ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เจ้าสาว(ตัวร้าย)ม.ปลายที่รัก

    ลำดับตอนที่ #10 : บทที่9 เรียกพี่ให้พันห้า เรียกน้าจะโดนจูบ

    • อัปเดตล่าสุด 2 ธ.ค. 60


    บทที่9 เรียกพี่ให้พันห้า เรียกน้าจะโดนจูบ



    นับตั้งแต่พิมพ์ชนกฟื้นขึ้นมาเด็กสาวก็ฟื้นตัวขึ้นมาก เรียกได้ว่าหายวันหายคืน แม้จะต้องเรียนไม่ทันเพื่อนแต่ทุกคนก็ดีใจที่พิมพ์ชนกฟื้นขึ้นมา ช่วงแรกๆผู้เป็นพ่อและแม่และน้องๆจะมาเฝ้าที่โรงพยาบาลแต่พอผ่านไปหลายวันเด็กสาวก็สั่งห้ามเพราะอยากให้ได้พักผ่อนกันสบายๆบ้าง 

    พิมพ์ชนกนอนมองเพดานห้องนั้นด้วยความรู้สึกแปลกๆ ทั้งที่ทุกคนกลับไปแล้วแต่ทำไมเธอถึงรู้สึกคล้ายกับว่ารอคอยใครสักคนอยู่ ตั้งแต่เธอฟื้นขึ้นมาจนวันนี้เธอได้เห็นหน้าใครคนนั้นทุกวันแต่ก็เห็นแค่ช่วงสั้นๆเท่านั้น ใครคนนั้นก็คือพายัพเมฆ แต่วันนี้เขาคงไม่มาหรอก ทำไมจะต้องมาหาเธอด้วยล่ะ

    แอ่ดดด

    เสียงประตูที่ถูกเปิดออกทำให้คนที่นอนทำหน้าเบืาอหน่ายอยู่บนเตียงต้องหันมองอย่างสนใจ ร่างที่เดินเข้ามาก็คือเขา คนที่เธอเฝ้ารอ

    "กินขนมมั้ย วันนี้มีขนมมาฝากด้วย" เสียงนั้นทักมาอย่างแจ่มใสก่อนที่ร่างสมบูรณ์แบบจะเดินมานั่งลงที่เก้าอี้ข้างๆเตียง ชูถุงขนมให้คนบนเตียงดู

    "กินได้เหรอ?" คนที่ไม่ได้กินขนมมาสองสัปดาห์กว่าๆถามขึ้น มองขนมที่เป็นของโปรดเธอทั้งนั้นแล้วกลืนน้ำลายลงคอ 'อร๊ายอยากกินนนน'

    "กินได้ดิ ไอ้หมออนุญาตแล้วพี่ถึงซื้อมาให้" พายัพเมฆบอกก่อนที่เด็กสาวจะเบิกตากว่ากับคำว่า'พี่' ปกติเขาและเธอจะแทนตัวเองว่าเค๊ากับตัวแต่เดี๋ยวนี้พายัพเมฆชักทำตัวแปลกๆ

    "พี่เลยเหรอน้าพลาย" คำถามใสซื่อถูกส่งมาทำร้ายจิตใจคนไม่อยากยอมรับว่าสามสิบกว่าแล้วเข้าอย่างจัง

    "เรียกพี่ได้มั้ย ทีกับพี่พีมตัวยังเรียกพี่เลย" พายัพเมฆพูดด้วยน้ำเสียงขอร้องกลายๆจนหัวใจดวงน้อยๆไหวหวูบ 'มันก็จะดูน่ารักน่าเอ็นดูอยู่นะ'

    เด็กสาวทำท่าครุ่นคิดก่อนที่จะแบมือไปตรงหน้ากระดิกนิ้ว "ค่าจ้างเรียกพี่จะให้เท่าไหร่"

    "ร้ายจริงตัวแค่นี้" พายัพเมฆอดไม่ได้ที่จะบ่นแล้วยกมือขึ้นหยีผมสาวน้อยผู้ค่อนข้างจะงกและเห็นแก่เงินสักนิด

    "เท่าไหร่ว่ามะ ไม่จ่ายก็ไม่เรียก" คนโดนบ่นยังคงไม่ใส่ใจ

    "งั้น" เขาพูดแล้วขยับเข้าใกล้ "เรียกพี่ให้พันห้า แต่ถ้ายังเรียกน้าจะโดนจูบ น่าสนใจมั้ย"

