คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Chapter 1: Care about Nothing
เดรโกยืนอยู่หน้ากระจกพร้อมด้วยรอยยิ้ม เขากำลังมองภาพสะท้อนอันหล่อเหลาของตัวเอง นับตั้งแต่ที่เขาเริ่มเป็นหนุ่ม เดรโกเรียนรู้ที่จะหลงใหลบานกระจกเป็นอย่างมาก เขาได้เรียนรู้บทเรียนหนึ่งในชีวิตจากบานกระจกเงาที่เขาหลงใหล
ตอนที่เขาเป็นเด็กหนุ่ม เขาค้นพบว่าผู้คนต่างสนใจในตัวเขา (ซึ่งทำให้เขาสับสนเป็นอย่างมาก) มันเป็นบางสิ่งที่น่าประหลาดใจ เป็นอะไรที่เขาชอบ พวกผู้หญิงชอบส่งสายตา และพูดกับเขาด้วยเสียงอ่อนเสียงหวาน บ่อยครั้งที่มักเยินยอเขาอย่างมากมายก่อนที่เขาจะได้อ้าปากพูดเสียด้วยซ้ำ เขาอาจจะเดินเข้าไปในห้องที่เต็มไปด้วยคนแปลกหน้า และทันทีที่เขาก้าวย่างเข้าไป สีหน้าของผู้คนทั้งหมดจะสดใสขึ้นในทันที มันช่างเป็นความสนอกสนใจ เอาอกเอาใจอย่างมาก...มากกว่าที่เขาคุ้นเคยจากครอบครัวของเขา และเท่าที่เดรโกจะบอกได้คือ เขาไม่ได้ทำอะไรเป็นพิเศษเพื่อที่จะได้มันมาเลย
ในทีแรกความคิดเดียวที่ปรากฏในสมองแบบเด็กๆของเดรโกคือ เขาจะสนุกกับความสามารถและความหล่อเหลา อันเป็นที่รักของผู้คนได้มากแค่ไหน แต่แล้วด้วยนิสัยแบบเด็กๆที่มีความอยากรู้อยากเห็นที่ต้องการคำตอบว่า อะไรคือสาเหตุของปฏิกิริยาเหล่านั้น...
***
“ผมมีคำถาม” เด็กชาย ผมสีบลอนด์งดงาม กล่าวอย่างองอาจ เขาอยู่ข้างๆพ่อที่น่าชื่นชม และน่ากลัวที่สุด ในชุดเสื้อคลุมสีดำราคาแพง ลูเซียส มัลฟอย ละสายตาจากหนังสือที่กำลังอ่านไปยังลูกชายอย่างรำคาญ เขาขยับปากบ่นเล็กน้อย และถอนหายใจอย่างหงุดหงิด
“มีคำถามเสมอเลยนะ เรานะ” เขาบ่น และจ้องมองไปที่ลูกชาย
“ผมมีคำถามมากมายอยากที่จะถาม” เดรโกหัวเราะร่าเริงที่ได้โต้ตอบ เขามีความสุขที่จะได้พูดกับชายคนที่เขาชื่นชมมากที่สุด ครูสอนพิเศษของเดรโกพอใจกับธรรมชาติความอยากรู้อยากเห็นของเขาเสมอ พวกเขาเคยบอกกับแม่ของเดรโกครั้งหนึ่งว่า มันเป็นสัญญาณแห่งความฉลาดเฉลียว แต่สำหรับ ลูเซียส มัลฟอย แล้วดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้คิดเห็นในแบบเดียวกันกับบรรดาคุณครูพวกนั้นเลย ลูเซียส ไม่ต้องการลูกชายที่ฉลาดพอที่จะตั้งคำถามกับเขา แต่เขาต้องการลูกชายที่ฉลาดพอที่จะทำตามสิ่งคำสั่งที่เขาบอกเท่านั้น
“หมายความว่ายังไง? แก-หมาย-ถึง-ว่า- มีหลายอย่างที่จะถามอย่างนั้นใช่ไหม” ลูเซียสแก้ประโยคให้ถูกต้อง ตาของเขาหรี่แคบลงซึ่งมันบ่งบอกถึงอันตรายที่แฝงอยู่ในนั้น และในตอนนี้ ลูเซียส กำลังคิดว่ามันถึงเวลาแล้วที่จะจ้างครูสอนพิเศษภาษาอังกฤษคนใหม่ เขาไม่อาจทนเห็นลูกชายพูดไวยากรณ์ภาษาอังกฤษแบบผิดๆ ถูกๆ และผู้คนจะพูดอย่างไรล่ะถ้ารู้ว่าลูกชายของเขาเป็นเช่นนี้
