คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ◆ Lonely Flower - Intro
Lonely Flower
Pairing : Chanyeol x Baekhyun
.. Intro ..
มากกว่าความอกหัก มากกว่าความเสียใจ รักที่แสนหวาน สุดท้ายเหลือไว้เพียงความทรมาน
เรื่องราวที่ผ่านคอยเวียนวนเข้ามาตอกย้ำไม่มีที่สิ้นสุด จากตอนแรกที่ไม่ไว้ใจ กลับกลายเป็นวางหัวใจไว้ให้อย่างไม่รู้สึกเคลือบแคลง คำว่ารักที่ได้ฟังอยู่ทุกวัน ที่แท้แล้วก็แค่บางช่วงอารมณ์ของคน ไม่ใช่ตัวจริงก็รู้ดี เข้าใจว่าเป็นเพียงหนึ่งเดียว ไม่นานก็ต้องตื่นจากฝันพบความจริงที่ว่า .. ไม่ต่างอะไรกับของแก้เบื่อ
ดอกไม้ริมทาง ที่ผ่านมาเชยชมแล้วก็จากไป ทิ้งให้เหี่ยวเฉาอยู่ที่เดิม ..
ความเจ็บปวดที่เกาะกินหัวใจ เวลาจะผ่านไปนานเท่าไหร่ก็คงไม่สามารถเยียวยาได้ น้ำตาหลายหยดหล่นกระทบพื้นที่ว่างเปล่า เหมือนกับทุกอย่างในตอนนี้ที่ว่างเปล่าราวกับไม่มีอากาศ ความคิดถึงสุดหัวใจยังคงฝังอยู่ในใจ อยากได้คำตอบว่าทั้งที่รักกันมากขนาดนี้ ทำไมถึงทิ้งกันไป .. หรือมันแค่ง่ายๆ ก็แค่ “ไม่ได้รัก” ตั้งแต่แรก
ได้แต่ร่ำร้องอยู่ในใจ เรียกร้องอะไรไม่ได้ เป็นเหมือนคนใบ้ที่เสียใจแค่ไหนอีกฝ่ายคงไม่ได้ยิน ไม่มีทางได้ยิน เพราะไร้หัวใจ .. จึงไม่ได้ยิน
ลมหนาวหวนมาเยือนอีกครั้งในเมืองเล็กๆเมืองหนึ่ง พัดพาความว้าเหว่สู้ร้านดอกไม้แห่งนี้ดังเช่นทุกที ร่างเล็กผู้เป็นเจ้าของวิ่งวุ่นอยู่กับลูกค้าไม่กี่คนโดยมีหนุ่มน้อยพนักงานคนเดียวของร้านคอยรับคำสั่งอยู่ข้างๆ
“ขอบคุณครับ โอกาสหน้าเชิญใหม่นะครับ”
รอยยิ้มสดใสของคุณเจ้าของร้านส่งให้ลูกค้ากลุ่มสุดท้ายที่กำลังเดินออกจากร้านไป ทันทีที่ประตูกระจกบานเล็กของร้านLittle Flowersปิดลงรอยยิ้มที่ฉาบไว้บนใบหน้าก็ค่อยๆจางหายไปแล้วแทนที่ด้วยแววตาเศร้าสร้อย คนที่ยืนอยู่ไม่ห่างได้เพียงมองเจ้านายของตัวเองด้วยความสงสาร
“คุณแพคฮยอนครับ”
“อ่ะ อืม ว่าไงลู่หาน” คนถูกเรียกหันกลับมาถามทันทีที่รู้ตัว
“เย็นนี้ไปร้านไอศกรีมที่อยู่ข้างโรงเรียนมัธยมจุงวอนกันมั้ยครับ” เด็กหนุ่มเอ่ยชวนอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย แต่คนฟังเข้าใจดีว่าอีกฝ่ายคงแค่อยากมีเพื่อนไปด้วย
