-- Hidden Content part‘น้อง’ ที่ว่าคงหมายถึงเอย์ที่
‘นอนกับฉัน’ เมื่อคืนสินะ“แล้วมันขึ้นรถเมล์ไม่เป็นเหรอพ่อ”
ฉันถามเพราะคิดว่านี่ไม่ใช่เรื่องที่ตัวเองต้องมารับผิดชอบ
อีกอย่าง เอย์มีทั้งบิ๊กไบค์ที่เขาทำงานเก็บเงินตั้งแต่เด็กเพื่อซื้อมัน
ไหนจะรถยนต์ยี่ห้อดังของผัวเก่าสายธารอีก จะบอกว่ารถมันเสียทั้งสองคันพร้อมกันว่างั้น?
“เกลมาไกลแล้ว ให้มันหาทางไปเรียนเอง”
เพราะฉันรู้ว่านี่เป็นแผนของเอย์จึงได้กล้าปฏิเสธ
และต่อให้รถของเขาเสียขึ้นมาจริงๆ ฉันก็ไม่ย้อนกลับไปรับแน่
“พ่อต้องรีบไปทำงาน
อีกอย่างทางที่พ่อไปมันคนละทางกับมหา’ลัย” พ่ออธิบายเมื่อฉันบอกปัดความต้องการของท่านที่มีต่อเอย์
“นี่ไม่ใช่คำขอ แต่เป็นคำสั่ง”
ฉันแทบจะหลุดหัวเราะออกมาเมื่อได้ยินน้ำเสียงเข้มข้นของคนเป็นพ่อ
ดูสิ่งที่พ่อปฏิบัติกับลูกในไส้อย่างฉันและลูกเมียใหม่อย่างเอย์สิ
ดี...ดีจริงๆ
“แล้วเกลจะได้อะไร”
คนอย่างฉัน...ถ้าต้องทำอะไรที่ไม่อยากทำก็ต้องมีข้อแลกเปลี่ยน
กับการที่ต้องเสียเวลาเพื่อวกกลับไปรับเอย์ขึ้นรถมาเรียนด้วยถือเป็นหนึ่งในสิ่งที่ฉันไม่คิดจะทำตั้งแต่แรก
“แกจะยังมาต่อรองอีกหรือไง”
พ่อดูหัวเสียไม่น้อย ถ้าฉันอยู่ตรงหน้าท่านคงหนีไม่พ้นการถูกต่อว่า
หนักขึ้นมาหน่อยคงถูกตีจนช้ำ...เหมือนอย่างที่ฉันเคยเจอมา “ไปเอานิสัยนี้มาจากใครนะ
พ่ออยากรู้จริงๆ”
“...” ฉันเงียบ
โทรศัพท์ในมือถูกฉันบีบอย่างรุนแรง...แรงจนความเจ็บแผ่ลามไปทั่วฝ่ามือข้างเดียวกัน
“ค่อยว่ากันอีกที
มารับน้องก่อน เหมือนน้องจะเรียนสิบเอ็ดโมง”
คำบอกกล่าวของท่านทำให้ฉันต้องเหลือบมองเวลาบนนาฬิกาข้อมืออีกข้างที่กำลังบังคับพวงมาลัย
สิบโมงครึ่งแล้ว...
“ค่ะ” ฉันขานรับสั้นๆ
อย่างจำใจ
คำว่า ‘ค่อยว่ากันอีกที’
ของท่านมีโอกาสเปลี่ยนแปลงได้ แต่เชื่อได้เลยว่าฉันจะไม่ยอมให้การกล้ำกลืนนี้ผ่านไปอย่างเปล่าประโยชน์
หลังจากที่พ่อวางสาย
ฉันก็หาทางยูเทิร์นกลับ แต่...
End Describe
Describe:: Aey
ผมกำลังแกล้งเกล
ความจริงวันนี้ผมไม่มีเรียน
ผมโกหกพ่อเธอว่ารถเสียและมีเรียนสิบเอ็ดโมง...แต่ตอนนี้สิบเอ็ดโมงครึ่งเข้าให้แล้วก็ยังไม่มีวี่แววว่ายัยแม่มดจะปรากฏตัว
เมื่อมันนานเกินไปจนมีความคิดว่าผู้หญิงคนนั้นอาจจะเมินเฉยและจงใจปล่อยให้รอ
ผมจึงตัดสินใจโทรไปหาเธอทันที แต่รู้ไหม...เธอไม่รับสายผม
ถึงแม้ว่าเธออาจจะต่อรองพ่อเพื่อแลกกับการเจียดเวลามารับผมไปเรียน
แต่ผมว่าเธอแกร่งพอจะมองว่าการถูกพ่อบริภาษหรือโดนลงโทษเป็นเรื่องที่เล็กน้อย
ดีไม่ดีเธออาจมองว่ามันโคตรจะไร้สาระด้วยซ้ำ
เธออยู่ในจุดที่ไม่จำเป็นต้องแคร์ใคร
เกล
เกวรินทร์...ผมรู้จักเธอดี‘อึก...ไม่ มะ...ไม่เอา’เมื่อเห็นหน้ามัน ฉับพลันที่ภาพในอดีตผุดขึ้นมาในหัว
เหตุการณ์นั้นเหมือนแผ่นหนังที่ฉายซ้ำไปซ้ำมาไม่รู้จบ...จนกระทั่งฉันตัดสินใจที่กระชากความทรงจำน่ารังเกียจออกจากสมองแล้วลากสายตากลับมา
ความแค้นที่เกาะกุมหัวใจทำให้ฉันเมินเฉยคำร้องขอของมันอย่างเลือดเย็น
และใช่ สิ่งที่ฉันทำเป็นลำดับถัดมาคือขับรถจากไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ปล่อยให้มันเผชิญหน้ากับผู้หญิงพวกนั้นเพียงลำพัง
เจ็บบ้างก็ดี เจ็บให้มันได้สักเสี้ยวหนึ่งของฉัน
ครืดๆ
หลังจากนั้นเพียงไม่นาน การสั่นเตือนของโทรศัพท์ก็ทำให้ฉันต้องใช้มือข้างหนึ่งล้วงเข้าไปในกระเป๋าสะพายที่วางไว้บนเบาะข้างๆ
ก่อนจะกดรับโดยไม่ได้มองก่อนว่าใครเป็นคนโทรเข้ามา
[ตื่นยัง] กระทั่งปลายสายกรอกเสียงถาม
ฉันจึงได้คำตอบ
“ถ้าไม่ตื่นจะรับสายนายแบบนี้ไหม...ขุน?”
ฉันถามกลับจนได้ยินเสียงหัวเราะร้ายๆ กลับมา และใช่ ชื่อของเขาคือขุน เป็นเพื่อนผู้ชายที่ฉันสนิทด้วย
เรารู้จักกันตอนที่ฉันประสบปัญหาบางอย่างและได้เขาช่วยเหลือเอาไว้ “โทรมาทำไม
กำลังขับรถ”
[ก็เมื่อคืนเธอเมาเลยอยากรู้ว่าตื่นมาจะขับรถไหวไหม
กลัวแฮงก์]
“ตอนนี้โอเค” ฉันตอบไปตามความจริง “เมื่อคืนใครมาส่งฉัน
นายหรือเปล่า?” ก่อนจะถามต่อ
[…] และคำถามนั้นของฉันทำให้ปลายสายเงียบไป
“ทำไม พูด” ฉันยังคงโทนเสียงไว้เหมือนเดิม แต่คำพูดก็สื่อชัดเจนแล้วว่าต้องการคำตอบเดี๋ยวนี้และตอนนี้
[ไอ้เอย์ น้องชายเธอ]
“...เหอะ”
ฉันแค่นหัวเราะออกมาเมื่อได้รู้ความจริงเรื่องนี้
[เมื่อคืนมาถึงมันก็ลากเธอออกไปเลย ไม่ได้ทำไรใช่ไหม?]
“อืม” ฉันตอบสั้นๆ เพื่อหลีกเลี่ยงกันซักถามจากขุน
ส่วนหนึ่งคือรู้อยู่เต็มอกว่าเมื่อคืนเอย์ทำอะไรกับฉันไว้บ้าง
สังเกตจากถุงยางที่ใช้แล้ว
ฉันเห็นมีมากกว่าหนึ่ง...นั่นเท่ากับว่าเมื่อคืนระหว่างเรามันเกิดขึ้นไม่ต่ำกว่าสองครั้งโดยที่ฉันเองก็จำอะไรแทบไม่ได้เลย
เอย์รู้ว่าฉันรังเกียจเขา แค่มองหน้าและคุยกันดีๆ
ยังไม่อยากทำ ฉะนั้นเมื่อไหร่ที่ฉันเสียเปรียบ ไม่ว่าจะเป็นตอนที่เมา ตอนไม่สบาย
เขามักจะฉวยโอกาสทำเรื่องบ้าๆ แบบนี้ทุกที
ฉันถึงได้บอกว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกของเรา
หลังจากนั้นฉันก็คุยกับขุนต่ออีกสองสามประโยคก่อนจะวางสาย
ทว่าวางสายได้เพียงไม่นานก็มีใครอีกคนโทรเข้ามาเหมือนรอจังหวะ
ฉันที่ตรึงสองตาไว้เพียงท้องถนนจึงกดรับโดยไม่มองหน้าจอเหมือนเดิม
“ว่า?”
