คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ = คำสั่งแม่ อัพเดตเนื้อหา 100 %
ณ สำนักพิมพ์ดาวกระดาษ
“พี่พริมขา~ คุณอา บก. ให้หนูมาเรียกพี่พริมไปประชุมค่ะ บอกว่าเป็นเรื่องด่วนมาก!”
เด็กฝึกงานของ ‘สำนักพิมพ์ดาวกระดาษ’
ซึ่งสวมเครื่องแบบนักศึกษาตามข้อตกลงของทางสำนักพิมพ์เดินตามโต๊ะต่างๆ มาส่งเอกสารให้กับห้องทำงานห้องอื่นๆ จนกระทั่งมาถึงห้องนักเขียนและเดินเข้ามายังโต๊ะด้านในสุด
ซึ่งเป็นโต๊ะทำงานของ ‘พิมพ์พิศา’ หรือ ‘พริม’ นักเขียนสาวพราวเสน่ห์
หญิงสาวเขียนนิยายแนวโรมานซ์ เอกลักษณ์คือบทรักเร่าร้อนละลายใจที่มียอดขายสูงสุดประจำสำนักพิมพ์นี้
ก่อนหน้าที่หญิงสาวจะกลายเป็นนักเขียนขวัญใจนักอ่านทั่วประเทศนั้น พิมพ์พิศาเคยนั่งทำงานให้กับสำนักพิมพ์ดาวกระดาษด้วยการอยู่กองบรรณาธิการทำหน้าที่ผู้ช่วยตรวจต้นฉบับนิยายมาก่อน
ทำตั้งแต่สมัยที่เธอเพิ่งเรียนจบมหาวิทยาลัยฯใหม่ๆ ไม่เพียงแค่นั้นหญิงสาวยังคอยพิจารณางานเขียนต่างๆ
ของนักเขียนที่ส่งต้นฉบับเข้ามาให้พิจารณากันเป็นว่าเล่นอีกด้วย
ดังนั้นพอเริ่มมีประสบการณ์ในการอ่านมากเข้าๆ พิมพ์พิศาก็เริ่มจับงานเขียนในแนวที่ตนเองถนัดและชื่นชอบ
หญิงสาวหาแนวทางและสำนวนของตัวเองอยู่พักใหญ่ทีเดียว จนในที่สุดผลงานชิ้นแรกก็ถูกตีพิมพ์และวางขายทั่วประเทศ
แค่เพียงเล่มแรกที่ออกมาสู่สายตานักอ่านก็ได้ผลตอบรับดีเกินคาด
ราวกับว่านี่คือพรสวรรค์ที่ติดตัวพิมพ์พิศามาตั้งแต่เกิด
หลังจากนั้นพิมพ์พิศาก็กลายเป็นนักเขียนเต็มตัว และเป็นที่รู้จักในนามปาก
‘ลูกไม้’ มีนักอ่านติดตามผลงานของเธอเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
แม้จะไม่มีใครเคยเห็นหน้าค่าตาเธอมาก่อน แต่เพราะแรงสนับสนุนจากนักอ่านที่น่ารัก มีคนรักในตัวอักษรที่เธอเรียบเรียงเป็นเรื่องราวมากมาย
นั่นจึงทำให้เส้นทางสายนักเขียนของพิมพ์พิศาสวยงามเสมอมา
แต่คนอย่างพิมพ์พิศาไม่ได้มีดีแค่ผลงานเท่านั้น นอกจากจะประสบความสำเร็จในเรื่องการงานตั้งแต่อายุยังน้อย
หญิงสาวก็ยังได้ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้หญิงที่เพียบพร้อมไปเสียทุกด้านอีกด้วย โดยเฉพาะรูปลักษณ์หน้าตาที่โดดเด่นสะกดทุกสายตาคนมอง
จึงมีคนที่รู้จักพยายามพิชิตหัวใจสาวนักเขียนคนนี้มากมาย
พิมพ์พิศาเป็นผู้หญิงที่มีใบหน้าอ่อนหวาน แต่ก็แอบซ่อนความเซ็กซี่เล็กๆ
เอาไว้อย่างลงตัว เธอมีดวงตาเรียวสวย นัยน์ตาหวานชวนมอง ขนตายาวรับกับคิ้วโค้งได้รูป
จมูกโด่งเรียวเล็กปลายรั้นเชิดนิดหน่อย ยิ่งมีปากกระจับสีระเรื่ออิ่ม ยิ่งทำให้ใบหน้าของพิมพ์พิศาดูงดงามราวกับจิตกรตั้งใจวาดผู้หญิงในฝันออกมาให้มีชีวิตอยู่บนโลกนี้จริงๆ
และไม่ใช่เพียงแค่หน้าตาที่สวยสะกดจิตใจผู้พบเห็น แต่รูปร่างกะทัดรัด ได้สัดส่วนในแบบที่ทำให้ผู้ชายหลายคนต้องมองเหลียวหลังจนคอเคล็ดนั้น
ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้พิมพ์พิศาดูสมบูรณ์แบบมากขึ้น
แต่รูปร่างที่เย้ายวนยั่วใจของพิมพ์พิศาก็ขัดกับนิสัยของเธอโดยสิ้นเชิง
หญิงสาวเป็นผู้หญิงเรียบร้อย วางตัวดี ไม่พูดเยอะ
ทว่าถึงจะเรียบร้อยแต่เวลาทำงานก็คล่องแคล่ว และแอบซ่อนความเด็ดขาดเอาไว้ได้อย่างพอเหมาะพอดี
"คุณอาบอกหรือเปล่าว่ามีเรื่องด่วนอะไร?"