“แล้วจะกลับบ้านทันเหรอวันนี้น่ะ หน้าหนาวแบบนี้ทางมันมืดอันตรายนะ”
“ไม่ต้องห่วงหรอกครับ อีกอย่างคุณแพคฮยอนก็พูดเสียน่ากลัว ตั้งแต่ผมมาอยู่ที่นี่ก็มีแต่เรื่องดีๆ คนแถวนี้ก็น่ารักดีจะตายไป ไม่มีใครมาทำอะไรหรอกครับ” อีกแล้วที่ลู่หานมีเหตุผลให้แพคฮยอนทุกที แต่ก็อีกนั่นแหละ แพคฮยอนไม่เคยขัดลู่หานได้ทุกทีเช่นกัน
“แต่ที่บ้านจะเป็นห่วงนะ”
“ผมอยู่คนเดียวนะครับ”
“เอ่อ นั่นสินะ โทษทีฉันลืมไป”
มองหน้าชายหนุ่มที่ร่าเริงและดูมีพลังอย่างลู่หานแล้วแพคฮยอนก็ได้เพียงแค่อิจฉา สรุปแล้วเขาก็ตกลงรับปากจะไปกับอีกฝ่ายอย่างปฎิเสธไม่ได้ .. แพคฮยอนกำลังคิดว่าลู่หานก็คงจะไม่ต่างกัน อยู่ที่นี่คนเดียวอย่างไม่มีใคร น่าแปลกอีกฝ่ายจู่ๆก็มาหางานทำที่นี่ แถมเป็นแค่งานร้านดอกไม้ของเขาที่ค่าจ้างก็แค่นิดๆหน่อยๆพออยู่ได้เสียอีก เขาไม่เข้าใจว่าอยู่กับครอบครัวที่โซลก็ดีอยู่แล้วทำไมถึงอยากมาอยู่ที่นี่ หรืออันที่จริงแล้วลู่หานเป็นลูกคนรวยที่หนีพ่อแม่มาเพราะเบื่อชีวิตในกรอบ อืม คงไม่หรอกมั้ง
ยิ่งคิดยิ่งไปกันใหญ่ แพคฮยอนจึงรีบสลัดมันออกจากหัวทันทีที่นึกได้ว่าไม่ใช่เรื่องของตัวเองเสียหน่อย .. แต่จะว่าไปแล้ว คำว่าครอบครัวสำหรับแพคฮยอน ถึงแม้ตอนนี้จะไม่มีแต่ก็อดคิดถึงไม่ได้ ถ้าวันนั้นพ่อกับแม่และน้องสาวไม่ประสบอุบัติเหตุ ถ้าตอนนั้นทุกคนยังอยู่
.. ตั้งแต่ตอนนั้นเขาคงไม่ต้องมาอยู่ที่นี่ ไม่ต้องอยู่คนเดียว ไม่ต้องร้องไห้กับตัวเอง ไม่ต้องเจอเรื่องโหดร้าย
.. และไม่ต้องเจอคนๆนั้น
ณ โต๊ะมุมหนึ่งติดกับกระจกบานใสของร้านที่ตอนนี้มองออกไปเริ่มเห็นปุยหิมะสีขาวโรยตัวลงมาจากท้องฟ้าที่มืดลงเรื่อยๆ อากาศภายในร้านอบอุ่นกว่าข้างนอกมาก ยกเว้นไอศกรีมสีสดใสในถ้วยลายน่ารักที่ยังคงส่งไอเย็นออกมา มันช่างตรงข้ามกับที่ควรจะเป็นเสียเหลือเกิน
“หนาวแบบนี้ยังจะกินอะไรเย็นๆอีกนะลู่หาน”
“ผมไม่เกี่ยงเรื่องอากาศหรอกครับ”
“งั้นเหรอ..” แพคฮยอนไม่ว่าอะไรต่อนอกจากมองคนตรงหน้าไปเพลินๆ ดวงตากลมหลุบต่ำลงก่อนจะตักไอศกรีมในถ้วยเข้าปากตัวเองไปบ้าง เขากำลังคิดถึงเรื่องบางอย่าง เรื่องบางเรื่องที่เคยผ่านมาแล้ว
