คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : Part' 7 :: งานชิ้นใหญ่
เช้าของอีกวัน
วันนี้ทั้งพ่อและแม่ของมินฮยอกนั่งจ้องหน้ามินฮยอกตั้งแต่เขาเริ่มมานั่งที่โต๊ะ จนเขากินข้าวจะหมด ท่านทั้งสองก็ยังไม่ล่ะสายตาไป เด็กที่ฉลาดอย่างเขาจึงถามถึงสาเหตุของพ่อและแม่ไปแบบไม่อ้อมค้อมใดๆทั้งสิ้น
“พ่อกับแม่เป็นอะไรหรือเปล่าครับ.?”
“แกนั้นแหล่ะเป็นอะไร?” ผู้เป็นพ่อถามกลับมา
“ผม! ผมก็เป็นลูกของพ่อกับแม่ไงครับ” มินฮยอกตอบกลับไป ทำเอาสองสามีภรรยาที่นั่งอยู่เกือบหงายหลังตกเก้าอี้กับคำตอบของลูกชายตัวเอง
“คุณ! ลูกเราจะปัญญาอ่อนไหมค่ะ?” ผู้เป็นแม่หันไปพูดกับสามีด้วยความทุกข์ใจ
“ผมไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อยนะครับแม่” ลูกชายทักทวงไปเมื่อได้ยินคำพูดของผู้เป็นแม่
“ก็เมื่อวานลูกดูไม่ดีเลยหนิ! มินฮยอก...มีอะไรก็ปรึกษาพ่อกับแม่ได้นะ” ผู้เป็นพ่อพูดพลางเอามือไปกุมมือลูกชายที่นั่งอยู่ฝั่งขวาของโต๊ะกับข้าว
“ผมไม่ได้เป็นอะไรครับพ่อ ไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ วันนี้วันหยุดเราไปบริษัทกันไหมครับ” มินฮยอกก็ยื่นมือเขาไปกุมมือของผู้เป็นพ่อเพื่อยืนยันคำตอบของเขา ทั้งๆที่ภายในใจก็มีเรื่องอึดอัดอยู่ก็ตาม
“วันนี้เรามีนัดบางอย่างถ้าลูกอยากไปก็ไปเถอะ” ผู้เป็นแม่พูดอย่างโล่งอกเมื่อลูกชายยืนยัน แต่ผู้เป็นลูกกลับแปลกใจกับพฤติกรรมทิ้งงานของสองคนผู้รักงานยิ่งกว่าชีวิต
“เอางั้นก็ได้ครับ.. งั้นผมขอตัวนะครับ” มินฮยอกบอกลาพ่อกับแม่ก่อนจะลุดกขึ้นจากโต๊ะและเดินขึ้นไปบนห้องนอนของตัวเองเพื่อเตรียมของก่อนจะไปบริษัท
ห้องนอนของมินฮยอก
เมื่อเดินเข้ามาในห้องแล้ว มินฮยอกก็ทิ้งตัวเองลงบนที่นอนด้วยความเครียดที่เพิ่มขึ้น! พ่อกับแม่ของเขาต้องการอะไรอีก! เขาจะสามารถดูแลคริสตัลได้นานอีกแค่ไหนกัน! ตอนนี้เรื่องราวทุกอย่างรุมเข้ามาในหัวของเขาจนไม่เหลือที่ว่างให้คิดเรื่องเที่ยว หรืองานอดิเรกอย่างอื่นเลย
“เอาเถอะว่ะ!! อะไรมันจะเกิดมันก็ต้องเกิด! เราไม่ใช่พระเจ้า! เงินของเราซื้อเวลาและโอกาสไม่ได้” เขาให้กำลังใจตัวเองก่อนจะรีบเก็บของที่จำเป็นใส่กระเป๋าเป๋และเดินลงไปขึ้นรถที่เตรียมไว้แล้ว ก่อนจะพุ้งตรงไปที่ยริษัทเกี่ยวกับนิตยสารของครอบครัวทันที
ณ บริษัทฯ
เมื่อเขาเดินเข้ามาถึงก็มุ่งตรงไปที่ห้องทำงานใหญ่ของประธานบริษัท หรือห้องทำงานของพ่อเขานั้นเอง
“พี่ครับวันนี้พ่อจะไม่เข้าบริษัทนะ มีงานอะไรก็เอามาให้ผมดูให้ก็ได้” ก่อนจะเข้าไปในห้องมินฮยอกก็เดินมาหยุดที่โต๊ะทำงานของเขาส่วนรวม(?) ของพ่อตัวเอง
