ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FF Princess Ver.Buddyfight]Four types in story of a princess

    ลำดับตอนที่ #1 : Story 1

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 146
      6
      16 ก.ย. 63

    "อะแฮ่มๆ...เรื่องแรกที่ฉันจะเล่าเรื่องเล่านั้น...คือเรื่องเกี่ยวกับเด็กสาวคนหนึ่งผู้ที่มีความหวัง...ที่เรื่องราวนี้จะเล่าผ่านเด็กชายคนหนึ่งผู้ที่มีความเชื่อมั่นในโชคชะตา เอาล่ะ...มาฟังเรื่องเล่ากันเถอะ"

    Story:Hope[less]
    Original Story: Hopeless Rapunzel
    Part:จบในตอนเดียว
    ECT:เรื่องนี้มิได้ให้ตัวละครเสียหายแต่อย่างใดหรือไม่มากก็น้อยได้ และอาจมีการปรับเปลี่ยนเรื่องของตัวละคร และทำให้ผู้อ่านรู้สึกหดหู่ใจไม่มากก็น้อย เพราะนิยายจัดทำขึ้นเพราะนีตของผู้เขียน จึงขอโทษมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ

























         ดวงตาสีทมิฬแสนว่างเปล่าของหญิงสาวผมม่วงมองบรรยากาศด้านนอกผ่านหน้าต่างบนหอคอยสูงตะหง่านกลางป่าที่มีทั้งต้นไม้ใบหญ้าเขียวขจี มวลบุปผามากมาย รวมทั้งสรรพสัตว์ป่าใหญ่แต่นี้ แต่ทว่ามีสิ่งก่อสร้างสีขาว สถานที่ซึ่งเรียกขานว่ามันเหมือนดั่งลูกกรงของนกก็ว่าได้ มือขาวกุมมือทั้งสองแนบอกและเอ่ยคำพูดที่ตนภาวนาต่อพระเจ้าเหมือนทุกๆวันอย่างแผ่วเบาแต่อาจจะส่งผลต่อจิตใจที่ตอนนี้สิ้นหวังได้...





    โปรดช่วยฉันให้พ้นจากบนนี้ได้ไหม......”





         ไอแสงสว่างของแสงตะวันยามอรุณวันใหม่เล็ดลอดผ่านหน้าต่างกระทบกับเปลือกตาให้ลืมตาขึ้น ร่างของเด็กสาวผมม่วงนั่งบนเตียง ใบหน้าของเธอแม้เรียบนิ่งแต่ภายในใจกลับเศร้าหมอง
         เสียงเคาะประตูจากด้านนอกดังขึ้นก่อนเสียงของผู้ชายเอ่ยเรียกน้ำเสียงทุ้ม หญิงสาวเอ่ยตอบทันที ประตูบานไม้เปิดออกมาปรากฎเป็นร่างชายหนุ่มผมดำม่วง ดวงตาข้างซ้ายมองเด็กสาวผมม่วงด้วยความพอใจ

    “อาหารเช้ามาแล้วครับ ไกโตะ”เสียงทุ้มเอ่ยเรียกสติของเด็กสาวผมม่วงและยื่นถาดอาหารวางบนโต๊ะ

    “...ขอบคุณนะ อบิเกล”เธอขานตอบและฝืนยิ้มให้และเดินไปนั่งบนเก้าอี้และทานอาหารเช้าจนหมด สายตาทมิฬแสนว่างเปล่าเลือบมองชายหนุ่มที่ต่างเล่าขานว่าคือ'พ่อมด' บุรุษผู้มีผมสีดำม่วงและดวงตาทองข้างซ้ายที่จ้องมองใบหน้าของเด็กสาวผมม่วงตรงหน้า ทั้งใบหน้าดูสง่างามแต่แฝงด้วยความเจ้าเล่ห์ตั้งแต่ที่พบเจอคราแรก ก่อนจะย้ายมาที่หอคอยอันสูงใหญ่ท่ามกลางป่าเขาแบบนี้

    “นี่...ไกโตะ เจ้ามีเรื่องอันใดรึเปล่า?ใบหน้าเจ้าเศร้าไปนะ”น้ำเสียงทุ้มเอ่ยขึ้นเรีบกสติของไกโตะตั้งสติขึ้นมาจากภวังค์ความคิดเมื่อครู่พร้อมดวงตาสีทมิฬมองอย่างตกใจแม้กระทั่งสีหน้าที่ปรากฏ

