ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Chapter 1 : Roommate
Chapter 1 : Roommate
บริเวณลานกว้างของมหาวิทยาลัยคยองฮีซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยชื่อดังในย่านนี้ ตอนนี้ต่างเต็มไปด้วยเหล่านักศึกษาชั้นปีที่หนึ่งที่หลั่งไหลเข้ามาเพื่อตรวจสอบรายชื่อและหอพักของตัวเองที่ติดอยู่ที่บอร์ด หลายคนรู้สึกตื่นเต้นกับการที่จะได้รู้จักเพื่อนใหม่ อีกทั้งรูมเมทที่ต่างคนต่างไม่เคยเห็นหน้าและไม่เคยรู้จักกันมาก่อนแต่ต้องมาอาศัยอยู่ร่วมกันตลอดหนึ่งปีการศึกษานี้
“ปาร์คจองซู” นิ้วเรียวสวยไล่ไปตามรายชื่อที่ติดอยู่ที่บอร์ด ปากก็พึมพำชื่อของตัวเองเบาๆ ดวงตาคู่สวยมองไล่ตั้งแต่กระดาษแผ่นแรกจนมาถึงรายชื่อของนักศึกษาที่พักอยู่หอสิบสาม เรียวปากบางจึงเผยรอยยิ้มน่ารักออกมา
“คิมยองอุน” ชายหนุ่มที่ดูแข็งแรงอีกคนก็กำลังมองไล่รายชื่อไปตามแผ่นกระดาษเพื่อหาชื่อของตัวเอง ส่วนปากก็พึมพำอยู่เบาๆ เพียงแต่ไม่ได้ใช้นิ้วไล่ไปตามรายชื่อก็เท่านั้น เมื่อมองเห็นชื่อของตัวเองก็ยิ้มกว้างออกมาทันที
“1341!” เสียงเล็กกับเสียงใหญ่พูดออกมาพร้อมกัน นิ้วทั้งสองจิ้มไปยังชื่อห้องที่ต่างคนต่างได้พักอยู่
คนตาสวยหันมามองอีกคนด้วยอาการตกใจเล็กน้อยก่อนจะยิ้มกว้างออกมาเมื่อเห็นว่าอีกคนคือรูมเมทของตัวเอง ส่วนชายหนุ่มร่างใหญ่ก็หันมามองด้วยความตกตะลึงเมื่อเห็นว่ารูมเมทของตัวเองคือใคร ริมฝีปากหนาเผยอออก ดวงตาหยีที่มักจะหายไปเวลายิ้มเบิกกว้าง ใบหน้าหล่อเหล่าดูเหม่อลอยเหมือนกำลังล่องลอยอยู่ในสรวงสรรค์ยังไงยังงั้น
“นางฟ้า” ชายหนุ่มเพ้อออกมาเสียงเบา ดวงตาของเขาเอาแต่จับจ้องคนที่อยู่ข้างๆไม่วางตา
“นายชื่อยองอุนเหรอ ฉันปาร์คจองซุนะ เรียกว่าอีทึกก็ได้” อีทึกแนะนำตัวก่อนจะยิ้มออกมา ดวงตาที่ใครๆต่างก็ชมว่าสวยแวววับเป็นประกาย ทำให้คนที่จ้องมองอยู่ไม่อาจละสายตาออกไปไหนได้เลย
“เอ่อ...ครับ ผมคิมยองอุน เรียกว่าคังอินก็ได้” คังอินยิ้มตาหยีพร้อมกับแนะนำตัว อยากจะขอบคุณพระเจ้าจริงๆ ที่ส่งนางฟ้ามาเป็นรูมเมทกับเขา
“เราขึ้นห้องกันดีมั้ย ดูท่านายจะหนักนะ” อีกทึกพูดแล้วยิ้มหวาน เมื่อมองดูกระเป๋าสัมภาระต่างๆที่คังอินถืออยู่มันคงจะหนักไม่น้อยเลยทีเดียว
