คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : FLOWER.
APPLICATION
“ แว่วเสียงของนกน้อยกำลังเยียวยาข้า สายลมกำลังโชยมาดั่งยารักษา ฟากฟ้าเป็นราวกับแหล่งพักพิงใจ
โอ... ธรรมชาตินั้นช่างงดงาม ท่านคิดเหมือนข้าหรือไม่? ”
“ ถ้าชีวิตคือดอกไม้ ความรักก็เปรียบเสมือนเกสรเเละน้ำผึ้งที่หอมหวาน
ไม่มีดอกไม้ดอกไหนที่ไม่มีเกสรหรอก จริงมั้ย? ”
“ หากเพียงเพื่อให้ท่านสบายใจ ไม่ว่าสิ่งใด ข้าก็จะพยายามทำมัน ”
บท :: Kenma Kozume - สโนว์ไวท์
ชื่อ :: อาซามิ อากิโกะ | Asami Akiko
ชื่อเล่น :: อากิโกะ , อากิ , อากิจัง (ชื่อเล่นจริง ๆ คือ "อากิ" แต่ใครจะเรียกเธอด้วยชื่อเล่นอื่น ๆ ก็ได้เหมือนกัน ซึ่งเท่าที่ยกตัวอย่างมา ก็เป็นชื่อที่เธอถูกเรียกบ่อยที่สุด ไม่นับรวมนามสกุลที่อาจจะถูกเรียกเพราะคนที่ยังไม่รู้จักกันดีน่ะนะ)
อายุ :: 16 ปี
รูปร่างลักษณะ ::
ดอกไม้ที่งดงาม สดใส ประดึงดูดแก่สายตา หากทว่า ดอกไม้ดอกนั้น กลับเป็นดอกไม้ที่อยู่เพียงแต่ในกระถาง ราวกับเป็นไม้ประดับที่ไม่อาจจะมีอิสระดังเช่นดอกไม้ในทุ่งหญ้า ตัวตนของอากิโกะคงสามารถเปรียบเปรยได้เช่นนั้น รูปร่างบอบบางตัวเล็ก ลำแขนและแข้งขาเกือบจะดูไร้เรี่ยวแรงไปเสียทั้งหมด เรือนกายบอบบางแต่ไม่ถึงกับผ่ายผอมมากนัก ตัวของอากิโกะนั้น มีส่วนสูงอยู่เพียงแค่ 150 เซนติเมตร และน้ำหนักอีก 34 กิโลกรัม เธอดูน่ารัก น่าเอ็นดูและน่าทะนุถนอมไปในเวลาเดียวกัน และเพราะตัวเล็กมาก อากิโกะจึงมักจะดูมีภาพลักษณ์ภายนอกที่เหมือนกับตุ๊กตากระเบื้องเอามาก ๆ ...ทั้งงดงาม เลอค่า เสมือนกับเป็นตุ๊กตา แต่ก็มีชีวิตและรอยยิ้มที่สดใสประดับใบหน้า สิ่งนั้นคงทำให้ใครหลาย ๆ คนหลงใหลได้อย่างไม่ยากเลยล่ะ
อากิโกะมีดวงตาสีน้ำตาลอ่อนอมสีเทา แก้วตาเป็นประกายสุกใสสมวัย แววตาที่ดูทั้งใสซื่อราวกับลูกแก้วมากราคา แพขนตายาวเรียงตัวสวย เส้นคิ้วพาดตัวเหนือดวงตาโก่งโค้งรับกับโครงหน้าได้อย่างเหมาะสม จมูกทรงหยดน้ำเล็ก และติดโด่งรั้นหน่อย ๆ เข้ากับริมฝีปากบางกระขับสีแดงเรื่อ พวงแก้มขึ้นสีเลือดฝาดพอเหมาะพอตัว ใบหน้าจิ้มลิ้มน่ารัก ดวงหน้ารูปไข่ล้อมกรอบไปด้วยเส่นผมหยักศกสีดำขลับยาวจรดบั้นท้าย เรือนผมดูสุขภาพดีนุ่มนิ่มน่าสัมผัส ใบหน้าและเนื้อตัวของเธอเกลี้ยงเกลา ผิวขาวอมชมพูยิ่งทำให้เธอดูเหมือนกับตุ๊กตามากขึ้น กระนั้น เธอก็ยังคงความมีชีวิตชีวาเอาไว้เสมอ ไม่ว่าจะรอยยิ้ม หรือการสร้างบรรยากาศรอบตัวให้ดูน่าเข้าหาก็ตาม
นิสัย ::
▹ polite
อาซามิ อากิโกะ บุตรสาวเพียงคนเดียวของราชาผู้ครองอาณาจักรอันมั่งคั่ง เธอผู้ที่งดงามเสมือนกับตัวตนของเจ้าหญิงที่ถูกวาดไว้ในหนังสือเทพนิยายไม่มีผิด ในการอบรมสั่งสอนบุตรสาวของตระกูลชนชั้นสูงแน่นอนว่าจะต้องเข้มงวดในระดับหนึ่ง และเพราะแบบนั้น มันจึงทำให้เด็กสาวมีความน่ารัก เรียบร้อย กิริยามารยาทสมกับการเป็นคุณหนู ทุกอิริยาบทมักแสดงออกมาอย่างน่ารักน่ามองในสายตาของผู้หลักผู้ใหญ่ ตัวตนที่เหมือนกับถูกแม่พิมพ์คัดกรองมาอย่างดี ดูสมกับการเป็นเด็กสาวในตระกูลใหญ่ ที่ควรจะมากไปด้วยกิริยามารยาท รวมทั้งความสุภาพทั้งการกระทำและคำพูดต่าง ๆ อากิโกะเป็นแบบนั้น และนั่นก็ทำให้เธอดูงดงามในแบบของเจ้าหญิงผู้สมบูรณ์แบบและเป็นที่ชื่นชมเอามาก ๆ จริง ๆ เสียด้วย
เด็กสาวที่ว่านอนสอนง่าย อยู่ในกรอบเกณฑ์ทุกอย่างดังที่ผู้หลักผู้ใหญ่ต้องการ ไม่ปริปากเถียงให้พวกเขาเกิดไม่พอใจ มีแต่จะนั่งรับฟัง และยินยอมให้พวกเขาควบคุมได้เสียง่าย ๆ บรรยากาศรอบ ๆ ตัวของเธอนั้นเรียกได้ว่าสงบนิ่ง แต่ก็ไม่ได้ดูอึดอัด คงต้องบอกว่ามันเป็นความเงียบที่เหมือนกับอยู่ท่ามกลางทุ่งดอกไม้มากกว่า เงียบสงบ...แต่ก็สบายใจ แถมยังงดงามเพลิดเพลินตา ถึงแม้ว่าอากิโกะจะสุภาพอยู่ตลอดก็ตาม ทว่าท่าทีแบบนั้นมันก็ยังแฝงไปด้วยความเป็นกันเองกับคนสนิทอยู่จาง ๆ มันสามารถสัมผัสได้ง่าย ๆ อยู่แล้ว อากิโกะจะสุภาพอย่างจริงจังเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้ใหญ่หรือชนชั้นสูงอื่น ๆ แต่ก็จะผ่อนคลายลงมาอย่างเห็นได้ชัดเมื่ออยู่กับเพื่อน ๆ เห็นได้ชัดว่าเธอดูเป็นตัวเองมากขึ้น แต่ก็ยังติดนิสัยพูดจาสุภาพ อ่อนน้อม และปฏิบัติตนดังคำสอนต่าง ๆ นา ๆ มากมายอีก เช่น ให้เกียรติผู้อื่นบ้างล่ะ มารยาทในการกินบ้างล่ะ ห้ามเล่นผาดโผนบ้างล่ะ หลาย ๆ อย่างมันซึมอยู่ในหัวของเธอมากซะจนแม้แต่เพื่อนของเธอยังหนักใจเลย ว่าแม่สาวนี่แยกเพื่อนกับคนในวังไม่ออกหรือไงนะ?