“ค่ะ... คุณมินฮยอกกกก...” เลขาพูดด้วยน้ำเสียงเคลิ้บเคิ้มกับความหล่อ และละลายไปพร้อมกับรอยยิ้มที่มินฮยอกส่งมาให้ก่อนจะเดินเข้าห้อง
“คุณครับ!” ในระหว่างที่เขากำลังนั่งอ่านเอกสารสำคัญอยู่บนโต๊ะทำงาน เขาก็สังเกตุเห็นแม่บ้านที่ไม่คุ้นหน้าเลยเรียกเธอ
“ค่ะ.. คุณมินฮยอก” เธอคนนั้นขานรับและยืนก้มหน้าให้เขา
มินฮยอกวางงานลงและเดินมาตรงหน้าเธอ และเว้นระยะห่างไว้พอประมาณ ก่อนจะให้มือจับแก้มของเธอให้เงยหน้าขึ้นมาจนเขาเห็นได้ชัดเจน และหันซ้ายหันขวามองดูอย่างข้องใจ
“คุณไม่ใช่แม่บ้านคนเก่าหนิ! แล้วแม่บ้านคนเก่าล่ะ” มินฮยอกเอามือของเขากลับมา ก่อนจะถามเธอไป
“แม่บ้านคนก่อนลาออกไปแล้วค่ะ ฉันมาทำงานใหม่วันนี้เป็นวันแรกค่ะ” เธอคนนั้นก้มหน้าลงอีกครั้ง ก่อนจะพูดขึ้น
“ว่าแต่ชื่ออะไรล่ะ คือ..ปกติฉันก็ทำตัวสนิทกับพนักงานทุกคนในบริษัทตั้งแต่ยามจนถึงเลขา ...เธอไม่ต้องสนใจอะไรหรอก ไปทำงานเถอะ” มินฮยอกยิ้มมาให้อย่างเป็นมิตรก่อนจะเดินกลับไปในโต๊ะทำงานที่เดิมของเขา
“ชื่อจียอน ...ปาร์ค จียอน อายุ16ปี งั้นฉันขอตัวนะค่ะ” เธอพูดขึ้น ก่อนจะโค้งให้มินฮยอกทีหนึ่งและเดินออกไป ส่วนมินฮยอกก็ฟังเอาหูเอาไว้ แต่ก็ไม่ได้คิดมากกับพนักงานคนนี้เท่าไหร่
หลังจากนั้น 30นาที
หลังจากเคลียร์เอกสารที่สามารถเคลียร์แทนผู้เป็นพ่อเสร็จแล้ว เขาก็เดินมาดูที่สตูดิโอที่กำลังถ่ายภาพนางแบบเพื่อเป็นหน้าปกวารสารสัปดาห์ต่อไป แต่ระหว่างทางเดินมาเขาก็เป็นเป้าสนใจกับทุกคนในบริษัทเป็นอย่างมาก ไม่ว่าชายหรือหญิงก็ต่างประหลาดใจกับความสามารถเกินเด็กของเขา
“เป็นไงบ้างครับ” มินฮยอกเดินมาถามทีมงานแถวนั้น
“ก็ดีครับ! โชคดีที่เป็นนางแบบมืออาชีพเราเลยไม่ต้องเหนื่อยมากและที่สำคัญยังมีผู้ช่วยอีก” ทีมงานตอบกลับมา ก่อนจะหันไปมองผลงานของตัวเองอย่างพึงพอใจ
มินฮยอกเอกก็หันไปมองเช่นกัน แต่สิ่งที่เขาสนใจกลับเป็นคนละอย่างกับที่ทีมงานสนใจ นั้นคือปาร์ค กยูริ! เธอกำลังเช็คดูความเรียบร้อยของเสื้อผ้าของนางแบบอยู่ และที่เขากำลังสงสัยคือ.. ทั้งๆที่เธอก็รู้ว่าเขาเป็นลูกชายของบริษัทนี้ทำไมถึงยังมาอีก
“ผมขอตัวก่อนนะครับ” มินฮยอกพูดกับทีมงาน แต่สายตายังไม่ละไปจากกยูริ เขารีบเดินตามกยูริไปทันที เมื่อเห็นกยูริเดินออกจากสตูดิโอนี้พร้อมกับถุงเสื้อผ้าขนาดใหญ่
“ผมช่วยครับ!” มินฮยอกเดินไปคว้าถุงนั้นมาจากมือของกยูริ และเดินนำไปที่โรงจอดรถ
ณ โรงจอดรถ
“ขอบคุณนะค่ะ! แต่ช่วยวางของไว้ตรงนี้แหล่ะค่ะ” กยูริพูดพลางก้มหน้าก้มตาคุ้ยหากุญแจรถในกระเป๋าสะพายใบโตของตัวเอง