“ครับ” รอยยิ้มกลับดวงตาหยีๆตอบกลับมา ก่อนทั้งสองจะเดินเคียงข้างกันไปยังส่วนของหอพัก คงต้องใช้เวลาเดินซักพัก เพราะหอสิบสามไม่ใช่ใกล้ๆเลย
“ตึกใหญ่จัง” เสียงใสบ่นพึมพำกับตัวเองเมื่อมองเห็นหอพักที่ตนต้องมาอาศัยอยู่กับรูมเมทที่เขาเองก็ยังไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน
คิมเรียวอุกหนุ่มน้อยจากอินชอนแหงนหน้าขึ้นมองไปตามความสูงของหอพักที่สิบสาม ก่อนจะเดินเข้าไปภายในตัวอาคารเพื่อรอลิฟต์ ระหว่างที่เรียวอุกกำลังยืนรอลิฟต์อยู่นั่นก็มีชายหนุ่มอีกคนเดินมายืนข้างๆ ทั้งสองหันไปมองหน้ากันก่อนจะยิ้มให้กัน
เรียวอุกก้าวเข้าไปในลิฟต์พร้อมชายอีกคน นิ้วชี้ของทั้งสองคนจิ้มไปที่เลขสี่พร้อมกัน
“อ๊ะ! ขอโทษครับ” เรียวอุกรีบชักมือกลับทันทีแล้วขอโทษขอโพยทั้งที่เขายังไม่ได้ทำอะไรผิดเลยซักนิด ก็แค่นิ้วเขาไปจิ้มโดนนิ้วของอีกคนเท่านั้น
ชายอีกคนไม่ได้ตอบอะไรกลับมา เพียงแค่ยิ้มกลับมา แล้วทั้งลิฟต์ก็ตกอยู่ในความเงียบ ต่างคนก็ต่างมองไปทางอื่น
ที่จริงแล้วเรียวอุกอยากจะหันไปคุยทำความรู้จักกับอีกคนเพราะไหนๆก็อยู่ชั้นเดียวกัน แต่เพราะชายคนนั้นใส่หูฟังอยู่ เลยไม่กล้าทักอะไรออกไป
เมื่อลิฟต์มาถึงชั้นสี่ทั้งสองคนก็หันไปมองหน้ากันแล้วยิ้มให้กันอีกครั้งก่อนจะเดินออกมาจากลิฟต์ ต่างคนก็ต่างเดินไปยังห้องพักของตัวเอง เรียวอุกมองไปตามป้ายหน้าห้อง ส่วนชายอีกคนก้มหน้าก้มตาเดิน ปากก็พึมพำเพลงที่ตัวเองกำลังฟังอยู่
เรียวอุกเอื้อมมือไปจับลูกบิดประตูห้อง 1344 ซึ่งเป็นห้องพักของเขา แต่กลับมีมืออีกมือมาจับทับบนมือเขา คนตัวเล็กหันขวับไปมองในทันที แล้วก็พบกับชายคนที่อยู่ในลิฟต์เมื่อกี้ ทั้งสองคนจ้องกันซักพักก่อนที่เรียวอุกจะเป็นฝ่ายที่ยิ้มออกมา
“คิมจองอุนใช่มั้ยครับ ผมคิมเรียวอุก” เรียวอุกถามออกไปเสียงใส เมื่อใช้สมองประมวลเหตุการณ์แล้วคนๆนี้คงเป็นคิมจองอุนรูมเมทของเขาแน่ๆ
“ครับ เรียกผมว่าเยซองดีว่านะ” เยซองถอดหูฟังออกแล้วตอบกลับมา
“ครับๆ แล้วเยซองจะปล่อยมือผมได้หรือยัง” เรียวอุกพยักหน้าถี่ๆ ก่อนจะมองไปที่มือของตัวเองที่โดนเยซองจับไว้อยู่