“ครับ หลายอย่าง” เดรโกรีบแสดงความเห็น ทุกครั้งที่เดรโกพยายามทำบางสิ่งที่เป็นความถูกต้อง ลูเซียสจะร้องออกมาด้วยความผิดหวัง เขาโยนหนังสือลงบนโต๊ะและหันมามองด้วยความสนใจ ที่ลูกชายของเขาอย่างเต็มที่
“ถ้าแกโตพอที่จะมีความกล้าสักหน่อยมันก็คงดี แต่ตอนนี้แกอย่าหวังจะได้เป็น สลิธีรินที่เหมาะสมได้เลย เพราะแกเป็นคนขี้ขลาดเหมือนคนงั่งไร้สมอง!” เขาลังเลชั่วขณะจากนั้นพูดต่ออย่างเย็นชา
“แต่อย่าได้ไม่เชื่อฟังฉันเชียวล่ะ แกเข้าใจใช่ไหม!” เดรโกประหลาดใจ สับสน และเขาตกลงใจว่าควรทำแค่การพยักหน้าตอบรับเฉยๆก็เพียงพอแล้ว พ่อของเขาดูเหมือนไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะตอบคำถามใดๆ ในวันนี้
หากแต่เขาดื้อดึงเพื่อที่จะได้แค่คำตอบเดียวที่เขาต้องการ ที่ซึ่งมันรบกวนความคิดที่ยังคงพัฒนาขึ้นทุกวันของเขา เดรโกที่กำลังนั่งอยู่เริ่มขยับตัว และจ้องไปที่เท้าเล็กๆทั้งสองข้างของเขามันโผล่ออกมาจากปลายชุดเสื้อคลุมสีเขียวราคา
แพงที่เขาใส่อยู่
“ทำไมผู้คนมากมายถึงชอบผม” เขาพูดโพล่งออกมา และในตอนนี้ ลูเซียส ยิ้มราวกับนักล่าที่ขบขันเหยื่อของตัวเอง ในขณะที่ปฏิกิริยานั้นทำให้ข้อมือของเดรโกกระตุก ลงไปจนถึงเท้า ถึงเวลาแล้วสำหรับบทเรียน ลูเซียส อาจจะเป็นครูที่ยอดเยี่ยมในบางครั้ง แต่บทเรียนพิเศษนี้จะต้องใช้บุคคลที่สาม ลูเซียสไม่ต้องการตอบคำถามนี้ในทันที เขาต้องการให้เดรโกปรารถนาความเห็นชอบของเขา แต่ความจริงก็คือเขาไม่เคยได้รับมันอย่างแท้จริงจากลูกของเขาเลย
“ลุกขึ้น!” เขาร้องเสียงดัง มองดูลูกชายของเขาอย่างไม่สบอารมณ์
“และแกมากับฉัน! ฉันเชื่อว่ามันถึงเวลาแล้วที่ฉันจะให้กระจกวิเศษชิ้นแรกนี้กับแก” เดรโกยืดไหล่ให้ตรงตามที่เขาถูกสอนมา และเดินอย่างมุ่งมั่นตามพ่อของเขาออกไปอย่างรวดเร็ว เขาผ่านห้องโถงที่สลับซับซ้อนของคฤหาสน์มัลฟอย จนกระทั่งพวกเขาเดินเข้าไปในปีกอาคารที่แม่ของเขาอยู่ ความแตกต่างที่น่าทึ่งของคฤหาสน์ระหว่างส่วนที่เป็นของแม่กับส่วนที่เหลือในคฤหาสนี้ คือ ในขณะที่ห้องส่วนใหญ่ของคฤหาสน์มืดมิด ดูน่ากลัว และเต็มไปด้วยการตกแต่งอย่างหม่นหมอง ข้าวของที่ตกแต่งถูกออกแบบมาเพื่อทำให้ “แขก” หวาดกลัว แต่ปีกของอาคารตรงที่แม่อยู่ มันช่างน่าอยู่ และอบอุ่น
ห้องที่เดรโก และพ่อเข้าไปเต็มไปด้วยลายดอกไม้ในโทนสีพีช และกระจก กระจกซึ่งมีเป็นร้อยๆบาน
“ยินดีต้อนรับสู่ห้องนั่งเล่นของแม่แก...เดรโก” ลูเซียส พูดยิ้มเยาะให้กับสีหน้าของเด็กหนุ่ม เดรโกไม่เคยพบกระจกมากกว่าหนึ่งบานมาก่อนและประหลาดใจเมื่อเขามองไปยังกำแพง และ เห็นบางสิ่ง