แต่เปล่าหรอก... มันคือความเคยชินอย่างที่ว่าไปนั่นแหละ พ่อแม่สอนให้เธอสุภาพเข้าไว้ แล้วเธอก็ติดนิสัยพูด คะ ค่ะ จ้ะ จ้า มาบ่อย ๆ ซึ่งน้ำคำเหล่านั้นมันไม่ได้มันไม่ได้ห้อยเข้ามาเพราะเธอตั้งใจจะแดกดันใคร มันเป็นเพราะความเคยชินจริง ๆ แม้แต่กับคนใช้ หรือบุคคลสนิทเธอก็ยังพูดแบบนี้อยู่ตลอด คงเป็นนิสัยที่แก้ไม่หายไปแล้ว แต่มันก็ไม่ได้แย่อะไรนี่นา... การปลูกฝังตั้งแต่เด็กหล่อหลอมเธอออกมาให้กลายเป็นสาวน้อยที่ดูสุภาพ น่ารัก และเรียบร้อยสมเป็นเจ้าหญิงที่พวกผู้ใหญ่ต้องการไปแล้ว ใคร ๆ ก็บอกว่ามันทำให้เธอดูน่ารักออกจะตาย จริงไหมล่ะ
▹ gravitate
ภาพลักษณ์ที่ชักชวนดึงดูดให้เข้าหา ใบหน้าน่ารักจิ้มลิ้ม พ่วงเข้ามากับรอยยิ้มกว้างที่สดใส แววตาสุกสกาวเป็นประกายที่ดูบริสุทธิ์เสมือนกับเปลือกแก้ว รูปร่างเล็กเหมือนกับเด็กที่มองแล้วน่าจะซุกซน หากแต่ผิดคาดเลย เธอน่ะน่ารัก และเรียบร้อยเสียอีก ถึงแม้เธอคงจะไม่ได้สวยสดงดงามล่มบ้านล่มเมืองถึงเพียงนั้น ทว่าก็ยังสามารถพูดได้เต็มปากอยู่ดี ว่าอากิโกะน่ะ ทั้งน่ารักสดใสสมวัย แล้วก็ยังสุภาพเรียบร้อยเสมือนกับผ้าที่ถูกพับไว้อีก อากิโกะไม่เคยแบ่งแยกอะไรเรื่องการวางตัวมากมายขนาดนั้น เว้นแต่แค่จะสุภาพ ระวังตัวมาก ๆ หรือแค่ผ่อนคลายลงมานิดหน่อยตอนที่อยู่กับเพื่อนเท่านั้น การที่จะเห็นเธอชี้หน้าด่าใคร หรือจะยืนกรานดูถูกเหล่าปวงประชาคงจะไม่มีทางหาพบได้หรอก ก็คนอย่างเธอน่ะ มองโลกในแง่ดีเอามาก ๆ เลยน่ะสิ รวมทั้งยังไร้ซึ่งความทระนงตน ไม่มีแม้ความหยิ่งยโสในยศถาที่ตนมีเลย ทำตัวราวกับเด็กสาวธรรมดา ๆ คนหนึ่ง ที่จะเข้าไปคุยกับใครเขาก็ได้เสียอย่างนั้น ถึงแม้เธอจะไม่ค่อยได้เข้าหาใครบ่อยนัก แต่สำหรับเธอแล้ว เธอสามารถคบเพื่อนได้ทุกชนชั้นจริง ๆ นะ
อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้ตัวเธอดูน่าเข้าหามากจขึ้นนอกเหนือไปจากรอยยิ้ม และเสียงหัวเราะแผ่ว ๆ ราวกับระฆังที่ดังกังวาน นั่นก็คือกลิ่นหอมจาง ๆ ที่เป็นกลิ่นของดอกไม้ ที่มักจะลอยออกมาจากตัวของเธอ มันเป็นกลิ่นที่ไม่ได้ฉุนอะไรนัก กลับหอมอ่อน ๆ ชวนหลงใหลใคร่ให้เดินเข้าไปทำความรู้จักซะมากกว่า อีกอย่าง ด้วยเพราะฐานะความเป็นอยู่ อากิโกะจึงมีภาพลักษณ์การแต่งตัว เสื้อผ้าหน้าผมที่ดูยังไงก็น่ารักอยู่แล้วด้วย ใครเล่า ที่จะไม่เอ็นดูเจ้าหญิงผู้นี้ มองดูแล้วเธอก็ดูราวกับแก้วมณีที่สดใส งดงาม และเป็นที่ต้องสายตาเลยล่ะ หากแต่ ก็ยังคงดูเปราะบาง และน่าทะนุถนอมเอามาก ๆ ด้วย
เธอไม่ใช่คนที่หาเรื่องคุยเก่งนัก แต่ก็ถือว่าสามารถคุยได้กับทุกคนล่ะนะ ถ้าใครชวนคุย เธอก็พูดคุยกับไปอย่างเป็นธรรมชาติเสมอ เรียกง่าย ๆ ว่าส่วนมากแล้ว อากิโกะจะไม่ใช่ผู้ที่เปิดบทสนทนาก่อนหรอก เธอจะเป็นคนที่ไหลตามบทสนทนาไปเองเสียมากกว่า หรือต่อให้เธอเงียบ ถึงยังไงบรรยากาศรอบ ๆ ตัวก็ยังไม่มีอะไรกดดันหรอก บางครั้งอากิโกะก็อาจจะเป็นผู้ที่เปิดบทสนาก่อน แน่นอนว่ามันอาจจะเป็นเรื่องทั่วไปบ้าง เรื่องรอบตัวบ้าง หลาย ๆ สิ่งที่สบาย ๆ คุยด้วยแล้วก็สบายใจตามไปเสมอ อากิโกะอาจไม่ได้พูดเล่าเรื่องของตัวเองซะหมดเปลือกขนาดนั้น แต่ก็ใช่ว่าจะปกปิดอะไรมากมาย เธอสามารถเล่าเรื่องของตัวเองได้ ถ้ามีคนถาม สามารถบอกอะไรก็ได้ที่มันจะไม่ทำให้ใครเดือดร้อน เธอรู้กาลเทศะในตัวเอง ขณะเดียวกัน ก็ทำให้คนรอบ ๆ ตัวสบายใจได้อย่างง่าย ๆ เมื่อคุยด้วย หรือแม้แต่แค่อยู่ใกล้ ๆ เลยล่ะ
ความอ่อนหวาน นุ่มนวล ชวนให้รู้สึกเหมือนกับก้อนสายไหมนุ่ม ๆ ที่กำลังหลอมละลาย อากิโกะในบางครั้งก็ให้ความรู้สึกแบบนั้นได้จริง ๆ เธอเป็นคนตัวเล็กมาก แข้งขาก็ดูเรียวเล็กและติดจะสั้นไปหน่อย (...) ซึ่งมันก็ทำให้เธอดูเหมือนกับเด็ก...เด็กที่ว่าก็คือเด็กกว่าอายุของเธอจริง ๆ น่ะ ในเรื่องของหน้าอกหน้าใจคงไม่ต้องพูดถึง ต่อให้เธอมี มันก็ออกจะ...เกือบจะแบนราบเป็นไม้กระดานไปแล้ว สิ่งดึงดูดใจสำหรับอากิโกะไม่ใช่หน้าอก แต่เป็นหน้าตาและความน่ารักนี่นะ ด้วยความที่เป็นคนตัวเล็ก จึงไม่แปลกเลย หากจะถูกอุ้มถูกแบกเอาได้ง่าย ๆ ใคร ๆ ก็คงนึกหมั่นเขี้ยวอยากจะลูบหัวเธอ หรือไม่ก็อุ้มแล้วจับหมุนไปมาเสียหน่อยล่ะ ก็ทำยังไงได้ล่ะ เธอดูเหมือนกับตุ๊กตามีชีวิตที่ยิ้มได้ หัวเราะเป็นเลยนี่นา
▹ reserved
อากิโกะนั้น มีความใสซื่ออยู่สูงมาก คงเพราะการอยู่ในกรอบมากเกินไป ทำให้เวลาที่เธอเจออะไรใหม่ ๆ หรือแปลกตา ก็มักจะเผลอฉีกยิ้มกว้างจนหน้าบานเกินเหตุอยู่เรื่อย หรือไม่ก็แสดงอาการออกมาชัดเจนมากเกินกว่าคนปกติ ทั้งดีใจ ตกใจ หรืออะไรก็ตาม เธอดูเป็นกระต่ายน้อยตื่นตูมได้ง่าย ๆ เลยนะ ไอ้ลุคคุณหนูก่อนหน้าก็ปลิวออกไปแวบหนึ่งเลยทีเดียว แต่พอคนอื่นเข้าหัวเราะใส่ เจ้าตัวก็หันไปแยกเขี้ยวทำหน้ายักษ์ใส่แทบจะทันที แล้วถามว่าน่ากลัวไหม...บอกได้เลยว่าไม่ ถึงอย่างนั้นก็เถอะ อากิโกะไม่ทำหน้ายักษ์ใส่ใครนาน ๆ หรอก เพราะนาทีต่อมาหลังจากที่รู้ตัวว่าตัวเองทำหน้าแบบไหน หรือแสดงอาการอะไรออกไป เธอก็จะพยายามปรับสีหน้ากลับมาให้เป็นปกติ แล้วสงวนท่าทีให้ดูเป็นคุณหนูผู้รียบร้อยเหมือนเดิม
แต่ก็ต้องยอมรับล่ะ ว่าเธอเก็บอาการได้ไม่เก่งเท่าไหร่ ที่เห็น ๆ สุภาพกับผู้ใหญ่ได้ดีเลิศขนาดนั้น มันก็เพราะไม่มีอะไรมากวนใจเธอต่างหาก แล้วเธอก็ทำแบบนั้นไปเพราะความเคยชิน ไม่คิดอะไร และไม่ได้คิดว่านี่มันเป็นเรื่องยากด้วย แต่ถ้ามีอะไรมากวนใจเข้าหน่อย เจ้าตัวก็จะแสดงท่าทีมีพิรุธในรูปแบบที่ต่อให้มองลงมาจากดาวอังคารก็ต้องรู้อยู่ดี ว่ามันแปลก ๆ ยัยนี่ต้องมีอะไรแฝงไว้ในใจแน่ ๆ ... แน่นอนว่าพอถูกถาม เธอก็จะปฏิเสธ แต่ยิ่งปฏิเสธกลับยิ่งดูน่าสงสัยมากขึ้นไปอีกเสียอย่างนั้น เพราะงั้น เพื่อน ๆ หรือคนรอบตัวเธอก็เป็นอันรู้กันว่า อย่าไปทำให้มีอะไรค้างคาใจ หรือไปทำให้เจ้าหล่อนตกใจอะไรนาน ๆ เข้าล่ะ... ไม่อย่างนั้นคงได้สงสัยกันไปทั้งบางแน่
เพราะความที่เป็นคนแสดงออกทางอารมณ์ชัดเจน และเก็บอาการไม่ค่อยเก่ง นั่นจึงอาจเป็นอีกสาเหตุที่ทำให้เธอดูเป็นสาวน้อยผู้น่ารักคนหนึ่ง พอตกใจ ก็กระโดดโหยงอย่างหลุดลุคคุณหนู บทจะกลัวผี ก็กลัวจนกอดเข่าร้องไห้ขาไม่ขยับ บทจะเกรี้ยวกราดกลับดูเหมือนลูกแมวถูกแย่งปลาทูไป บทจะเสียใจก็ร้องไห้งอแงจนผู้คนอดใจอ่อนไปไม่ได้เลย พอบทจะเขิน ก็หน้าแดงแจ๋ตัวสั่นหงึกหงักเหมือนเจ้าเข้า ปากบอกว่าไม่ได้เขิน ไม่ได้ชอบ แต่หน้าตาและท่าทีนี่ก็สวนทางอย่างบ่งบอกชัดเจนซะขนาดนั้น... เธอน่ะ ดูน่ารัก ราวกับกระต่าย นุ่มฟูเปรียบเสมือนปุยนุ่น แต่ก็แอบมีบ้างที่ทำให้เหนื่อยอกเหนื่อยใจ ทว่าก็คงเป็นความเหนื่อยใจที่เพลินตาดีล่ะมั้งนะ...?