    'เว้ยๆ  ฟ้าจะถล่มดินจะทลายแน่ๆเกิดอะไรขึ้นกับน้าพลายกัน'

    "อย่ามาพูดเล่นน่ะน้าพลาย" พิมพ์ชนกบอกแต่ไม่รู้เลยว่าพายัพเมฆนั้นรอโอกาสอยู่แล้ว หนุ่มใหญ่ขยับเข้ามาใกล้ก่อนที่จะโน้มใบหน้าลงจุมพิตที่กลีบปากบาง พิมพ์ชนกเบิกตากว้างอย่างตกใจ เขาไม่ได้รุกรานไปมากกว่านั่นเพียงแค่สัมผัสริมฝีปากกันเท่านั้นก่อนที่จะผละออกเพราะกลัวจะอดใจไม่ไหวรุกรานเด็กสาวผู้อ่อนต่อโลกมากไปกว่านี้

    "เรียกน้าอีกจะเอาจริงกว่านี้นะบอกให้" พายัพเมฆบอกในขณะที่พิมพ์ชนกนั้นเขินหน้าแดงหูแดงไปหมด ช่างเขินได้น่ารักเสียจริงสำหรับพายัพเมฆ หนุ่มใหญ่ระบายยิ้มเอ็นดูออกมากับท่าทีขวยเขินนั้นแล้วจ้องมองด้วยสายตาเอ็นดูอยู่เนิ่นนาน

    "นะ เอ่อ พี่ พี่พลาย เค๊าหิวน้ำ" เพราะไม่อาจทนต่อสายตาที่อีกฝ่ายมองมาได้เด็กสาวจึงเอ่ยบอกให้อีกฝ่ายไปรินน้ำให้ พายัพเมฆขยับไปทำให้ทันทีก่อนที่จะส่งแก้วน้ำกลับมาให้ เด็กสาวรับมาก่อนที่จะใช้ปากคาบหลอดแล้วดูดน้ำในขณะที่สายตาก็มองไปที่พายัพเมฆไปด้วย หนุ่มใหญ่กำลังมองมาที่เธอจนทำให้อดเขินไม่ได้ยิ่งเขินยิ่งดูดน้ำจนที่สุดก็สำลัก "แค่กๆ"

    "อ้าว จะรีบกินไปไหนน่ะเห็นมั้ยสำลักเลย" เขาเอ็ดให้แต่ก็คอยดูแลจนเด็กสาวยอมรับกับตัวเองได้ว่ารู้สึกดีที่สุดในโลกเลย

    "เอาน้ำอีกมั้ย"

    "ไม่เอาแล้ว จะกินขนม"

    "งั้นเดี๋ยวพี่แกะให้" พายัพเมฆบอกก่อนที่จะฉีกถุงขนมแล้วหยิบขึ้นมายื่นให้ตรงหน้า "อ้ำ"

    พิมพ์ชนกอ้าปากรับก่อนที่จะเคี้ยวตุบๆ ก่อนที่จะยิ้มแป้นออกมา ตั้งแต่เข้าโรงพยาบาลไม่ได้แตะรสชาตินี้เลยพอมาได้กินมันทำให้เด็กสาวดีใจและอร่อยถึงกับต้องยิ้มกว้างแต่ไม่รู้ว่าความจริงแล้วเพราะมีคนป้อนคนนี้รึเปล่าถึงทำให้เธอยิ้มแก้มแทบปริ

    พายัพเมฆคอยป้อนขนมให้เด็กสาวจนหมดแต่คนโดนป้อนกับทำหน้าราวกับน้องเหมียวกินปลาทูไม่อิ่มจนเขาต้องยิ้มขำ "ไม่อิ่มเหรอ"

    "ไม่อิ่มอะ" เด็กสาวว่าแล้วหันไปมองผลไม้ที่เพื่อนๆหอบมาเยี่ยมเป็นกระเช้าใหญ่พลางทำตาปริบๆ

    "งั้นเดี๋ยวพี่ปอกแอปเปิ้ลให้กินแล้วกัน" พายัพเมฆบอกก่อนที่จะลุกไปหยิบมีดปอกผลไม้กับแอปเปิ้ลมาสองลูก

