ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ..IZee merris..

    ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ

    • อัปเดตล่าสุด 30 ก.ย. 54


    บทนำ

     

                    เมื่อกล่าวถึงสิ่งมีชีวิตทั้งหลายแหล่ที่อยู่บนโลก สิ่งแรกที่นำมา คงไม่แพ้สิ่งที่เรียกว่า มนุษย์เพราะอะไรน่ะหรือ...พวกเขามีประชากรอยู่มากกว่าเราถึง 8 เท่า! แถมมีเทคโนโลยีที่แสนจะล้ำเลิศ

                    แต่ข้าว่าพวกเจ้าน่าจะรู้จักพวกเขาดีอยู่แล้ว

                    นอกเสียจากว่า...เจ้าจะไม่ใช่ มนุษย์

                    เพราะฉะนั้นข้าจึงขอกล่าวถึงพวกเราบ้าง

                    อย่างที่บอกไปพวกเรามีประชากรเป็น 1 ส่วน 8 ของมนุษย์ แถมพวกเรายังแบ่งออกเป็นหลายเผ่าพันธุ์ และแต่ละเผ่าพันธุ์บางครั้งก็ถูกแยกออกเป็นหลายสายด้วยกัน ถึงแม้จำนวนประชากรและความเจริญ เราจะสู้พวกมนุษย์ไม่ได้...แต่ถ้าว่าด้วยเรื่องความเก่าแก่ การคงอยู่ของเผ่าพันธุ์และพลังอำนาจ เราก็ถือว่าเหนือกว่าหลายขุมเลยทีเดียว

                    ทำไมข้าถึงกล่าวเช่นนั้นน่ะหรือ

                    ความเชื่อต่างๆ นานา ของพวกมนุษย์ทั้งหลาย นั้นล้วนแต่เกิดขึ้นจากพวกเรา เผ่าพันธุ์ที่ดำรงอยู่มาก่อนที่มนุษย์จะถือกำเนิด พวกมนุษย์กล่าวว่าเราคือ เทพเจ้า แต่บางครั้งก็เรียกเราว่า ปีศาจ  ความนับถือเหล่านั้นถูกจุดประกายขึ้นในใจของพวกเขา เพราะเรามีสิ่งที่เขาไม่มี...เรามีสิ่งที่ถูกเรียกว่า พลัง

                    พลังสามารถทำให้ทุกอย่างเกิดขึ้น และพลังก็ทำให้ทุกอย่างดับสูญ เหล่ามนุษย์นั้นไขว่คว้าสิ่งที่เรียกว่าพลัง ซึ่งนำมาถึงการเกิดสิ่งที่เรียกว่าวิทยาศาสตร์ เมื่อพวกเขากล่าวว่าวิทยาศาสตร์คือทุกสิ่ง และเริ่มละทิ้งพวกเรา พวกเราก็กลายเป็นเพียงตำนาน...ที่ไม่มีอยู่จริง

                    แต่พวกเขาก็ไม่รู้หรอก ว่าความจริง คนรอบๆ ตัวของพวกเขา อาจไม่ใช่มนุษย์เสียทุกคน

                    ถ้าไม่อยู่ในเขตแดนของตัวเองพวกเรามักจำแลงตัวเองให้อยู่ในร่างมนุษย์

                    ร่างแปลงของข้าไม่มีอะไรแตกต่างจากมนุษย์ ไม่มีอะไรงอกอะไรโผล่ แต่ข้าบอกแล้ว สิ่งที่ไม่เหมือนคือ พลัง กับ การดำรงชีวิตต่างหาก ที่ต่างกัน...