"ไม่ได้บอกนะคะ"
“โอเคจ้ะ เดี๋ยวพี่ตามไปนะ ขอเคลียร์งานอีกแป๊บนึง” คนถูกตามยิ้มบางๆ ส่งคืนพร้อมคำพูดนิ่งเรียบแต่ละมุนละไม
นั่นทำให้คนที่รอคำตอบอยู่ถึงกับยิ้มตามไปด้วย
“ได้ค่ะพี่พริม งั้นเดี๋ยวหนูไปบอกคุณอา บก. ให้นะคะ”
เมื่อพิมพ์พิศาพยักหน้าให้น้องฝึกงานเป็นเชิงรับรู้แล้ว เด็กสาวในชุดนักศึกษาก็รีบวิ่งออกจากห้องทำงานไปทันที
พิมพ์พิศารีบเคลียร์งานที่ค้างอยู่อีกนิดหน่อย พร้อมกับเตรียมสมุดจดคู่ใจกับปากกาคู่บุญเข้าร่วมประชุมด้วย
ปกติถ้ามีเรื่องด่วนมากคุณอาของเธอต้องต่อสายตรงมาแล้วนี่นา ไม่รู้เหมือนกันว่าครั้งนี้เป็นเรื่องอะไร?
ถึงจะยังค้างคาใจ แต่ในที่สุดร่างระหงก็มาหยุดอยู่หน้าห้องประชุมขนาดเล็กของสำนักพิมพ์
หญิงสาวผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ เพื่อระบายความรู้สึกอัดอั้นที่มีอยู่ในใจ
เธอยกมือเคาะประตูห้องสองสามครั้งตามมารยาท ก่อนจะผลักบานประตูและพาร่างของตัวเองเข้าไปนั่ง
ซึ่งคนมีเรื่องด่วนจะคุยด้วย นั่งรออยู่ก่อนแล้ว
“น้องบอกว่าคุณอาเรียกพริมให้มาพบเพราะมีเรื่องด่วน เอ..หรือว่างานเขียนของพริมมีปัญหาคะ”
หลังจากนั่งบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับ ‘ธิติ’ เจ้าของสำนักพิมพ์วัยเลขห้าตอนต้น หญิงสาวก็รีบเอ่ยถามทันทีด้วยความเป็นกังวล
แต่คำตอบที่ได้กลับมาเป็นเพียงการส่ายหน้าเท่านั้น
“ใจเย็นๆ ก่อนพริม งานเขียนของเราไม่มีปัญหาอะไรเลย เราเองก็รู้นี่นาว่าตัวเองน่ะคือสุดยอดนักเขียนนิยายแนวโรมานซ์ของสำนักพิมพ์นี้ แต่ที่อาเรียกมาประชุมเนี่ย...เห้อ...รออีกสองสาวก่อนแล้วกัน” ธิติบอกด้วยท่าทางสบายๆ
ไม่ได้มีท่าทีเคร่งเครียดใดๆ อีกทั้งใบหน้าขาวจัดยังระบายไปด้วยรอยยิ้มจางๆ ให้ได้เห็นอีก
“นี่คุณอากำลังรอใครหรือคะ?”
