ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ศัตรูที่รัก : เรื่องวุ่น ๆหลังแต่งงานของเฮอร์ไมโอนี่กะมัลฟอย

    ลำดับตอนที่ #1 : ชีวิตหลังแต่งงาน

    • อัปเดตล่าสุด 16 ต.ค. 47


    ชี้แจงก่อนนะคะ  ฟิคเรื่องนี้เป็นภาคพิเศษของฟิคเรื่องศัตรูที่รัก ซึ่งถือว่าเป็นภาคต่อของศัตรูที่รักเฮอร์ไมโอนี่ + มัลฟอย และศัตรูที่รัก เฮอร์ไมโอนี่ + มัลฟอย ภาค 2 ถ้าใครที่ยังไม่ได่อ่านสองเรื่องนี้ก็เข้าไปอ่านก่อนนะคะ  เพราะเดี๋ยวจะสับสนค่ะ



    ศัตรูที่รัก  ภาคพิเศษ

    ตอนที่ 1 ชีวิตหลังแต่งงาน

    แสงแดดยามเช้าสาดส่องเข้ามาในห้องนอนขนาดใหญ่ห้องหนึ่ง   มันส่องผ่านหน้าต่างเข้ามาตกลงบนร่างของชายหนุ่มผมบลอนด์ที่กำลังตื่นจากหลับไหล  ดวงตาสีซีดของเขาปรือขึ้นและเขาก็มองไปรอบ  ๆ

    เช้าแล้วสินะ  เดรโก  มัลฟอย  ชายหนุ่มวัย 21 ปี  คิด  เขาก้มลงมองร่างที่นอนหลับอยู่ในอ้อมกอดของเขา  ชายหนุ่มเอามือลูบผมสีน้ำตาลของเธอเบา ๆ ใบหน้างดงามกำลังหลับไหล  ดวงตาสีน้ำตาลคู่สวยของเธอซ่อนอยู่ภายในหนังตา  ลมหายใจของเธอนั้นปะทะเข้ากับแผ่นอกของชายหนุ่มเป็นจังหวะสม่ำเสมอ  ความจริงเดรโกคิดว่าเขาอยากจะจูบเธอด้วยซ้ำถ้าไม่ติดอยู่ที่ว่าเขากลัวจะทำให้เธอตื่น  แต่ไม่นานนักเฮอร์ไมโอนี่ก็เริ่มขยับตัว  เธอปรือตาขึ้นมาช้า ๆ เพื่อรับภาพที่อยู่ตรงหน้า

    “เดรโก” หญิงสาวพึมพำพลางขยับตัว “เธอตื่นนานแล้วเหรอ”

    “ซักพักแล้วล่ะ” ชายหนุ่มตอบ

    “แล้วทำไมไม่ปลุกฉันล่ะ” เธอถาม

    “ก็ฉันอยากเห็นหน้าตอนเธอนอนนี่” เขาตอบด้วยรอยยิ้มกวน ๆ

    “บ้าเหรอ  มาดูหน้าฉันตอนนอนเนี่ย” หญิงสาวโวยวาย  ใบหน้าเป็นสีแดง

    “ไม่เห็นเป็นไรเลย  น่ารักจะตายไป” ชายหนุ่มบอกเธอ

    “บ้า” เฮอร์ไมโอนี่บ่น  รัวกำปั้นลงบนแผ่นอกของมัลฟอยแต่มันไม่ได้ทำให้เขาเจ็บเลยซักนิด  แต่เขากลับจับแขนของเฮอร์ไมโอนี่ไว้แทน  และชายหนุ่มก็ค่อย ๆ ก้มลงไปจูบเธอ

    “ตายแล้ว” เฮอร์ไมโอนี่ร้องอย่างตกใจพลางผลักมัลฟอยออก

    “อะไร” มัลฟอยพูดอย่างตกใจเช่นเดียวกัน

    “ทำไมเธอถึงไม่ปลุกฉัน  สายขนาดนี้แล้ว” เฮอร์ไมโอนีร้องพลางมองดูนาฬิกาที่เพิ่งบอกเวลาเจ็ดโมงสามสิบนาที

    “สายที่ไหนเล่าเพิ่งเจ็ดโมงครึ่งเอง” มัลฟอยเถียง

    “สายสิ  ก็วันนี้ฉันมีประชุมตอนเช้านี่นา” หญิงสาวพูดอย่างรีบร้อนพลางลุกจากเตียง “ขอโทษนะเดรโกแต่วันนี้ฉันคงทานข้าวเช้าด้วยไม่ได้จริง ๆ ” เธอพูด  หอมแก้มเขาทีนึงก่อนที่จะหายเข้าไปในห้องน้ำ