[ยัยลูกนิสัยเสีย...] เสียงเข้มที่อัดแน่นไปด้วยโมโหทำให้ฉันได้คำตอบตั้งแต่วินาทีแรก
จะเป็นใครถ้าไม่ใช่พ่อ [แกทิ้งน้องได้ไง]
“...?” ฉันไม่เข้าใจ
“รถน้องเสีย กลับมารับน้องไปเรียนด้วยเดี๋ยวนี้!”
‘น้อง’ ที่ว่าคงหมายถึงเอย์ที่ ‘นอนกับฉัน’ เมื่อคืนสินะ“อายุ 21 ไม่เด็กแล้วนะ โตพอจะคิดได้ว่าอะไรควรทำไม่ควรทำ”
พ่อยังคงต่อว่าฉัน เหมือนท่านมองเห็นความผิดของคนอื่นหมดยกเว้นความผิดของตัวเองอย่าให้ได้ร่ายเลยว่าฉันกับแม่ต้องเจอกับอะไรบ้างจากผู้ชายคนนี้...คนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเสาหลักของบ้าน
คนที่เคยบอกว่ารักแม่ยิ่งกว่าสิ่งใด
...คนที่เคยอบอุ่นและอ่อนโยนกับฉัน
แม่น่ะยังอยู่ในหัวใจฉันเสมอ
แต่พ่อ เหมือนตัวตนของท่านได้ตายไปแล้ว
“เกลไปก่อนนะคะ” ฉันมองพ่อที่กำลังเดือดจัดอย่างเฉยชา
ก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเดินออกจากบ้านทันที
นาทีถัดมาฉันพบว่ารถของตัวเองจอดอยู่หน้าบ้าน
คิดว่าเมื่อคืนคงมีเพื่อนสักคนขับรถมาส่งฉันเพราะเมาจนขับเองไม่ได้
ฉันไม่ได้ตั้งคำถามอะไรมากมายนัก
เลือกที่จะสตาร์ทรถแล้วขับออกมาจากบริเวณบ้านทันที วันนี้มีเรียนเที่ยง
ยังเหลือเวลาอีกถมเถ เพราะฉะนั้นฉันจึงไม่ได้รีบร้อนอะไร
แต่จังหวะที่รถเคลื่อนตัวผ่านจุดๆ หนึ่งแล้วบังเอิญหันไปเห็นผู้หญิงคนหนึ่งกำลังตกอยู่ในที่นั่งลำบาก
ฉันจึงค่อยๆ ชะลอรถกระทั่งจอดสนิทเทียบฟุตบาธในที่สุด
ฉันควรเข้าไปช่วย...แต่เลือกที่จะนั่งมองภาพเหตุการณ์นั้นอย่างเงียบเชียบ
ผู้หญิงคนนั้นเป็นหนึ่งในกลุ่มเพื่อนฉันเอง
แต่เราไม่ค่อยถูกกันเท่าไหร่
มันมีหลายสาเหตุ...แต่เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังอีกที
ดูจากรูปการแล้ว เหมือนมันไปสร้างศัตรูมาเพิ่มอีกแล้วล่ะมั้ง
ฉันถือว่าไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะขนาดกับเพื่อนในกลุ่มยังระหองระแหงกันได้ขนาดนี้
“...”
ฉันนั่งมองภาพนั้นผ่านบานกระจกรถที่ติดฟิล์ม มันถูกผู้หญิงอีกคนผลักจนเซ ด้วยส่วนสูงและสัดส่วนที่ต่างกัน
ไหนจะจำนวนคนของอีกฝ่ายที่มีมากกว่า ทำให้มันเสียเปรียบและดูอ่อนปวกเปียกไปเลย
ไหนว่าเก่ง...
ฉันยังคงเฉยชา กระทั่งมันถูกอีกคนตบจนหน้าหันและล้มลงไปกองกับพื้น
วูบนั้นมันพยายามสอดส่ายสายตาเหมือนต้องการความช่วยเหลือ กระทั่งหันมาเจอรถของฉันที่จอดอยู่พอดี
แถวนี้ไม่ใช่จุดที่คนพลุกพล่าน ก็ไม่แปลกที่อีกฝ่ายจะกล้าใช้กำลัง
กระจกติดฟิล์มแบบนี้มันมองไม่เห็นหน้าฉันหรอก แต่มันจำยี่ห้อและทะเบียนรถฉันได้ถึงได้ทำตาเป็นประกายอย่างมีความหวัง
‘เกล ช่วยด้วย’
ฉันอ่านปากมันทั้งๆ
ที่มีระยะห่างระหว่างกันหลายสิบเมตร
‘เกลๆๆ มาช่วยที’
ฉันยิ้มและยังคงนั่งอยู่ในรถ
ทำเป็นลืมไปได้ว่าครั้งหนึ่งมันเคยเมินเฉยคำร้องขอของฉันแล้วเลือกผู้ชายมากกว่าเพื่อน
โดนกับตัวเองดูสักครั้งไม่เห็นจะเป็นไร
ฉันยังรอดมาได้ มันเองก็คงไม่ตาย
อย่างมากคงแค่ปากแตก เสียโฉม หรืออาจจะพิการ...เพราะความหน้าด้านของเอย์
บวกกับความที่ฉันรู้นิสัยเขาเป็นอย่างดี สุดท้ายจึงปล่อยให้เขานอนอยู่บนเตียงต่อไป
ส่วนตัวเองลุกขึ้นเตรียมอาบน้ำแต่งตัวไปเรียนระหว่างนั้นสองตาฉันเหลือบเห็นชุดของเราสองคนกระจัดกระจายอยู่เต็มพื้น
และเหนือสิ่งอื่นใด ฉันเห็นถุงยางอนามัยใช้แล้วตกอยู่ไม่ไกลจากปลายเท้าฉัน
เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีกแล้ว
ฉันเก็บความคิดหนึ่งที่ปรากฏขึ้นในหัวอย่างเงียบเชียบ
ไม่ตื่นตระหนกและทำได้เพียงแค่เดินผ่านสิ่งเหล่านั้นไปอย่างเฉยชา
อย่าหวังว่าวิธีเดิมๆ จะใช้ได้ผล
อย่าหวังเลยเอย์
“เกลตื่นแล้วค่ะ”
ฉันใช้เวลาในการอาบน้ำแต่งตัวไม่นานนัก และทันทีที่ลงมาถึงชั้นล่างของบ้านก็พบว่าพ่อกำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ตรงโต๊ะทานข้าว
ส่วนเสียงเมื่อกี้...เป็นของสายธาร เมียใหม่แสนรักของพ่อ
เธอส่งยิ้มให้ฉันอย่างหวาดหยด
ถ้าใครไม่รู้นิสัยที่แท้จริงของเธอ คงมองว่าเธอเป็นนางฟ้าตกสวรรค์
และใช่ เพราะฉันรู้จนหมดไส้หมดพุง
ถึงมองออกว่าสิ่งที่เธอทำอยู่คือการเสแสร้ง และการเสแสร้งของเธอ พ่อมองว่าเป็นความหวังดีที่เธอมีให้ฉันอย่างบริสุทธิ์ใจ
อยากจะอ้วก...
“มาคุยกันก่อน” ตอนแรกตั้งใจว่าจะไม่กินข้าวเช้า
แต่เมื่อเจอสายตาตำหนิกับน้ำเสียงดุดันของคนเป็นพ่อ
ฉันจึงต้องทิ้งตัวลงนั่งฝั่งตรงข้ามท่าน “ได้ข่าวว่าเมื่อคืนเมาเหรอ แกดื่มอีกแล้ว?”
“ใช่ เกลดื่ม” ฉันยอมรับแล้วชำเลืองตามองสายธารที่นั่งอยู่ข้างพ่อ
รอยยิ้มหวานๆ เมื่อครู่นี้กลายเป็นรอยยิ้มฉาบพิษไปแล้วเรียบร้อย “สายธารฟ้องสินะ”
“พูดให้มันดีๆ อย่างน้อยสายธารก็มีศักดิ์เป็นแม่ของแก”
เสียงขุ่นเขียวของพ่อทำให้ฉันสูดลมหายใจเข้าปอด
เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นกับฉันมาไม่ต่ำกว่าห้าสิบครั้งนับตั้งแต่ที่สายธารก้าวเข้ามาในบ้าน
มันกลายเป็นคนมีอิทธิพลต่อพ่อ มีส่วนในการตัดสินใจของท่าน ส่วนฉัน...แค่ขยับตัวนิดเดียวก็ผิดแล้ว
“เกลมีแม่คนเดียว” ฉันบอก “ต่อให้พ่อมีเมียใหม่อีกสักกี่คน
คนพวกนั้นก็มาแทนแม่ไม่ได้”
“แต่แม่แกตายแล้ว!” พ่อขึ้นเสียง ราวกับต้องการปลุกให้ฉันตื่นจากความฝัน
อ้อ ใช่สิ แม่ตายแล้ว...