“ก็รอคุณมาร์คนดีกับหนูหวันน่ะสิ นี่อาให้น้องฝึกงานไปตามแล้วนะ ไม่รู้ทำอะไรกันอยู่
ช้ากันจัง” ธิติบ่นกระปอดกระแปด แต่ยังไม่ทันขาดคำก็ปรากฏร่างของสองสาวที่กำลังบ่นถึงอยู่พอดี
‘อโนมา’ หรือ ‘มาร์’ เป็นนักเขียนสาวสายบู้ล้างผลาญ
หญิงสาวถนัดงานเขียนนิยายประเภทสืบสวนสอบสวน ฝีมือการเขียนระดับเทพเพราะจินตนาการเรื่องสยองขวัญสุดล้ำเลิศจนไม่มีใครคาดถึง
อีกทั้งนิสัยส่วนตัวก็ยังเป็นคนลุยๆ ออกห้าวหน่อยๆ เหมือนผู้ชาย แก่นแก้ว และกล้าได้กล้าเสีย ไม่ยอมใคร
ซึ่งผิดกับรูปร่างอรชรอ้อนแอ้นและหน้าตาที่อ่อนหวานจับใจที่ใครเห็นแล้วก็ต่างพากันลงความเห็นว่าเธอเหมือนตุ๊กตาน่าทะนุถนอม
บุคลิกภายนอกเหมือนลูกคุณหนูในละครไม่มีผิด และเพราะความที่ทุกอย่างดูแตกต่างแต่ลงตัว
เลยทำให้อโนมาเปี่ยมเสน่ห์จนหนุ่มๆ ทั้งหลายอยากจะเอาชนะใจแม่สาวนักเขียนสายบู้ล้างผลาญคนนี้เสียเหลือเกิน
ส่วนสาวน้อยอีกคนที่เดินเคียงข้างอโนมาคือ ‘ดาหวัน’ หรือ ‘หวัน’ สาวน้อยโลกสวย
หญิงสาวเป็นทั้งบิวตี้บล็อกเกอร์แล้วก็เป็นนักเขียนนิยายรักโรแมนติกแนวกุ๊กกิ๊ก
ใสใสไฮสคูล เข้ากับบุคลิกของเธอ ดาหวันมีท่าทางแสนซน แก่นเซี้ยวเหมือนแมวน้อย กอปรกับหน้าตาคล้ายตัวการ์ตูนในหน้าปกหนังสือนิยายวัยรุ่น
จึงทำให้ดาหวันกลายเป็นขวัญใจของคนในสำนักพิมพ์นี้ไปเรียบร้อยแล้ว
“โถๆ แม่คุณแม่ทูนหัวทั้งสองคน. ผมให้เวลาพวกคุณห้านาทีนะครับไม่ใช่ห้าชั่วโมง แล้วนี่ไปไหนกันมาล่ะ อย่าบอกนะว่าอู้งานไปซื้อขนมหน้าออฟฟิศอีก” ธิติบ่นยาวเหยียดจนสองสาวที่เพิ่งก้าวเข้ามาในห้องยกมืออุดหูแทบไม่ทัน
“แล้วคุณอา บก. จะเอายังไงอีกล่ะคะ เราก็มาแล้วนี่ไง เคยได้ยินสำนวนไทยที่เขาว่า...มาช้าดีกว่าไม่มาไหมคะ?” ถ้อยคำยอกย้อนเจ็บแสบอย่างนี้คงเป็นใครไปไม่ได้เลยนอกจากอโนมา สาวห้าวประจำสำนักพิมพ์
คำพูดร้อนแรงของเธอทำเอาธิติที่กำลังทำท่าจะบ่นต่อถึงกับอ้าปากค้างมองตาปริบๆ กันเลย
“นี่มาร์! ไม่ต้องมาย้อนผมเลยนะ มาแล้วก็รีบๆ นั่งลง ผมมีเรื่องจะคุยกับพวกคุณสามคน
และไอถุงขนมในมือนี่วางก่อนก็ได้ ผมไม่แย่งคุณกินหรอกน่า” ธิติบ่นอีกรอบพลางหันไปบอกดาหวันที่ยังถือถุงขนมเต็มไม้เต็มมือ
เห้อ พนักงานที่นี่ช่างมีอิสระกันเสียจริง
“ขอโทษนะคะคุณอา บก. แต่ร้านนี้เพิ่งมาเปิดใหม่หน้าสำนักพิมพ์เรานี่เอง
ว่ากันว่าเจ้าของร้านเคยเป็นเชฟของโรงแรมดัง แค่หน้าตาของขนมเนี่ยมันก็ทำให้หวันอดใจไม่ไหวแล้ว
ขนมก็หน้าตาดี๊ดี คนขายก็หล้อหล่อ รสชาตินี่คงจะตราตรึงลิ้นไม่น้อย”
“ให้มันได้อย่างนี้สิ นี่ถ้าไม่ใช่ยอดฝีมือของสำนักพิมพ์ล่ะก็