    “ให้มันได้อย่างนี้สิ” มัลฟอยพึมพำลูบแก้มอย่างเสียไม่ได้



    *************************************************



    ที่กระทรวงเวทย์มนตร์

    “อรุณสวัสดิ์ค่ะ  คุณมัลฟอย” เลขาสาวกล่าวทักเฮอร์ไมโอนี่เมื่อเธอเดินไปถึงหน้าห้องประชุม  ตอนนี้เธอกำลังอยู่ที่ ‘ สำนักงานใหญ่  มือปราบมาร ’

    “อรุณสวัสดิ์จ๊ะ  ลิซ” เฮอร์ไมโอนี่กล่าวทักเธอตามมารยาท  แม้ว่าเธอจะรีบก็เถอะ “เริ่มประชุมรึยังจ๊ะ” เธอถามเลขาสาวที่กำลังส่องกระจกสำรวจผมดัดทรงใหม่ของเธออยู่

    “ยังค่ะ  แต่คุณรีบหน่อยก็ดีนะคะ  เพราะว่าคุณแฮมเบิร์กเพิ่งมาถึงออฟฟิศเมื่อครู่นี้เองค่ะ” เธอตอบ

    “งั้นเหรอจ๊ะ  ขอบใจมากนะ” เฮอร์ไมโอนี่พูดกับเธออย่างรวดเร็วก่อนที่จะพุ่งพรวดเข้าไปในห้องประชุมทันทีก่อนที่ ‘ ริชาร์ด  แฮมเบิร์ก ’ หัวหน้ามือปราบมาร  เจ้านายของเธอจะเข้าประชุม

    “ทำไมมาช้าจัง” ชายหนุ่มผู้มีผมสีดำยุ่งเหยิง  สวมแว่นทรงกลมกล่าวทักเธอ  เขานั่งอยู่ข้าง ๆ ชายหนุ่มผมแดง  ใบหน้าตกกระ “โชคดีนะที่หัวหน้ายังไม่มา” แฮร์รี่พูด

    “โทษที  ตื่นสายน่ะ” เฮอร์ไมโอนี่พูดพลางวางแฟ้มในอ้อมแขนลงบนโต๊ะ

    “เมื่อคืนมัวทำอะไรอยู่ล่ะ” ชายหนุ่มผมแดง  กล่าวอย่างหงุดหงิด “ปกติเธอไม่ใช่คนตื่นสายนี่”

    “ฉันไม่ได้ทำอย่างที่นายคิดก็แล้วกันน่า  รอน!” หญิงสาวขึ้นเสียง  ใบหน้าเป็นสีแดงด้วยความโกรธปนอาย  แต่เมื่อเธอเห็นว่าเพื่อนร่วมงานคนอื่น ๆ มองมาที่เธอเป็นตาเดียว  เฮอร์ไมโอนี่จึงเลิกเถียงกับรอน ( ดีกว่า )

    “เอาล่ะ  สวัสดีทุก ๆ คน” ชายหนุ่มร่างท้วม  อายุประมาณ 40 ปี  เคราสีน้ำตาลขึ้นดกครึ้มใบหน้าที่เต็มไปด้วยริ้วรอยและรอยแผลเป็นต่าง ๆ ก้าวเข้ามาในห้องโดยทีมีสายตาของคนทั้งห้องประชุมจับจ้องอยู่

      “ขอโทษที่มาสายนะ” เขาพูด “และผมก็มีเรื่องด่วนมาแจ้งให้พวกคุณทราบว่า  การประชุมในวันนี้ถูกยกเลิก ” เขาพูดด้วยท่าทางเครียด ๆ ตามมาด้วยเสียงพึมพำอย่างไม่เข้าใจของคนทั้งห้องประชุม

    “แล้วเขาจะนัดเรามาแต่เช้าทำไมกัน” รอนบ่น  และเหมือนมิสเตอร์แฮมเบิร์กจะได้ยินที่เขาพูด

    “ตอนแรกที่ผมนัดประชุมพวกคุณในวันนี้เพราะผมต้องการข้อสรุปเรื่องที่กบดานของผู้เสพความตายที่เหลืออยู่” เขาหยุดหายใจหลังจากพูดเรื่องผู้เสพความตายที่ยังไม่ถูกจับกุม