“ผมใช่ไหมนี่!” เขาร้องเสียงแหลมด้วยความยินดี
“มีผมอยู่มากๆ เอ่อ...” ดวงตาของเขาเหลือบไปมองพ่ออย่างกระสับกระส่ายเขาพูดผิดอีกแล้ว
“ผมหมายถึง มีผมอยู่มากมายเต็มไปหมด!” เขารีบแก้ประโยคใหม่ และชำเลืองมองอย่างกลัวเกรงอีกครั้งไปที่พ่อของเขา เดรโกเห็นสายตาของ ลูเซียส ที่แสดงถึงความไม่พอใจเพียงเล็กน้อย เขาจึงเลี่ยงหมุนตัวสองถึงสามรอบ เฉไฉมองภาพสะท้อนจากกระจกที่ล้อเลียนเขาอยู่ในตอนนี้
ลูเซียส ค่อนข้างจะอยู่ในอารมณ์ที่อ่อนลงแล้ว เขาปล่อยให้ความเป็นเด็กของลูกชายผ่านไปโดยไม่ลงโทษ
“หยุดมองภาพสะท้อนของตัวเองซะที ไอ้หนู และมากับฉัน” ลูเซียสสั่งในขณะที่เดินไปยังกระจกสูงบานหนึ่งที่แขวนอยู่บนกำแพง กระจกถูกล้อมกรอบด้วยไม้สีน้ำตาลดำที่ดูหรูหราและแกะสลักเป็นรูปมังกร เดรโกเดินตามพ่อของเขาไป สายตาหลงใหลเคลื่อนไหวไปมาระหว่างพ่อและของแกะสลักต่างๆ
“จงมองไปที่กระจก และถามในสิ่งที่แกถามฉัน...” เดรโกเงยหน้าขึ้นมองอย่างสงสัย จากนั้นเขาเดินอย่างวางท่าไปที่กระจก พยายามเลียนแบบ ลูเซียส เขากระแอมเสียงแบบเด็กๆของเขาออกมา
“โทษทีฮะ” เขาถามกับกระจก
“ว่ายังไงจ๊ะที่รัก” เสียงหนึ่งซึ่งเป็นเสียงของผู้หญิงตอบกลับมา มันทำให้เขาสะดุ้ง
“เอ่อ... ทำไมผู้คนถึงชอบผม”
“ทำไมน่ะเหรอ? นั่นก็เพราะ เธอ ช่าง น่า ดึง ดูด นะซิ! ที่รักเธอมีใบหน้าดุจเทพ มันเกิดขึ้นกับการเป็น มัลฟอยคนหนึ่ง” เดรโกขมวดคิ้วด้วยความสงสัย
“เฮ่อ!” อย่างไรก็ตามสิ่งนี้ทำให้เดรโกผิดหวัง
“โอ้ว ไม่นะ ไม่!” กระจกร้องเตือนเมื่อเห็นสีหน้าเศร้าหมองของเดรโก
“นั่นเป็นสิ่งดีนะจ๊ะพ่อหนุ่ม! เธอช่างสง่างาม ช่างงดงามอย่างน่าทึ่ง นั่นทำให้ผู้คนไม่อาจต้านทานเธอได้! พวกเขายากที่จะพูดว่า ‘ไม่’ กับเธอเสมอ” เดรโกยิ้มหน้าแดงพอประมาณกับการถูกยกยออย่างไม่คุ้นเคยในรูปแบบใดๆก็ตาม และจ้องมองไปที่เท้าของเขาด้วยความอาย กระจกพยายามต่อไปอีกครั้ง
“ไม่ต้องแปลกใจเลย! อย่างแน่นอน...เธอสังเกตได้นี่ ว่าใบหน้าของเธอสมบูรณ์แบบแค่ไหน!” เดรโกเดินเข้าไปใกล้กระจก และจ้องมองตัวเขาเองอย่างถี่ถ้วน และเขาส่งรอยยิ้มเยาะแบบ มัลฟอยเป็นครั้งแรกของเขาโดยไม่รู้ตัว
“ฉันสมบูรณ์แบบอย่างนั้นใช่ไหม”