“เพราะพ่อนอกใจแม่ไง”
ฉันจ้องหน้าพ่อโดยที่ใบหน้าราบเรียบ ต่อให้หัวใจเจ็บปวดจนจะแตกออกเป็นเสี่ยง แต่ฉันไม่แสดงอาการอะไรออกไป
เป็นตายร้ายดียังไงฉันจะไม่เผยด้านอ่อนแอให้สายธารเห็น
น้ำตาสักหยดของฉัน มันจะไม่มีวันได้เห็น ฉันสาบาน
“เพราะพ่อนอกใจแม่ไปหามัน”
“เกล! พ่อไม่เคยสอนให้แกก้าวร้าว” พ่อตาแดง
ไม่ได้จะร้องไห้หรอก แค่โกรธที่ฉันพูดความจริงแล้วมันกระแทกใจมากกว่า
“คุณคะ ไม่เป็นไรค่ะ” สายธารเอื้อมมือไปแตะแขนพ่อ
ใช้น้ำเสียงนุ่มนวลลื่นหู ท่าทีของเธอเหมือนนางเอกละครน้ำเน่าที่ต่อให้ถูกกระทำก็พร้อมจะให้อภัย
“เกลยังเด็ก”
สายธารเคลื่อนสายตามาทางฉัน
ใช่ เมื่อเทียบกับสายธารแล้ว ฉันยังเด็ก...เด็กกว่าเธอมาก
แต่แปลกนะ ทั้งๆ ที่อายุเยอะกว่าฉันเป็นสิบยี่สิบปี
แต่ยังกล้านอนถ่างขาให้ผัวชาวบ้านจนได้เข้ามาอยู่ในที่ๆ ตัวอยากอยู่ แถมหลายๆ
ครั้งยังพยายามไซโคพ่อ ทำให้ท่านหงุดหงิดเรื่องฉันอยู่บ่อยๆ
สายธาร...เธอมันดอกทองจริงๆจนกระทั่งฉันได้เจอ ‘ผู้ชายคนนั้น’
ปัจจุบัน
มีอยู่ไม่กี่เรื่องที่ทำให้ฉันประสาทเสีย...
หนึ่งในนั้นคือการที่ตื่นขึ้นมาในเช้าวันใหม่แล้วพบว่าตัวเองไม่ได้นอนอยู่บนเตียงเพียงคนเดียวอย่างที่ควรจะเป็น
แต่กลับมีผู้ชายคนหนึ่งในสภาพเปลือยเปล่ากับรอยเล็บมากมายบนตัวนอนอยู่ข้างๆ กัน...
เพียะ!
ไวเท่าความคิด ฉันใช้มือฟาดลงกลางศีรษะของอีกฝ่ายทันที
ทำเอาเขาขมวดคิ้วตอบรับกลับมาเป็นสิ่งแรก ก่อนจะค่อยๆ ลืมตาขึ้นทั้งที่ยังสะลึมสะลือ
“เมื่อไหร่จะหยุดทำตัวเร่ร่อน” ทันที่นัยน์ตาคมกริบถูกเปิดแล้วสะท้อนภาพฉัน...ฉันไม่รอให้เขาได้พูดอะไรก็ยิงคำถามที่ต่อให้ไม่มีการกระชากกระชั้น
แต่มั่นใจว่าคนฟังต้องเข้าใจสภาพอารมณ์ของฉันในตอนนี้
“นี่บ้านเธอ” เสียงทุ้มต่ำที่ฟังแล้วมีเสน่ห์แต่น่ารังเกียจสำหรับฉันดังขึ้น
เขายังนอนอยู่...นอนอยู่บนเตียงของฉัน
แถมยังจ้องมองฉันด้วยสายตาเฉื่อยชา
ชื่อของเขาคือเอย์
“รู้แล้วก็ไสหัวไป” ฉันพยักพเยิดหน้าไปทางประตู ถ้าไม่จำเป็นฉันจะไม่มีเรื่องกับพวกปลายแถว
การเจียดเวลาคุยด้วยในครั้งนี้มาจากการที่เรามีสถานะใกล้เคียงความเป็น ‘พี่น้อง’ มากกว่า
ฉันแค่บอกว่า ‘ใกล้เคียง’ แต่ไม่ได้ยอมรับว่าเป็นจริงๆ
เพราะต่อให้แม่ของเขาเพิ่งเข้ามาในบ้านฉันได้ไม่นานในฐานะเมียใหม่พ่อ ทว่านั่นไม่ได้หมายความว่าฉันจะต้องญาติดีด้วย
ครอบครัวฉันเรียกได้ว่าร่ำรวย
มีเงินใช้ได้ทั้งปีทั้งชาติ ธุรกิจด้านดนตรีที่พ่อเป็นคนก่อตั้งกำลังไปได้สวยและกำลังถูกจับตามอง
การที่สายธาร...แม่ของเอย์เข้ามาในช่วงที่พ่อกำลังขาขึ้นทำให้ฉันคิดไปเองแล้วว่าเธอมาเพื่อเกาะพ่อฉันกิน
ไม่มีปัญญาหาเงินใช้ก็ทำตัวน่าสมเพชด้วยการบีบน้ำตาเรียกคะแนนสงสาร
แถมยังเชิดหน้าชูคอทำตัวเป็นใหญ่ในบ้านอย่างหน้าไม่อาย เห็นแล้วขยะแขยงจริงๆ
“แต่ตอนนี้ก็เหมือนบ้านฉัน” น้ำเสียงของเอย์เรียบเรื่อยไม่ทุกข์ร้อน
“หรือเธอจะเถียง...”
“...” ฉันปรายตามอง ไม่อยากเปลืองน้ำลายไปกับการด่าเขาหรอก
เพราะสุดท้ายแล้วภาษาคนก็ไม่มีผลกับคนจำพวกนี้
ฉันจะไม่ตั้งคำถามว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นกับเราสองคน
เพราะต่อให้เมาแล้วมีเรื่องบ้าๆ เกิดขึ้น ฉันก็ไม่แคร์อยู่ดี
เขาไม่ได้สำคัญขนาดที่ฉันจะมานั่งโอดครวญ
ก็แค่ไอ้บัดซบคนหนึ่งDescribe:: Gale5ปีก่อนหน้านั้น ณ
โรงอาหารกลางของโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่ง
เพล้ง!
“อีโง่ เดินไม่ดูตาม้าตาเรือ!”
พลั่ก...
คำด่านั้นสาดใส่ฉันพร้อมแรงผลักที่มหาศาล
เพราะมัวแต่ตื่นตระหนกและหวาดกลัว ทำให้ฉันที่เดิมทีก็สู้ใครไม่ได้อยู่แล้วถลาและล้มลงจนได้ยินเสียง
‘ตุ๊บ’ ตามมา แน่นอนว่าทันทีที่หัวเข่ากระแทกพื้น...ความเจ็บปวดเป็นสิ่งแรกที่โจมตีฉัน
“...” ฉันเม้มริมฝีปากแน่นพร้อมทั้งก้มหน้าลง
มองเศษอาหารกับจานที่แตกออกเป็นเสี่ยงๆ เพียงไม่นานก็เงยหน้าขึ้น
ตอนนั้นจึงพบว่าผู้หญิงคนเดิมกับเพื่อนของเธอกำลังใช้สายตาชนิดหนึ่งมองฉัน
เป็นสายตาที่แม้แต่เด็กอนุบาลยังดูออกเลยว่ากำลังโดนดูถูก
และใช่...ต่อให้เรื่องเมื่อกี้เป็นความจงใจของใครอีกคนที่เข้ามากระแทกฉันจนทำให้เกิดเรื่อง
แต่เชื่อเถอะว่าต่อให้อธิบายจนปากฉีกถึงหู ก็อย่าหวังว่าคนพวกนี้จะเปิดใจรับฟัง
และต่อให้ได้ฟังความจริงแล้ว ยังไงในสายตาของคนกลุ่มนี้
ฉันก็ยังคืออีเฉิ่ม อีแว่น และอีหน้าโง่...
เพื่อนร่วมชั้นมองฉันเป็นเหมือนเบ้ที่คอยรับใช้และอำนวยความสะดวกต่างๆ
นานา ซึ่งนั่นร่วมไปถึงการถูกข่มเหงรังแก
ในแต่ละวันฉันได้แผลกลับบ้านไม่ต่ำว่าห้าจุด
แผลทางกายน่ะไม่เท่าไหร่หรอก แต่บาดแผลทางจิตใจมันสาหัสมาก ฉันต้องแบกรับความปวดร้าวแบบนั้นมานาน
นานจนตะกอนความเจ็บปวดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตามช่วงเวลา
“มองทำไม แกเป็นคนทำก็เก็บสิ” ผู้หญิงคนนี้เป็นเพื่อนร่วมชั้นของฉัน
ชื่อเพลง...เธอบอกว่าตัวเองแสนจะเฟียซ แต่เธอคงแยกระหว่างคำว่า ‘เฟียซกับเหี้ย’ ไม่ออกล่ะมั้ง
ฉัน...ทำได้แต่ด่าในใจ
“เราไม่ได้ตั้งใจนะ”
ฉันเค้นเส้นเสียงที่สั่นระริกออกไป แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือรอยยิ้มเหยียดหยัน...แม้ไม่ได้พูดออกมาตรงๆ
แต่รอยยิ้มนั้นไม่ต่างกับการด่าฉันด้วยถ้อยคำแรงๆ
เห็นไหม คนพวกนี้ไม่ฟังหรอก
ต่อให้กรีดร้องจนสุดเสียง ตราบใดที่คนๆ
นั้นคือฉัน...มันก็ไร้ความหมาย
เปล่าประโยชน์ชะมัดเลยเกล
“จะยอมเก็บดีๆ หรือให้ฉันเอา ‘เรื่องนั้น’ ไปบอกพ่อของแก” เพลงรู้ว่าตัวเองได้เปรียบกว่าฉันหลายขุม
ไม่แปลกที่เธอจะหยิบเรื่องพ่อมาข่มขู่กัน
ยอมรับว่านัยน์ตาคู่นั้นยามจ้องมองฉันทั้งเลือดเย็นและน่ากลัว...นี่เป็นสายตาของคนที่อายุเพียง
17 ปีเท่านั้น
โลกเรามันเปลี่ยนไปแล้ว คนเลวไม่จำเป็นต้องอายุมาก
ทุกอย่างขึ้นอยู่ที่การเลี้ยงดู สภาพแวดล้อม หรือบางทีก็อยู่ที่ ‘กมลสันดาน’ ของคนๆ
นั้น
เด็กอายุสิบขวบยังรังแกเพื่อนจนเข้าโรงพยาบาลได้
นับประสาอะไรกับเพลง...คนที่เติบโตมาในครอบครัวที่ร่ำรวย เรียนดี กิจกรรมเด่น
เธอเคยทำพฤติกรรมแบบนี้กับคนอื่นเหมือนกันแต่ไม่เคยถูกลงโทษ
ถ้าถามว่าทำไม...คำตอบง่ายๆ คือพ่อของเธอเป็นเพื่อนสนิทกับผู้อำนวยการโรงเรียนนี้
เรื่องมันก็แค่นี้
“...เราจะเก็บ” เพราะเสียเปรียบเต็มประตู
ฉันจึงไม่มีทางเลือก...ก้มหน้ารับชะตากรรมด้วยการเก็บซากจานอย่างช่วยไม่ได้
‘ไม่เป็นไร’
‘ไม่เป็นไร’
ฉันบอกตัวเอง...และในชีวิตนี้ฉันพูดคำนี้มาไม่ต่ำว่า
200 ครั้ง “ลูกพี่ เด็กคนนี้มัน...” เสียงตื่นตกใจของคิลเลอร์ผู้เป็นมือซ้าย...
