ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    DO NOT ENTER

    ลำดับตอนที่ #1 : ลำดับตอนที่ 1

    • อัปเดตล่าสุด 23 ต.ค. 53



    ห้ามคัดลอกออกไปเด็ดขาด!!!


    ส่งใบสมัครค่ะ คุณ : ❤ CHOCOLOiiLIN &#9733
    ขออนุญาตใส่พื้นหลังตัวอักษรนะคะ เพราะสีนี้มันอ่านยาก แฮ่ๆๆ

    ชื่อ (ขอเกาหลีน่ะค่ะ) :: ลี โฮยอน (แปลว่า ขาวราวหิมะ หมายถึง จิตใจที่บริสุทธิ์นั่นเอง 
    =^^=)

    ชื่อของคู่คุณ :: คิม จงอุน (เยเย่ เยซองคร้าบบบบบบบบบ)


    ฉายา
    :: ยัยลิง , ยัยทอม , และสุดท้าย... “ยัยลิงทอม” =[]= / Monkey Boy~! (ชื่อนี้จะใช้แบบเป็นทางการนิดหนึ่ง เช่นเวลาแนะนำสมาชิกในแก๊งแล้วไม่ใช้ชื่อจริงอ่ะจ้ะ)

    ส่วนสูง / น้ำหนัก :: 168 cm / 48 kg (แก้ได้นะคะ เพราะอยากให้โฮยอนสูงที่สุดในกลุ่ม ถ้าเตี้ยไปก็แก้หน่อยเน้อ!)

    ลักษณะ :: ตามรูปเลยนะคะ รูปหน้าเรียว ผมสีน้ำตาลยาวถึงกลางหลังและสไลด์เป็นชั้นๆ มีหน้าม้าด้วย ตาโตใสแจ๋ว และปากสีชมพูสดเสมอ (น่าหม่ำ =w=) ผิวไม่ขาวมากนัก แต่ก็ดูสว่าง ดูรวมๆ แล้วน่ารักมากๆ หน้าตาเกาหลีอินเทรนด์สุดๆ แบบวัยรุ่นผู้หญิงทั่วไป (อย่าดูนิสัยแล้วกัน -*-)










    นิสัย (ยาวๆ) :: เป็นคนแอคทีฟตลอดเวลา ขี้เล่น เป็นกันเอง ซนเหมือนลิง ขี้งอนเหมือนเด็ก โกรธยาก หายยาก ความอดทนสูง แต่ถ้าเส้นความอดทนขาดเมื่อไหร่คนรอบข้างโดนลูกหลงหมด สุขภาพร่างกาย อึด ถึก มาก ต่อยหนัก เตะหนัก!! (แต่ไม่ค่อยได้เตะต่อยใคร) ไม่ใช่คนโหด ถึงแม้ภายนอกจะดูคิขุน่ารัก แต่นิสัยจริงๆ ไม่ค่อยจะเป็นผู้หญิงเอาเสียเลย จนเพื่อนในกลุ่มบอกว่าเธอเป็นทอม และยึดเธอไว้เป็นผู้ชายในกลุ่มซะงั้น ลุยทุกสถานการณ์ รู้จักกาลเทศะ เมื่อเวลาคุยกับผู้ใหญ่ก็จะเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาหน่อย แต่นอกเหนือเวลานั้น เธอก็คือลิงทอมดีๆ นี่เอง รักอิสระ ชอบคิดอะไรเอง ทำอะไรเอง และทำจริงจัง คิดไว ตัดสินใจไว ทำอะไรไว คล่องแคล่ว ไม่ชอบให้ใครเป็นห่วง ไม่อ่อนแอให้ใครเห็น ไม่เจ็บปวดให้ใครรับรู้ ไม่ต้องการให้ใครช่วย มีความคิดว่าปัญหาตัวเองต้องแก้เองเสมอ แต่ชอบช่วยเหลือคนอื่น เรื่องเรียนไม่ชอบแต่สอบได้เกรดสี่ แถมติดท็อปเสียทุกครั้งทั้งที่หลับในคาบเรียน สมองดีและเป็นจอมวางแผน อารมณ์ดีเกือบตลอดเวลา ไม่ค่อยมีปากเสียงกับใคร แต่ด่าทีไรตัดขั้วหัวใจคนฟังทุกที (แต่กรณีกับกลุ่มพระเอกนั้นจะมีปากเสียงกันบ่อยเป็นพิเศษ) เรื่องความรักแบบคู่รักเนี่ยไม่เคยอยู่ในหัว รักพ่อแม่มากกว่า เรื่องที่อยู่ในหัวส่วนใหญ่คืออิสระ อยากทำอะไรต้องได้ทำ ไม่หื่น ไม่สนผู้ชาย ไม่มีประวัติความรัก และหัวสมองช้าระดับพระกาฬในเรื่องพวกนี้อีกด้วย


    การเรียน :: ฉลาด สมองดี แต่ขี้เกียจเรียน -*- ประมาณว่าในห้องไม่เคยฟัง แต่พอสอบทีไรได้ท็อปทุกที


    ฐานะที่บ้าน (ยิ่งรวยยิ่งดี  -w-) :: รวยมาก แต่นิสัยไม่ใช่คุณหนู เพราะคนในบ้านไม่ติดหรูสักคน อยู่ในบ้านขนาดใหญ่แต่ก็ไม่ได้หรูหราโอ่อ่า เงินเก็บจะเยอะ ส่วนใหญ่มาจากธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ทของพ่อ


    ชอบทาน :: อาหารเอเชีย พวกอาหารญี่ปุ่น อาหารเกาหลี อาหารไทย อาหารจีน และซาลาเปา!!!


    ไม่ชอบทาน :: อาหารตะวันตก โดยเฉพาะอาหารที่มีขนมปัง แป้ง (ยกเว้นซาลาเปา) และนมจืด (ไม่ได้กลัวอ้วนเพราะกินเท่าไหร่ก็ไม่อ้วน แต่กินไม่ได้เลย เพราะเคยกินขนมปังหรือนมแล้วอาเจียน ...นี่แหละจุดอ่อนของเธอ -.,-)


    ระดับความหื่น  :: ไม่มีเลย (ไม่สนเรื่องผู้ชาย และหัวช้าเรื่องพวกนี้)


    ระดับความขี้อิจฉา :: น้อย (เป็นพวกขี้หวงมากกว่า หวงตั้งแต่ของส่วนตัวจนกระทั่งคนรัก คือ พ่อ แม่ และเพื่อน หวงของของตัวเองแต่ไม่อิจฉาของคนอื่น)


    ระดับความเป็นผู้ใหญ่ :: ปานกลาง (เป็นผู้ใหญ่ตามกาลเทศะ ปกติเหมือนเด็กเสียส่วนใหญ่)


    รูปของคุ่คุณ (2รูปพอจ๊ะ) ::






    ทำไมสองรูปนี้เย่ดำจัง -*- ปกติขาววิ้งๆ น่าหม่ำ =[]=



    --



    1. ถ้าอยู่ๆกลุ่ม13สาวสุดฮอตที่คุณคือหนึ่งในนั้น ถูกชายอีก 13 แย่งตำแหน่งไป! คุณจะรู้สึกอย่างไร ? :: งง และเริ่มจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง (แต่ไม่เคยสำเร็จ ยังไงก็เป็นยัยห้าวอยู่ดี-*-) หลังจากนั้นก็พยายามมากขึ้นเป็น 3 ถึง 4 เท่า พร้อมๆ กับคิดแผนช่วงชิงตำแหน่งคืนมา แล้วเริ่มปฏิบัติการอย่างแยบยล


    2. นับวันๆ กลุ่มผู้ชายพวกนั้นยิ่งฮอตมากขึ้น ต่างกับคุณลิบลับ ที่กำลังดับลงๆ จะปลงหรือทำทุกอย่างให้กลุ่มของคุณกลับมาฮอตดีนะ? :: ทำให้กลุ่มของเรากลับมาฮอต ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดๆ ก็ตามที่ไม่ทำให้คนที่ไม่เกี่ยวข้องต้องเดือดร้อน ส่วนคนที่เกี่ยวข้องน่ะเหรอ... ถูกลากมารวมหัวอย่างจำใจ T^T


    3. ทุกๆวันเมื่อเจอพวกนี้ทีไรเป็นต้องทะเลาะทุกทีอะ! แต่โชคยังเข้าข้างบ้าง เมื่อคุณไม่เคยมีปากเสียงกับคนๆหนึ่ง(คู่ของคุณ)ในนั้นเลยแหะ ! จะรู้สึกขอบคุณเขาไหมน๊า ??? :: ไม่รู้สึกอะไรดีๆ ทั้งนั้น และคิดไปว่าอีตานี่มันจะมาไม้ไหน แน่นอนว่าเธอต้องตั้งรับอย่างดี โฮยอนไม่ใช่เป็นผู้หญิงร้ายที่จ้องแต่จะด่าคนอื่น แต่เป็นคนหวง... แม้กระทั่งสิ่งที่เธอเป็นอยู่ นั่นก็คือเป็นสมาชิกแก๊งนั่นเอง (ใครขวางมันตายยยยยยยยยยย)


    4. บรรยากาศเริ่มแย่ขึ้นเรื่อยๆ เมื่อคุณดั๊นนนน ต้องมาเข้าค่ายกระชับมิตรกับ 13 หนุ่มหน้าหล่อพ่อรวยแต่กวนบาทาเข้าขั้น แถมต้องจับคู่ชาย-หญิงอีก คุณจะรู้สึกอย่างไร?? :: ถ้าคู่ที่ถูกจับด้วยมาแบบดีๆ ก็มีโอกาสเป็นเพื่อนกันได้ เพราะโฮยอนก็นิสัยแมนๆ ห้าวๆ ลุยๆ คบกับเพื่อนผู้ชายยังจะสะดวกกว่าเพื่อนผู้หญิง และเธอไม่ค่อยสนเรื่องระหว่างแก๊งเสียด้วย แค่รู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องดีกัน ถ้าเขาไม่ได้ดีมาก่อน แต่ถ้ามันมาแบบร้ายๆ ไม่ว่าจะเสี่ยวมา หื่นมา ปากจัดมา หรือนิสัยเสียมากๆ เนี่ย โฮยอนพร้อมประท้วงเอาความเป็นธรรมอยู่แล้ว (ประมาณว่าลุกขึ้นไปโวยวายแบบห้าวๆ ตามประสา แต่ถ้าผู้จัดค่ายเป็นผู้ใหญ่ ก็ต้องมีแผนการในการชักจูงให้ยกเลิกค่ายเป็นแน่แท้)


    5. เข้าค่ายไปนานวันเข้าคุณก็รู้สึกแปลกๆกับคู่ที่จับกัน มันแปลกเพราะอะไรกันนะ =_=;;?? (ไม่จำเป็นต้องเป็นความรู้สึกรักก็ได้นะ - - เกลียดมากกว่าเดิมก็ได้ๆ) :: ก็รู้สึกแปลกๆ เพราะอีตาคนนี้(หมายถึงเยซอง ถ้าคู่ในค่ายคือเยซองอ่ะนะ)ชอบทำอะไรแปลกๆ เช่น หื่นใส่ -*- แต่กลับไม่ได้รังเกียจเขาเลย เพราะขณะเดียวกันเขาก็ช่วยเหลือหลายๆ อย่าง และปกป้องฉันบ่อยครั้ง ทั้งๆ ที่ฉันกลับรู้สึกว่าตัวเองไม่น่ารัก และไม่น่าทะนุถนอมเลยสักนิด ฉันไม่รู้ว่าความรู้สึกไว้วางใจเขามันมีตั้งแต่ตอนไหน แต่ฉันเริ่มเปิดใจและเผลอปล่อยตัวไปกับเขาบ้างน่ะสิ ฉันไม่รู้เลยว่ามันคือความรู้สึกอะไรกัน (ก็คนมันไม่มีเซ้นส์เรื่องนี้นี่นา โฮยอนเอ๋ยยยย)


    --

     

    รูปนางเอกที่เอามาออดิชั่น (ขอ รูปนะคะ ^^)::

     



     

    อิมเมจ=> คิงบูค่ะ



    ชื่อนางเอก (ขอชื่อเกาหลีนะ)::

    ปาร์ค คังยู (แปลว่า มีความแข็งแกร่งและความอ่อนโยนในเวลาเดียวกัน) 

    มาออดิชั่นคู่กับ..?::

    ฮยอกแจ

    คู่สำรอง (เลือกได้ คนนะ) ::

    เซีย ยุนโฮ

    ประวัตินิสัยคร่าวๆ ::  ขอยาวๆ ได้ป่ะคร้าบบบบ ^O^

    คังยู=> โหด ถึก เถื่อน !!! =[]= สามคำที่ไอ้พวกเพื่อนรักสุดสวาทขาดใจดิ้นของฉันมันเรียก -*- ก็จริงอ่ะนะส่วนคนรอบข้างคงคิดเหมือนกันแต่ไม่กล้าเรียกแบบนั้นซะมากกว่า ชื่อมันบอกอยู่แล้วว่าโหด ถึก เถื่อน ใครกล้าเรียกก็มีหวังโดนฉันทุ่มน่ะสิ >*< หึหึ... มีพวกผู้ชายหลายคนที่ไม่รู้จักฉันเข้ามาจีบ ผู้ชายทั้งโรงเรียนรู้จักฉันเลยล่ะ แต่หลังจากที่ฉันตั้งใจตอบคบกับมันเพราะมีแผนดัดสันดานผู้ชายน่ะนะ วิ่งหนีกันหางจุกตูดทุกที =3= ฉันไม่เข้าใจว่าฉันน่ารักหรือสวยตรงไหน ฉันเกลียดหน้าตาตัวเองตั้งแต่ตอนที่มันทำให้ผู้ชายที่ฉันรักขอคบกับฉันเพียงเพราะหน้าตา หลังจากนั้นไม่กี่วันเขาก็ควงผู้หญิงอีกคนเดินตัดหน้า ฉันจึงเกลียดเพลย์บอย!!! หลังจากนั้นฉันก็แค้นๆๆ แล้วเริ่มหัดศิลปะการต่อสู้กับพ่อต่างๆ นานา ทั้งๆ ที่เมื่อก่อนพ่อพยายามจะสอนแต่ฉันไม่เคยยอมสักที ฉันแข็งแรงขึ้นทุกวัน หมัดหนัก เตะหนัก ตบแรง -_-^รวมทั้งนิสัยปัจจุบันนี้ก็เจ้าอารมณ์กว่าเดิม มีอะไรขัดใจนิดหน่อยก็ทุ่มโต๊ะ ต่อยกระจก โวยวายอาละวาดไปทั่ว ฉันเคยมีเรื่องกับกุ๊ยในโรงเรียนหลายครั้ง ล่าสุดเข้าโรงพยาบาลใส่เฝือกกันยกแก๊ง แต่ฉันไม่เคยฆ่าคนตาย นั่นเป็นเรื่องน่าเสียดายชะมัด =..= เชื่อมั้ยคะว่าที่เล่ามานั้นเป็นนิสัยของสภานักเรียนคนหนึ่ง ฉันนี่แหละ เชื่อม้ายยย~! ฉันเป็นประธานฝ่ายกิจกรรม แต่งานน่ะไม่ทำเองหรอก ลูกน้องมากมายมีให้เลือกใช้ไม่ซ้ำแบบ กระดิกนิ้วทีมันก็ต้องรีบไปอย่างหมาไล่รถบรรทุกแล้ว -[]- ฉันมนุษยสัมพันธ์ยอดแย่แต่ดันรู้จักใครไปทั่วโรงเรียน เพราะความเถื่อนเป็นตัวนำพา ~O~ เรื่องเรียนไม่สน แต่ดันโชคหล่นทับสอบได้ท็อปทุกที (เก่งแล้วยังไม่รู้ตัว) ฉันว่าฉันมีข้อดีอย่างหนึ่งนะ ฉันรักเพื่อนและครอบครัวมาก เพราะฉะนั้นฉันจะโหด ถึก เถื่อนไปเฉพาะเวลาที่ต้องปกป้องคนเหล่านี้ มันยากนะกับการตีสนิทคนอย่างฉันเนี่ย ^[]^


    ครอบครัวนางเอกล่ะ?  มีน้องกี่คนมีพี่อ๊ะป่าวหรือลูกคนเดียวมีพ่อกี่คน (เห๊ย!!!!!) ::

    คังยู=> มีพ่อ (คนเฟ้ย = =^) แม่ (1 คนอีกแหละ) น้องชายหน้าหล่อ (จำนวน 1 คน นิสัยกวนเบื้องล่างเป็นที่สุด แถมมันยังสูงกว่าฉันตั้งสิบกว่าเซนต์ T^T)

    ฐานะทางครอบครัว / อาชีพของทางบ้าน (อาทิเช่น เป็นสัปปะเหร่อฯลฯ) ::

    คังยู=> รวยนะ ฉันคิดว่าอย่างนั้น... แต่เป็นเงินมรดกเสียส่วนใหญ่ และเงินพวกนั้นก็ไม่บริสุทธิ์ (คิดอะไรอยู่เฮอะ!) เพราะตั้งแต่รุ่นทวดของทวดของฉันเป็นมาเฟียญี่ปุ่น หาเงินทั้งทุจริตและสุจริตด้วยวิธีต่างๆ นานา ส่งต่อมาจนรุ่นปู่ของฉัน (พ่อของพ่อ) ท่านก็ยังเป็นมาเฟียชาวญี่ปุ่น แต่กลับไม่มีผู้สืบทอด ก็เลยเก็บพ่อฉันที่เป็นเด็กกำพร้าเชื้อชาติไทยมาเลี้ยงและฝึกวิชาป้องกันตัวให้มากมาย จนพ่อฉันกลับมาอยู่เมืองไทยและตั้งครอบครัวที่นี่ แม่ฉันเป็นเจ้าของธุรกิจน้ำหอม (ซึ่งฉันไม่เคยรู้เลยว่ามันคือยี่ห้ออะไร) ส่วนพ่อก็เป็นมาเฟียแบบลับๆ หาเงินเรื่อยๆ จากเครือข่ายในญี่ปุ่น

    คำถามวัดใ 

    ทำไมถึงอยากจะมาออดิชั่นล่ะ? ::

    จี=> ก็ใครบางคนแถวนี้น่ะสิ ไปส่งคำขอถึงไอดี ก็เลยมาออซะให้เข็ด (เข็ดมั้ยล่ะ นิสัยกับครอบครัวยาวเป็นโยชน์ ฮ่าๆ) แต่ออแล้วก็อยากติดนะคร้าบบบบบ

    ถ้าพระเอกจงใจยื่นขามาขัดขาเราให้สะดุดล้มจะทำยังไง?? ::

    คังยู=> ที่ฉันล้มไปแล้วนี่แก้ไม่ได้ แต่ฉันจะยืนหยัดขึ้นมาแล้วเก็บศพมันซะก็แค่นั้น แต่มันก็คงไม่ตาย (เพราะฉันไม่มีวาสนาในการฆ่าคน ทำไมวะ T^T) แล้วก็ด่าต่อไปเป็นเซต พร้อมประกาศศักดาว่าฉันเป็นสภานักเรียนนะเฟ้ย!

    ถ้าถึงตอนใกล้สอบคิดว่าตัวละครที่เอามาออกำลังทำอะไร?? ::

    คังยู=> ฉันคงไม่ทำอะไรที่ต่างไปจากเดิมหรอกนะ -*- ก็แค่ไล่ฟัดคนที่มันก่อกวนความสงบและความสุขของฉันเท่านั้นเอง หวังสักวันว่าจะได้ฆ่าคนตาย = =^ (นางเอกของเราช่างซาดิสม์)

    ***
    คำถามใหม่จร้า(อ่านตอนที่ถ้าไม่เข้าใจ)***ถ้าออดิชั่นติดแล้ว  แล้วพอเอาไปทำเป็นฟิค  แต่หน้าตานางเอกเปลี่ยนไป  จะว่าอะไรรึเปล่า? (เปลี่ยนตัวนางเอกแต่คาแรคเตอร์คงเดิมว่างั้น)) ::

    จี=> ไม่ว่าอยู่แล้ว ถ้ายังไงก็ขอให้หน้าตาสวยหรือน่ารัก แต่ดูคาแรคเตอร์แรงๆ เหมือนนิสัยหน่อยก็ดีจ้า

    รู้สึกยังไงกะวัน คิสสะมัส(คริสต์มาส -_-^^)::

    คังยู=> ไม่รู้สิ ฉันไม่สน - -;; เพราะฉันมีบาปติดตัวเยอะ และวันนั้นฉันก็คงอยู่ในโหมด “พยายามฆ่าคน” เหมือนเดิม

    รู้อ๊ะเปล่าว่าเรื่องนี้พวกนางเอกจะเป็นสภานักเรียนอ่ะ>_____< ::

    จี=> แน่นอนสิคะ อ่านพล็อตหลายรอบแล้วอ่ะ สุดท้ายก็ได้สภานักเรียนโรคจิต ซาดิสม์ ได้ใจอย่างเนี้ย

    อยากอยู่ตำแหน่งอะไรในสภา(ถ้าออติดเราอาจเปลี่ยนได้เน่อ~)::

    คังยู=> ฝ่ายกิจกรรม ไม่รู้ทำไมนะ -*- แต่ถ้าคุณไม่ให้ฉันอยู่ฝ่ายนี้ล่ะก็... ฉันหมัดหนักนะจะบอกให้ (โอ๊ะ!ฉันเปล่าสื่ออะไรนะ) อาจจะมีข้อหา “พยายามฆ่า” เกิดขึ้นกับฉันอีกก็ได้ ฮ่า ฮ่า ฮ่า

    คิดว่าจะมาเม้ นท์ + โหวตให้เราบ่อยๆ ได้มั้ย? ::

    จี=> ได้แน่นอน ตามพระประสงค์เลยเอ้า แต่ถ้าไม่อัพบ่อยๆ น่ะนะ ตายยยยยยย!!!

    สัญญากับเราแล้วน๊าาาา~? ::

    คังยู=> สัญญา! แต่ฉันไม่ใช่คนน่าไว้ใจ เธอจะไว้ใจฉันได้รึไง =[]= (ลองไม่ไว้ใจสิ หึหึ เลือดสาดแน่)

    ถ้าออไม่ติดจะมาอ่านนิยายของเรามั้ยจ๊ะ::

    คังยู=> ต้องติดโว้ยยย (ถ้าไม่ติดจะเอาฉันไปเป็นตัวประกอบก็ได้นะ แง้วว ฉันขอมีบทบาทในโรงเรียน ฮ่าๆๆ โรคจิต =..=)

    ทิ้ง My id ไว้ๆ เผื่อออติดจะไปบอก >O<::

    http://my.dek-d.com/g_raffe

    คิดว่าคนแต่งงามมั้ย (อิยะฮ๊ะๆๆๆ !!) ::

    คังยู=> ถ้าฉันมีตาทิพย์ก็ดีสิ จะได้รู้ว่าคนที่สรรสร้างฉันให้เป็นนางเอกจะสวยปานนางฟ้าหรือไม่

    จบแย๊วน้าาา~!! ^O^ ::

    จี=> ขอโทษที่รบกวนให้อ่านยาวๆ นะเจ๊ -*- แล้วคำถามที่คังยูตอบเองน่ะ อย่าไปสนใจมัน ยัยนี่มันซาดิสม์ โหด ถึก เถื่อน อย่างที่ว่านั่นแหละ! ยังไงก็รับไว้พิจารณาด้วยนะคร้าบ~~


    ขอบใจที่เสียเวลาชั่วโมงเน็ตอันมีค่ามาออคร่า ^O^;;

    จี=> สบายมากคร้าบบบ (หาเรื่องไม่อยากนอนเร็วซะงั้นแหละ ตีหนึ่งกว่าแล้วเนี่ย -*-)



    นอกเหนือจากคุณ  : &#9733;*ปากกาแต้มฝัน*&#9733  
    ห้ามคัดลอกออกไปเด็ดขาด!!!



    ใบสมัคร

     

    บท :

    นางเอกของเจ้าชายซาลาเปาแห่งราชวงศ์ลิง (จงอุน เยซองนั่นเอง)

     

    อิมเมจคู่ :

     









     

     

    อิมเมจตัวเอง :

     


















     อิมเมจนางเอก : ลี ยอนฮี (นางเอกเอ็มวี Timeless ของ Zhang Li Yin ft. Xiah TVXQ)

     

    ชื่อ :

    ลี อินฮวา (แปลว่า ความสามัคคี , ความสงบสุข)

     

    ชื่อเล่น :

    อินฮวา / ฮวาฮวา

     

    ชื่อในวงการ :

    HwaHwa - ฮวาฮวา

     

    ฉายา :

    รูปปั้นน้ำแข็ง (เพราะความนิ่งๆ เย็นๆ นั่นเอง ง่ะ คิดไม่ออกแง้วววว อยากเปลี่ยนก็ได้นะคะ)

     

    นิสัย :

    เป็นคนเงียบ เย็นชา บุคลิกนิ่งๆ ทำให้ดูเป็นผู้ใหญ่อยู่ไม่น้อย มีโลกส่วนตัวสูง คิดเยอะแต่ไม่ซับซ้อน พูดน้อย มีความคิดเป็นของตัวเอง รู้จักกาลเทศะ มีมารยาท พูดและแสดงออกเฉพาะเวลาที่ควร มีรอยยิ้มงดงามที่ใครก็ไม่ค่อยจะได้เห็น มีใบหน้านิ่งๆ ราวรูปปั้นเทพธิดา แต่ความนิ่งๆ เรียบๆ ในตัวของเธอนั้นจะเป็นสัญลักษณ์ของอารมณ์ที่ดีของเธอ ฮวาฮวามีความอดทนต่ำ และหากใครทำลายกำแพงความอดทนนั้นลง บรรยากาศรอบข้างสามารถเย็นลงได้จนน่ากลัว นั่นหมายความว่าอยู่ในมู้ดไม่ดีเสียแล้ว (นี่คือขั้นที่ 1) ต่อมาเธอก็จะเริ่มเปิดปากพูดมากขึ้น มักจะด่าคนอื่นแบบเรียบๆ แต่ทิ่มแทงเข้าขั้วหัวใจ บางครั้งฟังแล้วก็กวนเบื้องล่างสุดๆ และกลายร่างเป็นคนปากจัดซะงั้น (นั่นคือขั้นที่ 2) เธออาจจะถึงขั้นโมโหร้ายกาจแบบทำลายข้าวของเลยก็ได้ แต่ด้วยความเป็นกุลสตรี(ที่ยังหลงเหลืออยู่น้อยนิดยามโกรธ)ทำให้เธอไม่เคยทำให้ใครเสียหายหรือเจ็บตัว เธอมักจะหันเข้าหากำแพงแล้วต่อยมันเสียมากกว่า (นี่คือขั้นที่ 3 เกิดบ่อยๆ เวลาทำอะไรผิดพลาดและโทษตัวเอง) ร่าเริงเป็นเหมือนกันเวลาที่บรรยากาศรอบข้างเป็นใจ โดยเฉพาะเวลาไปทะเล เพราะบ้านเกิดเธออยู่ริมทะเลในต่างจังหวัด เธอชอบความสงบและสบายของทะเล หากอยู่ที่นี่เธอก็จะอารมณ์ดี ยิ้มง่าย และโกรธยากอย่างไม่น่าเชื่อ ที่สำคัญคือรูปร่างอันผอมเพรียวและสูงชะลูดนั้นทำให้เธอดูเหมือนแรงน้อย แต่ความจริงเธออึดถึกยิ่งกว่าหมีขั้วโลกเสียอีก ชอบใส่เสื้อผ้าสบายๆ บางๆ และยังมีการกระทำที่ไว้ตัวพองาม ทำให้ดูเซ็กซี่ได้ตลอดเวลาจริงๆ

     

    ลักษณะส่วนตัว :

    สงบราวน้ำในมหาสมุทรที่ไหลลึกและเย็นจับขั้วหัวใจ แต่พร้อมจะปั่นป่วนเหมือนคลื่นยักษ์ซัดหาดทรายได้หากถูกก่อกวน

     

    ความสามารถพิเศษ :

    เล่นเชลโล่และเปียโน แต่งเพลง ร้องเพลงได้ไพเราะ (มีคนบอกว่าน้ำเสียงของฮวาฮวาพริ้วไพเราะเหมือนเสียงของธรรมชาติ สวยเหมือนสีสันของท้องฟ้า อ่อนโยนเหมือนสายลม) แต่เธอไม่ได้เพอร์เฟ็กต์ไปเสียทุกอย่าง เช่นเรื่องการเต้น ถ้าไม่มีใครเป็นต้นแบบสอนให้ เธอก็จะไม่สามารถคิดท่าเต้นได้เอง

     

    ชอบ :

    ทะเล ความสงบ ที่เงียบๆ (หมายถึงที่ที่ไม่จอแจแออัด แต่ถ้าซ้อมดนตรีหรือซ้อมร้องเพลงอยู่ก็ได้ไม่มีปัญหาแน่นอน) ชอบร้องเพลง ฟังเพลง (ใส่เฮดโฟนอยู่ตลอดเวลา) ชอบเสียงดนตรีและเสียงคลื่นทะเล

     

    เกลียด :

    สถานที่จอแจ แออัด เบียดเสียด เสียงดังรบกวน คนที่ไร้ความพยายาม อาหารรสจัด และพร้อมที่จะเกลียดตัวเองทุกเมื่อ ถ้าทำอะไรไม่ได้ดั่งใจ -*-

     

    สัญชาติ :

    เกาหลี

     

    เชื้อชาติ :

    เกาหลี

     

    สัญลักษณ์ประจำตัว (ไม่มีก็ได้) :

    สีครามน้ำทะเล และดอกกุหลาบสีขาว (เป็นดอกไม้ที่เธอชอบด้วย)

     

    บทยัด/บทสำรอง :

    ใครก็ได้จ้า (แต่คนสมัครพิศวาสเย่กับด๊องเป็นพิเศษ >w<)

     

    เม้น+โหวต :

    แน่นอนจ้า ยิ่งถ้าได้เป็นนางเอกเนี่ย >.< รับรองจะมาอ่านเม้นไม่ขาดตกบกพร่องเลย

    ขอโทษด้วยนะที่มันยาว แต่จีอยากได้นางเอกแบบนี้จริงๆ หลังจากนอนคิดไปนานก็ได้แบบเนี้ย โดนมากๆ

    ถึงแม้มันจะไม่ค่อยตรงกับสเปคของเยซองสักเท่าไหร่หรอกนะ แต่ก็อยากคู่เย่อ่ะจ้า T.,T




    นอกเหนือจาก &#10084;Jan_KH&#10084; :: ปลาน้อยคอยรัก ••  
    ห้ามคัดลอกออกไปเด็ดขาด!!!
     