ร้านนี้ ไม่ได้มานานแค่ไหนแล้วนะ ร้านที่เคยมาด้วยกัน เมื่อหวนนึกถึงเรื่องที่เคยผ่านมา ความทรงจำเล็กๆที่ร้านนี้ในวันนั้นเมื่อปีที่แล้วก็ย้อนกลับเข้ามาในหัว
“ชอบล่ะสิ ของหวานๆแบบนี้เนี่ย” เสียงทุ้มเอ่ยถามเรียบๆขณะที่นั่งกอดอกแล้วมองคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามอย่างไม่วางตา
“ผิดแล้วครับ ผมเฉยๆมากกว่านะ ว่าแต่คุณจะมองแบบนี้อีกนานมั้ยเล่า”
“หึหึ มองแค่นี้ไม่ได้รึไง มองมากกว่านี้ยังเคยเลยนะ”
“.........” คนฟังได้แต่เม้มปากแน่นเพราะทำหน้าไม่ถูกที่เจอคำพูดก้ำๆกึ่งๆแบบนี้
“อย่ามาทำหน้าแบบนี้นะ ฉันทนไม่ไหวเดี๋ยวก็ลากกลับบ้านตอนนี้เลยหรอก” ยิ่งพูดยิ่งไปกันใหญ่ คนฟังหน้าแดงขึ้นมาจนปิดไม่มิดขณะที่จ้องหน้าคนพูดอย่างไม่พอใจ
“เอาแต่ใจ”
“ก็แล้วไง”
“แล้วก็ชอบบังคับ”
“แล้วที่นายรักฉันเนี่ย ถูกบังคับมั้ยล่ะ”
“ก็ผม ...” ใบหน้างอเถียงไม่ออก จึงได้แต่ก้มหน้าลงพลางคนไอศกรีมในถ้วยที่ละลายหมดแล้วไปมา ถึงจะแอบเจ็บใจอยู่บ้างที่ถูกต้อนให้จนมุม แต่มันก็คือความจริงอยู่ดี
มือบางข้างหนึ่งถูกดึงไปกุมเอาไว้ แม้จะแค่เบาๆแต่รู้สึกได้ถึงความหนักแน่น
“ฉันรักนายนะแพคฮยอน”
คำพูดนี้ ฟังกี่ทีก็เชื่อไปทั้งใจ
แต่สิ่งที่ได้ยินในวันนั้น ต่อให้เชื่อแค่ไหน สุดท้ายแล้วในวันนี้มันก็เป็นเพียงคำโกหกหลอกลวง สวนทางกับเรื่องบางเรื่องที่พูดกี่ครั้งก็ยังคงเป็นความจริง ความจริงที่ว่า .. พยอนแพคฮยอน รัก ปาร์คชานยอล
.. ผมก็รักคุณ
“คุณแพคฮยอนครับ คุณแพคฮยอน..” เสียงใสของร่างตรงข้ามเรียกให้ห้วงความคิดหยุดลงทันที แพคฮยอนสะดุ้งเบาๆด้วยความตกใจ
“อ่ะอืม ว่าไงเหรอ”
“ไอติมละลายหมดแล้วน่ะครับ”
“เออ นั่นสิ โทษทีนะ” พูดแล้วก็ฉีกยิ้มให้กับอีกฝ่าย แต่เขาไม่รู้ตัวเลยว่าการกระทำของตัวเองมันดูเหมือนคนที่จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวมากกว่า
“ไม่เป็นไรหรอกครับ .. ว่าแต่ว่า คุณร้องไห้ทำไม”
“หือ ร้องไห้..” แพคฮยอนทวนคำอย่างงุนงง ก่อนที่เขาจะรู้สึกได้ว่ามีน้ำตาไหลผ่านที่แก้มตัวเองจริงๆจึงต้องรีบเช็ดมันออก
“ฮะฮะ ฉันนี่แย่จริงๆเลยเนอะ ทำให้นายเป็นห่วงอีกแล้ว ไม่มีอะไรหรอกลู่หาน แค่คิดถึงเพื่อนๆน่ะ เราเคยมาที่นี่ด้วยกัน”