▹ imaginative
อากิโกะน่ะ ค่อนข้างที่จะเพ้อฝันเลยล่ะ ถึงแม้จะไม่ได้มากมายอะไรขนาดนั้น แต่ก็ยังนับว่ามีสิ่งเหล่านั้นอยู่ในตัวค่อนข้างมากอยู่ดี อากิโกะมักจะคิดอะไรไปเองอยู่บ่อย ๆ เฝ้าฝันถึงชีวิตในอนาคตที่แสนสวยงาม หลงงมอยู่กับความฝันเหล่านั้นและมักจะเอามาปะปนกับชีวิตจริงในบางส่วนเสียด้วย อย่างการที่มีเจ้าชายสักคนเข้ามาในชีวิต เธอก็เริ่มที่จะมองหน้าเขา มโนเพ้อไปเสียเองว่าเขาจะเป็นคนแบบไหน คิดยังไงกับเธอ อนาคตเราจะทำอะไรดี พรุ่งนี้เราจะได้เดินเล่นด้วยกันอีกหรือเปล่า ...โอย บอกเลยว่าเจ้าหล่อนน่ะ มโนเพ้อไปได้แม้กระทั่งตอนที่ยังตื่นอยู่เลยนะ ตอนที่หลับก็คงไม่ต้องพูดถึงหรอก เธอมักจะหลับฝันถึงใครสักคน หรือแม้แต่ตัวเองอยู่เสมอ บ้างก็เป็นความฝันน่ารัก ๆ ของตัวเองที่เดินเล่นในทุ่งหญ้า บ้างก็เป็นฝันกับเจ้าชาย... เจ้าชายที่มาเล่นกับเธอในวัยเด็ก ว่าแล้วก็เขินเองหลายครั้ง เขินเสียจนกลิ้งตกเตียงร้องอั่ก! ลุกขึ้นมาใหม่แทบไม่ทันเลยล่ะ
มันคงเป็นข้อเสียไปสักหน่อย ที่เธอค่อนข้างที่จะรัก หรือชอบใครง่าย ๆ เพราะดันมองโลกในแง่ดีผนวกกับความเพ้อฝันเข้าไปแล้ว ยิ่งหล่อหลอมให้เจ้าหล่อยคิดว่าทุกคนนั้นดีไปเสียหมดอีก สำหรับเจ้าชายที่เข้าหาเธอ เธอก็ยินยอมเข้าหาเขาเช่นกัน พอยิ่งได้คุยกัน หรือฝ่ายนั้นทำอะไรดี ๆ ให้เขาหน่อย เธอก็สามารถเพ้อถึงเขาได้แล้ว ไม่ใช่ว่าเธอใจง่ายนักหรอกนะ แต่มันเป็นเพราะที่ผ่านมา ไม่ค่อยได้มีใครไหลเข้ามในชีวิตของเธอเลยต่างหาก เธออยู่ในวังเสียส่วนมาก การที่ได้พบเจอคนใหม่ ๆ ที่เข้ามาทำดีด้วยย่อมทำให้สาวน้อยผู้ใสซื่อติดกับเอาได้ง่าย ๆ อยู่แล้ว ถ้ามาดี ก็ดีไป แต่ถ้ามาร้าย แบบนั้นก็คงเป็นผลเสียต่อตัวเธอเองจริง ๆ นั่นแหละ
ถึงอย่างนั้นก็เถอะ อากิโกะไม่ได้เพ้อฝันถึงเจ้าชายทีละหลาย ๆ คนหรอก มันจะต้องมีสักคนสิ ที่ทำให้เธอเพ้อถึงได้มากที่สุด คนอื่นอาจทำให้เธอชอบในรูปแบบของความปลื้มในนิสัยได้ แต่กับคนที่คง้าหัวใจเธอไปแล้วน่ะ... ดึงกลับไม่ได้ง่าย ๆ เลยนะ อากิโกะที่ตื่นเช้าขึ้นมาหลังจากการฝันหวานนั่นน่ะ ไม่ได้หงุดหงิดหรอก ออกจะคิดว่ามันน่าอายปนกับความสุขเล็ก ๆ เสียด้วยซ้ำ และหากพบกับเจ้าชายในฝันคนนั้นเข้าหลังจากตื่น เธอก็จะแสดงท่าทีมีพิรุธออกมาอีกแล้ว... ก็แบบว่า ฝันของเธอมักจะผุดขึ้นมายามที่มองเห็นหน้าใครสักคนที่มีบทบาทในห้วงนิทราของเธอเองน่ะนะ เธอจะเขิน ดีใจ หรือเง้างอนขึ้นมาทันทีเลยล่ะ ถึงจะไม่ใช่อาการร้ายแรงอะไร แต่ก็เล่นเอาอีกฝ่ายงงเต๊กไปเลยล่ะ ก็เธอฝันคนเดียว คิดคนเดียว ไม่ได้พูดให้ใครฟังนี่นะ ใครเห็นใครก็คงงงใหญ่ ว่าแค่ยืนอยู่ตรงหน้า แล้วแม่นี่จะเขินอะไรกันนักกันหนา? (ไม่มีใครรู้หรอกว่าในหัวหล่อนคิดเพ้อมโนถึงฝันของเมื่อคืนอยู่ แล้วคนที่ถูกฝันก็ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไรเลยด้วย)
▹ helpful
หากจะพูดถึงเรื่องที่น่าเป็นห่วงประการต่อมา ก็คงต้องพูดถึงความไร้เดียงสา และเชื่อผู้คนง่ายไปเสียหน่อยของเธอ ยิ่งถ้าเป็นการมอบความช่วยเหลือให้ จะอะไรเธอก็คงหลงกลเอาได้ง่าย ๆ เสียหมด คงจะต้องใช้คำนิยามเปรียบเปรยที่ว่าใจดีเกินไปจนกลายเป็นคนอ่อนหัดตามไม่ทันใครนั่นแหละ อากิโกะเป็นแบบนั้นจริง ๆ ถึงความใจดีจะไม่ทำให้ใครเขาเดือดร้อน แต่มันกลับทำให้ตัวเธอนั่นแหละ เดือดร้อนเอง ก็เพราะความที่ใจอ่อน เชื่อคนง่าย แถมความช่วยเหลือของเธอยังเข้าขั้นหนักขนาดที่ว่า ยอมหักแขนตัวเองไปดามขาคนอื่นเลยล่ะ เธอทนเห็นใครจะต้องลำบากปางตายต่อหน้าไม่ได้ เพราะงั้นต่อให้ตัวเองต้องลำบาก เธอก็จะเข้าไปช่วยอยู่ดี เธอคิดเอาเองเสียว่า การได้ช่วยเหลือใครสักคนได้ มันก็ทำให้เธอสบายใจได้มากกว่าจริง ๆ นี่นา กลับกัน หากช่วยเอาไว้ไม่ได้นี่สิ คงเป็นเหมือนกับตราบาปที่ฝังหัวอากิโกะอย่างที่เธอลืมไม่ลง อย่างที่เธอจะต้องรู้สึกผิดไปตลอดชีวิตเลยล่ะ อากิโกะเกลียดความรู้สึกที่ต้องจมจ่อมลงไปกับความรู้สึกผิดแบบนั้น เพราะงั้น เธอจึงเลือกที่จะไม่ปล่อยใครไปเด็ดขาดเลยยังไงล่ะ
อากิโกะเป็นพวกที่ซื่อ ๆ ตาใส ๆ ตามใครไม่ทัน เธอไม่สันทัดด้านการมองคนนัก นั่นจึงทำให้ในหลาย ๆ เรื่องตั้งแต่เรื่องเล็ก ๆ ไปจนถึงเรื่องใหญ่โต เธอมักจะถูกหลอกและกลั่นแกล้งเอาได้บ่อย ๆ บ้างก็แกล้งเพราะความเอ็นดู บ้างก็แกล้งเพราะหมั่นไส้เชิงเกลียดจริง ๆ จัง ๆ แต่อากิโกะก็กลับให้อภัยทุกคนได้ง่าย ๆ เช่นกัน เพราะถ้าเรื่องมันผ่านไปแล้ว หรือจบไปแล้ว อากิโกะก็สามารถพูดคำว่า "ไม่เป็นไร" ออกไปได้ง่าย ๆ เลย ต่อให้เธอจะเสียความรู้สึกแค่ไหนก็ตาม แต่เพราะความเป็นห่วงที่มีให้คนอื่นมากกว่านี่นะ... เธอไม่อยากให้มันเป็นเรื่องใหญ่ หรือเลยเถิดไปมากกว่านี้แล้วด้วย เพราะงั้น ต่อให้ไม่ได้รับคำขอโทษหรือขอบคุณอะไรเลย แต่ขอให้ตัวคนคนนั้นปลอดภัย รวมถึงเธอที่ยังสามารถใช้ชีวิต่อไปได้ แค่นั้นมันก็ดีแล้ว
จิตใจของเธอนั้นบริสุทธิ์ขาวสะอาดเสมือนกับเป็นเทพธิดา พ่วงมาด้วยความใจกว้าง ชอบแบ่งปัน และมักจะให้ความช่วยเหลือ รวมทั้งให้คำปรึกษา (ที่ตัวเองพอจะทำได้ ...เพราะพูดตามตรง คนซื่อ ๆ แบบเธอก็ให้คำปรึกษาใครได้ไม่มากนักหรอก) กับทุกคนเสมอ ย้ำได้เลยล่ะ ว่าทุกคน—โอ้ ใช่ และทุกตัวด้วย อากิโกะใจดีกับสัตว์ทุกชนิด แต่ถ้าสัตว์ชนิดนั้นน่ากลัวก็มีบ้างที่ถอยห่างออกไป ส่วนใหญ่เธอจะชอบแบ่งปันอาหารให้กับพวกมัน คอยดูแล เอาใจใส่เหมือนกับเป็นเพื่อนรักจริง ๆ จัง ๆ แถมยังพูดกับมันเสียอีก ใครบางคนอาจหาว่าเธอบ้าไปแล้วก็ได้ ที่คุยกับสัตว์แบบนั้น แต่ความจริง... เธอก็คิดว่าคุยกับมันรู้เรื่องอยู่นะ... เอาเถอะ เอาเป็นว่า นอกเหนือไปจากเพื่อนมนุษย์แล้ว อากิโกะก็ยังมีเพื่อนที่เป็นสัตว์เล็กสัตว์น้อยมากมายอีกด้วย นี่ยังไม่นับกับต้นไม้ดอกไม้ที่เธอรดน้ำไปคุยกับมันไปหรอกนะ จะอะไรเธอก็นับเป็นเพื่อนทั้งหมดนั่นแหละ
อากิโกะนั้นติดนิสัยชอบดูแลสัตว์ ต้นไม้ และคอยพูดคุยกับมันเสมอ เธอจึงชอบดูแลคนอื่น และชอบพูดกับคนอื่นไปด้วยเหมือนกัน และการพูดของเธอ มันก็เต็มไปด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลอ่อนโยนน่าฟัง บวกกับรอยยิ้ม และเสียงหัวเราะน้อย ๆ ขณะพูดแล้วยิ่งทำให้เธอดูน่ารักใหญ่ อากิโกะอาจดูเหมือนคนที่ดูแลใครไม่ค่อยได้ก็จริง แต่กับเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างความรู้สึก หรือของที่ชอบ ของที่เกลียดแบบนี้เธอก็จำแม่นเหมือนกันนะ อีกอย่าง ความรู้สึกดี ๆ ที่อากิโกะมอบให้กับทุกคนน่ะ มันไม่ใช่ของปลอมหรอก เธอน่ะ จริงจังจริง ๆ
▹ generous
อากิโกะใจดีและจริงใจกับทุกคนเสมอ เธอมักมองผู้คนในแง่ดีอยู่ตลอดเวลา ต่อให้คนผู้นั้นจะหน้าตาดูเหี้ยมโหดมากแค่ไหน แต่อากิโกะก็มีความเมตตาและความสงสารล้นเต็มอกพอที่จะเดินเข้าไปชวนคุยและไถ่ถามสารทุกข์สุกดิบอยู่ดี เธอน่ะ ไม่มองใครที่หน้าตาหรอก ติดจะซื่อ ๆ ตามใครไม่ทัน ไม่รู้ทันกลหลอกลวงด้วยซ้ำ หลายครั้งที่ความใจดีของเธอ พาเธอเข้าสู่อันตราย หลายครั้งที่มันทำให้เธอลำบาก ทว่าเธอก็ยังคงพูดว่า "ไม่เป็นไร" แล้วลุกขึ้นสู้เสมอ จริงอยู่ที่อากิโกะมักเชื่อใจคนง่าย ๆ แล้วก็ให้ความรัก ความไว้วางใจกับทุกคน แต่แบบนี้มันก็ออกจะน่าเศร้าหน่อย เพราะคำถามที่มักจะก่อเกิดขึ้นมาในใจของเธอไม่มากก็น้อยก็คือว่า แล้วใครบ้างล่ะ ที่จะจริงใจกับเธอ? ...และแน่นอน มันหาคำตอบไม่ได้หรอก