    ใบสมัครนางเอก ทงแฮ [ สีชมพู ] ยาวบรรลัยจนกลัวโดนไรเตอร์งับหัว T^T

     

    ชื่อ ::: เมทิส เฟลอร์เรีย (Methys Flerria)

     

    ชื่อเล่น ::: เมท

     

    ลักษณะภายนอก ::: สาวน้อยตาโตสีน้ำตาลเข้มเป็นประกายที่แสดงถึงความสดใสร่าเริงและอยากรู้อยากเห็นแบบเด็กๆ ผมสีน้ำตาลอ่อนยาวถึงกลางหลังซอยเป็นชั้นๆ จนด้านข้างสั้นและฟูเล็กน้อย มีผมหน้าม้าที่ปรกถึงคิ้ว ปากเรียวสีชมพูรูปกระจับ เอวบางร่างน้อยเพรียวลม ไม่สูงเท่าไรนัก สิ่งที่เด่นที่สุดของเธอคือผิวที่เนียนสวยไร้ที่ติราวหิมะบริสุทธิ์

     

    ลักษณะเครื่องแต่งกาย ::: เธอชอบใส่เสื้อผ้าที่ทำให้เคลื่อนไหวได้คล่องตัว ส่วนใหญ่จะใส่เสื้อคอกว้าง แขนตุ๊กตา เพราะเธอคิดว่ามันดูเรียบร้อยพอตัว และเสื้อที่ใส่นั้นไม่รัดรูป เน้นผ้าเบา สบาย คล่องตัวมากกว่า ท่อนล่างจะใส่กระโปรงสั้นเหนือเข่าเล็กน้อย ก็เพื่อความคล่องตัวอีกนั่นแหละ บวกกับรองเท้าผ้าใบเตรียมลุยทุกสถานการณ์ ชุดที่ใส่ทั้งหมดมักจะเป็นสีพื้น สำหรับ สีฟ้า สีขาว และสีครีมจะใส่บ่อยเป็นพิเศษ

     

    ลักษณะนิสัย ::: เมทเป็นเด็กสาววัยรุ่นที่นิสัยเหมือนเด็กแปดขวบ ซนเหมือนลิง ร่างเริง และล่องลอยไปได้ทุกที่ คล่องแคล่วว่องไว เคลื่อนไหวเร็วเหมือนสายลม ทำอะไรเร็วทันใจจริงๆ และไม่ชอบรอใครด้วย เธอจึงมักจะลงมือทำอะไรด้วยตัวเองเสมอ เถียงเก่งและถามเก่งเป็นที่หนึ่ง พูดจาฉะฉานแต่ไม่ค่อยระรื่นหูเท่าไรนัก เพราะเธอคนนี้มักจะพูดจากวนประสาทใครเป็นประจำ รวมทั้งชอบประชดทั้งการพูดและการกระทำ และเป็นเจ้าหนูจำไมช่างถามอีกด้วย “ปากดี ขี้เหงา เอาแต่ใจ” ตรงตามสูตร ตอนเด็กๆ ติดพี่ชาย ตอนนี้เริ่มหายแล้ว แต่ยังมีผลข้างเคียงให้เธออยู่คนเดียวไม่ได้คือเหงาง่าย จิตใจอ่อนไหวง่าย แต่ไม่ค่อยอ่อนแอ ยามมีเรื่องไม่สบายใจ เศร้า หรือรู้สึกอ่อนแอ จะกลายร่างเป็นเด็กขี้แย วุ่นวาย จนใครๆ ต่างพากันเอาใจไม่ถูก ขี้งอนและหายยาก อาการงอนเหมือนเด็กอนุบาลคือหน้าบูดตลอดเวลา ใครแตะต้องตัวจะสะบัดออก หันหน้าหนี เงียบ ไม่พูดจา และอาจถึงขั้นร้องไห้ไม่มีสาเหตุ ชอบให้คนเอาใจ แต่เมื่อมีใครมาเอาใจเพื่อให้อาการวุ่นวายมันซาลง กลับทำตัววุ่นวายหนักเข้าไปอีกเพื่อแกล้งคนนั้นอย่างสนุกสนานในใจ เธอมีรอยยิ้มที่ใสซื่อเป็นที่สุด มันประดับอยู่บนใบหน้าเนียนๆ นั่นตลอดเวลา จนกลายเป็นการแจกยิ้มให้ใครไปทั้งวัน เป็นคนมีความพยายามสูง แต่ความอดทนกลับต่ำเป็นที่สุด ขี้รำคาญ ขี้เบื่อ ความอดทนขาดเมื่อไหร่จะกลายเป็นเด็กน้อยจอมโวยวายทันที เมทไม่กลัวอะไรเลยนอกจากความเหงา และเธอรักการใช้ดาบมากๆ เลยด้วย

     

    สิ่งที่ชอบ ::: ป่าที่เงียบๆ มีต้นไม้สูงๆ ที่สามารถวิ่งเล่นและกระโดดไปมาระหว่างต้นไม้แต่ละต้นได้ (นี่มันลูกลิงชัดๆ -*-) , การใช้ดาบและอาวุธต่อสู้ระยะประชิดตัว , การเล่นแกล้งคนอื่น , การถามคำถามใครสักคนในเรื่องที่ตนอยากรู้แบบหมดเปลือก (ไม่แจ่มไม่เลิกถาม =O=) , การได้รื้อสิ่งของหรือการพบเจอสิ่งใหม่ๆ

     

    สิ่งที่ไม่ชอบ ::: ความซ้ำซากจำเจ , ความเหงา (อยู่ที่เงียบๆ ได้แต่อยู่อย่างเหงาๆ ไม่ได้ โปรดเข้าใจ =[]=) , การอยู่เฉยๆ โดยไม่ได้ทำอะไรเลย , การถูกลอบกัด (เพราะเธอเป็นนักสู้ระยะประชิดตัว จึงไม่ชอบใครที่ลอบกัดจากที่ไกลๆ หรือที่ลับตา)

     

    งานอดิเรก ::: แกล้งคน , รื้อข้าวของ , วิ่งเล่นไปมา , ซ้อมดาบ , ถามคำถามใครต่อใครไปทั่ว

     

    อาวุธ ::: ดาบ ชื่อ อทาลันต้า (Atalanta)

     

    ความสามารถของอาวุธ ::: คม เฉียบ และว่องไว สามารถใช้ในการต่อสู้ที่พลิกแพลงเพลงดาบมากมายได้ดี แต่ผู้ใช้ต้องมีทักษะที่มากพอดู

     

    ลักษณะอาวุธ ::: เป็นดาบเหล็กเนื้อดี แต่น้ำหนักเบาอย่างไม่น่าเชื่อ ตีโดยปู่ของเมทที่เสียชีวิตไปแล้ว รูปร่างดาบเพรียวและยาว คมดาบเป็นรอยคลื่นไม่เรียบเหมือนดาบทั่วไป ทำให้คมดาบสามารถต่อกรกับศัตรูได้ทุกทิศและว่องไว เพียงพลิกดาบนิดเดียวก็สามารถเฉือนเนื้อเรียกเลือดออกมาได้ ด้ามจับสีดำกระชับมือเล็กๆ ของเมทอย่างพอดิบพอดี และฐานของดาบมีงาช้างงอออกมาเป็นวงอย่างสวยงาม แต่ใครจะรู้ว่าเมทก็ใช่ส่วนนี้ในการต่อสู้ด้วยเหมือนกัน

     

     

     

    สัตว์เลี้ยง ::: ไม่มี เพราะเมทไม่ชอบมีภาระ ไม่ค่อยสนเรื่องใครหรืออะไร สนแต่ความสุขของตัวเอง -*-

     

    อื่นๆ ::: ครอบครัวเมทอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆ ชานเมือง แต่เป็นบ้านสองชั้นสร้างจากไม้เนื้อดี เนื่องจากครอบครัวมีอาชีพเป็นนักตีอาวุธ ผู้คนจากต่างเมืองที่รู้จักมักจะมาสั่งตีอาวุธที่นี่ ทำให้รายได้ดีกว่าบ้านอื่นๆ เป็นที่รักใคร่ของคนเก่าแก่ในหมู่บ้านเพราะให้ความช่วยเหลือปัญหาต่างๆ ในหมู่บ้านมากมาย ครอบครัวนี้มีพ่อ แม่ พี่ชายของเมท และตัวเธอเองอาศัยอยู่กันสี่คน พ่อเป็นนักตีดาบ แม่เป็นพยาบาลประจำหมู่บ้าน แต่เมทกลับรักษาใครไม่เป็น บาดเจ็บทีไรก็ไม่เคยรักษาแผลตัวเองสักที แค่เอาน้ำล้างๆ แล้วพันผ้าแบบลวกๆ เท่านั้นเอง พี่ชายก็ตีดาบเป็น แต่เขาไปเรียนในโรงเรียนนักสู้เสียนาน นานๆ จะกลับมาครั้งหนึ่ง ทำให้เธอที่เมื่อก่อนสนิทกับพี่ชายค่อยๆ ห่างกันออกมา เธอเองก็อยากเรียนแบบพี่ชายบ้าง สุดท้ายลูกสาวคนเดียวคนนี้ที่พ่อแม่หวงนักหนาก็หนีออกจากบ้านมา

     

    อิมเมจ :: Yarmi จ้า ^O^

     





    ลิ้งค์ ::: http://my.dek-d.com/maissiie/gallery/?gid=12167844

     

    อิมเมจคู่ :::

     

     


     

    ข้อตกลง

     

    1. อาจจะมีบทยัดให้ คุณจะพอใจหรือเปล่า ??

    - แน่นอนค่ะ (เพื่อหมวยได้เจอคนที่ดีกว่า เราทำได้ T^To)

     

    2. ถ้าไม่เม้นท์ก็หายเหมือนกันนะเค๊อะ = =

    เม้นๆ แน่นอนล่ะจ้า ของแบบนี้พลาดได้ไง ^^

     

    3. ติดแล้วรายงานตัวภายใน 2 วัน ถ้าไม่มาตัดสิทธิ์ แต่ถ้ามีธุระ บอกมาเลย จะอนุโลมให้  = =

    คร้าบ แต่ถ้าประกาศภายในจันทร์ถึงศุกร์หน้าคงมารายงานตัวไม่ได้อ่ะ เพราะไปต่างจังหวัด อนุโลมให้ด้วยนะ นะ น้าาา (เหมือนจะออติดสะงั้น -*- อ๊ากกก ต้องติดเซ่! เพื่อหมวยน้อยที่น่ารัก >w<)

     

    คำถาม

     

    1. ทงแฮ คือคนที่ร่าเริงจนน่าเป็นห่วง เค้าชอบอ้อนขอให้คุณพาไปยังบ้านของคุณ คุณจะยอมพาเค้าไปหรือเปล่า เพราะอะไรด้วย

    - ทงเฮ... มนุษย์หน้าหล่อจอมเซ้าซี้ที่หนึ่ง บัดนี้เขากำลังตื๊อให้ฉันพาเขาไปเที่ยวบ้าน
    นี่ฉันปฏิเสธจนไม่รู้จะพูดอะไรแล้วเนี่ย -*- ให้ตายสิ... ฉันยังไม่อยากเสียทีให้เขาตื๊อสำเร็จนะ TwT

    “ง่ะ... นายนี่มันน่ารำคาญจริงๆ”

    “อะไรกัน พาไปบ้านเธอหน่อยสิ นะๆๆ” เขาว่าแล้วเอาแก้มมาถูแขนฉันเล่น อ๊ากกก ขนลุก =..=

    “ไม่ให้ไป บอกแล้วไงว่าบ้านฉันมันไกลมาก อยู่ตั้งชานเมืองโน่นแน่ะ”

    “ไม่เห็นเป็นไรเลย เดินทางนานๆ ก็สนุกดีออกเนอะ ^O^ ได้ไปด้วยกันสองคนไม่มีใครรบกวนด้วย”

         เฮือก... เล่นเอาฉันสะดุดไปนิดก่อนตอบ
    “ไม่ได้ๆๆ อีกอย่างนะ บ้านฉันไม่มีอะไรน่าสนใจ ทั้งเก่า ทั้งติดดิน และพ่อก็ทำงานตลอดเลยด้วย เจ้าชายอย่างนายไม่ควรเข้าไปหรอก”
         ใช่... เขาน่ะเป็นถึงเจ้าชาย อย่าไปบ้านฉันเลย ไม่เหมาะกับคนอย่างเขาหรอก

    “แต่... อย่าคิดว่าฉันเป็นเจ้าชายสิ เราอายุเท่ากัน”

         เขาทำให้ฉันหยุดคิดไปว่าอายุกับเจ้าชายมันเกี่ยวกันตรงไหน -*- หมอนี่ท่าจะเพี้ยน
    “ไม่มีแต่
    ! ฉันจะไม่พานายไป ตอนแรกมันเป็นเพราะบ้านฉันอยู่ไกล ขี้เกียจเดินทาง แต่ตอนนี้มันเป็นเพราะ... นายมันน่ารำคาญจริงๆ = =;; ชิ!

    “เอ... หรือว่าเธอหมายถึง... ฉันเป็นเจ้าชายในใจเธอล่ะเมทน้อยยยย ^O^~

       อ๊ากกก พูดอะไรออกมาน่ะ!!! จู่ๆ ฉันก็หน้าแดงจัดอย่างไม่ทราบสาเหตุ
    “บ้า
    !!!” แล้วฉันก็ได้ฤกษ์ดีงอนเขาไปซะงั้นเลย...
         หลังจากนี้ก็คงไม่พ้นหมอนี่ตามง้อฉันด้วยท่าทางน่ารักๆ นั่นน่ะ
         เฮ้ยยยย... ถ้าเป็นงั้นจริงก็แย่อ่ะดิ เพราะฉันเกือบใจอ่อนกับท่าทางเหมือนลูกแมวนั่นไปไม่รู้กี่ครั้งแล้ว
         แล้วเหตุการณ์นี้ก็จบลงด้วยการที่ฉันรู้สึกผิดที่สุดในชีวิต T[]T

     

    2. จู่ๆ หลังจากที่คุณหายหัวออกจากบ้านไปนานแสนนาน แล้วอยู่ๆพ่อของคุณก็โผล่มาที่โรงเรียนเวทย์ที่คุณเรียนอยู่ คุณจะอธิบายอะไรให้พ่อของคุณ เลิกความคิดที่จะให้คุณกลับบ้าน

    - ฉันจะอธิบายว่าฉันหนีออกมาเพราะอะไร นั่นก็คือเพราะฉันอยากมีอิสระบ้าง (ตอแหลไปรึเปล่าเนี่ยฉัน = =^) อยากได้เรียนและฝึกวิชาเหมือนที่พี่ชายได้ทำอยู่ตอนนี้ (อ่าอันนี้ของจริง) อยากทดสอบความสามารถของตัวเอง ทั้งๆ ที่การอยู่ในหมู่บ้านนั้นมันทำให้ฉันไม่เคยเจอกับโลกภายนอกเลย ที่สำคัญคือตอนนี้ฉันแข็งแรงขึ้น ฝีมือพัฒนาขึ้น ฉันจะขอพ่อให้ฉันเรียนต่อจนจบ แล้วสักวันฉันจะทำให้พ่อภูมิใจให้ได้เป็นไง~แมนมั้ยล่ะ ^O^ ฉันยังไม่รู้หรอกนะว่าฉันจะทำอย่างนั้นได้จริงรึเปล่า แต่ตอนนี้ฉันดันผูกพันกับที่นี่ กับใครบางคนเข้าแล้วสิ ขออยู่ต่อเพื่อความแน่นอนของใจตัวเองก่อนละกัน... เฮ้อ ฉันเป็นอะไรไป?!?

     

    3. วันหนึ่งก่อนที่คุณจะออกจากบ้าน คุณเกิดไปเจอหีบเล็กๆ ใบหนึ่ง ซึ่งภายในหีบนั้นบรรจุคัมภีร์ที่เต็มไปด้วยอักษรแปลกประหลาด แต่มีเพียงแผ่นเดียวที่คุณอ่านออก คุณจะยอมทำตามสิ่งที่คัมภีร์นั้นบอกคุณหรือเปล่า

    - ไม่ยอมทำอย่างแน่นอน = = ยิ่งคนขี้สงสัยอย่างฉันเนี่ยนะ... ให้ตายสิ! ไอ้คัมภีร์นี่มันมาจากไหน มีไว้เพื่ออะไร ใครเป็นคนเขียน และที่สำคัญ นี่มันภาษาบ้าบออะไรฉันยังไม่รู้เลย จะให้ทำตามเนี่ยนะ! ถึงหน้านี้ฉันจะอ่านออก แต่มันก็แปลกๆ นะรู้มั้ย? ทำไมต้องเป็นหน้านี้ ทำไมต้องเป็นฉันที่มาเจอมัน ทำไมมันเขียนด้วยภาษาเดียวกันหมดแต่ฉันดันบ๊องไปอ่านออกหน้าเดียว ทำไม ทำไม ทำไม... โอ๊ยยยย สารพัด ใครก็ได้ช่วยตอบคำถามฉันที! เอะ... แต่ก็น่าสนใช่ย่อยนะ เอาคัมภีร์ไปศึกษาดูหน่อยเป็นไร ^^+

     

    4. ตอนจบเป็นยังไง

    - โอ๊ยยยย เหนื่อย! เป็นอะไรไปเนี่ยฉัน >O<

    ก็ระยะหลังๆ ไอ้เจ้าชายธาตุลมนามว่าทงเฮเนี่ยสิ มาเกาะแกะฉันไม่เลิก

    ไหนจะมาช่วยฉันทำงาน มาอยู่เป็นเพื่อน (เขาบอกว่างั้นนะ ก็มานั่งๆ นอนๆ อยู่ใกล้ๆ ฉันเนี่ยล่ะ)

    เมื่อสัปดาห์ก่อนมีซ้อมดาบจนบาดเจ็บ หมอนี่ก็ทำแผลให้ และยังตามประคบประหงมแผลฉันตลอดเวลา

    เขาจ้องหน้าฉันเป็นงานอดิเรก เอาหน้ามาใกล้เป็นงานประจำ และปกป้องฉันเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน
    ตอนแรกมันเป็นอะไรที่น่ารำคาญมากกก ฉันโวยวายใส่เขาไปไม่ยั้ง แต่เขาก็ช่างหน้าด้านหน้าทนเหลือเกิน -__-

    สุดท้ายอาการรำคาญของฉันก็หายไป แต่สิ่งแปลกๆ ที่ว่าไม่มีเขาสักหน่อยก็อยู่ไม่ได้ก็เข้ามาแทนที่

    ใจเต้นแรงๆ ทุกครั้งที่เขาโผล่มาหา เผลอจ้องปากเขาทุกคำพูด และ...

    “ว้ายยยย ~!!

         อะไรกันเนี่ย -///- เขาโผล่มาได้จังหวะเกินไปมั้ง

    “ตกใจเหรอเมท ^^ กำลังคิดถึงฉันอยู่ล่ะซี...”

         แน่ะ อย่าเอาหน้ามาใกล้อีกนะ ฉะ ฉัน... มือสั่น

    “มีอะไรเล่า =3=

         ชิ! งอนแล้วด้วย โทษฐานทำให้ใจฉันไม่อยู่กับเนื้อกับตัว

    “อ้าว เมทน้อยของทงเฮงอนซะงั้นอ่ะ”

         หาาา =[]= เมทน้อยของทงเฮ >..< อย่าพูดบ้าๆ น่า

    “อะไรของนาย”

    “ก็มาอยู่เฝ้าเมทเหมือนทุกวันไง งอนทำไมอ่า”

         เขาเอาหน้ามาถูแขนฉัน ...T^T นายทำฉันใจเต้นแรงนะ!

    “...” ฉันเงียบ ลอบมองอาการเขา... ทำไมเขาไม่เห็นจะมีอาการเหมือนฉันเลยนะ
         เอาวะ
    ! สงสัยก็ถามตรงๆ มันซะเลยเนี่ยล่ะ!

    “นี่นาย...”

    “หืม?”

    “นายมือสั่นมั้ย?” ฉันถามอะไรออกไปเนี่ย T[]T

    “เอิ่ม... เอ้านี่” เขาทำท่าครุ่นคิดแล้วยื่นมือมาจับมือฉัน อ๊าก! งี้เขาก็รู้สิว่าฉันมือสั่น

         ที่สำคัญ... หมอนี่มือไม่สั่นเลยสักนิด แถมอุ่นอีกต่างหาก -///-

    “อะ เอ่อ... แล้วตอนนี้สตินายยังอยู่กับเนื้อกับตัวรึเปล่า?” ฉันถามต่อไป

    “อืม... คงไม่หรอก...” เขาตอบพร้อมรอยยิ้ม หมายความว่าไงกันนะ?

         ไม่นะ... ฉันเผลอจ้องปากเขาอีกแล้ว >.,<

    “แล้ว... ใจนายเต้นแรงหรือเปล่าล่ะ?”

         เขาไม่ตอบ แต่ดึงมือของฉันที่เขากำลังจับอยู่ไปทาบที่หน้าอกด้านซ้ายของเขา

    “อ๊ะ…!

         ทงเฮ... นะ นาย... ใจนายเต้นแรงมากเลยล่ะ งั้นนายคงรู้ใช่มั้ยว่าอาการนี้มันคืออะไร ตอบฉันทีสิ!

    “ทงเฮ... ทำไมใจนายถึงเต้นแรงขนาดนั้น...” สุดท้ายฉันก็อดถามเพื่อคลายความสงสัยไม่ได้

         หมับ! แล้วจู่ๆ ก็ถูกเขาดึงเข้าอ้อมกอดอุ่นนั่นอย่างง่ายดาย

    “เพราะเธอไงล่ะ เธอทำให้ฉันหวั่นไหว แต่ฉันเลือกที่จะไม่แสดงออก เพราะที่ผ่านมาเธอไม่แสดงอาการอย่างที่ฉันเป็นเลยสักครั้ง ในสายตาเธอเหมือนฉันเป็นแค่เพื่อนคนหนึ่ง แต่...”

         เขาคลายอ้อมกอดออก แต่ยังคงจับไหล่ฉันไว้อย่างหลวมๆ แล้วจ้องตาฉันด้วยหน้ายิ้มแสนเจ้าเล่ห์

    “วันนี้ฉันตั้งใจจะมาบอกความจริงกับเธอ และคิดว่าคงแห้ว ทำไมเธอมีอาการแบบนี้ได้นะ ยัยบ๊อง!

         อะไรกัน! นายจะบอกอะไรฉันล่ะทงเฮ...

    “ฉันรักเธอนะเมทิสน้อยของทงเฮ ^-^ แล้วเธอก็คงรักฉันเหมือนกันล่ะสิ!

    “บ้า! ใคร... รักนายกันเล่า! ฉันแค่... แค่ใจเต้นแรงหน่อยเท่านั้นเอง! โธ่!

    “โธ่ เด็กหนอเด็ก นั่นล่ะเขาเรียกว่ารัก เธอน่ะหลงรักฉันซะแล้วน่ะสิ ใจก็เลยเต้นแรงขนาดนั้นน่ะ”

         ว่าแล้วเขาก็เอามือมาลูบหัวฉันเล่น ...นี่เขาเรียกว่ารักหรอ? ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ฉันคงเป็นเอามาก

    =////=” หน้าฉันแดงอีกแล้วล่ะสิ!

         ให้ตาย... เสียฟอร์มชะมัด สุดท้ายเขาก็รู้ก่อนฉันอีกหรอเนี่ยว่าฉันรักเขา

    “รักนะครับเมทน้อยของทงเฮ ^^

    “เงียบเถอะน่า...”

    “ไม่เงียบ แล้วเมทอ่ะ รักทงเฮคนนี้มั้ย”

    “...”

    “รู้นะว่ารัก แต่อยากได้ยิน” เขาเอาหน้าเข้ามาใกล้อีกแล้ว เอาล่ะๆๆ ฉันยอมแพ้! T^T

    “ฉัน... ก็ รักนายเหมือนกันนะทงเฮ >///<

     

    =======================================

     

    โชคดีค๊า ^w^ ::: ขอบคุณค่ะ >w<

     

     

     


    ใบสมัครนางเอกคีย์ <<ยาวนะคร้าบ แหะๆ>>


    ชื่อจริงของผู้สมัคร :: จี

    ชื่อ :: ยู โฮยอน (Yu Hoyoun - แปลว่า ขาวราวหิมะ)

    ชื่อเล่น/ฉายา :: โฮยอน / ยัยจืด ยัยซีด

    นิสัย :: เป็นคนเงียบๆ แทบจะไม่พูดจา แต่ยิ้มบ่อย ทำให้ดูเป็นคนไม่เย็นชา ร่าเริงเฮฮาปาร์ตี้กับเพื่อนได้ โดยการแสดงออกทางสายตาและสีหน้ามากกว่าคำพูด ชอบอะไรอยากได้อะไรก็ส่งเพียงสายตามอง ไม่พูดออกมา แต่ถ้าไม่มีใครเข้าใจว่าเธออยากได้มัน เธอก็จะไม่ดื้อรั้นพูดออกไป เรียนดี ฉลาด สามารถมองอะไรได้ทะลุปรุโปร่ง เข้าใจถึงความหมายของสิ่งต่างๆ ได้ดีเยี่ยม มองคนออกอย่างง่ายๆ แต่ก็ไม่ค่อยจะเล่าให้ใครฟังความคิดของตน และเธอก็มีเสน่ห์ในตัวสูง เห็นเธอไม่ค่อยพูดอย่างนี้ เมื่อถึงเวลาต้องพูดอะไรสักทีมันก็จะดูดีมีเสน่ห์มากมายเลยล่ะ ทั้งมีเหตุผลและน้ำหนักของคำพูดมากพอที่ใครก็ไม่สามารถขัดได้ เธอชอบถ่ายรูปเป็นชีวิตจิตใจ ไม่ใช่แค่ถ่ายรูปตัวเองแอ๊บแบ๊วนะ แต่เธอถ่ายภาพแบบจริงจัง ทั้งมุมกล้อง แสง สี เธอคำนวณหมด สนใจเรื่องการถ่ายภาพมาก และจะมีกล้องถ่ายรูปแบบที่มืออาชีพใช้เลนส์ยาวๆ อยู่อันหนึ่ง พกพาติดตัวตลอด อีกสิ่งที่ขาดไม่ได้คือไอพอดและเฮดโฟน เธอฟังเพลงได้ตลอดเวลาเช่นกัน แต่มักจะเป็นเพลงฟังสบายๆ ไม่ใช่เพลงร็อกเท่าไรนัก เธอไม่ใช่คนที่เก็บเรื่องเล็กน้อยมาใส่ใจ ไม่โกรธคน ไม่ชอบหาเรื่องใส่ตัว ถึงจะพูดน้อยก็ไม่ได้เกลียดคนพูดมาก เพราะเธอสามารถเป็นผู้ฟังที่ดีได้ตลอดเวลา ไม่เคยเข้าไปทักทายทำความรู้จักกับใครก่อน แต่ก็ไม่ใช่คนไม่มีเพื่อน เพียงแต่เพื่อนของเธอมักจะเป็นเพื่อนเก่าแก่มากกว่า เพื่อนใหม่น่ะหายากเชียว เธอเป็นคนที่ใช้ชีวิตอยู่อย่างสบายๆ คนเดียว ไม่ต้องพึ่งพาใคร เพราะไม่ต้องการคนฟังเธอพูด ทำอาหารทานเองได้ ขับรถได้ แค่นี้ก็อยู่คนเดียวสบายๆ แล้ว ที่สำคัญคือเธอคนนี้ไม่เคยสนเรื่องความรักเสียด้วยซ้ำ

    ชอบ :: ฟังเพลง / ถ่ายภาพ / ยิ้ม / เที่ยวไปในสถานที่ใหม่ๆ / อิสระ / ฤดูใบไม้ผลิ / ความสุข ^-^

    ไม่ชอบ :: วันฝนตก / ความมืด / ความสูง / ที่แคบๆ / หนังเศร้า / หนังผี

    คู่ :: คีย์

    ประวัติครอบครัว :: ครอบครัวเป็นคนเกาหลีแท้ มีพ่อ แม่ โฮยอน และพี่ชายชื่อ ฮยอนจา อายุห่างกับเธอ 3 ปี / พ่อเป็นหัวหน้าฝ่ายกราฟฟิคดีไซน์ของบริษัทรับออกแบบงานศิลป์แห่งหนึ่ง / แม่เปิดร้านขายเสื้อผ้า และเครื่องประดับต่างๆ ที่เน้นแฟชั่นตามกระแสวัยรุ่นทั้งชายและหญิง / พี่ชายเป็นนักเรียนทุนไปเรียนที่อเมริกาหลายปี (กลับมาเกาหลีในช่วงที่ดำเนินเรื่องนี้) ทั้งรักทั้งหวงน้อง และเป็นคนที่ใครๆ ต่างก็เรียกเขาว่าเป็นสุภาพบุรุษอย่างแท้จริง / ธุรกิจทั้งหมดของครอบครัวทำให้มีรายได้เข้ามาไม่ขาดสาย มีเงินเก็บมาก แต่ไม่เอาออกมาใช้ฟุ่มเฟือย ทำให้บ้านเธออยู่กันแบบธรรมดาๆ ไม่ได้หรูหราอะไร แต่ก็มีเงินใช้ยามจำเป็นแน่นอน

    ความรัก :: ไม่เคยมี แต่จะให้พูดว่าเธอไม่รู้เลยว่าความรักคืออะไรก็ไม่ใช่ เธอรู้ เพียงแต่ไม่เข้าใจจริงจัง เพราะไม่มีประสบการณ์ของตัวเอง ไม่ได้ไขว่คว้าความรักแบบคนรักจากใคร เอาแต่พร่ำขอบคุณทุกสิ่งที่ทำให้เธอได้เกิดมาในครอบครัวนี้ และได้รับความรักจากคนรอบข้างก็เพียงพอแล้ว... (( จืดชืดจริงๆ โฮยอน -*- ))

    อิมเมจคุณและคู่ ::







































    ..............................................................................