    "ปอกเป็นเหรอ" เธอถามอย่างไม่ค่อยอยากจะเชื่อ ขนาดตัวเธอนี่ยังปอกไม่ค่อยได้เลยมีดบาดตลอดแล้วพายัพเมฆที่ดูห้าวๆแบบนี้จะทำได้เหรอ

    "มันจะไปยากอะไร ก็แค่ปอกเปลือก" พายัพเมฆบอกอย่างมั่นใจทั้งที่ไม่เคยปอกผลไม้เลยสักนิด

    เวลาต่อมา

    "นี่มันเรียกว่าปอกเปลือกเหรอ เนื้อหลุดไปเยอะแยะเลยอะ" พิมพ์ชนกถามในเชิงล้อเลียนเมื่อมองแอปเปิ้ลที่ผ่านการปอกเปลือกเรียบร้อยแล้ว ดูไม่ได้เลยสักนิด ดวงตากลมมองเลยไปที่นิ้วของพายัพเมฆ กว่าจะเสร็จก็ได้แผลไปหลายแผลเลยทีเดียว

    "เหอะน่า ปอกให้กินได้ก็ดีแค่ไหนแล้ว กินแบบนี้ไปก่อน ไว้ปอกให้กินบ่อยๆเดี๋ยวก็ดีเองแหละ" พายัพเมฆบอกก่อนที่จะยื่นชิ้นแอปเปิ้ลไปให้ เด็กสาวรับไปกินก่อนที่จะทำหน้าเหมือนกับว่าได้กินอะไรสักอย่างที่สุดแสนจะเค็ม

    "เค็มขี้มือพี่ชะมัดเลย" เด็กสาวบอกออกไปตรงๆจนพายัพเมฆทำหน้าย่น

    "เค็มก็ไม่ต้องกิน" พยัพเมฆวาาแล้วฉวยชิ้นแอปเปิ้ลที่เหลือในมือเด็กสาวมาเข้าปากเคี้ยวๆแล้วเดินไปนั่งที่โซฟาอย่างคนงอน ด้านพิมพ์ชนกนั้นถึงกับอึ้ง เขากินแอปเปิ้ลชิ้นนั้นที่เธอเกินเหลืออย่างไม่นึกรังเกียจเลย เอ๊ะ เดี๋ยวนะ นั่นเขางอนเธอรึเปล่าล่ะนั้น

    "พี่พลาย น้องยังไม่อิ่มเลย" เด็กสาวบอกด้วยน้ำเสียงอ้อนๆใช้คำแทนตัวเองว่าน้องจนพายัพเมฆชะงักงันหันมามอง ตอนเด็กๆพิมพ์ชนกจะแทนตัวเองว่าลูกกับพ่อและแม่และจะแทนตัวเองว่าน้องกับทุกคนรวมถึงเขาด้วย แต่พอเริ่มโตแถมยังเป็นพี่คนโตของบ้านเธอจึงแทนตัวเองว่าหนูหรือพริกไทยกับผู้ใหญ่ และแทนตัวเองว่าเค๊ากับเขาและพี่ชาย

    "เมื่อกี้ว่าไงนะ?" นานแล้วจริฃๆทร่ได้ได้ยินอีกฝ่ายแทนแบบนี้จนเขาต้องถามให้แน่ใจ

    "น้องยังไม่อิ่ม" พูดไปเขินไป ไม่รู้ว่าเพราะอะไรแต่มันเขินจนอธิบายไม่ถูก

    "งั้นพี่ปอกส้มให้กินดีกว่า คงไม่เค็มแบบแอปเปิ้ลหรอก" เขาบอกแล้วลุกไปหยิบส้มลูกโตมาแกะเปลือกก่อนที่จะเดินกลับมานั่งข้างๆเตียง

    "น้องว่ามันเปรี้ยวแน่ๆ" พิมพ์ชนกบอกทำให้พายัพเมฆต้องหยิบเข้าปากเพื่อทดสอบให้

    "ก็หวานดีนะ กินได้" เขาบอก

    "แน่นะ" พิมพ์ชนกถามอย่างไม่แน่ใจ

    "ที่สุด อะ อ้ำ" พายัพเมฆว่าแล้วก็ป้อนให้และทันทีที่ส้มเข้าากสีหน้าของพิมพ์ชนกก็เปลี่ยนไปทันทีตามด้วยคำพูดติดประชด "อร๊ายยยย หวานจริงด้วย หวานเหลิอเกิน"