     

    ข้ามีนามที่แสนจะไพเราะเสนาะหูว่า ไอซี เมอร์ริสซึ่งเจ้าจะเรียกท่านไอซีสุดหล่อ สุดเท่ สุดจ๊าบ ข้าก็มิอาจจะขัดศรัททาเจ้าได้

    เรื่องหน้าตาก็ไม่ต้องพูดถึง ข้าพูดได้คำเดียวว่า สุดแสนจะเพอร์เฟก ตาลาลา~

    น้ำเสียงของข้านั้นก็ไพเราะเสียยิ่งกว่าเสียงนกฮัมมิ่งเบิร์ดคราง~

                    นิสัยก็สุดแสนจะดี๊ดี...มีน้ำใจล้ำลึก ใสซื่อ บริสุทธิ์ แถมอารมณ์เย็นยิ่งกว่าแตงกว่าดองแช่อิ่ม

                    (เจ้าแน่ใจรึนั่น)

                    ช่างเถอะ...ข้าตัดตอนเมื่อกี้ทิ้ง ถือไปซะว่าเมื่อกี้ไม่ได้อ่านไปก็ได้ เชอะ!

                    เข้าเรื่องก็ได้ เริ่มจากตรงนี้ก็แล้วกัน

                    ข้าเคยอยู่ในสถานอุปการะเด็กในเมืองของผู้ใช้มนตราแห่งแสงนี้...แต่ก็เหมือนโชคยังเข้าข้างข้าอยู่ (แต่พอตอนหลังก็รู้ตัวว่าโชคไม่ได้เข้าข้างอย่างที่คิด แต่ข้ากำลังถูกพระเจ้าลงโทษต่างหาก) เพราะต่อมาไม่นาน ข้าถูกชายคนหนึ่งรับไปเลี้ยง ข้าไม่เคยเรียกเขาว่าพ่อแต่ข้าเรียกเขาว่า ท่านอาจารย์

                    ตั้งแต่วันนั้นชีวิตของข้าก็ต่างจากเดิม เพราะอย่างน้อย ข้าก็มีท่านอาจารย์คอยอบรมสั่งสอนถึงแม้ว่าท่านอาจารย์จะเป็นคนที่ต่าง...ไม่สิ ควรจะใช้คำว่า ประหลาดและแหวกแนว ในสายตาของข้า (และคนอื่นด้วย) จนข้าต้องเติบโตอย่างยากลำบากสักหน่อยก็เถอะ แต่อย่างน้อยเขาก็เป็นที่พึ่งพิงที่เดียวของข้า (ข้ายืมตังเขาใช้ได้) เป็นอาจารย์ของข้าและเป็นญาติเพียงคนเดียวของข้าด้วย (ข้านอนบ้านของเขาได้โดยไม่เสียค่าเช่า) ถึงแม้จะไม่ใช่ญาติทางสายเลือดก็ตาม

                    แต่อยู่มาวันหนึ่ง ท้องฟ้ายามรัตติกาลของคืนเดือนดับ ที่ปกติแล้วจักต้องมีเพียงความมืดมิดและแสงจากดวงดารานับแสนนับล้านดวงที่ส่องประกายบนผืนนภา วันที่ผู้ใช้มนตราก็คือมนุษย์ธรรมดา ไม่สามารถแสดงความเป็นพวกเขาออกมาได้ แต่ผืนนภาในคืนวันนั้นกลับถูกแต่งแต้มด้วยสีแดงฉานของเปลวเพลิงที่ลุกโชติช่วงบนผืนปฐพี คอยเผาทำลายทุกสิ่งที่อยู่ใกล้ ให้วอดวายเป็นเถ้าทุลี

                    จัดการงานให้เรียบร้อยนะไอ้หนู! แล้วอย่าทำแหวนหายซะล่ะเสียงของท่านอาจารย์ดังไล่ตามหลังข้ามาหลังจากที่เขาโยนข้าขึ้นบนหลังของอาชาสีรัตติกาล แล้วให้ข้าควบมันออกไปจากหมู่บ้าน

                    แต่ข้าว่าไม่ใช่สี รัตติกาลธรรมดาหรอก มันคงเป็น รัตติกาลอันตราย ซะมากกว่านะข้าว่า

                    โธ่...เจ้าโนฮีโร่ เอ๋ย...

                    แล้วท่านล่ะ!” ข้าหันหน้ากลับไปมองเขาพร้อมกับตะโกน

                    ท่านอาจารย์ยืนพร้อมกับชูนิ้วชี้ขึ้นมาให้ข้าดู แล้วส่งยิ้มให้อย่างแฝงนัย ก่อนที่ร่างนั้นจะกลืนหายไปกับเพลิงสีแดงรอบตัว

                    รอยยิ้มของอาจารย์...รอยยิ้มที่ข้าไม่อยากเห็นเพียงวินาที! เพราะเห็นทีไร ข้าได้งานเข้าทุกที!