บ.ก. อย่างผมคงต้องหามาตรการทำโทษพวกคุณบ้าง เพราะตามใจพวกคุณนี่ไง
พนักงานคนอื่นถึงได้ด่าผมว่าลำเอียง”
“จะบอกว่าพวกเราสามคนเป็นลูกรักใช่ไหมคะคุณอา บ.ก. ขา” อโนมายิ้มกริ่มอย่างทะเล้น
“ก็ใช่น่ะสิ” ธิติอดไม่ได้ที่จะถลึงตาใส่
แต่เชื่อเหอะว่าถึงจะดุไปเท่าไหร่ เขาก็ไม่สามารถทำอะไรสามสาวตรงหน้าได้
แม้แต่ทำหนังสือตักเตือนก็ยังทำไม่ได้เลย เพราะอะไรน่ะเหรอ?....เพราะเขากลัวฤทธิ์เดชแม่สาวห้าวอย่างอโนมาจะมาแหกอกถึงห้องทำงานน่ะสิ ปกครองใครก็ปกครองได้
แต่สำหรับสามสาว มันเสียการปกครองไปตั้งแต่ที่พวกเธอก้าวเข้ามาทำงานที่นี่แล้ว
อีกอย่างพิมพ์พิศาก็เป็นคนกันเอง เธอเป็นลูกสาวของหุ้นส่วนใหญ่ซึ่งเป็นรุ่นพี่สมัยเรียน
ธิติเองเอ็นดูเธอเหมือนหลานคนหนึ่ง ดังนั้นจึงต้องยกเว้นกฎเหล็กในบริษัทให้กับสามสาวนี้ไปโดยปริยาย
“พริมขอโทษแทนน้องๆ ด้วยนะคะคุณอา แต่คุณอาก็รู้ว่างานของพวกเราต้องใช้แรงบันดาลใจสูงมาก
เราบังคับน้องมากไปงานก็ออกมาไม่เป็นที่น่าพอใจ ถ้างานเสร็จทันแล้วมีคุณภาพ พริมว่าก็ปล่อยน้องๆ
ไปเถอะค่ะ”
“อารู้แล้วน่า ไม่ต้องออกโรงปกป้องกันเลย” ธิติไม่มีทางเถียงสู้สามสาวได้เลยจริงๆ
สุดท้ายก็คงต้องปล่อยไปตามเคย “มาเข้าเรื่องกันดีกว่า
ผมมีโปรเจกต์ใหม่ให้พวกคุณสามคนทำ เพิ่งคิดได้สดๆ ร้อนๆ”
“โปรเจกต์อะไรเหรอคะ ถ้าให้ไปเสี่ยงตายหวันไม่ทำนะ”
ดาหวันรีบออกตัว
“งั้นพี่ทำเอง ชอบนักเรื่องแบบนี้คันไม้คันมืออยากถือปืนมานาน
ได้ลงสนามจริงบ้างคงดี” อโนมาสาวสายบู้ขันอาสาออกรบพลางขยับท่าทางให้ดูทะมัดทะแมงขึ้น
ก่อนจะทำท่าถือปืนประกอบ เล็ง และเหนี่ยวไก “ปัง!”
“เดี๋ยวได้เหนี่ยวไกปืนสมใจแน่คุณนายมาร์แน่ เพราะผมจะให้คุณทำงานที่เกี่ยวกับเรื่องแบบนี้โดยเฉพาะเลย” ธิติมองสาวห้าวตรงหน้าด้วยความระอาใจนิดหน่อย
“งานอะไรเหรอคะ มาร์ตื่นเต้นจนตัวสั่นเลย” แม่สาวนักเขียนจอมห้าวยิ้มจนนัยน์ตาเปล่งประกายระยับ
ฉายแววความร้ายออกมาตามประสาคนไม่ยอมคน
“ผมจะให้คุณทำงานร่วมกับตำรวจน่ะสิ ความจริงจะให้แต่งนิยายเรื่องใหม่ที่พระเอกเป็นตำรวจต่างหาก”
ธิติได้ทีสั่งการแกมบังคับหญิงสาวอย่างใช้อำนาจเข้าข่ม และไอที่ต้องบังคับกันเพราะรู้ดีว่าหญิงสาวมีปมเรื่องข้าราชการไม่น้อย
ที่เห็นจะเกลียดเข้าไส้สุดๆ ก็อาชีพตำรวจนี่แหละ
“จะบ้าเหรอ! คุณอาก็รู้ว่ามาร์เกลียดตำรวจจะตายไป ไม่ชอบ! ไม่เอานะ...อย่าให้มาร์ไปพัวพันกับคนพวกนั้นเลย..ขอร้องแหละ ขืนเข้าไปยุ่งด้วยมีหวังธุรกิจที่บ้านได้โดนหางเลขอย่างไม่ต้องสงสัยแน่ อีกอย่างขอเตือนเอาไว้ก่อนเลยว่าถ้าธุรกิจที่บ้านมาร์ล่มไม่เป็นท่า ที่นี่ก็จะโดนคุณป๋ามาถล่มเละเหมือนกัน”