เธอโกหกไม่เก่งเท่าไหร่ จึงเลือกที่จะซื่อสัตย์ และพูดความจริงเสียมากกว่า เป็นเด็กสาวที่ไม่กล้าพอจะทำความผิดอะไร และต่อให้ทำ ไม่นานเธอก็ทนความรู้สึกผิดที่อัดแน่นในอกไม่ไหวจนต้องพูดความจริงหรือสารภาพมันออกไปอยู่ดีนั่นแหละ อากิโกะจึงเปรียบเสมือนกับผ้าขาวบริสุทธิ์ ที่ไร้ซึ่งการแปดเปื้อนจากการทำความผิดจริง ๆ หากแต่ เธอก็มีความโชคร้ายหลายอย่างในตัวนะ... เพราะทุกคนไม่ได้ชอบเธอ บางคนอาจรัก และบางคนอาจเกลียดหรือาจจะแค่หมั่นไส้ในเรื่องไม่เป็นเรื่อง ปนเปวุ่นวายกันไปหมด อากิโกะรักทุกคน แต่ทุกคนไม่ได้รักเธอทั้งหมด สิ่งเหล่านั้นมันทำให้เธอเป็นกังวลใจนิดหน่อยเลยล่ะ ทว่าในเมื่อเธอกังวลใจ เธอก็ยังคงพยายามใจดีและช่วยเหลือคนอื่นต่อไปล่ะนะ เพราะเธอก็ยังคงแอบหวังลึก ๆ ว่าถ้าช่วยหรือมอบความจริงใจให้มาก ๆ เข้าแล้ว... คนที่เกลียดเธอ จะหันมามองเธอใหม่เสียบ้างน่ะ ต่อให้เป็นแค่หวังลม ๆ แล้ง ๆ เธอก็ไม่ยอมละทิ้งไปหรอก
เธอน่ะ ไม่สามารถทำใจเกลียดใครเขาได้ลงหรอก อย่างมากก็คงเป็นแค่ความรู้สึกไม่อยากเข้าใกล้เท่าไหร่ กลัวหรืออะไรทำนองนั้นมากกว่า เพราะก็อย่างที่บอกไป ว่าเธอน่ะ ให้อภัยคนง่าย แล้วก็มักจะยายามทำให้คนที่เกลียดกันมามองเธอในแง่ดีได้บ้างมากกว่า สำหรับวิธีการแบบนั้นของเธอ อาจมีทั้งการพยายามซื้อของขวัญมาให้ คอยดูแล เอาใจใส่ และช่วยเหลือในยามจำเป็นเสมอ ซึ่งบางครั้งมันก็อาจจะทำได้สำเร็จ แต่บางครั้ง พวกเขาก็อาจจะมองว่าเธอน่ารำคาญเกินไปก็ได้ล่ะนะ... พอรู้แบบนั้นแล้วอากิโกะก็หน้าเสียและเสียความรู้สึกอยู่เรื่อยเลย กระนั้นก็ยังคงยิ้มรับ และดูแลอีกฝ่ายอยู่ห่าง ๆ ต่อไปแทนล่ะนะ ถึงยังไง มันก็คงดีกว่าโกรธกันเกลียดกันซึ่ง ๆ หน้านี่
▹ dividing line
ผู้หญิงที่ไม่มีเกราะป้องกัน ไร้ซึ่งเส้นแบ่งอณาบริเวณของจิตใจใด ๆ อากิโกะเป็นเช่นนั้นมาโดยตลอด เธอมักจะยินยอมให้คนนั้นคนนี้เข้าหาได้หมดทุกคน ใครอยากทำความรู้จักกับเธอ เธออยากจะรู้จักกับเขาเหมือนกัน ยิ่งพอเป็นคนที่มองใครไม่ค่อยออกแบบอากิโกะแล้ว มันก็ยิ่งทำให้เธอดูเหมือนกับตกอยู่ในอันตรายได้ตลอดเวลาเชียวล่ะ แต่ถ้าเข้าไปเตือนเธอ คำคำเดิมที่มักจะหลุดออกมาจากแม่สาวคนนี้ก็คือคำว่า "ไม่เป็นไรหรอกน่า" เสมอเลยล่ะ อากิโกะมองโลกในแง่ดี แล้วก็มองผู้คนในแง่ดีเสมอเลยด้วย อีกอย่าง เธอก็ไม่ค่อยโกรธใครเสียเท่าไหร่ เธอเป็นคนใจเย็นมาก ๆ อีกทั้งยังมีความรู้สึกด้านพลังบวกมากกว่าด้านลบเสียอีก อาการที่แสดงออกมามากสุดก็คงจะเป็นเง้างอนหน่อย ๆ ที่ไม่นานนักก็หายเอง เธออาจจะเป็นคนเดินเข้ามาง้อทั้ง ๆ ที่คนผิดก็ไม่ใช่เธอซะอีกต่างหาก หรือถ้าเธอโมโหจริง ๆ ...มันก็อาจจะมีแค่การทำหน้ายักษ์ แยกเขี้ยวใส่หน่อย ๆ นั่นแหละ แต่ยังไงก็เถอะ มันไม่น่ากลัวหรอก ย้ำได้เลยว่าตอนที่อากิโกะทำหน้ายักษ์เพราะโกรธที่เพื่อนแกล้งเนี่ย เหมือนปฃาทองเลยล่ะ แก้มพอง ๆ แดง ๆ อะไรแบบนั้นน่ะ น่ารักจะตาย น่ารักมากกว่าน่ากลัวอีก แบบนี้ยิ่งแกล้งก็ยิ่งสนุกเลยล่ะสิ ว่าไหม?
เธอน่ะ ให้ใจใครค่อนข้างง่าย เชื่อคนง่าย ชนิดที่ว่าต่อให้เมื่อวานคนคนนั้นตะโกนด่าใส่หน้าเธอ แต่วันนี้กลับมาชื่นชมอย่างนั้นอย่างนี้ ในหัวของเธอก็จะเปลี่ยนระบบประมวลผลใหม่ทันควัน เชื่อใจไปเลยว่าคนคนนั้นก็เป็นคนดีเหมือนกันนะ แค่เมื่อวานอาจจะมีเรื่องผิดพลาดนิดหน่อยก็ได้อะไรแบบนั้น คงต้องบอกว่าเธอนี่ก็โง่ใช้ได้เลยนั่นแหละ... อืม นั่นแหละ เธอค่อนข้างโง่ในเรื่องแบบนี้ แต่ถ้ากับเรื่องตำราเรียนนี่เธอก็เก่งเอาเรื่องเลยจริง ๆ นะ อย่าดูถูกเธอไปล่ะ หลาย ๆ คนอาจต้องพึ่งพาเธอเรื่องนี้ด้วยซ้ำไป
เด็กสาวผู้แสนดี และใสซื่อบริสุทธิ์คนนี้น่ะ อาจดูเป็นเหมือนกับผ้าขาวสะอาด ของมีค่าที่ถูกกักเก็บเอาไว้ มีอีกหลายเรื่องที่เด็กสาวคนนี้ไม่เคยเจอ และไม่เคยพบเห็น จริงอยู่ที่เธอเองก็พอจะมีความอดทนอยู่บ้าง แต่นั่นก็ไม่ได้สูงอะไรมากมายนัก ด้วยความที่ที่ผ่านมา เธอมีคนดูแลมาโดยตลอด หลาย ๆ อย่างที่เธอไม่เคยเจอ เธอจึงจำเป็นต้องพึ่งพาคนอื่น แต่ถ้าไม่มีใครให้พึ่ง เด็กน้อยก็ออกจะขี้แย เอาแต่ร้องไห้ กว่าจะลุกขึ้นมาสู้เองก็กินเวลาไปพอสมควรเลยล่ะ เห็นแบบนี้แล้วมันก็มีปัญหาสำหรับการใช้ชีวิตจริง ๆ นะ ในอนาคต เธอยังคงต้องใช้เวลาเรียนรู้อะไร ๆ อีกมากมายเลย เพราะเธอจะทำตัวเป็นเด็กสาวแสนดีที่ใสซื่อแบบนี้ไปตลอดไม่ได้หรอก
ประวัติ ::
You are one of my few weaknesses.
ลักษณะคำพูด ::
น้ำเสียงใสกังวาน หวานละมุนและเต็มไปด้วยความนุ่มนวลน่าฟัง อากิโกะมักจะพูดด้วยรอยยิ้มสานรวมกับน้ำคำฟังรื่นหูเสมอ เธอใช้สรรพนามแทนตัวเองว่า "ข้า" และแทนผู้อื่นว่า "ท่าน" แบบครอบคลุม น้อยคนนักที่เธอจะแทนพวกเขาว่า "เจ้า" ซึ่งคนเหล่านั้นก็อาจจะเป็นที่อายุน้อยกว่ากับรุ่นเดียวกันเสียมากกว่า มันมักจะปนเปกันไปตามโอกาสและสถานะต่าง ๆ ด้วยความที่เธอไม่ค่อยแบ่งแยกเรื่องฐานะของตัวเองกับใคร แม้แต่กับคนใช้ ถ้าอายุมากกว่ายังไงเธอก็เรียกพวกเขาว่าท่านอยู่ดี และในการแทนคำนำหน้านั้น ส่วนมากก็จะเป็น "ท่าน(ชื่อ)/ท่าน(ตำแหน่งยศถา)" อะไรแบบนั้น ในบางกรณีก็อาจจะเรียกตำแหน่งของอีกฝ่ายไปเลย เช่น ท่านราชา องค์ชาย องค์หญิง ท่านขุนนาง ฯลฯ มีหางเสียงคลอเคล้าอยู่บ่อยมาก และเธอไม่เคยสบถหรือพูดจาหยาบคายอะไรเลย มีแค่คำอุทานตอนตกใจเท่านั้นแหละ ที่น้ำเสียงจะดังกว่าปกติหลายเท่า
[ อนึ่ง เป็นการยกตัวอย่างสถานการณ์เท่านั้นนะคะ เหตุการณ์ต่าง ๆ เป็นการสมมติขึ้นเป็นส่วนใหญ่ เพื่อให้ตัวละครแสดงท่าทาง/คำพูดออกมาได้ชัดเจนในหลาย ๆ ด้านเท่านั้นค่ะ ]
example 1 ;
บัดนี้ดวงหน้างามกำลังเง้างออย่างหนัก เด็กสาวตัวเล็กวัยเพียงสิบปีกอดอก แล้วพองแก้มจนหน้าแดง ผู้เป็นพ่อได้แต่ส่ายหัวอย่างระอา ทว่าผู้เป็นแม่กลับหัวเราะอย่างเอ็นดู มือบางยื่นออกไปลูบศีรษะเด็กสาวเบา ๆ ก่อนจะเอ่ย
"อากิ ท่านพ่อกับท่านแม่แค่จะออกไปทำธุระแป๊ปเดียวไม่เห็นจะต้องทำหน้าแบบนั้นเลยนี่ เดี๋ยวก็กลับมาแล้ว ลูกไม่ต้องกลัวไปหรอก แค่ไม่กี่ชั่วโมงเอง" น้ำเสียงอ่อนหวานชะโลมให้เด็กสาวคลายสีหน้าลงได้บ้าง ถึงแม้ความน้อยใจจะยังไม่หายไปง่าย ๆ ก็เถอะ
"จริงนะคะ?" อากิโกะในวัยแค่สิบปีถาม "ท่านพ่อท่านแม่จะต้องรีบกลับมานะคะ ไม่อย่างนั้น... หนูจะโกรธพ่อกับแม่จริง ๆ ด้วย" คำกล่าวมาพร้อมกับการตีหน้ายักษ์ ที่ทำเอาคนทั้งสองหัวเราะอย่างเอ็นดูมากกว่าเดิมเสียอีก
"ได้สิ! ไว้ข้าจะรีบกลับมา ถึงตอนนั้นลูกก็ต้องเป็นเด็กดีด้วยนะ" ผู้เป็นพ่อของเะอว่ามาแบบนั้น ซึ่งเด็กสาวก็พยักหน้าพร้อมด้วยการยิ้มแย้มสดใส
"แน่นอนค่ะ! ข้าจะเป็นเด็กดี และรอพวกท่าน จนกว่าพวกท่านจะกลับมาเลยล่ะ!" เด็กสาวผู้นั้นทั้งน่ารัก ร่าเริง และแสนจะเรียบร้อยงดงามไปในเวลาเดียวกัน ช่วงเวลานั้น เธอช่างดูเหมือนกับเทพธิดาตัวน้อยเลยจริง ๆ ...