    คำถามที่ต้องตอบ

    [[จีไม่มีข้อมูลของคีย์เลย ขอสมมติให้คีย์เป็นคนน่ารัก สบายๆ แต่ขี้หึงขี้หวงนะ และคีย์ยังมีความฝันอยากเป็นศิลปินที่มีชื่อเสียงทั้งการร้องและการเต้นอีกด้วย]]

    1. อยากให้เจอกันอย่างไร อธิบาย (ไม่เอาแล้วแต่คนแต่งนะคะ)

    :: วันนั้นเป็นวันแรกที่ร้านของแม่โฮยอนปรับปรุงใหม่ ทั้งตกแต่งร้านใหม่ ขยายพื้นที่กว้างออกไปอีกมาก เปลี่ยนโทนสีของห้อง และเพิ่มแสงไฟกับกระจกให้มากขึ้น รวมถึงแม่ได้เปิดเว็บไซต์ของร้านเพื่อขายสินค้าผ่านอินเตอร์เน็ต นั่นเป็นผลให้แม่อยากได้รูปถ่ายบรรยากาศของร้านนี้สำหรับลงในเว็บเพจ โฮยอนอาสาถ่ายภาพให้ทันทีก่อนที่แม่จะเอ่ยปากขอ เธอไม่มีทางพลาดงานแบบนี้อยู่แล้ว...

    ขณะที่เด็กสาวร่างเล็กกำลังถือกล้องเลนส์ยาวแนบกับดวงตาเพื่อถ่ายภาพชั้นวางของใกล้ๆ ประตูทางเข้านั้น ลูกค้ารายแรกของการปรับปรุงร้านใหม่ก็เข้ามาภายในร้าน... เรื่องทั้งหมดจึงเริ่มต้นตรงนี้


    กริ๊ง กริ๊ง...

    ฉันกำลังถ่ายภาพชั้นโชว์เครื่องประดับอยู่ เสียงกระดิ่งที่ประตูก็ดังขึ้น เราได้ลูกค้ารายแรกแล้วล่ะ ^^ แต่ฉันยังถ่ายภาพแถวๆ นี้ไม่เสร็จเลย หันไปต้อนรับก่อนก็ได้ เฮ้อ...

    "ยินดีต้อนรับค่ะ" ฉันทักทายลูกค้า แต่ก็เกิดเรื่องเพราะความซุ่มซ่ามของฉันเอง

    เลนส์กล้องที่ยังไม่ได้ปิด และนิ้วที่จับคาไว้บนปุ่มชัตเตอร์หลังจากเพิ่งถ่ายรูปไปหมาดๆ ทำให้ฉันเผลอกดชัตเตอร์ติดภาพลูกค้าคนนี้เข้าเต็มๆ เลย แสงแฟลชที่ฉันปรับให้สว่างกว่าปกติเพื่อให้เครื่องประดับที่ฉันถ่ายได้ทอประกายทำให้เขายกมือขึ้นป้องหน้าเพราะแสบตา

    "อ๊ะ... " ฉันก้มศีรษะขอโทษเขา แต่ดูเหมือนฉันจะปรับความเร็วชัตเตอร์แบบเร็วสูงไว้ด้วยสิ ถึงจะขอโทษเขาไป แต่ฉันก็ได้ภาพเขามาเต็มจอเลยล่ะ

    "ลูกค้าเหรอโฮยอน... เชิญชมข้างในก่อนค่ะ" เสียงแม่ตะโกนออกมา แล้วเชิญลูกค้าคนนี้เข้าไปชมในร้าน

    ส่วนฉันก็ก้มลงเช็คสภาพกล้องในมือ ภาพคนคนนี้ที่ฉันถ่ายติดมาถูกเปิดดู และฉันก็พบผู้ชายคนหนึ่ง ผมสีน้ำตาลเข้มสั้นทรงผู้ชายทั่วไป คิ้วเข้มๆ ที่เรียงตัวกันสวย ผิวขาวๆ และที่ทำให้ฉันมองภาพนี้อยู่นานคือดวงตาคู่คมของเขา มันยิ่งมีประกายสวยงามเมื่อเจอกับแสงแฟลชของกล้อง เขาเป็นผู้ชายที่ดูดีมากเลยทีเดียว...

    อย่างนี้น่าจะเอามาเป็นพรีเซนเตอร์ให้กับร้านเราเสียหน่อย ฮะๆ...

    ฉันคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยแล้วหันกลับไปทำงานของตนต่อ ระหว่างกดชัตเตอร์จับภาพอื่นๆ ในร้าน ก็ได้ยินเสียงลูกค้าหนุ่มคนนั้นดังขึ้น

    "ผมกำลังหาเสื้อผ้าที่จะแต่งแนวฮิพฮอพน่ะครับ"

    "ร้านเรามีเยอะแยะเลยจ้า... ทางนี้เลย" เสียงแม่ตอบกลับไป

    "ใส่ในโอกาสอะไรรึเปล่าจ๊ะ? หรือแค่แต่งแฟชั่น" แม่ถามเขาอีก

    "ผมหาชุดที่จะใส่ไปโชว์ร้องกับเต้นแนวฮิพฮอพบนเวทีของโรงเรียนน่ะครับ" เขาตอบกลับมา

    "อ้อ... อยากได้แบบไหนเป็นพิเศษรึเปล่า?"

    "ยังไงก็ได้ครับ"

    "งั้นเดี๋ยวน้าจัดให้นะ" หลังจากนั้นเสียงแม่และเขาก็ค่อยๆ เงียบลงไป เมื่อทั้งคู่เหมือนจะหายเข้าไปในห้องลองชุดด้านหลังร้านแล้วล่ะ

    หลังจากที่ฉันถ่ายรูปไปจำนวนมากพอดู ฉันก็มานั่งที่เคาน์เตอร์แคชเชียร์ทางด้านในของร้าน วางกล้องไว้บนโต๊ะ แล้วหยิบไอพอดออกมา แต่ยังไม่ทันจะเปิดฟังเพลง แม่ก็กลับออกมาพร้อมเขาและเสื้อผ้าชุดหนึ่งในมือ แม่บอกให้ฉันขึ้นไปหยิบถุงใส่เสื้อผ้าจากชั้นสองลงมาให้

    เมื่อฉันกลับลงมาก็พบแม่กำลังเล่นกล้องถ่ายรูปของฉัน -*- นายตาสวยคนนั้นก็ยังยืนรออยู่ด้วยสีหน้าแย้มรอยยิ้มบางๆ

    "อ๊ะ! นี่ลูกสองคนรู้จักกันหรอเนี่ย?" จู่ๆ แม่ก็อุทานออกมา ฉันส่ายหน้า แล้วขมวดคิ้วเป็นเชิงถามว่าทำไม

    "ลูกมีรูปพ่อหนุ่มคนนี้ในกล้อง..." แม่ชี้ไปที่จอสกรีนที่มีภาพเขาที่ฉันเผลอถ่ายเด่นหราอยู่

    "หนูเผลอไปกดชัตเตอร์ตอนเขาเข้ามา..." ฉันพูด เหลือบมองหน้าตัวเป็นๆ ของคนในกล้อง เขายิ้มแห้งๆ แล้วเกาท้ายทอยแก้เก้อ

    "หนูถ่ายรูปขึ้นนี่นา ^-^ ชื่ออะไรเหรอจ๊ะ" แม่ถามเขา

    "ผมชื่อ คีย์ ครับ"

    "นี่ลูกสาวน้า ชื่อโฮยอน รู้จักกันแล้วนะตอนนี้... โฮยอนจะได้ไม่ต้องแอบถ่ายรูปหนูคีย์ซะอีก ฮะๆ" แล้วแม่ก็ป้องปากหัวเราะ ทั้งๆ ที่เพิ่งพูดความเท็จออกไป ใครแอบถ่ายรูปเขากัน -*-

    หลังจากนั้นคุณไม่อยากรู้หรอกว่าแม่ฉันน่ะคุยกับตาคีย์นี่ถูกคอแค่ไหน ถึงแม้ฝ่ายเขาจะดูตอบไปตามมารยาทก็เถอะ แต่เขาก็ไม่ได้มีท่าทีรังเกียจแม่ฉันที่ถามมากเลยสักนิด ดูเต็มใจตอบคำถามด้วยซ้ำไป แล้วแม่ก็ชวนฉันคุยจนฉันรู้ว่าเขาอายุเท่าฉัน อันที่จริงเรียนโรงเรียนเดียวกันด้วย ไม่แปลกที่ฉันจะไม่เคยเห็นเขาเพราะฉันไม่เคยสนใจใครอยู่แล้ว...

    แต่ก็ยินดีที่ได้รู้จักนะนายตาสวย คีย์...


    2. แล้วตอนจบล่ะ (เขียนเผื่อไว้  แต่อาจจะไม่แต่งตามที่เขียนก็ได้นะ ไม่แน่ๆ ก็อาจจะเขียน)

    :: เป็นปีแล้วตั้งแต่วันที่ฉันรู้จักกับคีย์ เหมือนเพิ่งผ่านไปเมื่อวานเลยล่ะ ตอนนี้เขาก็ยังอยู่ข้างฉันเสมอ เราสนิทกันมาก และสุดท้ายงานพาร์ทไทม์ที่เราวางแผนไว้ว่าจะหามาทำควบไปกับการเรียนหนังสือในเทอมนี้ก็กลายเป็นงานของบริษัทเดียวกัน

    แต่ของเขาคงเรียกว่าพาร์ทไทม์เฉยๆ ไม่ได้ เพราะเขาน่ะ... กำลังเตรียมตัวเป็นซูเปอร์สตาร์ เขาเข้าเป็นเด็กฝึกหัดของค่ายเพลงชื่อดังตามที่เขาฝันไว้ ส่วนฉันก็ภูมิใจกับงานชิ้นนี้ไม่แพ้เขา เพราะฉันได้ฝึกงานฝ่ายกราฟฟิคดีไซน์ที่ฉันถนัด และได้เป็นตากล้องให้กับงานของค่ายเพลงนี้ด้วย ^-^ และงานล่าสุดของฉันก็คือการถ่ายทำโฟโต้อัลบั้มของเด็กฝึกหัดที่มีนามว่า คีย์ =..=

    "ว้า~ ยัยซีด ฉันต้องเจอเธอทั้งวันเลยหรอเนี่ย เซ็งนะ =3=" คีย์หันมาพูดกับฉัน ขณะนี้เราอยู่ในห้องซ้อมเต้นของเขา

    "ฉันรู้ว่านายพูดเล่นนะ" ใช่... เขาพูดเล่น เขาเป็นอย่างนี้บ่อยจะตายไป

    จู่ๆ ก็มีชายหนุ่มคนหนึ่งเปิดประตูห้องเข้ามาพร้อมกับผู้จัดการค่าย แล้วท่านผู้จัดการก็พูดขึ้น

    "นี่ล่ะครับเด็กปั้นของผม มีความสามารถมาก กำลังจะเดบิวต์ในเร็วๆ นี้... คีย์ทำท่าเต้นไปซิ" เขาสั่งคีย์ในตอนท้าย แล้วชายคนที่มากับผู้จัดการก็ยกกล้องขึ้นมาตั้งถ่ายภาพคีย์

    กล้องเขา... รุ่นนั้นฉันอยากได้มากเลยอ๊ะ >O<

    เขากดชัตเตอร์เพียงครั้งเดียว แล้วหันไปพูดกับผู้จัดการ

    "ผมขอรูปเดียวนี่ล่ะครับ จะเอาไปลงนิตยสาร ผมจะรอทำข่าววันเดบิวต์ของเด็กปั้นคนนี้นะครับ^^" อา... กล้องของเขา... *O* ฉันเพ้อถึงขนาดเอานิ้วชี้ไปจิ้มคางตัวเองค้างไว้แล้วมองตามกล้องนั่นที่ออกไปนอกห้องพร้อมเจ้าของมันกับผู้จัดการตาไม่กระพริบ

    "นี่เธอ!" จู่ๆ คีย์ก็ตะโกนใส่ฉันจนสะดุ้ง

    ฉันเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม

    "อย่ามองผู้ชายคนอื่นนานๆ ฉันไม่ชอบ" เขากระแทกเสียงแล้วนั่งลงข้างฉัน ก่อนจะยกขวดน้ำขึ้นดื่มแล้วเสมองไปทางอื่น

    อะไรของเขานะ... ช่วงหลังนี่เป็นอย่างนี้บ่อยชะมัด... ยิ้มให้ใครก็ไม่ชอบ พูดกับใครก็ไม่ได้ มองหน้าใครก็เป็นความผิด แล้วเขาก็งอนฉันบ่อยจนฉันเคยชิน แต่ครั้งนี้ฉันไม่ผิดนะ! อีตาบ้าคีย์ ฉันมองกล้องถ่ายรูปต่างหากเล่า!

    "แต่ฉัน..." ฉันอ้าปากจะเถียงก็โดนเขาแทรกขึ้นมา

    "ฉันเจ็บใจชะมัดเวลาเธอทำแบบนั้น"

    เขาไม่ฟังฉัน T^T โอเค คีย์จังงงง นายไม่ให้ฉันมองคนอื่นใช่มะ? ฉันเหลือแต่นายคนเดียว งั้นฉันจะมองนาย... ฉันจึงจัดการจ้องตาสวยๆ ของเขาที่ฉันชอบอยู่นาน เขาอึ้งไปนิดก่อนที่จะเป็นฝ่ายหลบสายตา พร้อมแก้มที่เริ่มขึ้นสีแดงระเรื่อ...

    อึก... จู่ๆ ฉันก็รู้สึกเหนื่อย เพราะหัวใจเต้นถี่ขึ้น แรงขึ้น ความรู้สึกบางอย่างถาโถมเข้ามาเต็มไปหมด มันเคยเกิดขึ้นเวลาที่เขาทำอะไรให้ฉันหรือเขาอ่อนโยนกับฉันนะ แต่ครั้งนี้มันมากกว่าปกติจริงๆ

    แล้วฉันก็รู้สึกกลัวที่จะเล่นอะไรสนิทสนมอย่างจับมือเขา เอนซบเขา หรือหยิกแก้มเขาขึ้นมาเฉยๆ ทั้งๆ ที่มันเป็นวิธีง้อของฉันตามปกติ ฉันจึงใช้วิธีพูดเปลี่ยนเรื่องเพื่อให้เขาสนใจฉันอีกครั้ง

    "นายรู้ไหมว่าตอนนี้ใจฉันไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลย..." ฉันพูดอะไรออกไปน่ะ นี่มันเรื่องอะไรกัน

    "..." เขาเงียบ แต่ก็หันหน้ามามองฉันตรงๆ

    "เอ่อ... หน้าร้อนๆ ด้วย"

    "..."

    "และนายก็เป็นต้นเหตุที่ทำให้ฉันไม่กล้ามองหน้านายตอนนี้"

    "..."

    "นายไม่ได้ทำอะไรผิดนะ... แต่ตลกเนอะคีย์ ฉันเป็นอะไรขึ้นมาก็ไม่รู้..."

    ตอนนี้เหมือนโลกมันขาวโพลนไปหมด ฉันรู้สึกว่ามีความรู้สึกบางอย่างมันถาโถมเข้ามาที่ตัวฉัน ทั้งหนักอึ้ง และเกินกว่าจะเก็บไว้คนเดียว แต่ท้ายที่สุดแล้วฉันก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร

    หมับ! อยู่ดีๆ คีย์ก็คว้าฉันไปกอดไว้แน่น ฉันตกใจจนทำอะไรไม่ถูก แต่อาการบ้าๆ นั่นมันก็แรงขึ้นอีกเป็นเท่าตัว ใจเต้นจนฉันคิดว่าฉันจะตายถ้าไม่ทำอะไรสักอย่าง...

    "ฉันก็เป็นเหมือนเธอนั่นแหละ แต่ฉันเป็นมาสักระยะหนึ่งแล้ว ตั้งใจจะบอกความจริงให้เธอรู้วันนี้ ยิ่งเห็นเธอมองคนอื่นตาไม่กระพริบมันก็ทำให้ฉันแทบลุกเป็นไฟ ฉันหึงเธอนะรู้มั้ย ...ฉันรักเธอนะ โฮยอน..." เขากระซิบแผ่วเบาแต่ชัดเจนข้างๆ หูของฉัน แล้วคลายอ้อมกอดออก

    เขา... บอกรักฉัน O_O ตอนนี้อาการประหลาดของฉันเพิ่มขึ้นอีกแล้ว ฉันต้องทำอะไรสักอย่างสิ! ให้ตาย... ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลย

    "ฉันคิดว่าสารภาพไปก็คงกินแห้ว แต่จู่ๆ ทำไมเธอถึงมีอาการแบบนี้ได้นะยัยซีด! เธอก็รักฉันใช่ไหมล่ะ?" เขาถามด้วยแววตาใสแจ๋ว เหมือนจะเค้นหาคำตอบให้ได้

    "ฉะ... ฉัน... ไม่รู้สิ... นี่เขาเรียกว่ารักเหรอ? ถ้าใช่ ฉันคงเป็นเอามาก..." ฉันบอกเขา แล้วรู้ตัวอีกทีก็ได้กลับไปอยู่ในอ้อมกอดอุ่นของเขาอีกครั้ง...

    เขาไม่ต้องขอฉันคบเป็นแฟนให้มากมาย ตอนนี้ใจเราสองคนรู้กันดีอยู่ว่าต่างฝ่ายต่างรักกัน เรามีกันและกันอยู่เคียงข้าง เขาบอกว่าฉันเป็นรักแรกของเขา และเขาก็เป็นรักแรกของฉันเช่นกัน ฉันเองก็ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับความรักมากมายนัก แต่เราสองคนก็พร้อมจะจับมือและมุ่งหน้าไปกับมันเคียงข้างกันไปอีกนาน

    ฉันจะไม่ใช้คำว่า "ตลอดไป" เพราะทุกสิ่งคงไม่มีความยั่งยืนบนโลกนี้ อนาคตเขาอาจจะชอบใครคนใหม่ ฉันไม่อาจรู้ได้ รู้แค่ตอนนี้เรามีกันและกันก็เพียงพอแล้ว...


    3. เม้น+โหวตด้วยนะ แม้ว่าตัวละครของคุณยังไม่ออก

    :: ได้แน่นอนจ้า

    4. แน่ใจนะ ถ้าไม่ทำตามข้อตกลง เราจะตัดคุณออกทันทีโดยไม่มีการบอกกล่าว หรือ ตักเตือน

    :: แน่ใจคร้าบ สัญญาๆ ^-^

    ................

    ขอให้โชคดีเค่อะ ^^   :: โชคจะดีถ้าคนแต่งให้จีออติด ^^




     

    Profile ----  Yoo Hoyoun ส่งแบบเป็นลิ้งค์กลับมาให้เน้อ [ถ้าชื่อผิดบอกด้วยน้า]

     

    ชื่อ ::: ยู โฮยอน ((Yoo Hoyoun ถูกแล้วจ้า))

     

    ชื่อเล่น/ฉายาที่คีย์เรียกบ่อยๆ ::: โฮยอน / เรียกว่า ยัยซีด บ่อยที่สุด / รองลงมาคือ ยัยจืด

     

    อายุ/วันเกิด ::: อายุเท่าคีย์ ((ใส่ให้ด้วยนะจ๊ะ)) / 29 ก.พ. ((อยากแปลก -*-))

     

    ประวัติครอบครัวแบบละเอียดยิบๆ ^^ ::: ครอบครัวเป็นคนเกาหลีแท้ ในบ้านมีพ่อ แม่ โฮยอน และพี่ชายชื่อ ฮยอนจา อายุห่างกับเธอ 3 ปี เป็นชาวโซลโดยกำเนิด ((ถ้าเรื่องเกิดที่โซลนะ =..=)) และมีญาติกระจายออกไปทั่วเกาหลีใต้ พ่อทำงานเป็นหัวหน้าฝ่ายกราฟฟิคดีไซน์ของบริษัทรับออกแบบงานศิลป์ชื่อดังแห่งหนึ่ง ซึ่งรับออกแบบป้ายโฆษณา รับจัดงานอีเวนต์ เป็นต้น ส่วนแม่เปิดกิจการร้านขายเสื้อผ้าและเครื่องประดับแฟชั่น ขึ้นชื่อด้านแฟชั่นทั้งชายและหญิงที่อัพเดทรวดเร็วก่อนร้านทั่วๆ ไป พี่ชายเป็นนักเรียนทุนที่กำลังเรียนอยู่ที่อเมริกาที่รัฐนิวยอร์ก กลับมาในช่วงเดือนนี้ ((หมายถึงตอนเรื่องมันเริ่มได้ไม่นานอ่ะ)) นิสัยดี ขี้เล่น เป็นสุภาพบุรุษ ดูเป็นผู้ใหญ่ ทั้งรักทั้งหวงน้อง แต่ความจริงแล้วโฮยอนเป็นน้องที่ไม่ค่อยน่าห่วงสักเท่าไหร่ เพราะโฮยอนเป็นคนเรียบร้อย ธุรกิจของพ่อกับแม่หาเงินเข้าครอบครัวได้เยอะพอดู มีเงินเก็บมาก แต่จะไม่เอาออกมาใช้ฟุ่มเฟือย จึงเป็นครอบครัวที่อยู่อย่างไม่ได้หรูหราอะไร

     

    ประวัติการเรียน ::: เรียนดีมาก ฉลาด ไอคิวสูง แต่ไม่ค่อยแสดงออก เคยโดนอาจารย์แซวว่าเวลานั่งเรียนเหมือนรูปปั้นหิน ไม่ขยับ ไม่เท้าคาง ไม่เหม่อลอย ไม่พูด ไม่หลับ แถมยังไม่ถามอะไรเลยอีกต่างหาก จนบางครั้งอาจารย์กลัวว่าเด็กคนนี้จะรู้มากกว่าที่ตนสอนไปซะนี่ แต่ความจริงคือเธอเป็นคนไม่ขวนขวายสักเท่าไหร่ ตอนเรียนในห้องน่ะสนใจ แต่ครูสอนแค่ไหนเอาแค่นั้น ไม่ขอเพิ่ม ไม่ถามอีก อะไรประมาณนี้น่ะ

     

    เรียนปี ::: ปีเดียวกับคีย์จ้า ((ใส่ให้ด้วยนะ))

     

    ห้อง [A-F]::: A

     

    ชมรม อาจารย์ผู้สอน= = [ชมรมใดที่เหล่าพระนางเลือกลง อ.ประจำชมรมนั้นจะเป็นตัวละครอีกตัวที่มีบทบาทเหมือนกัน ส่วนที่เหลือจะเป็นเพียงตัวประกอบที่ผลุบๆ โผล่ๆ เท่านั้นเค่อะ = =]

    1.ดนตรี [อ.ดองวุค]                    7.หนังสือ [อ.โบอา]                     13.นักเขียน [อ.ท๊อป]

    2.ร้องเพลง [อ.แจจุง]                  8.เคมี [อ.ซึงรี]                            14.อาหาร [อ.ฮันกยอง]

    3.บาสเกตบอล [อ.จีฮุน]              9.เกษตร [อ.ฮีชอล]                     15.แกะรอย [อ.ชินดง]

    4.ว่ายน้ำ [อ.จียอน]                     10.ละครเวที [อ.จุนกิ]                 16.หนังสือพิมพ์โรงเรียน [อ.ซูยอง]

    5.กรีฑา [อ.ไจ๋ไจ๋]                        11.วาดเขียน [อ.อึนเฮ]                17.เทควันโด [อ.ดาเฮ]

    6.ฟุตบอล [อ.จุนซู]                     12.เต้น [อ.ยุนโฮ]                        18.บาร์เทนเดอร์ [อ.จองฮุน]

     

    ชมรมไรดีหนอ ?? ::: ร้องเพลง เพราะไม่มีชมรมไหนที่โฮยอนจะสนใจเลยสักนิด ไม่มีชมรมที่ได้ใช้ความสามารถของตัวเองเลย อยากจะเข้าดนตรีก็เล่นดนตรีไม่เป็น ร้องเพลงดีกว่า ((แต่ส่วนตัวจีแล้วนั้น =.,=อยากเข้าเกือบทุกชมรมเลย ทั้งจุนซู โบอา ยุนโฮ ซูยอง ดาเฮ และโดยเฉพาะท๊อป ล่อตาล่อใจยั่วน้ำลายซะไม่มี T[]T))

     

    นิสัยเอาแบบเนื้อๆ 3 บรรทัดขาดตัว ::: ไม่ค่อยพูดจา ไม่เย็นชา ยิ้มง่าย สบายๆ อะไรก็ได้เสมอ ไม่คิดเล็กคิดน้อย ไม่หาเรื่องใส่ตัว ไม่โกรธคน เป็นผู้ฟังที่ดี เป็นเพื่อนที่ดี เอาใจใส่ทุกสิ่งรอบกายแต่ไม่แสดงออก มีความพยายามสูง แต่ความอดทนต่ำ ไม่ดื้อ แต่มีจุดยืนของตัวเอง วางตัวดีตามสถานการณ์

     

    ความรัก ;:: ไม่เคยมี ไม่เคยสนใจ เพราะอยู่คนเดียวก็ได้... สบายดี

     

    คุณได้อยู่กลุ่ม Popular ซึ่งมีสมาชิกอยู่ 5 คน พอใจมิเค่อะ ::: พอใจจ้า

     

    อยากมีตัวร้ายมิ? ถ้ามีเป็นชายหรือหญิง ขอชื่อ&อิมเมจด้วยเค่อะ [นิสัยไม่ต้อง] ::: ไม่ต้องหรอกจ้า ((ไม่อยากให้เหนื่อย แต่ถ้าอยากได้ ช่วยเขียนให้ด้วยนะจ๊ะ =..=))

     