    “แต่ตอนนี้  ไม่จำเป็นแล้ว” มิสเตอร์แฮมเบิร์กพูด

    “ทำไมล่ะครับ  ท่าน” แฮร์รี่ถามด้วยความสงสัย

    “เพราะว่าสายของเราได้รายงานสถานที่กบดานของมันให้ผมทราบแล้วน่ะสิ  คุณพอตเตอร์” เขากล่าวด้วยท่าทางรำคาญที่มีคนมาขัดจังหวะ “สายของเรารายงานว่าพวกมันนัดชุมนุมกันในวันนี้ตอนเที่ยงตรง  ที่บ้านร้างแห่งหนึ่งแถบชานเมือง  เพราะฉะนั้นผมขอให้พวกคุณจัดเตรียมทีมให้พร้อมที่จะบุกจับตัวพวกมัน” เขากล่าวเสียงเข้ม  มองมือปราบมารตรงหน้าทั้งหมด “ผมจะให้คุณจัดเป็นทีม ๆ ละสามคนนะเราจะมีฝ่ายประสานงาน  ฝ่ายที่เข้าจับกุม และกองกำลังเสริม  และเราจำเป็นต้องพรางตัวเข้าไปจับกุมพวกมัน  เอาล่ะ  พวกคุณมีเวลาเตรียมการ  เอ้อ  ” เขายกนาฬิกาขึ้นมาดู “สามชั่วโมง  และเราจะมาเจอกันที่นี่ตอนสิบเอ็ดโมงครึ่ง  เข้าใจไหม”  เขาพูดมองหน้าลูกน้องของเขาแต่ละคนอีกครั้ง  และเมื่อมือปราบมารแต่ละคนทำหน้าเหมือนรับรู้คำสั่งของเขา

    “เอาล่ะ  ไปทำงานได้” เขาพูด และก่อนที่มิสเตอร์แฮมเบิร์กจะเดินออกจากห้องประชุม “คุณพอตเตอร์  คุณวีสลีย์  และคุณมัลฟอย” เขาเรียก “ผมคิดดูแล้วว่าจะให้พวกคุณอยู่ทีมจับกุมนะ”



    *************************************************



    ณ  ตึกสูงระฟ้าแห่งหนึ่งใจกลางกรุงลอนดอน  ชายหนุ่มผมบลอนด์คนหนึ่งกำลังยืนอยู่ที่ห้องทำงานบนชั้น 40 ของเขา  สายตาทอดไปยังตัวเมืองเบื้องล่าง  ผ่านผนังที่ทำจากกระจกใส  ภายในห้องทำงานของเขานั้นโอ่อ่ากว้างขวางมากเกินจะเป็นห้องทำงาน  เพราะนอกจากโต๊ะทำงานตัวใหญ่ของเขาแล้วก็ยังมีเตาผิง  ชุดรับแขกขนาดใหญ่  รวมทั้งชั้นวางเอกสารมากมาย  แต่สิ่งที่ดูจะสำคัญกับชายหนุ่มมากที่สุดก็คือกรอบรูปอันหนึ่งที่ตั้งอยู่บนโต๊ะทำงานของเขา  ในภาพนั้นคือหญิงสาวผมสีน้ำตาลหน้าตาสะสวยกำลังยิ้มอย่างอ่อนหวาน  รูปของภรรยาของชายหนุ่ม  รูปของ  เฮอร์ไมโอนี่  มัลฟอย

    ก๊อก ๆ  ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นอย่างเกรง ๆ ก่อนที่เจ้าของห้องจะตอบกลับไปว่า “เข้ามาได้” ประตูไม้บานใหญ่ก็เปิดออกเผยให้เห็นร่างชายหนุ่มวัยยี่สิบกว่า ๆ ผมสีดำสนิท  สวมชุดสูทยืนอยู่

    “คุณมัลฟอยครับ  ของที่คุณสั่งให้หา” ชายหนุ่มคนนั้นพูดพลางเดินเข้ามาหามัลฟอยที่หันหลังกลับมาเผชิญหน้ากับเขา

    “ขอบใจแซม” มัลฟอยตอบ “เป็นไงบ้าง”

    “มีหลายที่เลยครับ” แซมกล่าวตอบพลางโบกไม้กายสิทธิ์ทีนึงก็ปรากฏภาพรีสอร์ทสวยงามเบื้องหน้าเขาราวกับภาพฉาย  และทุกครั้งที่แซมสะบัดไม่กายสิทธิ์สถานที่ที่ปรากฏก็จะเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ ภูเขาบ้าง  แม่น้ำบ้าง  ทะเลบ้าง  แต่ดูเหมือนว่ามัลฟอยจะไม่ชอบใจอันไหนเลยซักอัน