***
เดรโกอยู่ในความเพ้อฝันและจดจ่ออยู่กับภาพสะท้อนอันเป็นที่รัก เป็นร้อยล้านครั้งและชื่นชมในสิ่งที่เขาเห็นเสมอ เวลานี้เขายืนอยู่ด้วยความสูงมากกว่า 6 ฟุต ช่วงไหล่กว้างๆและมีกล้ามเนื้อในแบบที่ยอดเยี่ยมอย่างที่สุด แม้กระทั่งเสื้อเชิ้ตสีดำที่เขาใส่อยู่ คุณอาจจะเห็นถึงร่องรอยของแผ่นอก และกล้ามเนื้อหน้าท้องที่แข็งแรงที่เขาได้มาจากการเป็นซีกเกอร์! ผิวของเขาเป็นสีแทนเล็กน้อยซึ่งเขาได้มาจากการเล่น ควิดดิช อย่างไรก็ตามความแตกต่างระหว่างสีผิวกับ ดวงตาสีเทาของเขาช่างน่าทึ่ง! นับตั้งแต่ที่เขาขึ้นปีที่หก เดรโกตัดสินใจที่จะปล่อยผม บลอนด์ประกายเงินอย่างเป็นธรรมชาติ และไม่ทำให้ผมเป็นมันเรียบลื่นตามที่ ลูเซียสสั่งอีกต่อไป ลูเซียสโกรธอย่างที่สุด หลังจากการลงโทษทั้งหมดที่เขาได้รับ เดรโกปฎิเสธที่จะยอมทำตาม
ในตอนนี้ เขาภูมิใจกับผมของตัวเองและบรรดาสุภาพสตรีทั้งหลาย ก็ดูไม่ได้ใส่ใจกับมันมากเกินไปเช่นกัน ใบหน้าของเขาสมบูรณ์เต็มที่ ขากรรไกรที่มั่นคงและโหนกแก้มที่ทำให้รูปหน้านั้นสมบูรณ์ครบถ้วน พร้อมด้วยริมฝีปากที่เร่าร้อน ดวงตาของเดรโกเพียงอย่างเดียวอาจจะทำให้ผู้หญิงถึงกับขาอ่อนด้วยความเข้มของสีนัยน์ตาและขนตาที่หนา น่าดึงดูด
เดรโก มัลฟอย เติบโตเป็นเด็กหนุ่มที่ดูดีที่สุดที่เข้าสู่ฮอกวอตส์นับตั้งแต่ปู่ของเขาอยู่ที่นั่น
และเขาก็รู้ดี
“หยุดจ้องมองตัวเองในกระจกเสียที หนุ่มน้อยและแกมากับฉัน” เสียงเย็นชาเสียงหนึ่งแทรกเข้ามาในความคิดของเขา เดรโกหันกลับมาอย่างช้าๆ มองดูพ่อของเขาอย่างเย็นชาแบบไม่แตกต่างกันมากนักระหว่างพ่อกับลูก ลูเซียส ยิ้มเยาะอย่างโหดร้าย
“ได้เวลาต้องไปแล้ว” ลูเซียส พูดขึ้น เดรโกยังคงจ้องมองพ่อของเขาด้วยสายตา ที่พ่อมดน้อยคนนัก กล้าที่จะทำ และเขายังคงจับจ้อง ลูเซียส อย่างท้าทาย
“ครั้งสุดท้ายที่ผมไปตรวจมานะพ่อ ความจำของผมอยู่ในสภาวะที่ดีเยี่ยม ผมจะไม่ไปกับพ่ออีกในคืนนี้” เดรโกมองในขณะที่พ่อของเขารับรู้ในสิ่งที่เขาพูด และคำนวณท่าทีต่อไปของเขา ลูเซียส เลิ่กคิ้วขึ้นเล็กน้อย แต่ยังคงจับจ้องลูกชายอย่างไม่ละลายตา ทั้งคู่ไม่มีใครกระพริบตาเลย
“ฉันเกรงว่า ฉันคงจะไม่เข้าใจในสิ่งที่แกพูดถึง” ลูเซียสพูดขึ้น
“และผมเกรงว่าพ่อจะเข้าใจมันได้เอง” เดรโกตอบอย่างสบายใจ ล้อเลียนชายที่อยู่ตรงหน้าเขา เวลานี้ใบหน้าของ ลูเซียส เริ่มโมโห ต่อความสนุกสนานที่เดรโกมี ราวกับว่า ลูเซียสกำลังควบคุมสติตัวเองไม่ได้
“อย่าได้บังอาจพูดกับฉันแบบนี้อีก! อย่าได้คิดว่าฉันลังเลที่จะลงโทษแกขั้นรุนแรงนะ เดรโก!” พ่อของเขาพูด เดรโกหัวเราะแต่เป็นเสียงหัวเราะที่ไม่ร่าเริงและแข็งกร้าวนัก
“ว้าว! พ่อ” เขาสวนกลับไปราวกับคำสาปแช่ง
“พ่อไม่เข้าใจหรือไง พ่อสอนผมมาดีเกินไป บางทีสองถึงสามปีที่แล้วกลยุทธ์อ่อนหัดประเภทนี้อาจจะได้ผล เมื่อผมยังอ่อนแออยู่ แต่มันไม่ใช่กับตอนนี้ ผมไม่สนใจการลงโทษบ้าบอนั่นอีกต่อไปแล้ว” อันที่จริง ยิ่งเดรโกคิดถึงมัน เขาก็ยิ่งรับรู้ว่าตัวเองไม่ได้สนใจอะไรเลยตราบใดที่เขาได้ในสิ่งที่เขาต้องการ