    คีย์วิ่งหนีแฟนคลับกลุ่มหนึ่งและบังเอิญเขาเจอคุณและลากคุณเข้าตรอกแคบระหว่างตึกก่อนจะคว้าคุณเข้าไปจูบต่อหน้าต่อตาแฟนคลับที่เผอิญเหลือบมองเข้ามาเห็นทั้งยังทำเหมือนเขาจะมีอะไรกับคุณอีกด้วย คุณจะทำอย่างไร [อธิบายโลดด ย้ำ...อธิบาย]

    โฮยอนตกใจ และผลักเขาจนไปชนผนังด้านหลังเขาเต็มแรง เธอหันมองออกไปนอกตรอก และพบกลุ่มแฟนคลับ เธอจึงเริ่มเรียงลำดับเหตุการณ์ใหม่ ถึงจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ที่นี่ก็ไม่ใช่ที่ที่ควรจะอยู่ต่อไปเป็นแน่

    สุดท้ายโฮยอนก็คว้าข้อมือของคีย์มาก่อนจะลากออกจากตรอกนั้นอย่างเร็ว ผ่านหน้ากลุ่มแฟนคลับที่ยังหลงเหลืออยู่แถวนั้น เพราะบางส่วนวิ่งไปหาคีย์ทางอื่นแล้ว เธอเร่งสปีดเท้าเต็มที่จนสลัดแฟนคลับกลุ่มสุดท้ายหลุดตรงหัวมุมตึก และลากเขาไปสวนสาธารณะทันที

    เมื่อมาถึงคีย์ก็ทำอะไรไม่ถูกแล้ว เขานั่งงงเพราะเหตุการณ์มันเกิดไวมาก โฮยอนก็ไม่พูดไม่จา ต่างฝ่ายต่างนั่งเงียบ เป็นครั้งแรกที่โฮยอนโกรธคีย์ จนโฮยอนพูดขึ้นมา

    “ฉันไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นนะคีย์ เมื่อกี้นายทำไปเพื่ออะไร ...ฉันจะไม่พูดกับนายสักพักนะ จนกว่านายจะหาคำตอบให้ตัวเองได้ว่าเกิดอะไรขึ้น ฉันพร้อมให้อภัย... แต่ไม่ใช่ตอนนี้” ว่าแล้วโฮยอนก็ลุกเดินออกไป

    เธอก็เริ่มคิดมากเหมือนกัน ที่คิดน่ะไม่ได้หวั่นไหว โกรธคีย์ก็โกรธอยู่หรอกนะ แต่เธอกลับคิดว่าเขาเป็นอะไรมากกว่า อยากรู้ว่าเขาเครียดหรืออะไรถึงได้ทำแบบนั้น นั่นเป็นเพราะเธอเห็นคีย์เป็นเพื่อน และเธอก็ห่วงเพื่อนคนนี้มากเสียด้วย


    ห้ามคัดลอกข้อมูลในหน้านี้ออกไปโดยเด็ดขาด =[]= ! เตือนแล้วน้า... แง่ง

     

    ใบสมัครนางเอกเชเช ((คีย์)) [คำถามสีน้ำตาลนะคะ คำตอบขอเป็นสีดำ]

     

    ข้อมูลผู้สมัคร

    ชื่อเล่น :: จี

    อายุ :: ไม่ระบุแน่ชัด จีจำไม่ได้ว่าออกจากกระบอกไม้ไผ่เมื่อไหร่ =[]= จะเรียกพี่ น้อง เจ๊ เฮีย ก็ตามสะดวก อย่าตระกูลปู่ ย่า ตา ทวด ก็แล้วกัน จียังไม่เป็นบรรพบุรุษของใคร -*-

     

    ข้อมูลตัวละคร

    ชื่อ//ชื่อเล่น :: พันธิตรา อัศวเดชานนท์ // พั้นช์

    อายุ :: 20 ปี

    สัญชาติ :: ไทยแท้

    การศึกษา :: ปี 2 คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ สาขาวิชาสถาปัตยกรรม
    บุคลิกภายนอก ::
     สาวหมวยยิ้มหวาน เธอมีตาสวย ผมยาวสีน้ำตาล ผิวเนียนขาว ตัวสูงแต่เอวบางร่งน้อย ดูเพรียวลม เห็นสาวหมวย ขาว ผมยาว เดินโย่งมาแต่ไกล นั่นล่ะพั้นช์แน่นอน

    นิสัย :: พั้นช์เป็นคนยิ้มหวาน แต่ก็ใช่ว่าเธอจะอารมณ์ดียิ้มไปทั้งวัน! ตัวจริงของเธอคนนี้นั้นนิ่งเหมือนรูปปั้น ยิ้มหวานแต่แทบจะไม่ยิ้มให้ใครเลย พูดน้อย คิดมาก ฟังมาก เอาเวลาที่ควรจะพูดมานั่งคิดเรื่องที่กำลังฟัง เธอคิดมากอย่างกับผู้ใหญ่ ความคิดซับซ้อน มีเหตุผล จนบางครั้งแก่เกินตัว และไม่ค่อยยืดหยุ่นเท่าไหร่ เอะอะก็จะเอาแต่เหตุผลเข้าอ้างเสมอ ...ไม่รู้ว่าเป็นคนมีเหตุผล หรือหลอกตัวเองกันแน่ หัวใจของพั้นช์ด้านชากับความรู้สึกมาก ทำให้ทำอะไรเพราะมีเหตุผล ไม่เคยถามใจตัวเองเลยว่าควรไหม ไม่เคยตามใจเรียกร้อง จนบางครั้งเจ็บใจเสียเอง เธอมีเพื่อนสนิทคนเดียวคือเชเช เขาคือคนที่เรียกได้ว่าเธอเปิดใจให้มากที่สุด และเขาก็รับฟังเธอมากกว่าคนอื่นด้วย เขาดีกับเธอ เขาอยู่เคียงข้างเธอเสมอ จนหัวใจน้ำแข็งของเธอเริ่มจะละลาย แต่เธอก็ยังเก็บความรู้สึกที่เธอมีให้กับเขาอย่างที่เขาไม่สามารถรับรู้มันได้ ไม่รู้ว่าเก็บความรู้สึกเก่ง หรือทำร้ายตัวเองอยู่กันแน่ พั้นช์ชอบเขียนบันทึก ทุกสิ่งที่เธอคิดหรือทำลงไป เธอบันทึกลงในไดอารี่ เมื่อระบายความรักนั้นออกมาให้เขาไม่ได้ เธอก็เขียนไดอารี่เอาไว้คนเดียว มุมร่าเริงของเธอก็มีเหมือนกัน ถึงแม้มันจะหาได้ยาก แต่เวลาที่อยู่กับเชเชหรือได้ทำสิ่งที่เธอรักอย่างการละครหรืองานศิลป์ เธอจะอารมณ์ดีขึ้นทันที เห็นเอวบางร่างน้อยอย่างนี้ พั้นช์ถึกนะจะบอกให้!

    ประวัติความรัก :: เคยใช้คำว่า “รัก” กับรุ่นพี่ม.ปลายคนหนึ่ง ทั้งๆ ที่ไม่ได้รักเขา แต่เพื่อนๆ ยัดเยียดให้เพราะพี่เขานิสัยดี ถึงจะไม่ได้รักพี่เขาจริงๆ แต่เธอก็ทุ่มเทกับการแอบมองแอบตามสนใจพี่เขาตลอด รวบรวมความกล้าอยู่นาน ก็ถูกปฏิเสธกลับมาโดยพี่เขาไม่ลังเลเพราะมีแฟนแล้ว ไม่ทันรัก เธอก็รู้จักคำว่า “เจ็บ” หัวใจของเธอก็เลยด้านชากับเรื่องพวกนี้ไปทันที ปิดกั้น และไม่หวั่นไหวกับใครมาเป็นเวลาหลายปี...

    ประวัติครอบครัว :: ครอบครัวเป็นคนไทยแท้ แต่พ่อเป็นลูกบุญธรรมของยากุซ่าญี่ปุ่น เธอเรียกพ่อบุญธรรมของพ่อเธอว่าปู่ เธอสนิทกับปู่มาก เรียกได้ว่าปู่เป็นคนเลี้ยงดูเธอมาตั้งแต่เด็ก ปู่สอนเธอแม้กระทั่งการต่อสู้เพื่อเอาตัวรอด การสู้แบบยากุซ่า คือสู้แบบไร้แบบแผน(เหมือนวัยรุ่นตีกันนั่นเอง -*-) เพียงแต่ต้องยุติธรรมและมีเหตุผล ปู่สอนภาษาญี่ปุ่นให้เธอตั้งแต่เด็ก แต่นอกจากปู่แล้ว เธอไม่พูดภาษาญี่ปุ่นกับใครเลย พ่อกับแม่เป็นเจ้าของร้านอาหารไทยใกล้กับมหาวิทยาลัยที่เธอเรียนอยู่ รายได้ดี ครอบครัวนี้รวยอยู่แล้วจากเงินมรดกของปู่ แต่ก็ยังทำงานหาเงินเพิ่มเสมอ บอกกับพั้นช์ว่าหาเงินด้วยตัวเองได้จะไม่อดตาย พั้นช์ไม่มีพี่น้อง และไม่มีลูกพี่ลูกน้องที่สนิทสักคน

    ชอบ//ไม่ชอบ :: ศิลปะ, การแสดง, ดนตรี, สถานที่เงียบๆ สบายๆ, นั่งคิดอะไรคนเดียวนานๆ, เขียนไดอารี่, อาหารฝีมือแม่, ทุกอย่างที่เป็นรสช็อกโกแล็ต, เหตุผล // สถานที่แออัด วุ่นวาย, คนรังแกคนอ่อนแอกว่า, คนชอบตื๊อ, คนไร้เหตุผล, กาแฟ, น้ำอัดลม

    ความสามารถพิเศษ ((เน้นการแสดง)) :: ภาษาญี่ปุ่น(ไม่นับก็ได้เพราะพั้นช์ไม่พูดญี่ปุ่นกับใครนอกจากปู่), การแสดงบทบู๊, นอกจากนี้พั้นช์ยังสามารถแสดงบทเศร้าแบบไร้น้ำตาได้ชำนาญอีกด้วย (ขณะที่ถ้าเป็นบทเศร้า นักแสดงคนอื่นร้องไห้โดยธรรมชาติไปนานแล้ว จะเรียกว่ายัยนี่ด้านชาก็คงไม่ผิด)

    งานอดิเรก :: ซ้อมละคร, ฟังเพลง, วาดภาพ, นั่งเงียบๆ คนเดียว

    บทสำรอง :: นางเอกเทมป์ ((ถ้าไม่ได้ก็จัดตามเหมาะสมจ้า แค่จีอยากมีส่วนร่วม ไม่เอานางร้ายนะ ฮือๆ เค้าขอมีคู่))

    อื่นๆ ((น่าจะมีนะคะ บอกมาได้เลยเต็มที่)) :: เหตุผลที่พั้นช์สนใจการแสดงมาตลอด เป็นเพราะเธอคิดว่าการแสดงสามารถปกปิดความรู้สึกจริงๆ ของคนได้ แสดงไปตามบทบาท ห้ามเอาความรู้สึกส่วนตัวเข้าไปเกี่ยวข้อง หากนักแสดงคนใดสามารถแสดงได้ทุกบทบาทอย่างสมจริง เรียกได้ว่าหัวใจเขาเข้มแข็งจริง และเธอก็ต้องการเป็นหนึ่งในนั้นเสียด้วยสิ ...ไม่รู้ว่าทำไปเพื่อหลอกใจตัวเองหรือเปล่านะ การแสดงของเธอ...เหมือนกับคอร์สฝึกหัวใจให้ด้านชาอย่างไรอย่างนั้นเลย

     

     

    อิมเมจนางเอก//บอกชื่ออิมเมจด้วย ขอ 3 รูป ไม่เอาเป็นลิ้งค์นะคะ (( ห้าม!!ซ้ำกับอิมเมจที่ล็อคไว้น้าและอย่างที่บอกในกฎนะคะ ไม่รับอิมเมจที่แอ๊บแบ๊วบ๊องแบ๊วตาโตเว่อร์ๆ นะ - -* )) :: เต้ย จรินทร์พร

     




     

     

     

    อิมเมจพระเอก 3 รูป ไม่เอาเป็นลิ้งค์นะคะ ::

     




     

     

     

    ข้อตกลง

    1. ถ้าติดให้มารายงานตัวภายใน 3 วัน เมื่อครบกำหนดถ้ายังไม่มารายงานตัวจะถือว่าสละสิทธินะคะ หรือถ้าติดธุระจริงๆก็รบกวนแจ้งให้ทราบล่วงหน้าด้วยค่ะ ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เพื่อสิทธิของตัวคุณเองนะคะ ^.^ :: รับทราบแต่ถ้าจีหายไปจริงๆ แสดงว่าเข้าเด็กดีไม่ได้นะ อยู่ต่างประเทศ และเด็กดีสุ่มล็อกไอพีต่างประเทศเป็นระยะๆ

    2. เรื่องเม้นท์ทางเราไม่เครียดค่ะ ขอให้มาเม้นท์สม่ำเสมอก็พอ อย่ามาๆไปๆ หรือหายไปเลย :: จ้า คนอัพก็สม่ำเสมอนะคะ!

    3. เวลาคอมเม้นท์ ห้าม!!สนุกๆ อัพๆ ไวๆ ไม่เอานะคะ ขอเป็นคำวิจารณ์ ติชม นะคะ วิจารณ์มาเลย เพราะหากผิดพลาดตรงไหน ไรเตอร์จะได้นะไปปรับปรุงให้ดีขึ้นค่ะ และมันจะเป็นกำลังใจให้ไรเตอร์ในการเขียนนิยายต่อไปนะคะ ::แน่นอน เรานักเขียนด้วยกัน ((เอ๊ะ! หรือจะไม่เหมือนกัน เพราะจีเป็น นัก(ดองงาน)เขียน))

    4. ข้อนี้สำคัญนะ กรุณาตอบคำถามด้วยความเต็มใจ ไม่สั้นไป และก็ไม่ยาวเว่อร์นะคะ :: ยาวไปแล้ว แต่ไม่เว่อร์ (( เค้าตอบจากใจจริงนะ >w< ))

     

    คำถามทั่วไป

     

    1. คิดว่าความสัมพันธ์ของคุณกับคู่ของคุณจะเป็นแบบไหนและอยากให้ความสัมพันธ์ของคุณกับคู่ของคุณเป็นอย่างไร
     (( 2 คำถามนะคะ ย่อหน้ามานะ คำถามนี้ไม่ต้องการบทพูดนะคะ! เต็มที่ ห้ามแล้วแต่ไรเตอร์นะ ))

    ::   คิดว่าความสัมพันธ์ของเชเชกับพั้นช์คงจะเป็นแบบ... เพื่อนสนิท ต่างคนต่างแอบรัก แต่ความเป็นเพื่อนสนิทที่ใกล้กันเกินไป ทำให้ไม่กล้าเอ่ยออกมา กลัวว่าจะเสียคำว่า “เพื่อน” ไป ต่างคนต่างแคร์ความรู้สึกของอีกฝ่าย อยากคิดมากกว่านั้นแต่ก็ได้แค่เพื่อน

         อยากให้ทั้งคู่เป็นคู่(แอบ)รักแบบน่ารักๆ คนอ่านอ่านแล้วยิ้มไปเลย เพราะทั้งคู่แสดงออกในฐานะเพื่อนสนิท แต่แววตากับการกระทำมันแฝงอะไรไปมากกว่านั้น ทั้งสองคนคิดว่าเพื่อนกันจะเขินกันก็ดูตลก แต่สองคนนี้ก็ยังมีมุมน่ารักๆ ให้คนอ่านเขินแทนอยู่ตลอดเวลา ความสัมพันธ์ของสองคนนี้คืบหน้าเรื่อยๆ แบบที่คนอ่านรู้ดี แต่ขณะที่สองคนนั้นปิดความรู้สึกของตนเอาไว้ แสดงออกแค่เพื่อน จนสุดท้ายมันก็ระเบิดออกมา (ระเบิดเลยเรอะ! =[]=)

     

    2. ลองเนรมิตฉากจบของคู่คุณ (( เต็มที่เลย บรรยายหรือบทพูดก็ได้ค่ะ ห้ามแล้วแต่ไรเตอร์นะ ))

    ::   เชเช... นายจะทนไปถึงไหนนะ นายจะปล่อยให้คนอื่นมาบงการชีวิตนายไปถึงไหนกัน พอสักทีเถอะ!

         พั้นช์ที่นั่งอยู่ใต้ต้นไม้ริมแม่น้ำหลังมหาลัยกำลังคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย เธอนั่งอยู่คนเดียวอย่างที่ชอบทำเป็นประจำ คิดนู่นนี่วุ่นวายในสมอง ในมือถือไดอารี่ส่วนตัวที่เธอหวงหนักหนา แต่คิดมากมายให้ตายก็หนีไม่พ้นเรื่องของคนที่เธอ...

         “เป็นได้แค่เพื่อน...” พั้นช์พึมพำออกมา สีหน้าเศร้าหมองลงไปเล็กน้อย

         ตอนนี้เธอก็เป็นเหมือนเดิมอีกแล้ว คิดเรื่องของเชเช เธอทนไม่ได้ที่จะเห็นชีวิตเขาถูกใครมาบงการ คนที่ฟังเขาบ่น เห็นเขาร้องไห้ เห็นเขาท้อแท้ใจและเหนื่อยล้า ก็มีแต่เธอคนเดียว เธออยากจะเติมเต็มส่วนที่เชเชขาดหายไป เธออยากจะรักษาแผลที่หัวใจของเขา แต่คำว่าเพื่อนมันดักคอไว้ คำว่าเพื่อนเตือนเธอไม่ให้เกินเลย แค่ได้ปลอบเขาเพียงชั่วครู่ก็เท่านั้น

         นิ้วเรียวสวยเลื่อนจับปากกาก่อนจะเขียนความรู้สึกลงไปในไดอารี่ที่ถืออยู่ ชื่อ คิม ที่ไม่ใช่เชเชแต่มีความหมายถึงเชเชถูกเธอเขียนซ้ำแล้วซ้ำอีก เขียนบอกตัวเองว่าอยากจะอยู่เคียงข้างเขาตลอดไป เขียนบอกตัวเองว่าอยากจะบอกความรู้สึกที่มีในใจ เขียนลงไปว่า... รัก

         “พั้นช์” จู่ๆ เสียงคุ้นเคยก็เรียกขึ้นเบาๆ ข้างหู ถึงพั้นช์จะตกใจกับการกระทำแบบนั้นของเขา เธอก็ยังคงนิ่งเฉยได้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

         “เชเช... นายควรจะอยู่ที่ห้องอาจารย์แล้วก็ติวแข่งฟิสิกส์อยู่ไม่ใช่รึไง มาทำอะไรอยู่ตรงนี้” พั้นช์กล่าวอย่างเป็นที่รู้กันว่าเธอมีตารางงานของเชเชอยู่ในหัว

         “อืม... แต่ไม่อยากไป อยากอยู่กับเพื่อนไม่ได้รึไง” เชเชตอบ หลุบตาลงต่ำพลางนั่งลงข้างๆ เธอ

         เพื่อน... คำนี้ทำร้ายจิตใจเธออีกแล้ว แต่คนที่แสดงออกไม่เก่งก็เลือกที่จะเจ็บโดยไม่ให้เขารับรู้

         “ได้สิ แต่นายไม่ไปแล้วไม่กลัวอาจารย์...”

         “ฉันเหนื่อย พั้นช์ เหนื่อยมากด้วย ไอ้ความรู้สึกที่เก็บไว้มันหนักหนาจนฉันจะทนไม่ไหวแล้ว คงไม่โกรธใช่มั้ยถ้าฉันจะระบายออกมาบ้างให้เธอฟัง” เขาเงยหน้ามาสบตาเธออีกครั้ง น้ำเสียงแฝงความเหนื่อยล้า แต่ครั้งนี้มันแปลกไปเพราะมีความอบอุ่นล้นเอ่อแฝงมาในแววตาเขา

         “นายไม่ต้องถามเลย เพื่อนคนนี้รับฟังทุกอย่าง” เธอยิ้ม “ฉันคนนี้เป็นเพื่อนของนายนี่นา” พร้อมตอกย้ำตัวเองลงไปอีกครั้งโดยไม่รู้เลยว่าคำว่าเพื่อนมันทำร้ายจิตใจคนฟังเช่นกัน

         “ฉัน... ชอบผู้หญิงคนหนึ่งมานานแล้ว...” เขาเอ่ยช้าๆ ด้วยคำพูดที่กรีดรอยลึกลงตรงหัวใจของพั้นช์ เธอก้มหน้าลงไม่ให้เขาเห็นแววตาที่สั่นระริก

         “เธอคนนั้นโชคดีจัง ก็คนดีอย่างนายมารักทั้งที” เธอยิ้มตอบเขา

         เธอคนนั้นจะรู้ไหมนะว่าฉันแอบชอบเธอมานานแล้ว เธอจะมองฉันเหมือนคนอื่นๆ ไหม เธอจะเข้าใจความรู้สึกของฉันรึเปล่า ฉันอยากให้เธออยู่เคียงข้างฉัน คอยเป็นกำลังใจให้ฉันในบางเวลาที่ฉันท้อ” เขาพร่ำออกมาอย่างเลื่อนลอย พั้นช์ยิ่งเจ็บหัวใจมากยิ่งขึ้น เธอคนนั้นมีค่าต่อหัวใจเชเชมากมายนัก

         “แล้วนาย... ไม่คิดจะบอกเธอไปหรอ” เธอถามเขา หลีกเลี่ยงที่จะถามว่าเธอผู้โชคดีคนนั้นคือใคร

         “ช่างเถอะ ถ้าบอกไป ฉันรู้ว่าคำตอบของเธอคนนั้นคือไม่... ฉันกลัวการสูญเสีย” เขาพูดเศร้าๆ

         “เอาน่า ยัยบ๊อง อย่าทำหน้าเครียด กลัวเสียเพื่อนไปให้สาวที่ไหนรึไง ฮะๆ” จู่ๆ เขาก็หัวเราะร่าเริงอย่างปกติ เอามือโอบไหล่เธออย่างเคยชิน “มาสนเรื่องเธอดีกว่า เอ๊ะแอบชอบใครรึไง หัดมีความลับเขียนไดอารี่ด้วยนะพั้นช์”

         พั้นช์ตาเบิกกว้างเมื่อมือของคีย์คว้าไดอารี่ของเธอไปอย่างรวดเร็ว เขาวิ่งหนีไปไม่ไกลนักก็เปิดอ่านด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ขณะที่พั้นช์เองยังนั่งอยู่ เธอไม่อยากให้เขารู้ความในใจ แต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่าเธอใช้ชื่ออื่นแทนชื่อเชเช เธอก็ปล่อยให้เขาอ่านไป คิดในใจว่าเขารู้ว่าต่างคนต่างชอบใครคนอื่นก็ดีแล้ว เขาจะได้ไม่ต้องห่วงเรื่องเพื่อนอย่างเธอ เมื่อเขาจะสารภาพรักกับผู้หญิงคนนั้นไป

         ทางด้านเชเช สายตาหม่นลงเรื่อยๆ เขายังไม่ละสายตาจากไดอารี่ในมือ เท้าก็สาวกลับมายังที่ที่พั้นช์นั่งอยู่ เขานั่งลงและอ่านออกเสียงประโยคสุดท้ายในไดอารี่ของเธอ

         “คิม... นายเหนื่อยไหม นายทนได้ยังไงกับการแบกรับภาระหนักหนา และต้องคอยเดินตามเส้นทางที่คนอื่นขีดไว้ให้ นายจะรู้ไหมว่าฉันเป็นห่วงนายมากแค่ไหน ถึงนายจะไม่ได้รับรู้ความรู้สึกของฉัน แต่ฉันจะคอยเป็นกำลังใจให้นายอยู่ห่างๆ ไม่ว่าเวลาไหนที่นายรู้สึกท้อ หรือหมดกำลังใจ นายจะยังมีฉัน... ฉันที่รักและห่วงใยนายเสมอ” น้ำเสียงเศร้าๆ ของคีย์ฟังดูเศร้ายิ่งกว่าตอนเขาซ้อมบทเศร้าในโรงละคร มันเป็นความเศร้าที่โหยหา หาความรักที่เหมือนถูกพรากไปต่อหน้าต่อตา แต่กลับทำอะไรไม่ได้... เธอคนนั้นมีคนที่เธอรักอยู่แล้ว...

         “เธอแอบชอบ... คิ... ผู้ชายคนนั้นมานานแค่ไหนแล้ว” เขาถาม เปลี่ยนใจไม่พูดชื่อนั้นออกมา

         “ก็... ตั้งแต่เราเป็นเพื่อนกันได้ไม่นานแหละเชเช” เธอตอบเสียงสดใสอย่างที่หวังว่าให้เขาเข้าใจผิดเรื่องที่เธอชอบคนอื่นอยู่ว่าเป็นเรื่องจริง

         “ทำไม...” น้ำเสียงเชเชสั่นระริก “ทำไมล่ะพั้นช์...”

         “เชเช นายเป็นอะไรไป” พั้นช์ตกใจเมื่อจู่ๆ เขาก้มหน้า น้ำเสียงฟังดูไม่ดีเลย

         “นี่ ฉันรักเขายังไงฉันก็ไม่กล้าบอกเขาหรอก ฉันก็เป็นพวกกลัวการสูญเสีย... นายก็ไม่ต้องกลัวหรอกว่าฉันจะไปคบใครใหม่ ฉันไม่มีวันทิ้งเพื่อนที่ดีที่สุดอย่างนายแน่นอน” คราวนี้เป็นพั้นช์บ้างที่น้ำเสียงสั่นระริก

         “ทำไม... ผู้ชายคนนั้น... เป็นฉันไม่ได้หรอ” เชเชพูด ทำให้พั้นช์ตาเบิกกว้าง น้ำตาที่คลอเบ้าเมื่อครู่หยดลงบนมือเชเช เขาจึงเงยหน้าขึ้นมามองเธอตรงๆ

         “เชเช!” พั้นช์โผเข้ากอดเชเชทั้งน้ำตา “ผู้ชายคนนั้นของฉัน...” เธอตั้งใจจะสารภาพออกไป แต่จนวินาทีสุดท้าย เสียงเธอก็ขาด เธอเอาหน้าซบลงกับบ่ากว้างของเขา เจ็บปวดกับความกลัวของตัวเอง กลัวที่จะสูญเสียคำว่าเพื่อนไป คิดไปว่าคำว่าเพื่อนคงเป็นคำที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่มีได้ระหว่างเขาและเธอ

         “ทำไมเธอพูดถึงคนที่เธอรักแล้วร้องไห้ล่ะพั้นช์... เขาทำให้เธอเจ็บปวดหรือไง” เชเชเอ่ยน้ำเสียงหนักแน่นขึ้น “ถ้าเป็นฉัน ฉันไม่อยากเห็นคนที่ฉันรักเจ็บปวด ฉันไม่มีวันทำให้เขาเจ็บปวด... ฉันจะไม่มีวันทำให้เธอเจ็บปวดนะพั้นช์... คนที่ฉันรักคือเธอ” เขาปล่อยมือจากเธอมาจับไหล่เธอไว้หลวมๆ แล้วรับรู้ถึงแรงที่โถมเข้าหาเขาอีกครั้ง

         “ขอบคุณนะเชเช... คนที่ฉันรัก... ก็คือนาย”

     

    คำถามตัดสินนางเอก

    1. คุณเป็นเพื่อนสนิทคนหนึ่งของเชเช น้อยคนนักที่จะเข้าใจความรู้สึกของเขา และคุณก็เป็นหนึ่งในนั้น ทุกเวลาที่เชเชท้อ หรือเหนื่อยล้า เขามักจะขอให้คุณกอดเขา และมักจะพูดกับคุณเสมอว่า คุณคือเพื่อนที่ดีที่สุดของเขา อธิบายความรู้สึกของคุณเมื่อได้ยินคำว่า "เพื่อน" จากเขา (( ขอเป็นบรรยายนะคะ ไม่ต่ำกว่า 4 บรรทัด ))

    ::   เพื่อน... คำๆ นี้ทำร้ายหัวใจฉันอีกแล้ว...

         ฉันเคยดีใจที่มีนายเป็นเพื่อนนะเชเช สำหรับคนไร้เพื่อนอย่างฉันได้คนอย่างนายเป็นเพื่อนมันเป็นของขวัญชิ้นสำคัญในชีวิต แต่ตอนนี้มันเปลี่ยนไป ฉันมันผิดที่คิดกับนายเกินเพื่อนไปแล้ว ฉันเจ็บเพราะความผิดของตัวเอง ฉันอยากให้นายคิดกับฉันมากกว่าคำๆ นั้นนะ...

