คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : EP [9] พ่ายแพ้ต่อความเอาใจใส่ ✓
EP [9] พ่ายแพ้ต่อความเอาใจใส่
ไรท์กลับไปรีไรท์เนื้อหาใหม่ทั้งหมดนะคะ
ถ้าอย่างไรอ่านไม่เข้าใจกลับไปอ่านตอนแรกๆ ใหม่นะคะ
เราเกลาเนื้อหาให้ไม่เวิ่นเว้อและยืดยาวค่ะ บางทีแต่ละตอน
ก็แทรกเนื้อหาทับใหม่ค่ะ
ขอบคุณที่ยังคิดตามพี่คิวนะคะ
_____________________________
“แกยิ้มอะไรของแกวะไอ”
สาลี่เขกหัวไอวี่ไม่เบาไม่แรงทำให้ไอวี่มองค้อนตาแทบถลนออกมา
สาลี่มันไม่รู้หรือไงว่าถึงใจมันจะเป็นผู้หญิงแต่ร่างกายมันเป็นผู้ชาย
มือที่ลงแรงมาก็เลยเยอะจนเธอต้องเอามือลูบหัวปอยๆ
ตอนน้ำไอวี่กับเพื่อนอยู่ในห้องเรียนคาบเช้าซึ่งกำลังรออาจารย์เข้าสอนอยู่
แต่เป็นเพราะตั้งแต่เช้าจนถึงตอนนี้ไอวี่เหม่อลอยจนไม่รู้ตัวเลยว่าเผลอยิ้มและเหม่อจนไม่ได้สนใจที่พวกเพื่อนๆ
พูด
“พวกแกว่าไงนะ” ไอวี่ถามย้ำเพราะไม่ได้ฟังคำถาม
“เห้ออีคุณหนูนี่..พวกเราบอกว่าเย็นนี้จะแยกย้ายกันกลับบ้านไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนหรือจะไปพร้อมกันเลย”
“ไปไหน?” ไอวี่ถามด้วยความมึนงง
“นี่แกไม่ได้ฟังเลยเหรอวะ” ไอวี่กระพริบตาปริบๆ มองมิ้นท์ที่ถามด้วยสีหน้าขอโทษอย่างไม่จริงจังนัก
“อาการเป็นไงไหนเล่ามาสิ” สาลี่ถามขึ้นเพื่อนคนอื่นก็สนใจด้วย
“เปล่า..ก็แค่..เมื่อวานคิวให้พวกหนังสือเรียนมาน่ะ”
ตอนแรกไอวี่ไม่คิดจะบอกเพื่อนๆ แต่ความสุขที่ล้นปรี่จนแทบล้นหัวใจทำให้ต้องระบายความสุขออกมาบ้าง
ไม่อย่างนั้นเธอคงอัดอั้นตายแน่นอน
“ตายแล้วเพื่อนกูแค่เขาให้หนังสือเรียนมาก็เพ้อเลย”
สาลี่แซว
“ไม่ใช่แค่หนังสือเรียนธรรมดานะเว้ยแต่มันเป็นหนังสือที่คิวใช้เรียนมาก่อน
ดูดิมีลายมือของคิวด้วย อีกอย่างไม่ให้ฉันดีใจได้ไงคิวไม่ได้ให้หนังสือของเขากับยัยแป้งเน่าแต่เขาให้ฉันอ่ะ”
“เราเข้าใจไอนะ เหมือนได้รับความสำคัญใช่ไหม”
ดาวพูด
“อือ ก็ฉันไม่เคยได้อะไรจากคิวนี่หว่า”
“เข้าใจละ ยินดีด้วยก็แล้วกันกับพัฒนาการที่ช้ายิ่งกว่าเตาคลาน
แต่ตอนนี้ช่างเรื่องของที่พี่คิวไปก่อนไหม ตกลงที่ถามอ่ะว่าไง เย็นนี้รุ่นพี่นัดไปเลี้ยงสายแกไปไหม
แล้วจะกลับบ้านไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนหรือรอไปที่ร้านพร้อมกันเลย”
พวกรุ่นพี่ที่สาลี่ว่าคือกลุ่มของพวกคิวที่นัดรุ่นน้องไปเลี้ยงสายรหัส
และพอรุ่นพี่เราอยู่กลุ่มเดียวกันก็เลยนัดพวกเราพร้อมกันด้วย
ไอวี่ดีใจที่ได้เลี้ยงสายพร้อมกับเพื่อน
แต่ก็ไม่ชอบใจกับสิ่งที่พ่วงตามมาด้วยเช่นกัน เพราะการที่บอกว่านัดพร้อมกันนั่นก็หมายความว่ารวมยัยแป้งเน่านั่นเข้าไปด้วย
“ฉันจะกลับบ้านก่อนแล้วค่อยไปเจอกันที่ร้าน”
“อะแฮ่ม” ไอวี่หันไปมองคนที่ยืนค้ำหัวอยู่ เป็นแป้งหอม
ดาหลาและเจนที่ยืนมองกลุ่มไอวี่ด้วยสีหน้าที่เย้ยหยั่น
“แป้งเน่า” สาลี่เอ่ยทักก่อนเป็นคนแรก
“ฉันชื่อแป้งหอมไม่ใช่แป้งเน่าย่ะ!”