example 2 ;
มันเป็นเพียงงานเลี้ยงวันเกิดของคนคนนึง... แต่มันกลับดูเป็นงานที่ใหญ่โต เพราะเป็นงานเลี้ยงวันเกิดของเจ้าหญิงในอาณาจักรใกล้เคียง อากิโกะเป็นหนึ่งในคนที่ได้รับคำเชิญเช่นนั้น เด็กสาวในวัยสิบสองปีสวมชุดสวยงามได้เข้ามาทำความรู้จักกับชนชั้นสูงมากมาย ส่วนพ่อแม่ของเธอ ก็แยกตัวออกไปทำความรู้จักสนิทสนมกับคนอื่น ๆ เช่นกัน
"โอ้ เฮ้! ท่านผู้นั้นน่ะ หยุดก่อน ดูเหมือนข้าจะเคยเห็นท่านผ่าน ๆ อยู่นะ ท่านเป็นใครมาจากที่ใดหรือ?" เด็กหญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาถาม มองดูแล้วเธอเองก็คงเป็นเจ้าหญิงที่มาจากอาณาจักรแดนไกลสักที่แน่
"อา... ข้าชื่ออากิโกนะ อาซามิ อากิโกะ ข้าเป็นราชธิดาขององค์ราชาทาคายูกิอยู่ที่อาณาจักรใกล้เคียงนี้เอง" หล่อนตอบด้วยความนอบน้อม ก่อนถามกลับไปตามพิธีการ "และท่าน... องค์หญิงชิโนบุจากอาณาจักรทางตะวันออกใช่หรือไม่?"
"โอ้ ใช่แล้ว เสียมารยาทจังที่ข้าไม่ศึกษาทำความรู้จักรายชื่อของแขกให้ดีเสียก่อน" หล่อนทำสีหน้ารู้สึกผิด
"ไม่เป็นไรหรอก... เรื่องแบบนี้ข้าก็ไม่ได้จำได้ในทันทีหรอกนะ ตัวข้าเองก็เคยทักทายแขกผิดเหมือนกัน แบบนั้นล่ะถูกท่านพ่อดุใหญ่เชียว" คำพูดที่ฟังดูผ่อนคลายเป็นกันเองมากขึ้นทำให้อีกฝ่ายยิ้มออก
"เหลือเชื่อเลย ท่านเองก็เคยเป็นแบบนั้นด้วยหรอกหรือ?"
"แน่สิ ท่านคงคาดไม่ถึงหรอกว่าข้าเคยทักทายแขกผิดไปกี่คน" อากิโกะหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะพูดอีกครั้ง "ข้าว่าเราไปหาที่คุยกันดีกว่า แบบนั้นคงสะดวกกว่าเยอะ ข้ามีเรื่องอยากจะเล่าให้ท่านฟังเยอะเลย หากไม่เป็นการเสียเวลาเกินไป โปรดตามข้ามาเถอะ"
example 3 ;
"อากิจัง นี่เจ้าซุ่มซ่ามอีกแล้วหรือ?" น้ำเสียงที่ฟังดูเป็นห่วงก้ำกึ่งระหว่างดุนิด ๆ ทำห้เจ้าของชื่อได้แต่เงียบฟัง นั่งก้มหน้าหงุด ๆ เอนหลังพิงต้นไม้ ขณะเดียวกัน ฝ่ามือเล็ก ๆ ก็กุมหัวตัวเองป้อย ๆ เพราะก่อนหน้านี้หกล้มหัวทิ่มจนได้แผลนูน ๆ มาหนึ่งแผล
"เคนจัง อย่าว่าข้านะ การที่ข้าหกล้มนั้นไม่ใช่ความผิดของข้าเสียหน่อย" เด็กสาวเงยหน้าขึ้น เปิดปากเสียง 'โคสุเมะ เคนมะ' เสียงเบาอู้อี้ สีหน้าก็แหย ๆ นิดหน่อยเพราะความเจ็บจากพิษบาดแผล
ในสรรพนามแบบนั้นน่ะ... คงมีแค่เธอเท่านั้นแหละ ที่ใช้เรียกเขา และเป็นเขาเท่านั้น ที่เรียกเธอแบบนั้น
"แต่ถ้าเจ้าระวัง เจ้าก็ไม่ได้แผลมาหรอก ให้ตายสิ เจ้านี่จริง ๆ เลยนะ..." คำบ่นอุบมาพร้อมกับสีหน้าที่ดูดุขึ้นเล็กน้อย เรียวคิ้วสีเข้มขมวดเข้าหากัน ฝ่ามือยื่นเข้ามาดึงมือของคนตัวเล็กออกเพื่อที่เขาจะได้สำรวจดูแผลได้ถนัด ดวงตาคู่สวยกวาดมองอยู่บริเวณหน้าผากของเธอ ขณะที่คนถูกมองก็ได้แต่นั่งตัวเกร็งเป็นตอไม้ ไม่ขยับเขยื้อน แต่หน้าก็แดงแจ๋อย่างเห็นได้ชัด
อ๋า... ให้ตายสิ ใกล้ชัด...
ลมหายใจของเขาเป่ารดหัวเธอแล้ว นี่เขาไม่รู้ตัวบ้างเลยรึไงนะ?
"อากิจัง"
"หะ-ห๋า!? อะไร ท่านมีอะไรหรือ?"
"เจ้าไม่สบายหรอกเหรอ หน้าขึ้นสีอีกแล้ว..." รอยยับย่นปรากฏอยู่บนหัวคิ้วของเคนยมะอีกครา "นี่หรือว่าเจ้าตากฝนเมื่อวานนี้กันล่ะ?"
"มะ-ไม่ใช่สักหน่อย คนบ้า!" ถึงจะตั้งใจด่า แต่นั่นก็กลับไม่เหมือนคำด่าสักเท่าไหร่เลยเวลาที่มันออกมาจากปากของอากิโกะ... ก็นะ เธอก็ไม่ได้ตั้งใจจะด่าเขาหรอก ก็แค่ตะคอกแก้เขินไปงั้น ๆ แหละ
example 4 ;
"กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!" เสียงร้องดังลั่น มาพร้อมกับการวิ่งหนีเตลิดเปิดเปิงอย่างลืมไปว่าตัวเองเป็นถึงเจ้าหญิงของอากิโกะทำให้เพื่อน ๆ ของเธอต่างก็หัวเราะร่วน เธอเพิ่งจะวิ่งออกมาจากห้องมืดที่พวกเขาหลอกให้เธอเข้าไป ที่ซึ่งในนั้นมีเพื่อนพวกเขาอีกคนที่แต่งตัวเป็นผีคอยหลอกอยู่แล้ว แน่นอนว่าพออากิโกะเดินเข้าไปปะทะหน่อยก็เป็นอันกรี๊ดแตกแบบนั้นแล..
"ฮะ ฮะ..โฮชิ!! นี่ฝีมือเจ้าเหรอ!" เธอเดินกระแทกเท้าเข้ามาหาเพื่อนที่ซึ่งเป็นเด็กหนุ่มสามัญชน "ใจร้าย! ทำไมเจ้ากล้าทำแบบนี้กับข้าล่ะ ข้าโกรธเจ้าจริง ๆ แล้วนะ!" พูดพร้อมกับกอดอก ทำหน้าให้ดูน่ากลัวเต็มที่
แต่... มันกลับไม่สามารถสร้ามความหวาดกลัวให้ใครได้เลยนี่สิ
"โธ่ อากิโกะ เราไม่ได้ตั้งใจนะ ก็เราเห็นท่านเบื่อ ๆ นี่ ก็เลยหาอะไรแก้เบื่อให้สักหน่อย" เด็กหนุ่มตอบ "แต่ใครจะคิดเล่า ว่าท่านจะขี้ตกใจขนาดนั้น นั่นขนาดเป็นผ้าเก่า ๆ เอามาคลุมหัวเฉย ๆ นะ ท่านยังแตกตื่นได้ขนาดนี้เลย"
"เชอะ! ข้าจะไม่คุยกับเจ้าแล้ว" เด็กสาวกอดอก ก่อนจะเดินกระแทกเท้าออกมาทันที
แต่เชื่อเถอะ ว่าอีกไม่กี่ชั่วโมงหล่อนก็เดินกลับมาขอโทษที่หล่อนตะโกนเสียงดังเองนั่นแหละ...