    “มีซิ ฉันน่ะอยากออกไปข้างนอ---โอ๊ย!!”เสียงอวดโอ๊ยร้องด้วยความเจ็บปวดเปล่งขึ้น เมื่อมือหนาของผู้ที่เป็นพ่อมดกระชากเส้นผมสีม่วงอย่างแรงจนแทบจะร้องไห้เหมือนทุกครั้งที่เอ่ยคำนี้

    “ข้าบอกแล้วใช่มั้ย...ว่าเจ้าอย่าริอาจคิดจะทำเช่นนั้น!!”น้ำเสียงแสนเย็นเยือกของพ่อมดหนุ่มตรงหน้าเอ่ยใส่ใบหน้าที่ตอนนี้เด็กสาวผมม่วงมองด้วยความหวาดกลัวเหมือนใบหน้าตอนนี้ที่เริ่มจะมีน้ำตาไหลออกมา

    “ขะ...เข้าใจแล้ว...ฉันจะไม่ทำอีกแล้ว”พยักหน้าตอบและเอ่ยขอโทษด้วยน้ำเสียงเจ็บปวดและดวงตาสั่นเครือเพราะความกลัว มือทั้งสองจับมือของอีกฝ่ายที่กำลังจับผมสีม่วงของตนเอง พ่อมดหนุ่มแอบยิ้มพอใจและก้มกระซิบข้างหูแผ่วเบา

    “หึ!...เจ้าเข้าใจก็ดีแล้ว...เด็กน้อยของข้า”เสียงกระซิบแว่วข้างหูทำให้ดวงตาเบิกตาโตขึ้นแต่ก็พยักหน้าตอบรับ พ่อมดหนุ่มยิ้มเล็กน้อยแล้วโน้มจูบหน้าผากแผ่วเบาก่อนหายตัวและเดินออกไปจากหอคอยแห่งนี้ เมื่อไกโตะตั้งสติได้จึงจัดข้าวของในห้องและทำความสะอาดข้างในรอบหอคอยจนเสร็จไปก็เกือบชั่วโมงเหมือนกัน


         เมื่อเข้ามาในห้องของตนเองก็เดินไปนั่งบนเตียงพร้อมกับหยิบบิวะที่อยู่ใต้เตียงขึ้นมาบรรเลงเพลงแสนไพเราะ แต่บางครั้งบ้างที่มักจะเย็บปักถักร้อยเป็นเสื้อผ้า ตุ๊กตาบ้าง และบางครั้งก็จะวาดรูปด้วยสีน้ำบ้าง สิ่งที่ทำมาตั้งแต่ก่อนมาอยู่ที่หอคอยจนถึงตอนนี้ เพราะคิดว่าจะทำให้จิตใจของตนเองได้ไม่วิตกกังวลมากเกินไป     ทว่าเสียงเพลงที่บรรเลงคราวนี้กลับเศร้าหมองเหมือนกับจิตใจในตอนนี้...ดวงตาสีทมิฬมองแสงตะวันผ่านหน้าต่างด้านนอก






    ไอแสงสว่างมันเป็นอย่างไร มันสัมผัสได้หรือเปล่า

    สีสันของมันจะเป็นเช่นไร

    อยากรู้เหลือเกิน...และอยากให้คนช่วยพาออกจากกรงนกแห่งนี้

    แต่ทว่า...จบไปเท่าไรกันกับคนที่พ่ายต่อคำสาปร้ายของพ่อมดคนนั้น...

    ที่ละเลงด้วยความสิ้นหวังหายไป





    โครม!!กึก!!

         ทว่าความคิดหลุดจากภวังค์เมื่อได้ยินเสียงครึกโครมเหมือนบางอย่างล้มลงเสียงดังสนั่น ไกโตะรีบวางเครื่องดนตรีของตนเองลงบนเตียงและเดินไปยืนมองที่หน้าหน้าต่างพร้อมรอยยิ้มเล็กน้อย เสียงของเหล่าปีศาจภายในป่าร้องตะโกนลั่นด้วยความเจ็บปวดก่อนจะหายไป นั่นทำให้เริ่มมีความหวัง แต่ทว่า...