“อ่า! ขอโทษครับ” เยซองรีบปล่อยมือออกทันทีก่อนจะยิ้มตาหยี เรียวอุกไม่ได้ตอบอะไรกลับมา เปิดประตูเข้าไปในห้องทันทีตามด้วยเยซอง
“คิมคิบอมใช่มั้ย” เสียงที่ทักขึ้นทำให้คนที่กำลังเอื้อมมือไปเปิดประตูห้องต้องหันไปมองโดยทันที แล้วก็พบกับรอยยิ้มสดใสที่ส่งมาให้
“ครับ” เสียงทุ้มต่ำตอบกลับไป และเปิดประตูห้อง 1349 ออก ก่อนจะก้าวเข้าไปในห้อง เหมือนกับว่าไม่ได้สนใจคนที่เข้ามาทักมากนัก
“ฉันลีดงเฮนะ” ดงเฮแนะนำตัวก่อนจะเดินตามคิบอมเข้าไปในห้อง บอกว่าวิ่งเข้าไปน่าจะดีกว่า เพราะเล่นกระโดดเข้าไปจนเกือบสะดุดล้ม แถมยังสะบัดรองเท้าหลุดกระเด็นไม่เป็นระเบียบ วางระเกะระกะอยู่ตรงหน้าประตู
“ฉันขอนอนเตียงในนะ” ดงเฮรีบวิ่งกระโดดไปที่เตียงด้านในซึ่งติดกับหน้าต่าง ที่รีบเข้ามาในห้องก็เพราะเหตุนี้ เพราะเขาเห็นคิบอมเดินตรงไปยังเตียงด้านในเลยต้องรีบมาจอง
“ได้ไง ฉันมาถึงก่อนนาย” คิบอมตอบออกมาเรียบๆ เขาวางกระเป๋าที่เตียงก่อนที่ดงเฮจะมาถึงเตียง และที่สำคัญเขาก็อยากจะนอนติดหน้าต่าง
“แต่ฉันอยากนอนเตียงนี้นี่นา” สายตาอ้อนๆถูกส่งไปยังเป้าหมายทันที ทั้งที่เพิ่งจะเจอกันเมื่อซักครู่ที่ผ่านมา ดงเฮก็สามารถอ้อนได้หมด นี่แหละความสามารถพิเศษของเด็กบ๊องตัวน้อย ลีดงเฮ
“ฉันก็อยากนอน” คิบอมทำเป็นไม่สนใจสายตานั่น เพราะเขามักจะแพ้ลูกอ้อนเสมอ และที่สำคัญรูมเมทของเขาคนนี้น่ารักไม่เบาเลยล่ะ ตัวเล็กๆ ขาวๆ หน้าตาก็น่ารัก และดูท่าจะเป็นคนที่มนุษยสัมพันธ์ดีมากๆเลยด้วย
“แต่ฉันดูบอบบางกว่านายนะ ให้ฉันนอนด้านในแหละดีแล้ว ถ้าเกิดมีอะไรขึ้นมาให้ฉันนอนใกล้ประตูก็ลำบากน่ะสิ” เหตุผลข้างๆคูๆที่ดงเฮพูดมาฟังไม่ขึ้นเลยแม้แต่น้อย แต่ก็ยังพยายามทำตาใสๆใส่คิบอม คนโดนลูกอ้อนเลยต้องหันหลังหนี
“เหตุผลไม่เข้าท่า” คิบอมล้มตัวนั่งลงบนเตียงแล้วเปิดกระเป๋าของตัวเองออกก่อนจะจัดของให้เข้าที่ แต่ดงเฮกลับลงมานั่งข้างๆ และที่สำคัญคว้าแขนเขาเข้าไปกอดไว้ซะด้วย
“ทะ...ทำอะไรน่ะ” เสียงตะกุกตะกักถูกถามออกไป แต่ท่าทางของคิบอมยังคงนิ่งอยู่ จะมาไม้ไหนอีกนะ