                    ข้ากำบังเหียนม้าแน่น ข้าอยากจะหยุดเจ้าอาชานี่ให้มันหยุดวิ่งแล้วควบกลับไป แต่จะหยุดมันได้เยี่ยงไร ในเมื่อ...ข้าขี่ม้าไม่เป็น!

                    ข้า(ที่ขี่ม้าไม่เป็น) จึงได้แต่หันหลังกลับไปมองเปลวเพลิงที่ไหม้โหมกระหน่ำหุบเขาป่าสน

    อย่างอาวรณ์ ข้ารู้สึกถึงสายน้ำอุ่นๆ ที่ไหลอาบข้างแก้ม แต่ก็ทำได้เพียง ปาดมันออกไปจากใบหน้าเท่านั้น

                    แต่มันก็ไหลออกมาต่อเนื่องอย่างไม่ขาดสาย

                    เจ้าคิดว่าข้าร้องไห้อยู่หละสิ! ไม่ใช่หรอก เมื่อกี้เจ้าม้าบ้านี่มันดันวิ่งเฉียดต้นสนเข้า มันวิ่งผ่านไปอย่างสบาย แต่ข้ากลับโดนกิ่งสนกิ่งเบ้อเร่อ สอยจนหัวแตก! 

                    สรุปคือ ไอ้น้ำที่ข้านั่งปาดออกอยู่นี่ ก็เลือดของข้านั่นแหละ ไม่ใช่น้ำตาอะไรนั่นหรอก

                    โธ่! เจ้าม้าบ้า! ควบช้าๆ หน่อยก็ได้... ข้าก็เจ็บเป็นนะ ฮือๆ

                   

    (ตัดมาที่ VTR นินทา)

                    ท่านอาจารย์ของข้ามีนามว่า อัชลาน คาซาล ตอนนี้กำลังจะขอเออร์รี่ออกจากตำแหน่งแล้วโยนให้ข้าแทน ตำแหน่งของเขาเป็นที่น่ายกย่องสูงสุด ซึ่งเขาเป็นถึงหนึ่งใน 7 ผู้สืบทอดเจตนารมณ์แห่งมหาเทพ ผู้ควบคุมสมดุลของโลก ตำแหน่งของท่านอาจารย์คือ ผู้สืบทอดเจตนารมณ์แห่งแสงลำดับที่ 21

                    ผู้สืบทอดเจตนารมณ์แห่งมหาเทพทั้ง 7 ล้วนมีหน้าที่แตกต่างกันไป และการดำรงตำแหน่งแต่ละวาระก็ต่างกันด้วยซึ่งข้าก็ไม่อาจรู้ของอีก 6 ตำแหน่งได้ ขอกล่าวถึงแต่ที่รู้ก็แล้วกัน

                     ผู้สืบทอดเจตนารมณ์แห่งแสงหรือสั้นๆ ว่าเทพแห่งแสง เป็นผู้ควบคุมแสงสว่างทั้งปวง มีหน้าที่ขจัดความมืดในใจของผู้คนเผยแผ่คุณธรรมและผดุงคุณธรรม (จะว่าไปก็คล้ายๆ พวกซุปเปอร์ฮีโร่ หรือไอ้มดแดง อะไรประมาณนี้) หน้าที่นี้จึงตกเป็นของพวกผู้ใช้มนตราแห่งแสงมาหลายชั่วอายุ(เทพ) เทพแห่งแสง(จำเป็นต้อง) ดำรงตำแหน่งรุ่นละ 1000 ปี ซึ่งเผ่าพันธุ์ผู้ใช้มนตราแห่งแสงนั้นมีอายุเหมือนกับมนุษย์ทุกประการ ซึ่งความจริงพวกเขาจะไม่สามารถดำรงตำแห่งครบวาระได้แน่นอน แต่ข้าบอกแล้วว่ามันจำเป็น...ตอนนี้ท่านอาจารย์จึงมีอายุรวมๆ ประมาณ 1028 ปี ซึ่งเหลือวาระอีกประมาณ 2 ปีก็จะเกษียร จากนั้นความเป็นอมตะก็จะหายไป แล้วก็ไปใช้ชีวิตหลังเกษียรอย่างสุขี แล้วข้าก็ซวยต่อ ชะเอิงเอย...

