คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ( sf ) The Second Lover - chapter 1 - [HUNHAN ft.KAI]
THE SECOND LOVER
คิมจงอิน คนที่ลู่หานมักจะร้องหาเป็นคนแรก
คิมจงอิน คนที่คอยปกป้องลู่หานเสมอ
คิมจงอิน คนที่อยู่เคียงข้าง ไม่เคยห่างลู่หานไปไหน
คิมจงอิน คนที่คอยตามใจลู่หานตลอด ไม่เคยขัดใจแม้สักครั้ง
คิมจงอิน คนที่คอยห่วงใย และทำเพื่อลู่หานเสมอมา
แต่ในวันนี้ ทุกอย่างที่เคยเป็นคิมจงอินกลับถูกแทนที่ด้วย...โอเซฮุน...
ขอแค่จากนี้และตลอดไป ทั้งสองคนจะยังรักกันให้คุ้มกับวันนี้ ที่ผมเลือกจากไป
...
Title : THE SECOND LOVER
Author : SOSWEETCAFE
Chapter : 1
Pairing : Sehun x Luhan ft.Kai
Story by : Vanilla1127
บรรยากาศในมุมที่ไม่ค่อยมีคนมาใช้บริการของหอสมุดภายในมหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่งเงียบสงบจนได้ยินเพียงเสียงลมหายใจเข้าออกของร่างเล็กที่นอนฟุบหน้าบนโต๊ะไม้เนื้อดี ไอเย็นเฉียบจากเครื่องปรับอากาศทำให้ต้องขดตัวเข้าหากันเล็กน้อยจนร่างสูงที่นั่งอยู่ข้างๆต้องถอดเสื้อโค้ทของตัวเองคลุมให้อย่างอดไม่ได้ แต่คงจะกลายเป็นการรบกวนการนอนเข้า เปลือกตาบางจึงค่อยๆปรือขึ้นอย่างช้าๆ
“ไม่ง่วงเหรอ”
ลู่หานเอ่ยถามน้องรหัสคนสนิทด้วยน้ำเสียงงัวเงียแต่ก็ได้รับคำตอบเป็นการส่ายหน้าเบาๆ เพียงไม่กี่นาทีลู่หานก็ผ่อนลมหายใจอย่างสม่ำเสมออีกครั้งถึงแม้จะได้นอนไปสักพักใหญ่ๆแล้ว ร่างสูงรู้ดีว่าคนตัวเล็กนี่ขี้เซาแค่ไหน เขายิ้มเอ็นดูน้อยๆ นิ้วเรียวไล้ไปตามโครงหน้าของคนที่หลับไม่รู้เรื่องด้วยความอ่อนโยน ทอดมองดวงหน้าหวานนั้นด้วยความรักอย่างเปี่ยมล้น สายตาที่ลู่หานไม่เคยเห็นเพราะเจ้าตัวไม่เคยแสดงออกให้คนตัวเล็กนี่รู้
“ฝันดีนะครับ ฮยอง"
“หลับสบายไหมครับ”
“อ่า ก็ดี”
ร่างบางบิดขี้เกียจไล่ความเมื่อยล้าหลังจากที่นั่งหลับไปสองชั่วโมงกว่า ร่างสูงส่ายหัวเล็กน้อยเหมือนกับจะระอาคนข้างกายเสียเต็มประดา มือก็เก็บสัมภาระใส่กระเป๋าเป้สีครีมใบเก่งของคนตัวเล็กไปด้วย และมันมักจะเป็นอย่างนี้อยู่เป็นประจำ คิมจงอินมักจะคอยตามดูแลลู่หานอยู่ตลอดจนลู่หานแทบจะไม่ต้องหยิบจับอะไร หากว่ามีร่างสูงคนนี้อยู่ด้วย
“นั่งเฝ้าพี่หลับอีกแล้วนะ จงอิน” เขายิ้มพร้อมครางรับในคอ
“ก็บอกแล้วให้ไปเที่ยวกับชานยอลกับแบคฮยอนก็ไม่ไป ชอบมานั่งรอพี่หลับอยู่เรื่อย”
“ไม่อยากไปเป็นก้างขวางคอ”
จงอินมักจะพูดน้อยแต่ได้ใจความอยู่เสมอ ลู่หานแกล้งกระแทกลมหายใจหนักๆจนร่างสูงต้องหันมามอง
“ครับ?”