“เหรอครับ..” ลู่หานรับคำสั้นๆ พลางคิดในใจว่าอีกฝ่ายโกหกได้ไม่เนียนเอาเสียเลย
“อืม” แพคฮยอนก็รู้ตัวดีว่ากำลังโกหก แต่เขาคิดว่ามันเป็นทางเลือกดีแล้ว ทั้งสองเงียบไปสักพักก่อนที่ลู่หานจะเป็นฝ่ายจงใจชวนคุยเรื่องอื่นไป แพคฮยอนกลับมายิ้มได้อีกครั้ง เสียงหัวเราะของคนเป็นเจ้านายดังขึ้นเป็นระยะยามเมื่อลูกน้องสุดน่ารักของตัวเองเล่าเรื่องขำขันที่เจอมาให้ฟัง
เข็มนาฬิกาในร้านเดินไปเรื่อยๆโดยไม่สนใจใคร ไม่นานนักก็ได้เวลาที่สมควรจะกลับกันแล้ว
ลู่หานอาสาเดินมาส่งแพคฮยอนที่ร้าน ซึ่งในยามนี้เปลี่ยนมาทำหน้าที่หลักคือเป็นบ้านหลังเล็กๆให้เจ้าของมันได้อาศัยพักพิง
“ขอบใจนะที่มาส่ง บอกว่ากลับเองได้ก็ไม่เชื่อ” แพคฮยอนบอกเมื่อมาหยุดอยู่ที่หน้าประตูบ้าน
“ไม่ใช่ไม่เชื่อครับ ผมแค่อยากมาส่ง อีกอย่างออกกำลังกายก่อนนอนก็ดีนะ สดชื่นดีออก” ว่าแล้วร่างโปร่งก็กระโดดเหยงๆให้ดูเป็นการยืนยัน แพคฮยอนคิดในใจว่ามันสดชื่นตรงไหน หิมะโปรยปรายแบบนี้ดีไม่ดีอาจหนาวตายเอาได้มากกว่า แล้วดูอีกฝ่ายทำสิ
“ฮะฮะฮะ .. นายตลกดีจังนะ ว่าแต่ว่านายน่ะดีกับฉันจนน่าแปลกใจนะ”
“เปล่านี่ครับ” ไหล่เล็กยักขึ้นเร็วๆอย่างไม่มีอะไร สงสัยว่าแพคฮยอนจะคิดไปเองมากกว่า
“โอเค งั้นรีบกลับเถอะ เดี๋ยวดึกกว่านี้แล้วจะหนาวกว่าเดิม”
“ครับๆ แต่คุณเข้าบ้านเลยสิ”
“ทำไมล่ะ ก็ถึงหน้าบ้านแล้วนี่” จริงอยู่อย่างที่แพคฮยอนบอก แต่สำหรับลู่หานแล้วเขาต้องการให้แพคฮยอนก้าวเท้าเข้าบ้านไปเลยต่างหากล่ะ ไม่ทันไรก็จับไหล่ของคนเป็นเจ้านายแล้วดันเบาๆให้เดินเข้าบ้านพร้อมกัน จากที่แพคฮยอนควรจะโกรธ แต่เพราะเข้าใจเจตนาของอีกฝ่ายเขาจึงทำตามแต่โดยดี
“ไม่เห็นต้องดูแลถึงขนาดนี้เลย”
“ก็มันเป็นหน้าที่”
“หือ .. หน้าที่ หมายความว่าไง” แพคฮยอนขมวดคิ้วจริงจังขึ้นมาทันที สายตาทั้งคู่จ้องมองคนตรงหน้าราวกับจะจับผิดให้ได้
“ก็ ผมหมายถึง ผมเป็นลูกน้องคุณ ลูกน้องก็ต้องดูแลเจ้านายสิครับ” ลู่หานรีบบอกในสิ่งที่คิดว่าปกติที่สุด ทำให้แพคฮยอนกลับมามีสีหน้าอย่างเดิม ก็จริงอย่างที่อีกฝ่ายบอก สงสัยว่าตัวเขาเองต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ
“หึหึ นั่นสินะ แต่ว่าฉันไม่มีโบนัสให้หรอกนะ”
“แหม ..”