    “ไม่มีดีกว่านี้แล้วหรือแซม” มัลฟอยถาม

    “คุณไม่ชอบสวิสเหรอครับ  ที่นั่นวิวสวยมากเลยนะครับ” แซมพูดพลางโบกไม้กายสิทธิ์อีกครั้งเพื่อให้มันเปลี่ยนเป็นรูปทิวทัศน์ที่งดงามของประเทศสวิสเซอร์แลนด์

    “ไม่ล่ะ  มีที่อื่นไหม” มัลฟอยถามอีกครั้ง

    “งั้นเวนิสเป็นไงครับ  ทริปนี้แถมตั๋วกอนดอราฟรีด้วยนะครับ” แซมพูด ( กอนดอรา - เรือที่ให้นักท่องเที่ยวนั่งล่องไปตามแม่น้ำเพื่อชมเมือง )

    “ไม่ล่ะ” มัลฟอยส่ายหัวอย่างไม่ถูกใจ

    “งั้น  นี่ล่ะครับ” แซมพูดพลางสะบัดไม้กายสิทธิ์หนที่ห้าสิบ “มัลดีฟส์” เขาพูด  และเบื้องหน้าของมัลฟอยก็ปรากฏเกาะแห่งหนึ่งที่มีธรรมชาติงดงามราวกับสวรรค์  มัลฟอยเองยังต้องตะลึงในความงามของมัน

    “ตกลงเอาอันนี้แหละ  แซม” มัลฟอยพูด “จองให้ฉันด้วยนะ  ฉันจะเดินทางตั้งแต่อาทิตย์หน้า  อ้อแล้วช่วยจัดการเคลียร์งานของอาทิตย์หน้าให้ด้วยนะ”

    “ได้ครับ  ผมจะจัดการให้ทันที” แซมพูด “ถ้าหมดธุระแล้วผมขอตัวนะครับ”

    “ตามสบายแซม  ขอบใจมากนะ” มัลฟอยพูด

    “ยินดีครับ” ชายหนุ่มตอบและเดินออกไปจากห้องไป  ทิ้งเจ้าของห้องให้อยู่ตามลำพัง  

    มัลฟอยกำลังจินตนาการถึงการใช้วันหยุดทั้งสำหรับการไปเที่ยวมัลดีฟส์  กับเฮอร์ไมโอนี่  แค่คิดแค่นั่นเขาก็อยากจะออกเดินทางตอนนี้เลยด้วยซ้ำ  แต่เขาทำอย่างนั้นไม่ได้เพราะความจริงเฮอร์ไมโอนี่ยังไม่รู้เรื่องการไปเที่ยวครั้งนี้  ทุกอย่างเป็นเรื่องที่เขาจัดการเองทั้งหมด  เขาตั้งใจจะเซอร์ไพร์เธอด้วยการไปฮันนีมูนครั้งที่สองในสัปดาห์หน้าซึ่งตรงกับวันครบรอบแต่งงานของพวกเขาพอดี

    สามปีแล้วสินะ  เขาคิด  สามปีแล้วที่เขาแต่งงานมากับผู้หญิงที่ชื่อเฮอร์ไมโอนี่  สามปีแล้วที่เขาใช้ชีวิตอยู่กับเธออย่างมีความสุข  มัลฟอยยังจำได้ดีถึงวันที่เขาขอเธอแต่งงงาน  เขาจำได้ว่าท้องฟ้าในวันนั้นสวยแค่ไหน  และเขาดีใจเพียงไรที่เฮอร์ไมโอนี่ตอบตกลง  เขายังจำได้ถึงความอบอุ่นของร่างเธอที่โอบกอดเขารวมทั้งความอบอุ่นที่หัวใจของเขาสัมผัสได้ด้วย  หลังจากนั้นหนึ่งปีเฮอร์ไมโอนี่ก็เข้าพิธีแต่งงงานกับเขาในโบสถ์แห่งหนึ่ง  ท่ามกลางความแปลกใจของหลาย ๆ คนว่าทำไมเลือดบริสุทธิ์อย่างเขาจึงคว้าผู้หญิงอย่างเฮอร์ไมโอนี่มาแต่งงานด้วย  มัลฟอยก็รู้ดีว่าเฮอร์ไมโอนี่ไม่ใช่เลือดบริสุทธิ์ที่สูงส่ง  แต่เธอกลับเป็นผู้หญิงที่มีจิตใจงดงามตรงกันข้ามกับสายเลือดของเธอ  ซึ่งนั่นเป็นสิ่งหนึ่งที่เขาประทับใจในตัวเธอ  และเขาก็รักเธอในสิ่งที่เธอเป็น  แม้ว่าเธอจะไม่ได้มีสายเลือดเช่นเดียวกับเขาก็ตาม!