“ให้ฉันนอนเตียงในเถอะนะคิบอม แล้วฉันจะไม่ก่อกวนนายอีกเลย นายพูดอะไรฉันจะฟังทุกอย่างเลย นะๆ ให้ฉันนอนนะ” ไม่พูดเปล่าดงเฮถูหัวทุยๆของตัวเองไปกับแขนของคิบอม ไม่เคยนึกถึงเลยว่าอีกคนจะคิดยังไงกับสิ่งที่ตัวเองทำ อาจจะรำคาญหรือไม่ชอบก็เป็นได้ แต่สำหรับดงเฮแล้วอ้อนใครไม่เคยไม่สำเร็จ
“เออๆ ก็ได้ อย่ามาทำแบบนี้” คิบอมผลักหัวดงเฮออกเบาๆ แล้วยอมยกเตียงด้านในให้คนตัวเล็กไป เพราะถ้าขืนให้ดงเฮทำแบบนี้ต่อไป จิตเขาคงเตลิดแน่ๆ ก็บอกแล้วว่าเขาแพ้ลูกอ้อนโดยเฉพาะคนน่ารักๆแบบนี้
“เย้! รักคิบอมที่สุดเลย!” ดงเฮกระโดดตัวลอยด้วยความดีใจเหมือนเด็กๆ รีบหยิบกระเป๋าของตัวเองมาวางไว้บนเตียงทันที ไม่ได้รู้เลยว่าไอ้คำพูดเมื่อกี้ทำเอาอีกคนหน้าแดงไปเรียบร้อยแล้ว
“เด็กบ๊อง!” คิบอมพึมพำขึ้นมาเบาๆ ริมฝีปากเผยยิ้มออกมาน้อยๆ ก่อนจะหยิบกระเป๋าของตัวเองไปวางไว้อีกเตียงแล้วเริ่มจัดของ อยู่ดีๆก็มาบอกว่ารักทั้งที่เพิ่งจะเจอกันไม่ถึงสิบนาทีเลยด้วยซ้ำ มีรูมเมทน่ารักๆแบบนี้ชีวิตของคิบอมคงมีความสุขมากมายแน่ๆ
“นายมาจากจีนเหรอ แล้วทำไมถึงมาเรียนที่เกาหลีล่ะ”
“ผมได้ทุนมาน่ะครับ”
“จริงเหรอ! แสดงว่านายต้องเรียนเก่งมากๆเลยล่ะสิฮันคยอง”
บทสนทนาที่ดังขึ้นระหว่างทางเดินแสดงให้รู้ว่าคนที่คุยกันนั้นได้ทำความรู้จักกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพราะนักศึกษาที่ได้เข้ามาเรียนที่นี่นั้นมาจากทั่วประเทศ ซึ่งเป็นส่วนน้อยที่เคยรู้จักกันมาก่อน
“ถึงซะที! เดินไกลชะมัด” หนุ่มน้อยตัวเล็กบ่นขึ้นก่อนจะเปิดประตูห้อง 1348 แล้วเข้าไปใน รองเท้าที่ถอดไว้เหมือนสลัดให้มันหลุดออกมาจากเท้าเท่านั้น
“ฮยอกแจ” ฮันคยองเอ่ยเรียกแต่เหมือนอีกคนจะไม่ได้ยิน เลยได้แต่ส่ายหน้าน้อยๆเมื่อเห็นเพื่อนร่วมห้องถอดรองเท้าไว้ไม่เป็นระเบียบ เขานั่งลงและจัดมันให้เข้าที่วางคู่กับรองเท้าของตัวเอง ก่อนจะเดินเข้าไปภายในห้อง
“ฉันขอนอนก่อนแล้วกันนะ” ฮยอกแจจะโกนบอกแล้วกระโดดขึ้นเตียงนอนทันที เพราะระยะทางที่เดินมาหอพักนั้นไม่ใช่ใกล้ๆเลย แถมยังต้องแบกกระเป๋าเสื้อผ้าอีก มันเลยทำให้เมื่อยและเหนื่อยเป็นธรรมดา
“เก็บของก่อนสิ” ฮันคยองบอกแล้วเริ่มจัดของของตัวเองให้เข้าที่
“เดี๋ยวค่อยเก็บก็ได้” ฮยอกแจตอบเสียงอู้อี้กลับมา
