ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic HxH : Hunter x Hunter] CHECKMATE

    ลำดับตอนที่ #10 : Chapter 7 | King and Knight

    • อัปเดตล่าสุด 26 มี.ค. 63



    Chapter 7



    การสอบรอบที่สองครึ่งหลัง ผ่าน 42 คน

    ผู้เข้าสอบทุกคนที่ผ่านมาได้ ขึ้นมาพักบนเรือเหาะลำเดียวกับประธานเนเทโล่เพื่อไปสู่สนามสอบรอบต่อไป ส่วนคนที่ไม่ผ่านถูกพาขึ้นรถรางเพื่อส่งตัวไปยังทางออก

    “เราจะไปถึงจุดหมายถัดไปตอนพรุ่งนี้แปดโมงเช้าครับ เชิญพักผ่อนตามสบายจนกว่าเราจะเรียกหา” สไลม์เขียวในชุดสูทชี้แจง ก่อนจะบอกให้ทุกคนแยกย้ายได้

    ตุบ

    กอร์นวางกระเป๋ากับเบ็ดตกปลาพิงกำแพง ก่อนจะหันมาหาคุเรฮะข้าง ๆ เด็กสาวถอดเสื้อโค้ทยาวคลุมกระเป๋าคุราปิก้า ก่อนจะหันมาเลิกคิ้วใส่ กอร์นกับคิรัวร์มองเธอไม่วางตามาสักพักแล้ว

    คิรัวร์วางสเก็ตบอร์ดลง “ตั้งแต่ขึ้นเรือเหาะมาฉันยังไม่เห็นเธอหาวเลยนะคุเรฮะ”

    “นั่นสิ” กอร์นพยักหน้าเสริม

    “อ้อ…” คนถูกจ้องหันหน้าไปมองทางกระจกชมวิว ตอนนี้อยู่ในช่วงกลางคืน พระจันทร์เต็มดวงสะท้อนเข้าดวงตา “ช่วงนี้เป็นเวลาทำงานน่ะ”

    “ทำงาน? อย่าบอกนะว่าตอนเช้าสำหรับเธอเป็นเวลานอน?”

    คุราปิก้าถามอย่างไม่อยากจะเชื่อ ยิ่งเห็นเจ้าตัวพยักหน้ารับก็แทบจะตบเหม่งตัวเองดังแป๊ะ คิรัวร์มองด้วยแววตาปลาตาย “ใครมันจัดเวลาชีวิตให้เธอวะเนี่ย…”

    “เอาน่า คุเรฮะตื่นก็ดีแล้ว ว่าแต่คุราปิก้าจะไปสำรวจเรือเหาะกับพวกเราด้วยไหม?” กอร์นมองคิรัวร์ที่คล้องแขนคุเรฮะขึ้นมาเป็นนัยว่าจะหิ้วไปด้วย

    “ไม่ล่ะ ฉันขอตัวดีกว่า”

    หันไปมองเลโอลีโอบ้าง คนตัวสูงทรุดลงพิงกำแพงแล้วส่ายหน้าปฏิเสธเนือย ๆ ดูท่าทางจะเพลียกันไม่เบา

    เด็กชายพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะพากันวิ่งไปกับคิรัวร์อย่างร่าเริง โดยมีคุเรฮะถูกเกี่ยวแขนตามไปด้วยติด ๆ


    “เราจะไปไหนกันก่อนดีล่ะ!”

    “ก็ต้องไปที่ห้องคนขับก่อนน่ะสิ~!”