    *************************************************



    “ทำไมเขาเอาพวกเราไปอยู่ฝ่ายจับกุมนะ” เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างสงสัยเมื่อเดินออกมาจากห้องประชุม

    “เขาคงอยากเห็นฝีมือของพวกเรามั้ง  โดยเฉพาะ  แฮร์รี่  พอตเตอร์  มือหนึ่งของรุ่น” รอนพูด

    “บ้าน่ารอน  ไม่เกี่ยวหรอก” แฮร์รี่บอกปัด  “ฉันว่าเขาคงอยากให้เราลองเจองานที่ยากขึ้นก็เท่านั้นเอง”

    “แต่พวกเรายังขาดประสบการณ์นะ” เฮอร์ไมโอนี่แย้ง “เขาส่งพวกเราไปทำงานอันตรายอย่างนั้นได้ยังไง” เธอพูดด้วยท่าทีวิตกแต่เพื่อนทั้งสองของเธอนั้นไม่สนใจถึงความปลอดภัยในการทำงานเลย

    “โถ่  เฮอร์ไมโอนี่” รอนร้อง “ถ้าเธอมัวแต่คิดอย่างนั้นแล้วเมื่อไหร่เราจะได้มีประสบการณ์จริง ๆ ล่ะ”

    “แล้วถ้ามันทีอะไรเกิดขึ้นล่ะ  ถ้าเกิดว่าพวกเราคนใดคนหนึ่งเป็นอะไรไปล่ะ  จะทำยังไง” เฮอร์ไมโอนี่เถียงด้วยท่าทีเคร่งเครียด  แต่ก่อนที่รอนจะพูดอะไรกลับออกไปแฮร์รี่ก็เข้ามาห้ามทัพเสียก่อน

    “แต่ยังไงเราก็ต้องทำตามคำสั่งนะ  เฮอร์ไมโอนี่” แฮร์รี่พูด  และหญิงสาวก็จนปัญญาที่จะเถียงเขา



    *************************************************



    เวลาเที่ยงตรง  ณ บ้านร้างหลังหนึ่งแถบชานเมือง  ซึ่งลักษณะบ้านนั้นทั้งเก่าและทรุดโทรมจนไม่มีใครคิดว่าจะมีผู้คนมาอาศัยอยู่  และที่สำคัญบ้านหลังนี้ห่างไกลจากสายตาสอดรู้สอดเห็นของพวก ‘ มักเกิ้ล ’ มันเลยทำให้ผู้เสพความตายที่เหลืออยู่เลือกใช้บ้านหลังนี้เป็นสถานที่กบดาน  แม้ภายนอกของบ้านจะดูเล็กและแคบแต่ภายในนั้นกลับโอ่อ่า  กว้างขวางเพราะถูกลงคาถาไว้เช่นเดียวกับรถยนตร์ของนายวีสลีย์  

    ภายในตัวบ้าน  ผู้เสพความตายจำนวนสิบคน  สวมเสื้อคลุมสีดำสนิทและมีฮู้ดปิดศีรษะกำลังยืนสงบนิ่งอยู่ใจกลางบ้าน  พวกมันยืนล้อมวงกันเป็นวงกลมสองชั้นด้วยท่าทางเหมือนรอคอยอะไรซักอย่าง  เวลาเริ่มผ่านไปเรื่อย ๆ โดยที่ผู้เสพความตายเหล่านั้นยังคงยืนนิ่งไม่ไหวติงราวกับรูปปั้น  ในขณะที่มือปราบมารจำนวนหนึ่งค่อย ๆ เข้าโอบล้อมบ้านหลังนั้นอย่างช้า ๆ และพวกเขาให้ส่งทีมจับกุมค่อย ๆ แฝงกายเข้าไปใกล้ผู้เสพความตายเหล่านั้น

    อีกครู่หนึ่งก็มีเสียงดังแหวกอากาศดังขึ้นพร้อมกับการปรากฏตัวของชายคนหนึ่งตรงใจกลางวงล้อมนั้น  เขาสวมเสื้อคลุมสีดำเช่นเดียวกับผู้เสพความตายคนอื่น ๆ เขาค่อย ๆ กวาดสายตาที่อยู่ภายใต้ฮู้ดสีดำมองไปที่ผู้เสพความตายจำนวนสิบคนที่รายล้อมเขาอยู่