    “อ๊าก!!!”เสียงแสนเจ็บปวดของผู้คนที่กลับมาช่วยเหลือและหมดลมหายใจกลับทำให้จิตใจของไกโตะเริ่มตกหวุบลงไปและความหวังที่ต้องการให้ใครซักคนมาพาออกไปจากที่แห่งนี้นั้นเลือนหายไป

         ตอนนี้หายไปอีกคราแล้วซินะ...กับความหวังที่หายไปพร้อมกับอนาคตที่ไม่มีใครกำหนดแม้แต่ตัวของไกโตะเองก็เช่นกัน ภาพจินตนการในความฝันแสนสวยงามกลายเป็นภาพแสนโหดร้าย สิ่งที่ตนเองเคยเฝ้ารอและเศษเสี้ยวของความหวังก็จะรอให้ใครซักคนมาพาออกจากหอคอยแห่งนี้และลบความเหงาภายในใจ






         กาลเวลาผ่านไปนานพร้อมเสียงเข็มนาฬิกาบอกเวลาที่เดินสู่ความว่างเปล่าอันไร้แสงสว่างและการเดินทางไม่สิ้นสุดเหมือนวัฎจักรชีวิต เด็กสาวผมม่วงกุมมือตัวเองไว้ตรงหน้าอกเหมือนทุกๆครั้งที่อ้อนวอนต่อพระเจ้า แต่ว่า...พระเจ้าองค์ใดกันที่จะมาช่วยให้หลุดพ้นจากหอคอยที่กลายเป็นกรงขังไปแบบนี้กัน แม้กระทั่งสวดภาวนะให้ใครมาช่วย...แต่กลับไม่มีใครมาช่วยได้เลยซักครั้ง

    เป็นโชคชะตาที่บ้าบอสิ้นดี!! อยากทำลายโชคชะตามันสิ้นดี!!

    ฉึก!เพล้ง! เสียงของปลายคมดาบจากข้างนอกเรียกสติมาอย่างดี เสียงจากในป่านั้นมีแค่เสียงโหยหวนของปีศาจและอสูรร้ายเท่านั้น ไม่มีเพียงเสียงผู้คนตายอีกแล้ว...และไม่นานเสียงนั้นหายไป



    ...มันหายไปแล้วจริงๆซินะ...



     กึกๆ!!

         เสียงรองเท้าเหล็กกระทบกับพื้นเป็นจังหวะ เรียกสติของเด็กสาวผมม่วงและดวงตาทมิฬที่เบิกตาโตอย่างตกใจ แต่เสียงนั้นไม่ใช่เสียงฝีเท้าของพ่อมดที่กังขังมาที่แบบนี้ หรือว่าจะเป็นคนที่จะมาช่วยกัน...

    “มีใครเข้ามา ฝันหรือมายา หรือว่าภาพลวงตา”เสียงเอ่ยนั้นเป็นแบบเดียวกันกับความคิดในภวังค์ตอนนี้ ความหวังในตอนนี้ที่หายไปกลับฟื้นอีกครั้งแล้วซินะ จริงใช่มั้ย...เป็นจริงใช่หรือมั้ย เมื่อประตูภายในห้องเปิดออกมา

    “ฉันมาช่วยแล้วนะครับ”รอยยิ้มและคำพูดของชายผมสีเขียวมินต์ ดวงตาสีน้ำเงินในชุดกี่เพ้าสีส้มที่มีคราบฝุ่นและคราบเลือดเล็กน้อยตามเสื้อผ้าและด้านหลังมีดาบขนาดใหญ่ที่พันด้วยผ้าสีแดงอยู่ด้านหลัง แต่เพียงพบเจอความอ้างว้างและความเหงาที่เกิดมา ถูกลบจากชายตรงหน้าที่เข้ามา อนาคตอันสดใสที่ใฝ่หา


    “โปรดมองมายังที่ฉันที่ตรงนี้ที”


    รอยยิ้มและสายตาของชายตรงหน้าช่างอบอุ่นเหลือเกิน เหมือนแสงสว่างจากด้านนอกนั้นที่เล็ดลอดสอดเข้ามา กระทบและสะท้อนสู่ดวงตากลมสีทมิฬให้สัมผัสถึง...อบอุ่นกว่าที่จินตนาการไว้เลย...