“แค่สงสัยว่าทำไมคุณคิมจงอิน เดือนคณะปีสองถึงต้องมาเดินตามผมต้อยๆทุกวันแบบนี้ รู้ไหมเวลาพี่เดินผ่านสาวๆแฟนคลับนายทีไรนะ เสียวสันหลังวาบๆทุกที รังสีอำมหิตรุนแรงชะมัด”
ลู่หานทำท่าขนลุกจนจงอินต้องหัวเราะออกมาขณะกำลังรูดซิปกระเป๋าเป้แล้วก็ยื่นให้ลู่หานเหมือนที่ทำทุกครั้ง เพราะมีจงอินคอยดูแลอย่างนี้ทุกวันจนลู่หานแทบจะทำอะไรเองไม่เป็น ตามใจไปเสียทุกอย่างจนโดนแบคฮยอนดุเอาบ่อยๆว่าจะทำให้ลู่หานเคยตัว แต่จงอินก็ฟังเสียที่ไหน
“หิวหรือยังครับ”
“ก็นิดหน่อย ไปกินข้าวร้านข้างมหาลัยกันไหม”
แล้วก็เหมือนกับทุกครั้ง จงอินไม่เคยปฏิเสธไม่ว่าลู่หานจะชวนไปไหน ร่างสูงครางรับพร้อมกับใส่หมวกกันน็อกให้คนตัวเล็ก ลู่หานยิ้มแฉ่งมองเจ้าเวสป้าสีครีมที่นานทีจะเห็นหนุ่มหล่อขวัญใจสาวค่อนมหาวิทยาลัยขี่มาเรียน
“รถยนต์เข้าศูนย์เหรอ”
“ครับ ถอยชนกำแพงน่ะ”
เสียงหัวเราะดังลั่นเหมือนจะหัวเราะเยาะ รู้ทั้งรู้ว่าลู่หานไม่เจ็บเพราะใส่หมวกกันน็อกอยู่แต่จงอินก็ยังไม่วายเคาะเบาๆเข้าให้ที่หัวเล็กนั้นด้วยความหมั่นเขี้ยว โทษฐานที่มาหัวเราะเยาะคิมจงอินคนนี้
เสียงสตาร์ทรถดังขึ้นลู่หานกระโดดขึ้นซ้อนท้าย จงอินแกล้งบิดคันเร่งจนมือเล็กต้องรีบเกาะแน่นๆเข้าที่เอว แล้วก็ตามมาด้วยกำปั้นเล็กๆทุบเข้ากลางหลัง
“ไปได้แล้ว มัวแต่เล่นอยู่นั่นแหละ”
“รู้แล้วน่า เด็กน้อย”
“เด็กน้อยอะไรกัน พี่น่ะแก่กว่านายอีกนะ”
เสียงทุ้มฟังดูอบอุ่นและอ่อนโยนเสมอ ลู่หานมักจะรู้สึกปลอดภัยเวลาอยู่ใกล้คนๆนี้ ใบหน้าจิ้มลิ้มซุกลงกับแผ่นหลังกว้างตวัดแขนโอบรัดรอบเอวจงอินแน่นเพราะความเร็วที่เร่งขึ้น
”ถ้าพี่หงายหลังตกลงไป พี่ฆ่านายแน่”
“พูดมาก”
ลู่หานจิ๊ปากอย่างขัดใจ กดคางแหลมลงกับหัวไหล่แรงๆจนจงอินสะดุ้งทำเอาคนตัวเล็กหัวเราะร่าอย่างสะใจ ถึงแม้ลู่หานจะชอบเล่นแรงๆหรือหาเรื่องให้จงอินเจ็บตัวอยู่บ่อยครั้งแต่ก็ไม่มีสักครั้งที่ร่างสูงจะแสดงอาการโกรธหรือไม่พอใจ คนซ้อนท้ายนั่งลอยหน้าลอยตาไม่รู้ไม่ชี้จนจงอินนึกหมั่นเขี้ยวอยากจับมาตีก้นนัก!
.
.
.