ได้ทีแม่เสือสาวก็ทั้งตวาด ทั้งยื่นคำขู่เอาไว้เสร็จสรรพ
“โถ่..มาร์ ใจเย็นๆ ฟังคุณอาพูดให้จบก่อนเถอะนะ”
พิมพ์พิศาจับแขนรุ่นน้องร่วมสายอาชีพเดียวกัน ยึดเอาไว้แน่นหนาเพื่อให้อีกฝ่ายหยุดฟังและหยุดโวยวาย
“ดูเอาเถอะนะพริม นี่ตกลงใครเป็นเจ้านาย ใครเป็นลูกจ้างกันแน่ฮึ” ธิติแทบกุมขมับระงับอาการปวดประสาท
แต่จะทำเช่นไรได้ ในเมื่อเขาอยากให้อโนมาทำงานที่พระเอกมีคาแรคเตอร์ชัดเจนจริงๆ
และอยากให้คนในสังคมเปลี่ยนมุมมองกับอาชีพตำรวจใหม่ ธิติเลยไม่อยากเถียงให้เสียความ
ยอมให้อีกฝ่ายอาละวาดไปก่อน
“มาร์ เรื่องนี้ผมอยากให้พระเอกของคุณเป็นตำรวจและนางเอกก็เป็นสายสืบที่ปลอมตัวเข้าไปพัวพันกับคดีฆาตกรรม
ผมคิดพล็อตเรื่องคร่าวๆ เอาไว้ประมาณนี้เพราะนิยายประเภทนี้ค่อนข้างซับซ้อนซ่อนปม
แต่ฝีมือการใส่สีตีไข่ทำให้เนื้อเรื่องเข้มข้นน่ะ คุณเก่งอยู่แล้ว”
“เลยจะให้มาร์เข้าไปใกล้กับคนพวกนั้นเพื่อหลอกเอาข้อมูลมาแต่งนิยายล่ะสิ”
อโนมายิ้มหยันในความคิดของเจ้านายตัวเองที่มีแต่ได้กับได้ ในขณะที่ดูเหมือนว่าเธอนั้นเสียเปรียบทุกประตู
“มันจะไปยากอะไร ในเมื่อบ้านคุณนายมาร์เองก็พัวพันกับพวกเขาอยู่แล้วไม่ใช่เหรอครับ
คุณเองก็กำลังหลอกใช้คนระดับสูงเป็นเครื่องมือในการหากินนี่นา
ดูไม่ใช่งานยากเกินเอื้อมนะ” ธิติหรี่ตาลงอย่างจับผิดลูกน้อง แต่คำพูดแกมประชดก็ทำให้อโนมาตัดสินใจลำบากอยู่ดี
ทางบ้านของอโนมาทำธุรกิจสีเทา ก็อย่างว่าแหละ หญิงสาวเลยจงใจหว่านเสน่ห์ใส่คนพวกนั้นเพื่อการงานที่ราบรื่น
ไม่ได้คิดสานสัมพันธ์กันจริงจังเลย
“โธ่ เปลี่ยนไปเขียนเรื่องที่พระเอกเป็นเจ้าพ่ออะไรทำนองนี้ไม่ได้เหรอคะ
เผื่อจะได้พ่วงธุรกิจที่บ้านไปด้วยเลย อันนั้นง่ายกว่าอีก” หญิงสาวต่อรองในขณะที่ธิติทำหน้าเซ็งสุดขีด
“อย่าอ้อนซะให้ยากเลย นี่มันเป็นงาน และที่ผมอยากให้พระเอกของคุณเป็นตำรวจก็เพราะว่าอยากจะช่วยลบอคติในใจคุณนะ
งานเขียนคุณน่ะมีจำนวนสิบเล่มที่วางแผง ผู้ร้ายเป็นตำรวจไปแล้วเจ็ด แถมเลวได้ใจทั้งนั้น
ถามจริง...นี่คุณกะจะล้างสมองนักอ่านของตัวเองให้เกลียดตำรวจไปด้วยหรือยังไง อ่อ..แล้วก็ไม่ต้องเถียงนะว่าทำไมถึงมีแต่แฟนคลับส่งจดหมายมาชื่นชมคุณ
จะบอกให้รู้ไว้เลยว่าไอนิสัยดุเหมือนน้องหมา ตั้งท่าจะแหกอกประชาชีของตัวเองนั่นแหละ
เลยทำให้ฝ่ายที่จัดการเรื่องนี้เขาไม่กล้าเอาจดหมายที่แฟนคลับถามถึงอคติที่มีในตัวนักเขียนไปให้คุณอ่าน
ใครๆ ก็กลัวโดนคุณจับหักคอตายด้วยกันทั้งนั้น”
“เหนื่อยหรือยังคะคุณอา นี่ค่ะน้ำ พักหายใจก่อน” ดาหวันเห็นว่าธิติร่ายยาวกับเรื่องอคติในใจของอโนมาจนไม่มีจังหวะหายใจ