“แล้วมีอะไรมิทราบ”
“ฉันก็แค่จะมาบอกให้รู้ไว้ว่าฉันอยู่สายรหัสเดียวกับพี่คิวก็เท่านั้นล่ะ
ก็ฉันบอกแล้วไงว่าฉันกับพี่คิวต้องเป็นเนื้อคู่กันแน่ๆ” แป้งหอม
“เพ้อเจ้อ” ไอวี่ไม่สนใจเก็บของใส่กระเป๋าต่อ
“ก็แพ้อ่ะนะก็เลยต้องทำใจและคอยปลอบใจตัวเอง” เจน
“โอ้ยอย่ามโนไปเลยค่ะก็แค่น้องรหัสไม่ใช่เมียเขาอ่ะเนอะ”
สาลี่พูดขัด ก่อนที่เพื่อนคนอื่นจะเข้ามาเสริม
“อีตุ๊ดเงียบปากไปเลย” เป็นเจนเพื่อนแป้งเน่าที่เข้ามาขวาง
“มีปากก็พูดได้มะ แล้วอีกอย่างนะแค่น้องรหัสอ่ะจะคุยโวทำเพื่อ?
ให้ได้เป็นเมียเขาก่อนสิแล้วค่อยมาอวด!!” สาลี่ยังตอบโต้
“ถึงยังไม่เป็นแฟนกันแต่อนาคตก็ไม่แน่
ยิ่งได้เป็นสายรหัสยิ่งได้ใกล้ชิดกันก็ยิ่งมีโอกาส..อย่าอิจฉากันแรงนักล่ะไอวี่”
“หึ ไอวี่มันไม่เห็นต้องอิจฉาเลย ก็อย่างที่สาลี่พูดนั่นล่ะเป็นแค่น้องรหัสก็อย่าพึ่งคิดสิว่าตัวเองสำคัญ
กับไอวี่เขาไปรับไปส่งทุกวันมันยังไม่คุยเลย” เยลพูดออกมาอีกคน
ไอวี่ส่ายหน้าเบาๆ กับความกวนของเพื่อน
เธอก็โกรธเหมือนกันที่แป้งเน่ามาหาเรื่องแต่พอคิดว่ามันไม่ได้สำคัญอะไรนักก็ปล่อยให้เพื่อนออกปากแทน
เพราะตอนนี้เธอกำลังอารมณ์ดีเรื่องที่คิวให้ของเทคมาอยู่ ทว่าเสียงโทรศัพท์ของแป้งเน่าดังขึ้นก่อนจะโชว์ให้ไอวี่และเพื่อนๆ
ดูว่าเป็นใครที่โทรมา รายชื่อที่ปรากฎนั่นทำให้อารมณ์ที่ดีอยู่เริ่มเปลี่ยนเป็นหงุดหงิดแทนอารมณ์เสียแทน
“อุ้ย! นี่เบอร์พี่คิวนี่นา สวัสดีค่ะพี่คิว..”