ทำให้ชายหนุ่มในชุดคลุมสีดำสนิทอย่างลูซิเฟอร์เคลื่อนสายตากลับไป ความเยือกเย็นที่แผ่คลุมอยู่รอบตัวเขาทำให้คนเป็นลูกน้องสะดุ้งเล็กน้อยแต่ก็ยอมเปล่งเสียงอีกครั้งเป็นการสำทับ
“น้องเมย์”
เมื่อได้ยินชื่อของผู้หญิงคนนั้น
ลูซิเฟอร์ก็ไม่ลังเลที่จะก้าวเท้าเข้าไปหาคิลเลอร์ ซึ่งเมื่อมาถึง
เขาก็ได้พบกับเด็กผู้หญิงตัวเล็กเท่าลูกหมาในชุดสีแดง ไม่สิ
เดิมทีแล้วมันเป็นสีขาว แต่เลือดทำให้สีของชุดเปลี่ยนไป
เมย์ไม่ได้สติ สภาพดูน่าเวทนา
ลูซิเฟอร์ได้แต่มองและเงียบ จนลูกน้องรู้ใจอย่างคิลเลอร์ต้องเอ่ยขึ้นอีกครั้งอย่างต้องการความแน่ใจ
“เอาไงดีลูกพี่ น้องเขาตายยัง...”
ท้ายประโยคนั้นแผ่วเบาจนแทบไม่ได้ยิน
คงเป็นเพราะถูกนัยน์ตาคมกริบราวกับใบมีดตวัดกลับมาอย่างเยือกเย็น
“เอาไปด้วย” คำพูดห้วนๆ
ของลูซิเฟอร์ทำให้คิลเลอร์พยักหน้ารับและทำท่าจะเข้าไปอุ้มเด็กผู้หญิงตัวจ้อยน่าสงสาร
แต่ก่อนปลายนิ้วจะสัมผัสโดนตัวเธอ รองเท้าบูทสีดำสนิทก็เตะฝ่ามือลูกน้องผู้ภัคดีออกอย่างรุนแรง
“เมื่อกี้มือมึงโดนตัวยัยนั่นหรือยัง”
คิลเลอร์แอบถอนหายใจกับนิสัยแปลกๆ
ของหัวหน้าและรีบให้คำตอบก่อนที่คนตัวสูงจะโมโหไปมากกว่านี้
“ยังไม่โดนครับ”
“...” ลูซิเฟอร์พยักหน้านิ่งๆ
และเป็นฝ่ายเข้าไปช้อนร่างบางไว้ในอ้อมแขนเสียเอง การสัมผัสอย่างใกล้ชิดและการเคลื่อนไหวของเขาทำให้เด็กผู้หญิงที่หมดสติก่อนหน้านี้รู้สึกตัว...
เมย์ขมวดคิ้วเป็นอย่างแรก
ส่งเสียงอื้ออึงเป็นอย่างที่สอง และอย่างที่สาม...
ดวงตากลมโตเปิดขึ้นอย่างเชื่องช้าและสบเข้ากับนัยน์ตาคมกริบของลูซิเฟอร์พอดิบพอดี
“ลู... ลูซิเฟอร์!
จะทำอะไรเมย์ ปล่อยเมย์เดี๋ยวนะคะ ปล่อยนะ!”
เมื่อพบว่าเจ้าของอ้อมแขนคือใคร
เมย์ถึงกับร้องไห้โฮเป็นเด็ก เนื้อตัวสั่นระริกขึ้นมาโดยสัญชาตญาณ
“หุบปาก”
“ลูซิเฟอร์จะพาเมย์ไปไหน เมย์ไม่ไป
เมย์จะอยู่กับพ่อ!” เด็กผู้หญิงอายุเพียงสิบเก้าปีพยายามดิ้นอย่างเอาเป็นเอาตาย
ซึ่งดูเหมือนว่าเธอจะลืมอะไรบางอย่างไป...
“พ่อเธอตายแล้ว” ลูซิเฟอร์ตอบเสียงเรียบ
ก่อนหน้านี้เขาและลูกน้องออกไปข้างนอก เมื่อกลับมาก็พบว่าทุกคนในหมู่บ้านถูกฆ่าทิ้ง
แม้แต่พ่อบุญธรรมของเมย์เองก็ถูกยิงเข้าที่หัวใจและคิดว่าน่าจะตายทันทีที่โดนยิง
“...เมย์จะไปหาพ่อ” จริงๆ
แล้วเธอรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เพียงแต่เธอกำลังหลอกตัวเอง
ภาพที่ทุกคนถูกฆ่าตายอย่างเลือดเย็นมันโหดร้ายเกินสำหรับเธอ “เมย์...”
ตุ้บ!
ลูซิเฟอร์โยนร่างบางลงบนพื้นแข็งและเดินจากมา
ทำเอาคิลเลอร์ที่ยืนอยู่ไม่ไกลทำหน้างง
เขาก้มมองเมย์เพียงเล็กน้อยก็เดินตามหลังลูกพี่ไป
ไม่ลืมกระซิบถามสิ่งที่ข้องใจเบาๆ
“ไหนว่าลูกพี่รักเด็กคนนั้นไงครับ
ทำไม...”
“ก็รัก” เสียงเย็นชาตอบกลับมา
“แต่รักกับรำคาญมันคนละเรื่องกัน” คิลเลอร์ชะงัก ว่าจะถามต่อ... แต่เห็นฮันเตอร์ผู้เป็นมือขวาซึ่งออกไปสำรวจผู้รอดชีวิตเดินกลับมาซะก่อน
เจ้าตัวเลยหันกลับไปมองเมย์อย่างระอาใจ
“เออ แล้วเอาไงกับเด็กนั่นดีวะพี่”
เสียงฮันเตอร์ดังขึ้น
เขามองผ่านไหล่ลูซิเฟอร์ไปยังร่างบางของเมย์ที่พยายามจะพยุงตัวเองขึ้นจากพื้น
“ฮึก...” เมย์ถอยกรูด สำหรับเธอ...
พวกเขาคือสิ่งอันตราย
“พามาด้วย”
ลูซิเฟอร์ไม่เหลียวกลับไปมองสักนิด “ถ้าวุ่นวายนักก็ฆ่าทิ้งซะ”
“จะพาเมย์ไปไหนคะ...”
ฉันตัดสินใจถามพวกคนเลวหลังจากเงียบมานานกว่าครึ่งชั่วโมง
ฮันเตอร์เป็นคนอุ้มฉันและพาออกมาจากหมู่บ้านที่เต็มไปด้วยศพ
พวกเขาไม่พูดไม่จาและเดินผ่านเส้นทางไม่คุ้ยเคย มันเงียบสงัด เย็นเยียบ
สองข้างทางปกคลุมไปด้วยป่าเขามืดทึบ
ไม่มีรถราหรือใครสักคนนอกเหนือจากพวกเขาให้ฉันอุ่นใจ
และใช่ ความกลัวกัดกินฉัน...
ตลอดทางฉันไม่สามารถบังคับให้ตัวเองหยุดตัวสั่น เมื่อไหร่ที่ฉันเผลอสะอื้นจนทำให้พวกเขารำคาญ
เมื่อนั้นลูซิเฟอร์มักจะตวัดสายตากลับมาราวกับจะฆ่าแกงกันให้ตาย
เห็นแค่ตาเขา ฉันก็กลัวจนหายไม่ออกแล้ว
เมย์น่ะ...กลัวลูซิเฟอร์ที่สุดในโลก
“ลูกพี่ ผมไม่อยากอุ้มละอ่ะ”
ฉันรู้มาว่าฮันเตอร์เป็นคนใจร้อน ไม่ค่อยมีความอดทน คงไม่แปลกหรอกที่เขาจะรำคาญจนต้องเอ่ยขึ้นมา
“เมย์เดินเองก็ได้ค่ะ” ฉันกลั้นใจบอกเขา
ไม่อยากทำให้ฮันเตอร์อารมณ์เสียเลย เขาเป็นคนในหมู่บ้านเดียวกันกับฉัน...