ร้านเจ้าประจำที่กลุ่มของลู่หานชอบมาอุดหนุนเป็นร้านเล็กๆที่อยู่ใกล้กันกับมหาวิทยาลัย วันนี้จงอินกับลู่หานมากันสองคนเพราะชานยอลกับแบคฮยอนพากันไปเที่ยว เป็นปกติของคู่รักคู่นี้ที่ต้องออกเดทอาทิตย์ละครั้งสองครั้งเพื่อเติมความหวานให้ชีวิตคู่ ลู่หานคืนหมวกกันน็อกให้ร่างสูงและเดินนำเข้าไปในร้านก่อน หามุมเหมาะๆโต๊ะกว้างๆเพราะเขาไม่ชอบเนื้อที่คับแคบ ถึงจะมากันเพียงสองคนแต่ลู่หานก็เลือกโต๊ะที่สามารถกางแขนกางขาได้อย่างสบายใจไม่ต้องอึดอัด
“นึกว่าเสี่ยวลู่มาคนเดียวเสียอีก กินอะไรดีล่ะวันนี้” คุณลุงเจ้าของร้านทักด้วยความเคยชิน กลุ่มของเขามักจะมาฝากท้องไว้ที่ร้านนี้เกือบจะทุกวันจนคุณลุงจำหน้าได้ บางวันได้กินฟรีๆโดยไม่ต้องเสียสักวอนก็มี
“ต๊อกโบกิกับข้าวหน้าหมูผัดกิมจิอย่างละที่ครับ”
“แล้ววันนี้สองคนนั้นไปไหนเสียล่ะ”
“ถ้าลุงหมายถึงชานยอลกับแบคฮยอนฮยอง วันนี้ก็หนีไปเที่ยวกันอีกตามเคยแหละครับ” จงอินตอบก่อนจะเดินไปนั่งที่โต๊ะเดียวกับลู่หาน ใบหน้าหวานฟุบลงกับโต๊ะในท่าทางที่เห็นได้เป็นประจำ ร่างสูงแตะฝ่ามือเข้าที่แขนเล็กจนลู่หานต้องเงยหน้าขึ้นมามองทำปากยื่นคิ้วขมวดเหมือนกับเวลาโดนขัดใจ
“จะนอนอีกแล้วเหรอครับ”
“ก็ง่วง”
“เดี๋ยวก็ปวดหัวหรอก”
จงอินรู้ดีว่าลู่หานโปรดปรานการนอนมากกว่าสิ่งอื่นใด แต่ถ้านอนมากๆก็จะปวดหัวเป็นอย่างนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว และคงจะมีเรื่องนี้เรื่องหนึ่งที่จงอินขัดใจพี่รหัสตัวเล็ก แต่นั่นก็เพราะความเป็นห่วงเป็นใยที่มีให้จนอาจเห็นเป็นเรื่องปกติไปแล้วสำหรับลู่หานและคนอื่นในกลุ่ม
“ลุกได้แล้วครับ กินข้าวก่อน”
“ก็ได้ๆ ตาแก่จงอินขี้บ่น”
ลู่หานแลบลิ้นให้ดูน่ารักน่าเอ็นดู จงอินจับหัวเล็กๆนั้นโคลงไปโคลงมาเหมือนกับว่าลู่หานเป็นเด็กตัวเล็กๆคนหนึ่ง ทั้งๆที่ความจริงลู่หานเรียนอยู่ปีสามเป็นรุ่นพี่ของเขาด้วยซ้ำ มือใหญ่ตีแปะเข้าที่มือของลู่หานเมื่อคนตัวเล็กทำท่าจะเลื่อนต๊อกโบกิของเขาไปจัดการหน้าตาเฉย
“อะไรๆ ของฮยองข้าวหน้าหมูผัดกิมจิต่างหาก”
“ก็วันนี้พี่ไม่อยากกินนี่ นะๆๆ จงอินอา”
มีหรือที่คนตัวสูงจะใจแข็งกับเด็กน้อยคนนี้ได้ลงคอ ไม่มีทางเสียหรอก จงอินสลับจานข้าวตามคำเรียกร้องของลู่หาน รอยยิ้มสดใสทำให้อดไม่ได้ที่เขาจะยิ้มตาม ยอมตามใจกันถึงขนาดนี้แล้วจะไม่ให้ลู่หานเสียนิสัยได้ยังไง
“จงอินไม่คิดอยากมีแฟนเป็นตัวเป็นตนบ้างเหรอ” ลู่หานถามขณะที่ยังเคี้ยวข้าวตุ้ยๆจนจงอินต้องมองด้วยสายตาดุๆ
“เคี้ยวข้าวให้หมดก่อนสิครับ”
“ไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่องเลย พ่อเดือนคณะขวัญใจสาวกว่าครึ่งมหาลัย แต่กลับไม่มีแฟน มันน่าสงสัยอยู่น้า ฮั่นแน่…หรือแอบไปปิ๊งใครเข้าล่ะ” นิ้วเล็กชี้ดุ๊กดิ๊กไปมาตรงหน้าจงอิน หลิ่วตามองคนหน้าหล่ออย่างสงสัย
“ฮยองอยากรู้จริงเหรอครับ”
ศีรษะเล็กขยับขึ้นลงแรงๆจนผมนุ่มปลิวสะบัดก่อนจะยื่นหูเข้าไปใกล้ๆ จงอินผละตัวออกมาก่อนจะหันหน้าหนี นั่นทำให้ลู่หานต้องจิ๊ปากกระแทกลงนั่งที่เก้าอี้อย่างขัดใจ
“ไม่บอกหรอก แก่แดดใหญ่แล้ว”
“แก่แดดอะไร เดี๋ยวนี้มีความลับไม่บอกกันเหรอ จำไว้เลยพี่จะงอนมากๆ แล้วไม่ต้องมาง้อด้วย” ลู่หานกอดอก สะบัดหน้าพรืดจนร่างสูงกลัวว่าคอจะเคล็ดเอา
“คิดว่าจะง้อเหรอ”
“จงอิน!”
“ผมล้อเล่นน่า เอาหูมานี่สิครับ”
ลู่หานลุกพรวด เท้าแขนเข้ากับโต๊ะโน้มหน้ายื่นหูเข้าไปใกล้ๆจนได้ยินเสียงลมหายใจแผ่วของจงอิน แต่สิ่งที่ตอบกลับมานั้นไม่ใช่เสียงกระซิบของร่างสูง ร่างเล็กรู้สึกถึงความเย็นเฉียบจากปลายนิ้วมือของอีกฝ่ายที่สัมผัสใบหน้าของเขาอย่างเบามือราวกับกลัวว่าจะทำให้ผิวเนียนนั้นช้ำจนเป็นรอย เสียงทุกอย่างดูเงียบเชียบลงไปในวินาทีนั้น เหลือเพียงเสียงลมหายใจของทั้งคู่
ก่อนทุกอย่างจะจบลงด้วยสัมผัสอุ่นวาบนุ่มนวล
คิมจงอินประทับจูบลงบนริมฝีปากบางเฉียบสีชมพูอ่อนนั้น
“เป็นแฟนผมนะ ฮยอง”
.
.
.
รู้ตัวอีกทีลู่หานก็มายืนอยู่หน้ารั้วบ้านตัวเองเสียแล้ว ร่างเล็กชะเง้อมองตามท้ายจงอินที่ขี่เวสป้าสีครีมออกไปได้เมื่อครู่หลังจากมาส่งเขาที่บ้าน นิ้วเรียวแตะลงบนริมฝีปากแผ่วเบา
จูบกับจงอินไปแล้ว
“ล้อเล่นอะไรเนี่ย”
“ผมไม่ได้ล้อเล่น ผมรักฮยองจริงๆ”
“อืม”
ลู่หานตอบตกลงกับจงอินไปแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังรู้สึกถึงความเป็นพี่เป็นน้องกันอยู่เสมอ ก็แค่รู้สึกว่าไม่มีใครและคงไม่เป็นอะไรถ้าหากเขาจะตอบตกลง ลู่หานไม่กล้าที่จะปฏิเสธ ลู่หานไม่อยากให้คิมจงอินต้องเสียใจ
“เดี๋ยวก็คงรักไปเอง” ร่างเล็กเปรยเบาๆขณะทิ้งตัวลงนอนบนเตียงนุ่ม คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันอย่างคนคิดไม่ตก
[RRRR]
เสียงโทรศัพท์คุ้นหูดังขึ้น เสียงสั่นครืดๆของมันคล้ายจะเร่งให้ลู่หานรีบรับมันเร็วๆ คนตัวเล็กดีดตัวลุกขึ้นจากที่นอนเดินไปหยิบต้นเสียงที่วางอยู่บนโต๊ะหนังสือมากดรับ
((นอนหรือยังครับ))
“กำลังเคลิ้มๆเลย จงอินมีอะไรเหรอ”
((คิดถึงเฉยๆ ฝันดีครับฮยอง))
แล้วสัญญาณก็ถูกตัดไป ร่างบางยืนจ้องโทรศัพท์เกาหัวแกรกๆ คิดจะโทรก็โทร คิดจะวางก็วางเป็นนิสัยของจงที่แก้ไม่ได้เสียที ไม่ใช่เขาเท่านั้นที่รู้ แต่เพื่อนในกลุ่มอีกสองคนก็รู้เหมือนกัน
...