         แต่คำนี้เป็นคำเดียวที่ยังยึดฉันกับนายให้ได้ใกล้กัน เป็นคำเดียวที่ทำให้ฉันเจอหน้านายได้ทุกวัน เป็นคำเดียวที่ทำให้ฉันได้เห็นนายในมุมที่ไม่มีใครได้เห็นนอกจาก “เพื่อน” คนนี้

         ฉันควรจะเก็บคำๆ นี้ไว้ หรือเกลียดมันดีนะ ขณะที่ฉันได้ใกล้กับนาย ฉันกลับเจ็บมากขึ้นเป็นทวีคูณ แต่... นายรู้ไหม? ฉันจะยอมทนเจ็บ เจ็บเพื่อได้อยู่ใกล้นาย เจ็บเพื่อได้ปลอบโยนนายในฐานะเพื่อนในยามที่นายท้อ เจ็บเพื่อได้ดีใจกับเรื่องเล็กๆ ของนายที่ไม่มีใครมองเห็น นอกจาก... “เพื่อน”

     

    2. คุณเป็นคนชอบเขียนไดอารี่ คุณมากจะเขียนเรื่องราว ความรู้สึกทั้งหมดที่มีต่อเชเชลงในไดอารี่ โดยคุณใช้นามแฝงอื่นแทนชื่อของเขา อยู่ดีดีไดอารี่ของคุณก็หายไป คุณพยายามหาจนแทบพลิกแผ่นดิน แต่สุดท้ายก็พบว่ามันอยู่ที่เชเช คุณตกใจมากเพราะเห็นเชเชกำลังอ่านไดอารี่ของคุณ คุณขอไดอารี่คืนจากเขา แต่เขากลับถามคุณว่าคุณกำลังแอบชอบใครอยู่ คุณจะบอกเขามั๊ย ว่าผู้ชายคนนั้นคือเขา เพราะอะไร (( ขอบทพูด+บรรยาย นะคะ ))

    :: ขอชดเชยความยาวของคำถามทั่วไปข้อที่สอง... จีตอบเหมือนข้อนั้นเลยจ้า ((ลองเนรมิตฉากจบของคุณอ่ะจ้า))

     

     

     

     

    --------------------------------------------------------------------------------------

    ขอบคุณที่มาออนะคะ ^__^ โชคดีค้าบ :: ขอโทษที่ส่งช้าแล้วก็ตอบยาวนะค้าบ จีคิดนานไปหน่อย ((อันที่จริงแอบเล่นเน็ตมาพิมพ์ใบสมัครด้วยนะเนี่ย ปกติแม่ห้าม -*-)) จีแค่คิดว่านางเอกออกแนวสดใสมองโลกแง่ดีกันทั้งนั้น อยากจะแหวกแนวชาวบ้านเขาดู ถึงจะคิดว่ามันไม่เข้าท่าก็เถอะ ฮ่าๆ เป็นกำลังใจให้ไรเตอร์ทั้งสอง ขอให้มีคนอ่านเยอะๆ นะคร้าบ ก็มีคีย์จังทั้งคน กิ๊ววว พิมพ์ใบออมาอย่างตั้งใจมาก หวังว่าจะถูกใจนะง้าบ จีรักไรเตอร์ จ๊วบๆ ((เห้ยย))

     

     



     {Form's ,choose yr style?}


    คุยกันเล่นๆ,,


    ชื่อเสียงเรียงนามใดกันเจ้าคะ?
    ; จี (Gee gee gee gee, baby baby baby~~ ^^;)

    เข้ามาออดิชั่นด้วยอารมณ์แบบไหนเอ่ย?
    ; อยากแต่งนิยาย แต่มั่นใจว่าไม่ว่างพอ ก็เลยมาเกาะคนเก่งให้ช่วย ตอนนี้ตื่นเต้นจ้า >.<

    แล้วมีอะไรอยากบอกยูรึเปล่าน๊า?
    ; ขอบคุณที่มีบทความออดิชั่นบรรเจิดๆ แบบนี้ขึ้นมานะคะ *คาราวะ*

    ขอให้โชคดีนะคะ ^^
    ; ขอบคุณค่ะ


    what yr create?,,

    ชื่อตัวละครของคุณ
    ; ไอริณ วิทยธารา (ชื่อเล่นก็ ไอริณ จ้า)

    แล้วชื่อคนที่คุณอยากได้มาครอบครองล่ะ? {คนเดียวเท่านั้นน๊า ~ }
    ; จุน ค่ะ >< Joon~ ชื่อ อี ชางซอน และชื่อเล่นว่า จุน นะคะ



    อิมเมจของคุณคือใคร? ใส่รูปที่คิดว่าสวยสุดมา 1 รูป พร้อมกับชื่ออิมเมจนะคะ
    ; ปาร์ค มินยอง ค่ะ (นางเอกเอ็มวี ฮารูฮารู ของ BIGBANG, เจ้าหญิงนักรังในจามอง ฯลฯ) 
    รูปเธอเยอะเกินกว่าจะตัดสินว่ารูปไหนสวยที่สุด จีเลือกรูปที่ชอบแล้วกันนะคะ ^^




    ฟิคแนวไหนที่ใช่? {โรแมนติก,, ล้างแค้น,, เศร้า,, ฯลฯ}
    ; แอคชั่น, โรแมนติก

    อธิบายพล๊อตที่คุณอยากได้ให้ยูฟังหน่อยค่ะ >w< {ยิ่งละเอียด ยูก็จะยิ่งแต่งได้ตรงนะคะ}
    ; ชีวิตของ "เขา" ไม่ต่างจากอัศวินม้ามืดเลยสักนิด ,, เขา... อี ชางซอน เป็นลูกชายคนเดียวของมาเฟียที่มีอิทธิพลมากที่สุดในเกาหลี ย้ายมาอยู่ที่เมืองไทยคนเดียว เพราะเบื่อคำว่า "ลูกต้องรับช่วงต่อเป็นหัวหน้าตระกูลรุ่นที่เจ็ด" ของพ่อ แต่พ่อก็มีข้อแม้ว่าการอยู่เมืองไทยต้องไม่เป็นการเสียเวลาเปล่า ข้อตกลงของทั้งคู่ทำให้เด็กนักเรียนม.ปลายโรงเรียนนานาชาติธรรมดาๆ อย่างเขาต้องกลายเป็น "อัศวิน" ไปในทันที และพ่อของเขาก็ให้เขาทำไปเพียงแค่ให้มาเฟียในไทยเกรงบารมีแล้วยอมถวายตัวเป็นลูกน้องเขาเท่านั้นเอง

    พ่อต้องการให้เขาจัดการลงมือกับ "เหยื่อ" ในตอนกลางคืนในชุดดำ ซึ่งเหยื่อเหล่านั้นก็คือผู้ต้องหาคดีต่างๆ ที่มีมาไม่เว้นแต่ละวัน ทั้งจากข่าวในโทรทัศน์ หน้าหนังสือพิมพ์ หรือแม้กระทั่งฐานข้อมูลออนไลน์ของตำรวจที่ระดับเขาสามารถแฮคได้สบายๆ ทั้งผู้ต้องหาคดีลักทรัพย์เล็กๆ น้อยๆ ไปจนกระทั่งคดีฆาตรกรรม หรือแม้แต่คดีก่อการร้ายที่ถือว่าอันตรายที่สุดในบรรดาเหยื่อทั้งหมด จัดการอย่างไรก็ได้ให้คนร้ายเหล่านั้นได้รับโทษจากเขาก่อนที่ตำรวจจะจับตัวได้แล้วลงโทษเพียงแค่การจำคุก ในช่วงปีที่บ้านเมืองในประเทศไทยกำลังวุ่นวายเพราะมีผู้ร้ายมากขึ้น อัศวิน "ชางซอน" หรือ "จุน" คือฮีโร่ในเงามืดที่ประชากรไม่อาจทราบว่าเขามีอยู่จริง เพราะหลักฐานที่หลงเหลือมีเพียงสถิติก่อการร้ายที่ลดลงเท่านั้น บทฮีโร่ของจุนคงจะดำเนินไปอย่างราบรื่นถ้า "เธอ" ไม่เข้ามาในชีวิตเขาเสียก่อน มิหนำซ้ำเธอยังกำลังทำสิ่งเดียวกับที่เขาทำอยู่เสียด้วย!

    เธอ... ไอริณ วิทยธารา เด็กสาววัยเดียวกับจุนที่โตมาในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ไอริณเป็นเพื่อนที่จุนสนิทที่สุดในประเทศไทย ไม่สิ เป็นเพื่อนคนเดียวของจุนในประเทศไทยเลยก็ว่าได้ ทั้งคู่เรียนโรงเรียนเดียวกัน นั่งข้างกัน และนิสัยคล้ายกันอย่างไม่น่าเชื่อ กลางคืน ไอริณทำสิ่งเดียวกับที่จุนทำอยู่ โดยต่างฝ่ายต่างไม่รู้ความลับนี้ของกันและกัน แต่วิธีการต่างกัน ไอริณไม่สวมชุดดำหลบๆ ซ่อนๆ ไปตามความมืดของราตรีกาลเหมือนจุน แต่เธอแต่งชุดลำลองออกไปเดินป้วนเปี้ยนในบริเวณเป้าหมาย ราวกับตัวเองเป็นแค่วัยรุ่นออกมาช้อปปิ้งเท่านั้น

    จนกระทั่งคืนหนึ่ง จากร้อยพันคดีเรียงหน้ากันอยู่ให้จัดการ ทั้งคู่กลับเลือกคดีเดียวกันอย่างไม่ได้ตั้งใจ จุนที่หลบซ่อนอยู่ในความมืดเห็นไอริณเข้า และสงสัยว่ามาทำไมจึงแอบตามไป และยังสืบตามคนร้ายไปในเวลาเดียวกัน เขาเห็นภาพไอริณที่กำลังเดินเข้าไปในแหล่งของคนร้าย ความตั้งใจที่จะห้ามกลับชะงักลง เมื่อภาพต่อมาคือการที่ไอริณจัดการคนร้ายสิ้นซาก หายเข้าไปในแหล่งของคนร้ายพวกนั้น และชั่วพริบตาก็กลับออกมาพร้อมเอกสารกองใหญ่ในมือที่คาดว่าเป็นหลักฐานของคดีนั้น และเจ้าตัวดีที่ทำเอาใจชาๆ ของจุนหยุดเต้นไปวูบหนึ่งด้วยความเป็นห่วง ก็เอียงคอทำหน้าอินโนเซนต์พูดกับตัวเองว่า "ปิดคดี" ก่อนเดินกลับบ้านเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

    ...ระหว่างที่การล่าเหยื่อของทั้งคู่ดำเนินไปเรื่อยๆ ทุกคืนนั้น ทุกวันบางสิ่งก็กำลังก่อตัวขึ้นเหมือนกัน ความสัมพันธ์ก่อตัวขึ้นระหว่างทั้งคู่ ต่างฝ่ายต่างแอบชอบอีกฝ่าย แต่ไม่มีใครสารภาพ และไม่มีใครรู้ความในใจของอีกฝ่าย ทั้งคู่กลัวว่าสารภาพไปแล้วแม้แต่ความเป็น "เพื่อน" ก็จะไม่หลงเหลือ แถมจุนยังอยากรัษาระยะห่างระหว่างเขากับเธอไว้พอสมควรด้วย เพียงเพราะไม่อยากให้ "ผู้หญิงที่ละลายหัวใจน้ำแข็งของเขา" ต้องเข้ามาพัวพันกับเรื่องที่เขาทำอยู่ ครอบครัวของเขา และได้รับอันตราย...

    บทสรุปของโรแมนติกแอคชั่นเรื่องนี้จะเป็นเช่นไร... โปรดติดตามภายในเล่ม (ก๊ากกก >0<)
    เข้าใจค่ะว่าพล็อตยาว เขียนซะเว่อร์ มีแต่น้ำ ไม่มีเนื้อ - -
    แต่ถ้าเรื่องนี้ผ่านจริงๆ ก็ขอให้สู้ๆ นะคะ เต็มสตรีมไปเล้ยยย (o_<)o
    เพราะธีมมันเป็นแอคชั่น มีฉากบู๊เยอะ จีอยากให้คดีที่พระ-นางจัดการมันไต่ระดับความยากขึ้นไปเรื่อยๆ จน ตู้มมม ไคลแมกซ์ ^^

    /me ชิ่ง - -


    แล้วต้องการตัวอิจฉามั๊ยคะ? แบบอยากให้ใครมาเป็นตัวอิจฉาในเรื่องของคุณ อาจจะเป็น คยูฮยอนที่มาแอบชอบคุณเหมือนกับพระเอก? หรือ เจสซิก้าที่จะมาพรากคนที่คุณรักไปไรงี้? คิดยังไง .. อยากได้แบบไหนก็ใส่มาเต็มที่เลยค่ะ >O<
    ; พระเอกหล่อค่ะ เพราะฉะนั้นเอาถึงขั้นมีแฟนคลับในโรงเรียนเลยค่ะ ฮ่าๆๆ ถึงแม้จุนจะเป็นแบดบอยก็เถอะ แบบว่าผู้หญิงที่ตามกรี๊ดนั่นแหละตัววุ่นวายในเรื่อง

    จบไงดีคะ? ไม่ได้อยู่ด้วยกัน? คนนึงตาย? หรือแฮปปี้เอ็นดิ้ง ~ ฟู่ฟ่า งานแต่งงานเลยมั๊ย? โอ๊ย ! อยากได้อะไรใส่มาๆ
    ; อุปสรรคความรักเยอะๆ หน่อย แต่สุดท้ายก็แฮปปี้ แบบว่าพากลับเกาหลีไปขอพ่อเลย >_<~~ อ๊างง

    อ่า .. เกือบลืมถามไปเลย ตัวละครของคุณนิสัยคร่าวๆเป็นยังไงคะ? ชอบไร ,, เกลียดไร? เสป็คเป็นแบบไหน?? ว่ามาตรงๆเลยจ้า!!
    ; ไอริณ - เรื่องชกต่อยเป็นเลิศ ถนัดด้านความว่องไว ฉลาดเป็นกรด เรียนได้ท็อป แต่เพื่อนไม่คบและไม่คบเพื่อน นอกจากจุน เป็นคนพูดน้อย แต่ไม่เย็นชา เป็นคนที่เทคแคร์คนอื่นได้ดี แต่ในชีวิตไม่ค่อยมีใครให้ตัวเองแคร์เท่าไหร่นัก ถ้ากับจุนล่ะก็จะยอมพูดมากกว่าปกติ ยิ้มมากกว่าปกติ เพื่อให้จุนยอมตอบคำถามสักข้อ หรือแม้กระทั่งทำการบ้านส่งอาจารย์สักครั้ง ชอบฟังเพลง ชอบอยู่เงียบๆ

    จุน - เรื่องชกต่อยเป็นเลิศ ถนัดด้านการใช้กำลัง ฉลาดเป็นกรด แต่ไม่สนใจเรียน เพื่อนผู้ชายไม่คบด้วย เพื่อนผู้หญิงมีคนเดียวคือไอริณ ส่วนผู้หญิงคนอื่นส่วนใหญ่เป็นแฟนคลับตามกรี๊ดความเท่ของเขา เป็นคนเย็นชา คาแรคเตอร์โหดๆ ชอบทำหน้าขวางโลก แทบไม่พูดเลยถ้าไม่จำเป็นจริงๆ หรือไอริณคะยั้นคะยอ รู้สึกว่าไอริณเป็นผู้หญิงที่พิเศษ นิสัยไม่เหมือนผู้หญิงคนอื่น ชอบอยู่เงียบๆ (ไม่จำเป็นต้องคนเดียว ขอแค่เงียบ) ชอบนอนกลางวัน

    คร่าวๆ คือสองคนนี้เหนือวัยรุ่นทั่วไป ฉลาดเป็นกรด ศิลปะการต่อสู้ไม่มีที่ติ โฟกัสที่พล็อตเรื่องดีกว่าค่ะ ^ ^;;

    ชื่อเพลงที่คุณต้องการใช้กับเรื่องของคุณ เช่น รักเดียวใจเดียว,, พี่รุจ อะไรแบบนี้น่ะค่ะ {ขอ 3 เพลงมาเป็นตัวเลือกจ้า}
    ; สารภาพว่าจีไม่ฟังเพลงไทยมาหลายปีแล้ว T.T แต่เพลงเก่าๆ ก็ใช้ได้นี่เนอะ

    ได้ไหม... ถ้าฉันจะบอกว่ารักเธอ - ลิเดีย
    อยากรู้... แต่ไม่อยากถาม - ป๊อบ แคลอรี่ส์ บลา บลา
    เพื่อนสนิท คิดไม่ซื่อ - ไอซ์ ศรันยู

    ขอความกรุณาเลือกให้ด้วยค่ะ T[]T จะเปลี่ยนเองเลยก็ได้นะคะ...

    ถ้ายูเก็บใบสมัครแล้วอยากแก้อะไรสามารถแก้ได้แค่ 2 ครั้งเท่านั้นเน๊ !!!
    ; ค่ะ คิดว่าคงไม่แก้แล้ว แต่ถ้ายูอยากให้จีแก้เนี่ยสิ... ต้องบอกกันนะคะ ^^V


    คำถามพิเศษ,,

    คุณคิดว่าคนเรารักกันได้จากอะไรคะ? พรหมลิขิต หรือว่า ความบังเอิญ {ขอเหตุผลด้วยน๊า ~ }
    ; "พรหมลิขิต? ความบังเอิญ? ฉันไม่ชอบหรอกเรื่องแบบนั้น มันก็แค่ความรู้สึกที่ก่อตัวขึ้น ถ้าให้พูด ก็อยากจะพูดว่า "ความใกล้ชิด" ล่ะมั้ง... นั่นก็คงจัดอยู่ใน ความบังเอิญ...? บังเอิญว่าอิตาจุนเกิดที่เกาหลีแต่ย้ายมาเรียนที่โรงเรียนเดียวกับฉันในไทย บังเอิญว่าเรานั่งข้างกัน บังเอิญว่าเรานิสัยคล้ายกัน บังเอิญว่าเราใกล้ชิดกัน บังเอิญว่าฉันหวั่นไหว บังเอิญว่าเขาก็หวั่นไหว จนกลายเป็นความบังเอิญว่า...เรารักกัน"
    -ไอริณ-

    ถ้าให้เปรียบตัวเองเป็นดอกไม้ คุณคือดอกอะไรคะ? {เหตุผลด้วยเน๊อะ?}
    ; "ดอกลีลาวดีล่ะมั้ง ฉันไม่สนใจหรอกว่าใครจะคิดว่าดอกนี้เฉิ่มเชย หรือเป็นสัญลักษณ์ของความเศร้า เพราะชื่อเก่าของมันคือ ลั่นทม... ลั่นทมนะ ไม่ใช่ ระทม ซะหน่อย เกี่ยวกันตรงไหนเนี่ย... ฉันแค่คิดว่าตัวเองธรรมดาๆ เรียบๆ ไม่ได้สวยหรูอะไร ดอกลีลาวดีทุกสีจะดูเรียบง่าย มีห้ากลีบ ไม่ซับซ้อน ไม่มีก้านเกสรให้เกะกะ ถ้าร่วงจากต้นเมื่อไหร่ก็จะขึ้นได้ใหม่ง่ายๆ เพราะอากาศร้อนของประเทศไทยทำให้ลีลาวดีออกดอกตลอดปี ถึงจะมีมากบ้างน้อยบ้าง ดอกลีลาวดีก็ยังส่งกลิ่นหอมให้กับคนรอบข้างเสมอๆ โดยที่คนรอบข้างไม่จำเป็นต้องโน้มกิ่งลงมาดมด้วยซ้ำ"
    -ไอริณ-

    ขอประโยคโดนๆซักประโยคที่อาจจะปรากฏในเรื่องของคุณ
    ; "ในวินาทีนี้ ฉันไม่อยากให้เธออยู่ห่างฉัน ฉัน... เป็นห่วง"
    แค่อิตาจุนเปิดปากพูดก็เด็ดพอแล้วค่ะ แต่นี่... อ๊ากกก

    ขอบคุณที่มาออดิชั่นนะคะ แล้วรอฟังผลเน๊ !!!!!!!!
    ; ค่ะ ขอบคุณเช่นกันค่ะ


    NOTE: แก้ไขล่าสุดเมื่อ 21 เมษายน 2553 เวลา 20:29 น.
    เพิ่มรายละเอียดตามที่น้องนิวขอ คือเพิ่มตัวสีแดงในช่อง บุคลิก

    นอกเหนือจาก Dream_pen แล้ว
    ใครก็ห้ามคัดลอกข้อมูลส่วนหนึ่ง
    หรือทั้งหมดของหน้านี้เป็นอันขาด

     แบบฟอร์ม

    นางเอกคิม เยวอน

    ขอคำตอบสีฟ้านะคะ


    ส่วนที่1: ผู้สมัคร

    ชื่อ: จี (Gee Gee Gee Gee Baby Baby Baby~ ฮ่าๆๆ)

    อายุ16 จ้า

    อันนยองฮาเซโยจ้า: อันนยอง~

    เป็นอะไรกับนิวเปล่า?: คนรัก (เฮ้ย ไม่ได้พรากผู้เยาว์นะ ^^;) เป็นพี่ก็ได้คับ

    ขอให้โชคดีนะ: ขอบคุณ =]

    **********************************************************

    ส่วนที่2:ตัวละคร

    ชื่อ: รยู จีฮวาน (
     지환สำหรับนามสกุล รยู ถ้ามันอ่านยาก จะเขียนว่า ริว ก็ได้นะ - - นามสกุลนี้มีรากศัพท์จากพวกตระกูล หลิว ของจีน แสดงให้เห็นว่าเป็นตระกูลเก่าแก่โบราณของเกาหลี ส่วนชื่อ จีฮวาน แปลว่า แหวน ไม่มีเหตุผลพิเศษว่าทำไมต้องแหวน ^^; แต่เป็นชื่อที่เป็นหญิงก็ได้ ชายก็ได้ เพราะฉะนั้นการอยู่ในคราบผู้ชายของจีฮวานจะง่ายหน่อย อาจจะใส่ว่าพ่อให้แหวนแม่ในวันเกิดของจีฮวานก็ได้ ก็เลยชื่อจีฮวาน แฮ่ๆๆ

    บุคลิก: “โหด ถึก เถื่อน!!!” คือสามคำที่คนสนิทของจีฮวานใช้เรียกเธอ ส่วนคนอื่นๆ นั้นคงคิดแบบเดียวกัน แต่ไม่กล้าเรียกเพราะกลัวโดนเธอคนนี้จับทุ่ม จีฮวานเป็นสาวห้าว ที่แทบจะเป็นทอมไปอยู่แล้ว ติดอยู่ก็ตรงที่ว่าเธอไม่ใช่เลสเบี้ยน /// (เพิ่มตรงนี้ใช่มั้ยจ๊ะนิว ^3^) สาวร่างสูงเพรียว 170 cm และมีน้ำหนักหนัก 47 กิโลกรัม (ช่างเป็นหุ่นที่...สำหรับการปลอมตัวเป็นผู้ชายเสียจริง ฮ่าๆๆ) ผิวขาวมาก (ความจริงแล้วเธอคนนี้ชอบทานวิตามินและอาหารเสริม ผิวก็เลยเหมือนถูกฟอกมาเสียอย่างนั้น ผิวสุขภาพดีมากกกกเกินคนปกติ) ตาโตกว่าสาวเกาหลีทั่วไป แต่ก็โตไม่พอที่จะเรียกว่ามีตาแบบแบ๊วๆ , ใบหน้าไม่เคยผ่านการทำศัลยกรรม ยกเว้นฟันที่เคยผ่านการจัดฟันมาแล้วเท่านั้น และถึงแม้จีฮวานจะสูงผอม แขนกับขาเธอก็ไม่ได้เหมือนตะเกียบ เธอมีกล้ามเนื้อพองามสำหรับผู้หญิง เพราะเธอเป็นคนแข็งแรงและเล่นกีฬามาแต่ไหนแต่ไร

     
    นิสัย:

    ปกติอารมณ์ของเธอเปลี่ยนง่ายยิ่งกว่าสภาพอากาศ ถ้าอารมณ์ดีก็จะยิ้มได้ แต่ก็ไม่ได้พูดมากกว่าปกติ ถ้าอารมณ์ไม่ดีล่ะก็...อะไรขัดใจนิดหน่อยก็ทุบโต๊ะ ต่อยกระจก โวยวาย และพาลใส่คนอื่นไปทั่ว

    - จีฮวานเป็นคนหมัดหนัก เตะหนัก ตบแรง - - เจ้าอารมณ์ชนิดที่เอาอารมณ์เหนือเหตุผลในทุกเรื่อง ยกเว้นเรื่องงาน

    - เมื่อไหร่เข้าเรื่องงานแล้วเธอจะมีความเด็ดขาด เป็นผู้นำที่ดี

    - หากเทียบกับคนทั่วๆ ไปแล้วเธอพูดน้อย แต่ได้ใจความ แม้แต่คำด่าก็สามารถสั้นเพียงพยางค์เดียวแล้วแทงลึกเข้ากลางใจคนฟังได้ 
    =[]=

    - เธอรักความสะอาด เธอไม่ได้เกลียดความสกปรกถึงขั้นจะเรียกว่า “เขตปลอดแบคทีเรียเคลื่อนที่” (แต่บางคนก็เรียกเธอเพื่อประชดประชัน) เธอแค่ไม่ชอบความไม่เรียบร้อย เสื้อผ้าของเธอต้องเนี้ยบ ความไม่เนี้ยบคือสิ่งที่จัดอยู่ในคำว่า “สกปรก” และเป็นสิ่งที่ขัดหูขัดตาเธอไม่น้อย นั่นคือเหตุผลหลักที่ทำให้เธออารมณ์เสียบ่อยๆ

    - อีกเหตุผลหนึ่ง... เวลาจีฮวานออกบู๊เมื่อไหร่ล่ะก็ ตั้งข้อสังเกตไว้ได้เลยว่าใครสักคนที่เธอถือว่าเป็นพวกเดียวกับเธอกำลังเดือดร้อนหรือตกอยู่ในอันตราย เธอปกป้องคนอื่นๆ เป็นว่าเล่นจนบางครั้งเกือบลืมดูแลตัวเองไป ...แต่เพราะภาพลักษณ์ห้าวๆ มักทำให้ใครหลายคนมองข้ามความอ่อนโยนข้อนี้ของเธอเสมอ

     

     ชอบ: ความสะอาด / ความเรียบร้อย / สีดำ / เต้น / เล่นกีฬา / ปกป้องคนอื่น / หาเรื่องชกต่อยไปวันๆ - -

    เกลียด: 
    ความไม่ยุติธรรม / ความรก เลอะเทอะ เกะกะ ไม่เป็นที่เป็นทาง / สีชมพู / สถานที่จอแจแออัด / อากาศร้อน / คนที่ชอบลอบกัด (หมาลอบกัด หมาหมู่) / หน้าสวยๆ ของตัวเอง (รออ่านด้านล่างจ้า)

    ประวัติครอบครัว: 

    - รวย รวย รวย รวย รวยตระกูลนี้รวยด้วยมรดก และปัจจุบันเพียงแค่เปิดโรงเรียนสอนเต้นสาขาเดียวเท่านั้น

    - ตระกูล รยู เป็นตระกูลเก่าแก่คร่ำครึ ที่ถ้านับเป็นรุ่นแล้วนั้น จีฮวานเป็นรุ่นที่ 10 พอดี

    - สมาชิกในบ้านมีพ่อ ปู่ ลุง น้องสาว (ชื่อจีซู / บ้านนี้ตั้งชื่อลูกแบบแมนๆ ทั้งนั้น -*-) ลูกพี่ลูกน้องผู้ชายของจีฮวาน(ชื่อซึงอู) และจีฮวานเอง ไม่มีผู้ใหญ่ที่เป็นผู้หญิงเลยเพราะเสียชีวิตกันไปหมดแล้ว โดยเฉพาะแม่ของจีฮวานตายตอนคลอดจีซู จีฮวานก็เลยคลุกคลีกับผู้ชายมาตลอด และคอยปกป้องน้องแทนแม่ (ปรับเปลี่ยนตามสบายนะฮะ แหะๆ แค่ให้มีผู้ชายเยอะๆ ละกัน จีฮวานจะได้ห้าวอย่างมีเหตุผล - -)

    ประวัติความรัก: 
    เห็นห้าวๆ แถมผมซอยสั้นทรงเด็กแนวอย่างนี้ ภายใต้หน้าม้าที่ปรกหน้านั้นน่ะ คือใบหน้าที่สวยกว่าใครๆ ในวง จีฮวานเคยแอบชอบรุ่นพี่คนหนึ่งที่โรงเรียนเพราะเขาดูเป็นคนอบอุ่นและเทคแคร์คนอื่นดีมาก วันหนึ่งพี่เขาเข้ามาขอคบกับเธอ ก็หลงรักพี่เขาไปเต็มๆ หลังจากนั้นไม่นานเขาก็เดินควงผู้หญิงคนอื่นตัดหน้า พอถามเหตุผล เขาก็ตอบกลับมาหน้าตาเฉยว่า “พี่เล่นกับหน้าสวยๆ ของเธอจนพอใจแล้ว” เธอจึงเกลียดทั้งเพลย์บอย และใบหน้าของตัวเอง ถึงขั้นจากที่ห้าวอยู่แล้ว ก็ทำตัวเหมือนผู้ชายเข้าไปอีกเป็นทวีคูณ ซ้ำยังไปซอยผม และปัดหน้าม้าลงมาปรกเสี้ยวหนึ่งของใบหน้า หลังจากนั้นก็ไม่ตกหลุมรักใครอีกเลย

     

    ความสามารถพิเศษ // ตำแหน่งเสียง เต้นได้ทุกแนว ที่ถนัดสุดคือฮิพฮอพและป๊อปปิ้ง / เก่งภาษาอังกฤษ // ลีดเดอร์ / ซับโวคอลเสียงต่ำ


    อยากสนิทกับนางเอกของใครเป็นพิเศษประมาณว่าไปไหนไปด้วยกันตลอด: นางเอกของฮยอนเจ

    อยากให้ใครในดาร์คเเองเจิ้ลชอบคุณ: ฮยอนเจ (กรี๊ด scandal~ กลิ่นเน่าเริ่มโชย - -)

    อิมเมจของคุณ: Ham EunJung [T-ara] ฮัม อึนจอง

     


     
















    อิมเมจคู่ของคุณ:


























    ++0000000000000000000000000000000++

     


    ส่วนที่3: คำถามออดิชั่น


     1.คุณคิดยังไงถึงยอมปลอมตัวเป็นบอยเเบนด์ช่วยคุณลุงที่บริษัทกำลังล้มละลายเพราะไม่มีศิลปิน: 
    จากการที่จีฮวานอาศัยอยู่กับญาติผู้ใหญ่ที่เป็นผู้ชายจำนวนมากแล้ว เธอย่อมเห็นใจคุณลุงคนนี้เป็นธรรมดา อีกอย่างคือเรื่องเกิดในช่วงที่เธอเริ่มคิดหาทางช่วยหารายได้ให้กับที่บ้านด้วย ตัดสินใจว่าจะเรียนไปด้วยทำงานไปด้วยก็คงไม่เสียหายอะไร และยังได้ใช้ความสามารถการร้องการเต้นที่มีอยู่ให้คุ้มด้วย การเป็นผู้ชายไม่ได้หนักหนาอะไรสำหรับเธอเลยแม้แต่น้อย


    2.คุณรู้สึกอย่างไรที่จะต้องมาแข่งขัน ร่วมงาน และอาศัยอยู่ด้วยกัน คุณจะปิดบังพวกเค้าทั้ง 8 ได้ขนาดไหน?:
    จีฮวานไม่เคยคิดเป็นศัตรูกับใครถ้าอีกฝ่ายไม่ได้มาร้าย สำหรับดาร์คแองเจิ้ลนั้นเธอไม่มีปัญหาอะไรกับพวกเขาอยู่แล้ว เธอแทบจะไม่แตะต้อง ไม่ยุ่งเลยด้วยซ้ำ ถ้าไม่จำเป็นต้องทำงานอะไรร่วมกัน การปิดบังเรื่องที่เธอเป็นผู้หญิงมันง่ายยิ่งกว่าปอกกล้วยเข้าปาก ทั้งนิสัย รูปลักษณ์ เธอผ่านเกณฑ์แบบไม่ต้องพูดถึง เครื่องประทินโฉมเธอก็แทบจะไม่มี แค่ระวังอย่าให้พวกเขาเห็นเธอตอนอาบน้ำแต่งตัวเป็นพอ “แค่เนี้ย รยูจีฮวานไฟท์ติ้งโว้ย!