    เด็กชายผมเงินตอบอย่างกระตือรือร้น ครั้งแรกที่มีพรรคพวกพากันวิ่งเล่นสำหรับเขาช่างน่าสนใจ ดวงตาสีฟ้าครามเหลือบมองคนที่ตัวเองเกี่ยวแขนให้ตามมาด้วยเป็นระยะ เห็นว่าอีกคนไม่ได้ปฏิเสธอะไรก็วางใจ

    กอร์นพูดอย่างไม่คิดอะไร “คุเรฮะเนี่ย ถ้าไม่ใส่กางเกงขาสั้นฉันคงนึกว่าเป็นผู้ชายแน่ ๆ”

    เพราะหน้าก็หล่อคม เสียงก็ทุ้ม แถมช่วงบนยัง…

    คิรัวร์ที่เห็นด้วยในใจชำเลืองมองส่วนที่ไม่โค้งนูนอย่างที่ผู้หญิงทุกคนควรจะมี ลองไปยืนเทียบกับอาเจ๊เม็นจิทีนี่เห็นความแตกต่างกันชัดเจน

    “ดีนะที่พ่อให้ลูกใส่แต่กางเกงขาสั้น” คนปลายสายเอ่ยอย่างคนอยากมีส่วนร่วม ชวนให้หางคิ้วกระตุกมาก ทุกวันนี้ที่หากางเกงขายาวแทบไม่เจอมันเป็นเพราะใครกันล่ะ

    แต่วิ่งไปได้สักพักคิรัวร์ก็หยุดชะงัก

    “มีอะไรเหรอคิรัวร์?” กอร์นที่วิ่งแซงไปหลายก้าวหันมาถาม เห็นคนผมเงินฟูมองไปด้านหลัง มีผู้เข้าสอบไม่กี่คนกำลังยืนอยู่แถวทางเดินที่พวกเขาวิ่งผ่านมา

    เขารู้สึกได้ถึงจิตสังหารของใครบางคน…


    “ไม่ต้องมองหาหรอก”

    คำพูดสั้น ๆ ทำให้คนระแวงหันกลับมา เด็กชายมุ่นคิ้วเมื่อเธอพูดต่อ “เดี๋ยวก็โผล่มาเอง”

    เขาพยักหน้ารับแล้วพากันวิ่งไปหากอร์น บอกว่าไม่มีอะไรด้วยหน้ากากของเด็กจอมซนดังเดิม


    แกร๊ก

    ประตูห้องคนขับเรือเหาะถูกเปิดออก เด็กสามคนพากันมองเข้าไปด้านใน แผงควบคุมส่วนต่าง ๆ ปรากฏแก่สายตาสามคู่

    “นี่ไง เห็นม้า~”

    “แต่ว่ามีป้ายเขียนไว้ว่าห้ามเข้านะคิรัวร์”

    คุเรฮะยืนอยู่ด้านนอก มองเด็กซนที่เป็นแกนนำด้วยสายตาเบื่อหน่าย เด็กชายผมเงินเดินเข้าไปด้านในโดยมีกอร์นตามไปติด ๆ

    เอ้อ… ไอ้คนเตือนก็เข้า พอกันทั้งคู่เลย

    “วันนี้คลื่นลมสงบไม่มีอะไรน่าห่วง ทุกอย่างราบรื่นดี แต่ที่น่ากลัวที่สุดก็คือหลับใน ถ้าตอนนี้มือว่างก็ช่วงชงกาแฟให้หน่อยสิ”

    คนที่คาดว่าเป็นกัปตันคุมเครื่องเอ่ยขณะยืนจ้องแผงควบคุมด้านหน้า ไม่ได้รู้ตัวเลยว่ามีพวกเด็กซนแอบเข้ามาส่องห้องคนขับ

    “กะอีแค่กาแฟชงเองไม่เป็นเหรอ ไม่ได้เป็นง่อยซะหน่อย— อะ… เอ้อ แต่ว่า เพื่อตอบแทนที่ให้เข้ามาสำรวจ เราจะชงให้ก็ได้ ฮะฮะ”

    เด็กสาวยืนกอดอกพิงกำแพงข้างประตูหลับตาฟัง เสียงกวนส้นของคิรัวร์เอ่ยยาวเหยียด ตามมาด้วยเสียงหัวเราะแห้ง ๆ ของกอร์น เดาว่าคงตามน้ำไปงั้น

    สามวินาทีต่อมา เจ้าหมาแมวสองตัวก็ถูกโยนโครม— ออกมาจากห้อง

    “ฮึ่ย ถ้าหวงห้ามไม่อยากให้เข้า ทีหลังก็ล็อกกุญแจไว้เด้!”

