอนนี้เต้นระริกด้วยความโกรธ มือเรียวหักข้อนิ้วกังเป๊าะๆ ตามเนื้อตัวมีรอยขีดข่วนจากกิ่งไม้และรอยถลอกที่ถูกถูลู่ถูกังสร้างความน่าผวาดให้แก่แมวน้อยผู้อาภัพยิ่งนัก


    "แกตายไอ้แมวผี ! !"


    พอจบคำต่างคนต่างพุ่งพรวดไปด้านหน้ามีหรือที่จะทันหัวโจกที่แสบที่สุดในโรงเรียน


    'ปะ ปล่อยข้าไปนะ เจ้าไม่รู้รึไงข้าเป็นใคร ถ้าเจ้าไม่ปล่อยข้า...'


    "โฮ่ แกบังอาจเอาพุง ออ ปังของชั้นไปแถมยังยังทำให้ร่างกายมีสง่าราศีของชั้นเป็นริ้วรอยไม่พอแถมยังกล้าตวาดใส่ชั้นคนนี้อีก แกตาย ย ย ! ! =_=++"


    'แง้ว ว ว ว ว ว ! ! TTOTT'


    เจ้าแมวน้อยร้องเสียงหลงลั่นป่า ร่างบางทั้งดึงทั้งถึ้งเพื่อจะแย่งเอาพุง ออ ปังที่เกี่ยวอยู่กับสายนาฬิกาเรือนทองนั่นอย่างเอาเป็นเอาตายแต่ดูท่าอีกฝ่ายจะไม่รู้เรื่องเลยแม้แต่น้อยก็ได้แต่ดิ้นและถีบแถมยังข่วนจนฮีชอลได้แผลเพิ่มอีกต่างหาก


    "หยุดดิ้นซิวะ บอกให้หยุดไงเล่าไอ้แมวจั๊ดง่าว ! !"


    แมวน้อยหยุดดิ้นอัตโนมัติราวกับใครมากดปุ่ม ร่างบางก็ได้หยิบพุง ออ ปังออกมาได้

     
    'ไอ้เจ้านี่มันมาจากไหน แล้วมาอยู่กับข้าได้ยังไงกัน'


    เจ้าเหมียวเอียงคอด้วยความสงสัยเมื่ออีกฝ่ายหยิบมันแล้วเคี้ยวงั่มๆ


    "ก็แกนั่นแหละที่ขโมยมันมา ! !"


    'ข้าเปล่าเสียหน่อย แต่เอ๊ะ! ! เจ้าเห็นข้าได้อย่างไรกัน'


    เจ้าแมวหน้อยพลิกตัวหันมาถาม

     
    "เห็น ? ? อะไรของแกห๊าไอ้แมวผี ชั้นไม่ได้ตาบอดนะว้อย แง่มๆ  )=O=("


    'เสื้อนี่ก็ไม่ได้เสียหายอะไรนี่ ระ หรือว่าเจ้า...'


    เจ้าแมวน้อยสำรวจเสื้อสูทตัวเองและมองใบหน้าหวานทำท่าทางราวกับมนุษย์ก็ไม่ปาน


    "ทำไม ชั้นมันทำไมห่ะ  )=_=( ^^"


    'มนุษย์ธรรมดาน่ะไม่มีทางเห็นข้าได้แน่นอนแล้วยิ่งใส่เสื้อสูทนี้ยิ่งแล้วใหญ่


    ใบหน้าสวยฉายแววงุนงง    ...แล้วไงฟ่ะ เสื้อสูทตัวนี้มันทำไม ? ? มันแพงอภิมหาบรรลือโลกรึไง...

     
    'ก็เสื้อตัวนี้น่ะถักทอจากตัวไหมที่พิเศษจากมือแม่มดต่างมิติซึ่งช่วยทำให้ไม่ให้มนุษย์คนไหนเห็น


    " เอื๊อก ก ก ! ! แล้วไงฟ่ะ ถึงยังงั้นก็เถอะแกต้องมากับชั้นเพราะต้องชดใช้ค่าที่ทำให้ร่างกายของชั้นหม่นหมอง -_-^^"


    แมวน้อยนั้นหน้าซีดเผือดทันที เสียงทุ้มนุ่มดังขึ้นด้านหลัง

     
    "นั่นใคร ! !"


    ร่างบางหันขวับไปมองในอ้อมกอดก็มีแมวตัวน้อยอยู่ ใบหน้าคมเข้มดูคุ้นตาอย่างประหลาด นัยน์ตาโตคมกริบดั่งพญาเหยี่ยวเบิกกว้างราวคนตกใจ จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากชมพูระเรื่ออย่างคนสุขภาพดี รูปร่างกำยำแบบบุรุษเพศ ชายตรงหน้าสวมเครื่องแต่งกายราวกับเจ้าชายต่างเมืองที่หลุดมาจากเทพนิยาย

     
    "เธอเป็นใครกัน"


    "ฉัน ? ? คิม ฮีชอล"


    "คิม ฮีชอล ? ?"


    "ใช่ แล้วนายล่ะเป็นใคร"


    "ชเว ซีวอน"

     
    ร่างบาวเลิกคิ้วแล้วพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นแต่ก็ไม่ยอมให้แมวน้อยหลุดออกจากอ้อมกอด    

    ...เอ ชเว ซีวอนชื่อคุ้นๆแฮะเหมือนเคยได้ยินที่ไหนมาก่อนหว่าเรา -_-a...

     
    "อืม งั้นชั้นไปก่อนล่ะแล้วนายแต่งตัวแปลกๆนะ เป็นคนย้อนยุครึไง"


    ฮีชอลเดินผ่านชายหนุ่มไปพอพ้นพุ่มไม้เท่านั้นแหละ


    "อ๊าก ก ก ก ! ! เชี้-ยแมร่งเกิดห่าอะไรขึ้นกับโรงเรียนกรูวะ O[]O"


    'โอ๊ย เจ้าจะตะโกนทำไมห๊า หูข้าจะแตก T^T'

     
    "หุบปากของแกไปซะไอ้แมวผี"


    "อะไรของเธอ ชั้นควรจะเป็นฝ่ายถามมากกว่าเธอน่ะมาได้ที่นี่ได้ยังไงเพราะตรงนี้เป็นเขตพระราชฐาน"


    "เขตพระราชฐาน ? ? เป็นบ้าอะไรของนาย ชั้นสิต้องเป็นฝ่ายถามมากกว่าว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับโรงเรียนชั้น ! !"


    "โรงเรียน ? ? ที่นี่เป็นเขตพระราชฐานมานานนับร้อยปีแล้ว...ทำไมเธอถึงแต่งกายแปลกๆแบบนั้น เป็นแฟชั่นใหม่รึไง"

     
    "สมองนายกระทบกระเทือนรึไงวะ แฟชั่นบ้าอะไรล่ะนี่มันชุดนักเรียนโว้ย -O-^^"

     
    ร่างบางตอบอย่างฮึดฮัดความคิดในหัวตีกันให้ยุ่งเหยิง    

    ...เชด เกิดเชี้ยไรขึ้นวะ ! ! หรือว่าจะเป็นรายการอำกันเล่นฟ่ะ...
           