เส้นเลือดบนใบหน้าของ ลูเซียส เวลานี้ปูดออกมาด้วยความโกรธและดวงตาเริ่มเป็นสีแดง เขาเริ่มรู้สึกเดือดดาลและเป็นอันตรายอย่างที่สุด
“ฉันจะทำให้แกสนใจมันอีกครั้ง” ลูเซียส ขู่ด้วยเสียงแผ่วเบา
“ฉันจะพูดอีกเป็นครั้งสุดท้าย ได้เวลาต้องไปแล้ว”
“ผมจะไม่ไป! ผมไม่ยอมไร้ค่า มากกว่าการเป็นทาสที่น่าสมเพชไปตลอดทั้งชีวิตของผม! ต้องคอยก้มหัว คุกเข่าให้กับเลือดสีโคลนที่น่าสะอิดสะเอียน!” ด้วยความตกใจสุดขีด! เดรโกคิดว่าดวงตาของเขาแทบจะระเบิดในขณะที่พ่อของเขาตบด้วยแรงทั้งหมดที่มี เขาคิด ‘อย่าล้มเด็ดขาด เดี๋ยวอาการเวียนหัวตาลายก็จะผ่านไป อย่าแสดงความกลัว... อย่าแสดงความอ่อนแอ...’ เดรโกคิดคำพูดเหล่านี้ในหัวซ้ำๆ หลายครั้งคล้ายการสวดมนต์ ก่อนที่เขาจะหันไปสบสายตากับ ลูเซียส อีกครั้ง เขาไม่รู้สึกเจ็บปวด หรือสังเกตเห็นเลือดที่ค่อยๆไหลออกจากแก้มของเขาเลย อย่างไรก็ตาม เขาเห็นความโกรธที่ปรากฏอยู่ทั่วใบหน้าของพ่อ เดรโกยิ้มกว้าง
“ความจริงทำให้เจ็บปวดใช่ไหมล่ะ ลูเซียส” เดรโกพูดเหน็บแนม
“เพ็ตตริพิคัส โททาลัส!” กว่าที่เดรโกจะทันเห็นว่าพ่อหยิบไม้กายสิทธิ์ออกมา ก็สายเกินไปแล้ว เขาล้มลงในทันที เขารู้สึกเวียนหัว เหมือนว่ามันจะระเบิดออกมาเป็นเสี่ยงๆ ราวกับว่ามันกระแทกกับพื้นหินเย็นจัด และจากนั้นทุกอย่างก็ว่างเปล่า
***
เซเวอร์รัส สเนป ยืนอยู่ในวงล้อมของกลุ่มคนในชุดเสื้อคลุม อากาศร้อนยามค่ำคืนดูเหมือนโอบรัดเขามากขึ้นในทุกขณะ สเนป เพ่งมองเขาจากใต้ผ้าคลุมศีรษะสีดำ เขาเห็นเดรโก มัลฟอย นอนกองอยู่ตรงหน้าเจ้าแห่งศาสตร์มืดที่กำลังยิ้มให้เดรโกเกือบจะเหมือนรักใคร่ และมันทำให้เขาแทบอยากจะอาเจียน
“ลูเซียส” นายของพวกเขาส่งเสียงเรียกอย่างไม่พอใจ ร่างในชุดเสื้อคลุมร่างหนึ่ง เยื้องย่างเข้ามาใกล้และคุกเข่าตรงหน้าโวลเดอเมอร์
“ขอรับ นายท่าน” ลูเซียสตอบ
“เกิดอะไรขึ้น” น้ำเสียงของโวลเดอเมอร์ สุขุมนุ่มนวล แต่สัมผัสได้ถึงความแข็งดุจเหล็กกล้าภายใต้คำพูดเหล่านี้ เสียงของเขาคล้ายคมดาบที่หุ้มอยู่ในใยไหม อ่อนนุ่มที่จะสัมผัสแต่ยังคงอันตราย ลูเซียส มัลฟอย เริ่มสั่นด้วยความกลัวเล็กน้อย และสเนปต้องอดกลั้นรอยยิ้มเอาไว้ นั้นก็เพราะว่าลูเซียสเป็นคนขี้ขลาดเสมอมา