    ในขณะที่คนหนึ่งบ่นแว๊ด ๆ ตามหลัง อีกคนหนึ่งก็เดินเข้ามาจับชายเสื้อเชิ้ต กอร์นทำตาละห้อย “…โดนด่าซะแล้วล่ะ”

    “…” ไอ้ลูกหมานี่ก็ซนพอกัน แค่หน้าด้านน้อยกว่าคิรัวร์เฉย ๆ —แต่ยังไม่ทันได้เอ่ยอะไร คนทำหน้าตายก็โดนเจ้าแมวขาวยกมือเกี่ยวคอลากไป

    “ป่ะ ไปที่อื่นกันต่อ!”

    หลังจากนั้นก็พากันไปสำรวจเกือบจะหมดทุกตารางนิ้ว ตั้งแต่ห้องเก็บของ ห้องอาหาร เลานจ์ ลากยาวไปยันห้องส้วมแคบ ๆ

    (อันแรก ๆ ยังไม่เท่าไหร่ แต่ไอ้อันหลังนี่ไม่ค่อยเข้าใจ มันมีอะไรให้สำรวจวะคะ…)


    หลังจากกินอาหารมื้อค่ำเสร็จแล้ว นอกจากประธานเนเทโล่แล้ว บนเรือเหาะนี้ยังมีเม็นจิ บูฮาร่าและซาธ็อทจากการสอบรอบที่แล้วอยู่ด้วย และตอนนี้พวกเขากำลังคุยกันเรื่อยเปื่อยในห้องพักว่าเด็กใหม่คนไหนเจ๋งแจ๋ว

    ซึ่งเม็นจิเลือกเบอร์ 294 ที่รู้เรื่องซูชิ ส่วนซาธ็อทเลือกเบอร์ 99 เพราะกลิ่นอายของนักฆ่าที่ถูกฝึกมาอย่างดี

    “บูฮาร่าล่ะ ว่าไง?”

    คนตัวใหญ่จิ้มขนมเค้กเข้าปาก “นั่นสินะ รู้สึกจะเบอร์ 44 ล่ะมั้ง เม็นจิก็คงจะรู้สึกเหมือนกัน ตอนที่เบอร์ 255 อาละวาด คนที่เปล่งรังสีฆ่าฟันออกมามากที่สุดก็เจ้าเบอร์ 44 นี่แหละ”

    “แน่นอน ฉันเองก็รู้ …ที่ฉันประสาทเสียไปหน่อยที่จริงก็เพราะงี้แหละ หมอนั่นน่ะคอยจ้องหาเรื่องฉันตลอดเลย!”

    “ผมเองก็เหมือนกัน …ถึงจะไม่อยากยอมรับก็เถอะ แต่เค้ากับเราก็เหมือนตัวตุ่นอยู่ในรูเดียวกัน เพียงแค่เค้าชอบอยู่ในที่มืดมิดมากกว่าเราเท่านั้น” ซาธ็อทเอ่ยด้วยน้ำเสียงสุขุมนุ่มลึก

    “พวกเราฮันเตอร์… ในใจลึก ๆ ก็ต้องการคู่ต่อสู้ที่เหมาะสม สำหรับเค้าแล้ว สนามสอบฮันเตอร์อาจจะเป็นสถานที่สำหรับหาคู่ที่เหมาะสมสำหรับเค้าก็ได้

    …เป็นตัวอันตรายที่ชอบแหกคอก แบบที่พอคนอื่นเหยียบเบรกแต่ตัวเองกลับเหยียบคันเร่งทะยานออกไปอย่างไม่ลังเล—อะไรแบบนี้”