    ฮีชอลลงมือหากล้องตามพุ่มไม้ต่างๆ


    "นั่นทำอะไรของเธอกัน ? ?"


    "หากล้องไงล่ะ"


    "กล้อง มันคืออะไร -_- ?"


    "อย่ามาทำไก๋ไอ้นี่ นายเป็นตัวโจ๊กแล้วมาทำให้ชั้นหน้าแหกใช่มั้ยล่ะ อย่าหวังว่าจะทำให้ท่านฮีชอลผู้นี้หน้าแตกแม้แต่มิลเดียว -^-"

     
    "รายการ ? ? ตัวโจ๊ก ? ? เธอกำลังพูดถึงเรื่องอะไรไม่เข้าใจ"

     
    "จะแกล้ง..."

     
    'เค้าไม่ได้แกล้งหรอกนะ ที่นี่ไม่ใช่โลกของเจ้า'

     
    "หมายความว่าไง / เหวอ อ อ อ อ ! !"


    คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าร้องลั่นพร้อมกับชี้นิ้วมาทางฮีชอล ร่างบางหันไปมองใบหน้าตกใจ

     
    "มะ แมวพูดได้ O[]O"


    'อะไรกัน เจ้าก็เห็นข้าอีกคนงั้นรึ ! !'


    เจ้าเหมียวดิ้นให้หลุดจากอ้อมกอดแล้วเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าร่างสูงด้วยใบหน้าครุ่นคิด       

    ...ทำไมมนุษย์สองคนนี้ถึงเห็นตัวของเราได้ ทั้งๆที่เสื้อตัวนี้ไม่ได้เสียหายแม้แต่จุดเดียว หรือว่า...
          

    ขาทั้งสี่หันหลังกลับไปหยุดยืนอยู่ร่างบางแล้วหันกลับมาจ้องใบหน้าคม


    'เจ้าทั้งสองคน....ช่วยหาที่สงบๆคุยได้หรือไม่ ข้าไม่อยากให้ใครคิดว่าพวกเจ้าทั้งสองคนเป็นบ้า'


    "ดะ ได้ ชั้นจะพาไปเอง"


    ร่างสูงเดินนำหน้าหนึ่งคนกับอีกหนึ่งตัวไปยังตำหนักส่วนพระองค์ในเขตพระราชฐานของตน ร่างบางเดินตามหลังด้วยใบหน้าครุ่นคิดตามทางที่เดินมานี่ก็พบกับทหารมากหน้าหลายตาต่างพากันก้มหัวทำความเคารพเป็นทิวแถว

    ...อะไรกันทำไมหมอนี่เดินผ่านแล้วต้องทำความเคารพ หมอนี่เป็นกษัตริย์งั้นเหรอ ไม่น่าจะใช่เพราะดูจากภายนอกแล้วอายุไม่น่าจะถึงที่จะสามารถขึ้นครองราชย์ด้วยตนเองได้แน่ 

    สงสัยไม่เป็นเจ้าชายก็พวกเชื้อพระวงศ์ชั้นสูงงล่ะงานนี้ ถึงยังงั้นก็เถอะหน้าไอ้บ้านี่มันต้องเหมือนกับใครสักคนในโลกของเราแน่นอน แต่มันไปเหมือนใครกันวะ...
                 

    คนที่เดินคิดไปเรื่อยๆโดยไม่รู้ว่าคนข้างหน้าหยุดแล้วเดินชนไปเต็มๆ


    โครม ม ม ม ! !


    "ปัดโธ่ ! ! ! หยุดแล้วก็บอกกันบ้างซิวะ >O<"


    มือเรียวจับจมูกตัวป้อยๆ

     
    "ท่านผู้นี้คือ ? ?"


    ชายหนุ่มสวมชุดกระโปรงยาวเหมือนคนสมัยโรมันสวมคลุมด้วยเสื้อแขนยาวชายเสื้อทิ้งยาวพอๆกับชุดด้านใน สวมห่วงคอสีทองสวย ผมสีน้ำตาลเข้มยาวสลวยถูกรวบเป็นหางม้าอย่างเป็นระเบียบ นัยน์ตาคมโตเป็นประกายดั่งคนมีปัญญาเฉลียวฉลาด จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากบางสวย

     
    "อ๋อ เพื่อนชั้นเอง เดี๋ยวชั้นขอคุยกับเค้าสักครู่ไม่ต้องให้ใครเข้าไปรบกวนนะ อิลวานี"

     
    "พะยะค่ะ"

     
    ชายหนุ่มนามอิลวานีก้มหัวทำความเคารพแล้วเงยหน้าขึ้นมาพริบตาที่ฮีชอลมองตอบราวกับถูกอีกฝ่ายกำลังประเมินค่าแต่มีหรือเด็กสุดแสบจะยอมก็ต้องจ้องตอบอย่างไม่วางตา ถ้าไม่ถูกมือแกร่งรวบข้อมือบางไปล่ะก็คงยืนจ้องตากันไปอีกนาน

     
    "นี่ คนๆนั้นเป็นใครอ่ะ"


    ฮีชอลที่เดินตามต้อยๆถามขึ้น


    "อ๋อ อิลวานีน่ะเหรอ เป็นราชเลขาของวังหลวงและเป็นคนสนิทของชั้น"


    "อืม ม ม"


    ฮีชอลตอบอย่างยานคางเหลือบมองแมวผีทีตนเรียกอยู่บ่อยๆกำลังเดินอยู่ข้างๆอย่างสงบเสงี่ยมจนมาถึงห้องนั่งเล่น ร่างบางนั่งลงข้างซีวอนบนม้านั่งยาวที่มีผ้ากำมะหยี่สีน้ำเงินเข้มปูทับและมีหมอนอิงไว้วาวงแขน ไม่รู้ทำไมฮีชอลถึงวางใจคนๆนี้นักทั้งๆที่เค้าก็ไม่ใช่คนที่ไว้วางใจใครง่ายๆ


    "อธิบายมาซิ"


    เจ้าแมวที่ตอนนี้นั่งบนเก้าอี้อีกตัวกำลังเลียขนตัวเองอย่างสบายใจหันมามองใบหน้าคมที่ตอนนี้ดูเรียบนิ่งและเคร่งขรึมอย่างเอาการเอางาน

     
    'เฮ้อ จะเริ่มจากตรงไหนดี....ข้ามีชื่อว่า โคลว เป็นข้ารับใช้ของท่านโครนอสซึ่งเป็นเทพแห่งกาลเวลา ข้ามีหน้าที่ทำให้ห่วงมิติแต่ละที่นั้นสมดุลโดยการผ่านอุโมงค์มิติตามเวลาที่นาฬิกาเรือนทองบอกให้ทัน แต่ตอนนี้อุโมงค์ที่นี่ยังไม่ถึงเวลานั้นข้าจึงมีเวลามานั่งสนทนากับพวกเจ้า ข้าขอถามหน่อยเจ้าคิดว่าโลกใบนี้ใหญ่มั้ย'

