คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : รักลุ้นๆของแองจี้ โจนาธาน(นักเรียนใหม่จากปราสาทขุนนาง)
“แองจี้จะไปไหนหรอ ฉันไปด้วยสิ”เสียงหนุ่มน้อยนามเฟรินตะโกนถาม
“ฉันจะไปห้องสมุด ทำไมนายจะไปด้วยรึไง”แองจี้ตอบกลับไป
“อืม ฉันอยากไปกับเธอ”เฟรินยิ้มให้แองจี้ก่อนจะจูงมือแองจี้เดินนำไป ทำให้เธอแอบอมยิ้มเล็กน้อย
“นายกำลังจะไปไหน”เสียงเย็นๆอยู่ข้างหน้าซึ่งตอนนี้แองจี้ไม่เห็นหน้าเพราะว่าเฟรินบังเอาไว้อยู่ แต่ถึงกระนั้นเธอก็ยังรู้อยู่ดีว่าเป็นใคร
“อะไรคาโล ไปไกลๆฉันเลยไป ฉันเบื่อขี้หน้านายที่สุดเลยรู้มั้ย”เฟรินสะบัดมือออกจากแองจี้ก่อนจะยืนกอดอกเชิดหน้าขึ้น ซึ่งในรูปชายหนุ่มก็อาจจะทำให้ดูขันในสายตาคนที่มองได้
“เอาแหวนมาใส่เล่นอีกแล้ว”คาโลพูดพลางดึงแขนที่เฟรินยืนอยู่ในท่ากอดอกขึ้นมา แล้วรูดแหวนออกจากนิ้วมือของเฟริน
“นี่นายจะทำอะไรฉัน ไอ้น้ำแข็งงี่เง่า”เฟรินโวยวาย แต่คาโลไม่ได้ฟังเสียงโวยวายกลับอุ้มเฟรินขึ้นบาดไหล่แล้วเดินจากไปในที่สุด
‘เรานี่มันโง่ชะมัด ดันหลงรักคนที่เค้ามีเจ้าของอยู่แล้ว’แองจี้คิดพลางส่ายหัวเพื่อไล่ความคิดออกไป เธอเดินไปเรื่อยๆอย่างไร้จุดหมายปลายทางกระทั่งมาหยุดตรงหน้าห้องสมุด
“แปลกจัง ทำไมวันนี้ถึงได้ปิดห้องสมุดนะ”แองจี้ไปยืนอยู่ที่หน้าประตูบานแก้วใส แล้วชะเง้อมองเข้าไปในนั้น
‘เอ๊ะ ใครไปนั่งอยู่คนเดียวตรงนั้นล่ะเนี่ย แหมๆๆอย่าบอกนะว่าเป็นพวกเจ้าชายมาถือสิทธิ์แอบอ่านอยู่คนเดียวน่ะ’แองจี้คิดก่อนจะเคาะประตูลั่น
ปังๆๆๆๆๆ!!!!