    “มากันครบแล้วสินะ” เขาพูดเสียงเรียบ  หากแต่เยือกเย็น  และผู้เสพความตายทั้งสิบก็ตอบเขาเป็นเสียงเดียวกัน “เรียบร้อยแล้วครับท่าน” เสียงของพวกเขาประสานกันจนเป็นเสียงดังอย่างน่าประหลาด

    “ดี” ชายคนนั้นกล่าว  รอยยิ้มเยือกเย็นปรากฏขึ้นบนริมฝีปากที่ไม่ได้ถูกฮู้ดคลุมอยู่ “หวังว่าทุกคนที่นี่  คงรู้นะว่าเรามาทำการประชุมกันในวันนี้  เพื่ออะไร” เขาพูดอย่างเยือกเย็น

    “รู้ครับ” ผู้เสพความตายที่เหลือประสานเสียงตอบอีกครั้ง

    “แล้วเรามาประชุมที่นี่เพื่ออะไรล่ะ” ชายคนนั้นถาม

    “เพื่อแก้แค้น” พวกเขาประสานเสียงตอบมา

    “ให้ใคร” ชายคนนั้นถามเสียงดังกว่าเก่าราวกับพยายามจะปลุกระดมกลุ่มคนที่อยู่เบื้องหน้าของเขา

    “ให้เจ้านายที่ยิ่งใหญ่ของเรา  ที่ไม่มีวันกลับมาอีกแล้ว!” เสียงประสานนั้นดังขึ้นจนดูน่ากลัว

    “ดี” ชายผู้อยู่กลางวงกล่าวพร้อมรอยยิ้มเครียด ๆ “แล้วเราต้องการแก้แค้นใคร” เขาถามด้วยเสียงเกรียดกราด  ขบกรามแน่นด้วยความแค้น  ในขณะที่ทีมจับกุมซึ่งประกอบไปด้วย  แฮร์รี่  รอน  และเฮอร์ไมโอยี่กำลังแฝงกายเข้าใกล้พวกมันมากขึ้น  จนพวกเขาห่างจากพวกมันไม่เกินสามเมตร

    “เราต้องแก้แค้นใคร!” ชายคนนั้นคำราม

    “แฮร์รี่  พอตเตอร์!!!” เสียงประสานนั้นดังกระหึ่มกว่าครั้งไหน  มันเต็มไปด้วยความเข้มแข็ง  แต่กลับแฝงไปด้วยความแค้น!

    “แฮร์รี่!” เฮอร์ไมโอนี่พึมพำออกมาอย่างลืมตัว  และนั่นก็เป็นสิ่งที่เธอทำพลาดอย่างใหญ่หลวงในการจับกุมวันนี้

    “นั่นใครน่ะ” ชายผู้เป็นหัวหน้าพึมพำพลางมองไปที่ที่เฮอร์ไมโอนี่ซ่อนตัวอยู่

    “รีคัตโต!” เขาคำรามชี้ไม้กายสิทธิ์ไปที่โต๊ะเก่า ๆ ที่เฮอร์ไมโอนี่ใช้ซ่อนตัว  มันลอยสูงขึ้นจากพื้นและก็แตกกระจายเป็นเสี่ยง ๆ เพราะแรงจากคาถา  ในขณะที่ชายคนนั้นย่างสามขุมมาหาเฮอร์ไมโอนี่

    “นึกว่าใครซะอีก  ที่แท้ก็คุณมือปราบมารเลือดสีโคลนนี่เอง” ชายคนนั้นกล่าวพลางเหยียดยิ้ม

    “สตูเปฟาย!” เฮอร์ไมโอนี่ตะโกนชี้ไม้กายสิทธิ์ไปที่เขาแต่เขาเบี่ยงตัวหลบทัน

    “คิดจะจับฉันมันยังเร็วไปสามปียัยเด็กน้อย” เขาพูดชี้ไม้กายสิทธิ์มาที่เฮอร์ไมโอนี่ “ครูซิโอ!”