“ล้อเล่นน่ะ อย่าคิดมากเลย นายกลับเหอะ”
“ครับ งั้นเจอกันพรุ่งนี้นะ”
“อื้ม”
หลังจากที่ลู่หานเดินออกไปแล้วแพคฮยอนก็ได้แต่มองตามไปผ่านกระจกตรงหน้าต่างบ้าน ร่างของลู่หานค่อยๆหายไปท่ามกลางความมืดด้านนอกที่หิมะยังคงโรยตัวลงมาไม่หยุด ความเงียบเริ่มเข้าปกคลุมอีกครั้ง ยิ่งไม่มีแรงลมแพคฮยอนยิ่งรู้สึกหนาว ความเหงาคืบคลานเข้ามาอย่างนี้ทุกคืน แต่ไม่เคยจะชินเสียที
สิ่งที่ลู่หานพูดก่อนหน้านี้ทำให้แพคฮยอนหวนคิดถึงครั้งที่เคยได้ฟัง ประโยคทำนองเดียวกัน แต่คนพูดคนละคน
“ทำไมคุณต้องดูแลผมขนาดนี้ล่ะชานยอล”
“ก็เพราะมันเป็นหน้าที่ไงล่ะ .. หน้าที่ ที่ฉันมอบหมายให้ตัวเอง”
.. งั้นเหรอ หน้าที่บ้าบออะไรกันล่ะ อยากจะอ้วกชะมัด
ถึงอย่างนั้นแล้วน้ำตาหลายหยดก็ยังรินไหลอาบแก้มขณะที่ยืนมองออกไปด้านนอก เสียงสะอื้นเบาๆดังขึ้นในความเงียบที่มีเพียงตัวเองและความเจ็บปวด ทั้งที่รู้ว่าไม่มีทาง ทั้งที่รู้ว่าหมดหวังไปนานแล้ว แต่หัวใจมันยังดึงดันอยากจะรู้ แพคฮยอนจะยังไม่หมดแรง เขาจะยังไม่ถอดใจจนกว่าจะได้ยินคำว่า “ไม่รัก” จากปากของคนที่เขารักสุดหัวใจ แม้ว่าจะอยู่ไกลกันสักแค่ไหนก็ตาม
แสงดาวเพียงน้อยนิดส่องกระทบใบหน้ายามที่กำลังข่มตาให้หลับบนเตียงที่ไม่มีอีกคนเคียงข้างเหมือนเมื่อก่อน ถึงแม้จะผ่านไปเป็นเดือนๆแล้วแต่กลิ่นของคนๆนั้น แพคฮยอนเองก็ไม่เคยลืม ใบหน้า ท่าทาง น้ำเสียง ทุกคำพูด ทุกสัมผัส .. ไม่มีสักอย่างที่จะสามารถลบออกไปได้ หยดน้ำตามากมายไหลซึมลงไปบนหมอนใบใหญ่อย่างไม่ยอมหยุด ความเงียบเท่านั้นที่อยู่เป็นเพื่อนในยามที่อ่อนแอ ความคิดถึงที่มีอยู่ซ้ำๆซากๆยังคงหลอกหลอนให้ทรมานมากขึ้นทุกวัน
รักครั้งแรกมันเป็นอย่างนี้เองหรอกหรือ เวลาที่หวานชื่นก็สุขจนล้นใจ สุขจนทุกอย่างมืดบอดไปหมด เห็นเพียงแค่กันและกัน พอถึงเวลาต้องจบทั้งที่ตัวเองเป็นฝ่ายที่ยังรัก .. มันทรมานแบบนี้นี่เอง
.. เวลาที่ต้องอยู่ในความเงียบโดยไม่ได้ยินเสียงของคุณ ผมก็เจ็บจนแทบขาดใจ เพราะงั้น ช่วยกลับมาก่อนได้ไหม กลับมาบอกทีว่าคุณไม่เคยรักกันเลย ผมจะได้ตัดใจตัวเองให้ขาด ให้ลืมคนหลอกลวง คนเบื่อง่าย คนที่ผมรักสุดหัวใจ ให้ออกไปจากใจของผมเสียที
ไฮเดรนเยีย ดอกไม้แห่งหัวใจที่ด้านชา ... ถ้าเป็นไปได้ ผมก็อยากจะเป็นอย่างนั้นเหมือนกัน
-----◆◆-------------◆◆-----
หลายปีก่อนที่พ่อแม่และน้องสาวเสียชีวิตไปในอุบัติเหตุครั้งนั้น ทำให้ชีวิตของชายหนุ่มวัยรุ่นคนนี้ต้องพลิกผัน พยอนแพคฮยอนไม่มีใครแล้วแม้แต่ญาติพี่น้อง เขากลายเป็นคนโดดเดี่ยวและอยู่ตัวคนเดียว เงินและสมบัติทั้งหมดที่พ่อแม่ทิ้งไว้ให้เขาก็ใช้ไปกับการเรียนจนหมด และโชคดีที่หลังจากเรียนจบแล้วไม่นานก็หางานทำได้ แต่แล้วงานประจำที่อุตส่าห์หาได้ ไม่นานก็จำต้องลาออกเพราะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ในช่วงนั้น