“เดี๋ยวน่ะตอนไหน พรุ่งนี้เช้าเราก็ต้องไปเรียนแล้วนะ ตอนนี้เพิ่งสี่โมงเย็น มีเวลานอนอีกตั้งเยอะแยะ” แล้วฮันคยองก็เริ่มบ่น ปากก็พูดไปมือก็จัดของไป
“เวลาเก็บมันก็มีเยอะเหมือนกันนั่นแหละ” ฮยอกแจเถียงกลับมา ตอนนี้ให้ความรู้สึกเหมือนกับว่าฮันคยองเป็นพ่อเขายังไงยังงั้น
“แล้วเวลาไหนล่ะที่นายจะเก็บ ถ้านายเก็บเร็วมันก็จะเสร็จเร็ว แต่ถ้านายมั่วแต่เดี๋ยว แล้วเมื่อไหร่มันจะเสร็จ แล้วอยู่มหาลัยกันแล้วนะ ต้องมีความรับผิดชอบ ถ้าเรื่องแค่นี้นายยังขี้เกียจ แล้วเรื่องเรียนนายจะไปรอดเหรอ” ฮันคยองพูดออกมายาวเยียด เพราะเขาไม่อยากได้รูมเมทที่เป็นคนขี้เกียจ ไม่งั้นพวกงานทำความสะอาดห้องที่ต้องแบ่งกันทำเขาก็คงจะต้องทำแค่คนเดียว
ฮยอกแจลุกขึ้นนั่งท้าวคางฟังฮันคยองพูดกว่าจะจบเขาก็แทบจะหลับอยู่แล้ว นี่มันรูมเมทหรือพ่อกันแน่ก็ไม่รู้ เขาควรจะสำนึกแล้วลุกขึ้นไปจัดของ หรือจะโกรธดี
“นายนี่บ่นอย่างกับคนแก่ ฉันโตแล้วนะ” ฮยอกแจลุกขึ้นหยิบกระเป๋าของตัวเองมา ก่อนจะเริ่มจัดของของตัวเองอย่างเชื่องช้า จัดให้เสร็จๆจะได้รีบนอน และที่สำคัญฮันคยองจะได้ไม่ต้องบ่นเขาอีก
“นายก็รีบทำซะสิ ฉันจะได้ไม่ต้องบ่น”
“ก็ทำอยู่นี่ไง หันมาดูซะสิ!” ฮยอกแจว่าหน้าบึ้ง ฮันคยองหันไปมองท่าทางจัดของแบบลวกๆของฮยอกแจแล้วก็ยิ้มออกมา
“จัดให้มันเป็นระเบียบด้วย”
“เออ!” ฮยอกแจกระแทกเสียงใสแล้วจัดของต่อไป ซึ่งมันไม่ได้เป็นระเบียบอย่างที่ฮันคยองบอกไว้เลยแม้แต่นิดเดียว
“ห้องนี้สินะ” ดวงตากลมโตมองไปที่ป้ายเลขห้องที่ติดอยู่ที่หน้าประตู 1347 ความรู้สึกตื่นเต้นวิ่งพล่านไปทั่วร่างกาย ไม่รู้ว่าจะได้เจอรูมเมทแบบไหนกัน
“สวัสดีรูมเมทของฉัน” เมื่อเปิดประตูเข้ามาเจอคนที่ยืนอยู่ภายในห้องเสียงใสก็ร้องทักขึ้นทันทีพร้อมกับรอยยิ้มน่ารัก ร่างเล็กเดินเข้าไปในห้องก่อนจะแนะนำตัวอย่างเป็นทางการ
ชายหนุ่มที่เพิ่งเข้ามาในห้องได้ซักพักหันไปมองตามต้นเสียงด้วยสายตาที่เรียบเฉย
“สวัสดี ยินดีที่ได้รู้จักนะ นายชื่ออะไรเหรอ...ฉันชื่อลีซองมินนะ อายุสิบเก้า แล้วนายล่ะอายุเท่าไหร่ เรียนคณะอะไร ส่วนฉันเรียนคณะมนุษยศาสตร์ ว่าแต่ฉันถามนายทำไมไม่ตอบซักทีล่ะ” ซองมินมองคู่สนทนาตาแป๋ว เขาถามอะไรไปตั้งเยอะแต่กลับไม่มีคำตอบกลับมาเลย โดยไม่ได้ดูเลยว่าตัวเองเว้นช่วงให้อีกคนตอบหรือเปล่า