     
    "บ้ารึเปล่าไอ้แมวผี -O-^^"

     
    "แล้วเจ้าล่ะว่าไง โคลว"

     
    'หึ โลกใบนี้น่ะไม่ได้มีเพียงใบเดียวแต่กลับมีอีกหลายใบนักแต่มันยังคงซ้อนกันเพียงแค่เสี้ยวนึงของมิติเท่านั้น สมมติเจ้าเดินข้ามเพียงแค่เส้นของอิฐก้อนนี้เจ้าก็ไปโผล่อยู่โลกใบอื่นที่มีผู้คนใบหน้าเหมือนกันราวกับโขลกออกมาจากพิมพ์เดียวกันแต่นิสัยนั้นคงแตกต่างไปตามพื้นฐานที่ถูกอบรมมา ที่ข้าพูดมาพวกเจ้าพอจะเข้าใจอะไรขึ้นมั้ย'


    "เดี๋ยวๆแกกำลังจะบอกว่าชั้นกับหมอนี่อยู่กันคนละโลก ละ แล้วชั้นบังเอิญตามนายมาผ่านอุโมงค์บ้านั่นแล้วชั้นก็มาอยู่ในโลกของไอ้หมอนี่"

     
    ฮีชอลลุกพรวดแล้วชี้ไปที่ซีวอนด้วยใบหน้าตกตะลึง

     
    'ใช่ ตอนที่นายยืนอยู่ตรงนี้ไม่ใช่โลกของนาย'


    "ไม่จริงน่า"

     
    ร่างบางเข่าอ่อนทรุดฮวบยังดีที่มีแขนแกร่งช้อนตัวไว้ทัน

     
    "งั้น..แล้วทำไมชั้นถึงเห็นนายทั้งๆที่ไม่น่าจะสมควรเห็น"

     
    'เรื่องนั้นชั้นก็ไม่รู้เหมือนกันแต่...เรื่องนี้ข้าควรจะถามแม่มดต่างมิติดู'


    "แม่มดต่างมิติ ? ?" (x2)


    'ท่านคือคนที่หยั่งรู้เกี่ยวกับทางด้านนี้จนได้รับการขนานนามเช่นนั้น'


    "ละ แล้วเค้าสามารถช่วยชั้นได้มั้ย พาชั้นกลับไปโลกเดิมได้ใช่มั้ย"


    'เรื่องนี้ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน'


    ใบหน้าหวานซีดเผือดจนฝ่ายที่ช่วยพยุงอดสงสารไม่ได้เลยลองยื่นข้อเสนอดูเผื่ออีกฝ่ายจะรู้สึกดีขึ้นจึงพามายังห้องอาบน้ำ

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ห้องโถงขนาดใหญ่ที่ถูกดัดแปลงเป็นอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่มีหัวสิงห์ทั้งสามด้านของอ่างและมีน้ำไหลเอื่อยๆออกมา ส่วนฝั่งสำหรับผัดเปลี่ยนเสื้อผ้าจะอยู่อีกฝั่งโดนมีม่านบังไว้ ทุกอย่างตกแต่งอย่าหรูหราสมกับพื้นที่

     
    "เธอควรจะไปอาบน้ำเสียก่อนนะเผื่อจะได้รู้สึกดีขึ้น เดี๋ยวจะให้นางกำนัล..."


    "มะ ไม่ต้องๆ ชั้นอาบน้ำเองได้ แล้วไอ้ที่เรียกว่าเธอๆอยู่เนี่ยมันไม่ใช่ซะหน่อยควรจะเรียกนายมากกว่า -O-"

     
    ร่างบางผลุบหายไปหลังม่านของห้องอาบน้ำ ทิ้งให้ซีวอนมึนงงกับบทสนทนาเมื่อครู่

     
    "อะ  อะไรนะ ผู้ชายงั้นเหรอ O_O"

    ...ไม่จริงน่า รูปร่างแบบนั้น หน้าตาแบบนั้น นั่นน่ะเหรอที่เรียกว่าผู้ชาย ! !...          

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    เมื่อเวลาผ่านไปครู่ใหญ่ร่างบางออกมานชุดบ้านเกิดเมืองนอนของซีวอน รูปร่างบางสวมชุดยาวแต่ชายนั้นคลุมเพียงแค่ครึ่งขาอ่อนมีสายคาดเอวสีเข้ม ที่คอมีเครื่องประดับทั้งห่วงทองและอัญมณีสีสด

    ข้อมือมีกำไลสองสามเส้น ผมสีแดงสดถูกรวบขึ้นด้วยปิ่นปักผมอย่างลวกๆทำให้บางส่วนั้นร่วงลงมาปรกลำคอขาว ดูเผินๆแล้วเหมือนหญิงสาวมากกวาชายหนุ่มเสียอีก จนร่างสูงอดใจเต้นและเคลิ้มไปกับความงามที่ไร้การปรุงแต่งเสียมิได้

     
    "เป็นไงบ้าง อาบน้ำแล้วค่อยยังชั่วขึ้นมั้ย"


    "ลองมาเป็นชั้นดูแล้วนายจะรู้ว่าดีขึ้นรึเปล่า"


    ใบหน้าหวานเชิดขึ้นตามปกติ

     
    "ไอ้แมวผีติดต่อยัยแม่มดอะไรนั่นน่ะได้รึยัง"

     
    'ท่านแม่มดต่างหากไอ้หนูน้อย ! ! แล้วมีคำว่าคุณนำหน้าด้วยข้าอยู่มากกว่าเจ้าเป็นสี่ร้อยปีช่วยเคารพกันหน่อย'

     
    "ชั้นควรเคารพไอ้คนที่พาชั้นมาอยู่ที่นี่รึไง ห๊า า า"

     
    'นั่นเจ้าดันงกไม่เข้าเรื่องต่างหาก'

     
    "แกกำลังด่าชั้นอยู่ใช่มั้ย -O-**"

     
    'เฮ้อ...งี่เง่า -_-'

     
    "ไอ้แมวบ้า แกตาย ย ย >O<++"


    ร่างสูงรีบรวบตัวไว้ก่อนไม่งั้นได้ฉีกเจ้าแมวอาวุโสเป็นชิ้นๆแน่

     
    "เฮ้ ถ้านายฆ่าคุณโคลวแล้วจะกลับโลกเดิมยังไงเล่า"

     
    ฮีชอลชะงักใบหน้าหวานหม่นลงเพียงแค่แว้บเดียวก็หันหน้ามาถามด้วยนัยน์ตาเป็นประกายอย่างคนอยากรู้อยากเห็น

     
    "จริงสินายอายุเท่าไหร่ แล้วนายเป็นใคร ทำไมพวกทหารดูเคารพนายจัง แล้วไอ้ที่เนี่ยเป็นของนายงั้นเหรอ แล้วทำไมดูนายไม่แปลกใจที่เห็นชั้นเลยอ่ะ แล้ว..."