“แป้งว่างตอนเที่ยงค่ะพี่คิวจะนัดที่ไหนคะ” แป้งเน่ายังไม่วายเบ้ปากแล้วส่งสายตาเย้ยหยันมาให้
ไอวี่กำมือแน่นด้วยความหงุดหงิดมองคนที่โคฟเวอร์เป็นนางร้ายในละครหลังข่าวอย่างกดอารมณ์
“อย่าพึ่งอารมณ์เสีย ใจเย็นๆ นางก็แค่อยากจะมาปั่นหัวแกเท่านั้นล่ะ”
สาลี่พูดเสริมไม่วายมิ้นท์กับดาวที่พยายามพูดปลอบด้วย
โอเคเธอจะใจเย็นนะถ้าอีกฝ่ายไม่วอนหาเรื่องจนโดนตบน่ะนะ
“อุ้ยแป้งหอมใครโทรมาอ่ะ” ดาหลาบีบเสียงถามเพื่อนสาวทันที
“พี่คิวโทรมาบอกว่ามีเรื่องจะคุยด้วยกลางวันนี้นัดให้ไปเจอ”
“..พี่คิวเป็นพี่ปีสี่มีอะไรก็ต้องให้พี่แจงกับพี่แก้วมาแจ้งแกแล้วสิ
แต่นี่นัดแกไปคุยส่วนตัว ฮันแน่มีอะไรกันแน่น้า” เจนเพื่อนสนิทแป้งเน่าร่วมสมทบ
ไอวี่ยังควบคุมสีหน้าได้ดีก็มองทั้งสามคนที่มองมาอย่างเยาะเย้ย
“เห่ากันเสร็จแล้วก็ถอยไป”
ความจริงไอวี่ก็ไม่อยากจะยอมหรอกอยากจะประเคนฝ่ามือลงที่หน้าปลอมๆ ของพวกนางแต่ก็คิดได้ว่าไม่ควรเอาพิมเสนไปแลกกับเกลือก็เลยเมินเฉยไปซะ
“อุ้ยๆ ดูคนแพ้ดิหน้าหงอยเลยอ่ะ” แป้งเน่ายังยืนขวางและเยาะเย้ยใส่
ไอวี่ถอนหายใจออกมา
“นี่แป้งเน่า ถ้าไม่โดนตบนี่จะไม่เงียบปากใช่ไหม”
“คิดว่ากลัวเหรอ?” ไอวี่แค่นยิ้มให้ก่อนจะโยนกระเป๋าลงพื้น
“กลัวบ้างก็ดีนะเพราะฉันน่ะคาราเต้สายดำ!”
“แกจะทำอะไรน่ะ! นี่มันสถานศึกษานะแกจะมาทำร้ายร่างกายคนอื่นได้ยังไง
ถึงฉันจะไม่กลัวแกก็เถอะ!” ไอวี่แค่นยิ้ม
“ก็ถ้ายังเห่าส่งเสียงน่ารำคาญต่อไป ฉันก็คงจะต้องช่วยประเคนมือปิดปากเธอมั้ง”
ไอวี่วางของพลางทำหน้าข่ม
“ชิ! ฉันไม่ได้กลัวแกหรอกนะ! ก็แค่ต้องรีบไปเรียน!”
เมื่อเห็นว่าไอวี่เอาจริงพวกนางสามคนก็ยอมถอยไปก่อน
ไอวี่มองทั้งสามที่เดินออกไปจนลับสายตา หันไปหยิบกระเป๋าจากสาลี่
“แกขู่ได้น่ากลัวว่ะ
เสียงกับท่าทางไม่เท่าไรแต่แววตาคุกคามนี่ขนาดเป็นพวกเดียวกันยังกลัวเลย”
ไอวี่ขำเพื่อนๆ ที่มองตนเองแปลกๆ
ความจริงไอวี่ไม่ใช่ผู้หญิงบอบบางที่ต้องรอใครมาช่วยเหลือเสมอไปหรอก
เธอก็เคยบอกแล้วว่าอยู่ในวงการที่ดำมืดพวกนั้นมีโอกาสตายสูง
และแน่นอนว่าจะรอความช่วยเหลือจากคนอื่นอย่างเดียวไม่ได้ดังนั้นจะต้องมีสกิลติดตัวเอาไว้บ้าง
และคนที่บอกและสอนศิลปะป้องกันตัวให้ไอวี่ก็คือคิวนั่นล่ะ
“ว่าแต่พี่คิวนัดยัยแป้งเน่าไปทำไมวะ” มิ้นท์พูดขึ้นมา
“พี่คิวคงจะเรียกไปแจ้งอะไรเกี่ยวกับสายรหัสนั่นล่ะ
แกอย่าไปคิดมากเลยนะไอ” เยลพูดแกมปลอบไม่ให้ไอวี่คิดมาก
“ไอต้องรู้จักควบคุมสติและอารมณ์ตัวเองหน่อยนะ
การมีเรื่องกันในสถานศึกษาไม่ใช่เรื่องที่ดีเลย ถึงเขาจะยั่วอารมณ์มากแค่ไหนก็เถอะ
ไอควรคิดถึงผลที่จะตามมาด้วย เชื่อเราสิว่าพี่คิวไม่ชอบผู้หญิงที่ทำอะไรขาดสติหรือผู้หญิงร้ายๆ
แบบแป้งหอมหรอก” ดาวเสริม
“โอ้ยดาวแกจะด่าจะสอนหรือจะให้กำลังใจมันเอาสักอย่างสิ”
“เราพูดรวมๆ น่ะเยล”
“อย่างที่มิ้นท์ ดาว เยลพูดนั่นล่ะ
ท่องไว้สิแกอ่ะสำคัญกับเขาที่สุด ยังไงซะพี่คิวก็เป็นคนคอยดูแลแกนี่ แกมีโอกาสได้อยู่ใกล้เขามากที่สุด
และแกมีโอกาสทำคะแนนมากกว่าใคร” สาลี่ให้กำลังใจไอวี่ก็พยักหน้ารับ
ใช่..เธอสำคัญกับเขาที่สุด
ยังไงเสียก็อยู่บ้านเดียวกันได้อยู่ใกล้เขามากกว่าใครๆ
ทำไมไอวี่คนนี้จะทำให้คิวหันมามองเธอไม่ได้กันล่ะ!