แพคฮยอนตัดสินใจขายบ้านตัวเองแล้วกลับมายังบ้านเกิดในเมืองแห่งนี้ และบังเอิญมีคนรู้จักแนะนำมา เขาจึงเอาเงินก้อนสุดท้ายที่มีเป็นทุนในการเปิดร้านดอกไม้ร้านนี้และตั้งใจว่าจะอยู่คนเดียวอย่างสงบ ไม่วุ่นวายกับใครให้มากมาย
และแล้ว .. ในวันนั้นเอง
วันที่พายุเริ่มพัดเข้าสู่เมือง ท้องฟ้ามืดหม่นลงพร้อมกัน เมฆที่เริ่มตั้งเค้าก่อให้เม็ดฝนทั้งหมดซัดสาดลงมาทั่วทั้งเมือง ร้านของเขากำลังจะปิดเนื่องจากไม่มีใครเดินทางออกจากบ้าน ออร์เดอร์ของลูกค้าไม่กี่รายถูกเลื่อนออกไปเป็นวันพรุ่งนี้ แพคฮยอนไม่มีพนักงานจึงต้องจ้างคนนอกมาส่งให้เป็นคราวๆไป แต่เขาเองก็พอใจกับสภาพพออยู่ได้อย่างนี้ที่ไม่ต้องเหนื่อยให้วุ่น อีกอย่างคงต้องใช้เวลาอีกนิดกว่าจะหาทุนมาได้อีกก้อน
วันนั้น ใครเลยจะรู้ว่าพายุฝนจะพัดเอาใครบางคนมาสู่ชีวิตของพยอนแพคฮยอน ท่ามกลางเสียงฟ้าร้องแผดก้องไปทุกหย่อมหญ้า ต้นไม้รอบบ้านเอนลู่ไปตามแรงซัดสาดของฝนเม็ดใหญ่ แพคฮยอนกลัวเหลือเกินว่าไฟในบ้านที่เริ่มติดๆดับๆแล้วนั้นจะดับลงไปจริงๆ ยิ่งอยู่ไกลจากบ้านหลังอื่นด้วยแล้ว มิหนำซ้ำรอบๆออกไปก็เป็นป่าและพงหญ้าขึ้นสูง ร่างเล็กนั่งอยู่ในห้องนอนด้วยความรู้สึกหวาดกลัว
“จะตกอะไรนักเนี่ย..”
พูดกับตัวเองได้ไม่ทันจะจบดีเขาก็นึกขึ้นได้ว่าลืมปิดหน้าต่างบานหนึ่งที่ด้านหน้าร้าน ชายหนุ่มรีบลุกออกจากห้องนอนและตรงไปยังส่วนด้านหน้าที่เป็นร้านทันที บานหน้าต่างตีเข้ากับผนังเพราะแรงลมข้างนอกส่งเสียงดังลั่นไปทั่วทั้งบ้าน น้ำฝนสาดกระเซ็นเข้ามาจนเปียกไปทั้งบริเวณ แพคฮยอนตรงเข้าไปหมายจะปิดมันลงทันที แต่ทันใดนั้นเอง ขณะที่สองมือเอื้อมออกไปคว้าบานหน้าต่างเอาไว้แล้ว จู่ๆแสงไฟสีส้มจากด้านนอกก็ส่องสว่างท่ามกลางความมืดเข้ามากระทบกับตัวเขา
แพคฮยอนหันหน้าไปยังที่มาของแสงไฟทันที ไวกว่าความคิด จากที่ยืนค้างทำอะไรไม่ถูกไปเพียงนาที ตอนนี้เขาไม่ได้ดึงบานหน้าต่างมาปิดอย่างที่ควรจะเป็น ความสงสัยและหวาดกลัวว่าตัวเองจะไม่ปลอดภัยทำให้แพคฮยอนต้องแอบไปยืนมองอยู่จากทางด้านในของประตูร้าน รถเก๋งคันสีดำพุ่งเข้ามาจอดลงที่หน้าร้านก่อนที่เครื่องยนต์จะดับลง
แพคฮยอนเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อเมื่อประตูด้านคนขับถูกเปิดออกแล้วร่างของผู้ชายคนหนึ่งในชุดสูทสีดำจะล้มลงมากองกับพื้น เลือดสีแดงซึมออกมาจากเชิ้ตสีขาวด้านในผ่านมือข้างหนึ่งที่กุมมันเอาไว้ที่บริเวณสีข้าง ชายหนุ่มพยายามพยุงตัวเองให้ลุกยืนแต่แล้วก็ก้าวมาได้อย่างทุลักทุเลก่อนจะล้มลงไปอีก ผมสีดำสนิทเปียกลู่ไปตามใบหน้าท่ามกลางสายฝนกระหน่ำที่ทำให้ร่างทั้งร่างเจ็บหนักลงไปอีก
แพคฮยอนเห็นว่าผู้ชายคนนั้นกำลังมองตรงมายังบริเวณที่เขายืนอยู่ แม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่รู้ว่าเขาอยู่ตรงนี้แต่ความกลัวก็ทำให้ตัวเองกำลังหายใจติดขัดอย่างบอกไม่ถูก ผู้ชายคนนี้กำลังจะพยายามเข้ามาแล้วขอความช่วยเหลือ ซึ่งจะเชื่อได้หรือไม่นั้นแพคฮยอนก็รู้สึกว่าไม่ปลอดภัยอยู่ดี
“อึก ..”