     
    "เดี๋ยวๆ ถามทีละคำถามซี่นายเล่นถามเป็นชุดยังงี้จะตอบไงล่ะ"

     
    "งั้นนายตอบมาตั้งแต่คำถามแรกเลย -^-"


    ซีวอนกลอกตาขึ้นฟ้าอย่างหน่ายๆ

     
    "ชั้นเจ้าชายรัชทายาทลำดับที่1แห่งอาณาจักรเซเรส อายุสิบแปด ที่ชั้นไม่ตกใจที่เห็นนายเพราะดูท่านายไม่ได้มีพิษภัยอะไรกับใครที่นี่แล้วที่ชั้นสงสัยก็แค่การแต่งกายของนายเท่านั้น"


    "งั้นนายควรจะเรียกชั้นว่าพี่ เพราะชั้นอายุนายมากกว่าสามปี -v-"


    "หา า ! ! นายอายุยี่สิบเอ็ดแล้ว"


    "ช่าย ย ย แล้วไอ้แมวผีแกจะส่งชั้นกลับไปยังไง"

     
    'ชั้นบอกแล้วไงว่าต้องถามท่านแม่มดเพราะว่าอุโมงค์ที่เชื่อมกับโลกของเจ้าน่ะมันย้ายที่ไปเรื่อยทุกๆร้อยปี'

     
    "ร้อยปี ! !"


    'ใช่ ร้อยปี ร้อยปีที่ข้าไปทำหน้าที่โลกของเจ้า'

     
    "ชั้นไม่ตายไปก่อนรึไง ! ! ถึงยังไงชั้นจะตองคุยกับยัยแม่มดนั่นให้ได้ ! !"


    ฮีชอลอุ้มโคลวเขย่าไปมา


    'รอสักพักได้มั้ย อย่าเร่งข้านักสิใจร้อนจริงเชียว องค์ชายช่วยเตรียมจัดหาอ่างน้ำขนาดเหมาะๆให้ข้าหน่อยได้หรือไม่พะยะค่ะ แล้วปล่อยข้าลงได้แล้วเจ้าเด็กแสบ บ ! !'


    โคลวดิ้นไปมาจนหลุดรอดจากมือบาง


    "ได้ครับ คุณโคลวคุยกับผมแบบปกติก็ได้ ^^"

     
    'ครับ องค์ชายนี่ดีจังนะครับไม่เหมือนใครบางเอาแต่แว้ดๆใส่ข้าอยู่ได้'


    ร่างบางหน้าหงิกงอถึงกระนั้นก็ไม่ได้ทำให้หนึ่งคนกับอีกหนึ่งตัวกลัวเลย เมื่อเจ้าชายนำอ่างน้ำขนาดพอเหมาะมาวางไว้ตรงหน้าโคลว บรรยากาศโดยรอบเริ่มเปลี่ยนไปจนรู้สึกได้

     
    'คนที่ข้าต้องการพบ สิ่งที่ข้าต้องการเจอ คนที่ข้าต้องการพบ สิ่งที่ข้าต้องการเจอ คนที่ข้าต้องการพบ สิ่งที่ข้าต้องการเจอ จงนำพาสิ่งที่ข้าอยากพบมาหาข้า'


    ภาพที่สะท้อนในอ่างน้ำจากแมวเริ่มกลายเป็นภาพของหญิงสาว ใบหน้าเรียวรูปไข่ นัยน์ตาสีดำสนิทราวกับลูกปัด จมูกโด่งได้รูป ริมฝีปากบางเรียวอมชมพู ผมสีดำสนิทถูกถักเปียหลวมๆระผิวกายสีขาวซีดหน่อยๆ


    "ไง โคลวมีอะไรรึเปล่า"


    'มีแน่นอนครับ'


    "อืม ม แล้วใครกันล่ะดูท่าไม่ใช่เราแน่นอน"


    'เฮ้อ ท่านก็น่าจะรู้อยู่นะครับ ท่านหยั่งรู้เรื่องนี้มิใช่หรือ'


    "ฮ่าๆ ไม่ถึงขนาดนั้นหร๊อก ก ก ^O^ แล้วคนไหนล่ะ"


    "ผมเนี่ยล่ะ"


    "หืม ? ? นายงั้นเหรอ"


    หญิงสาวเท้าคางมองอีกฝ่ายผ่านน้ำ

     
    "ใช่ เจ๊จะช่วยผมได้ยังไงผมอยากกลับบ้านโดยไม่ต้องรออีกร้อยปี เจ๊มีทางช่วยรึเปล่า -_-"


    'มีน่ะมี'


    "งั้น..."

     
    'แต่นายจะจ่ายไหวรึเปล่าเท่านั้นเอง'

     
    ร่างบางกลืนน้ำลายอย่างฝืดคอ        

    ...เงินในบัญชีเราก็มีนิดเดียวแต่คงต้องขอยืมจากคุณน้ามาแก้ขัดก่อนก็ได้มั้งเรา...

     
    "ได้ถ้าอยากได้เงินเท่าไหร่ ผมยอมจ่ายให้ =O=;;"


    "ไม่ใช่ ชั้นไม่ได้ต้องการเงินชั้นต้องการสิ่งสำคัญจากนายต่างหาก"


    "ขะ ของสำคัญ"


    ในหัวของร่างบางนึกถึงครอบครัวของโจวมี่ทันที


    "ใช่ ของสำคัญที่สุดของนายอาจจะเป็นเงิน สิ่งของ เสื้อผ้า หรือแม้กระทั่งวิญญาณ ^^"


    ฮีชอลถอยกรูดพร้อมกับอ้าปากพะงาบๆ

     
    "ฮ่าๆ ล้อเล่นน่าเรื่องนั้นน่ะชั้นไม่ทำหรอก มันไม่คุ้มกันสักนิด"


    "หมายความว่าไง ? ?" (ฮีชอล)


    "ก็หมายความตามนั้น การแย่งชิงวิญญาณน่ะมันหนักมากหนักเสียจนผู้แบกรับแทบแหลกละเอียดเลยล่ะ แล้วคนที่อยู่วงการนี้มานานน่ะเค้าไม่ทำกันหรอก"


    "แล้วผมต้องจ่ายอะไรล่ะ"


    คนที่สะท้อนอยู่บนผิวน้ำทำหน้าครุ่นคิดอยู่ครู่นึง


    "มันไม่พอ สิ่งนายต้องจ่ายน่ะมันไม่พอ"

     
    "เจ๊รับไปเท่านี้ก่อนได้มั้ยส่วนที่เหลือผมค่อยจ่ายให้ทีหลัง"

     
    "ไม่ได้ ถ้าทำแบบนั้นมันจะเกิดรอยร้าวขึ้น"


    "รอยร้าว ? ?"