“แต่ผมมีเรื่องจะคุยกับพี่ พอมีเวลาไหมครับ?” มินฮยอกวางของลงและเดินไปตรงหน้ากยูริ
“มินฮยอก..” กยูริเงยหน้าขึ้นไปมองหน้าของคนร่างสูงตรงหน้า ก่อนจะอุทานออกมาเป็นชื่อของเขา
“อย่าตกใจไปเลยครับ! รถพี่คันไหนล่ะ?” มินฮยอกไม่ว่าเปล่าคว้ากุญแจรถในมือของกยูริมากดสวิตปลดล็อกรถและเดินขึ้นไปนั่งอย่างถือวิสาสะ
“มันจะมากไปแล้วนะมินฮยอก!! ถึงนายจะเป็นเจ้าของของที่นี้แต่นายไม่มีสิทธิมาก้าวก่ายชีวิตของฉัยแบบนี้!” กยูริเดินเข้าไปนั่งในรถก่อนจะหันไปต่อว่าคนข้างๆอย่าเหลืออด
“แล้วพี่มายุ่งกับชีวิตของผมทำไมล่ะครับ!” มินฮยอกเองก็ตอบโต้กลับมาบ้าง
“ฉันแค่ทำตามสิ่งที่ฉันต้องการ นายเองต่างหากที่เสนอตัวเข้ามาเอง!”
“ผมเองก็แค่ปกป้องคนที่ผม... เป็นห่วง”
“ฮึ! งั้นเรื่องนี้ก็ต้องโทษนายแล้วแหล่ะที่ดันเป็นห่วงคนเดียวกับศัตรูของฉัน ลงไปจากรถฉันซะ!! ฉันไม่อยากได้ยินข่าวลูกชายคนเดียวของประธานบริษัทยักษ์ใหญ่ทำกริยาหยาบคายกับหุ้นส่วนคนสำคัญ” กยูริพูดและแน่นคำว่า เป็นห่วง , กริยาหยาบคาย และคนสำคัญอย่างชัดเจน
มินฮยอกที่ไดยินอย่างนั้นก็พยักหน้าอย่างจำยอมก่อนจะเดินลงจากรถ และกลับเข้าบริษัทไปอย่างห้ามไม่ได้
ณ บ้านมินฮยอก
หลังจากมินฮยอกออกไปจากบ้านได้สักพัก พ่อและแม่ของมินฮยอกก็โทรเรียกใครสักคน และนั่งรออยู่ในห้องรับแขก 2 ชั่วโมงผ่านไป แขกคนสำคัญในที่สุดก็มาพบท่านทั้งสอง
“สวัสดีค่ะคุณอาคัง แกรี่ คุณอาซง จีฮโย เรียกแทมามีอะไรอะไรหรือเปล่าค่ะ?”
หญิงสาวรูปร่างไม่สูงมาก ผมสีบลอน และถูกดัดเป็นลอนปล่อยยาวลงมาโดยไม่มัดรวบใดๆ เดินมาพร้อมชุดเสื้อเชิ้ตกางเกงยืนที่ดูมีราคา โค้งให้กับผู้อาวุโสทั้งสอง ก่อนจะถามขึ้น
“อามีอะไรจะให้หนูช่วยหน่อย นั่งก่อนสิจ๊ะ” จีฮโยเปิดบทสนมนาด้วยการเชิญแขกนั่ง
“คุณอามีอะไรให้แทช่วยบอกมาได้เลยค่ะไม่ต้องเกรงใจ เพื่อคุณอาทั้งสองที่มีพระคุณกับแทมาก แททำให้ได้ทุกอย่างอยู่แล้วค่ะเพื่อตอบแทนบุญคุณ” หญิงสาวยิ้มพร้อมคำพูดหวานดูเรียบร้อยมีมารยาท
ใช่แล้ว! แทยอน... เด็กสาวที่ทั้งสองเคยอุปถัมภ์ตอนที่พ่อและแม่เธอหนีไปเก็บตัวที่เมืองนอกเพราะเรื่องหนี้สิน และเธอคอยที่จะรับใช้ทั้งสองท่านเพื่อตอบแทนบุญคุณทั้งสองจนเต็มแก่
“เรื่องของมินฮยอกลูกชายของอาหน่ะ” คุณแกรี่พูดด้วยน้ำเสียงเกรงใจเด็กทั้งสอง ถึงแม้เขาจะเป็นคนคิดแผนพวกนี้เองก็ตาม
“อ๋อ... ที่บอกว่าเรียนเก่งหน่ะเหรอค่ะ? อยากจะเจอสักครั้งสักครั้งจังค่ะ ตอนเด็กๆมินฮยอกไม่เคยออกมาเจอแทเลยสักครั้ง ปีนี้ก็อายุครบ17แล้วใช่ไหมค่ะ?”