    ปึก

    ปราสาทไพ่สมบูรณ์แบบพังทลายด้วยการแตะแค่นิ้วเดียว ฮิโซกะที่สร้างมันและทำลายลงยิ้มด้วยความพึงพอใจ ทำเอาผู้เข้าสอบหลายคนที่อยู่ใกล้พากันถอยหนีเป็นวงกว้าง

    “หึหึหึ…”


    ซาธ็อทมองเงาสะท้อนตัวเองในน้ำชา “แต่คนที่ควรระวังมากที่สุดน่ะไม่ใช่เบอร์ 44 หรอกนะครับ

    แต่เป็นคราวน์เบอร์ 45 ต่างหาก”


    ชิ้ง…!

    นัยน์ตาของสัตว์ร้ายในคราบมนุษย์ชำเลืองมองคนในเงามืด พวกล่าคราวน์ที่คิดจะลองดีพากันชะงักหัวหดในทันที

    ลับหลังคิรัวร์กับกอร์น เธอขยับปากไร้เสียง

    “ฉันไม่ชอบ พวก-ลอบ-กัด นักหรอกนะ”


    “โอ้… ใช่ ยัยหนูคราวน์นั่น” เม็นจิตัดเค้กแล้วจิ้มเข้าปากตัวเองบ้าง “ยอมรับเลยว่าฝีปากไม่เบา เล่นเอาฉันสะอึกนิด ๆ แบบที่แย้งไม่ได้เลยละ”

    “ฉันว่าเด็กคนนั้นทำซูชิเป็น” บูฮาร่าเอ่ย

    “ใช่ เธอทำเป็น แต่ไม่ทำ” หญิงสาวคนเดียวในห้องพยักหน้า “มืออาชีพอย่างฉันดูสายตานั่นก็รู้แล้ว เครื่องมือก็มี วัตถุดิบก็พร้อม แต่เธอไม่ยอมแตะอะไรเลย”

    “ผมได้ยินเธอบอกกับเบอร์ 44 ว่าเธอขี้เกียจ” ซาธ็อทหัวเราะเบาจนแทบไม่ได้ยิน เป็นคราวน์แท้ ๆ แต่กลับเตรียมใจสอบตกมากกว่าใครซะอีก

    “ฉันกล้าพูดว่าเธอไม่ได้ขี้เกียจ” เม็นจิแย้ง

    “แววตาที่ฉันเห็นมันมีอะไรมากกว่านั้น แต่น่าขำหรือน่ากลัวก็ไม่รู้ที่ฉันอ่านแววตาลึก ๆ ของเด็กคนนั้นไม่ออก”

    ซาธ็อทพยักหน้ารับ

    “ผมถึงบอกว่าเราควรระวังเธอไว้ เธอไม่เหมือนเบอร์ 44 ตรงที่แหกคอกตรงที่พุ่งทะยานไปก่อนใคร แต่เธอเป็นคนที่เหยียบเบรกอยู่นิ่ง ๆ เพื่อรอโอกาสที่เหมาะสมมากกว่าใครต่างหาก”


    “อย่างที่เบื้องบนสั่งมา เราควรจับตาดูคราวน์คนนี้ให้ดี”



    และแล้วการสำรวจก็จบลง พวกเขาสามคนมานั่งจุ้มปุ๊กอยู่บริเวณริมทางเดิน คิรัวร์ทำท่าถอนหายใจ ปากบ่นอุบอิบ

    “ที่จริงก็ไม่เห็นจะสนุกเท่าไหร่เล๊ย…”

    (โอ้โห ได้ข่าวว่าเอ็งเป็นแกนนำดึงไปนู่นมานี่อยู่ไม่สุข นี่เหรอไม่สนุกเท่าไหร่)


    คุเรฮะเท้าคางมองวิวนอกกระจกอยู่ข้างคิรัวร์ มองวิวที่เต็มไปด้วยแสงระยิบระยับจากไฟของเมืองด้านล่างเรือเหาะเงียบๆ ระหว่างนี้กอร์นก็ดูตื่นเต้น สะกิดให้เด็กชายผมเงินมามองตามใหญ่

    “นี่— คิรัวร์ คุเรฮะ”

    คิรัวร์เลิกคิ้วมองคนถาม ส่วนคุเรฮะครางรับในลำคอเบาๆ

    “พ่อกับแม่ของทั้งสองคนน่ะทำงานอะไรกันเหรอ?”