    'รอยร้าวระหว่างในโลกแห่งนี้และโลกของเจ้า มันทำให้สมดุลนั้นพังลงทำให้โลกแต่ละใบหลอมรวมกันจนทำให้ห้วงเวลารองรับไม่ไหว สุดท้ายก็จะเหลือเพียงความว่างเปล่าบนโลกใบนี้'


    "สิ่งที่เราต้องจ่ายน่ะมันไม่ใช่เบาๆเลยรู้มั้ยเจ้าหนูเรียกได้ว่าแทบจะจ่ายด้วยวิญญาณแม้แต่ความสามารถของนัยน์ตานายก็จ่ายไม่พอหรอก"

     
    ความเงียบเข้าปกคลุมทั้งสามคนโดยเฉพาะฮีชอลเพียงแค่คิดว่าจะไม่ได้กลับไปอยู่โลกเดิมสติก็แทบจะหลุดลอยแล้ว

     
    "หมายความว่ายังไงเหรอครับ คุณแม่มด"  (วอน)

     
    "ก็หมายความตามที่พูดไป อ้าว เราก็มีเหมือนเจ้าหนูนั่นด้วย ว้าว ว นี่เป็นครั้งแรกนะเนี่ยเห็นมาอยู่พร้อมหน้ากัน *O* โอ๊ะๆนอกเรื่องแล้วสิเรา การที่เจ้าหนูนั่นจะกลับยังโลกเดิมสิ่งที่ต้องจ่ายให้ชั้นนั้นมันมากพอดู


    แล้วพอดีว่าสิ่งที่ต้องจ่ายมันไม่พอชั้นก็เลยไม่สามารถทำให้ได้ การที่เราจะให้อีกฝ่ายและอีกฝ่ายต้องจ่ายให้เรานั้นมันต้องสมน้ำสมเนื้อจะมากเกินไปก็ไม่ได้ จะน้อยไปก็ไม่ได้ ต้องพอดีๆเท่านั้นเพื่อรักษาสมดุลไม่เกิดรอยร้าวที่ว่านั้นขึ้น"


    'ท่านแม่มดท่านหมายความอย่างไร เรื่องที่มาอยู่พร้อมหน้ากัน'


    "เจ้าก็รู้อยู่ไม่ใช่รึไงโคลว เรื่องแบบนี้เจ้าไม่มีทางที่จะไม่รู้ ^_^"


    'ข้าเพียงแต่ต้องการฟังคำยืนยันจากปากท่านเท่านั้นเอง -_-'

     
    ทั้งสองที่ไม่รู้เรื่องได้แต่ยืนมองด้วยความงุนงง

     
    "เคยฟังเรื่องตำนานผลไม้แห่งสรรพรสมั้ย ^O^"

     
    ทั้งสองคนส่ายอย่างพร้อมเพรียง


    "...ว่ากันว่าเมื่อครั้งในโลกนี้ยังว่างเปล่า ทุกสรรพสิ่งยังไม่ถือกำเนิดขึ้น พระเจ้าได้สร้างมนุษย์คู่แรกขึ้นมา อดัมและเอวา มนุษย์คู่แรกของโลก พระเจ้าทรงให้ทั้งคู่ดูแลสวนของสวรรค์ 

    จนแล้วจนรอดงูร้ายลูกน้องของซาตานได้ล่อลวงให้เอวากินผลไม้หยั่งรู้ หลังจากนั้นก็ตามด้วยอดัม เมื่อเรื่องนี้รู้หูของพระเจ้า ท่านได้เนรเทศทั้งสองคนออกจากสรวงสวรรค์ลงไปอยู่บนโลก...

    นี่คือเนื้อหาที่พวกเรารู้กัน แต่จริงๆแล้วมันมีอะไรมากกว่านั้น...ผลไม้นั่นน่ะไม่ได้มีเพียงแค่ทำให้ร่างกายที่บริสุทธิ์ที่เปรียบเสมือนภาชนะที่ว่างเปล่ามีสามัญสำนึกในแบบมนุษย์

    แต่มันยังมีความสามารถพิเศษมาอย่างหนึ่งไม่ว่าใครในวงการนี้ต้องการจึงพยายามควานหาผลไม้ในตำนานนั้นจนแล้วจนรอดมันก็มีเพียงแค่ในสวรรค์เท่านั้น ดังนั้นลูกหลานของอดัมและเอวาที่ได้สายเลือดนั้นจึงต้องเดือดร้อนแทน"

     
    นิ้วเรียวขาวของหญิงสาวชี้มายังฮีชอลและซีวอน

     
    "ทั้งสองคนคือลูกหลานของพวกเค้ายังไงล่ะ"


    "หา ! ! !" (x2)


    "ดะ เดี๋ยวไหงงี้อ่ะ หมายความว่าไงเนี่ย งงไปหมดแล้ว" (ฮีชอล)

     
    "หึหึ ไม่ต้อง งง ไปหรอก เพราะสิ่งที่ชั้นพูดไปคือเรื่องจริง อดัมและเอวานั้นมีดวงตาที่แปลกประหลาดกว่าคนอื่น นัยน์ตาของทั้งคู่นั้นเป็นสีทองอร่ามโดยเฉพาะวันที่พระจันทร์เต็มดวงทั้งสวยงามและน่าหลงใหล"


    "แต่ถ้ามันสวย....มันก็ไม่น่าจะมีคนตองการมากมายขนาดนั้นนี่ครับ" (วอน)

     
    "ถามได้ดีมากพ่อรูปหล่อ ^^ เพราะว่ามันไม่ได้มีเพียงแค่นั้น มันมีความสามารถยิ่งกว่าสัมผัสที่หก ยิ่งกว่านัยน์ตาที่มองเห็นวิญญาณ ยิ่งกว่านัยน์ตาพิเศษใดๆในโลกนี้.....

    มันสามารถหยั่งรู้ถึงอนาคต อดีต และมองเห็นทุกสิ่งทุกอย่างเมื่อเจ้าตัวต้องการที่จะเห็น สามารถเปลี่ยนโชคชะตาคนอื่นได้ เพียงแค่ได้นัยน์ตานั้นมาก็เหมือนกุมโชคชะตาของคนทั้งโลกไว้ในมือ ไม่จำเป็นว่าต้องได้ตัวพวกนายไปแค่ควักลูกตาออกมาแล้วใส่แทนที่แค่นี้ก็เสร็จ"


    "ถ้ายังงั้นมันก็น่าจะจ่ายเพียงพอกับการที่ผมกลับโลกเดิมได้นิ" (ฮีชอล)

     
    "ถึงยังไงมันก็ไม่พอเพราะตอนนี้นัยน์ตาของนายยังไม่ได้ตื่นขึ้นเลย แต่คงอีกไม่นานซะล่ะมั้ง"


    "คุณโบอามีลูกค้า า า า"


    "โอ๊ะโทษทีนะ ลูกจ้างชั้นเรียกแล้วล่ะ บ๊ายบาย ^O^/"


    "ดะ เดี๋ยวสิ โธ่"


    ฮีชอลครางออกมาด้วยความเหนื่อยอ่อน อ่างน้ำตอนนี้ก็กลับมาสะท้อนเป็นเงาของโคลวเหมือนเดิม

     
    'แล้วชั้นจะบอกอะไรให้อีกอย่างให้พวกนายรู้ไว้ นัยน์ตานี้น่ะจะตื่นขึ้นได้เมื่อเงื่นไขครบสามประการ หนึ่งคืนนั้นพระจันทร์ต้องเต็มดวง สองคืนนั้นต้องเป็นคืนเดือนมืด ข้อสุดท้ายต้องหานัยน์ตาของทั้งคู่ให้เจอ.....แล้วอย่าลืมซะล่ะว่าเจ้าของนัยน์ตาคืออดัมและเอวา'

    ฮีชอลและซีวอนสบตากันโดยไม่ได้นัดหมาย         

    ...หมายความว่าชั้นกับไอ้หมอนั่นเป็นแบบเดียวกัน ถ้ายังงั้นมันก็มีโอกาสทำให้ความสามารถนั่นตื่นเราก็จะได้กลับไปโลกของเรา แต่ว่าหมายความว่าไหงหว่าที่ไอ้แมวผีนั่นพูด อย่าลืมซะล่ะว่าเจ้าของนัยน์ตาคืออดัมและเอวา ช่างมันเหอะถึงไงมันก็ไม่น่าจะเกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้...        