    “ฉันชื่อโอโซระ คานาตะนะ”รอยยิ้มนั้นช่างอบอุ่นเหมือนแสงสว่างเหลือเกิน ดวงตาสีน้ำเงินของชายตรงหน้าเหลือบมองเครื่องบิวะตัวหนึ่งและกรอบรูปสำหรับวาดรูปที่ปิดด้วยผ้าสีขาวที่ตั้งอยู่ในห้องไม่มากนัก

    “เห้...คงชอบเล่นเครื่องดนตรีกับวาดรูปยังงั้นเหรอ”เด็กชายถามพลางยิ้มและเดินมองรูปภาพอันอื่นๆ

    “...ใช่แล้วล่ะ เวลาว่างก็จะเล่นเครื่องดนตรีไม่ก็วาดรูปนั่นแหละ แต่บางครั้งก็ถักเสื้อผ้าไม่ก็ทำตุ๊กตาด้วยน่ะ”

    “ภาพพวกนี้ดูเศร้าจังเลยนะ ให้ฉันทำให้มั้ยล่ะ”เขาหันกลับไปถามพร้อมรอยยิ้มของเขา

    “นายวาดรูปได้ด้วยเหรอ?”ไกโตะถามพลางเอียงคอมองเล็กน้อย ซึ่งอีกฝ่ายพยักหน้าตอบและยิ้มกลับมาแทน

    “ถ้างั้นช่วยไม่ได้...ฝากด้วยแล้วกันนะ”เอ่ยจบมือขาวหยิบเครื่องบิวะมาบรรเลงเพลงอีกครา ขณะที่เด็กชายผมเขียวมินต์หยิบจับอุปกรณ์วาดรูปและลงมือวาดรูปที่ดูสวยงามและน่าดึงดูในเวลาเดียวกัน

    “เป็นเพลงที่เพราะจังเลยนะ...”อีกฝ่ายพึมพำแผ่วเบาท่ามกลางเสียงเพลงที่คราวนี้ดูมีชีวิตชีวาและไม่เศร้าหมองอีกต่อไปแล้ว...เหมือนกับครั้งอื่นๆ เพราะครั้งนี้ได้มีคนมาช่วยแล้ว ความหวังและโชคชะตากลับมาแล้ว

    “จริงซิ...ว่าแต่สีผมเธอดูแปลกจังเลยนะ”ชายผมมินต์เดินเข้ามานั่งใกล้ๆและพิจารณาผมสีม่วงของไกโตะ

    “อ้อ...มันเป็นสีผมแบบนี้ตั้งแต่แรกแล้วล่ะ แถมพ่อมดคนนั้นยังบอกว่าเส้นผมสีแบบนี้มันมีค่ามากน่ะ”

    “พ่อมด...อย่างงั้นเหรอ?”คำพูดทั้งรอยยิ้มของชายผมมินต์เปลี่ยนไปเป็นน้ำเสียงและแววตาเรียบนิ่ง

    “จริงๆแล้ว...เพื่อนของฉันคนหนึ่งที่เป็นคนสำคัญของฉันกำลังป่วยอยู่น่ะ”เขาตอบพลางมองอีกครั้ง

    “เพื่อนคนสำคัญของนายกำลังป่วยเหรอ?แล้วมีอะไรให้ฉันช่วยมั้ยล่ะ?”ไกโตะเอ่ยออกไป...โดยไม่รู้ว่า...

    “...มีซิ...เพราะงั้นขอโทษนะไกโตะ...”มือของชายผมมินต์ข้างหนึ่งหยิบดาบขนาดใหญ่จากด้านหลังที่ถูกพันด้วยผ้าสีแดงออกมาและยกดาบขึ้นพลางมองด้วยสายตาเรียบนิ่ง

    “ห๊ะ!?”ทว่า...ดวงตาทมิฬเหลือบเห็นกระดาษสีน้ำตาลที่ห่อจากด้านหลังที่หล่นลงมาบนพื้น ภายในนั้นคือใบประกาศที่มีภาพของตนเองและข้อมูลเงินรางวัลอยู่ด้านล่างของภาพ และมีชื่อหนึ่งเขียนไว้ว่า'คุโรอุสุ ไกโตะ'

    ฉึก! ทว่าคมดาบใหญ่ตวัดความหวังของเธอหายไป...เหลือเพียงโชคชะตาและสิ้นหวังที่แสนโหดร้ายสาดกระเช็นไปทั่วทั้งกายและภายในใจ ดวงตาคู่ค่อยๆหลับตาทั้งน้ำตาสีใสหยดลงมาโดยไม่รู้ตัว

    “เพราะว่าเส้นผมของเธอเป็นสิ่งมีค่า งั้นฉันขอก็แล้วกันนะ”มือของเขาจับผมสีม่วงขึ้นมาและตวัดเส้นผมนั้นเก็บเข้าไปในถุงผ้าของตนและเก็บใส่กระเป๋าไว้พลางสบัดเลือดแห่งความสิ้นหวังนั้นออกจากดาบเล่มใหญ่

    “...”

