คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : HitsuGin || 離れたくないなあ
「離れたくないなあ」
“I don’t want to leave.”
PG || One shot
Ichimaru gin x Hitsugaya Toshiro
ตอนนี้แรงบันดาลใจมาจากบางส่วนของเนื้อเพลง bleach op15 ยังไงสามารถกดที่ลิ้งค์ชื่อเพลงด้านล่างเพื่ออรรถรสหรือถ้าไม่ถนัดอยากเอาชื่อเพลงไปเสิร์จทีหลังก็ชื่อตามด้านล่างนี้เลยย
“เหหห อัจฉริยะคนที่สองงั้นเหรอ”
“ใช่แล้วล่ะ ดูจากการพัฒนาแล้วอีกไม่นานเขาก็อาจจะมีสิทธิ์ได้ตำแหน่งเป็นรองหัวหน้าหรือไม่ก็อาจจะเป็นได้ถึงหัวหน้าหน่วยของข้าด้วยล่ะ”
“ขนาดนั้นเลย?”
“ช่ายยย ไว้วันหลังข้าจะแนะนำให้เจ้ารู้จักกับเขาดีไหม”
นั่นเป็นครั้งแรกที่ข้าได้ยินรันงิคุพูดถึงใครให้ข้าฟังได้อย่างภาคภูมิ เพื่อนสาวคนสนิทคนนี้ไม่ค่อยจะพูดชื่นชมคนอื่นอะไรเท่าไหร่ให้ข้าฟังในด้านความสามารถเพราะรู้ดีถึงความสามารถของข้าที่ยากจะกำราบ
ข้าไม่ได้พูดเกินจริงเลยจะบอกให้...แต่ถ้ารันงิคุพูดขนนาดนี้แล้วล่ะก็นะ
“ก็ได้ ทีหลังว่างข้าจะแวะไปพบเขา”
ในวันนี้ข้าประมาทยมทูตนามว่า ฮิตสึกายะ โทชิโร่ มากเกินไป
ในวันนั้นที่เหล่ากลีบดอกไม้ปลิดปลิวไปตามลมได้พัดพาช่องว่างหัวใจของข้าไปอย่างไม่ทันตั้งตัว
.
“นั่นไง คนที่ตัวเล็กที่สุดในหน่วยน่ะครับรองหัวหน้า”
“เฮ้ เจ้านั่นน่ะเหรอ”
ข้าประหลาดใจกับขนาดตัวที่เล็กน่าเอ็นดูเกินคาดของเขา ผมสีเงินประกายคล้ายคลึงและน่าตกใจยิ่งกว่าเมื่อเขาหันมามอง
“มีใครเรียกข้า”
นัยน์ตาสีฟ้าดุจท้องฟ้าสะท้อนเงาหิมะแทบไม่ต่างอะไรกับนัยน์ตาของข้า แม้จะกลมโตผิดกับข้าที่แทบจะไม่เคยเปิดเผยให้ใครได้เห็นดวงตาเพื่อปิดม่านความรู้สึกที่แท้จริงของตนเอง
ความรู้สึกของข้าถูกเชื่อมโยงเข้าโดยไม่ทันตั้งตัวภายในเสี้ยววิ
“เอ๋ ป้ายนี้นี่...รองหัวหน้าหน่วยที่ห้ามาทำไม”
“รู้จักข้าอยู่แล้วนี่นา เหหหห น่าภูมิใจชะมัด”
“อ้าวงินมาไม่บอกกันก่อนได้ไง ข้าว่าจะมาพาแนะนำด้วยตนเองซะหน่อย”
“เจ้ารู้จักกันกับคนนี้ดีงั้นรึมัตสึโมโตะ”
“ใช่ค้าาา เพื่อนข้าเองแหละ อิจิมารุ งินรองหัวหน้าหน่วยห้าส่วนคนนี้ ฮิตสึกายะโทชิโร่”
รันงิคุจับมือของข้าและเขาจับประสานทำความรู้จักแบบที่เธอชอบ กระแสบางอย่างแล่นแปลบปลาบ ระหว่างมือ อาจจะเป็นกระแสพลังวิญญาณทั้งสองขั้วที่ต่างกันหรืออะไรอย่างอื่นก็ตามข้าไม่รู้ รู้เพียง ณ ตอนนั้นข้าก็อดไม่ได้ที่จะยกยิ้มกว้างยิ่งกว่ายามไหน
แต่โทชิโร่กลับทำสีหน้าปุเลี่ยนประหลาดใส่ เหมือนเขาไม่ชอบรอยยิ้มของข้าเท่าไหร่แล้วก็ดูจะไม่ชอบท่าทางเข้าหาสุดๆ ที่ข้าทำกับเขาอยู่เสียด้วย
“ฮิตสึกายะ โทชิโร่ เขาเป็นคนนิ่งจริงจังน่ะ”
เราสองคนช่างแตกต่างกัน... แต่ไม่ทันรู้ตัวก็พาตัวเองไปอยู่ข้าง ๆ เสียแล้ว
.