    แต่ความจริงแล้วที่ร่างบางคิดน่ะมันไม่ใช่เลยมันเกี่ยวเต็มๆเลยต่างหาก ! !


    "คุณโคลวจะไปไหนครับ" (วอน)

     
    'ชั้นจะเดินเที่ยวแถวนี้สักหน่อย ยังไงข้าก็ขอรบกวนเจ้าจนกว่าอุโมงค์ที่นี่จะเปิดล่ะ'


    "เดี๋ยวไอ้แมวผี แล้วถ้าเงื่อนไขครบแล้วจะต้องทำยังไงต่อล่ะ มันต้องมีอะไรมากกว่านี้แน่"


    'ดูท่าเจ้าจะรีบร้อนจังนะ มันยังไม่ถึงวันนั้นเสียหน่อย ข้าตอบเจ้าก็ได้ ถึงตอนนั้น.....ก็แค่ต้องเป็นของกันและกัน'

     
    "หมะ หมายถึงsexอ่ะนะ =[]= / / /"

     
    'ใช่ ข้าตอบคำถามเรียบร้อยแล้วนะ อย่าลืมเตรียมตัวเตรียมใจไว้ด้วยล่ะ หึๆ'

     
    โคลวกระตุกยิ้มแล้วกระโดดไปตามต้นไม้ต่างๆ ปล่อยให้คนที่รู้คำตอบยืนหน้าแดงก่ำทั้งสองฝ่าย ร่างสูงกระแอมเพื่อแก้เขิน

     
    "เอ่อ....ถึงยังไงตอนนี้นายก็ยังต้องอยู่เพราะฉะนั้นนายน่าจะไปเลือกห้องนอนนะ เดี๋ยวชั้น..."


    "เมื่อกี้นายเรียกชั้นว่าอะไรนะ ไอ้คุณองค์ชาย =_=++"


    "กะ ก็นายไง เรียกถูกแล้วไม่ใช่เหรอ -O- ?"

     
    "ต้องเรียกว่าพี่เซ่ ชั้นอายุมากกว่านายนะ =O=^^"

     
    "ครับๆ พี่ฮีชอล =_=;;"

     
    "ดีมากไอ้น้อง ไหนพาพี่ไปเลือกห้องซิ -v-"


    ฮีชอลเดินหัวเราะร่านำหน้าจนซีวอนอมยิ้มกับความแปรปรวนของอารมณ์เจ้าตัว 

















    หลังจากนั้นก็พาไปดูห้องต่างๆในตำหนักหลังสำหรับพวกพระชายาหรือสนมประทับอยู่ซึ่งตำหนักส่วนพระองค์นั้นไม่มีห้องสำหรับแขกอยู่แล้วจึงช่วยไม่ได้ที่จะให้ฮีชอลพักตำหนักหลังแต่ก็เป็นโชคดีของฮีชอลที่องค์ชายไม่คิดที่จะมีพระสนมเลยไม่ต้องมานั่งรับการรับเคราะห์ความอิจฉา จนมาถึงห้องๆนึงที่ซีวอนพาผ่านไปเลยโดยไม่คิดที่จะเปิดให้ดู

     
    "นี่ ทำไมถึงไม่เปิดห้องนี้ให้ดูล่ะ"


    "ห้องนั้นเป็นห้องที่กว้างที่สุดทางด้านใต้ที่ต้องปล่อยว่างเอาไว้เพราะนั่นเป็นห้องสำหรับพระชายาที่จะเป็นมเหสีน่ะครับ"


    อิลวานีที่เพิ่งเดินมาถึงอธิบายให้ฟัง ฮีชอลหันไปตามเสียง

     
    "สวัสดีครับ คุณอิลวานี"


    "เช่นกันครับ"


    อิลวานีจ้องมองอีกฝ่ายเหมือนเช่นเคย จนฮีชอลขมวดคิ้วด้วยความสงสัย       

    ...ทำไมไอ้บ้ามันจ้องกรูจังวะ กรูไปทำเชี้ยไรไว้กับตั้งก่ะชาติก่อนรึไงฟ่ะ ถ้ากรูเป็นปลากัดนะคงท้องคลอดลูกไปหลายคอกแล้วมั้งเนี่ย =_=;;...

     
    "อิลวานีเป็นไรรึเปล่าถึงจ้องฮีชอลซะขนาดนั้น"

     
    "เปล่าพะยะค่ะ กระหม่อนแค่สงสัยว่าท่านหญิงผู้นี้ชื่ออะไรเท่านั้นเองพะยะค่ะ"


    "ผมเป็นผู้ชายนะไม่ใช่ผู้หญิง แล้วผมก็ชื่อคิม ฮีชอล =O=**"


    ...อ๊าก ก ก ก ตอนนี้ผมโคตรอยากจะบีบคอไอ้เลขาบ้านี่มาก กรูเป็นผู้ชายนะว้อยแมนมากด้วยขอบอก =v=...     

    ฮีชอลยืนกระฟัดกระเฟียดใบหน้าหวานหงิกงอเป็นม้าหมากรุก


    "งั้นผมก็ขออภัยด้วยครับที่เข้าใจท่านผิด แต่ท่านสวยแบบนี้คงมีหลายคนที่เข้าใจผิดแบบผมบ่อยกระมัง"


    อิลวานียิ้มจนฮีชอลอดแปลกใจไม่ได้    

    ...อะไรวะยิ้มแล้วก็ดูดีจะตาย ทำไมชอบทำหน้าตายแบบนี้ด้วย =_= คนหล่อไม่เข้าใจ...