    'ส้มมันหวาน หวานซะไม่มี มันมีแต่ความเปรี้ยวยังมีหน้ามาบอกว่าหวานอีก งอนแล้ว' เด็กสาวคิดในใจแล้วสะบัดหน้าหนีคนยิ้มขำ


    อ่านกันต่อนะคะ


    "ทำหน้าเป็นปลาเกยตื้นเชียว งอนเหรอ" พายัพเมฆถามเมื่อเห็นคนถูกหลอกให้กินส้มแสนจี๊ดใจเมื่อเธอเอาแต่เงียบ


    "งอนอะไร เค๊าจะมีสิทธิ์อะไรไปงอน" เด็กสาวบอกทั้งที่ความจริงแล้วกำลังงอนถึงขั้นหนัก แต่คิดอีกทีเธอก็ไม่มีสิทธิ์จริงๆนินะ เมื่อคิดว่าตัวเองไม่มีสิทธิ์สีหน้าของพิมพ์ชนกก็ซีดลง


    เมื่อเห็นหน้าพิมพ์ชนกซีดลงพายัพเมฆจึงเอ่ยขึ้น "พูดแบบนั้นไม่ถูกนะ ตัวเองเป็นเจ้าสาวของเค๊า มีสิทธิ์งอนเค๊าอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นงอนได้" 


    "มีสิทธิ์จะงอน แต่งอนแล้วไม่มีคนง้อ จะงอนทำไม" คนที่ปกติช่างงอนบอกด้วยเสียงซึมๆ


    "พริกไทยอยากงอนก็งอนเถอะ พี่พลายคนนี้จะง้อเอง" เขาบอกและนั่นก็เป็นคำพูดที่ทำให้พิมพ์ชนกทั้งตกใจและมึนงงจนต้องถามคำถามหนึ่งออกไป "หัวไปกระทบอะไรมารึเปล่าเนี่ย ทำตัวแปลกๆ มาทำดูแล มาทำเหมือนห่วงใยกันทั้งที่เมื่อก่อนมีแต่ไล่"


    "ทำตัวแปลกๆเหรอ ก็ไม่นะ มันก็เป็นธรรมดาของคนกำลังจะแต่งงานกันนะที่จะคอยห่วงใยดูแลในยามเจ็บไข้" พายัพเมฆยังคงบอกด้วยน้ำเสียงชิลว์ๆสบายๆ


    "แต่มันไม่ธรรมดาอ่า เมื่อก่อนตัวเอาแต่ไล่เค๊า ทำไมตอนนี้ต้องมาทำดีด้วยล่ะ" เด็กสาวโวยขึ้นอย่างไม่เข้าใจก่อนที่จะเกิดบทสนทนาอันยาวเหยียดขึ้น


    "ก็เรากำลังจะแต่งงานกันไง"


    "เอาให้เคลียร์ อย่าพูดให้งง"


    "ต่อไปเราจะเป็นสามีภรรยากัน นั่นหมายความว่าต่อไปเราต้องช่วยกันประคับประคองชีวิตคู่ไปจนแก่เฒ่า"


    "แล้วไง?"


    "ก็ถ้าขาดความรักความเข้าใจกันชีวิตคู่จะไปได้แค่ไหนกัน  เพราะฉะนั้นเราสองคนควรที่จะ..."


    "จะ?"


    "เราควรจะปรับตัวเข้าหากัน  ทำเหมือนคนที่เขาคบหาดูใจกันอยู่"


    "เพื่อ?"


    "เพื่อชีวิตคู่ของเราไง"


    "แล้วความรักล่ะ"


    "เดี๋ยวมันก็ตามมา ไม่เคยได้ยินเหรออยู่ๆไปเดี๋ยวก็รักกันเองแหละ"


    "แล้วคิดว่าเค๊ากับตัวจะรักกันได้จริงเหรอ"


    "สำหรับพี่พลาย พี่พลายมีคำตอบในใจแล้ว แต่สำหรับพริกไทยพี่พลายยังไม่อยากคิดเรื่องนี้ในตอนนี้"


    "ทำไมอ่า"


    "ก็พริกไทยยังเด็ก หน้าที่ตอนนี้คือเรียน เรียนไปให้จบค่อยคิด"


    "งง"