“เราว่าไอไปซื้อข้าวก่อนดีกว่านะเดี๋ยวเที่ยงแล้วคนเยอะ”
ไอวี่เดินตามเพื่อนเข้ามาในโรงอาหารกลางพลางกดโทรศัพท์หาใครบางคนไม่ยอมหยุด
จวบจนเพื่อนสะกิดให้เธอไปซื้ออาหารเธอจึงละสายตาจากโทรศัพท์มองหน้าเพื่อน
“เดี๋ยวค่อยซื้อ”
“จะกินอะไรเดี๋ยวฝากเยลมันไปซื้อก็ได้” มิ้นท์บอก
“เอาอะไรมาก็ได้ เออมิ้นท์ฝากซื้อน้ำด้วย” ไอวี่ตอบแต่ไม่ได้มองเพื่อนๆ
แต่ยังกดโทรศัพท์ไม่หยุด
“ปล่อยมันก่อนค่ะ
เยลกูฝากซื้อข้าวผัดทะเลร้านป้าติ๋มด้วย เดี๋ยวกูนั่งอยู่กับนางเอง” เยลกับเพื่อนๆ
พยักหน้าก่อนจะแยกกันไปซื้อข้าว
ไอวี่นั่งกดโทรศัพท์หาคิวด้วยอารมณ์ที่ไม่ปรกติ
เนื่องจากเรื่องเมื่อตอนเช้าที่แป้งเน่ามาพูดว่านัดกับคิวไว้ตอนเที่ยงไอวี่จึงรู้สึกร้อนรน
อยากจะโทรให้คิวมาหาตัวเอง หรือไม่ก็อยากจะถามว่าอยู่ไหนเธอจะได้ไปหาถูก
แต่คิวไม่รับสายจึงเป็นเหตุให้ไอวี่มานั่งหงุดหงิดอยู่ตรงนี้
“โอ้ย โทรศัพท์จะระเบิดแล้วค่ะคุณหนูไอวี่”
“เงียบไปเลยอีลี่”
“อ้าว มาพาลหงุดหงิดใส่กันเฉยเลย
อย่าไปคิดมากน่ากูว่าพี่คิวก็แค่นัดมันไอคุยเรื่องเลี้ยงสายรหัสเย็นนี้นั่นล่ะ”
“ก็คิดงั้นแต่ก็ไม่ไว้ใจให้อยู่ใกล้ใคร”
ไอวี่พูดออกมาด้วยความหวง
ผู้หญิงที่คิวมั่วด้วยมีสไตล์ที่โดดเด่นที่ไม่ค่อยเหมือนใคร
จะว่าไงดีล่ะ พวกแรงๆ น่ะคิวไม่ค่อยจะยุ่งแต่จะชอบผู้หญิงแบบธรรมดาหน้าสวยเสียมากกว่า
แล้วไอวี่ก็พอจะเดาออกว่าผู้หญิงที่เข้าหาคิวน่ะที่จริงแล้วไม่ได้เป็นอย่างที่เห็น
แต่เติมแต่งทำให้ตัวเองเป็นแบบที่คิวชอบก็เท่านั้น
สายรหัสของคิวปีสามที่ชื่อแจงกับปีสองที่ชื่อแก้ว
จากที่สาลี่มันเล่ามาคือพวกนางน่ะเป็นผู้หญิงแรงแต่ที่เห็นทำตัวอ่อนหวานเรียบร้อยไม่มีพิษภัยก็เพราะอยู่ต่อหน้าคิวเท่านั้น
แล้วนี่ในสายรหัสนั้นยังมีแป้งเน่าเข้าไปอีก บันเทิงกันล่ะ
สายพี่ระเบียบแต่ในรุ่นมีแต่คิวเท่านั้นล่ะที่ถูกระเบียบน่ะ!
ไม่รู้ว่าหากปล่อยให้คลาดสายตาจะถูกใครคนไหนแย่งไป!
“ฮัลโหลอยู่ไหน” เมื่อคิวรับโทรศัพท์ไอวี่จึงกรอกเสียงถามทันที
(ห้องพยาบาล)
“นายเป็นอะไร” ไอวี่เริ่มนั่งไม่ติดเก้าอี้เมื่อคิดว่าคิวเป็นอะไรไป
(แผลโดนยิงมันปริ)
(พี่คิวคะ..)