ชายหนุ่มทรุดลงไปกับพื้นอีกครั้ง ใบหน้าที่แพคฮยอนเห็นไม่ชัดกำลังบ่งบอกว่าทรมานจากพิษบาดแผลอย่างรุนแรง แพคฮยอนที่ยืนตัวสั่นอยู่ในบ้านไม่รู้จะทำอย่างไร นี่เขาควรต้องทำยังไงกับคนๆนี้ จะแจ้งตำรวจหรือเรียกให้คนช่วยดี เพราะท่าทางแบบนี้มันไม่น่าไว้ใจเลยสักนิด ผู้ชายคนนี้ต้องไม่ใช่คนดีแน่ แล้วแพคฮยอนก็ตัดสินใจได้ว่าควรจะโทรไปโรงพยาบาล อย่างน้อยมันก็ดูสมควรกว่าโทรไปแจ้งตำรวจเป็นไหนๆ
ทางออกที่ดีที่สุดกำลังจะถูกทำตาม แต่แล้วโทรศัพท์ของเขามันก็ดันไม่มีสัญญาณเอาในเวลาพายุมาเสียจนได้ เขาไม่สามารถโทรออกไปไหนได้เลย ให้ตายสิ แล้วแบบนี้จะต้องทำยังไงต่อไปดี จะไปนอนแล้วทำเป็นไม่รู้งั้นเหรอ แล้วหากว่าผู้ชายคนนี้กำลังถูกตามฆ่าอยู่ จู่ๆมีใครโผล่มาอีกแล้วเขาจะไม่แย่ไปด้วยหรือไง และที่สำคัญ มันจะดูโหดร้ายไปหน่อยไหมที่ปล่อยให้คนอื่นทรมานอยู่แบบนี้ ร่างเล็กเดินวนไปวนมาสลับกับการมองไปข้างนอกเป็นระยะ ยิ่งคิดก็ยิ่งเสียเวลา คนจะตายอยู่แล้ว แล้วนี่เขาจะมามัวคิดบ้าบออะไรอยู่
ร่างของผู้ชายคนนั้นกำลังหมดแรงและดูจะไม่ไหวมากกว่าเดิมแล้ว แพคฮยอนตัดสินใจเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะกระชากประตูร้านออกแล้ววิ่งตากฝนออกไปหาอีกฝ่าย
“นี่คุณ .. คุณ คุณเป็นอะไรรึเปล่า”
มือสองข้างยื่นไปช่วยพยุงเอาไว้ห่างๆ ทั้งทำอะไรไม่ถูก ทั้งหนาวก็หนาว ทั้งกลัวก็กลัว ใบหน้าซีดเผือดของคนๆนั้นเงยขึ้นมองคนตรงหน้าตัวเองช้าๆ ใบหน้านั้นจ้องมองแพคฮยอนอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะยิ้มขึ้นมาที่มุมปาก
“เฮ้นี่ จะตายอยู่แล้วยังมายิ้มอีก คุณไหวมั้ย” เสียงเล็กพยายามตะโกนแข่งกับเสียงฝนฟ้าที่ยังแผดก้องอยู่เพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะไม่ได้ยิน คนเจ็บที่ยังกุมแผลไว้ยังคงไม่หยุดยิ้ม แพคฮยอนไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น ผู้ชายคนนี้จะตายแล้วบ้าไปเลยรึไงกัน
“คุณครับ คุณ ..”
“กลัวแล้วออกมาทำไม”
“หา..”