ชายในนั้นที่นั่งอ่านหนังสืออยู่หันมามองด้วยอารมณ์โกรธ ตาของเขาเป็นสีแดงฉาน แต่ก็ไม่ได้ทำให้แองจี้กลัวเขาเลยแม้แต่น้อย ชายคนนั้นเดินมาหยุดที่หน้าประตูแล้วใช้มือยกขึ้นเล็กน้อยก่อนที่ประตูจะเปิดออกแล้วเดินมาที่แองจี้ ก่อนที่เธอจะถอยหนีเมื่อชายคนนั้นพยายามที่จะใช้เวทมนต์ในการทำร้ายเธอ
“ระวัง!!”เสียงดังขึ้นก่อนที่ร่างเธอจะไปกระแทกกับที่พื้นโดยมีชายคนหนึ่งที่มีใบหน้าเหมือนกับบุคคลที่จะทำร้ายเธอ มาช่วยเธอเอาไว้
“นายจะทำอะไร”ชายที่ช่วยเธอไว้หันกลับไปตะคอกใส่กับบุคคลที่ใบหน้าเหมือนกันแต่ต่างกันที่บุคคลคนนั้นมีสีตาแดงฉาน
“ถ้าแกไม่อยากตายก็ถอยไปซะไอ้น้องชาย”
‘อะไรกัน ฝาแฝดทะเลาะกันเองหรอเนี่ย’แองจี้คิด
“แกนั่นแหละที่ต้องถอยไป ไอ้ปีศาจ”
“ฮ่าๆๆๆ ข้าอยากจะรู้ยิ่งนัก ถ้าข้าเป็นปีศาจแล้วเจ้าล่ะมันต่างจากข้าตรงไหน เจ้ามันก็ปีศาจเหมือนกัน”
“อย่างน้อยถึงข้าจะเป็นปีศาจแต่ข้าก็มีจิตใจที่ประเสริฐกว่าเจ้า”คำพูดนี้ถึงกับทำให้อีกคนชะงัก แองจี้มอง 2 คนนี้อย่างงุนงงไม่เข้าใจ ก่อนที่จะค่อยๆพลักชายตรงหน้าออกไป แล้วลุกขึ้นยืน
“มาหาข้าเดี๋ยวนี้!!!”
เสียงดังมาจากที่ไหนซักแห่งบนฟ้าก่อนที่ปีศาจตาแดงจะหายไปเหลือเพียงแค่ชายหนุ่มที่มาปกป้องเธอเอาไว้
“ขอบใจนะที่มาช่วยฉันเอาไว้”แองจี้กล่าวขอบคุณพลางมองบุคคลที่ช่วยชีวิตเธอเอาไว้แบบอย่างพินิจพิเคราะห์ ผมของเขาเป็นสีเงิน นัยน์ตาสีม่วง ร่างสูงโปร่ง
“เอ่อ มีอะไรติดหน้าฉันรึเปล่า”ชายหนุ่มลูบหน้าตัวเองอย่างแรง ทำให้แองจี้ถึงกับอมยิ้มกับอาการของคนตรงหน้า
“เปล่าหรอก ฉันก็แค่ไม่เคยเห็นหน้านายมาก่อนเฉยๆ”แองจี้พูดแล้วก็ยิ้ม
“หรอแต่ฉันเห็นเธอบ่อยมากเลยนะ เธอคงจะไม่สังเกตฉันมากกว่า”แองจี้งง และเหมือนกับเขาจะรู้ใจของเธอเลยพูดต่อ
“ตัวฉันน่ะเรียนอยู่ปราสาทขุนนาง ไหนๆก็ไหนๆแล้วยินดีที่ได้รู้จักนะแองจี้”
“นายรู้จักชื่อฉัน?”
“ไม่เห็นแปลก คนของป้อมอัศวิน เป็นที่โด่งดังจะตายไปใครๆก็รู้จัก”
“หรอแล้วนาย......”