เธอเลยกลัวว่าเจ้านายจะเหนื่อย ถึงได้ยื่นน้ำที่เพิ่งซื้อให้ดื่ม ซึ่งธิติเองก็รับแล้วดื่มทันทีเหมือนต้องการพักยก
“งั้นประชุมเสร็จคุณอาก็บอกให้เขายกจดหมายที่เขียนด่ามาร์มาได้เลย เอาไปไว้ที่โต๊ะของมาร์ก็ได้
รับรองว่ามาร์จะไม่แหกอกคนพวกนั้น” หญิงสาวกล่าวด้วยน้ำเสียงประชดประชัน
“มาร์เราฟังพี่นะ ในฐานะที่เราก็เป็นสื่อ เราเองควรนำเสนอความจริงให้ถูกต้องแม้มันจะเพื่อความบันเทิงก็ตาม ควรมีความเป็นกลางบ้าง
ไม่ใช่เขียนเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหรือเพื่อความสะใจของตัวเอง” พิมพ์พิศาแทรกขึ้นด้วยน้ำเสียงหวานๆ
ละมุนละไม ฟังแล้วเย็นใจ เหมือนสายน้ำเย็นที่เอามาราดรดลงบนกองเพลิงไม่มีผิด
“เห็นไหม พี่พริมของพวกเธอยังเห็นด้วยเลย” ธิติว่าพลางดื่มน้ำต่อเหมือนกับต้องการระงับอารมณ์ที่ยังไม่หายร้อนระอุ “และที่เรียกมาเนี่ยก็เพราะอยากให้นิยายเป็นไปในทิศทางเดียวกันด้วย”
“นี่คุณอาจะให้เราแต่งเป็น Set ใช่ไหมคะ?” ดาหวันถามพลางทำตาใสซื่อใส่
“ก็ใช่น่ะสิ ไม่งั้นจะเรียกมาคุยด้วยกันทั้งหมดทำไม”
“แต่นิยายที่เราเขียนมันคนละแนวกันเลยนะคะ คนละสไตล์เลย หวันว่ามันดูเข้ากันไม่ได้”
ดาหวันออกความเห็น
“ก็เพราะมันยากและดูแตกต่างนี่แหละเลยอยากให้ทำร่วมกัน คนอ่านเขาก็ต้องการความแปลกใหม่ มีเนื้อหาสาระและครบรสชาติ
จะให้มาหวานอย่างเดียวมันก็เลี่ยนเกิน หรือจะบู้สนั่นสืบสวนอย่างเดียวก็หนักไป
เลยหวานบ้าง เผ็ดบ้าง จะได้ไม่เบื่อไง”
“แล้วคุณอาอยากให้ของพริมออกมาแนวไหนเหรอคะ” พิมพ์พิศาอดเป็นห่วงแนวทางของตัวเองไม่ได้
หญิงสาวกังวลว่างานเขียนของตัวเองจะไม่เข้าพวกจนทำให้งานออกมาเละไม่เป็นท่า
เนื่องจากส่วนตัวแล้วเธอถนัดเขียนแต่แนวโรมานซ์ นิยายส่วนใหญ่ของเธอพระเอกก็อยู่แต่ในป่าในดอยหรือเทือกสวนไร่นาเป็นหลัก
การหาแนวทางของตนก่อนน่าจะดีกว่าการตีความไปเอง
“โอเค อย่างนั้นจะแจกงานให้ฟังนะ ของมาร์อย่างที่รู้กันว่า...”
“พระเอกเป็นตำรวจ นางเอกเป็นโจร” อโนมากอดอกพูดแทรกขึ้นแกมค่อนขอด สายตามองบนอย่างขัดใจ
“นางเอกเป็นสายสืบ ไม่ใช่โจรและก็หยุดเหลือกตาใส่กันสักที!” ธิติไม่วายหันไปเถียงกับอโนมาอีกรอบ “ส่วนของหวันจากที่เคยเขียนแนวรักไฮสคูลใสๆ ก็เปลี่ยนหน่อยแล้วกันถือว่าพิสูจน์ความสามารถตัวเองด้วย”
“ได้ค่ะ” ดาหวันรับคำสีหน้าสดใสระคนตื่นเต้น
“ของคุณพระเอกเป็นเชฟ ส่วนนางเอกเป็นเน็ตไอดอล พอไหวไหม?”
“โหว ลำเอียงสุดฤทธิ์เลย งานน้องอย่างง่าย แถมเป็นทางถนัดของยายหวันอีก
ได้อยู่ใกล้เชฟสุดหล่อ แล้วยังได้กินขนมอร่อยๆ ด้วย คุณอายุติธรรมมากค่ะ..มาร์พูดเลย!”