“ก็นายตัวสั่นขนาดนี้ แล้วจะออกมาทำไมกัน ไม่เห็นเหรอว่าฝนตก”
“ถึงผมจะเป็นคนขี้กลัวนะ แต่นี่ก็ไม่ใช่เวลาที่คุณจะมาถามแบบนี้ ตัวเองจะตายแล้วยังมาถามคนอื่นอีก ห่วงตัวคุณเองเถอะ” เรียวปากอิ่มเอื้อนเอ่ยอย่าจริงจัง และนั่นทำให้คนที่มองอยู่ได้แต่คิดอะไรบางอย่างในใจ
“เดี๋ยวเข้าบ้านก่อนแล้วผมจะออกไปตามหมอให้เพราะโทรศัพท์ไม่มีสัญญาณ”
“ไม่ต้องไปนะ”
“ว่าไงนะ” แพคฮยอนตะโกนถามแข่งกับเสียงฝน
“ฉันบอกว่าไม่ต้องไปไง”
“จะบ้าเหรอ ไม่ต้องได้ไง” แพคฮยอนไม่เข้าใจว่าจะมาห้ามทำไม สงสัยอยากจะตายรึเปล่าก็ไม่รู้
“ฉันบอกว่าอย่าไป แล้วก็ไม่ต้องโทรด้วย” ใบหน้าหล่อเหลายังคงพยายามห้ามทั้งที่ก็แทบจะไม่มีแรงพูดอยู่แล้ว
“คุณนี่ยังไงกันครับ ถ้าไม่มีหมอ คุณคิดว่าตัวเองจะรอดมั้ย” แพคฮยอนยังคงเถียงต่อไป ก่อนที่คนเจ็บจะไม่มีทางเลือก มือข้างหนึ่งที่ไม่ได้กุมแผลไว้ชักเอาวัตถุบางอย่างออกมมาจากกระเป๋ากางเกง กระบอกปืนสีดำทะมึนปรากฎแก่สายตาของคนที่จ้องมันนิ่ง ละนั่นก็ทำให้แพคฮยอนเข้าใจอะไรง่ายขึ้นกว่าเดิม
คืนนั้นแพคฮยอนพาอีกฝ่ายเข้าไปในบ้านและพยายามห้ามเลือดให้ก่อนเพราะไม่อย่างนั้นอาจเสียเลือดจนตายก็ได้ เขาไม่เคยนึกว่าตัวเองจะมาเจอเรื่องอะไรแบบนี้เลยด้วยซ้ำ ห้ามตามหมองั้นเหรอ จะบ้ารึไง
“ห้ามบอกใครว่าฉันอยู่ที่นี่ แล้วก็ขอร้อง ห้ามมีเรื่องหมอมาเกี่ยวเด็ดขาด”
“แต่คุณ .. ”
“เอาน่ะ พรุ่งนี้ก็ไม่เป็นไรแล้ว แล้วไว้ฉันจะตอบแทนอย่างงามเลยล่ะ”
แล้วคืนนั้นก็ผ่านไปอย่างยากลำบาก แพคฮยอนต้องสละเตียงนอนให้คนแปลกหน้าที่กำลังเจ็บปางตาย ส่วนตัวเองต้องมานอนที่โซฟาอีกด้านแทน เรื่องแย่ๆมาพร้อมกับพายุ แต่เขาก็ได้เพียงหวังว่าพรุ่งนี้มันจะหายไปพร้อมกับสายฝนพวกนี้เสียที
และคืนนั้น ก็เป็นคืนที่แพคฮยอนช่วยชีวิตชานยอลเอาไว้
ปาร์คชานยอล .. ผู้ชายที่พยอนแพคฮยอนไม่เคยรู้มาก่อน ว่าอีกฝ่ายจะพาบางอย่างเข้ามาในชีวิตของเขา และสุดท้าย ก็ช่วงชิงมันไปอย่างไม่ไยดี
.
.
Tbc.Chapter2
เป็นฟิคที่นำมารีไรท์แก้ไขใหม่ค่ะ ชานแบคเรื่องแรกเลย อาจไม่เข้ากับคู่นี้เลย แต่อยากลองค่ะ
ฝากด้วยนะคะ .. มาแนวที่อาจไม่ได้ดั่งใจคนอ่านนะคะแต่เรื่องนี้มันมีคอนเซปท์ของมันค่ะ
ชอบไม่ชอบเมนท์ติชมให้ทีนะคะ เจอกันพาร์ทหน้าค่า ^^~
ความคิดเห็น