example 5 ;
แม่เลี้ยงของเธอ ออกคำสั่งให้เธอย้ายเข้ามาอยู่ยังหอคอยเก่าที่ซึ่งไกลออกมาจากตัววังหลักมากนัก คราแรก มันเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยข้าวของเก่า ๆ มากมาย อีกทั้งยังทั้งเก่าทั้วฝุ่นเขรอะอีก เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้เลยที่อากิโกะจะร้องไห้เสียใจตั้งแต่วันแรกที่เข้าไปอยู่ พอเช้าวันต่อมา ไปพบใครต่อใครเขาก็ดันเก็บสีหน้าของตัวเองไม่มิด
"อากิจัง นั่นเจ้าเป็นอะไรรึเปล่า ข้าเห็นว่าเจ้าทำสีหน้าแปลก ๆ มาตั้งแต่เช้าแล้วนะ?" เคนมะเป็นเด็กหนุ่มคนแรกที่สังเกตเห็น
"ปละ-เปล่าสักหน่อย ข้าไม่ได้เป็นอะไรหรอก ท่านเองก็เถอะ ท่านดูเหมือนจะอดนอนนะ" แต่แล้วอากิโกะก็ยังคงพยายามปฏิเสธ ขณะที่ทั้งคู่กำลังนั่งชมวิวอยู่ที่น้ำตกใกล้ ๆ กับตัวเมืองด้วยกัน นอกจากจะพยายามปฏิเสธแล้ว เธอก็ยังคงพยายามจะเปลี่ยนเรื่องอีกด้วย
ทว่าเห็นแบบนีก็เถอะ... เคนมะฉลาดกว่านั้นเยอะ
"เจ้าเป็นอะไร มีใครทำอะไรเจ้า?" ฝ่ามือหนาวางลงบนศีรษะคนตัวเล็ก มือก็ถูกกอบกุมไว้โดยบุคคลผู้มีศักดิ์เป็นเจ้าชาย ดวงหน้าจากที่เคยเรียบเฉยติดเฉื่อยชากลับแย้มยิ้มให้เธอในเวลานี้ "บอกข้ามาสิอากิจัง ข้าพร้อมที่จะอยู่เคียงข้างเจ้านะ"
"คะ คือว่าข้า...ข้า... ฮืออออออ" ยังไม่ทันที่ได้พูดหรืออธิบายอะไร อากิโกะก็ปล่อยโฮออกมาซะแล้ว เธอกอดเคนยะแน่นในเวลานั้น ส่วนตัวเขาเองก็ได้แต่ลูบหัวเธอเบา ๆ พร้อมกับคำปลอบโยนเสียงแผ่ว รอให้เะอหยุดร้อง เพื่อที่จะได้รับฟังในเรื่องที่เธอหนักใจอยู่
เป็นแหล่งพักพิงให้เธอสบายใจ เป็นคนที่จะคอยอยู่เคียงข้างเธอ...
ชอบ ::
▹นก ; เธอชอบนกแทบทุกชนิดเลย เพราะมันทั้งดูน่ารัก แล้วก็ดูมีอิสระในเวลาที่กางปีกบินด้วย เดิมทีเธอก็ชื่นชอบพวกสัตว์อยู่แล้ว คงไม่แปลกอะไรถ้าจะเห็นว่าเธอเข้าไปคุยเข้าไปเล่นกับพวกมันบ่อย ๆ ไหนจะหาอาหารและขนมไปแบ่งพวกมันอีกด้วยนะ
▹ดอกไม้ ; ความงดงามของธรรมชาติ มีทั้งกลิ่นหอม ๆ และรูปลักษณ์ที่งดงาม แต่ถึงจะชอบมากยังไง อากิโกะก็ไม่คิดจะเด็ดดอกไม้พร่ำเพรื่อเด็ดขาด ถ้าเธอจะเด็ดดอกไม้ นั่นก็ต้องมีการใช้ประโยชน์อยู่พอสมควร อย่างการจัดแตกัน หรือทำมงกุฎดอกไม้ให้เด็ก ๆ น่ะ
▹ชา ; เธอชอบชาดอกไม้มากที่สุด มันทั้งหอม แล้วก็ชวนให้ผ่อนคลายเอามาก ๆ ด้วย ส่วนมากเธอมักจะดื่มในเวลาช้า ๆ เท่าที่พอจะมีเวลาล่ะ แต่ถ้าทำความสะอาดบ้านเพลินจนเลยเวลา เธอก็ไม่ดื่มหรอกนะ ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน...
▹ดวงดาว ; เป็นแสงสว่างในความมืด... ดูแล้วมีความหมายหลากหลายดี ทั้งความหวังสุดท้ายท่ามกลางความมืดมิด หรือจะอะไรก็ตาม ก่อนนอนอากิโกะก็ชอบเหม่อมองขึ้นไปบนท้องฟ้า เพื่อที่จะมองหาดวงดาวแล้วเผลอคิดอะไรไปเพลิน ๆ เสมอเลยล่ะ
▹มะเขือเทศ ; ช่างเป็นผักที่อร่อยจนอากิโกะสามารถกินมันแบบสด ๆ ได้เลยล่ะ หรือจะรูปแบบอื่น ๆ เธอก็ชอบเหมือนกัน... มันทั้งบำรุงร่างกายหลาย ๆ อย่าง มีประโยชน์ แล้วก็ปลูกไม่ยากด้วย จะให้ไม่ชอบได้ยังไงกัน
ไม่ชอบ ::
▹เสียงฟ้าร้อง/ฟ้าผ่า ; มันเสียงดังจนน่ากลัวน่ะสิ แล้วเธอก็มักจะสะดุ้งตกใจทุก ๆ คนที่มันเกิดขึ้นด้วย ทางออกที่เธอชอบทำเวลาที่อยู่ในห้องก็คือการนอนคลุมโปรงอยู่บนเตียงนี่แหละ ง่ายดีออก...
▹การทะเลาะวิวาท ; เดิมทีอากิโกะเป็นผู้หญิงที่ใจเย็นอยู่แล้ว เธอจึงไม่ค่อยมีปัญหาอะไรเท่าไหร่ แต่ถ้าเห็นคนอื่นทะเลาะกันทีไร แบบนั้นก็อดรู้สึกแย่ไปด้วยไม่ได้ทุกที เธอมักจะพยายามเข้าไปห้าม แล้วก็ช่วยเจรจาเสมอเลยล่ะ
▹อากาศหนาว ; ถึงอากาศหนาวจะพอมีข้อดีบ้าง แต่เธอกลับคิดว่าข้อเสียมันมีเยอะกว่า อากิโกะไม่ค่อยได้ออกไปไหนในตอนที่หิมะตก ถ้าไม่มีเหตุจำเป็นอะไร เธอก็มักจะหมักตัวอยู่ในห้งอของตัวเองเสมอ ตามด้วยห่มผ้าอยู่ในนั้นนั่นแหละ
▹เลือด ; อากิโกะไม่ได้ถึงกับกลัวเลือดขนาดนั้น แต่ก็เรียกได้ว่ารู้สึกไม่ค่อยดีเวลาเห็นมันอยู่ดี มันคงจะมีแต่เรื่องที่เจ็บปวดและเรื่องร้าย ๆ เกิดขึ้น อันเป็นสิ่งที่เธอรู้สึกแย่มาก ๆ สีหน้าของเธอจะแสดงออกมาชัดเจนเวลานั้น ไม่ว่าจะเห็นใครเลือดออก เธอก็จะช่วยเสมอ ไม่เว้นแม้แต่พวกสัตว์ก็ตาม หรือถ้าลือดของตัวเองออก แน่นอนว่าเธอก็พยายามรักษาหรือห้ามเลือดเช่นกัน
▹เนื้อวัว ; ไม่รู้สิ... เธอแค่คิดว่ามันไม่ค่อยอร่อยเท่าไหร่ ออกจะเหนียวกว่าเนื้ออื่น ๆ ไปเสียหน่อย มันไม่ได้แย่อะไรขนาดนั้น แต่เธอก็ไม่ค่อยกินมันอยู่ดี จะพยายามเลี่ยง ๆ เข้าไว้ แต่ถ้ามันจำเป็นหรือมีใครตั้งใจทำให้เธอก็ยอมกินล่ะนะ
เกลียด ::
▹การเก็บอารมณ์ไม่เก่งของตัวเอง ; ทั้งดีใจ ตกใจ เขิน หรือแม้แต่มีเรื่องกังวลใจก็ตาม หลายครั้งที่อากิโกะไม่สามารถดึงสีหน้าของตัวเองได้ดีนัก จะอะไรใครเขาก็รู้หมด แม้แต่ตอนเสียใจ ที่บางครั้งมันก็ทำให้คนอื่นต้องเข้ามาปลอบ ซึ่งเธอก็เกรงใจพวกเขาบ่อย ๆ ด้วยล่ะ... เธอไม่ได้อยากให้ใครมาลำบากเพราะเธอ แล้วก็ไม่ได้อยากให้พวกเขาเหนื่อยอ่อนเวลาที่ต้องคอยช่วยเหลือเธอด้วย หรือถ้าในเรื่องของการถูกแกล้งแล้วเผลอทำหน้าตกใจจนเหวอหวาไปหมด ทำเอาพวกเขาขำท้องแข็งแบบนั้นก็เกลียดเหมือนกัน ถึงจะไม่ได้เกลียดแบบร้ายแรงอะไรขนาดนั้น แต่มันก็น่าอายออกจะตายไปนี่นา...
▹น้ำเมา/เหล้า/เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทั้งหลาย ; ถึงจะไม่ได้เกลียดร้ายแรงอะไรแต่ก็จัดว่าเกลียดอยู่ดี เพราะมันมักจะนำพามาแต่ความวุ่นวายย่ำแย่น่ะสิ อากิโกะไม่คิดจะแตะมันเลยด้วยซ้ำ ในเมื่อแค่มองเห็นคนอื่นดื่มแล้วก็อาละวาดก่อเรื่องจนวุ่นวายเดือดร้อนคนอื่นไปหมด แบบนั้นก็ก็ส่ายหัวขอบายเลยล่ะ อีกอย่าง เธอก็ไม่ชอบให้คนใกล้ตัวดื่มด้วย จะพยายามห้ามเต็มที่เลย
กลัว ::
▹ การทำให้ผู้อื่นผิดหวัง ; เพราะการที่ทำตามกำหนดกฎเกณฑ์มานานมาก อีกทั้งเธอก็ยังคงรักผู้คนรอบ ๆ ตัวเธอมากอีก เธอคงทำใจไม่ได้เท่าไหร่ถ้าจะต้องรู้ว่าตัวเองเป็นต้นเหตุของการทำให้ใครหลาย ๆ คนผิดหวัง หรือเดือดร้อน เธอออกจะเสียใจถึงขั้นนั่งร้องไห้ เสียศุนย์ และหมดกำลังใจไปได้เลยล่ะ ถ้ามันเป็นเรื่องร้ายแรงจริง ๆ แล้วล่ะก็
▹ น้ำลึก ; เธอว่ายน้ำไม่เป็น แล้วก็กลัวความรู้สึกตอนที่ตัวเองสำลักน้ำมาก ๆ ด้วย ถ้าเป็นน้ำตื้น ๆ ที่ยืนไหวก็คงไม่เป็นไร แต่สำหรับน้ำลึกแล้ว แข้งขาของเธอคงจะอ่อนแรงได้ง่าย ๆ เลยล่ะ ถึงจะพยายามตะเกียกตะกาย แต่หัวใจของเธอก็สั่นไหวไปด้วยความกลัวมากอยู่ดี บางทีถ้าทิ้งไว้นานเกินไป เธอก็อาจจะถึงขั้นเป็นลมกลางคันไปเลยก็ได้ ซึ่งแบบนั้นน่ะ อันตรายถึงตายเลยนะ...