    3. งานเเรกคือรายการเดตแบบยาโออิ 1 สัปดาห์ซึ่งเป็นรายการที่จับคู่ที่แฟนคลับจิ้นกันมากที่สุดซึ่งสัปดาห์นี้เป็นคราวของดาร์คเเองเจิ้ลกับวงของคุณแล้วคุณต้องคู่กับเยวอนที่คุณไม่ค่อยชอบหน้าเท่าไหร่ด้วย คุณจะทำอย่างไรเมื่อเค้าตรงกับสเปคคุณซะเท่าไหร่..ทั้งซกมก ซุ่มซ่าม-*-?(บทพูด+บรรยาย) :

              หลับตาช้าๆ...

              หายใจเข้านับหนึ่ง... หายใจเข้านับสอง... หายใจเข้านับ...

                “โว้ยยยย!” จีฮวานสบถ “ได้ไงกันอ่ะลุง ให้ผมจับคู่กับไอ้ซกมกเนี่ยนะ!!

                “อะ เอ่อ... จีฮวาน ใจเย็นๆ ก่อนนะ” คุณลุงผู้จัดการพูด แน่นอนว่าหลังจากเห็นปฏิกิริยาโคตรไม่พอใจของเด็กหนุ่มเทียมตรงหน้าแล้ว เขาต้องมีสีหน้าเลิ่กลั่กไปตามระเบียบ

                จีฮวานถอนหายใจแรงๆ หนึ่งทีแล้วเสมองไปทางอื่นอย่างเสียไม่ได้

                “ทางทีมงานเขาจัดมา เอ่อ ไม่ๆๆ ไม่ใช่สิ” คุณลุงว่าพลางส่ายหัวแรงๆ “แฟนคลับโหวตเข้ามาต่างหากล่ะ เธอต้องเข้าใจหน่อย มันเป็นแฟนเซอร์วิส...”

                “แฟนคลับปรสิต” จีฮวานพึมพำ แต่ทุกคนก็ได้ยินพร้อมความสงสัยที่ตามมา คนที่เอ่ยปากถามคนแรกก็ไม่พ้นคนที่เป็นหัวข้อสนทนาร่วมกับจีฮวาน

                “ปรสิตอะไรของนาย” เยวอนว่า

                “แฟนคลับปรสิต ได้ผลประโยชน์จากการจิ้นบ้าบอเรื่องฉันกับแก แต่ฉันเสียประโยชน์ที่โดนจับไปจิ้นคู่กับแกไง!

                “นี่ ไอ้จีฮวานพูดให้มันดีหน่อย ฉันเป็นพี่นะ เรียกพี่แบบมีมารยาทหน่อยคงไม่เสียหายใช่มะ” หนุ่มหน้าตี๋ยื่นหน้าเข้ามาใกล้คู่สนทนา

                ทุกคนในห้องเงียบกริบ เปลี่ยนจากตัวประกอบในฉากเป็นอุปกรณ์ประกอบฉากที่เรียกว่ารูปปั้น... สามวินาทีหลังจากนั้นรูปปั้นเหล่านี้ก็เคลื่อนตัวเองได้ ทิศทางที่ทุกคนเคลื่อนไปคือมุมห้องนั่นเอง

                พลั่ก!

                “นี่เอาหน้าสกปรกๆ ของพี่ออกไปไกลๆ ฉันเลยนะ แค่สามวินาทีฉันยังทนอยู่ใกล้ๆ ไม่ได้ แล้วนี่ตั้งสัปดาห์นึงเลยนะใครจะทนวะ! ลุง ทำอะไรสักอย่างสิ!!” เยวอนถูกผลักกลับไปพิงพนักโซฟาห้องประชุม ตามมาด้วยเสียงของจีฮวานที่เปิดโวลุ่มเต็มที่ หน้าสวยๆ งอง้ำไม่เป็นท่า บ่งบอกว่าอารมณ์เธอเกือบถึงขีดสุดแล้ว

                “ใจเย็นสิ” เสียงเรียบๆ นุ่มๆ ของฮยอนเจเรียกให้จีฮวานหันไปมอง พร้อมปิดปากเงียบ

                น่าแปลกที่คำไม่กี่คำของเขาทำให้ไอ้หมอนี่มันสงบลงได้... หรือว่า เฮ้ยไอ้จีฮวานเป็นเกย์รึเปล่าวะ? เยวอนคิด ไม่ได้ๆ ไม่ปลอดภัยว่ะ งั้นต้องรีบหาทางแก้

                “เอ่อ ผู้จัดการ ผมว่าถ้าน้องเขาไม่อยากทำก็หาทางอื่นแทนก็ได้” เยวอนเสนอท่ามกลางความเงียบ

                “เอางั้นหรอ?”

                “ครับ เรามีวิธีแก้อยู่แล้ว... เอ่อ แฝงตัวเข้าไปโหวตให้จีฮวานคู่คนอื่นก็ได้ หรือไม่ก็บอกต้นสังกัดรายการไปว่า... เอ่อ...” เขาเอียงคอเล็กน้อย บ่งบอกว่าคิดไม่ออก

                “ว่าตารางงานของจีฮวานกับเยวอนไม่ว่างตรงกัน ไม่มีใครถ่ายทำได้” ฮยอนเจเสริมจนจบ

                “นั่นแหละครับ อย่างนั้นเลย” คราวนี้เป็นจีฮวานที่ตอบหน้าระรื่น

                น่าหมั่นไส้ชะมัด... เยวอนคิด

                ระหว่างนั้นทุกคนรอฟังคำตอบ มีเพียงฮยอนเจที่นั่งเอนพิงพนักโซฟาอย่างสบายๆ คุณลุงผู้จัดการหันไปหาเลขาของตนที่นั่งอยู่ไม่ไกลอย่างช้าๆ แล้วกล่าว

                “...ต่อสายบริษัทรายการนี้ให้ผมหน่อย”     



    4. ตอนนี้ชีวิตปกติธรรมดาของคุณเริ่มเปลี่ยนเเปลงไปอย่างสิ้นเชิง ทั้งเวลาที่เดินไปไหนมาไหนต้องคอยปลอมตัวเวลาทำอะไรก็ไม่ค่อยเป็นส่วนตัว คุณรู้สึกอย่างไรกับสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันนี้?:

    อึดอัด... คือความรู้สึกแรกที่จีฮวานสัมผัส เธอไม่ชอบอะไรที่จอแจแออัดอย่างสถานที่ถ่ายทำงานต่างๆ อยู่แล้ว ซ้ำยังต้องกลายเป็นคนอีกคนอีกด้วย เธอจึงแอบเครียดลึกๆ และคิดว่าตัวเองคิดผิดที่เลือกทางนี้ คิดไปต่างๆ นานาถึงขั้นว่า “ถ้าลาออกจากวงก็คงจะต้องหลบซ่อนไปอีกเรื่อยๆ หรือไม่ก็บอกความจริงว่าเป็นผู้หญิง... โอ๊ย บ้าชะมัด” ซ้ำเธอยังกลับบ้านบ่อยขึ้น เลือกที่จะนอนค้างที่บ้านเป็นครั้งคราวแทนที่จะนอนที่หอพัก เธอแบ่งเวลาในหนึ่งวันเป็นเวลาส่วนตัวบ้างบางครั้งเพื่อใช้เวลาในการนอนฟังเพลงและใส่เสื้อผ้าสบายๆ ในคราบผู้หญิง และคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย บางครั้งเธอยังหลบไปซ้อมเต้นคนเดียวโดยไม่ปลอมตัวเป็นผู้ชายอีกด้วย ซึ่งมันทำให้เธอนึกถึงวันเก่าๆ ตอนที่เธอซ้อมเต้นที่สตูดิโอของพ่อ แต่เรื่องที่น่าอึดอัดที่สุดคือ... เธอหาเรื่องชกต่อยกับใครเพื่อระบายอารมณ์ไม่ได้เลยน่ะสิ!

     

    5. เยวอนเสนอความคิดให้ดาร์คเเองเจิ้ลและพวกคุณเล่นมินิดราม่าโดยให้คุณกับเค้าเป็นตัวเอกโดยเหตุผลเพราะเค้าชอบคุณคุณจะรับงานนี้มั๊ย??(บทพูด+บรรยาย): 

                “หา?”

                “อย่า หา’ สิ โธ่...” เยวอนว่า “จีฮวาน นายต้องเล่นมินิดราม่าเรื่องนี้กับฉัน เราเข้ากันดีออก”

                “บ้า...” เสียงที่ตอบออกมานั้นเบาหวิว จีฮวานยังคงมองคนที่เสนอความคิดอย่างไม่วางตา เราเข้ากันดีออก’ มันเหมือนจะจี้จุดอะไรสักอย่างลึกๆ ในใจเธอ

                “เยวอน นายนี่นิสัยเหมือนเดิมเลยนะ อยากได้อะไรก็ต้องได้ ให้มันมีเหตุผลหน่อยสิ” ฮยอนเจแทรกขึ้น คนอื่นๆ เงียบอีกตามเคย

                “เหตุผลก็คือผมชอบจีฮวานไงพี่ ก็บอกไปแล้ว” เยวอนว่าพลางยิ้มร่า คราวนี้ทั้งคำพูดและรอยยิ้มมันแทงลงไปในใจคนที่เป็นหัวข้อสนทนาเข้าเต็มๆ

                “อะไรกัน อย่าพูดมั่วๆ เซ่!” จีฮวานขึ้นเสียงดัง

                “แล้วนายก็จะอ้อนอีกน่ะสิ...” ฮยอนเจพึมพำแผ่วเบา... อย่าอ้อนสำเร็จเลยนะ

                “ผู้จัดการ ผู้จัดการพูดเองเมื่อไม่นานมานี้นี่ครับว่ามินิดราม่าจะดึงเรตติ้งมาให้ค่ายเราผมว่าไอเดียผมก็ไม่ได้ผิดตรงไหนนี่ครับ” ผู้จัดการกระพริบตาปริบๆ มองเยวอนที่แทบจะเลื้อยมาเกาะแขนเขาอยู่แล้ว เด็กหนุ่มคนนี้อ้อนได้ทุกสถานการณ์ และเพราะนิสัยน่ารักๆ ข้อนี้ของเขา เขาก็มักจะได้อะไรดั่งใจทุกครั้งไป

                “เอ่อ...”

                “เราสองวงคงเรียกเรตติ้งได้ดีเลยนะครับ”

                “จะว่าไปคู่พี่เยวอนกับจีฮวานก็น่าสนุกนะ คู่กัดกันเลย ฮ่าๆๆ” คยูฮวันพูดขึ้นพลางหัวเราะขำจนตามิด ทำให้เขาไม่รับรู้สายตาพิฆาตภายใต้ผมที่ปรกหน้าของจีฮวานที่ส่งมาทันที

                “คือ... คนอื่นล่ะคิดว่าไง” ผู้จัดการถาม

                คำตอบที่ได้ต่างกันไป บางคนก็ว่ายังไงก็ได้ บางคนก็ว่าคู่นี้แหละสนุกดี บางคนก็พูดถึงคู่ตัวเองบ้าง... อีกคนหนึ่งก็พูดว่า

                “เราจะเรียกเรตติ้งกระแส ไปอีกนานแค่ไหนครับ” ฮยอนเจพูดเรียบๆ

                “อะ... มันเป็นแฟนเซอร์วิสไง แฟนเซอร์วิส แหะๆ”

                ฮยอนเจถอนหายใจรับรู้แล้วเลิกสนใจบทสนทนาไปเหมือนยอมรับ แต่ก็มีคนหนึ่งที่รู้เห็นว่าเขาไม่พอใจเรื่องนี้สักเท่าไหร่ สาวน้อยใจร้อน จอมซุ่มซ่ามในชุดลำลองของผู้ชายมองไปยังฮยอนเจอย่างไม่พอใจ

                “ตกลงว่าจะเล่นมั้ยจีฮวาน” ผู้จัดการถาม

                คนถูกยิงคำถามตรงๆ กลอกตาขึ้นบนอย่างเบื่อหน่าย “ไร้สาระ”

                “ว่าไง?”

                “ชิ คู่อื่นมีไว้ทำไมวะ” เธอพึมพำอย่างหงุดหงิด

                ระหว่างที่ทุกคนกำลังเงียบรอฟังคำตอบ เธอก็คิดไปถึงเหตุผลแรกสุดที่คนตรงหน้าเอามาเสนอคู่กับไอเดียมินิดราม่า เพราะฉันชอบเธอไง’ แล้วก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นไปอีก โดยไม่รู้ว่าทำไม

              อย่าพูดเรื่องนี้เล่นๆ สิวะ...

                “ลุงให้เกียรติกับเธอนะจีฮวาน คำตอบครั้งนี้ถือเป็นข้อสรุปทั้งหมด อย่ายืดเยื้อ” ผู้จัดการย้ำซ้ำ

              ...ฉันเสียหายนะ ถ้าพูดเล่น

              ...อย่าล้อเล่นสิ โธ่

              ...เก็บคำนั้นไว้เล่นตอนอื่นแล้วกันนะ พี่เยวอน

                ในที่สุดจีฮวานก็สูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนคำตอบจะเล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากเรียว

                “ไม่”

    6. เยวอนรู้ว่าคุณเป็นผู้หญิงแล้วเค้าเเสดงออกอย่างชัดเจนว่าชอบคุณหลังจากที่สับสนกับความรู้สึกของตัวเองมานาน คุณจะยอมรับเค้ามั๊ย??(บทพูด+บรรยาย) : 

                หลังจากที่สุดท้ายแล้วมินิดราม่าได้คู่อื่นไปเป็นตัวเอก การถ่ายทำก็ผ่านไปได้ด้วยดี แถมรายการยังเรียกเรตติ้งได้ดีกว่าที่คาดกันไว้อย่างไม่น่าเชื่อ นี่ก็ผ่านมาหลายเดือนแล้ว งานยังเข้ามาได้ไม่หยุดหย่อน คอนเสิร์ตรวมศิลปินประจำปีที่กำลังจะจัดขึ้นก็มีทั้งสองวงเข้าร่วมด้วย และเวทีโชว์สุดพิเศษก็มีมากมายไม่ว่าจะเป็นการร้องโซโล่ของแจมิน การเล่นดนตรี หรือการเต้นของสมาชิกทั้งสองวงคละกัน รวมไปถึงเวทีเรียกเรตติ้งสุดพิเศษ ที่ดูเหมือนคำว่า แฟนเซอร์วิส’ จะเหมาะเป็นที่สุด นั่นก็คือเวทีดูโอของนักร้องหนุ่มหน้าตี๋มาสคอตของดาร์คแองเจิ้ล และลีดเดอร์สุดเท่ที่สาวๆ ค่อนประเทศยกใจให้แห่งวง___ (หมายถึงวงของจีฮวานนะ)

                เมื่อมีการแสดง ก็ต้องมีการซ้อม และห้องซ้อมโอ่อ่าก็กลับมีเพียงสองชีวิตที่เป็นประเด็นร้อนบนอินเตอร์เน็ตนั่งประจันหน้ากันอยู่คนละมุมของห้อง

                “จีฮวาน หายเหนื่อยรึยัง เริ่มซ้อมต่อได้แล้ว” เยวอนเรียกพลางลุกไปหาอีกฝ่าย

                จีฮวานไม่ตอบอีกตามเคย เธอเพียงแค่ถอนหายใจแล้วลุกขึ้นยืน ทั้งคู่เดินตรงไปยังหน้ากระจกเป็นครั้งที่ล้านของวัน ทั้งที่ซ้อมหนักจนเหนื่อยขนาดนี้ แต่ก็ต้องซ้อม เพราะรู้ดีว่าเวทีนี้ต้องเพอร์เฟ็คต์เท่านั้น

                “ฉันเริ่มนะ” สิ้นเสียง จีฮวานก็ขยับลีลาท่าเต้นตรงท่อนอินโทรของเพลงพลางนับหนึ่งสองสามไปด้วย เหงื่อไหลเป็นทางตามต้นคอของเธอ แต่ร่างกายก็ยังคงขยับต่อไป โดยที่ภาพนี้มีอีกคนในห้องคอยมองอยู่เป็นระยะๆ อย่างกังวลว่าเธอจะเหนื่อยเกินไป

                เสียงร้องของเยวอนดังขึ้นบ้างเมื่อถึงจังหวะของเขา ทั้งเสียงและท่าเต้นถูกควบคุมไว้ดีมาก ทั้งคู่ดูเข้ากันได้ดี แม้กระทั่งถึงท่อนกลางที่ทั้งคู่ต้องร้องพร้อมกันก็ยังสมบูรณ์แบบ

                เพลงจบ... จีฮวานรีบคว้าผ้าขนหนูหวังจะเช็ดเหงื่อที่เปียกโชกตัวเธอ แต่มือหนาๆ ของใครอีกคนไวกว่ามาก เยวอนใช้ผ้าขนหนูซับเหงื่อให้จีฮวานที่ตัวแข็งทื่อไปเมื่อถูกเขาเข้ามาในระยะประชิด

                “ยะ... อย่านะ” เธอกล่าวติดๆ ขัดๆ แล้วดึงผ้าขนหนูของตัวเองจากมือของเยวอน

                “อยู่นิ่งๆ สิจีฮวาน” รอยยิ้มถูกส่งมาพร้อมแรงเบาๆ ที่สามารถยื้อผ้าขนหนูกลับได้สบายๆ ผิดวิสัยคนไม่ยอมใครอย่างจีฮวาน

                อย่านิ่งสิยัยบ้า เดี๋ยวคนอื่นเขาก็รู้หมดหรอกว่าเธอน่ะไม่แมน... ให้ตายสิ อย่าเงียบด้วยนะ ใจเต้นแรงเกินไปแล้ว

                “เอ่อ นี่! พอเลย ไม่ต้องเอามือเปียกเหงื่อของพี่มาแตะฉัน ...เอ่อ ขอตัวไปเปลี่ยนเสื้อ” จีฮวานพูดขึ้นมาทำลายความเงียบในที่สุด เธอดูไม่มีสมาธิมากเลยทีเดียว แม้จะพูดออกไปอย่างนั้น แต่เมื่อผละออกมาจากเยวอนแล้วเธอก็ยืนนิ่งหันหลังให้เขาอยู่ตั้งเป็นนาที ก่อนที่ขาจะเริ่มขยับไปทางประตูห้องน้ำ

                จีฮวานใช้เวลาในห้องน้ำไม่ต่ำกว่าสิบนาที หมดเวลาไปกับการยืนกุมแน่นที่อกข้างซ้ายพลางหายใจหอบ แน่นอนว่าเสียงใจเต้นมันดังจนเหมือนโลกนี้จะเงียบรอฟังเพียงเสียงเดียว และมันก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ นี่เป็นครั้งที่พันแล้วล่ะมั้ง

              ฉันชอบไอ้คนซุ่มซ่ามนั่นน่ะหรอ... บ้าน่า...

                ถึงจะหลอกตัวเองยังไงก็ยังคงได้คำตอบเดิมว่า ชอบ แต่สิ่งที่เธอทำได้คือการสะกดใจ แน่นอนว่าคนที่ถือภาพลักษณ์ตัวเองเป็นหลักอย่างจีฮวานไม่มีทางยอมสารภาพรักไปแล้วให้เยวอนเข้าใจว่าเธอเป็นเกย์หรอก เธอเลือกที่จะฝืนทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

                ที่สำคัญคือเธอต้องฝืนไม่เข้าข้างตัวเองว่าอีกฝ่ายก็มีใจให้เหมือนกัน ก็ระยะหลังนี้คนคนนี้เข้ามาป่วนความรู้สึกเธอไม่น้อย ทั้งยังอ่อนโยนลงกว่าเดิม และยังเทคแคร์เธอดีกว่าเดิมมากอีกด้วย

                หึ หลงชอบคนดีอีกแล้วหรอรยูจีฮวาน... เธอเป็นเจ้าหญิงในเทพนิยายรึไงกัน!

                จีฮวานออกมาจากห้องน้ำโดยพยายามเลี่ยงการสบตากับอีกฝ่ายตลอด เธอเดินไปเปิดเครื่องเสียง แล้วหันมาให้สัญญาณว่าเริ่มซ้อมต่อเหมือนเดิม ถึงแม้ว่าตอนนี้สภาพจิตเธอไม่เหมือนเดิมก็ตาม

                “จีฮวานทำไมหน้าซีดขนาดนั้นอ่ะ” จู่ๆ เยวอนก็พุ่งเข้าไปหาจีฮวานที่นั่งพักอยู่บนพื้น

                “เหนื่อย...” จีฮวานตอบเสียงแผ่ว พลางโทษตัวเองในใจว่าทำไมต้องทำตัวอ่อนแอต่อหน้าเขาด้วย

                “ถามทำไม...” เธอถามกลับ ทำเอาคนถูกถามนิ่งไปนิด

                “ก็เป็นห่วงนี่”

                “...” ปฏิกิริยาตอบรับของจีฮวานคือความนิ่งเงียบ

                “พี่เป็นห่วงเธอจริงๆ นะ” เยวอนย้ำ ก่อนนั่งลงข้างๆ แล้วเอาผ้าขนหนูซับเหงื่อให้เธออีก

                “...”

                “แล้วก็...” เขาชะงัก “...พี่...ชอบเธอด้วย”

                ได้ผลชะงัด ประสาทการรับรู้ของจีฮวานกลับมาเต็มที่อีกครั้งเมื่อเธอหันขวับไปถลึงตาใส่เขา พลางถอยออกห่างทีละน้อย

                “พี่เยวอน...”

                “พี่...พูดจริงนะ” เขาย้ำ

                “...พี่เป็นเกย์หรอ?”

                ปึด... เหมือนเส้นเลือดที่ขมับของเยวอนจะแตกเพราะความโมโห ...โมโหในความไม่รู้เรื่องรู้ราวของคนตรงหน้าแม้แต่น้อย ทั้งๆ ที่เขาเก็บคำนี้ไว้นานมากเพื่อจะรอเวลาสารภาพเวลาอยู่กันสองต่อสอง แต่เธอกลับคิดไปคนละทาง ซึ่งมันทำให้เขาต้องคว้าเอวจีฮวานไว้ทันที

                “เฮ้ยยยย! พี่เยวอน ปล่อยฉันนะนี่!” จีฮวานดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมแขนของเยวอน เธอตกใจมาก และเชื่อปักใจไปแล้วว่าเขาเป็นเกย์จริงๆ ที่กำลังจะลวนลามเธออยู่แล้ว

                “อย่าดิ้นสิ”

                “...” จีฮวานเงียบ อย่างไร้เหตุผล นี่เธอเชื่อฟังเขาทั้งๆ อย่างนั้นเนี่ยนะ

                “พี่ จะเป็นเกย์ได้ยังไงในเมื่อพี่รู้ตัวเองดี” เขาว่า “ว่าพี่กำลังตกหลุมรักใคร”

                “...”

                “ก็ในเมื่อคนที่พี่ตกหลุมรัก... คือ นางสาวรยูจีฮวาน” ฉึก... เจ้าของชื่อแข็งเป็นหินไปแล้ว...

                “ไม่ใช่นายรยูจีฮวาน... อย่างที่ใครๆ เขาเห็นกัน”

                เสี้ยววินาทีที่ได้อึ้ง จีฮวานรีบผละออกจากอ้อมแขนของคนตรงหน้า พลางเอามือปิดปากอย่างตกใจ

              พี่เยวอนรู้... ว่าฉันเป็นผู้หญิง...?

                ไม่นานนักคนที่เพิ่งหน้าซีดเพราะความเหนื่อยก็กลับมาสูบฉีดเลือดขึ้นหน้าอย่างเอาเป็นเอาตาย ทั้งหน้าแดง ทั้งหูแดง จีฮวานตกใจกับความจริงตรงหน้า ทำให้ความรู้สึกมากมายถาโถมเข้ามาใส่เธออีกระลอก

                “หึ จีฮวานจ๋าเพราะอย่างนี้ไง เธอถึงต้องเก็บชายให้มันเรียบร้อยกว่านี้” เยวอนยิ้มเจ้าเล่ห์ตามแบบฉบับของเขาแล้วอ้อมมือไปด้านหลังจีฮวานพลางจับชายผ้าที่เธอใช้รัดหน้าอกชูขึ้นให้เธอเห็น

                สิ่งที่เขาทำ กลับไม่ได้รับคำตอบ นอกจากหน้าแดงๆ ที่เหมือนมะเขือเทศสุกของเด็กสาวตรงหน้า เธอรีบคว้ามันมาแล้วยัดกลับเข้าไปในเสื้อที่สวมอยู่ทันที

                “เพราะ... เพราะอย่างนี้หรอ พี่ก็เลยรู้...?” จีฮวานถามเสียงสั่น

                “เปล่า... นี่แค่เครื่องยืนยัน ความจริงพี่รู้ตั้งนานแล้วล่ะ” เขายิ้มร่าเหมือนเด็กได้ของเล่นถูกใจ

                “เฮ้อ... ที่พี่พูดว่าเป็นห่วงน่ะ จริงๆ นะ... ตอนแรกก็คิดว่าไม่ต้องห่วงแล้ว เห็นหน้าแดงซะขนาดนี้ แต่ทำไมปากยังซีดน้า~

                จีฮวานถอยกรูดจนชนผนังห้อง ด้วยความตกใจกับหลายๆ สิ่งปนเปกัน ทำให้สมองสั่งงานช้ากว่าปกติ และเธอก็ได้แต่ยืนทื่ออยู่ตรงนั้น ระหว่างแขนแกร่งสองข้างของเยวอนที่ล็อกเธอไว้ไม่ให้ไปไหน

                “อื้อ!