“ฉันชื่อโจนาธาน เรียกฉันว่า โจเฉยๆก็ได้นะ”โจยิ้ม
“แล้วนี่ ทำไมคนนั้นถึงได้หน้าเหมือนนายจังเลยอ่ะ”
“อ่อ คนนั้นเป็นน้องชายของฉันเอง เขาเป็นแฝดของฉัน”คำพูดของโจ ทำให้แองจี้ถึงกับช็อค ทำไมพี่กับน้องต่างกันราวฟ้ากับเหว
“งั้นฉันขอตัวไปก่อนนะ มีธุระต้องทำ”ไม่ทันได้กล่าวลา โจนาธานก็วิ่งไปทันที
“อะไรกันนึกจะมาก็มานึกจะไปก็ไปซะงั้น”แองจี้พูดกับตัวเอง ‘ไม่เข้ามันแล้วห้องสมุดเนี่ย ไว้ขอหนังสือของโรแบ่งมาอ่านก็ได้’แองจี้คิดแล้วก็เดินตามหลังโจไป
“กรี๊ดๆๆ นี่เธอเห็นพี่โจยัง หล่อมากเลยนะเค้าเพิ่งย้ายมาอยู่กับพวกเราอ่ะ กรี๊ดๆๆเท่มากมาย”เสียงเด็กสาวผมสีน้ำตาลร้องกับเพื่อนสาวข้างกายที่ดูท่าทางแล้วก็ไม่น่าจะมีนิสัยที่แตกต่างกันซักเท่าไหร่
“ใช่ๆฉันเนี่ยนะได้เห็นตั้งแต่ตอนที่เขาก้าวขาเข้ามาในโรงเรียนเลยแหละ”เด็กสาวผมสีดำพูด
“โม้ปะยะ เธออยู่กับฉันตลอดเวลาจะมาเห็นอย่างฉันได้ไงแล้วทำไมฉันไม่เห็นล่ะ”
“จะไปรู้เธอหรอยะ แล้วทีเธอล่ะยังเคยบอกฉันว่าได้จับมือพี่เค้าอ่ะ ฉันยังไม่เห็นเลยเหมือนกัน แสดงว่าเธอก็พูดโอเว่อร์น่ะสิ”
‘สงสัยจะมีตบแน่ๆ’แองจี้ที่เดินผ่านไปมองแล้วก็ส่ายหัวอย่างระอาว่าเดี๋ยวนี้ผู้หญิงเป็นแบบนี้กันไปหมดแล้วรึไง
“แองจี้เธอเป็นอะไรรึเปล่า ฉันว่าหมู่นี้เธอดูซูบๆไปนะ”มาทิลด้าถามในขณะที่เรนอนถือถาดคุกกี้มาให้เธอ
“นั่นน่ะสิคะ หรือว่าคุณแองจี้มีเรื่องอะไรที่ไม่สบายใจ”
“เอ่อ เปล่าหรอกฉันก็แค่รู้สึกเบื่อเท่านั้นแหละ”แองจี้พูดพลางเดินไปหยิบหนังสือที่โต๊ะมาแล้วเริ่มเปิดอ่านไปทีละหน้า
“หรอ เอาเถอะนะบางทีเธออาจจะมีเรื่องไม่ต้องการบอกพวกเราก็ได้ ฉันเข้าใจ”มาทิลด้าพูดแล้วก็ยิ้มให้ก่อนที่จะนั่งลงข้างเธอแล้วหยิบการบ้านออกมาทำ โดยที่เรนอนกำลังนั่งพับผ้าอยู่
“เออ นี่เธอ 2 คนได้ยินเรื่องเด็กใหม่จากปราสาทขุนนางรึเปล่า”แองจี้ผละออกจากหนังสือ ก่อนที่มาทิลด้าและเรนอนจะมองเธออย่างงงๆ
“ไม่นี่ เธอก็รู้ฉันไม่ค่อยจะสนใจเรื่องคนอื่นอยู่แล้ว”มาทิลด้าตอบ
“หรอ เสียดายจัง”แองจี้พูด เรนอนทำหน้าครุ่นคิดก่อนจะตอบว่า
“แต่ว่าเหมือนเรนอนจะเคยได้ยินนะคะ ถ้าจำไม่ผิดเห็นคุณคิลเล่าให้ฟังว่าที่ปราสาทขุนนางมีนักเรียนใหม่มา ฝีมือร้ายกาจมากๆ และก็ที่สำคัญเห็นมีข่าวลือนะคะว่า คนๆนี้มีเชื้อสายจากปีศาจฝั่งเดมอสด้วย”เรนอนพูดใบหน้ายิ้มแย้ม