อโนมาเบะปากอย่างไม่พอใจทันทีที่ได้ยินงานของดาหวัน ซึ่งเธอคิดว่าทั้งง่ายและสบายกว่าของตนเองมาก
แต่ถึงอย่างนั้น ก็ไม่ได้อิจฉาจริงจังเพราะรู้ดีว่าดาหวันเป็นผู้หญิงหวานๆ ซุกซนเหมือนแมว ครั้นจะให้มาหาข้อมูลเสี่ยงอันตรายแบบเธอ มันก็คงไม่ใช่
“อย่าบ่นได้ไหมมาร์ งานของดาหวันอาจจะหินกว่าคุณอีกนะ” พอพูดมาถึงตรงนี้ธิติก็ขมวดคิ้วยุ่งราวกับมีเรื่องหนักใจ
“มีอะไรหนักใจเหรอคะคุณอา บ.ก. คนดี” ดาหวันเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“คืองี้นะหวัน เชฟที่ผมอยากให้คุณไปหาข้อมูลจากเขาน่ะ เขาเป็นคนโลกส่วนตัวสูงมาก
อารมณ์ประมาณว่าศิลปินสุดๆ ไม่ยอมให้ใครเข้าถึงง่ายๆ แถมเอ่อ...ผมไม่มั่นใจว่าเขาเป็นผู้ชายแท้หรือเปล่านะ
เพราะจากแหล่งข่าวที่ให้ไปสืบข้อมูลมา บอกว่าเขาไม่เคยมีแฟนเป็นผู้หญิงและแฟนเป็นผู้ชายก็ไม่เคยมีเหมือนกัน
ค่อนข้างเป็นคนลึกลับ”
“แล้วอย่างนี้เราจะขอสัมภาษณ์เอาข้อมูลจากเขาได้เหรอคะ ฟังแล้วเขาดูเป็นคนแปลกๆ
นะคะ” พิมพ์พิศาเอ่ยถามแทนดาหวันและอดแปลกใจไม่ได้ ใจหนึ่งก็เป็นห่วงความปลอดภัยของน้องด้วย
“อาก็ไม่ได้ให้หวันไปสัมภาษณ์ซะหน่อย นี่กะจะให้ปลอมตัวไปเรียนทำขนมกับเขานั่นแหละ
ตอนนี้เชฟกำลังเปิดรับสมัครนักเรียนสำหรับคนที่สนใจทำขนมจริงๆ รับคนเดียวนะหวัน เอาข้อมูลเท่าที่ได้ก็พอ
ไม่ต้องเยอะมาก มานั่งมโนต่อก็ได้ พอเห็นท่าไม่ดีก็ชิ่งหนีมาเลย”
“เดี๋ยวนะคะคุณอา ถ้ามันน่ากลัวขนาดนั้นพริมว่าคุณอาหาเชฟคนอื่นให้น้องสัมภาษณ์แทนดีกว่าไหมคะ”
พิมพ์พิศายื่นข้อเสนอด้วยความเป็นห่วงว่าดาหวันจะเจอศึกใหญ่ที่ผู้หญิงใสซื่อตัวเล็กๆ
จะไม่สามารถรับมือได้
“โธ่พริม อาก็อยากทำแบบนั้นอยู่นะ แต่คนนี้ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นเชฟทำขนมมือหนึ่งเลย
เพิ่งบินกลับมาจากต่างประเทศด้วย และฝีมือทำขนมก็เลื่องลือระบือไกลมาก”
“เรื่องมากแท้เชียว ฟังดูแล้วประหลาดชะมัด พิลึกคน” อโนมาบ่น
“แต่ถ้าเข้าถึงยากขนาดนั้น หวันก็ไม่มั่นใจนะคะว่าจะดึงข้อมูลออกมาได้มากน้อยแค่ไหน”
ดาหวันแสดงท่าทางกังวลออกมาอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งธิติเองก็ได้แต่พยักหน้ารับอย่างเข้าใจ
“ของหวันผ่านนะ รับงานแล้ว อาจะได้ส่งไม้ต่อมาให้พริม”
“โอเคค่ะ”
พอดาหวันรับคำ ธิติก็หันมามองหลานสาว ก่อนถอนหายใจออกมา
“เราไม่ต้องปลอมตัวให้ยุ่งยากเลยพริม” ธิติอธิบายงานต่อเพื่อความกระชับและรวดเร็ว
ทว่าสีหน้ากลับมีความวิตก “แต่อาอยากให้เรา..เอ่อ...ลองมีแฟนหรือเปิดใจคบหาใครดูสักครั้งนึง”
“แม่เจ้า!” ทั้งสองสาวที่นั่งฟังอยู่อุทานออกมาพร้อมกัน
แต่พิมพ์พิศากลับเงียบ หน้าเปลี่ยนสีไป
อีกแล้ว วกเข้าเรื่องให้เธอหาแฟนอีกจนได้!
“งานเอาชนะใจตัวเอง หินโคตร..” อโนมาหันไปกระซิบกระซาบกับดาหวันเสียงเบาและน้องเล็กสุดก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วย
“แม่โทรมาขอร้องคุณอารึเปล่าคะ” หญิงสาวมองธิติด้วยสายตาไร้ความรู้สึก
“แม่คงอยากให้คุณอาช่วยเกลี้ยกล่อมพริมอีกแรงใช่รึเปล่า” พิมพ์พิศารู้ดีว่าธิติคงไม่กล้าก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของเธอมากเกินความพอดีแน่
ถ้าไม่ใช่เพราะ ‘คำสั่ง’ ของมารดาที่ใช้อำนาจสั่งการธิติอีกที
ใช่! ธิติและมารดาของเธอสนิทกันมานาน มารดาเธอเป็นรุ่นพี่ของธิติตั้งแต่สมัยเรียนเห็นจะได้
พิมพ์พิศาเองก็เคารพธิติเหมือนญาติผู้ใหญ่คนหนึ่ง เธอเลยเรียกอีกฝ่ายว่า
'คุณอา' ตั้งแต่จำความได้ กระทั่งบิดาเธอเสียไป ธิติเองก็เข้ามามีบทบาทประหนึ่งพ่อของเธออีกคน
ในบางครั้ง หญิงสาวก็แอบสงสัยในความสัมพันธ์ของมารดากับธิติเหมือนกัน
แต่สุดท้ายความเคลือบแคลงเหล่านั้นก็ถูกทำลายหายไป
“ฟังอานะพริม แม่เป็นห่วงเรามาก เราเองก็รู้นี่ว่าแม่อยากให้พริมหาใครสักคนมาดูแลหรือไม่ก็อยู่เป็นเพื่อนก็ยังดี”
ธิติมองหญิงสาวที่รู้จักตรงหน้าด้วยสายตาไม่เข้าใจ ความรักอาจเป็นเรื่องหอมหวานสำหรับใครหลายคน
แต่สำหรับหลานสาวคนนี้แล้วมันคงเป็นเหมือนยาขมเลยทีเดียว
ไม่ก็..ยาพิษ!