“เลิกมากวนเวลาพักผ่อนของข้าได้แล้ว”
“เดี๋ยวนี้มาบ่อยเชียวนะงิน”
“แล้วมันทำไมเหรอคร้าบบบ” ไม่มีใครจับความรู้สึกข้าได้ แต่ดูเหมือนว่าข้าจะเริ่มมาบ่อยเกินจนรันงิคุรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลง
แต่ทำไงได้ล่ะ ก็มีแค่วิธีนี้เท่านั้นที่ข้าจะได้อยู่ใกล้แบบไม่มีพิรุธกับเพื่อนกับคนที่สนใจ ดีออกจะตายไป
“มีเวลามากขนาดนี้เอาแต่เดินเล่นไม่กลับไปฝึกตัวเองเดี๋ยวก็ไม่ได้เลื่อนขั้นนะงิน” รันงิคุแซว
“เจ้าก็ไม่ต่างกันนั่นแหละ” แต่แวบหนึ่งความคิดในหัวก็แวบขึ้นมาให้ทำอะไรบางอย่างลงไป
“ได้ยินมาจากรันงิคุว่าเจ้าก็เก่งไม่เบานี่นาโทชิโร่ มาลองประมือกันซักทีดีมั้ยน้า”
“กับเจ้าตรงนี้น่ะเรอะ”
“แหม ไม่ต้องกลัวหรอกน่าโทชิโร่”
“ข้าไม่ได้กลัวซะหน่อย เข้ามาแบบไม่ต้องออมมือเลยก็ได้!” โทชิโร่ฮึดฮัดลุกพรวดประจันหน้าอย่างไม่ยอมแพ้
ในวันนั้นข้าค้นพบว่าโทชิโร่ถูกล่อลวงให้หัวเสียได้ไม่ยากแถมค่อนข้างหน้าบาง หลังจากนั้นข้าก็มักจะแกล้งเขาเสมอด้วยความสนุกสนาน แน่นอนว่าก็มักจะจบด้วยการต่อสู้ประลองฝีมือระหว่างเรา
ข้าชอบเวลาต่อสู้...ฟังดูแปลกแต่ใช่แล้ว ฟังไม่ผิดหรอก ข้าชอบที่ได้อยู่ในสายตาที่มองตรงมาที่ข้าเพียงผู้เดียวอย่างจริงจัง ข้ามักจะค้นพบสิ่งใหม่ๆเสมอเกี่ยวกับ ฮิตสึกายะ โทชิโร่ ระหว่างการต่อสู้
ครั้งแรก ข้าพบว่าเขามีพลังวิญญาณที่สูงมากเกินกว่าที่คาดไว้ในตอนแรก
ครั้งที่สอง ข้าค้นพบว่าดวงตาของเราไม่ใช่สีเดียวกันอย่างที่ข้าคิด นัยน์ตาสีฟ้าของเขาสะท้อนเขียวน้ำทะเลยามต้องแสงแดด
ครั้งที่สาม ข้าค้นพบว่าพลังของเราแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ของข้ารวดเร็วลึกลับ ของเขางดงามยิ่งใหญ่
ครั้งที่สี่ ข้าพบว่าเขาหัวเสียแค่ไหนกับการประลองที่ไม่อาจรู้ผลแพ้ชนะได้เลยสักครั้ง
ครั้งที่ห้า ข้าก็ค้นพบถึงจุดเริ่มต้นของความเจ็บปวด
“เจ้าใช้พลังชิไคที่ก็รู้อยู่แล้วว่าอันตรายแค่ไหนกับการประลองแค่นี้ได้ยังไง!” สีหน้าของรันงิคุบ่งบอกชัดเจนว่าอยากจะจัดการข้าให้สาสมที่ทำโทชิโร่บาดเจ็บหนักในการประลองเล่น
“แต่โทชิโร่ไม่พอใจที่ข้าไม่ยอมใช้พลังนี่นา” ข้าได้แต่พูดด้วยสีหน้าเดิม ๆ แต่ใครจะรู้ว่าในใจข้าเองสับสนหนัก
ข้าไม่อยากให้โทชิโร่คิดว่าข้าดูถูกจึงไม่ใช่พลัง แต่ข้าเองก็ไม่คิดว่าจะทำให้เขาบาดเจ็บหนักเช่นนั้น ผ่านไปเพียงคืนเดียวโทชิโร่ก็ฟื้นคืนเดินเหินได้ปกติ แต่ความกังวลของข้ายังไม่จางหายไป
เหมือนตอนนั้น...บาดแผลในใจที่ข้าไม่สามารถช่วยอะไรรันงิคุได้เลยจากการถูกทำร้ายในวัยเด็ก
ทั้งเพื่อนเพียงคนเดียวของข้า และคนที่ข้าทั้งสนใจทั้งชื่นชอบก็ด้วย
“ฮิตสึกายะบอกข้าว่าเจ้าไม่ผิดอะไรเพราะเขาเป็นคนบอกให้เจ้าใช้พลังอย่างเต็มที่เอง”
“…”
“เลิกรู้สึกผิดแล้วไปหาเขาเถอะนะงิน”
แต่ข้ารู้ดีว่าทำแบบนั้นไม่ได้...จะทำให้เขาเจ็บปวดเพิ่มขึ้นไม่ได้จริง ๆ
บัดนั้นข้าเผชิญหน้ากับความรู้สึกของตนเอง
ไม่ว่าหัวใจจะพบความเจ็บปวดสักแค่ไหน ข้าจะต้องเผชิญหน้ากับมันและหาทางออกให้ได้
.