“เอ่อ...” คนที่เป็นรูมเมทของซองมินได้แต่ทำหน้าเอ๋อ เพราะซองมินไม่เว้นช่วงให้เขาพูดเลยแม้แต่น้อย แล้วยังมีหน้ามาถามอีกว่าทำไมเขาไม่ตอบคำถาม
“ชื่ออะไร” ซองมินถามออกมาอีกครั้ง สายตาก็เอาแต่จ้องที่รูมเมทตัวเอง แต่ต้องเงยหน้ามอง รูมเมทของเขาสูงเป็นบ้าเลย
“คะ...”
“อ๊ากกกกกกกก!!!!!!!”
ยังไม่ทันที่จะได้ตอบคำถาม เสียงร้องของใครบางคนก็ดังขึ้นมาจากห้องไหนซักห้อง ซองมินหันขวับไปมองที่หน้าประตูห้องทันที ก่อนจะจับมือเพื่อนร่วมห้องเพื่อออกไปดูว่ามันเกิดอะไรขึ้น
“ออกไปดูกัน” พูดจบก็ลากรูมเมทออกไปทันที
ที่หน้าห้อง 1342 ตอนนี้มีชายหนุ่มหน้าตาสะสวยยืนปิดตาอยู่ กระเป๋าที่ถือมาด้วยถูกทิ้งอยู่ข้างตัว
“ไอ้บ้า! ไอ้โรคจิต! แก้ผ้าทำไม!!!” ชายหนุ่มยังคงปิดตาไว้อยู่อย่างนั้น ปากก็ตะโกนออกมาปาวๆ เดือดร้อนคนที่กำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ในห้อง แต่ดันลืมล็อกประตูต้องรีบใส่เสื้อกลับเหมือนเดิมแล้วเดินมาหาคนที่ยืนแหกปากอยู่หน้าห้อง เพราะคิดว่าถ้ารูมเมทมาก็ผู้ชายเหมือนกัน คงจะไม่เป็นอะไร แต่กลับตรงกันข้าม เพียงแค่เปิดประตูมาเท่านั้นก็ร้องลั่นทันที
“จะร้องทำไม” คนที่อยู่ภายในห้องรีบถลาออกมาแทบจะในทันที พลางดึงมืออีกคนที่ปิดหน้าออก ผู้ชายเหมือนกันไม่รู้จะอายอะไร
“แล้วนายจะถอดเสื้อทำไมเล่า!” เมื่อเอามือที่ปิดหน้าออกคนหน้าสวยก็ทำเสียงดังใส่ทันที
“ก็ฉันจะเปลี่ยนเสื้อผ้า” เสียงทุ้มตอบกลับมาเหมือนจะออกแนวรำคาญ แถมคนอื่นๆก็เริ่มออกมาดูกันแล้วด้วย
“แล้วทำไมไม่ล็อกประตู! ไอ้โรคจิต!” คนหน้าสวยยังคงใช่เสียงระดับเดิม ไม่ได้สนใจคนที่มามองดูเท่าไหร่นัก แล้วจะให้เขานอนร่วมห้องกับอีตานี่น่ะเหรอ
“นายนี่มัน!” คนที่โดนว่าไม่รู้จะเถียงยังไง เพราะคนอื่นๆมองดูอยู่เลยรีบกระชากรูมเมทจอมเพี้ยนเข้ามาในห้องแล้วปิดประตูทันที ดีกว่ายืนเถียงกันอยู่หน้าประตู
“นายนี่! ปล่อยนะ! ไอ้โรคจิต!” คนหน้าสวยสะบัดข้อมือออกอย่างแรง
“อะไรของนายอีก!”