ฉันเห็นมาตลอดว่าเขาชอบทำร้ายคนอื่นมากแค่ไหน
เขาเกเร นิสัยไม่ดี ในทั้งสามคน ฮันเตอร์ถือว่าเป็นบุคคลอันตรายรองลงมาจากลูซิเฟอร์
“งั้นกูอุ้มเอง”
คิลเลอร์เดินเข้ามาใกล้ฉัน เขายิ้มบางๆ อย่างอบอุ่น
รอยยิ้มของเขาสดใสก็จริงนะ
แต่เมย์เคยเห็นตอนเขาทำร้ายคนปางตาย นั่นน่ะ น่ากลัวไม่ต่างจากฮันเตอร์เลย
“มึงขออนุญาตลูกพี่ยัง ระวังโดนเด็ดหัวนะมึง”
ฮันเตอร์กระชับฝ่ามือกับต้นขาของฉันจนไอร้อนแผ่ซ่านเข้ามา
ฉันได้แต่เกร็งตัวเองเอาไว้อย่างนี้ พวกเขาป่าเถื่อนทุกการเคลื่อนไหวเลยจริงๆ
“วุ่นวาย” ลูซิเฟอร์ยอมปริปากสักที
ทุกครั้งที่เขาพูด มันเหมือนว่ามีเกล็ดน้ำแข็งเกาะกุมหัวใจของฉันเลย
เมย์แทบไม่กล้าขยับตัว
ถ้าหลับตาได้เมย์ก็อยากทำนะคะ แต่...
“เอาไงดีลูกพี่ ยัยนี่เอาไปทำไรได้
ไร้ประโยชน์สิ้นดี” ฮันเตอร์ดูแคลนฉันด้วยน้ำเสียงเหยียดหยัน
ไม่โกรธหรอกนะ ฉันรู้นิสัยเขาดี
แค่เขาไม่ตบตีฉัน
นั่นก็ถือว่าเป็นบุญคุณแล้วล่ะ
“โยนทิ้ง” ความเย็นชาของเขาทำให้ฉันรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งหัวใจ
ลูซิเฟอร์เป็นผู้ชายที่ชอบทำตัวแปลกๆ เขาปรากฏตัวในช่วงที่ฉันเจอวิกฤติเสมอ
แต่เขาก็มักจะโยนฉันทิ้งข้างทางเสมอเมื่อรำคาญจนทนไม่ไหว
คิลเลอร์ชอบแซ็วว่าเขาชอบฉัน
แต่ไม่เอาหรอก ความชอบของเขาทำให้ฉันกลัว
ไม่ใช่เรื่องน่าดีใจเลย
“ตามนั้น”
ตุ้บ!
สิ้นคำตอบรับของคิลเลอร์
เขาก็โยนฉันเข้าไปในป่าข้างทางทันที ร่างกายฉันกระแทกกับก้อนหินก้อนหนึ่งอย่างจัง
และใช่ เจ็บจนเก็บเสียงร้องไว้ไม่อยู่เลยล่ะ
“ขอให้โชคดีนะหนู”
ฮันเตอร์ยิ้มมุมปากขณะก้มมองฉันในสภาพคลุกดิน จากนั้นเขาก็เดินกลับไปจุดเดิม...
ทุกคนมุ่งหน้าไปที่ไหนสักที่โดยไม่เหลียวกลับมามองฉันแม้แต่นิด
ฉันหันซ้ายหันขวา
เขาเอาเมย์มาทิ้งไว้ที่ไหนนะ
แล้วเมย์น่ะ... จะทำยังไงต่อไปดี
หลังจากนั่งครุ่นคิดอยู่ไม่นาน
ในที่สุดฉันก็ตัดสินใจลุกขึ้นยืนอย่างทุลักทุเลเนื่องจากความปวดร้าว ต่อให้ความกลัวปกคลุมหัวใจจนไม่มีแรงจะก้าวขา
แต่ถ้าขืนยังนั่งอยู่ที่นี่ต่อไปมันก็ไม่ใช่เรื่องดีเหมือนกัน
อย่างน้อยๆ เมย์ต้องหาคนช่วย...
อยากจะกลับไปที่หมู่บ้าน
แต่ที่แห่งนั้นกลายเป็นสุสานไปแล้ว กลิ่นเลือดและศพจำนวนมากยังติดตาฉันอยู่เลย... และแน่นอนว่ามันทำให้ฉันเสียใจจนอยากร้องไห้
ไม่ได้นะ เมย์ต้องเข้มแข็ง
พ่อไม่ชอบให้เมย์เป็นคนอ่อนแอ
เมย์น่ะ...
ฉันพยักหน้าเรียกขวัญกำลังใจก่อนก้าวเท้าออกจากพื้นที่นั้นช้าๆ
ด้วยความระมัดระวัง สองมือขยุ้มกับชายกระโปงเพราะหวังให้มันช่วยบรรเทาความกังวลในใจบ้างไม่มากก็น้อย
ระหว่างนั้นก็เดินลัดเลาะตามทางที่เต็มไปด้วยป่าเขา
บรรยากาศหนาวยะเยือกทำให้ฉันอดตัวสั่นไม่ได้
แต่เหนือสิ่งอื่นใดคือความมืดที่ทำให้ฉันมองทางแทบไม่เห็น
ทางตรงหน้าเหมือนปากทางไปนรกไม่มีผิดเลย... เมย์ชักหมดหวังแล้วนะ
ไม่น่าเลย... อย่างน้อยๆ ฉันน่าจะทำตัวดีๆ
ให้พวกลูซิเฟอร์พาออกไปจากแถวนี้ หลังจากนั้นค่อยหาทางหนีก็ได้
“ไม่เอานะ อย่านึกถึงเขาสิ”
เมื่อรู้ตัวว่าเผลอนึกถึงคนน่ากลัว ฉันเลยตำหนิตัวเองไปหนึ่งครั้งอย่างช่วยไม่ได้
เมย์ดูแลตัวเองได้...
บทบรรยาย ลูซิเฟอร์
“ลูกพี่
ปล่อยน้องเมย์ไว้แบบนั้นจะดีเหรอครับ”
“...”
“น้องยังเด็กนะ
บอบบางและตัวเล็กเหมือนลูกหมา ท่าทางจะหิวข้าวด้วย”
“...”
“ลูกพี่...ผมสงสาร”
“มึงพูดจบยัง?”
ผมละสายตาจากกระบอกปืนในมือตัวเองเพื่อมองหน้าไอ้คิลล์ที่เอาแต่พล่ามถึงเมย์อยู่นั่น
น้ำเสียงและสายตาของมันบ่งบอกตามที่พูดจริงๆ
“หรือลูกพี่อยากปล่อยให้เธอตายครับ?”
ไอ้คิลล์ใช้น้ำเสียงสุภาพ
แต่ผมดูออกว่ามันกำลังไม่พอใจกับการตัดสินใจของผมในครั้งนี้
ปกติผมไม่เคยปล่อยให้เธอต้องลำบากเกินหนึ่งชั่วโมง
แต่นี่ผ่านมาเกือบสองชั่วโมงแล้ว
“...”
“ถ้าลูกพี่ไม่ไป ผมจะไปพาตัวเธอมาเองนะ”
ไอ้คิลล์เสนอ แต่ก่อนที่มันจะลุกขึ้นจากเก้าอี้
สายตาของผมทำให้มันกลืนน้ำลายลงคอและทิ้งตัวนั่งเหมือนเดิม
“กูยังไม่ออกคำสั่ง”
ผมเค้นเสียงเย็นเยียบบอกมัน จนสุดท้ายมันก็ทำได้แค่ถอนหายใจเพราะไม่กล้าขัดคำสั่ง
เมย์ยังเด็กก็จริง
ผมไม่ควรปล่อยให้เธออยู่คนเดียวก็จริง
แต่ถ้าเรื่องแค่นั้นยังเอาตัวรอดไม่ได้
ยัยโง่นั่นก็ไม่เหมาะที่จะมาเป็นเจ้าสาวของผม...
คืนเดียวกัน เวลา 02:20 นาฬิกา
หลังจากไอ้คิลล์และไอ้ฮันต์หลับ
ผมก็ก้าวเท้าออกมาจากบ้านร้างหลังหนึ่งที่ใช้เป็นรังพักอาศัยชั่วคราว
ผมเดินย้อนกลับไปทางเดิมขณะกวาดสายตามองรอบข้างอย่างเงียบเชียบ
ถิ่นนี้เป็นถิ่นที่ถูกทิ้งร้างมาได้หลายปีแล้ว
เดิมทีเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของพวกชนชั้นต่ำซึ่งถูกเรียกว่า ‘N70’ ทั้งสภาพการเป็นอยู่ บ้านเรือน การค้า หรือทุกๆ
อย่างค่อนข้างจะโกโรโกโสผิดจากเขต N1-N10 ซึ่งถูกแบ่งชั้นว่าเป็นเมืองของคนมีเงินและมีการเป็นอยู่ที่ดีผิดกับแถวนี้ลิบลับ
และเหตุผลที่เขตนี้กลายเป็นเขตร้าง
เพราะพวกเขตสูงๆ มันเอาไปเป็นทาสของตัวเองหมด
คนพวกนี้ไม่มีทางเลือกเพราะกลัวถูกฆ่าเลยต้องยอมจำนน
บางส่วนย้ายไปอยู่เขตอื่นเพราะไม่เห็นด้วยที่ต้องอยู่รองมือรองตีนพวกคนรวย
แน่นอนว่าคนส่วนหนึ่งได้อพยพไปอยู่หมู่บ้านเดียวกับผม ซึ่งตอนนี้พวกนั้นถูกฆ่าตายหมดแล้ว
ช่างหัวเรื่องนั้นก่อนแล้วกัน...