    “อิมเปดิเมนด้า!” เสียง ๆ หนึ่งดังขึ้นพร้อมกับเกิดแรงกระแทกมหาศาลระหว่างเฮอร์ไมโอนี่กับผู้เสพควาตายคนนั้น  แฮร์รี่นั่นเอง  เขา  รอน  และมือปราบมารคนอื่น ๆ นำกำลังเข้ามาบุกจับผู้เสพความตายเหล่านั้นแล้ว  

    “สตูเปฟาย!  สตูเปฟาย!” เฮอร์ไมโอนี่ร่ายคาถาใส่ผู้เสพความตายคนหนึ่ง  มันล้มลงกับพื้นทันทีและขณะที่เธอกำลังจะมันเขาด้วยเชือกเวทย์มนตร์

    “รีคัตโต!” เสียง ๆ หนึ่งดังขึ้นด้านหลังของเฮอร์ไมโอนี่พร้อมกับคาถาที่พุ่งเข้าใส่เธอ  แต่เธอไวพอที่จะเบี่ยงตัวหลบได้ทัน

    “สตูเปฟาย!” เฮอร์ไมโฮนี่ร่ายคาถาใส่ร่างนั้นแต่มันหลบได้เสียก่อน  ระหว่างที่ทั้งสองกำลังต่อสู้อยู่นั้น

    “เอ็กเปลลิอาร์มัส” ร่างนั้นตะโกน  ไม้กายสิทธิ์พุ่งไปจากมือของเฮอร์ไมโอนี่ทันที

    “เสร็จฉันล่ะ” ร่างนั้นพูดอย่างสะใจ  ค่อย ๆ ย่างสามขุมเข้ามาหาเธอ “อะวาดา…..” มันร่ายคาถาแต่ก่อนที่มันจะได้ร่ายเสร็จเฮอร์ไมโอนี่ก็คว้าไม้กายสิทธิ์ของผู้เสพความตายที่ถูกสะกดนิ่งมาได้ก่อน

    “รีคัตโต!” เธอร้องชี้ไม้กายสิทธิ์ไปที่ผู้เสพความตายแต่มันหลบทัน  คำสาปแค่เฉียดร่างมันไปเท่านั้นแต่นั่นก็ทำให้ผ้าคลุมของมันเปิดเผยใบหน้าที่แท้จริงของมัน

    แพนซี่  พาร์กินสัน  นั่นเอง!!!

    “แพนซี่!” เฮอร์ไมโอนี่พึมพำอย่างตกใจ  

    “ก็ฉันน่ะสิ  ยัยเลือดสีโคลน!” เธอตะโกนเสียงเกรี้ยวกราด “สตูเปฟาย!” แพนซี่ตะโกนชี้ไม้กายสิทธิ์มาที่เธอแต่เฮอร์ไมโอนี่เบี่ยงตัวหลบทัน

    “ชิ!” แพนซี่สบถพลางวิ่งหลบเข้าไปในห้อง ๆ หนึ่ง  โดยมีเฮอร์ไมโอนี่วิ่งตามไปติด ๆ

    “อย่าหนีนะ!” เธอตะโกน วิ่งตามแพนซี่ไป “อาโลโฮโมร่า” เธอพูดและเมื่อประตูเปิดออก  เฮอร์ไมโอนี่ค่อย ๆ ก้าวผ่านประตูเข้ามาอย่างระมัดระวัง  เธอเดินเข้ามาในห้อง ๆ หนึ่งที่มืดชื้นและเหม็นอับ  เฮอร์ไมโอนี่ไม่เห็นแม้แต่เงาของแพนซี่ในนั้นเลย

    “ลูมอส” เฮอร์ไมโอนี่กระซิบพร้อม ๆ กับแสงสว่างที่ปรากฏขึ้นบนปลายไม้กายสิทธิ์

    “เอกซ์เปลลิอาร์มัส” เสียงของแพนซี่ดังขึ้นพร้อม ๆ กับไม้กายสิทธิ์ในมือของเฮอร์ไมโอนี่ที่ลอยไปอีกครั้ง  แพนซี่กำลังยืนอยู่ในมุมหนึ่งของห้อง  เธอหมุนไม้กายสิทธิ์ที่รับมาในมืออย่างอารมณ์ดี

    “ไม่รู้รึไงว่าอยู่ในที่สว่างน่ะมันอันตราย” เธอพูดพลางยิ้มน่ารังเกียจ  ตอนนี้เฮอร์ไมโอนี่มาติดกับเธอเสียแล้ว  เธอเลิกหมุนไม้กาายสิทธิ์ในมือและโยนมันทิ้งลงพื้น

    “ฉันไม่คิดว่าเธอจะเป็นผู้เสพความตาย” เฮอร์ไมโอนี่พูดเสียงแผ่วเบา  ในสมองของเธอกำลังทำงานอย่างหนักเพื่อหาทางรอด