“นายอยู่กับใคร”
เมื่อได้ยินเสียงผู้หญิงที่ไอวี่คิดว่าน่าจะเป็นยัยแป้งเน่าก็เลยถาม
(แค่นี้ก่อน ไม่จำเป็นไม่ต้องโทรมา)
ไอวี่มองโทรศัพท์ที่ขึ้นโชว์ว่าอีกฝ่ายวางสายไปแล้ว
ในใจมันร้อนลุ่มลนลานเพราะโกรธที่โดนตัดสายและโกรธที่คิวไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว
“จะไปไหนวะไอ”
“ไปห้องพยาบาล” ตอบเพื่อนไปแบบนั้นโดยที่ไม่รอฟังเสียงมันที่ด่าให้กลับไปกินข้าวก่อนด้วยซ้ำ
ไม่รู้ล่ะตอนนี้รู้สึกว่าต้องไปที่นั่นโดยเร็ว
ความจริงแล้วไอวี่ก็เคยรู้ว่าเขามีอะไรกับผู้หญิงไปทั่วแต่เขาก็ไม่เคยทำให้เห็นต่อหน้าหรือต้องให้ไอวี่มารับรู้
ฉะนั้นตอนนี้เธอถึงรู้สึกเสียหน้าและรู้สึกเป็นห่วงคิวจนอยากจะไปกระชากหัวของผู้หญิงทุกคนที่อยู่ข้างๆ
เขา
ไอวี่มาถึงห้องพยาบาลอย่างรวดเร็วก่อนจะเปิดเข้าไปในห้องโดยไม่ต้องเรียกหรือขออนุญาตใครก่อน
แต่พอเปิดเข้าไปก็เห็นแป้งหอมกำลังช่วยทำแผลให้กับคิวอยู่ และที่แปลกไปกว่านั้นก็คือคิวก็ยอมให้ยัยแป้งเน่าแตะเนื้อต้องตัวนั่งทำแผลให้ง่ายๆ
เนี่ยนะ?
ไอวี่สำรวจทั้งสองคน
แป้งหอมมีแผลที่ข้อศอกกับแขนแต่คิวน่าจะเป็นแค่ตรงแผลที่เขาเคยโดนยิงมาก็เท่านั้น
“ทำอะไรกัน” ไอวี่เอ่ยขัดและนั่นก็ทำให้ทั้งสองคนหันมาหาเธอ
และเป็นยัยแป้งเน่าที่ตอบคำถาม
“ทำแผลให้พี่คิวน่ะสิ”
“หลบไปเดี๋ยวฉันทำเอง”
“เรื่องอะไรล่ะ
ฉันทำให้พี่คิวเจ็บตัวก็ต้องเป็นคนทำแผลให้เขาสิ”
“เธอทำอะไรเขา?”
“ฉันไม่ได้ทำมันก็แค่อุบัติเหตุ
แต่ถึงอย่างนั้นฉันทำพี่คิวเจ็บก็ต้องทำแผลให้เขาน่ะถูกแล้ว” แป้งหอมพูดอย่างยิ้มเยาะ
“เดี๋ยวฉันทำเอง” ไอวี่แย่งอุปกรณ์ทำแผลแต่แป้งหอมไม่ยอม
“ไม่ ฉันจะเป็นคนทำให้พี่คิวเอง”
“หยุดเถียงกันสักที”
คิวเอ่ยปากออกมาเพราะรู้สึกรำคาญหู ทว่าหญิงสาวทั้งสองก็ยังไม่เลิกโต้เถียงกันเหมือนเดิม
“ถอยไปยัยแป้งเน่า” ไอวี่
“เธอนั่นล่ะ” แป้งหอม
“หยุดทั้งสองคนนั่นล่ะ!” คิวจัดการใส่เสื้อให้เรียบร้อยก่อนจะมองทั้งสองคนที่ทะเลาะกันอยู่
“แป้งหอมออกไปก่อน”
แป้งหอมไม่อยากขัดใจคนที่ตัวเองชอบจึงยอมออกไปโดยดี
ในห้องมีเพียงคิวและไอวี่ ไอวี่เมินสายตาของคิวก่อนจะเข้าไปดูแผลที่ตอนนี้พันผ้าอย่างดีแล้ว
“ยัยนั่นทำอะไรนาย?”
“ช่างเถอะ แล้วโทรมามีอะไร?”