“ฉันชื่อฮีชอล ไม่ใช่นาย แล้วกระเป๋าฉันก็อยู่หน้าประตู!!” ฮีชอลชี้ไปที่หน้าประตู และยังคงใช่เสียงเหมือนกับตะโกนอยู่ตลอดเวลา
“เออ! ฉันก็ชื่อซีวอนไม่ใช่ไอ้โรคจิต! ถ้ามันอยู่หน้าประตูก็ออกไปเอาซะสิ!” ซีวอนยืนท้าวเอวว่าอย่างรำคาญ เพราะฮีชอลชอบทำเสียงดังซึ่งมันไม่เข้ากับหน้าตาสวยๆนั่นเลยซักนิด
“ก็นายมันโรคจิต!” พูดจบฮีชอลก็เดินไปยังประตูเพื่อออกไปเอากระเป๋าที่ทำตกเพราะใช้มือทั้งสองข้างมาปิดตาเอาไว้
“ฉันต้องอยู่ร่วมกับนายเหรอเนี่ย ให้ตายสิ!” ซีวอนสบถขึ้นมาเบาๆ เมื่อฮีชอลเดินไปแล้ว
ซองมินลากรูมเมทของตัวเองออกมาจากห้องแต่ทุกอย่างได้กลับสู่ภาวะปกติเรียบร้อยแล้ว เห็นแค่เพียงบานประตูห้องที่เกิดเรื่องปิดลงเท่านั้น
“เขามีเรื่องอะไรกันเหรอ” ซองมินหันไปถามรูมเมทของตัวเอง ซึ่งก็คงไม่ได้รู้เรื่องมากไปกว่าตัวเองเท่าไหร่ เพราะก็เห็นเท่าที่ซองมินเห็นเหมือนกัน
“จะไปรู้เหรอ”
“จริงสิ! นายชื่ออะไรยังไม่ตอบฉันเลยนะ” ซองมินนึกขึ้นได้เลยถามอีกครั้ง
“โจคยูฮยอน” ตอบเสร็จก็ทำท่าจะเดินกลับไปที่ห้อง เพราะเขายังไม่ได้จัดของเลย
“เดี๋ยวสิคยูฮยอน!” ซองมินรั้งแขนคยูฮยอนไว้พอดีกับที่ฮีชอลออกมาหยิบกระเป๋าพอดี ซองมินเลยทำท่าจะถามแต่ประตูกลับถูกปิดลงในเสี้ยววินาทีพร้อมกับกระเป๋าหน้าห้องที่หายไปเรียบร้อยแล้ว
“กลับห้องได้แล้วน่า” คยูฮยอนพูดก่อนจะเป็นคนรั้งแขนซองมินให้เดินตามตัวเองมา อยากรู้ไปซะทุกเรื่อง พูดมากที่หนึ่งเลยสิน่ารูมเมทคนนี้
---------------------------------------------------------
kr...Talk
มาแล้วจ้า และแล้วก็ได้ลงซักที
ขอบคุณมากนะ สำหรับคนที่มาเม้นให้ก่อน
เรื่องนี้รับประกันสนุก ฝากเม้นกันเยอะๆนะ
---------------------------------------------------------
kr...Talk
มาแล้วจ้า และแล้วก็ได้ลงซักที
ขอบคุณมากนะ สำหรับคนที่มาเม้นให้ก่อน
เรื่องนี้รับประกันสนุก ฝากเม้นกันเยอะๆนะ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น