    “นักฆ่า” คิรัวร์ตอบอย่างไม่ต้องคิด ส่วนคุเรฮะก็โคลงหัวเล็กน้อยแล้วตอบบ้าง “ประมาณคิรัวร์นั่นแหละ”

    “เอ๊ะ ทั้งคู่เลยเหรอ”

    คำพูดและท่าทางที่ซื่อตรงของเด็กชายผมดำตั้งทำเอาคิรัวร์หัวเราะลั่น แต่อีกคนแค่เลิกคิ้วมองคนถามนิด ๆ

    “เชื่อด้วย?” เธอถาม

    “เอ๋ ก็มันเรื่องจริงนี่นา”

    พูดจบคนที่หยุดหัวเราะก็เป็นคิรัวร์ซะเอง เจ้าตัวดูแปลกใจปนตะลึงเล็กน้อย “ทำไมถึงรู้ล่ะ?”

    พอกอร์นหัวเราะคิกคักแล้วตอบว่า “ก็พอดูออกล่ะนะ” คำตอบนั่นก็กลายเป็นชนวน เด็กชายผมเงินฟูพูดจ้อเรื่องครอบครัวนักฆ่าของตัวเองยาวเหยียด แม้เด็กสาวข้างกายจะไม่ได้มีท่าทีสนใจแต่ก็ยังฟังอยู่เรื่อย ๆ และรับรู้ว่าตอนนี้พ่อก็กำลังเปิดสายฟังอยู่เช่นกัน

    เมื่อคิรัวร์เล่าจบว่าถ้าได้เป็นฮันเตอร์จะจับคนในบ้านให้หมด ทั้งสองคนก็เปลี่ยนเป้าหมายมาทางมือสังหารอีกคนบ้าง


    “แล้วครอบครัวคุเรฮะละเป็นยังไง?”


    กอร์นเป็นคนถาม แต่คิรัวร์ดูตั้งใจฟังมากกว่าใคร

    เด็กสาวกะพริบตาปริบๆ ก่อนจะทำหน้านึกเล็กน้อย “ฉัน—ก็เหมือนคิรัวร์นั่นแหละ… แต่ไม่ได้ถูกคาดหวังเรื่องลอบสังหารเท่ากับการขึ้นเป็นผู้นำตระกูลคนต่อไปเท่าไหร่”

    คิรัวร์ตาโต “ผู้นำตระกูลคนต่อไป—!?”

    ตอนแรกเขานึกว่าคุเรฮะเป็นแค่คราวน์สายหลักทั่วไปซะอีก ไม่นึกว่าจะเป็นถึงว่าที่ผู้นำตระกูลเลยสักนิด


    คราวน์นั้น -ไม่เหมือน- โซลดิ๊ก

    โซลดิ๊กเป็นตระกูลมือสังหารที่ทำการจ้างวานฆ่าเป็นกิจการของครอบครัวโดยตรง แต่คราวน์ต่างออกไป นอกจากจะทำงานลอบสังหารแล้วยังควบคู่ธุรกิจโลกใต้ดินเข้าไปด้วย อีกทั้งยังเป็นตระกูลใหญ่ที่มีสายตระกูลแยกย่อยออกไปค้ำจุนกันและกัน

    นั่นหมายความว่าถ้าคุเรฮะเป็นว่าที่ผู้สืบทอด อนาคตเธอก็คือผู้นำคราวน์ที่ต้องจัดการทั้งงานทั้งคน หน้าที่นี้หนักกว่าเขาที่ทำแค่เรื่องลอบสังหารอย่างเดียวซะอีก


    ดวงตาสองเฉดสีมองเด็กชายที่มีสีหน้าสับสน ก่อนจะยื่นมือเข้าไปหา จิ้มนิ้วชี้เข้ากลางเหม่งดังปุ๊ “คิดอะไรอยู่?”