“ถ้าพริมเขียนนิยายขาดอรรถรส ไร้อารมณ์ของตัวละครจนคนอ่านไม่คล้อยตาม ในฐานะที่คุณอาเป็น
บ.ก. เป็นเจ้าของสำนักพิมพ์ ก็บอกพริมมาตามตรงได้เลยนะคะว่างานมันแย่มากแค่ไหน
พริมรับได้ แต่ถ้าที่คุณอาพูดเพราะเป็นรุ่นน้องของแม่และรับคำสั่งหรือการขอร้องอ้อนวอนใดๆ มาอีกทีก็ตาม พริมขอไม่ทำและไม่รับปากว่าจะทำค่ะ”
“พริม นี่อาไม่รู้หรอกนะว่าเรามีปมอะไรกับเรื่องความรักนักหนา แต่ถ้าพริมลองมีแฟนหรือลองคบหากับใครดูบ้างมันก็ไม่ได้เสียหายอะไรนี่
ถือซะว่ามันเป็นงานก็แล้วกัน”
“บอกแล้วไงคะถ้าเป็นงาน พริมก็ไม่รับปาก ถอดพริมออกจากโปรเจกต์นี้ไปเลยก็ได้”
“หรือว่าเราตั้งสเป๊คชายในฝันไว้สูงอะไรทำนองนี้ ให้อาลองช่วยหาดีไหม”
ธิติยื่นข้อเสนอ ไม่สนใจอารมณ์ขุ่นมัวของหลานสาวเลย
“แม่ทุ่มงบให้คุณอาเท่าเหรอไหร่คะ หนึ่งล้านหรือสิบล้าน คุณอาถึงกล้าลงทุนกับพริม” สายตาเย็นชาของพิมพ์พิศามองสบตาธิติอย่างไม่ยอมลดละ
บอกตามตรงว่างานนี้เธออยากชนะแม่ตัวเอง
ต่อให้เอาช้างมาฉุด เธอก็ไม่ยอมมีแฟนหรอก
ธิติหน้าเจื่อนลงเล็กน้อยที่หญิงสาวรู้ทันเขา จริงอยู่ว่าเขารับงบมาจาก
‘ญากานดา’ มารดาของพิมพ์พิศา
แต่ญากานดาเองก็เป็นหุ้นส่วนในบริษัทเขาครึ่งหนึ่งเหมือนกัน ที่สำคัญยังเป็นรุ่นพี่ที่เขาเคารพรักมาก
ที่ธิติยอมร่วมมือกับญากานดาก็เพราะอยากเห็นพิมพ์พิศามีความสุขต่างหาก ไม่ใช่หวังแต่ผลประโยชน์อย่างเดียว
“เอาเป็นว่าข้อจำกัดของเราคือหาแฟนให้ได้ แนวเขียนก็รักโรแมนติก โรมานซ์อย่างที่เคยเขียน จะเขียนแบบไหนก็ตามสบายเลย แต่อาอยากให้งานออกมาเป็นธรรมชาติที่สุด ไม่หวือหวา เอาแบบเรียบง่ายแต่ประทับใจคนอ่าน ส่วนเรื่องชื่อตัวละครไม่จำกัดความคิดพวกคุณหรอกนะ เอาที่ฟังแล้วอยู่บนความเป็นจริงหน่อยไม่ใช่ชื่อไม่เหมือนคน
และเรื่องที่พวกคุณจะทำให้เนื้อเรื่องมันสัมพันธ์กันยังไงเนี่ยก็เชิญคุยกันตามสบาย..ผมไม่ห้าม จะทำไปกินไปก็ตามใจ ส่วนกำหนดส่ง ผมให้เวลาพวกคุณสี่เดือน เอาให้ทันงานสัปดาห์หนังสือก็แล้วกัน หมดเรื่องจะคุยแล้ว...ปิดปะชุม!”
พูดจบธิติก็ลุกพรวดออกจากห้องไป เขาไม่อยากเห็นหน้าซังกะตายของอโนมา ไม่อยากเห็นสายตาแกมขอร้องของดาหวัน และสายตาหมดหวังของพิมพ์พิศา
แค่เท่านี้ ธิติก็ลำบากใจมากพอแล้ว..
ความคิดเห็น