    "งงอะไรล่ะ ไหนว่าฉลาดนักฉลาดหนาไง"


    "ก็ตัวพูดให้งงนิ เค๊าถามว่าคิดว่าเค๊ากับตัวจะรักกันได้เหรอ แต่ตัวตอบไม่ตรงคำถาม เฉไปเรื่องอื่น"


    "คำตอบคือได้ และสำหรับคำว่าเราจะรักกันได้มั้ยนั้นพี่พลายตอบพริกไทยได้แค่ว่าพี่พลายมีคำตอบในใจแล้วแต่ยังบอกพริกไทยในตอนนี้ไม่ได้"


    "ทำไมล่ะ"


    "ยังไม่ถึงเวลา"


    "แล้วเมื่อไหรจะถึงเวลาเล่า"


    "ก็...เมื่อพริกไทยเรียนจบ"


    "นาน"


    "แค่ห้าปีไม่นานหรอก"


    "นานนนน  ลดลงหน่อยได้มั้ย"


    "ไม่ได้"


    "นะ ลดให้น้องหน่อยนะ จากจบปริญญาเป็นจบม.6 นะ "


    "นะพี่พลายขา"


    "ไปไม่เป็นเลยเจอไม้นี้ โอเค จบม.6ก็ได้ ไว้จบม.6แล้วพี่พลายจะบอกพริกไทย"


    "ไม่เอาๆ เปลี่ยนใจแล้ว ตัวบอกเค๊าในวันแต่งงานได้มั้ย"


    "เอ่อ มันไม่เหมาะมั้ง"


    "นะ นะตัวเอง"


    "ถ้าจะใช้ไม้นี้ก็ได้ ยอมก็ได้ ไว้วันแต่งงานพี่จะบอก"


    "สัญญาแล้วนะ"


    "อือ สัญญา"


    ในห้องสองหนุ่มสาวต่างวัยกำลังเกี่ยวก้อยสัญญากันแต่ทั้งสองไม่รู้เลยว่ามีใครคนหนึ่งเปิดประตูเข้ามาในห้องและได้ยินทุกอย่างจนหมดสิ้นแล้ว เขาคือธนกฤตนั่นเอง นายพลใหญ่เเห่งกองทัพเรือมองบุตรสาวทีว่าที่บุตรเขยทีก่อนที่จะเดินออกจากห้องอย่างเงียบเชียบ


    "เชอะ อย่าคิดว่าอาจะให้แกทำตามสัญญาไอ้พลายหลานรัก" ธนกฤตพูดก่อนที่จะเดินไปหานางพยาบาลคนหนึ่ง "คุณพยาบาลป่านครับ ผมฝากดูลูกสาวด้วยนะ วันนี้แม่กับน้องแกกลับไปนอนที่บ้านน่ะ"


    "ได้ซิคะท่าน เดี๋ยวป่านไปวัดไข้คนไข้สักพักจะเข้าไปเฝ้าน้องให้ก็แล้วกัน" นางพยาบาลสาวใหญ่เอ่ยบอกก่อนที่ธนกฤตจะเดินออกไปจากที่แห่งนั้น ไม่มีใครรู้ว่าเขาจะทำอะไรและไม่มีใครรู้ว่าใครจะได้รับผลกับการกระทำของเขานอกจากตัวเขาเอง สิ่งที่จะทำก็เพื่ออนาคตของบุตรสาวเท่านั้น


    "พี่พลาย น้องยังไม่อิ่มเลยอ่า" ด้านในคนยังไม่อิ่มกำลังพูดด้วยเสียงอ่อนๆ


    พายัพเมฆส่ายหน้าก่อนที่จะบอก "ไหนพูดใหม่ซิ ไม่ชอบแบบนี้อ่า เปลี่ยนเป็นเค๊ากับตัวเองน่ารักกว่า"


    "ตัวเอง เค๊ายังไม่อิ่มเลย"  


    "ค่อยเหมือนคนกำลังจะแต่งงานกันหน่อย"


    "ตัวเอง"


    "โอเค กินองุ่นดีกว่า คงไม่เค็มขี้มือและเปรี้ยวเข็ดฟันหรอกเนาะ"


    "มีองุ่นทำไมไม่บอกแต่แรกล่ะ"


    "เพิ่งนึกได้ว่าพี่ข้าวฟ่างฝากมาเยี่ยม" 


    "อะ หนึ่งลูก"