    “ฉัน— ไม่แน่ใจ แค่ไม่นึกว่าเธอจะเป็นถึงคนสำคัญของคราวน์ขนาดนี้…” คิรัวร์หลบตา ภาพตอนที่หมูเกรทสแตมพ์ล้มลงโดยที่คนลงมือฆ่าไม่ได้ขยับตัวผุดขึ้นมา นั่นเป็นความแตกต่างกันของความสามารถรึเปล่านะ…?

    กอร์นที่เป็นแค่เด็กชายธรรมดามองพวกเขาสลับไปมาอย่างงุนงง “มันน่าตกใจขนาดนั้นเลยเหรอคิรัวร์”

    คุเรฮะหัวเราะหึ

    “มันก็ไม่ได้ดูอลังการเท่าที่คนนอกจินตนาการไปไกลนักหรอกนะ”

    “แต่คราวน์น่ะ—!!”

    เธอเอ่ยแทรกคิรัวร์อย่างไม่ใส่ใจ “ตำแหน่งนี้ฉันได้มาเพราะแม่ฉันเป็นคนโปรด ยังไงซะ ถ้าฉันถูกพี่น้องคนอื่นในสายตระกูลหลักฆ่าได้ ว่าที่ผู้นำตระกูลก็เปลี่ยนแปลงได้ง่าย ๆ เหมือนพลิกฝ่ามือนั่นแหละ”

    “นั่นหมายความว่าที่ผ่านมายังไม่มีใครล้มคุเรฮะได้งั้นเหรอ?” กอร์นแม้จะไม่ค่อยเข้าใจ แต่ถึงตรงนี้เขาก็พอจับทางได้ลาง ๆ

    “อาจจะมีก็ได้” เธอยืดแขนบิดขี้เกียจ “แค่ยังไม่โผล่มาจัดการฉันก็เท่านั้นเอง”

    “ถึงจะว่างั้นก็เหอะกอร์น แต่ใครจะไปเชื่อว่าคนที่วูบหลับตกเหวจะเป็นถึงผู้สืบทอดกันฟะ! ฉันเองก็ยังไม่อยากจะเชื่อเลย…!”

    “เชื่อ ๆ ไปเถอะ คิดอะไรเยอะแยะ”

    “ใครจะไม่คิดอะไรเลยเหมือนเธอกันเล่า” คิรัวร์เบ้ปากใส่

    “คิดมากเดี๋ยวนอนไม่หลับ เพราะงั้นไม่คิดแหละดีแล้ว”

    “…” กอร์นได้แต่มองทั้งสองคนสลับกันไปมาแล้วลูบหน้าตัวเองเบา ๆ …บางทีก็เข้าถึงการนอนหลับของคุเรฮะไม่ไหวจริง ๆ


    “!!”

    จู่ ๆ คิรัวร์ก็สะดุ้งกลางคัน ก่อนจะออกตัววิ่งออกไปราวกับจะไล่จับใครบางคนที่แอบมองในมุมมืดให้เจอ ท่ามกลางเสียงเรียกของกอร์นที่ดังตามหลัง

    เจ้าของดวงตาสีผสมเท้าคางนิ่ง มองเจ้าแมวสีขาวที่ค่อย ๆ เดินกลับมาด้วยแววตาที่ดำมืดราวกับหลุมลึก

    ในมือคิรัวร์กำต่างหูข้างหนึ่งเอาไว้



    พวกเขาแยกย้ายกันในเวลาต่อมา กอร์นกับคิรัวร์มานั่งที่เลานจ์เพื่อหาอะไรดื่ม ส่วนคุเรฮะแยกตัวออกไปบอกว่าจะคุยกับทางบ้านเกี่ยวกับงาน