“เล่ามา” ไอวี่ถามเสียงแข็ง
เพราะเธอต้องรู้ให้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น
คิวถอนหายใจออกมาเพราะรู้ว่าหากไม่พูดบอกอีกฝ่ายคงจะอาละวาดแน่นอน
“เรียกให้มาเอาใบสมัครดาวคณะ และเกิดอุบัติเหตุนิดหน่อยก็เท่านั้น”
“แค่นั้นจริงๆ นะ” ไอวี่ถามเพื่อย้ำอีกครั้ง
ไม่ใช่ว่าเธอไม่เชื่อแต่แค่อยากได้ความมั่นใจก็เท่านั้น
“ทำไม? ถ้าไม่แค่นั้นแล้วเธอจะทำไม”
“ถ้ามากกว่านั้นก็จะ...”
ไอวี่นิ่งไปเพราะรู้ว่าคิวหมายถึงอะไร ถ้าไม่ติดสายตาดุๆ นั่นก็อยากจะตอบว่า ‘ก็จะกระชากหัวยัยนั่นมาตบน่ะสิ’ แต่เธอก็ยอมเงียบลง
“เธอเป็นน้องรหัสฉันอย่าทำอะไรให้มากเกินไปนัก”
“ดูไม่ออกหรือไงว่ายัยนั่นจ้องจะงาบนายน่ะ!”
“อย่ายุ่งกับเรื่องส่วนตัวของฉัน”
“แต่เรื่องส่วนตัวของนายที่ว่ามันก็หมายถึงเรื่องหัวใจของฉันเหมือนกันนี่! นายจะทำตาบอดมองไม่เห็นว่าฉันรู้สึกกับนายยังไงก็ตามใจแต่นายไม่มีสิทธิ์มาห้ามไม่ให้ฉันรักนายหรือหวงนายสิ!”
ไอวี่มองคิวด้วยสายตาที่สั่นไหวคล้ายกับมีน้ำตาคลออยู่
เธอรู้สึกโกรธและน้อยใจคิว โกรธแป้งหอมโกรธทุกคนที่ได้อยู่ใกล้คิวและโกรธตัวเองที่ยอมให้เขาวางตัวเธอเอาไว้นอกสายตา
โกรธที่เขาทำเป็นไม่เห็นว่าเธอมีความรักให้เขาแค่ไหน โกรธที่เขาเอาแต่ทำเหมือนกับว่าการที่เธอคอยตามหวงเขาแบบนี้เป็นเรื่องที่น่าเบื่อหรือเป็นกาวก้าวก่ายชีวิตของเขา
“เฮ้อ กินข้าวหรือยัง”
คิวเปลี่ยนเรื่อง
“ยัง” ไอวี่เช็ดน้ำตาลวกๆ “..อยากมาดูนายก่อนว่าไม่ได้เจ็บหรือไม่ได้เป็นอะไรไป
แต่ที่เห็นคงจะไม่เป็นอะไรมากไม่อย่างนั้นก็คงไม่มานั่งอี๋อ๋อกับคนอื่นได้หรอก”
“งั้นไปกินข้าว” คิวเมินคำประชดจูงมือหญิงสาวให้เดินตามไป
ไอวี่ยอมเดินตามไปด้วยสติที่เหม่อลอยลืมเรื่องที่ประชดใส่คิวไปครู่หนึ่ง
เพราะคาดไม่ถึงว่าคิวจะจับมือเธอเดินในที่สาธารณะแบบนี้
แล้วยิ่งที่นี่เป็นมหา’ลัยแล้วด้วยละก็..คิวไม่มีทางทำเด็ดขาด
ไอวี่ที่เดินตามหลังคิวมาระยะหนึ่ง เธอได้สติก็ตอนที่คิวพาเข้าไปนั่งในโรงอาหารที่มีกลุ่มเพื่อนของเขานั่งอยู่ก่อนแล้ว
ไม่ใช่แค่รุ่นพี่กลุ่มเขาเท่านั้นยังมีผู้หญิงอีกสามคนนั่งรวมอยู่ด้วย
“โว้วๆ นั่นน้องไอวี่คนสวยปีหนึ่งน้องรหัสไอ้คินทร์นี่นา”
ไอวี่หันมองพี่ออสตินที่เอ่ยปากทักเธอก่อนคนแรก
ทำให้ทุกคนบนโต๊ะมองเธอกันเป็นตาเดียว คิวพาเธอมานั่งที่โต๊ะก่อนจะหันไปคุยกับพี่คินทร์
ไอวี่เกาะแขนคิวทันทีที่เห็นว่าเพื่อนของเขาสามคนที่เหลือมองเธอด้วยสายตาแปลกๆ
และเหมือนคิวจะไม่รู้ว่าเธอจะต้องเผชิญกับสายตาหลายๆ
คู่เพราะเมื่อเขาพูดกับพี่คินทร์เสร็จก็ลุกขึ้นยืน