                เสี้ยววินาทีเดียวริมปากที่เผยอยิ้มอยู่เมื่อครู่ก็ประกบเข้ากับริมฝีปากซีดเซียวที่เหนื่อยจากการซ้อม มือของเยวอนโอบไปด้านหลังจีฮวานทันทีที่รับรู้ว่าเธอตกใจจนเซ สิ่งที่เขารับรู้ต่อมาจาก ความรู้สึกดีๆ’ นั้นคือ...

                เขาผละออกหลังจากจูบเธอได้ไม่นาน

                “เฟิร์สคิสหรอจีฮวาน” รอยยิ้มกวนๆ ปรากฏเด่นชัดบนหน้าของเขา

                “บ้า! ฉวยโอกาสนี่หว่า!” สติของจีฮวานกลับมาพร้อมหมัดที่รัวทุบลงบนแผงอกเยวอน แต่เขาก็รับมันไว้อย่างสบายๆ เพราะแรงของเธอแทบไม่มีเหลือ

                “ฝีมือตกนะเนี่ยเรา~” ยังไม่วายแซวอีกระลอก

                “นี่!

                “ฮะๆๆๆ วิธีตัดกำลัง เดอะจีฮวาน คือการ...” เยวอนทำปากจู๋แทนคำตอบ พร้อมยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ จีฮวานที่กำลังพยายามทั้งทุบทั้งตีอย่างเอาเป็นเอาตาย

                “จีฮวานที่รัก...”

                “ใครเป็นที่รักของพี่ หืม?” เธอสวนทันควัน ตอนนี้แขนทั้งสองข้างถูกเยวอนล็อกไว้อีกแล้ว

                “ก็เธอไง สนใจมั้ยล่ะ..?” เยวอนมองลึกลงไปในตาของเธอ เขาหวังคำตอบที่รู้ดีว่ามีโอกาสแค่ครึ่งต่อครึ่ง ผู้หญิงคนนี้ไม่เคยแสดงออกเหมือนที่เขาทำ จะเว้นก็แต่ความหวั่นไหวในดวงตาและน้ำเสียงตั้งแต่ไม่กี่นาทีที่ผ่านมาเนี่ยแหละ

                “...”

                “รักนะ จีฮวาน”

                “...”

                “...”

                “บ้าเอ๊ย... ฉันพูดทีหลังนะ ถือว่าฉันชนะ...” จีฮวานหลบตา “รักเหมือนกัน”



    *********************************************************************



    นอกเหนือจากคุณ `zerkwabella. แล้ว
    ใครก็ห้ามคัดลอกส่วนหนึ่งหรือทั้งหมดของหน้านี้ไปเด็ดขาด
    รวมทั้งห้ามดัดแปลงด้วย... อย่าแม้แต่จะคิด - -

     Audition form.

    ผู้ว่าจ้าง บริษัท The Miracle Mirror

     

     x. ส่วนของผู้ออดิชั่น

     

    ๑.      ชื่อเล่น ,, จี (Gee gee gee gee baby baby baby~ ฮ่าๆๆ)

    ๒.      อายุ ,, 16 ค่ะ

    ๓.      รู้สึกยังไงกับพล็อต ,, มันโดนอ่านแล้วปิ๊งไอเดียตัวละครตั้งหลายตัว ก็เลยออโดยไม่ต้องคิดเลยจ้า

    ๔.      ยินดีที่ได้รู้จัก เจ้รักเธอจุ๊บๆ ,, จีก็รักเจ้ จุ๊บๆ (ระวังสาวๆ คนอื่นของจีงับหัวเจ้นะ จีมีเยอะ เฮ้ยยยย)

     

    x. ส่วนของตัวละคร

     

    ๑.      ชื่อ – สกุล ,, ยู ซึลกี (แปลว่าสุขุม รอบรู้ ฉลาดหลักแหลม)

    ๒.      ชื่อที่จะให้เรียก ,, คังอาจี (เป็นภาษาเกาหลี แปลว่า ลูกหมา ค่ะ / ชื่อนี้เป็นฉายาที่พระเอกตั้งให้)

    ๓.      อายุ ,, 18 ปี

    ๔.      ชื่อ – สกุลคนที่คุณเลือกจ้าง ,, คัง คีวอน (แปลว่า การภาวนา อ้อนวอน หรือการอธิษฐาน / ไม่เกี่ยวกับบุคลิกของตัวละครหรอกค่ะ แต่ชอบ - - ฮ่าๆๆ)

    ๕.      ชื่อในวงการที่คุณเลือกจ้าง ,, ไค (ประมาณว่าคีวอนเขียนชื่อตัวเองเป็นภาษาอังกฤษ Ki Won แล้วซึลกีก็อ่านว่า ไค (วอน) ซะอย่างนั้น ก็เลยเรียกว่าไคไปเลย ถึงตอนหลังจะรู้ว่าอ่านว่า คี ก็ตาม)

    ๖.      อายุ ,, 19 ปี

    ๗.      บุคลิก , ลักษณะ ,, เป็นเด็กสาวตัวสูงชะลูดที่พกความสูงมาถึง 170 เซนติเมตร และมีน้ำหนักเพียง 47 กิโลกรัม แต่ถึงกระนั้นแล้วเธอก็ไม่ได้ดูเหมือนเสาไฟฟ้าหรือตะเกียบแต่อย่างใด เพราะซึลกีมีกล้ามเนื้อพองามตามที่เจ้าตัวเป็นคนแข็งแรงตั้งแต่เด็กเพราะชอบเล่นกีฬาเป็นทุนเดิม เธอมีผมที่ยาวสลวยสีน้ำตาล และใบหน้าเรียวรูปไข่ที่สวยโดยไม่เคยผ่านมีดหมอสักครั้งตั้งแต่เกิด ผิวของเธอขาวเนียนมาก จนหลายคนเข้าใจว่าต้องฉีดสีผิวมาแน่ๆ แต่เปล่าเลย เธอเป็นคนรักษาสุขภาพมากๆ ทานทั้งอาหารเสริมและวิตามินไม่เคยขาด เธอเป็นคนที่มีบุคลิกดี สรุปว่าภาพรวมของเธอนั้นทำให้เธอสามารถเป็นนางแบบ,เข้าวงการบันเทิง,หรือเข้าวงการเพลงได้อย่างสบายๆ โดยไม่ต้องแต่งเติมเสริมอะไรอีก

    ๘.      อุปนิสัยของคุณ ,,

    ถูกเรียกว่าลูกหมาคังอาจีโดยนายไค ทั้งที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะโดยปกติแล้วเธอคนนี้ไม่ได้เป็นตัวแทนของความขี้เล่นหรือขี้อ้อนอย่างที่ “ลูกหมา” ควรจะเป็นเลย

    - ซึลกีเป็นคนไม่ค่อยพูด แต่ไม่เย็นชา เธอมักจะยิ้มหรือแสดงออกทางสีหน้ามากกว่าการพูด เธอเป็นคนสุขุม รอบคอบ สมกับชื่อ “ซึลกี” ที่พ่อแม่ตั้งให้

    - ที่สำคัญคือเธอนั้นฉลาดมาก มีสมองดี เรียนรู้ไว และความจำดีเลิศ แต่ก็ไม่ใช่อัจฉริยะที่ตรัสรู้อะไรๆ มาตั้งแต่เกิด เธอเองก็ต้องเรียนรู้เหมือนกัน แต่เป็นคนที่เรียนรู้อะไรแล้วจะเข้าใจเร็ว จำได้เร็ว ไม่จำเป็นต้องทบทวน

    - เพราะความสมองดี เธอจึงกลายเป็นคนที่จัดว่าขี้เกียจเข้าขั้นน่าเป็นห่วง หลับในห้องเรียน เอาเวลาเรียนมานั่งทำการบ้าน กลับบ้านไปก็ไม่เคยเหลียวหลังมองกระเป๋าหนังสืออีก เวลาสอบก็อ่านผ่านๆ เพียงแค่ครึ่งชั่วโมงก่อนเข้าห้องสอบ แต่ซึลกีก็ท็อปสายชั้นทุกครั้งไป

    - นอกจากเรื่องเรียนแล้วนั้น เรื่องอื่นๆ ในชีวิตเธอก็ฉลาดเหมือนกัน เช่นเล่นดนตรีเก่ง เต้นเก่ง ร้องเพลงเพราะ วาดรูปสวย บลาๆๆ เพราะพ่อแม่ให้เรียนดนตรี เต้น เล่นกีฬา และเรียนวาดรูปมาตั้งแต่เล็ก แต่ก็นะ..คนขี้เกียจอย่างเธอมักจะไม่ค่อยแสดงออกเท่าไหร่หรอก ฮ่ะๆ

    - แน่นอนว่าซึลกีมีเพื่อน ถึงแม้คนที่สนิทจริงๆ จะมีแค่สองสามคน แต่คนที่ไม่สนิทก็ไม่ใช่ศัตรู โดยเฉพาะคนในโรงเรียนส่วนมากจะต้องรู้จักเธอ เพราะนอกจากจะเป็นนักเรียนอันดับหนึ่งของโรงเรียนแล้ว ยังเป็นคนที่ถูกเสนอชื่อให้ลงประกวดดาวโรงเรียนตั้งแต่เข้าเรียนตอนม.สี่ แต่เธอก็ไม่เคยตกลงเลยสักครั้ง จนกระทั่งตอนนี้ก็อยู่ม.หกเป็นพี่ใหญ่ของโรงเรียนแล้ว

    - ความลับอย่างหนึ่งของเธอคนนี้คือการที่เธอเป็นคนหมัดหนัก เตะหนัก ต่อยแรง และถึกอย่างที่ร่างกายไม่น่าจะอำนวย ซึ่งไม่มีใครรู้เพราะเธอมักจะควบคุมอารมณ์ได้เสมอๆ ไม่ต้องชกต่อยกับใครเลยสักครั้ง แต่แล้วไค ก็คือคนหนึ่งที่ค้นพบมันระหว่างที่ทั้งสองคนอยู่ด้วยกัน (แอบใบ้พล็อตๆ ฮ่าๆ)

    - จากที่กล่าวมาทั้งหมด ไค จะไปเรียก ซึลกี ผู้เปรียบเสมือนรูปปั้นเทพธิดาแห่งปัญญา ว่า คังอาจี ได้อย่างไร??? ก็มันต้องมีบางมุมของซึลกีบ้างล่ะนะ ที่ถ้าเธอสนิทกับใครแล้วเธอก็จะเปิดใจมากกว่าปกติ ในเมื่อไคมาให้ใช้บริการ เธอก็จัดการตีไข่ใส่คำพูดของตัวเอง ผสมความฉลาดลงไป ใช้ลูกอ้อนที่มักจะจี้จุดอ่อนของไคเพื่อให้ได้สิ่งที่อยากได้มาเสมอๆ ^.~ ความอ้อนจอมปปลอมก็เลยทำให้เธอได้ฉายา “คังอาจี” มานั่นเอง

    ๙.      อุปนิสัยของผู้ถูกจ้าง ,, ไคมีคาริสม่าล้นเหลืออย่างกับบอยแบนด์หลุดออกมาจากจอทีวี มีนิสัยที่ติดจะเหมือนเพลย์บอยนิดๆ ด้วยความที่เป็นสุภาพบุรุษขี้เล่นและเข้ากับคนทั่วไปได้ง่าย เทคแคร์คนอื่นดีมาก เฮฮาเหมือนเด็กๆ ในบางครั้งอย่างที่คนหน้าหล่อไม่น่าจะทำได้ โหดถึกเถื่อนตามอารมณ์ที่ขึ้นๆ ลงๆ เป็นคนอารมณ์แปรปรวน และที่สำคัญคือแพ้คนขี้อ้อน

          (เพิ่มเติมนิดหน่อยไคจะบอกซึลกีว่าเขาเป็นพนักงานของมิราเคิลฯ ที่ดีที่สุด ประมาณว่าเป็นสินค้าที่มีคุณภาพมากที่สุดน่ะ ถ้าเทียบแล้วเขาก็เป็นคนที่เทคแคร์ดูแลคนอื่นดีมากและเป็นธรรชาติที่สุดในบริษัท แต่ถามว่าแต่ละช่วงหกเดือนที่เขาไปอยู่กับผู้ว่าจ้างคนก่อนๆ มาน่ะ เคยสำเร็จมั้ย? ไม่เคย ผู้หญิงตกหลุมรักเขาจริง แต่เพียงเพราะเขาหน้าตาดี แต่ผู้หญิงพวกนั้นไม่เข้าใจหัวใจของไคเลยสักครั้ง เพราะฉะนั้นจะให้พูดว่าอีตานี่เป็นเบอร์หนึ่งเรื่องหว่านเสน่ห์ล่ะก็ไม่แปลก แต่กลับเป็นพนักงานคนเดียวที่ไม่เคยมีความรักจริงๆ กับใครสักที)

    ๑๐.   ประวัตครอบครัว ,, ครอบครัวมีฐานะปานกลางถึงดีด้วยธุรกิจส่วนตัวในอินชอน ซึลกีเกิดที่นั่น แต่เธอก็ย้ายมาเรียนและอยู่ที่โซลคนเดียวตั้งแต่จบมัธยมต้น ครอบครัวมีพ่อ แม่ และพี่ชายอายุห่างกัน ปีที่ตอนนี้เรียนอยู่ที่อเมริกาด้วยทุนนักเรียนดีเด่นของรัฐบาล ซึลกีสนิทกับแม่และพี่ชายมาก เพราะสมัยที่อยู่ที่บ้านที่อินชอนพ่อมีหน้าที่ทำงานที่บริษัทและหาเงินเลี้ยงครอบครัวเท่านั้น เรื่องเลี้ยงลูกเป็นหน้าที่ของแม่ เธอจึงสนิทกับแม่มากกว่า ส่วนกับพี่ชายนั้นเพิ่งมาสนิทกันตอนหลังๆ เพียงหนึ่งปีก่อนที่พี่จะย้ายไปอเมริกา ตอนนี้เธอก็โทรศัพท์คุยกับพี่ชายไม่ขาด เหมือนพี่ของเธอเป็นเพื่อนสนิทที่สุดที่เธอสามารถปรึกษาได้แทบทุกเรื่อง พี่ชายคนนี้มีชื่อว่า ยู ชินกี (ง่ายๆ ค่ะ มีคำว่า “กี” เหมือนกันกับน้องสาว และแปลว่า เทวดา =[]=)

    ๑๑.  ประวัติความรัก ,, ไม่เคยมีความรัก แต่ด้วยความฉลาดของตัวเองบวกกับการอ่าน/ฟังเรื่องราวคววามรักของคนอื่นๆ มา เธอก็ตีความไปเองว่าเธอเข้าใจความรักดี และไม่ชอบที่จะมีความรัก เพราะไม่ชอบการผูกมัด ถึงแม้เวลาที่เธอวาดภาพ ร้องเพลง หรือเล่นดนตรีนั้น เธอจะสื่ออารมณ์ความรักออกมาได้ดีก็ตาม

    ๑๒.  การแต่งกายพอสังเขป ,, เสื้อผ้าตามประสาวัยรุ่น ไม่ตกเทรนด์แต่ก็ไม่หวือหวาอินเทรนด์มากนัก เธอไม่ใช่เจ้าแม่แฟชั่น แต่เน้นว่าต้องใส่เสื้อผ้าน้อยชิ้น เช่นเสื้อยืดกางเกงขาสั้นแค่นั้นพอ อาจจะมีเลกกิ้ง แต่ไม่ชอบที่จะใส่โน่นนี่มากมายให้รุงรัง ที่สำคัญคือเธอชอบกางเกงขาสั้น หรือกระโปรงสั้น ไม่โป๊ แต่ขอให้สั้นเป็นพอ

    ๑๓.  เพิ่มเติม ,, สิ่งที่เธอสนใจจะทำมีอยู่สามอย่างคือ การฟังเพลง เล่นดนตรี+ร้องเพลง และอ่านหนังสือ , ไม่สนใจเรื่องอาหารการกินและการชอปปิ้ง ดังนั้นสิ่งของที่เธอต้องพกติดตัวไว้คือไอพอดทัช และก็พกโทรศัพท์มือถือ ส่วนกระเป๋าสตางค์นั้นก็พก แต่ถ้าลืมก็ไม่เคยเดือดร้อน เพราะเธอไม่ซื้ออะไรอยู่แล้ว แม้แต่ของกิน

    ๑๔.  อิมเมจ ,, ฮัมอึนจอง (หัวหน้าวงทีอาร่า Ham Eunjung / T-ara / 함은정 / 티아라)




     

    ๑๕.  อิมเมจคู่ของคุณ ,, อีชางซอน (อีจุน วงเอ็มแบล็ค Lee Joon / MBLAQ / 이준 / 엠블랙)




     

     

    x. คำถามทั่วไป

     

    ๑.      ตอบคำถามด้วยความจริงใจนะคะ ,, จริงใจแน่นอนค่ะพี่กวา จริงใจจนยาวเว่อร์ =[]=

    ๒.      รักเจ้กวารึเปล่าเนี่ย (เกี่ยว?) ,, เกี่ยวจิ ต้องรักเจ้ เพราะพล็อตมันโดนนนน

    ๓.      คำถามยากไปไหม ,, ไม่ยากค่ะ สนุกดี อ่านแล้วอยากแต่งนิยาย แต่ความสามารถไม่ถึง ก็เลยต้องมาให้เจ้คนเก่งแต่งให้ ฮี่ๆ

    ๔.      มีอะไรอยากจะบอกเจ้หรือเปล่า ,, ถ้ากรอกช่องไหนยาวจนรกหูรกตาเจ้ จีก็ต้องขอโทษนะคะ แต่มันมันส์มือดีจริงๆ ฮ่าๆ แล้วก็..เจ้อยากได้แนวสดใสไม่เศร้าใช่ม้า ถ้าออติด เจ้ก็คงต้องขุดเนื้อเรื่องให้มันเข้ากับบุคลิกนางเอกได้แล้วกัน แหะๆ เพราะจีชอบแนวอีโมอ่ะ แบบว่าเศร้าก็เศร้าลึกถึงอารมณ์ รักก็รักสุดใจขาดดิ้นอะไรแบบนี้ แต่งนางเอกมาแบบนี้เพราะจีไม่ชอบแนวที่แบบนางเอกเฮฮาปาจิงโกะ เพราะมันรั่วแล้วเว่อร์ไปหน่อย ผู้หญิงรั่วๆ แล้วสวยหายากในชีวิตจริง (นอกจากควอนยูริและปาร์คฮโยมินวงทีอาร่า กร๊ากก)

    ๕.      เพลงที่คิดว่าน่าจะเข้ากับคู่ของคุณ ,, จีจะให้มันเป็นละครเพลงอยู่แล้วเนี่ย - -

    - ธีมเพลงที่นำพาให้ทั้งสองคนมาพบกัน Is It You ของ Cassie เพลงประกอบ Step Up 2: The Streets

    เพลงประจำคู่ (ตอนที่รักกันแล้ว) คงจะเป็น G.O.O.D Luv ของ MBLAQ มั้งคะ สไตล์สบายๆ ไม่หวานเว่อร์ ไม่ซึ้งเกิน แฮ่ๆ

    - ธีมเพลงฉากเศร้าๆ (เนื้อหาคือการลาจาก) เพลง Love You ของ Byul เพลงประกอบ I am Sam เพลงนี้หายากค่ะ ถ้าอยากได้ก็ขอจีนะ เดี๋ยวส่งให้ฟัง เนื้อเพลงประมาณว่าผู้หญิงคนนี้รักฝ่ายชายมาก แต่เขาก็จากไปแล้วโดยไม่กลับมาหาเธออีก เหมือนแม่น้ำที่ไม่ไหลย้อนกลับ เธอร้องไห้แล้วเรียกชื่อเขาก็ไม่กลับมา เธอขอให้เขาจับมือเธอไว้ใกล้ๆ เผื่อเขาจะได้รับรู้ความรักที่เธอมีให้เขาบ้างสักครั้ง (แอร๊งงง ซึ้ง)

    - ธีมเพลงซึ้งๆ ฉากที่นางเอกรู้ตัวว่าตกหลุมรักพระเอก เพลง It’s Today (โอนึลอินกาโย) ของ จอนโบรัม วงทีอาร่า เพลงนี้ก็เพลงเก่า หายาก (ลิงค์ไปฟังกับความหมายของเนื้อเพลง จีจะแปะไว้ที่เม้นด้านล่างในหน้านี้นะคะ) // อีกสักเพลง =.,= เพลงIt’s Love (ซารางอินกอลโย) ของ แทยอน กับ ซันนี่ เพลงประกอบ Heading to the Ground อันนี้เจ้กวารู้จักชัวร์ หนังของป๋ายุนทั้งที ฮ่าๆ

    (ช่างสรรหาแต่ละเพลงจริงๆ - - แฮ่ๆ)

    ๖.      ทำไมอยากเป็นคนจ้างอ่ะ ,, เพราะรู้สึกว่ามันน่าจะสนุกดีค่ะ พล็อตที่ตั้งใจไว้ก็คือการที่นางเอกไม่ได้ตั้งใจจะจ้างแต่พระเอกมันโผล่มาน่ะค่ะ ฮ่าๆๆ

    ๗.      โชคดีกับการสมัครนะคะ จุ๊บๆ ,, ว้ายยย จุ๊บตอบทันที ฮ่าๆ ขอบคุณค่ะเจ้ จ๊วบบบบบบ

     

     

     x. คำถามชิงบท (ตอบตามนิสัยของตัวละคร)

     

    ๑.      เพราะเหตุใดคุณถึงมานั่งบ่นหน้ากระจกแล้วทำไมคุณถึงขอสิ่งนั้น สิ่งนั้นที่คุณขอคืออะไรแล้วกระจกที่คุณขอมันอยู่ที่ไหน

    ตอบ ,, ฉันกำลังทำสิ่งที่แทบจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตฉันอยู่แล้ว ถูกต้อง การซ้อมร้องเพลงนั่นเอง เมื่อวานพี่จองอึมเจ้าของผับใกล้ๆ คอนโดของฉันมาขอให้ฉันมาช่วยร้องเพลงแทนนักร้องประจำที่ร้านที่ไม่ว่างอีกตามเคย และในเมื่อฉันว่าง การร้องเพลงคือสิ่งที่ฉันชอบ ฉันจึงตอบตกลงอย่างไม่ต้องสงสัย และตอนนี้ฉันก็นั่งอยู่ในห้องแต่งตัวหลังร้านเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อมองสำรวจพบว่าตัวเองแต่งหน้าแต่งตัวเสร็จแล้ว ฉันก็จัดการวอร์มเสียงตัวเองสักนิด เพลงที่ฉันต้องร้องเป็นเพลงแรกก็คือเพลง Is It You ของ Cassieเพลงประกอบหนังที่ฉันโปรดปราน

                 I’m looking for a lover, not a friend, somebody who can be there when I need someone to talk to. I’m looking for someone who won’t pretend, somebody not afraid to say the way they feel about you. And, I’m looking for someone who understands how I feel, who keeps it real, and who knows the way, the way I like to have it my way. And, I’m looking for someone who takes me there, wants to share, shows he cares. Thinking you’re the one that I’ve been waiting for. Is it you? 

    แต่ฉันก็ร้องได้เพียงแค่นั้น พี่จองอึมก็มาเรียกฉันว่าได้เวลาขึ้นเวทีแล้ว ชิ กำลังอินกับเพลงอยู่พอดีเลย ฉันสื่ออารมณ์ประมาณนี้แหละตามที่คิดว่าเพลงนี้ควรสื่อออกมา เอาล่ะ ซึลกีไฟท์ติ้ง!...

     

    ๒.      แล้ววันนี้ก็มาถึง วันที่อยู่ๆก็มีชายหน้าตาหล่อเหลาใส่หมวกสีแดงติดรูปหัวใจหน้าเหมือนเคน ธีระเดชมมายืนกดกริ่งอยู่หน้าบ้านของคุณ พร้อมกับบอกคุณว่า ‘บริษัท The Miracle Mirror ยินดีมอบความสุขให้คุณ ช่วยเซ็นรับด้วยนะครับ’ คุณรับมาอย่างงงๆก่อนจะเซ็นชื่อให้เขา แล้วเขาก็ขึ้นรถแล้วหายไปอย่างไร้ร่องรอย เหลือเพียงกล่องขนาดใหญ่เอาให้กับคุณ ช่วยเล่าเหตุการณ์ให้หน่อยสิว่ามันเป็นอย่างไรต่อไปเมื่อคุณเปิดกล่องนั้นออกพบกับชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลา

    ตอบ ,,

    ริง ดิง ด๊องเสียงกริ่งที่หน้าประตูดังขึ้นปลุกให้ฉันตื่น

    อะไรกัน ยังเช้าอยู่เลย ฉันงัวเงียพร้อมหันไปมองนาฬิกาตรงหัวเตียงด้วยสีหน้าบอกบุญไม่รับ

               เจ็ดโมงเช้า? ใครมันบังอาจปลุกยูซึลกีคนนี้ในเช้าวันเสาร์นะถ้ามันไม่ฉลาดเท่าอัลเบิร์ตไอน์สไตน์พอทีจะบอกเหตุผลเข้าท่าล่ะก็...แม่จะซัดเปรี้ยงให้ ฮ้าววว ไม่ได้ออกแรงต่อยคนมานานแล้วเหมือนกันแฮะ

               ฉันลุกจากเตียงแล้วแวะไปที่ห้องน้ำเพื่อล้างหน้าแปรงฟันและจัดผมให้เรียบร้อย เสียงกริ่งหน้าห้องยังคงดังไม่ขาดสาย แต่ก็ยังดีที่คนกดมันไม่ได้กดรัวๆ จนน่ารำคาญ หลังจากใช้เวลาส่วนตัวเต็มที่แล้วฉันก็เดินไปที่ประตู และเปิดมันออกโดยไม่ได้มองผ่านตาปลาว่าบุคคลภายนอกนั่นเป็นใคร

               อ่ะ... พระเจ้าคะ ถ้าเขาไม่ฉลาดเท่าอัลเบิร์ตไอน์สไตน์แต่เขาหล่อเท่าเคนธีรเดชเมืองไทยนี่หนูควรจะต่อยเขาสักเปรี้ยงไหมล่ะคะ?...

               ผู้ชายตรงหน้าอยู่ในชุดเครื่องแบบอะไรสักอย่างที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อน แต่เขาใส่หมวกสีแดงติดหัวใจอย่างแอ๊บแบ๊ว บนหมวกมีชื่อบรษัทที่สาบานได้ว่าอ่านแล้วฉันต้องชิงพูดขึ้นก่อนทันทีว่า

               “เอ่อ ขอโทษนะคะ... ฉันไม่ได้เรียกช่างซ่อมกระจกมานี่คะ?”