ซ่า...
ผมดึงตัวเองออกจากความคิดเหล่านั้นเมื่อสายน้ำเย็นเฉียบพากันเทลงมาอย่างพร้อมเพรียง
ทำเอาไฟจากบุหรี่ที่ผมคาบไว้ในปากดับสนิท
แม่ง...
ผมสบถอย่างหัวเสียก่อนถุยบุหรี่ทิ้งกับพื้น
จากนั้นก็เดินไปเรื่อยๆ
กระทั่งเห็นร่างบางในชุดสีขาวเปรอะเลือดซึ่งนั่งกอดเข่าตัวสั่นระริกอยู่หน้าอาคารร้างหลังหนึ่งซึ่งหลังคาไม่พอจะบังเม็ดฝน
ทำให้ชุดสีขาวเปียกปอนจนเห็นเนื้อในทุกตารางนิ้ว
ผมก้าวเท้าไปหยุดอยู่ตรงหน้า...
เป็นเวลาเดียวกันที่เมย์แหงนหน้าขึ้นมาอย่างเหนื่อยล้า
“ละ ลูซิเฟอร์”
ยัยเด็กโง่ทำเสียงตกใจเมื่อเห็นผม ทำท่าจะถอยหนีเหมือนเจอภูตผีปีศาจ
แต่ด้านหลังของยัยนั่นคือกำแพง สุดท้ายเลยทำแค่ได้นั่งตัวสั่นอยู่ตรงนั้น
“กลับมาทำไมคะ เมย์...”
พึ่บ
ผมถอดเสื้อคลุมสีดำออกก่อนโยนคลุมศีรษะยัยนั่นโดยไม่ปริปากพูดอะไร
จากนั้นก็ช้อนร่างบางขึ้นมาไว้ในอ้อมแขน เมย์มีท่าทีตื่นตกใจอย่างเห็นได้ชัด
“จะพาเมย์ไปไหน เมย์ดูแลตัวเองได้ค่ะ
ลูซิเฟอร์ปล่อยเมย์นะ”
“...”
ผมใช้ปลายเล็บจิกแน่นกับเรียวขาเป็นการส่งสัญญาณเตือน เพราะแบบนั้นเมย์เลยดึงเสื้อคลุมที่ผมส่งให้คลุมหน้าตัวเองเหมือนไม่กล้ามอง
แต่ก็ไม่วายมองผมผ่านช่องว่างของเสื้อราวกับสังเกตท่าที
“มะ เมย์เจ็บค่ะ” เสียงอู้อี้ดังขึ้นเบาๆ
แต่ผมไม่สน “ลูซิเฟอร์... เมย์เจ็บ”
“...” ปฐมบทของผู้หญิงแพศยา “อึกๆ! อี...อึก...” ถ้อยคำหยาบคายที่พยายามจะเปล่งออกมาถูกทำลายลงทุกครั้งด้วยมือข้างหนึ่งของเกล...เธอขยุ้มปลายเล็บเเหลมคมบนเส้นผมยาวสลวยเต็มแรงพร้อมทั้งกดศีรษะของอีกฝ่ายลงบนอ่างล้างหน้าซึ่งในขณะนี้มีน้ำเย็นเฉียบบรรจุอยู่เต็มอ่าง เสียงสะอึกสะอื้นที่ฟังดูแล้วเหมือนคนใกล้ตายเต็มทีไม่ได้ทำให้เกลมีความคิดอยากจะปล่อยมือ...เพราะเมื่อเทียบกับสิ่งที่เธอเจอแล้ว แค่นี้ยังน้อยไป บางทีสิ่งที่เกลต้องการคงเป็นการ...เห็นอีนี่ตายไปต่อหน้าต่อตาก็ได้ “ทำไม?” เกลกระซิบถามขณะที่สองตาสะท้อนภาพผู้หญิงคนหนึ่ง คนที่เธอรู้จักดี คนที่เคยเป็นเหมือนเพื่อนตาย แต่ในวันหนึ่ง...คนๆ นี้กลับทำลายชีวิตเธอ เหยียบขยี้ความเชื่อใจที่เธอมีให้จนไม่เหลือชิ้นดี แทบจะไม่เหลือซากให้ดูต่างหน้าด้วยซ้ำ นานเหมือนกันจากวันนั้นสู่วันนี้ เรียกได้ว่าเธอก้าวผ่านความเสียใจเเละจุดที่นั่งร้องไห้เป็นบ้าเป็นหลังมาเเล้ว เธอควรจะเฉยชากับเศษขยะ แต่ว่า...ถ้าไม่กำจัดทิ้ง มันก็จะส่งกลิ่นเหม็นเน่าต่อไป “แกจะฆ่าฉันหรือไง...อึก” เกลมองหน้าเจ้าของคำถาม น้ำเสียงแบบนั้นฟังแล้วน่าสงสารจับใจ ยิ่งพบกับสองมือเล็กที่เกร็งจนเห็นเส้นเลือดก็ยิ่งสงสาร สงสารจนอยากหัวเราะ... “ก่อนจะถามแบบนั้น ลองคิดดูดีๆ ก่อนว่าแกเคยทำอะไรกับฉันไว้บ้าง” เกลเพิ่มแรงกระตุกเส้นผมของฝ่ายเสียเปรียบจนได้ยินเหมือนมีอะไรขาด ใบหน้าที่แหงนขึ้นตามแรงกระชากแดงเถือก หอบหายใจอย่างทรมานราวกับนี่เป็นวาระสุดท้ายของชีวิต...สารรูปดูไม่ได้“ฉะ ฉันไปทำอะไรแก” คำถามนั้นฟังแล้วเหมือนคนใส่ซื่อ แต่สำหรับเกล...นี่เป็นการเสแสร้ง หรือจะเรียกอีกอย่างว่าตอแหลก็ย่อมได้ “อึก...โอ๊ย”“ดีเลย” ริมฝีปากสีแดงก่ำขยับ “งั้นก็ตายไปพร้อมกับความโง่ซะ”มาลองทายกันดูว่าสิ้นคำบอกกล่าวแสนเย็นเยียบนั่นมันเกิดอะไรขึ้น... MA-NELL'S ZONEกลับมาอัปแย้ว อัปเวอร์ชั่นใหม่ด้วยเน้อ ลืมเวอร์เก่าไปเลยนะจะบอกว่านิยายเรื่องนี้อำมหิตกว่าที่คุณคิด ออกเเนวเกรย์ๆ เเต่ก็มีฉากฟินอยู่บ้าง...มั้งเอาเป็นว่าใครว่างก็เม้นต์ให้เมย์ด้วยจ้า ครุคริติดเเท็ก #ผู้หญิงแพศยา ปฐมบทของผู้หญิงแพศยา “อึกๆ! อี...อึก...” ถ้อยคำหยาบคายที่พยายามจะเปล่งออกมาถูกทำลายลงทุกครั้งด้วยมือข้างหนึ่งของเกล...เธอขยุ้มปลายเล็บเเหลมคมบนเส้นผมยาวสลวยเต็มแรงพร้อมทั้งกดศีรษะของอีกฝ่ายลงบนอ่างล้างหน้าซึ่งในขณะนี้มีน้ำเย็นเฉียบบรรจุอยู่เต็มอ่าง เสียงสะอึกสะอื้นที่ฟังดูแล้วเหมือนคนใกล้ตายเต็มทีไม่ได้ทำให้เกลมีความคิดอยากจะปล่อยมือ...เพราะเมื่อเทียบกับสิ่งที่เธอเจอแล้ว แค่นี้ยังน้อยไป บางทีสิ่งที่เกลต้องการคงเป็นการ...เห็นอีนี่ตายไปต่อหน้าต่อตาก็ได้ “ทำไม?” เกลกระซิบถามขณะที่สองตาสะท้อนภาพผู้หญิงคนหนึ่ง คนที่เธอรู้จักดี คนที่เคยเป็นเหมือนเพื่อนตาย แต่ในวันหนึ่ง...คนๆ นี้กลับทำลายชีวิตเธอ เหยียบขยี้ความเชื่อใจที่เธอมีให้จนไม่เหลือชิ้นดี แทบจะไม่เหลือซากให้ดูต่างหน้าด้วยซ้ำ นานเหมือนกันจากวันนั้นสู่วันนี้ เรียกได้ว่าเธอก้าวผ่านความเสียใจเเละจุดที่นั่งร้องไห้เป็นบ้าเป็นหลังมาเเล้ว เธอควรจะเฉยชากับเศษขยะ แต่ว่า...ถ้าไม่กำจัดทิ้ง มันก็จะส่งกลิ่นเหม็นเน่าต่อไป “แกจะฆ่าฉันหรือไง...อึก” เกลมองหน้าเจ้าของคำถาม น้ำเสียงแบบนั้นฟังแล้วน่าสงสารจับใจ ยิ่งพบกับสองมือเล็กที่เกร็งจนเห็นเส้นเลือดก็ยิ่งสงสาร สงสารจนอยากหัวเราะ... “ก่อนจะถามแบบนั้น ลองคิดดูดีๆ ก่อนว่าแกเคยทำอะไรกับฉันไว้บ้าง” เกลเพิ่มแรงกระตุกเส้นผมของฝ่ายเสียเปรียบจนได้ยินเหมือนมีอะไรขาด ใบหน้าที่แหงนขึ้นตามแรงกระชากแดงเถือก หอบหายใจอย่างทรมานราวกับนี่เป็นวาระสุดท้ายของชีวิต...สารรูปดูไม่ได้“ฉะ ฉันไปทำอะไรแก” คำถามนั้นฟังแล้วเหมือนคนใส่ซื่อ แต่สำหรับเกล...นี่เป็นการเสแสร้ง หรือจะเรียกอีกอย่างว่าตอแหลก็ย่อมได้ “อึก...โอ๊ย”“ดีเลย” ริมฝีปากสีแดงก่ำขยับ “งั้นก็ตายไปพร้อมกับความโง่ซะ”มาลองทายกันดูว่าสิ้นคำบอกกล่าวแสนเย็นเยียบนั่นมันเกิดอะไรขึ้น... MA-NELL'S ZONEกลับมาอัปแย้ว อัปเวอร์ชั่นใหม่ด้วยเน้อ ลืมเวอร์เก่าไปเลยนะจะบอกว่านิยายเรื่องนี้อำมหิตกว่าที่คุณคิด ออกเเนวเกรย์ๆ เเต่ก็มีฉากฟินอยู่บ้าง...มั้งเอาเป็นว่าใครว่างก็เม้นต์ให้เมย์ด้วยจ้า ครุคริติดเเท็ก #ผู้หญิงแพศยาปฐมบทของผู้หญิงแพศยา “อึกๆ! อี...อึก...”