     

                    บั้ค!!

                    เสียงเหมือนเตะขวดน้ำอัดกับผนังอย่างแรง ก่อนจะตามมาด้วยเสียงร้องโอดโอยอย่างทรมานแล้วต่อด้วยเอฟเฟกสีแดงสดที่ถูกส่งมาจากก้นบึ้งของเครื่องในที่ตามมาติดๆ

                    Help me!! ใครก็ได้ช่วยข้าที!!

     

                    ในที่สุดข้าก็ได้พบกับเจ้า...นานมาก ข้ารอเจ้ามานานเหลือเกินเสียงใสก้องกังวาน

                    น้ำเสียงนั้นสุดแสนจะไพเราะ เสียงที่เหมือนจะแทรกซึมไปทั่วทุกอณูของจิตใจ

                    ใครกันน่ะ...เจ้าเป็นใครกัน แล้วที่นี่ที่ไหนรอบตัวมีแต่ความมืดมิด แม้แต่มือของข้าเอง ข้าก็ไม่อาจมองเห็นได้ มีเพียงร่างสีขาวรางๆ ตรงหน้าเท่านั้นที่เป็นแสงสว่าง แสงสว่างที่แสนจะริบหรี่

                    ร่างนั้นยิ้มตอบ ข้ายังไม่อาจจะกล่าวนามของตนได้...แต่ในไม่ช้า เจ้าจะได้ทราบอย่างแน่นอนร่างตรงหน้ากล่าว แต่นางไม่ได้ขยับริมฝีปากเพื่อเปล่งเสียงออกมาแม้แต่น้อย เหมือนกับมันสะท้อนไปมาในหัวของข้า

                    รอยยิ้มของร่างนั้นช่างงดงาม ดวงตาสีขุ่น แต่แววตาช่างอ่อนโยน

                    ทำไมเจ้าถึงคิดว่าข้าเป็นคนที่เจ้ารออยู่ นี่อาจเป็นเรื่องบังเอิญก็ได้ เจ้าอาจเข้าใจผิดข้ามองร่างตรงหน้า

                    ความบังเอิญ...ไม่มีจริง จำไว้เจ้าหนู มันไม่มีจริง ทุกอย่างล้วนถูกลิขิตขึ้น ไม่มีสิ่งที่เรียกว่า ความบังเอิญ

                    ใบหูเรียวแหลม เส้นผมและผิวพรรณที่ขาวราวหิมะ

                    เหมือนร่างนั้นจะจับความคิดของข้าได้ ในเมื่อเสียงหัวเราะเบาๆ ดังขึ้น

                    ความรัก...ไม่มีสิ่งใดที่ขวางกั้นได้ ข้าเป็นครึ่งเอลฟ์ส่วนอีกครึ่งเป็นมนุษย์

                    งั้นหรอ แต่ข้าไม่เคยคิดอย่างนั้นเลย

                    ความรัก...สิ่งที่ยิ่งมีมากก็ยิ่งทุกข์ ไร้ซึ่งประโยชน์และคุณค่า

                    ในเมื่อเจ้าคิดเช่นนั้นข้าก็ไม่อาจขัด แต่สักวัน เจ้าจะเข้าใจร่างนั้นกล่าวด้วยรอยยิ้ม ไว้โอกาสหน้า ข้าจะแวะมาพบเจ้าอีก ลาก่อน


    .................................................................................................................................
    แง่ว...เฮอๆๆๆ (ขวาสุด:เวลเดย์ กลาง:อัชลาน ซ้าย: ไอซี)
     

    ดูผ่านๆพอ อย่าไปจ้องมาก เดี๋ยวเป็นตากุ้งยิงนะเออ =w="

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×