               แต่เขากลับยิ้มเหมือนเดิมตั้งแต่เปิดประตูมาราวกับว่าเขาไม่ได้ยินฉันเสียงั้น

               “บริษัท The Miracle Mirror ยินดีให้บริการความสุข ช่วยเซ็นตรงนี้ด้วยนะครับ”

               ห๊ะ? ฉันยืนงงกับสิ่งที่ได้ยิน บริการความสุขอะไรนะ? บริการความสุขโดยการขัดขวางความสุขในการนอนตื่นสายของฉันเนี่ยนะ... แล้วเขาก็ยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งมาตรงหน้าฉันเพื่อให้ฉันเซ็นชื่อลงไป ตอนนั้นเองที่ฉันสังเกตเห็นว่ามีกล่องห่อกระดาษสีแดงผูกโบว์ตั้งอยู่แทบเท้าฉัน ที่สำคัญคือมันมีขนาดใหญ่พอที่ฉันจะเข้าไปอยู่ได้อย่างสบายๆ

               นายคนนี้ยังคงยัดเยียดกระดาษใส่มือฉันอยู่ และฉันก็รับมันมาด้วยความรำคาญใจ ถามหน่อยเถอะ จะหลอกให้ฉันทำพินัยกรรมหรือเอกสารนิติบุคคลน่ะยังเร็วไปร้อยปี คนอย่างฉันไม่มีทางโง่ให้ลายเซ็นกับใครง่ายๆ หรอก โดยเฉพาะคนแปลกหน้า ถ้านี่เป็นเอกสารกู้เงินล้านล่ะชีวิตฉันคงมีแต่ความซวยกับซวย แต่เพื่อตัดปัญหาที่ฉันต้องทนจ้องหน้าไอ้หล่อนี่ไป ฉันจึงจรดปากกาลงบนกระดาษและเขียนชื่อ ยู ซึล กี ลงไปด้วยลายมือที่เหมือนพิมพ์ออกมาจากคอมพิวเตอร์

               ยังไงซะ นี่ก็ไม่ใช่ลายเซ็นเดียวกันกับในบัตรประชาชนหรือพาสปอร์ตของฉัน เอาไปทำธุรกรรมอะไรไม่ได้อยู่แล้ว หึหึ

               เฮ้ย แต่ไหงหมอนี่รับคืนไปด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแล้วหายไปในพริบตาล่ะ แล้วไม่คิดจะเอาไอ้กล่องแดงผูกโบว์นี่ไปด้วยรึไงกัน? บ้าชะมัด ฉันจะจัดการยังไงกับมันดีเนี่ย - -

               ฉันเอานิ้วจิ้มๆ ไปที่กล่องตรงหน้า อืม หนักแฮะ แล้วฉันก็เปลี่ยนจากการจิ้มเป็นการผลักด้วยมือสองมือ แต่กล่องมันก็ไม่ขยับ?ด้วยความหงุดหงิดเพราะต้องตื่นเช้าบวกกับการเลื่อนกล่องไม่สำเร็จ ฉันก็ได้ใช้กำลังอย่างที่คิดไว้ตั้งแต่ได้ยินเสียงกริ่งเมื่อครู่นี้

               โครม!

               งานนี้เจ้ากล่องเคลื่อนตัวอย่างแรงตามแรงฝ่าเท้าในรองเท้าสลิปเปอร์สีฟ้าลายโดเรมอนของฉัน มันกระเด็นข้ามทางเดินจากหน้าห้องฉันไปยังผนังฝั่งตรงข้ามที่ห่างออกไปประมาณสองเมตรครึ่ง

               “เหวอออ~

               สิ่งที่น่าตกใจไปกว่าแรงอันมหาศาลของฉันเองก็คือการที่ไอ้กล่องนั้นมันเริ่มขยับได้ จากการที่มีตัวอะไรสักอย่างดิ้นขลุกขลักอยู่ข้างใน เปลี่ยนเป็นการโยกไปมาซ้ายขวา แล้วกล่องนั้นก็ล้มลง ฝากล่องเปิดออกจากด้านข้างโดยที่โบว์ที่เคยมัดอยู่มันขาดไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้

               แล้วสิ่งที่ออกมาจากกล่องนั้นทำให้ฉันสาบานได้ว่า หล่อกว่าเคนธีรเดชเมื่อกี้เป็นสิบเท่า...

               “เฮ้ยยยย!” ตอนนี้ร่างของฉันถอยกรูดผ่านประตูห้องที่เปิดอ้าไว้ประมาณสองเมตร

               สิ่งที่ออกมาจากกล่อง ไม่ใช่สิ่งของ แต่เป็นมนุษย์เพศชายรูปร่างหน้าตาดีที่น่าจะมีอายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับฉัน ถ้าจะให้ประมวลผลตอนนี้... มนุษย์เพศชายที่หน้าตาเหมือนมาจากบอยแบนด์น่ะหรอ คือ “ความสุข” ที่บริษัทของพี่เคนแกบริการ? คนน่ะหรือคือสินค้า?

               พระเจ้าเล่นตลกกับฉันแต่เช้าตรู่เลยนะเนี่ย...

               “บริษัท The Miracle Mirror ยินดีให้บริการความสุขกับคุณ ผมชื่อคังคีวานครับ” เขาพูดด้วยรอยยิ้มที่ดูเจ้าเล่ห์ แต่หลังจากจบประโยครอยยิ้มนั้นก็หุบลงทันที หน้าเขาดุขึ้นทันตาเห็นเมื่อไม่มีรอยยิ้มบนใบหน้าหล่อเหลานั่น มือของเขาลูบไปตามต้นคอ

               ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคนตรงหน้าออกมาจากกล่องจริงๆ แต่ก็ต้องเชื่อ... แล้วที่ลูบคออยู่เนี่ย เจ็บที่ฉันเตะเมื่อกี้สินะ แฮ่ๆ

               “แล้วเธอล่ะ คุณผู้ว่าจ้างเถื่อน ชื่ออะไรครับ” เขาถามฉันด้วยสีหน้ากวนๆ อีกครั้ง มิหนำซ้ำยังเน้นเสียงตรงสรรพนามที่เขาใช้เรียกฉันอีกด้วย

               ฉันยืนอ้ำอึ้งอยู่เพราะเริ่มปะติดปะต่อเรื่องราวไม่ได้ ไหนจะคนประหลาดมาส่งพัสดุ ไหนจะพัสดุหน้าตาหล่อเหลา ไหนจะบริษัทลี้ลับ แล้วยังจะมาเรียกฉันว่าผู้ว่าจ้างอีก? ฉันยังไม่ได้ใช้บริการอะไรเลยนะ

               “เฮ้อ เธอนี่มัน...” นายคังอะไรนี่ถอนหายใจก่อนจะเดินผ่านฉันเข้าไปในห้อง แถมยังไม่วายเอามือมายีหัวฉันตอนที่เดินผ่านฉันไปอีก “ช่างเถอะ เข้ามาเร็วๆ สิครับ คุณน่ะโชคดีมากนะที่ได้ผมเป็นผู้ให้บริการ เพราะผมเป็นลูกจ้างอันดับหนึ่งของบริษัท เพราะฉะนั้นเข้ามาคุยเรื่องค่าจ้างได้แล้ว เร็วๆ”

               “หา?”

               เพียงคำเดียวเท่านั้นที่เล็ดลอดออกไปจากปากฉัน หลังจากนั้นฉันก็รู้สึกถึงแรงฉุดที่คอเสื้อด้านหลัง ลากฉันให้เข้าไปในห้องแล้วก็ปิดประตูให้เรียบร้อย...

     

    ๓.      คุณจะทำอย่างไร แน่นอนว่าคุณจ้างเขามาแล้วคุณก็ต้องจ่ายในสิ่งนั้น และสิ่งนั้นคือสิ่งที่เขาขอคุณ เขาขออะไรจากคุณ แล้วคุณจะให้เขาไหม

    ตอบ ,, (จากช่องอุปนิสัยของผู้ถูกจ้าง ตรงประวัติเพิ่มเติม)

    ถึงแม้ว่าวันแรกที่เจอกัน ฉันจะใช้เวลานานมากกว่าจะทำความเข้าใจในตัวเขาและเรื่องทั้งหมดได้ และจบลงด้วยการที่ฉันไม่พอใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ฉันก็ไม่ได้ไล่เขาให้ไปไหน เพราะฉันไม่ใช่คนประเภทที่จะลงมือทำร้ายอะไรใครก่อน ในขณะที่ไคทำตัวเหมือนอยู่บ้านตัวเอง ฉันก็ไม่เดือดร้อน เมื่อไหร่ที่เขาทำอะไรไม่ดีเท่านั้นล่ะฉันแจ้งตำรวจแน่

    ไม่กี่วันหลังจากที่ฉันเริ่มชินกับการมีเขามาอยู่ที่คอนโดด้วยกันแล้ว เขาเริ่มขุดเรื่องบริการบ้าบออะไรนั่นของบริษัทเขาขึ้นมาพูดอีก ฉันเริ่มมีความคิดว่าเขาคงบ้า และบริษัทเขาอาจจะเป็นศูนย์บำบัดโรคทางจิตของโรงพยาบาลบ้าในเขตที่ฉันอาศัยอยู่ก็เป็นได้

    เรื่องมันคงไม่บ้าขนาดนี้ถ้าจู่ๆ เขาไม่พูดขึ้นมาว่า “เรื่องค่าบริการ... ฉันขอแค่ให้เธอใช้ใจมองฉันก็พอ ไม่ใช่ตา... ใช้ใจมองฉันให้ดี ให้ใจฉันเหมือนเป็นกระจกที่สะท้อนว่าใจเธอต้องการอะไรกันแน่... ก่อนที่มันจะสายไป”

    คำพูดของเขามันติดอยู่ในหัวฉันตลอด อาจจะเป็นเพราะศักยภาพด้านความจำของฉันที่เป็นเลิศผิดมนุษย์ก็ได้ แต่สีหน้าจริงจังและดวงตาที่มันจ้องลึกเข้ามาใสตาฉันก็ดูจริงจังด้วย จริงจังซะมากกว่าที่คนบ้าคนหนึ่งจะทำได้...

    ฮ่ะๆ ฉันเป็นอะไรไปเนี่ย ตอนนี้...ฉันกำลังคิดว่าจะลองเล่นเกมครั้งนี้ดูสักครั้งหรอ? เกมรักอะไรสักอย่างที่บริษัทของนายไคบอกว่ามันคือบริการอย่างหนึ่ง

    แต่จะหันหลังหนีตอนนี้ก็ไม่ทันแล้วล่ะ ฉันไม่ใช่คนชอบผิดคำพูด เพราะวันนั้นฉันตอบเขากลับไปว่า “เออ... ก็ได้ ถ้าหลังจากหกเดือนแล้วนายจะหายไปจากชีวิตฉันเสียที”

    โดยที่ไม่รู้ตัวเลนว่าฉันจะเสียใจกับบางสิ่งที่ฉันพูดออกไปจริงๆ...

     

     

    ๔.      เขามาจากบริษัท The Miracle Mirror แล้วจะอยู่กับคุณตลอด ในบ้านหลังเดียวกับคุณแล้วก็ไปกับคุณทุกที คุณคิดว่าคุณจะตกหลุมรักเขาเข้าสักวันไหม เพราะอะไรล่ะ

    ตอบ ,, วิลเลียม เช็กสเปียร์ เคยกล่าวไว้ในงานเขียนของเขาว่า “ความรักหามองเห็นได้ด้วยดวงตาไม่ แต่ด้วยใจ” บางทีการที่ฉันอยู่กับเขาไปนานๆ ฉันอาจจะเปิดใจรักเขาบ้างก็ได้ ใครจะรู้ แต่ที่แน่ๆ คือตอนนี้ฉันไม่เชื่อในความรัก ฉันรักครอบครัวและเพื่อนฝูงของฉันก็เป็นพอแล้ว แต่นายนี่เป็นใคร? จู่ๆ จะมาอยู่ใกล้ๆ แล้วยังขอให้ฉันรักเขา? เอาสิ ถ้าเขาแน่จริง...เขาอาจจะเป็นรักแรกของฉันก็ได้ ใครจะรู้

     

    ๕.      และแล้วคุณก็ต้องตกหลุมรักเขาจนได้เพราะเวลาสามารถเปลี่ยนทุกอย่างได้จริงๆแต่เราเหลือเพียงเดือนเดียวเท่านั้นที่คุณจะได้อยู่กับเขา คุณจะทำอย่างไรตัดใจ หรือจะรั้งเขาไม่ให้เขาไปทั้งๆที่เขาต้องไปอยู่ดี

    ตอบ ,, ฉันไม่เคยเตือนตัวเองเลยว่าฉันมีเวลาจำกัดเท่านั้น ระหว่างห้าเดือนที่ผ่านมานั้นหลายอย่างมันถาโถมเข้ามา ความรู้สึกต่างๆ มากมายเกิดขึ้นในหัวสมองของฉัน เกิดอะไรขึ้นกับเธอกันนะยูซึลกี? ปกติแล้วฉันเป็นคนรอบคอบมาก แต่นี่ฉันคงมีความสุขเกินไปจนลืมหลายๆ สิ่งไปแล้วสินะ ไคก็เป็นเพียงหนึ่งในความสุขชั่วคราวที่มาแล้วพร้อมจะจากไปเท่านั้น ใช่... เขากำลังจะจากฉันไป บ้าชะมัด ถ้าฉันไม่...รัก...เขาเข้าเสียแล้ว ฉันคงไม่เสียใจขนาดนี้ ไค นายก็เหมือนกัน งี่เง่าสิ้นดี วันนี้ฉันเข้าใจแล้วล่ะเรื่องบริษัทอะไรนั่นของนายน่ะ วันนี้นายตื่นมาพร้อมสีหน้ายิ้มแย้มดูอบอุ่นเหมือนวันเก่าพร้อมคำพูดที่ย้ำเตือนฉันว่าเหลือเวลาอยู่ด้วยกันเพียงแค่หนึ่งเดือน ใช่สิ ซื่อตรงขนาดนั้น นายก็เป็นแค่ผู้ถูกจ้างคนหนึ่งนี่ นายมาทำให้ฉันรักได้ ภารกิจของนายประสบผลสำเร็จนะ ฉันใช้ใจมองนายออกแล้ว ถือว่านายก็ได้ค่าจ้างส่วนของนายไป หึ... เสร็จแล้วก็รีบไปซะสิ ไปจากชีวิตฉัน... อ้อ อยากให้ฉันเขียนจดหมายถึงผู้บริหารบริษัทของนายด้วยไหมล่ะ บอกว่านายน่ะเป็นพนักงานที่ดีที่สุดเลย ฉันจะทำให้ ให้นายมีความสุข ตอบแทนที่ฉันได้มีความสุขตลอดเวลาห้าเดือนที่ผ่านมาไง... ฉันจะปล่อยนายไป ให้นายกลับไปที่บริษัท ไปใช้ชีวิตตามเดิม ไปแล้วอย่าหันหลังมานะ จำไว้ว่ากระจกของฉันน่ะไม่ได้มีไว้เรียกใครอีกแล้ว เพราะฉันมีความรักแล้วไง ปล่อยฉันไว้ตรงนี้ให้ฉันเจ็บปวดอยู่ที่เดิมคนเดียวก็พอ...

     

    ๖.      บทสรุปของรักมาถึงตอนสุดท้าย เจ้กวาอยากให้ทุกคนมีส่วนร่วมในการแต่งนิยายเรื่องนี้เอาล่ะอยากได้ตอนจบแบบไหนล่ะคะ เชิญตามสบายค่ะ (เอาแบบไหนเชิญตามสบายมีความสุข เขาไม่ได้กลับไปเพราะอะไร บลาๆ 5 บรรทัดขึ้นไป บทพูด+บรรยาย)

    ตอบ ,, จัดไปค่ะ ^^

     

    ฮันชามึล คอริน กอกาทา ยอกี... นีกา อินนึน กดกาจี โอกิล... มบชีนา ฮีมี ทือรอซอ แนเกน... โทราโอจี อันนึน คังชอรอม...

    (ฉันกำลังก้าวเดินอยู่ตรงนี้ ตรงที่ที่เคยมีเธออยู่ อยู่ดีๆ ฉันก็เจ็บปวดเสียอย่างนั้น... เมื่อคิดว่าเธอจากไปเหมือนสายน้ำที่ไม่มีวันไหลกลับมา... / เพลง Love You ของ Byul)

    เด็กหนุ่มวัย 19 ปีเงี่ยหูฟังเสียงที่เล็ดลอดออกมาจากประตูบานสีขาวตรงทางเดิน รอยยิ้มผุดขึ้นมาอย่างเปิดเผยหลังจากที่เขานั้นแทบจะไม่ได้ยิ้มมากว่าครึ่งปี ครึ่งปีที่เขาไม่ได้พบปะใครเลยหลังจากที่ใช้ชีวิตอยู่กับ “เธอคนนั้น” เป็นคนสุดท้าย

    เสียงเปียโนก้องกังวาลแสนไพเราะบวกกับเสียงร้องที่สื่ออารมณ์แสนเจ็บปวดของเพลงนี้ทำให้เขามีสีหน้าหมองลงไปเล็กน้อย เขาไม่อยากให้หน้าสวยๆ ของผู้บรรเลงเพลงนี้ภายในห้องต้องมีสีหน้าอมทุกข์

    ก่อนจะคิดอะไรไปได้มากกว่านั้นเขาก็ลากกระเป๋าสัมภาระของตัวเองไปยังห้องข้างๆ จัดการไขกุญแจเข้าไปในห้องเรียบร้อยและโยนกระเป๋าใบใหญ่เข้าไปในส่วนของห้องนอนอย่างไม่ใส่ใจนัก เขาหยิบหมวกใบหนึ่งออกมาจากกระเป๋า แล้วเดินตรงไปยังหน้ากระจกในห้องน้ำราวกับจะเตรียมตัวออกไปไหน ทั้งๆ ที่เขาเพิ่งมาถึงบ้านหลังใหม่ได้ไม่ถึงห้านาที

    ภาพของหมวกสีแดงติดรูปหัวใจแสนน่ารักสะท้อนกลับมาในกระจกเงาที่เขากำลังส่องอยู่ เขาผิวปากพลางยิ้มอย่างอารมณ์ดี ก่อนที่จะเดินกลับเข้าไปในห้องนอนใหม่เอี่ยมเพื่อคว้ากระดาษแผ่นหนึ่งขึ้นมาจากในกระเป๋า แล้วเขาก็เดินผิวปากอยู่อย่างนั้นออกไปจากห้องคอนโดของตัวเอง จุดหมายปลายทางของเขาคือห้องถัดไปทางซ้ายมือของห้องเขา ห้องที่เขาเพิ่งจะเงี่ยหูฟังเสียงเปียโนเมื่อครู่นั่นเอง

     

    ริง ดิง ด๊อง~

    ฉันหยุดเล่นเปียโนทันทีที่ได้ยินเสียงกริ่งดังขึ้น ก่อนจะเหลือบตาไปมองนาฬิกาใกล้ๆ แล้วก็พบว่าตอนนี้เป็นเวลาเจ็ดโมงแล้ว ถ้าเป็นเมื่อก่อน...ฉันหมายถึงเมื่อปีที่แล้ว...ตอนนี้คงจะเช้ามากและฉันก็คงอารมณ์เสียกับใครก็ตามที่มาปลุกฉันแต่เช้า แต่ตอนนี้มันไม่ใช่ ยิ่งเวลาที่ฉันตื่นตั้งแต่ตีห้ากว่าๆ ทุกวันเพื่อหวังว่าจะได้อยู่กับ “เขาคนนั้น” นานๆ ยิ่งตอกย้ำว่าวันนี้ยังอีกยาวไกลนัก เมื่อฉันไม่มี เขา อีกต่อไปแล้ว...

    ให้ตายสิ ฉันจะมานั่งคิดเรื่องเขาทำไมกันนะ เรื่องมันก็ผ่านมาตั้งครึ่งปีแล้วเชียว

    คิดได้อย่างนั้นฉันก็เดินไปเปิดประตูโดยไม่มองสำรวจผู้มาเยือนผ่านทางรูตาปลาตามความเคยชิน แต่เมื่อเปิดประตูออกกาลเวลาเหมือนมันจะหยุดนิ่งทันที...

    มันเหมือนเมื่อปีที่แล้วไม่มีผิด ตรงหน้าฉันเป็นผู้ชายคนหนึ่งสวมหมวกสีแดงที่ฉันไม่มีวันลืม หมวกของผู้ชายที่นำพาเขาคนนั้นมาให้ฉันได้รู้จัก ในมือเขามีกระดาษแผ่นหนึ่งที่ให้ฉันเซ็นรับอะไรบางอย่าง แต่คนที่สวมหมวกนั้นอยู่ตอนนี้ กลับไม่ใช่ชายหน้าเคนคนนั้นแต่อย่างใด... เขากลับเป็นสิ่งที่ฉันเคยพบในกล่องใบหนึ่งที่มาพร้อมกับนายเคนต่างหาก...

    ตรงหน้าฉัน คือ คังคีวาน... จริงๆ หรอเนี่ย...

    “สวัสดีครับ บริษัท The Miracle Mirror ยินดีให้บริการความสุขครับ ขอโทษที่รบกวนเวลา แต่ทางบริษัทเรามีเรื่องทีจะต้องแจ้งให้ทราบครับ”

    ไค หรือผู้ชายตรงหน้าที่ฉันเชื่อมั่นมากว่าเป็นไค ก้มหน้าก้มตาอ่านข้อความจากกระดาษที่เขาถืออยู่ในมือโดยไม่รับรู้สีหน้าฉันเลยสักนิด สีหน้าฉัน...ที่มันชาไปกว่าครึ่งแล้ว ไม่รู้เพราะอารมณ์ไหนกันแน่ ตกใจ เสียใจ หรือดีใจกัน...

    “เนื่องจากเราได้รับแจ้งมาว่าคุณคือคนล่าสุดที่เป็นผู้ใช้บริการสินค้านามว่าคังคีวานของเรา และหลังจากได้รับสินค้าคืน เราก็ตรวจพบว่าสินค้าเรามีสภาพที่ไม่พร้อมต่อการใช้งาน ไม่สามารถนำไปใช้บริการความสุขแด่ลูกค้าคนอื่นๆ ได้ สาเหตุเกิดจากการที่ หัวใจ ซึ่งเป็นกลไกการทำงานหลักของสินค้าของเราได้หายไป และเราก็สืบพบว่ามันอยู่กับท่าน เราจึงมาเรียกค่าเสียหายจากท่าน แต่หากท่านไม่สามารถชำระค่าเสียหายครั้งนี้ได้ ก็จงรับสินค้าชิ้นนี้ไป และอย่าได้กลับมาใช้บริการบริษัทของเราอีก ทางเราเสียใจเป็นอย่างมาก และขออภัยที่ไม่ได้แจ้งให้ทราบล่วงหน้า โปรดเซ็นตรงนี้เพื่อจ่ายค่าเสียหายด้วยครับ”

    เมื่อพูดจบ ไคก็เงยหน้าขึ้นมาแล้วยิ้มให้ฉันอย่างอบอุ่น ซึ่งเขาคงไม่รู้ตัวว่ารอยยิ้มนั้นมันทำให้ฉันนึกอยากแลกทุกอย่างที่มีเพื่อให้ได้เจ้าของรอยยิ้มนั้นคืนมาข้างกายฉันแค่ไหน

    เธอก็คงไม่รู้เหมือนกันว่าสีหน้าตกใจที่จ้องผมไม่วางตานั่น มันทำให้ผมอยากจะคว้าเธอเข้ามากอดโดยไม่ปล่อยไปอีกแค่ไหน...

    กระดาษแผ่นนั้นถูกยื่นมาอยู่ตรงหน้าฉันขณะที่ฉันยังคงจ้องไคไม่วางตา ฉันรับมันมาด้วยมือสั่นๆ ตอนนี้สมองฉันมันเริ่มแปรปรวน ไม่สิ ใจฉันมันเริ่มสั่นๆ ทำงานไม่เป็นระบบซะแล้ว ฉันก้มลงอ่านกระดาษแผ่นนั้นแทนที่จะสบตาเขาต่อไป เพราะฉันกลัวว่าวินาทีถัดมามันจะกลายเป็นเพียงความฝันที่ฉันตื่นขึ้นมานั่งร้องไห้อยู่คนเดียวอีก...

    แต่ทว่ากระดาษแผ่นนี้กลับไม่ได้มีข้อความยาวๆ เหมือนที่เขาอ่านอยู่เมื่อครู่ มันกลับมีเพียงข้อความสั้นๆ สองประโยค ที่ถูกเขียนด้วยลายมือคุ้นเคยตัวใหญ่ๆ ว่า

    I love you. Would you be my girlfriend? ♡ Please sign here________”

    ไวเท่าที่ฉันจะอ่านคำสุดท้ายจบ แรงดึงของคนตรงหน้าก็ดึงให้ฉันเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนของเขาเป็นที่เรียบร้อย ตอนนี้เวลามันหยุดจริงๆ แล้ว มันไม่ใช่ความฝัน เพราะพลังงานความร้อนจากร่างใหญ่นี้ส่งผ่านมาถึงใจฉันได้จริงๆ ฉันแทบจะไม่มีเรี่ยวแรงเหลืออีก เพราะพลังงานมันหายไปกับน้ำตาที่ไหลออกมาในอ้อมแขนของไคทันที ฉันไม่มีแม้แต่แรงที่จะกอดตอบคนตรงหน้า แต่เขากลับเป็นฝ่ายกระชับอ้อมกอดของเขาให้แน่นขึ้นไปอีก ฉันเองก็ได้ยินเสียงใจของเขาที่เต้นแรง ตามมาด้วยเสียงกระซิบข้างหูฉันที่มันสั่นไม่แพ้ใจของฉันเลย

    “ฉันรักเธอ ยูซึลกี... ขอโทษนะที่ฉันไม่เคยพูดคำนี้เลยสักครั้งเดียว ขอโทษ... ขอโทษจริงๆ ยัยคังอาจีของฉัน”

    เท่านั้นเอง น้ำตาของฉันก็ทะลักออกมาอย่างไม่อายใคร ฉันร้องไห้หนักในอ้อมแขนเขาพลางส่ายหน้าเบาๆ เนื่องจากไม่มีแรงที่จะทำอะไรมากกว่านั้นด้วยร่างกายที่สั่นสะท้าน หลังจากที่รวบรวมแรงเฮือกสุดท้ายได้ ฉันก็พูดออกไปเต็มที่ แต่มันก็เป็นเพียงเสียงกระซิบแผ่วเบาที่เสียงใจเต้นของฉันคงกลบหมด ว่า

    “อย่ารู้สึกผิด... ฉันก็รักนายเหมือนกัน”

    เขายิ้มออกมาอย่างมีความสุขถึงแม้ซึลกีจะมองไม่เห็น เสียงเบาๆ ของเธอนั้นเขาก็ได้ยินชัดเจนดี เพราะเขา ใช้ใจฟัง ไม่ได้ใช้แค่ร่างกาย...

    ไคคลายอ้อมกอดออก แล้วเช็ดน้ำตาให้ฉันอย่างอ่อนโยน ฉันยิ้มให้เขา ถึงแม้มันจะเป็นรอยยิ้มจางๆ ก็ตาม ส่วนเขาก็ถอดหมวกใบนั้นออกแล้วเอามาสวมบนหัวฉันแทน ก่อนจะเดินผ่านฉันเข้าไปในห้องอย่างถือวิสาสะ โลกกลับมาหมุนไปอีกครั้ง นี่คือวินาทีที่ฉันรู้สึกว่าการตื่นมารับแดดในเช้าวันใหม่มันมีค่าเหลือล้นจริงๆ

    นี่ ฉันยังเป็นเจ้าของห้องอยู่นะ!

    ฉันเกิดไอเดียอะไรขึ้นมา ฉันจึงจัดหมวกให้เข้าที่เข้าทางแล้วเดินตามเขาเข้าไปในห้อง เมื่อพบเขาที่กำลังนั่งกินขนมปังอาหารเช้าของฉันอยู่ที่โต๊ะ ฉันก็เดินตรงเข้าไปหาทันที

    “บริษัท The Miracle Mirror ยินดีให้บริการความสุขค่ะ” ฉันพูดเสียงกวนๆ

    “สวัสดีครับ มีโปรโมชั่นอะไรครับ” ไคตอบ เล่นไปตามน้ำกับฉัน

    “โปรโมชั่นวันนี้คือ รักแล้วไม่รับคืน นะคะ ค่าใช้จ่ายของบริการครั้งนี้คือ คุณผู้ว่าจ้างต้องอยู่เคียงข้างผู้ถูกจ้างตลอดไป” ฉันพูดหยั่งเชิงเขา แต่ดูเขาสิ กินขนมปังของฉันไม่พอ ยังเดินผ่านฉันไปชงกาแฟในครัวหน้าตาเฉย แต่ฉันไม่ทันที่จะอ้าปากด่า เขาก็ตะโกนตอบกลับมาว่า

    “ไอ้ที่ว่า อยู่เคียงข้าง น่ะ แน่นอนอยู่แล้วครับ เพราะผมอยู่ห้องข้างๆ นี่...” ไคชี้นิ้วแบบปัดๆ ไปที่ผนังห้องฉันที่บ่งบอกว่าเขาหมายถึงห้องที่อยู่ติดกันทางข้างขวา

    นาย... ย้ายมาอยู่ที่นี่จริงหรอเนี่ย ฉันคิดพลางเกิดอาการหัวใจพองโต

    “...แต่ถ้าผมจะเปลี่ยนเป็น อยู่ด้วยกัน กับผู้ถูกจ้างในห้องนี้เลยจะผิดระเบียบของบริษัทมั้ยล่ะครับ?” ไคหันกลับมาพูดต่อจนจบพลางยิ้มกวนประสาทให้ฉัน

    ตอนนี้หน้าฉันคงแดงสุกไปแล้ว ฉันคว้าหมอนบนโซฟาอย่างไม่ต้องคิด แล้วปาเข้าไปในครัวจนถูกเป้าหมายซึ่งก็คือหัวนายไคเข้าอย่างจัง

    “อีตาบ้า!


    -------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    http://writer.dek-d.com/dek-d/writer/view.php?id=598441


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×