ถ้อยคำหยาบคายที่พยายามจะเปล่งออกมาถูกทำลายลงทุกครั้งด้วยมือข้างหนึ่งของเกล...เธอขยุ้มลงบนเส้นผมยาวสลวยเต็มแรงพร้อมทั้งกดศีรษะของอีกฝ่ายลงบนอ่างล้างหน้าซึ่งในขณะนี้มีน้ำบรรจุอยู่เต็มอ่าง
เสียงสะอึกสะอื้นที่ฟังดูแล้วเหมือนคนใกล้ตายเต็มทีไม่ได้ทำให้เกลมีความคิดอยากจะปล่อยมือ...เมื่อเทียบกับสิ่งที่เธอเจอแล้ว
แค่นี้ยังน้อยไป
บางทีสิ่งที่เกลต้องการคงเป็นการ...เห็นอีนี่ตายไปต่อหน้าต่อตาก็ได้
“ทำไม?”
เกลกระซิบถามขณะที่สองตาสะท้อนภาพผู้หญิงคนหนึ่ง คนที่เธอรู้จักดี คนที่เคยเป็นเหมือนเพื่อน
แต่ในวันหนึ่ง...คนๆ นี้กลับทำลายชีวิตเธอ เหยียบขยี้ความเชื่อใจที่เธอมีให้จนไม่เหลือชิ้นดี
แทบจะไม่เหลือซากให้ดูต่างหน้าด้วยซ้ำ
ก็ดี...เดี๋ยวได้รู้กัน
“แกจะฆ่าฉันหรือไง...อึก”
เกลมองหน้าเจ้าของคำถาม น้ำเสียงแบบนั้นฟังแล้วน่าสงสารจับใจ ยิ่งพบกับสองมือเล็กที่เกร็งจนเห็นเส้นเลือดก็ยิ่งสงสาร
สงสารจนอยากหัวเราะ...
“แล้วที่แกทำ
ต่างจากที่ฉันทำตรงไหน” เกลเพิ่มแรงกระตุกเส้นผมของฝ่ายเสียเปรียบจนได้ยินเหมือนมีอะไรขาด
ใบหน้าที่แหงนขึ้นตามแรงกระชากแดงเถือก หอบหายใจอย่างทรมาน
...สารรูปดูไม่ได้
“ฉะ ฉันไปทำอะไรแก” คำถามนั้นฟังแล้วเหมือนคนใส่ซื่อ
แต่สำหรับเกล...นี่เป็นการเสแสร้ง หรือเรียกอีกอย่างว่าตอแหล “อึก...โอ๊ย”
“ดีเลย” ริมฝีปากสีแดงก่ำขยับ “งั้นก็ตายไปพร้อมกับความโง่ซะ”
สิ้นคำบอกกล่าวอันเย็นเยียบนั่น เกลก็...ปฐมบทของผู้หญิงแพศยา “อึกๆ! อี...อึก...”
ถ้อยคำหยาบคายที่พยายามจะเปล่งออกมาถูกทำลายลงทุกครั้งด้วยมือข้างหนึ่งของเกล...เธอขยุ้มลงบนเส้นผมยาวสลวยเต็มแรงพร้อมทั้งกดศีรษะของอีกฝ่ายลงบนอ่างล้างหน้าซึ่งในขณะนี้มีน้ำบรรจุอยู่เต็มอ่าง
เสียงสะอึกสะอื้นที่ฟังดูแล้วเหมือนคนใกล้ตายเต็มทีไม่ได้ทำให้เกลมีความคิดอยากจะปล่อยมือ...เมื่อเทียบกับสิ่งที่เธอเจอแล้ว
แค่นี้ยังน้อยไป
บางทีสิ่งที่เกลต้องการคงเป็นการ...เห็นอีนี่ตายไปต่อหน้าต่อตาก็ได้
“ทำไม?”
เกลกระซิบถามขณะที่สองตาสะท้อนภาพผู้หญิงคนหนึ่ง คนที่เธอรู้จักดี คนที่เคยเป็นเหมือนเพื่อน
แต่ในวันหนึ่ง...คนๆ นี้กลับทำลายชีวิตเธอ เหยียบขยี้ความเชื่อใจที่เธอมีให้จนไม่เหลือชิ้นดี
แทบจะไม่เหลือซากให้ดูต่างหน้าด้วยซ้ำ
ก็ดี...เดี๋ยวได้รู้กัน
“แกจะฆ่าฉันหรือไง...อึก”
เกลมองหน้าเจ้าของคำถาม น้ำเสียงแบบนั้นฟังแล้วน่าสงสารจับใจ ยิ่งพบกับสองมือเล็กที่เกร็งจนเห็นเส้นเลือดก็ยิ่งสงสาร
สงสารจนอยากหัวเราะ...
“แล้วที่แกทำ
ต่างจากที่ฉันทำตรงไหน” เกลเพิ่มแรงกระตุกเส้นผมของฝ่ายเสียเปรียบจนได้ยินเหมือนมีอะไรขาด
ใบหน้าที่แหงนขึ้นตามแรงกระชากแดงเถือก หอบหายใจอย่างทรมาน
...สารรูปดูไม่ได้
“ฉะ ฉันไปทำอะไรแก” คำถามนั้นฟังแล้วเหมือนคนใส่ซื่อ
แต่สำหรับเกล...นี่เป็นการเสแสร้ง หรือเรียกอีกอย่างว่าตอแหล “อึก...โอ๊ย”
“ดีเลย” ริมฝีปากสีแดงก่ำขยับ “งั้นก็ตายไปพร้อมกับความโง่ซะ”
สิ้นคำบอกกล่าวอันเย็นเยียบนั่น เกลก็...You say you do but you don’t,And just like a carousel, round and round you go,My patience runs out the door,When you tell me all the ways you love me,But still ain’t never been to my show.Oh, oh oh…เธอบอกว่าเธอจะทำ แต่ก็ไม่ทำสักทีเหมือนดั่งม้าหมุน เธอกลับคำไปเรื่อยๆจนสุดท้ายความอดทนของฉันก็หมดลงเมื่อเธอบอกฉันว่าเธอรักฉันมาตลาดแต่ก็ยังไม่เคยมาดูโชว์ฉันเลยสักครั้งWhy do you pick me up to watch me fall?You say you’re so in love,Then turn around and screen my calls?Foot on the gas…The car keep stalling.A passionate kiss…With eyes wide open.Cold then hot, you go then stop,She loves me, she loves me not.She loves me notทำไมเธอถึงพยุงฉันขึ้นมา เพื่อจะดูฉันล้มลงไปอีกล่ะ?เธอบอกว่าเธอรักฉันมากเหลือเกินแล้วก็หันกลับไป ไม่ยอมรับสายฉันเลยล่ะ?เหยียบคันเร่งแล้วก็เบรคให้หยุดกลางคันจูบอันแสนดูดดื่มแต่ลืมตากว้างเยือกเย็นแล้วก็เร่าร้อน เธอไป แล้วก็หยุดเธอรักฉัน เธอไม่รักฉันเธอไม่รักฉันYou keep me out on a wire,Somewhere between the “you” and “you and I”,My legs are getting so tired,From hanging on your every word,Making up excuses whyYou can’t make up your mind.เธอปล่อยให้ฉันรอเธออยู่ระหว่างคำว่า “เธอ” และ “เธอกับฉัน”ขาฉันมันเมื่อยแล้วนะจากการที่คอยคาดหวังกับทุกๆคำพูดของเธอเอาแต่หาข้ออ้างว่าทำไมเธอถึงตัดสินใจไม่ได้สักทีWhy do you pick me up to watch me fall?You say you’re so in love,Then turn around and screen my calls?Foot on the gas…The car keep stalling.A passionate kiss…With eyes wide open.Cold then hot, you go then stop,She loves me, she loves meทำไมเธอถึงพยุงฉันขึ้นมา เพื่อจะดูฉันล้มลงไปอีกล่ะ?เธอบอกว่าเธอรักฉันมากเหลือเกินแล้วก็หันกลับไป ไม่ยอมรับสายฉันเลยล่ะ?เหยียบคันเร่งแล้วก็เบรคให้หยุดกลางคันจูบอันแสนดูดดื่มแต่ลืมตากว้างเยือกเย็นแล้วก็เร่าร้อน เธอไป แล้วก็หยุดเธอรักฉัน เธอรักฉันWhenever she is lonely,Or after watching a girly movieOr she just needs a hand to holdHe loves me…Whenever it’s convenient,Told myself each time he means it,I happily play the fool.เมื่อใดก็ตามที่เธอเหงาหรือหลังดูหนังผู้หญิงๆมาหรือเหงาและต้องการมือให้จับเขารักฉันแค่เฉพาะที่สะดวกบอกตัวเองทุกๆครั้งแหละ ว่าเขาตั้งใจจะพูดแบบนั้นจริงๆฉันยอมเล่นเป็นคนโง่อย่างมีความสุขWhy do you pick me up to watch me fall?You say you’re so in love,Then turn around and screen my calls?ทำไมเธอถึงพยุงฉันขึ้นมา เพื่อจะดูฉันล้มลงไปอีกล่ะ?เธอบอกว่าเธอรักฉันมากเหลือเกินแล้วก็หันกลับไป ไม่ยอมรับสายฉันเลยล่ะ?Why do you pick me up to watch me fall?You say you’re so in love,And then turn around and screen my calls?Foot on the gas, car keeps stalling.A passionate kiss, eyes wide open.Cold then hot, you go then stop,She loves me, she loves me not.He loves me, he loves me not.She loves me, she loves me not.She loves me notทำไมเธอถึงพยุงฉันขึ้นมา เพื่อจะดูฉันล้มลงไปอีกล่ะ?