▹ ภูติผี/ปีศาจ ; รู้หรอกว่ามันอาจจะไม่มีจริง แต่เธอก็ยังกลัวอยู่ดีนี่นา จินตนาการของเธอยิ่งล้ำเลิศเกินเหตุตอนที่อยู่คนเดียวซะด้วย มองเห็นอะไรที่อยู่ในที่มืดก็คิดไปเองกลัวเองซะแล้ว ถึงจะไม่ได้ถึงขั้นสลบเหมือดทุกครั้ง แต่ถ้าเหตุการณ์มันบังเอิญทำให้เธอกลัวมาก ๆ เข้าแบบนั้นก็เป็นลมสลบได้เหมือนกัน แต่ส่วนมากก็แค่จะตัวสั่นหงึก ๆ แววตาสั่นคลอนอย่างเห็นได้ชัดว่ากลัวมากกว่านะ
แพ้ ::
▹ อาหารทะเลหรือสัตว์น้ำประเภทที่มีเปลือก เช่น กุ้งและปู ; มีอาการผื่นขึ้นตามผิวหนังนิดหน่อยถ้าเผลอกินเข้าไป ปล่อยไว้สักพักก็จะมีไข้ขึ้น ซึ่งวิธีการแก้ไขก็คือการพาเธอไปหาหมอดูอาการ ทานยารักษาแล้วก็นอนพัก ไม่นานนักเธอก็จะหายเป็นปกติแล้ว
ความสามารถพิเศษ
::
▹ เทคนิคในการดูแลต้นไม้/ดอกไม้ ; ไม่รู้ว่าจะสามารถเรียกว่าเป็นความสามารถพิเศษได้รึเปล่า แต่เอาจริง ๆ แล้วอากิโกะเก่งเรื่องแบบนี้มากจริง ๆ นะ ทั้งทักษาย่อย ๆ อย่างการตัดกิ่งตอนกิ่งก็ทำได้เหมือนกัน ยิ่งถ้าเป็นการดูแลไม้ดอกไม้ผลให้ออกมาสวยงามก็ยิ่งไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลย
▹ ความจำ ; อากิโกะเป็นคนความจำดีมาก จดจำได้ทั้งบทเรียนและรายละเอียดของคนรอบตัว ทั้งของที่ชอบไม่ชอบ รวมทั้งเรื่องที่อีกฝ่ายอยากจะทำ ต่อให้พูดไว้แค่ครั้งเดียว เธอก็จำได้ล่ะนะ ก็เพราะนิสัยที่ชอบใส่ใจคนอื่นนี่แหละที่ทำให้เธอจำอะไรไปทั่วแบบนี้
▹ ถักไหมพรม ; ก่อนจะถึงฤดูหนาว เธอมักจะชอบถักผ้าพันคอใช้เองอยู่เสมอเลย บ้างก็ถักให้คนอื่นที่สนิทบ้างอะไรบ้าง ซึ่งของถักอย่างอื่นเธอก็ทำได้เหมือนกัน เพียงแต่สิ่งที่ทำบ่อยที่สุดก็เห็นจะเป็นผ้าพันคอนี่แหละ
▹ ทำอาหาร ; เห็นเป็นคนแบบนี้แต่อากิโกะเองก็เป็นผู้หญิงที่ทำอาการเก่งมากนะ เพราะเวลาว่าง เธอมักจะใช้เวลาไปกับการทำอะไรสนุก ๆ ในแบบของตัวเองบ่อย ๆ การทำอาหารก็เป็นหนึ่งในนั้น แล้วเธอก็เก่งเรื่องนี้มากซะจนแค่เอาสูตรมาอ่านตรงหน้า ค่อย ๆ ทำตาม จากนั้นก็ได้ในสิ่งที่อยากทานเลยล่ะ
▹ งานบ้านงานเรือนต่าง ๆ ; นั่นก็เป็นเพราะการใช้เวลาว่างต่าง ๆ ให้เป็นประโยชน์ของเธอเองอีกนั่นแหละ... อากิโกะทำงานบ้านได้ทุกอย่าง เป็นแม่ศรีแม่เรือนของแท้ งานปัดฝุ่นเช็ดฝุ่นก็ทำได้เหมือนกัน ต่อให้เป็นเจ้าหญิง แต่เธอก็ชอบเข้าไปเล่นกับคนใช้บ่อย ๆ จนพวกเธออดเกรงใจไปไม่ได้เลย
เพิ่มเติม ::
▹อาซามิ แปลว่า รุ่งอรุณอันงดงาม , อากิโกะ แปลว่า เด็กแห่งฤดูใบไม้ร่วง / เด็กแห่งแสงสว่าง / เด็กแห่งความระยิบระยับ , อาซามิ อากิโกะ แปลว่า เด็กสาวผู้งดงามและเปล่งประกายคนนั้น มาพร้อมกับรุ่งอรุณแห่งแสงสว่างในฤดูใบไม้ร่วง (อนึ่ง เป็นการแปลรวมของทางผู้เขียนเองค่ะ จริง ๆ สามารถแปลได้หลากหลาย แต่เราหยิบยกมาแบบนี้นะคะ)
▹ อากิโกะเป็นคนถนัดมือซ้าย แต่ก็สามารถเขียนมือขวาได้บ้างเหมือนกัน เพียงแต่ลายมือจะต่างกันแบบคนละโลกเลยก็เท่านั้นแหละ ถ้ามือซ้ายเป็นสวรรค์ มือขวาก็คงเป็นนรกที่ลึกลงไปกว่าขุมอเวจีแน่ ๆ
▹ ถึงเธอจะค่อนข้างตื่นเต้นกับอะไรใหม่ ๆ แต่เอาเข้าจริง ๆ แล้วเธอก็ไม่ได้ชอบความท้าทายหรอกนะ ถึงจะตื่นเต้นแต่ก็มีความกลัวอยู่เหมือนกัน เพราะงั้นถ้าไม่มีใครบอกสอนหรือพูดให้ฟัง ตัวเธอก็ไม่กล้าทำอะไรไปมากกว่าแค่มองหรอก
▹ อากิโกะชอบปล่อยผมมากกว่ามัดผม แต่ถ้ามีงานหรือกิตกรรมอะไรที่มันทำให้ผมเกะกะเอาได้ เธอก็มักจะพกยางรัดผมติดตัวไว้เสมอ ซึ่งไอ้ที่พกติดตัวไว้นั่นก็มักจะสวมคาไว้ที่ข้อมือ ไม่อยากมัดก็สวมไว้แบบนั้น อยากมัดก็แค่เอาออกมาเท่านั้นเอง
▹ เธอไม่ชอบใส่ส้นสูง เพราะเดินไม่ถนัด และชอบที่จะใส่รองเท้าส้นเตี้ยมากกว่า นอกจากจะเดินไปไหนมาไหนสะดวกแล้วก็ยังดูน่ารักดีอีกด้วย
▹ เพื่อน ๆ ของเธอมีอยู่หลากหลายชนชั้น ตั้งแต่สัตว์ไปจนถึงคน และคนที่ว่านี่ก็มีทั้งชนชั้นสูง กลางไปจนถึงต่ำ เธอเป็นเพื่อนกับพวกเขาได้ แม้ว่าจะไม่ใช่ทุกคนที่มองเธอในแง่ดี แต่ก็มีอีกหลายคนที่ชื่นชอบและอยากเป็นเพื่อนเธอนี่นะ
▹ เธอมีเส้นผมสีดำหยักศกเหมือนกับแม่ ส่วนพ่อเป็นชายผู้ที่มีผมสีบลอนด์ทอง อากิโกะมีส่วนที่เหมือนแม่ทุกอย่าง ...เธอเหมือนพ่อแค่ส่วนเดียวคือความหยักศกของเส้นผม นอกเหนือไปจากนั้น เธอก็เหมือนกับราชินีคนเก่ามาก ๆ จนเธอแทบจะกลายเป็นราชินีเวอร์ชั่นที่ยังเด็กเลยล่ะ
▹ สำหรับเรื่องแม่เลี้ยง ไม่มีใครรู้ว่าหล่อเกลียดอากิโกะ แล้วกลั่นแกล้งให้อากิโกะลำบากหลายอย่าง ใส่เสื้อผ้าเก่า ๆ ทำงานหนัก ๆ แต่พอมีแขกมาที หล่อนก็จะให้อากิโกะเข้ามาในวังแล้วแต่งตัวดี ๆ ซึ่งอากิโกะก็ถูกข่มขู่ว่าไม่ให้พูดความจริงกับใครเลย เรื่องนี้เธอระบายแค่กับเพื่อนคนสนิทเท่านั้น และเอาเข้าจริง ๆ ถ้าเธอไปพูดกับผู้หลักผู้ใหญ่ก็คงไม่มีใครเขาเชื่อเธอหรอก ซายากะน่ะ เจ้าเล่ห์จะตาย เธอคงต้องรอเวลาและวางแผนให้มากกว่านี้ล่ะ
▹ มาแอบบอกนิดนึงว่าตอนปั่นรีบมากจนพิมพ์ชื่อเคนมะผิดไปหลายรอบมาก ขออภัยนะคะ ;;---;;
❦
:: ระหว่างเงินตรา
อิสระ และความรัก ท่านจะเลือกอะไรหรือแม่หญิง?
ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนอมสีเทาคล้ายกับสีของไข่มุกเบิกขึ้นเล้กน้อยในเชิงของความฉงนงุนงง เด็กสาวที่ได้ยินคำถามดังนั้นก็ได้แต่นั่งนิ่งไปครู่หนึ่ง ในหัวขบคิดอยู่ชั่วครู่ ก่อนที่กลีบปากงามจะเผยออกเพื่อที่จะตอบคำถามนั้น
"สำหรับข้า... ข้อว่าความรักคือสิ่งที่งดงาม และถ้ามันมากพอ มันก็สามารถเอาชนะทุกสิ่งได้อยู่แล้ว" รอยยิ้มบางผุดขึ้นมา "และต้องเป็นความรักที่ทั้งสองฝ่ายมีให้กัน มิใช่เชิงกักขัง มิใช่เชิงหวังผลต่อสิ่งใด มันคือความรู้สึกพิเศษที่มิอาจมองเห็น มิอาจจับต้อง แต่สามารถรู้สึกได้.. เอาชนะทั้งความรัษยา ความโลภ และความเกลียดชัง ข้าว่า ข้าขอเลือกสิ่งนั้นก็แล้วกัน"
เด็กสาวหลุบตาต่ำครู่หนึ่ง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาอีกครา "ถึงอิสระภาพจะช่วยให้ตัวข้าสามารถโบยบินไปในทางใดก็ได้ แต่นั่นก็อาจเป็นอิสระภาพที่แลกมาด้วยหลาย ๆ สิ่งหลาย ๆ อย่าง ตัวข้าอาจมิสามารถเข้มแข็งได้เพียงนั้น ฉะนั้น ข้าว่าสิ่งที่เหมาะกับข้าที่สุด ก็คือความรักล่ะ"
:: ความรักในอุดมคติของท่านเป็นอย่างไรหรือ
สีหน้าของเด็กสาวเปลี่ยนไปนิดหน่อยยามที่ได้ยินคำถามประการถัดมา แต่แล้วรอยยิ้มก็ยังคงปรากฏขึ้นมาบนใบหน้างามเช่นเคย "แน่นอน มันคือสิ่งที่งดงามมาก สำหรับข้า" เสียงหัวเราะแผ่ว ๆ ดังคลอเคลียอย่างน่ารัก "อ่า... ความรักก็คงเป็นความรู้สึกลึกซึ้งที่บุคคลสองคนต่างก็มีความรู้สึกดี ๆ ให้แก่กัน เป็นอะไรที่ไม่อาจจับต้องได้ ไม่มีราคาตีตราออกมาเป็นเงินตราชัดเจน แต่กลับสามารถรู้สึกได้ และสัมผัสมันได้ด้วยใจมิใช่มือ"
เธอสบตากับผู้ถาม ก่อนจะเอ่ยอีกครั้ง "หากจะให้เปรียบเทียบแล้ว... มันก็คงจะเหมือนกับของมีค่า และมีราคาชิ้นหนึ่ง ที่ถ้าหากอยากได้มันมา ก็คงต้องมีการส่งมอบหรือแลกเปลี่ยนเสียหน่อย ซึ่งนั่นก็คือการมอบความรักให้กับคนผู้นั้น แล้วตัวข้าก็อาจจะได้รับความรักตอบกลับมา... ให้ความรัก ตอบแทนด้วยความรัก หากมีเพียงแต่รอรับ หรือมอบให้ฝ่ายเดียวมันก็ไม่มีความหมายหรอก จริงไหม" เสียงของเธอแผ่วลงเล็กน้อย
"ถึงมันจะยากที่คนทั้งสองจะสามารถมอบความรู้สึกที่มันเหมือน ๆ กันให้กันและกันได้ แต่ข้าก็ยังคงมองว่ามันเป็นความรู้สึกเลอค่าที่งดงามเอามาก ๆ อยู่ดี สักวันข้า หรือท่านก็คงอาจได้พบมัน" ว่าจบ ดวงตาของหล่อนก็หยีลงเพราะรอยยิ้มกว้างที่ผุดขึ้นมา
:: เช่นนั้นแล้ว...ท่านคิดว่าตัวเองเป็นคนอย่างไรเล่า
"ตัวข้าน่ะหรือ" คราวนี้รอยยิ้มก่อนหน้าของอากิโกะจงหายไป แทนด้วยความฉงนสงสัยยิ่งกว่าเก่า ดวงหน้างามเปลี่ยนอารมณ์แบบฉับพลัน เรียวคิ้วงามโก่งขึ้นพร้อม ๆ กับแววตาที่ส่องประกายอย่างนึกสงสัยเสมือนเป็นเด็กตัวเล็ก ๆ "อ่า..." ว่าแล้วก็ส่งเสียงในลำคอลากยาวอย่างใช้ความคิด ก่อนที่เวลาจะผ่านไปเพียงสองนาที เธอก็ได้คำตอบ
"ข้าก็คงจะเป็นเพียงเด็กสาวผู้หนึ่ง ที่มิได้มีความสามารถโดดเด่นนัก หากแต่ ข้าก็โชคดีเหลือเกิน ที่ผู้คนรอบกายของข้า ยังมีคนที่ดีกับข้ามากมาย" เธอยิ้มอีกครั้ง "ข้าอาจมิใช่เจ้าหญิงที่เลิศเลอค่ามากที่สุด แต่สำหรับตัวข้าเองแล้ว ข้าก็คิดว่าตนนั้นโชคดีแล้ว เพราะที่ผ่านมา มันก็มีหลายสิ่งที่ข้ารัก และหลายสิ่งที่ทำให้ข้าเสียใจ กระนั้นมันก็เป็นความทรงจำดี ๆ ที่ทำให้ข้าเติบโตขึ้น"
เด็กสาวขยับตัวเล็กน้อย ก่อนให้คำสรุป "โดยสรุปแล้ว... ข้าก็เป็นเพียงเด็กสาวคนหนึ่งที่มีทั้งความฝัน ความหวัง และต้องการสิ่งอื่น ๆ เหมือนกับเด็กทั่วไปล่ะนะ ตำแหน่งยศถาของข้า คงมิได้เป็นตัวตัดสิน ว่าข้ามีคุณค่ามากกว่าใคร เดิมทีแล้วข้าก็เป็นเพียงมนุษย์คนหนึ่งเท่านั้นเอง"
:: ฮึ่ม...แล้วโคสุเมะ เคนมะล่ะ ท่านคิดว่าเขาเป็นคนอย่างไร?
รอยยิ้มของเด็กสาวพลันหยุดชะงักเมื่อได้ยินนามนั้น ...อ่า ไม่ใช่เพราะเขาเป็นคนที่แย่อะไรหรอก และไม่ใช่ว่าเป็นคนแปลกหน้าที่เธอไม่เคยรู้จักด้วย เขาเป็นคนที่เธอรู้จักค่อนข้างดีเลยล่ะ ภาพความทรงจำเกี่ยวกับเจ้าของชื่อคนนั้นค่อย ๆ ผุดเข้ามาในหัวของเธอทีละน้อย รอยยิ้มพลันปรากฏกว้างขึ้น พร้อม ๆ กับใบหน้าที่เริ่มขึ้นสีอย่างเขินอาย
"อา... ท่านผู้นั้นเป็นเจ้าชาย ใช่...เจ้าชาย" หล่อนจับผมที่เริ่มตกระเกะลงมาปรกใบหน้าทัดหู ก่อนจะเอ่ยต่อ "เรื่องนั้นตัวท่านเองก็คงทราบดีอยู่แล้ว ข้าแค่... อยากจะบอกว่า เขาเป็นเจ้าชายที่ออกจะประหลาดไปเสียหน่อย หากเทียบกับเจ้าชายที่ช้าเคยพบหลาย ๆ คนในงานเลี้ยงต่าง ๆ —โอ้ แต่ข้าไม่ได้กำลังจะบอกว่เขาแย่อะไรหรอก ถึงภายนอกเขาออกจะดูเหมือนกับชายผู้ที่ไม่ค่อยเข้าสังคมไปเสียหน่อย..." น้ำเสียงของหล่อเบาลงเอาตอนที่ต้องพูดประเด็นสำคัญซ้ำใบหน้ายังขึ้นสีชัดเจนอีก
"แต่เอาเข้าจริง ๆ แล้ว ถ้าท่านได้ลองสนิทสนมหรือทำความรู้จักกับเขาแล้วล่ะก็ ท่านก็จะสามารถสัมได้ถึงตัวตนของเขาเลยล่ะ ทั้งฉลาด ใจดี แล้วก็พึ่งพาได้เอามาก ๆ เลย ข้า...ข้าว่าข้าชอบ—อะ เอ้ย! ข้าหมายถึง ข้าชื่นชมเขาล่ะนะ" ปิดท้ายด้วยรอยยิ้มที่มองยังไงก็มีพิรุธสุด ๆ เลยล่ะ...
:: โฮ่
ท่านเป็นคนน่าสนใจ น่าครั้นครามและมีสเน่ห์รันจวนนัก เราน่าจะเข้ากันได้
"โอ้ ถ้าเป็นแบบนั้นจริง ๆ ล่ะก็ ข้าก็ดีใจนะ" สีหน้าของอากิโกะผ่อนคลายลงกว่าคำถามก่อนนิดหน่อย พอได้เปลี่ยนเรื่อง หล่อนก็รู้สึกสบายตัวขึ้น เพราะไม่ต้องมารู้สึกเกร็งไปกับการพยายามปกปิดอะไรแล้วน่ะสิ "ท่านเองก็เป็นบุคคลที่น่าสนใจเช่นกัน ข้ายินดีรับฟังและทำความรู้จักกับท่านเสมอนะ ถ้าท่านไม่รังเกียจอะไร ท่านสามารถเข้ามาคุยกับข้าได้เสมอเลย"
อากิโกะไม่ได้สงสัยในคำพูดประหลาด ๆ ที่แฝงเข้ามากับรูปประโยคนั่นสักนิด หล่อนยังคงยิ้มซื่อ ๆ และทำความรู้จักกับอีกฝ่ายได้ราวกับไม่มีคำแสลงอะไรแฝงมาเลย... อา ก็หล่อนคิดไม่ทันนี่นา
:: อุฮึ!
ข้าไม่ได้คิดจะทำอะไรแปลกๆ กับท่านหรอก…วันนี้ข้าขอตัวก่อน
เราจะได้พบกันในอีกไม่ช้า แม่หญิง
"ข้ามิได้คิดมากอะไรหรอก ทานอย่ากังวลไปเลย" อากิโกะกล่าวเช่นนั้น ก่อนที่ร่างบางจะลุกขึ้นยืน ก่อนจะโค้งตัวเล็กน้อยเป็นการเคารพและกล่าวลาอย่างสุภาพ ท่าทีที่นุ่มนวลอ่อนช้อยงดงามมาพร้อมกับรอยยิ้ม ก่อนที่เธอจะเงยหน้าขึ้น ดวงหน้าจิ้มลิ้มสดใสปรากฏต่อสายตาอีกครา
"ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ข้าเองก็คงต้องขอกล่าวลาเช่นกัน ลาก่อน" ว่าจบสาวเจ้าก็ก้มหัวน้อย ๆ อีกครั้ง ก่อนจะเดินออกไป
❦
:: สวัสดีค่ะ ผปค.
ที่รักมีชื่อว่าอะไรคะ?
:: เจซินด้าค่ะ เป็นนามแฝง แต่เรียกว่าเจนก็ได้นะคะ!
:: เอโตะ
อยากจะถามสักหน่อยค่ะ ถ้าตอนจบลูกๆ ของท่านพบเจอกับความรักที่ไม่สมหวัง
จะไม่ว่าอะไรกันใช่ไหมคะ ;;
:: ไม่หรอกค่ะ ถือซะว่าเป็นสีสันของเนื้อหานิยายไปเนอะ 55555
:: ถ้าไม่ติดบทที่ต้องการ
อยากเป็นคนเสริมหรือว่ารับกลับคะ? แล้วถ้าเป็นคนเสริมขอคู่กับ OC หนุ่มๆ
ของเราได้ไหมคะ เราคุมคาร์ตัวละครอื่นนอกจากข้างบนไม่ค่อยดี /ซับ
:: ขอรับกลับนะคะ เดี๋ยวจะรกเรื่องเกินไปเนอะ ถ้าเยอะเกินเดี๋ยวจะลำบากด้านเนื้อเรื่องเปล่า ๆ ด้วยค่ะ แง้
:: คำถามมีแค่นี้ค่า
เจอกันวันคอมเม้นท์กับประกาศผลนะคะจุ๊ฟๆ
ความคิดเห็น