นับแต่วันนั้นข้าก็ใช้เวลาไม่เว้นวันที่จะแก้แค้นตามสิ่งที่ตั้งใจไว้ นั่งเล่นพูดคุยไม่เป็นสิ่งที่ข้าโปรดอีกต่อไป มีเพียงเดินไปข้างหน้าเท่านั้น
เข้าร่วมกับไอเซ็น โซสึเกะ ได้เลื่อนขึ้นเป็นหัวหน้าหน่วยพิทักษ์ที่สาม หลังจากได้นามหัวหน้าหน่วยสอดแนมมาครอบครองก็กลายเป็นผู้ทำให้เขาเจ็บปวดครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่ต่างกับฉายาที่พวกเขาเริ่มเรียกขาน อสรพิษผู้ทรยศ
"ว้า น่าสงสารจัง ทำไมกระแทกทำฮินาโมริบาดเจ็บแบบนั้นได้ลงล่ะหัวหน้าฮิตสึกายะ"
คำเหล่านั้นออกจากปากข้าไหลลื่นเหลือเกิน ทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่าฮินาโมริถูกยุยง กลายมาเป็นอีกตัวเบี้ยสร้างความเจ็บปวดให้โทชิโร่เช่นกันกับตอนนี้... ตอนนี้ที่เขาเข้าใจว่าเรื่องทั้งหมดนั่นเกิดขึ้นจากการกระทำของข้า
"เป็นเจ้า ตั้งแต่ตอนนั้น เป็นเพราะเจ้าทั้งหมด!"
เคร้ง!
การต่อสู้ระหว่างเราไม่เหมือนเดิม ความรู้สึกของเขาบอกชัดบนใบหน้าว่าเคียดแค้นคณานับ แม้ข้าจะเจ็บปวดแค่ไหนแต่ส่วนลึกของจิตใจยังคงเต้นระรัวให้แก่การประลองระหว่างเราในอดีตที่คงมีเพียงข้าที่คิดถึง
หลายต่อหลายกระบวนท่าชวนให้หวนนึกถึง
"ไม่ได้เร็วขนาดนั้นนี่"
"..."
"ความเสียใจที่แท้จริงของเจ้ามันเริ่มต้นตั้งแต่นี้"
ข้าไม่รู้ว่าเสียใจที่ถูกดูถูกในความสามารถหรือสมเพชตนเองในความเสียใจที่โทชิโร่พูดถึงจะทำให้รู้สึกดีมากกว่ากัน
เอาเข้าจริง ความเสียใจเหล่านั้นมันอาจจะเกิดขึ้นตั้งแต่แรกเมื่อวันนั้นแล้วก็ได้..
"จงสถิตเหนือฟ้าเหมันต์"
"หึ"
"เฮียวรินมารุ!"
พลังวิญญาณอันสูงส่งของหัวหน้าหน่วยพิทักษ์ที่สิบแผ่กระจายกดดันไปทั่วบริเวณ การจู่โจมต่อสู้ทั้งบ้าคลั่งและหนักหน่วงขึ้นทุกขณะ
แน่นอนว่าไม่ใช่เพียงเขาที่พัฒนาขึ้นเพียงผู้เดียว
"จงพุ่งสังหาร ชินโซ"
"อะ เฮือ-"
เคร้ง!!
"มัตสึโมโตะ"
"ได้โปรดลดดาบของท่านลงเถอะค่ะ หัวหน้าอิจิมารุ"
"..."
"ถ้าไม่ทำตาม ข้าคงต้องขอมีส่วนร่วมในการต่อสู้"
ดาบของรันงิคุเริ่มแตกร้าว แม้ข้าจะมองจากมุมอันห่างไกลก็เห็นมันอย่างชัดเจน
ถ้าหากเธอมาไม่ทัน มันจะเหมือนครั้งอดีตที่ข้าเคยทำร้ายเขาหรือเปล่านะ?