แทยอน...ถึงแม้เธอจะเคยอาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้ แต่เธอก็เอาแต่เรียนและเรียน ในวันเสาร์-อาทิตย์หลังจากเรียนพิเศษเสร็จตอนเย็นมินฮยอกก็เข้าห้องล็อกประตูนอนตั้งแต่เย็นแล้ว สรุปคือเธอไม่เคยมีโอกาสได้เห็นหน้าลูกชายของบ้านนี้เลยสักครั้ง
“ใช่!!... เพราะงี้ไงล่ะอาเลยมีเรื่องให้แทช่วย แทฟังอาดีๆนะเรื่องนี้มันสำคัญมากสำหรับอา” คุณจีฮโยเข้าโหมตซีเรียส เธอคว้ามือของแทยอนมากุมเอาไว้ ก่อนจะเล่าเรื่องทั้งหลดให้แทยอนฟัง
ณ บ้านของเจสสิก้า
หลังจากที่ออกมาจากโรงพยาบาลแล้วคริสและจงฮยอนก็เวียนกันมาดูแลเจสสิก้า ยิ่งกว่าเป็นผู้ป่วยระยะสุดท้าย ทั้งพ่อ แม่และคริสตัลก็สบายใจขึ้นเมื่อรู้เรื่องของจงฮยอน ตอนนี้ออเดอร์ที่ร้านของเจสสิก้าเพิ่มขึ้นเพราะเธอขาดงานไปหลายวัน คริสตัลเลยได้โอกาสฝึกงานที่ร้านของเจสสิก้าในระหว่างที่รอให้เจสสิก้ากลับไปทำงานอีกครั้ง
“วันนี้วันเกิดใครหรือเปล่า... รู้สึกเหมือนจะเป็นวันสำคัญแฮ่ะ” เจสสิก้าพูดพลางทำหน้าครุ่นคิด
“งั้นฉันจะไปดูที่ปฏิทินให้แล้วกัน” คริสพูดจบก็เดินไปดูปฏิทินตั้งโต๊ะของเจสสิก้า และจะทำหน้าตกใจ
“อะไรคริส!!” เจสสิก้าแทบจะพุ้งไปดูทันที แต่ทว่าข้างๆเธอคือจงฮยอนที่นั่งคุมอยู๋ไม่ห่าง
“วันพุธเธอต้องไปประชุมผู้ปกครองให้คริสตัล!!” จงฮยอนหันควับไปหาคริส ก่อนจะปาหมอนใกล้มือไปใส่เพื่อนสนิท
“มันน่าตกใจตรงไหนเนี่ย!!” จงฮยอนโวยวาย
“นี่โดนรถชนทีเดียวลืมไปเลยเหรอว่ายัยคริสตัลน้องสาวสุดรักสุดหวงของนายมีงานอดิเรกอะไรที่โรงเรียน! พ่อกับแม่เธอไปแทนไม่ได้นะเจสสิก้า ไม่งั้นบ้านระเบิดแน่” คริสพูดขึ้นด้วยความตกใจกว่าเดิมเป็นสิบเท่า
“จริงด้วยสิ! ทำไงดีอะ.. โอ้ยสมองฉัน..” เจสสิก้าพูดก่อนจะเอามือมาจับที่หน้าผากตัวเองด้วยท่าทางเครียดหนัก
“ไม่ต้องห่วงหรอก! ถ้าเธอไปไม่ได้เธอก็มีตัวช่วยอยู่แล้วไงล่ะ” จงฮยอนพูดพลางทำหน้าโยนคำพูดของเขาให้เพื่อนทั้งสองคิด
“ตัวช่วยอะไรของแกว่ะไอ่จงฮยอน” คริสถามขึ้นอย่างสงสัย
“ใช่!! พวกเรามีตัวช่วย และมันเป็นตัวช่วยที่ดีซะด้วยสิ ฉันลืมไปได้ไงเนี่ยะ?!” เจสสิก้าพูดขึ้นด้วยสีหน้าตื่นเต้น เพราะตัวช่วยพิเศษของพวกเขานั้นไม่ใช่ใครที่ไหน นั้นคือ มินฮยอก คนที่คริสตัลเกลียดขี้หน้านั้นเอง
__________________________________________________________________
ความคิดเห็น