    “งั้นเหรอ” แพนซี่ตอบอย่างสบาย ๆ “แล้วแปลกใจไหมล่ะ” เธอพูด

    “ก็ไม่มากเท่าไหร่หรอก” เฮอร์ไมโอนี่ตอบ  พยายามเดินเข้าไปใกล้ไม้กายสิทธิ์อันนั้นมากที่สุด “ก็เพราะคนอย่างเธอน่ะเป็นผู้เสพความตายก็ไม่แปลกนักหรอก!” เฮอร์ไมโอนี่พูดแทงใจดำแพนซี่  ส่วนแพนซี่นั้นหันมามองเธออย่างเกรี้ยวกราด

    “ใช่  คนอย่างฉันมาเป็นผู้เสพความตายมันอาจจะไม่แปลกซักเท่าไหร่นะ  แต่คนอย่างเธอมาเป็นคุณนายมัลฟอยนี่สิ  ฉันว่ามันพิสดารเลยล่ะ!” แพนซี่พูดอย่างเจ็บแค้น  เธอย่างสามขุมเข้ามากระชากคอเสื้อของเฮอร์ไมโอนี่  แม้เวลาจะผ่านมาหลายปีแล้ว  แต่เธอก็ยังไม่ลืมเลยว่าเธอเกลียดชังและอิจฉาเฮอร์ไมโอนี่เพียงใด

    “เหรอ  แต่ฉันก็ได้เป็นอย่างงั้นนี่  แม้ว่ามันจะพิสดารก็เถอะ” เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างไม่เกรงกลัว

    “แก!!!” แพนซี่พึมพำอย่างเคียดแค้นพลางผลักเฮอร์ไมโอนี่ลงไปกองกับพื้นห้อง  แพนซี่ชักไม้กายสิทธิ์มาชี้ไว้ที่เฮอร์ไมโอนี่  “แต่ถึงยังไงแกก็จะไม่ได้พบเดรโกอีกต่อไปแล้วล่ะ  ลาก่อนนะยัยเลือดสีโคลน” เธอพูด  และก่อนที่แพนซี่จะร่ายคาถา  เฮอร์ไมโอนี่ก็รีบหยิบไม้กายสิทธิ์ที่ตกอยู่ที่พื้นมาได้ก่อน

    “สตูเปฟาย!!!” เฮอร์ไมโฮนี่ตะโกนก้อง  ลำแสงสีแดงพุ่งเข้าปะทะร่างของแพนซี่เข้าอย่างจัง  เธอล้มลงกับพื้นในทันที  

    “มีใครอยู่ในนั้นมั้ย” เสียง ๆ หนึ่งดังขึ้นด้านนอกก่อนประตูจะเปิดออก

    “แฮร์รี่” เฮอร์ไมโอนี่พูดเมื่อเห็นร่างที่ปรากกตัวขึ้น

    “เธอไม่เป็นไรใช่ไหม  เฮอร์ไมโอนี่” เขาถามด้วยความเป็นห่วง “แล้วนั่น” แฮร์รี่พูดชี้ไปที่ร่างของแพนซี่

    “เอ่อ  แพนซี่น่ะ  แต่ฉันสะกดนิ่งเขาแล้ว” เฮอร์ไมโอนี่ตอบ

    “อ้อ  งั้นก็ปล่อยเขาไว้นี่แหละ  มาเถอะข้างนอกต้องการคนช่วยนะ” แฮร์รี่พูดอย่างเร่งรีบ และก่อนที่ทั้งสองจะก้าวพ้นห้องนั้นไป  ดวงตาของแพนซี่ก็ลืมขึ้นซะก่อน  เธอค่อย ๆ ยันกายขึ้นพร้อม ๆ กับไม้กายสิทธิ์ในมือที่ชี้ไปทางเฮอร์ไมโอนี่

    “อ็อบวิเลียต!!!” เธอตะโกนและร่างของเฮอร์ไมโอนี่ก็ล้มลงทันที!

    ฉันไม่ยอมให้แกมีความสุขหรอก  เกรนเจอร์

    ฉันไม่ยอมให้แกมีความสุขกับเดรโกหรอก!!!



    *************************************************



    ฮุฮุฮุ  มาอัพก่อนไปเชียงใหม่จ้า  อ่า  อ่านแล้วเม้นด้วนนะ เพื่อน  ๆนักอ่านทั้งหลาย
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×