“ไปไหน” เธอถามเขาทันทีที่ขยับตัว
“รออยู่นี่” เพียงแค่น้ำเสียงสั้นๆ เปล่งออกมาเธอก็นั่งนิ่งไม่ขยับเหมือนสุนัขที่เชื่อฟังของเขาก็มิปาน
“น้องไอวี่ครับทำไมถึงมากับไอ้คิวได้ล่ะครับ”
เธอหันมองคนที่น่าจะชื่อว่าคอปเตอร์พูดขึ้น
แต่ยังไม่ทันที่เธอจะตอบก็โดนพี่คีนส์พี่ว้ากปีสี่ลากออกจากบทสนทนาเสียก่อน
“สวัสดีค่ะน้องไอวี่” ไอวี่หันไปมองรุ่นพี่คณะอาหารที่เธอได้ผูกสัมพันธ์เอาไว้
แคลร์แฟนพี่คินทร์พี่รหัสของเธอนั่นเอง
“สวัสดีค่ะพี่แคลร์”
“นี่ปาด้าและนี่หมิวเพื่อนของพี่เองค่ะ”
เธอแนะนำไอวี่จึงหันไปทักทายทั้งสองคนด้วย
“มาเห็นใกล้ๆ แบบนี้น้องสวยกว่าในรูปภาพอีกครับ”
พี่ออสตินพูดขึ้นมา ใบหน้านั้นประดับด้วยรอยยิ้มที่แพรวพราวสื่ออะไรบางอย่าง
“เงียบปากสักห้านาทีก็ไม่มีใครว่าพี่เป็นใบ้หรอกนะคะ”
คนใส่แว่นที่ชื่อหมิวพูดขัดแต่พี่ออสตินที่โดนแซะก็ไม่มีท่าทีสงบเสงี่ยมยังเข้าไปเกาะแกะจนโดนสาวแว่นประเคนฝ่ามือหลายครั้งก็ไม่ยอมปล่อย
ไอวี่รู้ได้ในทันทีว่าสองคนนี้คงเป็นมากกว่าคนรู้จักหรือรุ่นพี่รุ่นน้องแน่ และพอมองอีกข้างที่มีพี่เคนกับผู้หญิงที่ชื่อปาด้านั่งคุยกันอย่างสนิทสนมก็เลยเดาได้เลยว่าสองคนนั้นคงเป็นแฟนกันด้วยเหมือนกัน
“น้องไอวี่ยังไม่ได้บอกเลยว่าทำไมมาพร้อมกับพี่คิวได้”
“บังเอิญเจอค่ะ” เธอข้ามเรื่องน่าหงุดหงิดแล้วโกหกออกไป
“น้องไอวี่อยากจะกินเค้กนี่หน่อยไหม
พอดีพี่เอามาจากร้านหน้าคณะน่ะ อร่อยนะ”
“ไม่ชอบกินของหวานค่ะ”
แคลร์เป็นคนเอ่ยชวนด้วยรอยยิ้ม ทว่าไอวี่กลับปฏิเสธแต่ถึงกระนั้นรอยยิ้มของเธอก็ไม่ได้ลดน้อยลงเลย
และไม่มีความรู้สึกโกรธใดๆ เลยแม้แต่น้อย
ทางด้านไอวี่ความจริงแล้วชอบกินของหวานจำพวกเค้กและไอศครีมมาก
แต่ของที่มาจากผู้หญิงที่คิวเอ็นดูนั้น..เธอทำใจกินยากจริงๆ
เมื่อพูดจบประเด็นก็ทำให้โต๊ะเงียบไปอีก
ไอวี่เห็นว่าทุกคนก็มีเรื่องพูดคุยกับแฟนของตัวเองไม่เว้นแม้แต่พี่คินทร์พี่รหัสของเธอจึงนั่งฟังอยู่เงียบๆ
ไอวี่ลองสังเกตว่าคนอย่างพี่คินทร์ไม่น่าจะกินของหวานแบบนี้ได้
แต่เห็นสายตาที่แสนอบอุ่นที่มองคนทำแล้วยอมกินบ้างเป็นบางคำแล้วใช้กาแฟดับความหวานอย่างเป็นธรรมชาติแล้วรู้สึกอิจฉาขึ้นมา
อิจฉาแคลร์ที่ได้รับสายตาเอ็นดูจากแฟนที่น่ารัก
อิจฉาที่แคลร์ได้รับความเอ็นดูจากคนอื่น และที่สำคัญจากคิวด้วย
ผ่านไปเกือบสิบนาทีคิวกลับมาพร้อมกับข้าวสองจาน จากนั้นก็วางจานข้าวเอาไว้ตรงหน้าไอวี่และตัวเองแล้วนั่งลง
ไอวี่มองอาหารที่คิวซื้อมาให้ เมื่อเห็นว่าเป็นสิ่งที่เธอชอบก็ยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว
ข้าวผัดใส่กุ้งเยอะๆ..