    "อิลวานีมาทำไมหรอ"


    "กระหม่อมจะมาเรียนให้ทราบว่าวันนี้จะมีการปรับปรุงตำหนักขององค์ชายพะยะค่ะ"


    "ห่ะ O_O" (x2)

     
    "นายกำลังล้อชั้นเล่นใช่มั้ยคุณเลขา บอกชั้นเซ่ว่าล้อเล่น TOT"

     
    ฮีชอลเดินไปจับคอเสื้ออิลวานีแล้วออกแรงเขย่าไปมา

     
    "ผะ ผมไม่ได้ล้อเล่นครับ คุณฮีชอล @O@"

     
    "อิลวานีเลื่อนให้เค้าไปซ่อมวันอื่นไม่ได้รึไง"

     
    ซีวอนเสยผมด้วยท่าทีลำบากใจ

     
    "เสียใจด้วยพะยะค่ะ พวกช่างว่างกันแค่ตอนนี้ถ้าเลื่อนไปอีกกว่าจะได้ซ่อมแซมอีกนานเลยพะยะค่ะ ผมว่าคุณฮีชอลนอนห้ององค์ชายก็ได้เป็นผู้ชายเหมือนกัน ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลยนี่ครับ"


    "มะ ไม่จริ๊ง ง ง ง ง ง TTOTT"

     















    ตอนนี้ฮีชอลได้นั่งหน้าแดงก่ำบนเตียงหนานุ่มที่มีขนาดคิงไซส์เป็นเตียงสี่เสาและมีผ้าม่านซึ่งเป็นผ้าโปร่งใสและผ้ากำมะหยี่คลุมคละกัน อีกทั้งห้องขององค์ชายเป็นห้องที่เหมาะแก่การชมจันทร์สามารถเห็นพระจันทร์เต็มดวงได้ชัดที่สุด แล้วยิ่งในห้องตกแต่งบรรยากาศโรแมนติค

    ...มันช่างชวนให้กรูเสียตัวเสียนี่กระไร =[]=;; ไอ้ห้องบ้านี่มันจะตกแต่งให้โรแมนติคหาปู่โสมรึไงฟ่ะ ถ้ากรูเสียเวอร์จิ้นไปใครจะมารับผิดชอบกรูว้า า า TOT...          

    ฮีชอลนอนชักดิ้นชักงอบนเตียงแถมยังทึ้งหมอนไปมาเพื่อระบายอารมณ์ จนซีวอนที่เพียงกลับมาจากการอาบน้ำยืนมองอีกฝ่ายด้วยสายตาแปลกๆ

    ...อะไรกัน ทำไมพี่เค้าถึงดิ้นพราดๆเหมือนไก่โดนน้ำร้อนลวกยังงั้นล่ะ หรือว่าแม่ครัวทำอาหารผิดสำแดงให้กินหว่า แต่ถ้าเป็นยังงั้นจริงเราก็ต้องบ้าเหมือนพี่เค้าสิ ฮู้ย ย ย คนหล่อไม่เข้าใจ =O=...

    นัยน์ตากลมเหลือบไปเห็นว่าเจ้าของเข้ามาเลยรีบหยุดดิ้นและนั่งตัวตรงแน่วอัตโนมัติ ใบหน้าหวานขึ้นสีระเรื่อแต่ก็ยังคงคอนเสปความนิ่งและเชิดไว้เหมือนเดิม            

    ...แมร่ง มันมาตั้งก่ะเมื่อไหร่วะ ไม่ใช่มันเห็นว่ากรูดิ้นแด่วๆบนเตียงมันนะ โอ้ว ว ว หมดกันภาพพจน์กรู TT_TT ตะ แต่มันอาจจะไม่ทันก็ได้ เอื้อก ! ! ลองถามมันดูก็แล้วกันวะ -_-;;...


    "นะ นายเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ -_-;;"


    "ก็ตั้งแต่เห็นพี่ดิ้วพราดๆนั่นล่ะ =O= พี่นี่ดิ้นเหมือนไก่ตอนก่อนถูกเชือดเลยเนอะ"


    "อะ อ๊าก ก ก ก ไอ้เด็กเวรแกตายแน่ ! ! ไอ้องค์ชายสังกะบ๊วย =O=^^"

     
    ฮีชอลลุกพรวดแล้ววิ่งตามซีวอนที่ตอนนี้วิ่งหนีไปด้านนอกเหมือนนกรู้ เสียงวิ่งตึงตังและเสียงหัวเราะร่าขององค์ชายที่นานๆทีจะได้ยินพ่วงด้วยเสียงสบถด่าทอของคนที่วิ่งตาม


    "ไอ้องค์ชายปลาบบู่หยุดวิ่งนะโว้ย ย ย แมร่งเอ๊ย อย่าให้ชั้นจับได้นะแกตายแน่ ไอ้เด็กเปรต ต ต แฮ่กๆ =O=;;"


    "พี่อยากจับผมก็วิ่งให้ทันซี่ ^O^"


    ยังไม่วายหันมาแลบลิ้นปลิ้นตาใส่อีกต่างหากยิ่งทำให้ร่างบางโมโหขึ้นไปอีก


    "อะ อ๊าก ก ก ก ขอเจื๋อนไอ้องค์ชายซิมบ้าหน่อยเถอะ ถึงคิม ฮีชอลคนนี้จะถูกจับติดคุกโทษประหารก็ยอม หยุดวิ่งนะโว้ย ย ย ไอ้ซิมบ้าหัวฟู >O<"

     
    "งั้นก่อนที่พี่จะเจื๋อนผมนะพี่ควรจะจับผมให้ได้ก่อนซี่ บู่ๆ =3="


    นั่นทำให้ฮีชอลปรี๊ดแตกยิ่งกว่าเดิม เสียงใสแผดเสียงดังกว่าร้อยเดซิเบลแล้วแต่ละคำที่หลุดออกมาเป็นคำหยาบคายทั้งสิ้น ทั้งเสียงวิ่งตึงๆ เสียงด่าทอทำเอาคุณราชเลขาที่เข้าสู่ห้วงนิทราแล้วต้องลุกจากที่นอนแล้วเปิดประตูออกมาดู


    "องค์ชาย..! !"


    ฟิ้ว ว ว ! ! !


    ซีวอนวิ่งผ่านหน้าอิลวานีไป

     
    "โทษทีนะถ้าจะว่าหรือตักเตือนอะไรล่ะก็ค่อยว่ากันพรุ่งนี้ก็แล้วกัน -O-;;; เพราะถ้าไม่อย่างนั้นองค์ชายรัชทายาทอันดับหนึ่งเดี้ยงแน่ ! !"


    "ไอ้เด็กเวร ร ร แกต้องตายด้วยน้ำมือของคิมฮีผู้นี้ อย่าหวังว่าจะได้ขึ้นครองบัลลังค์เลย ไอ้เด็กแสบ บ บ =O=^^"

     
    ฟิ้ว ว ว ! !


    และฮีชอลก็วิ่งผ่านหน้าอิลวานีไปอีกคน

     

    .

     

    .

     

    .

     

    .

     

    .

     

    .

     

    ทั้งสองคนที่วิ่งจนเหนื่อยลิ้นห้อยมาหยุดหอบแฮ่กๆกันหน้าห้องนอนของซีวอนอีกรอบ

     
    "แฮ่กๆ ทะ ทำไมพี่ต้องไล่...ตามผมอย่างเอาเป็นเอาตายด้วยเนี่ย แฮ่กๆๆ =O=;;;"


    "แล้วใครใช้ให้แกไม่หยุดเล่า แฮ่กๆ ถ้าแกหยุดนะชั้นไม่ต้องเหนื่อยแบบนี้หรอก โว้ย ย เหนื่อยจนหมดอารมณ์เจื้อน -O-;;"

     
    "ถ้าผมหยุดผมได้ตายกันพอดี"


    "แล้วแกจะปากเสียหาสวรรค์วิมานอะไรล่ะ ห๊า า า ! !"