    “งั้นเรากลับไปหาเคย์เชตสึกันเถอะ เลวานทีน”

    “รับทราบ...โอโซระ คานาตะ”เสียงผู้หญิงขานรับคำสั่งเรียบนิ่งในตัวดาบ ชายผมมินต์หยิบผ้าพันตัวดาบหมด

    “แล้วก็...ขอบคุณที่ช่วยฉันนะ”เขาก้มตัวขอบคุณและเอ่ยด้วยน้ำเสียงแม้ดูจะปกติแต่ทว่าดูเรียบนิ่ง

    “...”

    “แล้วก็...หลับให้สบายนะครับ ไกโตะ”


    บทสุดท้ายที่เด็กสาวผมม่วงที่เคยเฝ้ารอความหวังได้จบชีวิตเพราะคำอ้อนวอน

    จินตนาการ...ความโหดร้าย...ความสวยงามทั้งหมดได้สิ้นสุดลง




    ปลดปล่อยจากความตายด้วยความตาย!!



         วันรุ่งขึ้นภายในห้องหอคอยกลางป่าแห่งหนึ่ง บุรุษหนุ่มผู้เป็นพ่อมด บัดนี้นั่งทรุดเข่าลงกับพื้นหน้าห้อง ดวงตาสีม่วงเพียงข้างเดียวน้ำตาไหลออกมาแต่ทว่าอีกข้างที่ปิดสนิทกลับมีน้ำตาแต่เป็นสีแดงดั่งเลือด

    ในใจพ่อหมดหนุ่มสูญเสียและแตกไปแล้ว...เด็กสาวที่อยากปกป้องตอนนี้เหลือเพียงความหวังและโชคชะตาที่สิ้นหวังที่อาบร่างไปด้วยเลือดสีชาดและไร้เส้นผมสีม่วงนั้น...เหมือนกับเจ้าของร่างที่จากชีวิต


    บทสรุปสุดท้าย

    ...เรื่องราวตอนจบ...สุดท้ายก็จบชีวิต...ด้วยความสิ้นหวัง...

    .

    .

    .
    .

    .


    “นี่คือเรื่องราวของความสิ้นหวังยังไงล่ะ คุณมิเซเรีย”หญิงสาวเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งพลางถอนหายใจเบาๆ

    “ผมนึกว่าเธอคนนั้นจะถูกเป็นอิสระซะอีกนะครับ”ชายหนุ่มผมฟ้าเอ่ยพลางยิ้มแห้งเล็กน้อยก่อนดื่มชาในถ้วย

    “นี่คือเรื่องราวที่แท้จริง...ของคำว่าความหวังที่สิ้นหวังค่ะ และความจริงคือพ่อมดคนนั้นต้องการจะปกป้องเด็กสาวคนนั้นเพราะต้องการไม่ให้เจอความสิ้นหวัง...แต่ว่าสุดท้ายก็หลีกเลี่ยงสิ่งนั้นไม่ได้แล้วค่ะ”

    มือบางของหญิงสาวปิดหนังสือเล่มหนาลงบนโต๊ะหินและหยิบแก้วน้ำชามาดื่มเล็กน้อยแล้ววางบนโต๊ะพลางยิ้มเล็กน้อย มือบางหยิบหนังสือใหม่เล่มหนาอีกเล่มขึ้นมาวางไว้บนโต๊ะอีกครั้งและเอ่ยถามอีกครั้ง

    “แต่ว่า...เรื่องราวของความจริงที่ซ่อนอยู่ยังมีอีกนะคะ แต่ว่าตอนนี้...”


    ...คงต้องรอตอนต่อไปนะคะ...


    เรื่องราวแรกก็จบไปแล้วค่ะ...โดยตัวเอกนำเรื่องแรกคือคุโรอุสุ ไกโตะนั่นเอง โดยต้นฉบับก็มาจากเพลงHopeless Rapunzelของพี่บุ๊ค[Bookiezz] ซึ่งจริงๆก็มีคนแต่งแนวนี้ก่อนแล้วแต่ผู้แต่งเองก็อยากลองแต่งฉบับตัวเองโดยการปรับเปลี่ยนบ้างเล็กน้อย และเรื่องนี้สนุกหรือบกพร่องอะไรก็คอมเมนต์หรือกดปุ่มหัวใจให้กับผู้แต่งมือใหม่ที่ตอนนี้กำลังยุ่งกับงาน เพราะไรท์เรียนมหาลัย จึงไม่สามารถมาแต่งนิยายได้ตลอด

    เอาเป็นว่า...พบกันใหม่อีกครั้งในครั้งต่อไป see you next showtime...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×