    "มันจะอิ่มได้ยังไงเล่าแค่นี้ เอามาทั้งพวงดิ"


    "ถ้าตัวเองอยากกินต้องตอบปัญหาเค๊าให้ได้ก่อน"


    "ทายมาดิ"


    "อะไรเอ่ย กลมๆมีรูตัวกลาง"


    "มุกนี้เกิดไม่ทันแต่เคยได้ยิน เปลี่ยนคำถาม"


    "เฮ้ย งั้นเจออะไรใจไม่อยู่กับตัว"


    "เจอไร เจอผีใช่ป่ะ"


    "ไม่ใช่"


    "งั้นเจออะไรล่ะ เจอหนอนเหรอ"


    "ก็ยังไม่ใช่"


    "ยอมแล้วกันไม่รู้อะ"


    "เจออะไรใจไม่อยู่กับตัว ก็เจอละไมไงล่ะ  เจอละไมไปไกลเลยไม่อยู่กับตัว"


    "เจอละไม เจอละไม ใจละเมอ!"


    "ใช่แล้ว"


    "เจอคำถามแบบนี้อดเลย"


    "ถามใหม่แล้วกัน ตอบได้จะให้กิน"


    "ถามมา แต่ไม่เอาแบบเมื่อกี้นะ"


    "ดราก้อนมี4ขา 1หาง ถ้ามีดราก้อน13ตัวจะมีเล็บเท้ากี่เล็บ"


    "260"


    "เก่งมาก คิดเร็วจริงเลย"


    "เอามา"


    "อะ"


    "แต๊งค์กิ้ว" เธอบอกก่อนที่จะหงิบผลองุ่นขึ้นมามองและจะเอาเข้าปากแต่ยังไม่ทันได้กินเสียงของนางพยาบาลวัยกลางคนก็ดังขึ้นซะก่อน "น้องเลิกกินได้แล้วค่ะ วางลงเลย ดึกแล้วนะคะ น้องควรนอนได้แล้วนะ" 


    "ขอสักคำนะคะคุณพยาบาล" พิมพ์ชนกมององุ่นอย่างปรารถนาแล้วหันไปอ้อนนางพยาบาลสาวใหญ่


    "ไม่ได้ค่ะ น้องควรนอนได้แล้วนะคะ" แต่นางพยาบาลสายดุก็ไม่อ่อนให้พร้อมส่งสายตาดุให้ด้วย


    "นะ นอนเดี๋ยวนี่ล่ะคุณพยาบาล" ว่าแล้วก็ล้มตัวลงนอนช้าๆก่อนที่จะจัดผ้าห่มและหลับตา นางพยาบาลสายดุส่งสายตามาทางหนุ่มใหญ่ทันที


    "ผมจะอยู่เงียบๆไม่ชวนน้องคุยครับคุณพยาบาล" พายัพเมฆบอกก่อนที่จะย้ายตัวเองไปนั่งที่โซฟาแทน พยาบาลสาวใหญ่มองดุก่อนที่จะเดินออกจากห้องไป


    ตาที่หลับลงเผยขึ้นเมื่อได้ยินเสียงรองเท้าของคุณพยาบาล มือบางเลื่อนไปหยิบผลองุ่นมาทันที


    "กินคำนั้นแล้วนอนเลยนะที่รัก ถ้าไม่รักพี่พลายจะโดดขึ้นไปนอนก่อนนะบอกให้" พายัพเมฆบอกโดยไม่ได้ขย่บหรือหันหน้าจากประตูกลับมามอง


    "อึก" เด็กวาวกลืนผลองุ่นดสนหวานลงคอก่อนที่จะนอนหลับตาไปเหมือนเดิม รู้สึกไม่พร้อมจะรับฟังคำหวานๆและพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของพายัพเมฆสักเท่าไหรจนไม่อยากจะสู้รบด้วย 'ใันนี้นอนเอาแรงก่อนแล้วกัน'




    น่าสงสาร องุ่นก็ได้กินไปคำเดียว555+

    นางเองอีไรต์ทุกคนย่อมเจอเช่นนี้แล555+

    วันศุกร์ยุ่งๆอาจจะไม่ได้มา เอาเป็นว่าต่อไปไรต์จะมาวันเสาร์วันเดียวนะคะ ใครอ่านอยู่ชูเม้นต์หน่อย



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×