“เด็กชายคนนี้ เสียสติไปแล้วนายท่าน เขาปฎิเสธที่จะไม่มาในคืนนี้ เขาปฏิเสธที่จะเข้าร่วมกับเรา เขาอวดดี ดูหมิ่นท่าน!” เกิดความเงียบงัน สงบนิ่ง หลังจากคำพูดเหล่านี้ถูกเผยออกมา และสเนปพบว่าความคิดของเขาเองกำลังสับสนอลม่าน เดรโก มัลฟอย นะหรือที่ปฏิเสธ...? เดรโก มัลฟอย เผชิญหน้ากับพ่อของเขา และปฏิเสธที่จะเป็นผู้เสพความตายอย่างเปิดเผยเหรอ... ในขณะที่เขาเพ่งมองลงไปยังชายหนุ่มที่หล่อเหลาเกินความจริง สเนป รู้สึกถึงความโกรธ ความเคารพ และความภูมิใจอย่างไม่น่าเชื่อ ความโกรธที่พวกเขาทำกับเดรโก ความเคารพที่เดรโกกล้าหาญที่จะเผชิญหน้ากับความทรมานเหล่านี้ และความภาคภูมิใจที่เดรโกต้องการ
“จริงอย่างนั้นหรือ” โวลเดอเมอร์ ถามด้วยน้ำเสียงอย่างมีเลศนัย และอย่างเยือกเย็น “เจ้าพยายามข่มขู่เขาใช่ไหม บางทีอาจจะทำหลายครั้งในคุกใต้ดินใช่หรือเปล่าล่ะ”
“ข-ขอรับ นายท่าน” โวลเดอเมอร์เริ่มผงกหัวเล็กน้อยให้กับตัวเอง ราวกับเป็นการย้ำความคิดของเขาเอง
“แล้วเขาพูดว่าอย่างไร”
“เขาพูดว่า เขาไม่สนใจ...อีกต่อไปแล้ว! นายท่าน ข้าลงโทษเขาในขณะที่เขาไม่ได้สติ อย่ากังวลไปเลยนายท่าน พอเขาตื่นขึ้นมา เขาจะสำนึกได้ว่าเขากำลังท้าทายท่าน” ลูเซียสยังคงพูดอย่างชัดเจนต่อไปว่า ‘ความภักดีอยู่กับเขา ไม่ใช่ลูกชายของเขา’ โวลเดอมอร์ยังคงพยักหน้ารับรู้ และสเนปคิดชั่วขณะว่าเขาสัมผัสได้ถึงความไม่สงบบางอย่างในตัวเจ้าแห่งศาสตร์มืด แต่แล้วรอยยิ้มอย่างปีศาจก็แผ่ไปทั่วใบหน้าของโวลเดอเมอร์คล้ายกับการเติบโตของเห็ดราอย่างไม่น่าเชื่อ
“เขาสมบูรณ์แบบ ลูเซียส ข้าต้องการเขา”
“ท่านว่าอย่างไรนะนายท่าน!” โวลเดอมอร์หันไม้กายสิทธิ์ และชี้ไปทาง ลูเซียส
“ครูซิโอ!” เขาส่งเสียงขู่ ร่างในชุดเสื้อคลุมที่ยืนล้อมรอบ ลอร์ดโวลเดอมอร์ มองด้วยความเงียบ ขณะที่ ลูเซียส มัลฟอย บิดตัวงอด้วยความทรมานอยู่บนพื้นหญ้าที่ชุ่มชื้นไปด้วยน้ำค้าง หลังจากนั้นไม่นานโวลเดอมอร์ร่ายคาถา และหันไปทางสเนปโดยไม่ใส่ใจสมุนของเขาคนอื่นๆ
“ลูเซียส ช่างโง่เหลือเกิน เซเวอร์รัส เด็กหนุ่มเดรโกผู้นี้แข็งแกร่งในทุกๆทาง เขาแค่ต้องการแรงจูงใจ ความช่วยเหลือบ้างเล็กน้อย ถ้าเจ้าจะ...ช่วยทำให้เขาตัดสินใจสักหน่อย! หรือเจ้าไม่เห็นด้วยกับข้า!” เขาถามอย่างรู้ดีว่าเดรโกเป็นศิษย์โปรดของ สเนป สเนปรู้สึกว่าเลือดภายในร่างกายของเขา มันช่างเย็นเยียบเสียเหลือเกิน
“ขอรับนายท่าน” เขาตอบ
“ปลุกเขา” สเนปผงกหัวรับคำสั่ง และดึงขวดแก้วสีฟ้าขนาดเล็กออกจากกระเป๋า เขาคุกเขาลงข้างๆ เดรโก และจับศีรษะของเด็กหนุ่มเอนไปด้านหลัง และบังคับให้เขาดื่มน้ำยาจนหมด ในทันทีเดรโกเริ่มไอและสำลัก เลือดไหลออกมาจากปากของเขา อาจารย์วิชาปรุงยาต้องควบคุมสติทั้งหมดเพื่อไม่ให้แสดงความกังวล