“นายรู้ได้ไงว่าฉันชอบกินข้าวผัดกุ้ง”
“กินเถอะ” คิวไม่ได้ตอบคำถาม ทำแค่พยักหน้าให้หญิงสาวเริ่มกินอาหารตรงหน้าก่อนจะเลื่อนน้ำมาวางไว้ด้านข้างด้วย
ด้านไอวี่ถึงจะเดาได้ว่าเขารู้มาจากบรรดาลูกน้องก็ไม่ได้น้อยใจ
เธอคิดเข้าข้างตัวเองว่าอย่างน้อยคิวก็สนใจเรื่องของเธอบ้างเหมือนกัน
“พี่คิวกินนี่หน่อยไหมแคลร์ทำแบบไม่ค่อยหวานเหมาะกับพี่และพี่คินทร์มากๆ”
ไอวี่หันไปสนใจแคลร์อีกครั้งก่อนจะลอบมองคิวที่มองหญิงสาวด้วยสายตาที่ไอวี่เคยเห็นและอิจฉามาก่อน
มันคือสายตาที่บ่งบอกว่าคิวเอ็นดูผู้หญิงคนนี้มากแค่ไหน
และเธอก็เห็นว่าคิวกินขนมนั่นจริงๆ..
“อร่อยดี”
เธอไม่คิดว่าจะได้ยินคิวชมผู้หญิงด้วยน้ำเสียงแบบนี้
ไอวี่มองแคลร์ด้วยความรู้สึกอิจฉาแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
“มีอะไรหรือเปล่าคะน้องไอวี่” แคลร์หันมาถามไอวี่เมื่อเห็นว่าสายตาแข็งกร้าวนั่นมองมาที่ตน
ความจริงความรู้สึกของแคลร์นั้นดูออกว่าไอวี่คิดอย่างไรกับพี่คิวแต่เธอก็ไม่ได้เข้าไปยุ่งย่าม
“อยากลองกินเหรอจ้ะ”
เธอส่ายหน้าให้ก่อนจะนั่งกินข้าวต่อเงียบๆ
โดยคิดเรื่องของคิวไปด้วย สักพักก็มีขนมเค้กที่เธอจำได้ว่าเป็นของศัตรูหัวใจอันดับหนึ่งมาวางไว้ตรงหน้าเธอ
เธอจึงหันไปมองเจ้าของมือแกร่งที่เป็นคนหยิบยื่นมาให้
“ฉันไม่กิน” หันไปบอกคิวแต่เขาแค่เลิกคิ้วให้
“เธอชอบกินนี่?”
ไอวี่รู้สึกแพ้ แพ้ราบคราบ เธอแพ้ความเอาใจใส่ของคิว..
ไอวี่หยิบขนมของศัตรูหัวใจมาไว้ข้างๆ ก่อนจะพยักหน้ารับ
แน่นอนว่าที่เธอรับมาไม่ได้อยากจะกินแต่เป็นเพราะรู้สึกดีที่คิวจำได้ว่าเธอชอบกินของพวกนี้..มันเหมือนเธอได้รับความใส่ใจจากคิวไม่มากก็น้อย
ถึงจะปฏิเสธว่าไม่ชอบก่อนหน้านี้ก็ไม่ทำให้ไอวี่หน้าแตกหรืออายกับสายตาของคนหลายๆ
คู่ที่มองมาเลยแม้แต่น้อย กลับกันเธอรู้สึกมีความมั่นใจขึ้นมาอีกนิด ว่าเรื่องของคิว...เธอเองก็สู้คนอื่นได้เหมือนกัน
ღ
Talk
เง้อ นายรู้ได้ไงว่าเขาชอบอะไรไม่ชอบอะไร
ไหนนายบอกรำคาญและไม่อยากจะใส่ใจไง หือออ
ปล.บางคนอาจจะรำคาญนางเอก
ที่ชอบเอาแต่ตบตีแย่งผู้ชาย
แต่ด้วยความที่นางเอกเป็นคุณหนูที่มีแต่คนดูแล
พอมีคนที่หวงแหนก็เป็นธรรมดาที่นิสัยแย่ๆ
จะแผ่ออกมาตลอดเวลา
แต่ส่วนมากคนประเภทนี้ไม่มีเบื้องหน้าเบื้องหลัง
พูดและกระทำโดยใช้หัวใจคิดมากกว่าสมอง
ความคิดเห็น