คนตัวเล็กวิ่งกระหืดกระหอบผมเผ้ารุงรังเพราะรีบจัด วันนี้แบคฮยอนนัดให้มาเจอกันตอนแปดโมงครึ่งแต่นี่จวนจะเก้าโมงครึ่งเข้าไปแล้ว เป็นเพราะเมื่อคืนลู่หานมัวแต่นอนคิดเรื่องจงอินอยู่กว่าจะหลับได้ก็ปาเข้าไปตีสองกว่า หากเป็นปกติไม่มีทางเสียหรอกที่ลู่หานเข้านอนเกินห้าทุ่มตื่นอีกทีก็แปดโมง ดังนั้นไม่ใช่เรื่องแปลกที่วันนี้เขาจะมาสาย
“นึกว่าจะมาคนสุดท้ายเสียอีก” คนมาสายหอบหายใจหนัก นั่งลงที่ม้านั่งโต๊ะประจำโดยมีจงอินคอยพัดและจับผมคนตัวเล็กให้เข้าที่เข้าทาง แถมยังเป็นพนักพิงให้อีกด้วย
“ก็คนสุดท้ายน่ะสิ"
“ชานยอลยังไม่มา”
“ไปรับญาติ เห็นว่าจะเข้ามาเรียนกลางเทอม” แบคฮยอนบอกทำเอาลู่หานตาโต
“กระเป๋าคงหนักน่าดู ไม่ก็คงเส้นสายใหญ่”
เสียงเล็กพูดอย่างตื่นเต้น ถึงแม้จะเป็นมหาวิทยาลัยเอกชนแต่การเข้ามาเรียนกลางเทอมนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายๆ หากว่าฐานะทางการเงินไม่ดีจริงๆหรือไม่มีเส้นสายทางสังคมที่เชื่อถือได้ เปอร์เซ็นต์ที่จะได้เข้ามาเรียนที่นี่แบบสิทธิพิเศษอย่างนั้นคงจะเป็นศูนย์
“ของมันแน่ ลู่หานรู้จักไหมล่ะ ตระกูลโอน่ะ”
“ตระกูลโอเหรอ”
แบคฮยอนเคาะปากกาลงบนหน้าผากเล็กหนึ่งที ลู่หานยิ่งทำปากหวอเมื่อได้ยินชื่อตระกูลที่ฐานะการเงินร่ำรวยไม่ใช่เล่น ซ้ำยังเป็นหนึ่งในคณะกรรมการบริหารมหาวิทยาลัย ดังนั้นไม่ใช่เรื่องยากเลยหากใครคนหนึ่งในตระกูลนั้นจะแทรกตัวเข้ามาเป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยนี้ แล้วปาร์คชานยอลไปเกี่ยวดองกับคนพวกนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่
“ชานยอลมีญาติรวยขนาดนั้นเลยเหรอเนี่ย ทำไมฉันไม่รู้เลยอ่ะ”
“ไม่รู้เหมือนกัน แต่เห็นชานยอลบอกว่าเพิ่งบินกลับมาจากเมืองนอกน่ะ อย่ามาเนียนเลยลู่หาน โทษฐานที่นายมาสาย วันนี้นายเลี้ยงข้าวก็แล้วกันนะ”
แบคฮยอนยิ้มใส่ตากลมโต ก่อนหันไปมองด้วยสายตาดุๆเมื่อเห็นคิมจงอินกำลังจะอ้าปากคัดค้าน แน่นอนว่าแบคฮยอนรู้ หากจงอินไม่ออกตัวมาขอรับความผิดแทนก็ต้องออกโรงเอ่ยปากขอลดหย่อนผ่อนโทษให้ลู่หานอยู่ดีและมันก็มักจะเป็นอย่างนี้อยู่ประจำ
“พอเลยจงอิน ลู่หานเคยตัวเสียนิสัยก็เพราะนาย”
“ผมตามใจแฟนผิดตรงไหน”
“ห๊ะ? แฟน?”