“ลุกขึ้น เดรโก!” สเนปตะโกนอย่างโหดร้าย ฉุดเขาให้ลุกขึ้นยืน หลังจากนั้นไม่นานเดรโกลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆ ด้วยความเจ็บปวด และพิจารณาถึงสิ่งแวดล้อมรอบตัวเขา สเนปคิดชั่วขณะว่าเดรโกคงจะไม่ได้สติอีกครั้งแน่ เมื่อเด็กหนุ่มยิ้มเล็กน้อย และปล่อยเสียงหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง
เดรโกสะบัดตัวเองออกจากมือของสเนป ที่ช่วยจับเขาไว้ เขาพยุงตัวเองขึ้น และเริ่มมองไปรอบๆ ความรื่นเริงเห็นได้ชัดเจนบนใบหน้าของเขา มันดูเกินจริงอย่างแปลกประหลาดที่เห็นใครบางคนควรจะอยู่ในความเจ็บปวดและความหวาดกลัวมากกว่าที่จะรื่นเริงเช่นนี้ เด็กหนุ่มไม่ผงะถอยหนี ราวกับว่าเขาไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลย
“ผมยินดีจริงๆที่พวกคุณต้องการล้มผมและเอาชนะผม พวกคุณต้องการผมมากเลยใช่ไหมล่ะ” เขาร้องถามด้วยเสียงเนิบๆ แบบถากถางโดยปกติของเขา มันโล่งใจที่ได้ยินอารมณ์ขัน คำพูดเสียดสีของเด็กชาย แม้จะดูเหมือนว่าไม่มีอารมณ์อื่นๆยึดติดกับเขาแล้วก็ตาม แต่มันทำให้ สเนป รู้ว่าเดรโกยังคงเป็นมนุษย์ที่มีหัวใจ พวกผู้เสพความตายเริ่มขยับตัว และยื่นไม้กายสิทธิ์ของพวกเขาออกมาอย่างกระตือรือร้น สเนปแน่ใจว่าพวกผู้เสพความตายพยายามจะฆ่าเดรโก มัลฟอย และสายลับของเขาอาจจะต้องถูกทำลาย อย่างไรก็ตามแทนที่โวลเดอมอร์จะส่งสัญญาณห้ามปราม เขากลับหัวเราะเพียงเท่านั้น
“เด็กชายที่รักของข้า ความเย่อหยิ่งของเจ้าอาจจะมีเกินกว่าปัญญาของเจ้าด้วยซ้ำ เจ้ารู้ใช่ไหม ว่าทำไมเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่” เดรโก กระพริบตาอย่างเบื่อหน่าย
“ผมคิดว่าท่านรู้ซะอีก ว่าผมอยู่ที่นี่เพื่ออะไรกัน”
“ในตอนนี้ มัลฟอย เจ้าจงดูความเป็นจริง! ข้ารู้ว่าเจ้าอยู่ที่นี่เพื่ออะไร เจ้าพร้อมที่จะรับตรามารใช่ไหมล่ะ” โวลเดอเมอร์พูด เดรโก กลอกตา จากนั้นชำเลืองมองไปที่เจ้าแห่งศาสตร์มืด คล้ายกับว่าเขาเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจมากที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา และเขาอาจจะเป็นสิ่งที่น่าเกลียดมากกว่านั้นด้วยซ้ำ
“ข้า-จะ-ไม่-ทำ-ตาม-ท่าน!” เดรโกโต้กลับอย่างมุ่งร้าย
“ข้าจะไม่ทำตามใครทั้งนั้น”
“ความหัวสูงของเจ้าจะมีมากแค่ไหนกัน” โวลเดอมอร์แสยะยิ้ม และยกไม้กายสิทธิ์ที่ปรากฏลำแสง โต้กลับไปอย่างรวดเร็ว
“อิมเปริโอ!” ใบหน้าของเดรโกว่างเปล่าในฉับพลัน สีหน้าของเขาตกอยู่ในความเพ้อฝัน และดูเหมือนมีความสุขอย่างมาก สเนปมองด้วยความหวาดกลัวที่ซ่อนเร้นไว้ ในขณะที่โวลเดอมอร์สั่งให้เดรโก พูดคำปฏิญาณตนจากนั้นให้ยื่นแขนของเขาออกมา...