    ก่อนเธอออกมา ดวงตาสีฟ้าครามนั่นหลุบลงดูเรียบเฉยกว่าเก่า คงเป็นเพราะหงุดหงิดที่หาเจ้าของจิตสังหารที่แอบดูตัวเองไม่เจอ


    เดี๋ยวนิ่ง เดี๋ยวซน เดี๋ยวโมโห

    สายเปลี่ยนแปลงแหง


    “ตัวสูงขึ้นกว่าเดิมนะเนี่ย ยัยหนูคราวน์”

    เสียงทักทายของประธานสมาคมฮันเตอร์ ทำให้เธอที่กำลังจะต่อสายหาผู้นำตระกูลลดมือลง ชายแก่ลูบเครายาวของตัวเองขณะเดินเข้ามาหา ยิ้มเอ็นดูให้

    แต่นั่นก็แค่เปลือกนอก

    “แต่ท่านประธานไม่เปลี่ยนไปสักเท่าไหร่เลยค่ะ” ชอบผลุบ ๆ โผล่ ๆ มาหา อีกทั้งยังชอบเล่นอะไรต่างจากนิสัยคนแก่ทั่วไป …เสือซ่อนเล็บดี ๆ นี่เอง

    “เห็นตัวติดกับเด็กพวกนั้นใหญ่เลย เพราะถูกใจหรือเป็นแค่คำสั่งของพ่อล่ะ?”

    “เป็นคำสั่งค่ะ”

    คำตอบที่ไม่มีแม้แต่ความลังเลทำให้เนเทโล่หลุดหัวเราะออกมา เด็กสาวตรงหน้าช่างซื่อตรงกับคำสั่ง แต่จากการจับตาดูที่ผ่านมา ทำให้เขาได้แต่ซ่อนรอยยิ้มอยู่ใต้เครา


    เชสเตอร์เอ๋ย…


    คนแก่หงำเหงือกจะไม่ยุ่งกับการตัดสินใจของเจ้า แต่จะขอตามดูอยู่เรื่อย ๆ ก็แล้วกัน ว่าการชี้นำของเจ้าจะทำให้ลูกสาวคนนี้เปลี่ยนไปในทิศทางใด

    จะหลุดพ้นหรือจะพังทลาย

    ตาแก่คนนี้จะคอยดู


    “อาวล่ะ—”

    คุเรฮะหรี่ตามองชายแก่ที่ประมาทไม่ได้ คนตรงหน้าสะบัดมือยืดเส้นยืดสายนิดหน่อยก่อนจะก้าวเท้าเดินผ่านไป บอดี้การ์ดสองคนด้านหลังเดินตามไม่ห่าง

    “เห็นว่ามีผู้สอบตกที่ลอบขึ้นเรือเหาะกำลังอาละวาดอยู่ที่เลานจ์ ฉันคงต้องขอตัวไปทำหน้าที่แก้ปัญหาก่อน ไว้เจอกันใหม่นะยัยหนูคุเรฮะ”

    เธอโค้งหัวให้เล็กน้อยเป็นการเคารพ ขณะเดียวกันก็มองตามแผ่นหลังชายชราที่อยู่ในตำแหน่งสูงกว่าใครในสมาคมเดินห่างออกไป

    คนลักลอบขึ้นเรือ… จะใช่หมายเลข 111 ที่ตามจ้องคิรัวร์ก่อนหน้านี้รึเปล่านะ?



    “ลูกคิดว่าเด็กสองคนนั้นเป็นยังไง”

    ร่างสมส่วนยื่นมือไปแตะบานกระจกตรงหน้า นัยน์ตาว่างเปล่ามองลงไปยังทิวทัศน์เบื้องล่าง แสงไฟจากเมืองใหญ่กะพริบสลับกันราวกับอัญมณีหลากสี

    ปากเอ่ยตอบคนปลายสายไปตามตรง

    “กอร์นเป็นเด็กที่ดูซื่อแต่ประสาทสัมผัสว่องไว ตรงไปตรงมากับความรู้สึกของตัวเอง ไม่แบ่งแยกว่าใครดีใครเลว ถ้าถูกขัดเกลาหน่อยละก็… คงอันตรายใช้ได้”

    “แล้วอีกคน?”