“แล้วคิลรู้ได้ไง”แองจี้กับมาทิลด้าถามพร้อมกัน ทำให้ทั้งคู่มองหน้ากันก่อนที่จะมองหน้าไปที่หน้าเรนอน
“ก็ คุณคิลบอกว่า คุณเฟรินเป็นคนเล่าเรื่องนี้ให้ฟัง”
“กะแล้วเชียว”มาทิลด้าเอ่ยพลางถอนหายใจเฮือก
“ว่าแต่คุณแองจี้ทำไมถึงอยากรู้เรื่องนี้ล่ะคะ”
“ก็ไม่มีอะไรหรอก วันนี้ฉันแค่เจอเค้ามาน่ะ เค้าช่วยชิวีตฉันไว้”แองจี้พูดก่อนจะก้มหน้าอ่านหนังสือต่อ โดยที่เพื่อนสาวทั้งสองคนเงยหน้ามองจ้องเธอตาโตด้วยอารามตกใจ
“ว่าไงนะ”สองสาวพูดพร้อมกัน
“เค้าช่วยชีวิตเธอหรอ”มาทิลด้าถาม
“แล้วคุณแองจี้เป็นอะไรมารึเปล่าคะ”เรนอนถามต่อ
“โหว...ใจเย็นๆสิเดี๋ยวฉันเล่าให้ฟังก็ได้”แองจี้พูดก่อนจะกลืนน้ำลายเฮือกใหญ่เพราะถูกสองสาวจ้องอยู่
“โอเค เมื่อตอนเที่ยงน่ะพอฉันกินข้าวเสร็จแล้วฉันก็ไปที่ห้องสมุด แต่ว่าห้องสมุดปิดแต่บังเอิญว่าฉันเห็นว่ามีคนอยู่ในห้องสมุด ฉันก็เลยเคาะประตู ทีนี้ก็มีผู้ชายคนหนึ่งเดินออกมา เค้าจะทำร้ายฉัน”แองจี้พูดพลางกลืนน้ำลายแล้วมองหน้าเพื่อนของตัวเอง
“แล้วไงต่อ”
“ได้มีคนๆหนึ่งมาช่วยฉันเอาไว้ ซึ่งคนที่มาช่วยฉันคนนั้นก็คือโจนาธานหรือนักเรียนใหม่ที่ปราสาทขุนนางนั่นแหละ แต่นี่มันไม่เท่าไหร่หรอกนะ เพราะคนที่จะทำร้ายฉันน่ะเป็นฝาแฝดกับโจ เอ่อ คือเค้าบอกว่าเรียกสั้นว่าโจก็ได้น่ะ”แองจี้พูดอธิบาย เพราะกลัวเพื่อนสาวของตนจะงง
“นี่หมายความนักเรียนใหม่คนนี้มีฝาแฝดยังงั้นหรอ”
“ใช่ ที่สำคัญนะสองคนนั้นเค้าพูดด้วยถ้อยคำแปลกๆ ที่ทำให้ฉันงงๆ แต่ว่าฉันก็ไม่อยากจะสนใจอะไร”
“เรนอนคิดว่าคุณควรที่จะห่างชายคนนี้ไว้ก็ดีนะคะ เพราะพวกปราสาทขุนนางไม่ใช่คนที่พวกเราควรที่จะคบค้าสมาคมด้วยเท่าไหร่หรอกค่ะ”
“ใช่ๆฉันก็ว่างั้นแหละ”มาทิลด้าพูดเสริม
“แต่ไม่นะ ฉันว่าเค้าเป็นคนดีออก ไม่หยิ่งและไม่ถือตัว ที่สำคัญนะเค้าดู........”แองจี้พูดแล้วก็หยุดค้างไว้มองหน้าเพื่อนสาวทั้งสองก่อนจะยิ้มแล้วพูดว่า
“เค้าดูเป็นสุภาพบุรุษมากๆด้วย”
“แต่ไม่แน่นะแองจี้ ระวังจะเป็น....สุภาพบุรุษซาตานก็ได้นะยะ ฮ่าๆๆ”มาทิลด้าพูดแล้วก็หัวเราะอย่างถูกใจ
“นั่นน่ะสิคะ ฮิๆๆ”เรนอนกล่าวเสริม
“บ้า! ไม่หรอกน่าพวกเธอก็คิดกันไปได้”แองจี้พูดปัดๆ
ความคิดเห็น