แต่ช่างปะไรล่ะ ข้าเสียทั้งเพื่อนที่ดีที่สุดและคนที่ข้าอยากจะหยุดความรู้สึกไว้ที่เพียงคำว่า 'สนใจ' ตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว นัยน์ตาแข็งกร้าวและเจ็บปวดของพวกเขา เพียงแค่เห็นข้าก็ไม่คิดจะพูดอะไรอีก
อย่างน้อยคราวนี้เขาก็ปลอดภัย..
“เดี๋ยว-- อิจิมารุ”
"แทนที่มาคอยตามข้า ไปดูแลรองหัวหน้าหน่วยพิทักษ์ห้าที่เจ้าทำบาดเจ็บไม่ดีกว่าหรือครับฮิตสึกายะคุง"
‘ไม่อยากแยกจากเจ้าไปเลย’
แต่ข้ารู้...สิ่งที่อยากพูดนั้นไม่มีทางออกไปจากปากของข้า
ข้าเดินจากไปจากสายตาเคียดแค้น ผิดหวัง และหวาดกลัว ในระหว่างที่ก้าวข้ามผ่านประตูมิติ ทุกย่างก้าวข้ากลับอดไม่ได้ที่จะหวนนึกถึงในช่วงเวลาแรกที่เราได้พูดคุยกัน
“ข้ามีพลังวิญญาณสูงก็จริง แต่ก็รู้สึกว่าการเลื่อนขั้นเป็นสิ่งที่ห่างไกลจากข้านัก” นัยน์ตาสีฟ้าเช่นเดียวกันกับข้า ทว่าความงดงามมากกว่าเหนือชั้นในสายตาข้า
“ดูถูกตัวเองไปแล้วโทชิโร่”
“เพิ่งจะได้คุยกันไม่กี่ครั้งจะรู้ดีอะไรเรื่องของข้า” ข้ายกยิ้มพลางคิด...จะไปรู้ได้อย่างไรว่าตั้งแต่ได้พบหน้า ข้าใส่ใจเจ้ามากขนาดไหน
“เอาเป็นว่ารู้น่า”
“โกหก”
“เอาอะไรมากล่าวหาข้า ยมทูตเด็กอัจฉริยะโทชิโร่ที่เขาลือกันไม่ได้ได้มาง่าย ๆ หรอกน้า”
“ทำตัวน่าหงุดหงิดชะมัด เจ้าก็อัจฉริยะไม่ใช่หรือไง”
“แต่ก็ไม่แน่ ข้าว่าในอนาคตโทชิโร่เก่งกว่าข้าแน่นอน”
“โกหกอีกแล้ว”
“เหห ทำไมชอบกล่าวหาข้า"
“มันเขียนชัดอยู่บนหน้าเจ้า” เจ้ามักจะตีความรอยยิ้มของข้าผิดไปเสมอตั้งแต่ครั้งแรกจนถึงตอนนี้
“ฮ่าๆ ขนาดนั้นเลย” แต่ข้าไม่ถือสาอะไรเลยกับความเจ็บปวดน้อยใจเล็กน้อยของข้าพรรณนั้น
เพียงแค่อยากจะหัวเราะข้างกันอีกครั้ง คอยเช็ดน้ำตาให้ในคืนที่เจ้าร้องไห้ คอยปลอบโยนเพราะไม่มีใครเข้มแข็งเมื่อต้องหวาดกลัวเพียงลำพัง
แม้รู้ว่าต่อไปจะเป็นอย่างไรแต่ข้าคงทำได้เพียงคอยมองเจ้าที่ยังคงเข้มแข็งมั่นคงไม่เปลี่ยนแปลง
ข้าตัดสินใจทิ้งความทรงจำและก้าวต่อไปข้างหน้า
ขอโทษนะที่ข้าเลือกแบบนี้
“ลาก่อน ฮิตสึกายะ โทชิโร่”
______________________________
จบเท่านี้แหละค่ะ ไม่มีต่อแล้ว ความเศร้าผู้แต่งเองก็อยู่ด้วยได้ไม่นาน//แหะๆ
ว่าแต่คนที่ฟังเพลง..โทนเพลงสดใสมากดูต่างจากเนื้อเรื่องใช่ไหมคะ55555
และถึงแม้ว่าเรื่องจะจบในความหมายเดียวกันกับเนื้อเพลงที่ร้องว่าต้องก้าวต่อไปข้างหน้า แต่ทุกคนที่รู้ตอนจบของงินก็คงรู้ดีว่าถ้าแต่งต่อเรื่องก็คงจะมีแต่เศร้าลงๆ ;___;
ความคิดเห็น