    “ยังสับสนในตัวเองอยู่ เป็นนักฆ่าที่ไม่ชอบการฆ่าคน ดูเป็นเด็กขี้เหงาโหยหาอิสระ แววตานั้น…


    —ลึกๆ เหมือนเด็กที่กำลังหลงทาง”


    ประโยคสุดท้ายทำให้ผู้เป็นพ่อหลุดหัวเราะออกมา


    “เหมือนลูก”

    “หา?”


    น้ำเสียงทุ้มต่ำเงียบไป ไม่ได้ช่วยไขข้อสงสัยรวมถึงไม่แก้คำพูดใหม่ ราวกับจงใจให้เธอเอากลับไปคิดหาคำตอบเอง

    สักพักก็เสนอบางอย่างขึ้นมา

    “คุเรฮะลูกรัก เรามาเล่นเกมกันดีกว่า”

    “เกม...?”


    “King & Knight”


    เกมนั่นไม่ได้หมายถึงราชากับอัศวิน มันหมายถึงตัวหมากคิงกับม้าบนกระดานหมากรุก

    เธอขมวดคิ้ว


    “อืม... เอาเป็นเด็กที่ชื่อกอร์นก็แล้วกัน การสอบฮันเตอร์นี้ ให้ลูกช่วยปกป้องกอร์นเท่าที่ทำจะได้”

    “ถ้าเด็กนั่นตาย ทุกอย่างก็จบ

    เท่าที่จะทำได้สำหรับคลาวน์ก็คือต้องทำให้ได้

    ถ้าตาย…

    ทุกอย่างก็จบ...เรอะ


    คุเรฮะเริ่มหรี่ตา ขณะเดียวกันก็เลื่อนมือที่แตะกระจกลงมาจับราวระเบียง —บีบมันจนราวเหล็กยุบ น้ำเสียงเย็นเยียบเอ่ยเสียดแทงผ่านเครื่องมือสื่อสารข้างหู

    “…วางแผนอะไรไว้”

    สาเหตุที่พ่อจงใจให้เธอมาอยู่กับกลุ่มเด็กพวกนี้ มั่นใจว่านั่นไม่ได้แค่นึกสนุกอยากแกล้งอย่างเดียวแน่ ผู้ชายคนนี้กำลังตั้งใจให้เธอเดินไปตามทางแยกที่ไม่เห็นจุดหมายแน่ชัด

    รวมถึงความหมายที่แฝงมากับเกมนั่นไม่ใช่แค่งานคุ้มครอง มันมีอะไรที่มากกว่านั้น และบางอย่างในตัวเธอกำลังตะกุยกำแพง ตะโกนปฏิเสธมัน

    ความทรงจำส่วนลึกกำลังกรีดร้อง




    ‘เรามาเล่นเกม King & Knight กันดีกว่า’




    ยิ่งได้ยินเสียงพ่อจุ๊ปากเบา ๆ ยิ่งหงุดหงิด มือบีบจนราวเหล็กที่ยุบหักสองท่อน นัยน์ตาสัตว์ร้ายวาวโรจน์ขึ้นโดยไม่รู้ตัว


    “ถ้าบอกมันก็ไม่ใช่เกมน่ะสิ”



    __________C H E C K M A T E__________


    จำได้ว่าตอนก่อนรีไรท์แรก ๆ เนื้อหายาวไปเกือบ 20 หน้า มากสุดที่เคยมีมาก็ 33 หน้า

    เนื่องจากคนแต่งเองก็จะหลับตามคุเรย์ ดังนั้นเลยจะพยายามให้ตอนนึงไม่เกิน 15 หน้าเพื่อความพอดีค่ะ

    รักส์ ♥


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×