คนหน้าสวยย้ำคำถามเพื่อความแน่ใจ ลู่หานหันหน้าหนีหลบสายตาจับผิดของแบคฮยอนรวมทั้งสายตาอ่อนโยนรอคำตอบรับของร่างสูงด้วย ใครก็ได้ช่วยโผล่มาทีได้ไหม ลู่หานอึดอัดจะตายอยู่แล้ว ความรู้สึกที่เขาเกลียดที่สุด ไม่ชอบเลย ไม่ชอบสถานการณ์แบบนี้เลย
มือเรียวของแบคฮยอนสะกิดยิกๆคล้ายเร่งเอาคำตอบและลู่หานรู้ดี หากไม่บอกให้เพื่อนคนนี้คลายความสงสัย วันนี้เขาคงอยู่ไม่เป็นสุขแน่ๆ ร่างเล็กพยักหน้าขึ้นลงเบาๆ แต่ก็ยังนั่งหันหลังหลบสายตาของอีกทั้งสองอยู่ดี
“ก็ อือ”
“แหมๆ แอบไปคบกันไม่บอกเลยนะ ตั้งแต่เมื่อไหร่ล่ะ”
“เมื่อวาน นายอย่าถามเลยน่า”
ลู่หานตอบปัดๆ ยังไงก็ยังไม่ชินกับสถานะใหม่ระหว่างเขากับจงอินอยู่ดี รู้จักกันมาตั้งนาน อยู่ๆจะมากลายเป็นแฟนกันมันก็ต้องใช้เวลาปรับตัวกันบ้าง กับลู่หานที่ไม่ได้คิดอะไรไปมากกว่าความเป็นพี่น้องที่สนิทกันเลย ยิ่งมีคนมาเซ้าซี้ถาม เขาก็ยิ่งอึดอัด
ก่อนที่แบคฮยอนจะคาดคั้นไปมากกว่านี้ ชานยอลก็เดินเข้ามาพอดีพร้อมกับลากบุคคลแปลกหน้าอีกหนึ่งคนเข้ามาด้วย ร่างเล็กพรูลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก กลอกตาไปมาสักพักก็หันมาทักทายกับคนตัวสูงที่เพิ่งเข้ามาสมทบ
“ว่าไงปาร์คชานยอล เพิ่งจะโผล่มาเหรอ ถึงฉันจะมาสาย แต่ก็มาเร็วกว่านาย งั้นสรุปว่าวันนี้นายต้องเลี้ยงข้าวแทนฉัน โอเค ไม่คัดค้าน” เสียงหวานพูดสรุปรัวเร็วจนชานยอลที่เพิ่งมาถึงเหนื่อยๆต้องโบกมือให้ลู่หานหยุดพูดเสียก่อน ร่างเล็กนึกฉุนหยิบหนังสือเล่มหนาของจงอินขึ้นมาหวังจะปาให้โดนหน้าหล่อๆนั่นให้มันเสียโฉมจนเพื่อนเขารักไม่ลงไปเลย ไอ้เด็กบ้า
[ตุ้บ]
เสียงหนังสือกระทบเข้ากับแผ่นอกของใครบางคน ลู่หานอ้าปากค้างตาเล็กเบิกกว้างอย่างตกใจ ไม่ใช่แค่คนตัวเล็กเท่านั้นแต่รวมไปถึงแบคฮยอนกับจงอินก็ด้วย เป้าหมายของลู่หานคือชานยอล แต่สุดที่รักของแบคฮยอนดันหลบทันคนรับกรรมเลยกลายเป็นบุคคลที่ยืนอยู่ข้างหลังชานยอลแทน
To be continue.
จบพาร์ทแรกแล้ว คาดว่าภายในวันนี้จะมาลงต่อนะคะ เพราะเรื่องนี้แต่งไว้จบแล้ว
ชอบไม่ชอบยังไงก็ติชมกันได้นะคะ ขอบคุณค่ะ
คอมเม้นท์ของรีดเดอร์เท่ากับกำลังใจของไรท์เตอร์ค่ะ ^^
ความคิดเห็น