***
เดรโกรู้สึกตัวอย่างเลือนรางว่า เขาเพิ่งจะพูดทุกคำตามที่โวลเดอมอร์พูด แต่ทำไมเขาไม่ควรทำมันล่ะ มันก็แค่คำพูดและมันช่างน่ายินดี
“ยื่นแขนของเจ้าออกมา เดรโก...” เดรโกมองตามแขนของตัวเองที่ควบคุมไม่ได้ ในขณะที่มันยื่นออกไปรับตรา เขารู้สึกถึงความเข้าใจในฉับพลัน ควบคู่กับความรังเกียจที่สาดสัดเข้ามาคล้ายคลื่นที่ถาโถมเข้าหาก้อนหิน ‘เขากำลังจะรับตรามาร’ ความคิดของเขาถูกดึงกลับไปสู่ความจริง ‘ไม่มีทาง! เขาจะไม่ทำมันง่ายๆ เขาจะไม่ยื่นแขนออกไปแบบนี้ เขาจะไม่ตกเป็นทาส ไม่! ไม่มีทาง! ไม่มีทาง... ทุกสิ่งทุกอย่างจะดีเอง ถ้าเขาแค่ขยับแขนของตัวเอง! ให้พ้นจากการควบคุมนั่น! อย่างนั้นแหละ เดรโก... ’
“มอร์ส มอร์เดร!” โวลเดอมอร์ส่งเสียงขู่ในทันทีที่เดรโกดึงแขนกลับไป เขาลอยล่องกลับไปสู่พื้นหญ้า กัดริมฝีปากตัวเองเพื่ออดกลั้นไม่ให้ร้องตะโกนออกมาด้วยความเจ็บปวด จากบางสิ่งที่อยู่บนแขนของเขาแล้วในตอนนี้ เขาบังคับให้ดวงตาทั้งสองข้างเปิดออก เดรโกเห็นผู้เสพความตาย 7 คนกำลังก้าวเข้ามา เขาครุ่นคิดอย่างเร็วและสะบัดไม้กายสิทธิ์ออกมา ชี้มันไปที่ตัวเขาเอง และตะโกน
“แอปปาเรท !!” ไม่มีจุดหมายปลายทางในหัว ความคิดสุดท้ายของเขาคือ เขาเพิ่งจะช่วยชีวิตตัวเอง หรือฆ่าตัวเองกันแน่ จากนั้นเป็นอีกครั้งที่ทุกอย่างว่างเปล่า
+++++++++++
TO BE CON
ตัวอย่างตอนต่อไป
“โอ้ เมอร์ลิน! ค- -คน นี่!” เธอคุกเข่าลงด้วยความตื่นตระหนก และค่อยดึงเสื้อคลุมสีดำออกจากสิ่งที่เธอคิดว่าจะต้องเป็นศีรษะ เฮอร์ไมโอนี่ส่งเสียงร้องเล็กๆออกมา ในขณะที่เส้นผมสีเงินยุ่งเหยิงถูกเผยให้เห็น ตามมาด้วยใบหน้าของผู้ชายที่เต็มไปด้วยเลือด ครุกแชงก์วิ่งไปมาอย่างรีบร้อน มันกระแซะเข้าหาชายคนนั้นแล้วส่งเสียงร้องครางอย่างพึงพอใจ
ความคิดเห็น