    ฮีชอลตวาดไปอีกรอบจนใบหน้าคมยู่ลงอย่างขัดใจ


    "ใครจะไปรู้ว่าพี่จะวิ่งไล่ผมแบบนั้นเล่า"


    "รู้แล้วก็จำเอาไว้ซะด้วย ไอ้ซิมบ้าหัวฟู =_=^^"


    ฮีชอลสะบัดหน้าใส่พร้อมกับลุกขึ้นจากพื้นหลังจากที่นั่งเป็นหมาหอบแดดอยู่นานสองนาน


    "จะไปไหนอ่ะพี่"


     "ไปอาบน้ำไงถามอะไรโง่ๆ -O-"

     
    ว่าแล้วก็เดินดุ่มๆไปที่ห้องอาบน้ำ

     
    "แล้วพี่รู้เหรอว่าอยู่ตรงไหนน่ะ -_-"


    ...แป่ว ว ว ชิบหาย แล้วมันอยู่ตรงไหนวะ =O=;;...


    "ระ รู้สิทำไมชั้นจะไม่รู้ -v-;;"


    "แต่มันเลี้ยวไปทางขวาไม่ใช่ซ้ายนะ -O-"


    ...เพล้ง ง ! ! มีใครได้ยินเสียงหน้าคิมฮีแตกเป็นเสี่ยงๆกันบ้างมั้ย =_=/ /...          

    ขาเพรียวรีบก้าวฉับๆไปทิศทางที่ซีวอนบอกทันทีแล้วตามด้วยเจ้าตัวเดินตามไปด้วย หลังจากนั้นเสียงสบถเสียงด่าทอก็ดังมาจากห้องน้ำอีกระลอก จนอิลวานีที่กำลังเคลิ้มต้องตื่นขึ้นมาอย่างหงุดหงิดอีกรอบ

     
    "คอยดูนะองค์ชาย คุณฮีชอลพรุ่งนี้ผมจะเทศน์ให้หูชาทั้งคู่เลย =_=++"


    ซีวอนทิ้งตัวลงนอนบนเตียงของตนตามด้วยฮีชอลที่ยังนั่งเช็ดหัวจนเกือบแห้งอยู่บนเตียงอีกคน จู่ๆฮีชอลก็ตบมือดังแปะเหมือนคนที่นึกอะไรออก


    "ชั้นนึกออกแล้วว่าชั้นเหมือนเคยเห็นนายที่ไหนมาก่อน"


    "ที่ไหนล่ะพี่ =_="

     
    "ตอนที่ชั้นอยู่ในโลกตัวเองน่ะ ชั้นเคยเห็นนายอยู่หน้าหนังสือพิมพ์กำลังควงหญิงไฮโซวไฮซ้อแถวริมทะเลน่ะซิ =O= แล้วที่โลกชั้นนะนายยังรวยล้นฟ้าอภิมหาเศษฐี นิสัยดีเริ่ดเพอเฟ็คแต่ดันเป็นเพล์ยบอยตัวพ่อเลยล่ะ -_-

    พอมาถึงโลกนี้ก็เจอชเว ซีวอนเป็นองค์ชายรัชทายาทอันดับหนึ่งแห่งอาณาจักรดุ๊กดุ๊ย ปากวอนหาเรื่องตัวพ่อ ชั้นล่ะอยากรู้จริงๆ ไอ้คนที่ชื่อซีวอนเนี่ยมันเป็นแบบนี้ทุกโลกเลยป่ะเนี่ย -3-"

     
    "อาณาจักรเซเรส =_="


    "นั่นล่ะน่าจะดุ๊กดุ๊ยหรือเซเรสยังไงนายก็ยังเป็นองค์ชายอยู่ดี =O="


    ...ทำไมพี่เค้าหน้าตาก็สวยอย่างกับนางฟ้าไหงปากร้ายเหมือนซาตานแบบนี้เนี่ย =_=...             

    ซีวอนส่ายหัวไปมาแล้วปลีกตัวไปนั่งอ่านรายงานของทางราชการในห้องทำงาน ถึงแม้ว่าจะได้ตำแหน่งองค์ชายรัชทายาทก็ต้องทำงานช่วยแบ่งเบาภาระเสด็จพ่อของตนเพื่อในอนาคตจะได้สามารถบริหารบ้านเมืองได้อย่างมือประสิทธิภาพ

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    เวลาล่วงเลยจนดวงจันทร์คล้อยจนตรงกลางศรีษะซีวอนจึงเคลื่อยกายมายังห้องนอนอีกครั้งคราวนี้ ร่างบางกลับนอนหลับปุ๋ยเหมือนเด็กตัวเล็กๆจนอดอมยิ้มไม่ได้ แขนขาเพรียวที่ตอนนี้วางระเกะระกะไปทั่วเตียงอีกทั้งชายกระโปรงเลิกขึ้นจนเกือบจะเห็นไปถึงไหนต่อไหนทำเอาซีวอนรีบจัดท่าทางนอนเสียใหม่ ตามด้วยตนเองล้มตัวนอนด้านข้างแต่ก็อดพิจารณาความงามตามธรรมชาติของคนอายุมากกว่าไม่ได้

    โครงหน้าได้รูป เปลือกตาที่ตอนนี้ปิดนัยน์ตาสีดำสนิทที่วาววับราวกับลูกปัดสีสวยขนตางอนยาวเป็นแพระอยู่บนแก้มเนียนนิ่ม จมูกโด่งปลายเชิดรั้นบ่งบอกว่าเจ้าตัวดื้อแพ่งขนาดไหน ริมฝีปากอมชมพูระเรื่อที่ปิดสนิท ผิวขาวดั่งน้ำนมและเนียนละเอียดดั่งไข่มุก รูปร่างบางสมส่วน แขนขาเพรียวได้รูปอีกทั้งนุ่มนิ่มน่าจับ 

    ผมสีแดงสดราวกับเปลวไฟตอนนี้แผ่สยายตัดกับหมอใบขาวอีกทั้งตัดกับสีผิวของเจ้าตัวให้ขาวผ่องยิ่งกว่าเดิมเป็นเท่าตัว นิ้วเรียวไล้ตามโครงหน้าก่อนที่จะหยุดชะงัก     

    ...อะไรกันวะ พี่เค้าเป็นผู้ชายนะ เฮ้อ อ อ ประสาทซะล่ะมั้งเรา...
           

    ริมฝีปากหยักได้รูปยกยิ้ม ก่อนที่จะหลับตาลงเข้าสู่ห้วงนิทราตามไปอีกคน







    ====================================================


    ฮี่ๆ

    เพิ่งจะอัพเรื่องนี้ก็เอาให้ยาวๆสมกับที่รีดเดอร์รอคอย

    ห้า ห้า

     

     

     M ag ic 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×