เธอบอกว่าเธอรักฉันมากเหลือเกินแล้วก็หันกลับไป ไม่ยอมรับสายฉันเลยล่ะ?เหยียบคันเร่ง แล้วก็เบรคให้หยุดกลางคันจูบอันแสนดูดดื่ม แต่ลืมตากว้างเยือกเย็นแล้วก็เร่าร้อน เธอไป แล้วก็หยุดเธอรักฉัน เธอไม่รักฉันเขารักฉัน เขาไม่รักฉันเธอรักฉัน เธอไม่รักฉันเธอไม่รักฉันShare ได้เลย !Feeling used, but I’m still missing youAnd I can’t see the end of thisJust wanna feel your kiss against my lipsAnd now all this time is passing byBut I still can’t seem to tell you whyIt hurts me every time I see youRealize how much I need youรู้สึกเหมือนถูกหลอกใช้ แต่ฉันก็ยังคิดถึงเธออยู่และฉันไม่เห็นจุดจบของเรื่องนี้เลยจริงๆฉันแค่อยากจะสัมผัสถึงจูบของเธอบนริมฝีปากของฉันและตอนนี้ก็มีแต่กาลเวลาผ่านเลยไปแต่ฉันบอกไม่ได้เลยจริงๆว่าทำไมฉันถึงเจ็บปวดทุกๆครั้งที่เจอเธอได้รู้ตัวแล้วว่าฉันต้องการเธอมากเพียงใดI hate you, I love youI hate that I want youDon’t want to, but I can’t putNobody else above youI hate you, I love youI hate that I want youYou want her, you need herAnd I’ll never be herฉันเกลียดเธอ ฉันรักเธอฉันเกลียดจริงๆที่ตัวเองต้องการเธอไม่อยากเลย แต่ฉันก็ให้ใครอยู่เหนือเธอไม่ได้เลยฉันเกลียดเธอ ฉันรักเธอฉันเกลียดจริงๆที่ตัวเองต้องการเธอเธอต้องการผู้หญิงคนนั้น ขาดเขาไปไม่ได้และฉันก็ไม่มีทางเป็นอย่างได้อย่างเธอคนนั้นเลยWhat about all the timesYou would pick me up and we’d just driveAround until we found a place to stay and waste the day awayWe’d do nothing but it was okay with meYou say it’s not good to spend all my timeThinking about you so late at nightBut I can’t stop once I start it’s like an avalancheThoughts coming and I just wanna hold your handHold your breath, I’m going underNot coming up ’til this night is over‘Til this night is overแล้วตลอดเวลาที่ผ่านมาที่เธอขับรถมารับฉัน และเราก็ไปนั่งรถเล่นกันทั่วเมือง จนกระทั่งเราได้เจอที่ที่จะฆ่าเวลาได้เราไม่ได้ทำอะไรกันเลย แต่ฉันก็โอเคกับมันนะเธอบอกว่ามันไม่ดีหรอกที่มาทำฉันเสียเวลาฉันคิดถึงเธอทุกๆคืนแต่ก็หยุดไม่ได้ เมื่อมันเริ่มต้นขึ้นแล้ว มันเหมือนกับหิมะถล่มนั่นแหละความคิดมากมายผุดขึ้นมา และฉันก็อยากจะกุมมือเธอกลั้นหายใจ ฉันกำลังดำดิ่งลงไปจะไม่กลับขึ้นมาจนกว่าค่ำคืนนี้จะจบลงจนกว่าค่ำคืนนี้จะสิ้นสุดลงI hate you, I love youI hate that I want youDon’t want to, but I can’t putNobody else above youI hate you, I love youI hate that I want youYou want her, you need herAnd I’ll never be herฉันเกลียดเธอ ฉันรักเธอฉันเกลียดจริงๆที่ตัวเองต้องการเธอไม่อยากเลย แต่ฉันก็ให้ใครอยู่เหนือเธอไม่ได้เลยฉันเกลียดเธอ ฉันรักเธอฉันเกลียดจริงๆที่ตัวเองต้องการเธอเธอต้องการผู้หญิงคนนั้น ขาดเขาไปไม่ได้และฉันก็ไม่มีทางเป็นอย่างได้อย่างเธอคนนั้นเลยAll alone, I watch you watch herLike she’s the only girl you’ve ever seenYou don’t care, you never didYou don’t give a damn about meYeah, all alone, I watch you watch herShe is the only thing you’ve ever seenHow is it you never noticeThat you are slowly killing meฉันอยู่ตัวคนเดียว มองดูเธอจับจ้องไปที่นังนั่นเหมือนว่านังนั่นเป็นผู้หญิงคนเดียวที่เธอเคยเห็นเธอไม่แคร์เลย ไม่เคยทำอะไรไม่เคยใส่ใจฉันสักนิดฉันอยู่ตัวคนเดียว มองดูเธอจับจ้องไปที่นังนั่นนังนั่นเป็นผู้หญิงคนเดียวที่เธอเคยเห็นทำไมเธอไม่เคยรู้ตัวเลยนะว่าเธอกำลังจะฆ่าฉันแล้วI hate you, I love youI hate that I want youDon’t want to, but I can’t putNobody else above youI hate you, I love youI hate that I want youYou want her, you need herAnd I’ll never be herฉันเกลียดเธอ ฉันรักเธอฉันเกลียดจริงๆที่ตัวเองต้องการเธอไม่อยากเลย แต่ฉันก็ให้ใครอยู่เหนือเธอไม่ได้เลยฉันเกลียดเธอ ฉันรักเธอฉันเกลียดจริงๆที่ตัวเองต้องการเธอเธอต้องการผู้หญิงคนนั้น ขาดเขาไปไม่ได้และฉันก็ไม่มีทางเป็นอย่างได้อย่างเธอคนนั้นเลยLet’s Marvin Gaye and get it onYou got the healing that I wantJust like they say it in the songUntil the dawn, let’s Marvin Gaye and get it onมาทำแบบในเพลงของ Marvin Gaye และสนุกกันดีกว่าเธอมีการเยียวยาในแบบที่ฉันต้องการอย่างที่เขาว่าไว้ในเพลง Let’s Get It On นั่นแหละมาทำแบบในเพลงของ Marvin Gaye และสนุกกันจนถึงเช้าเลยนะWe got this king size to ourselvesDon’t have to share with no one elseDon’t keep your secrets to yourselfIt’s karma sutra show and tellWoahThere’s loving in your eyesThat pulls me closerIt’s so subtle, I’m in troubleBut I’d love to be in trouble with youเรามีเตียงคิงไซส์นี้สำหรับเราสองคนนะไม่ต้องแบ่งปันกับใครทั้งนั้นอย่าเก็บความลับไว้กับตัวเองคนเดียวสิมันคือการพรีเซนต์กามสูตรไงล่ะฉันเห็นความรักในสายตาของเธอที่ดึงดูดฉันเข้าไปมันมีเล่ห์เหลี่ยมอยู่ในนั้น และฉันก็รู้สึกเหมือนกำลังจะเจอปัญหาเข้าแล้วแต่ฉันก็ชอบที่ได้มีปัญหาไปด้วยกันกับเธอนะLet’s Marvin Gaye and get it onYou got the healing that I wantJust like they say it in the songUntil the dawn, let’s Marvin Gaye and get it onYou got to give it up to meI’m screaming mercy, mercy pleaseJust like they say it in the songUntil the dawn, let’s Marvin Gaye and get it onมาทำแบบในเพลงของ Marvin Gaye และสนุกกันดีกว่าเธอมีการเยียวยาในแบบที่ฉันต้องการอย่างที่เขาว่าไว้ในเพลง Let’s Get It On นั่นแหละมาทำแบบในเพลงของ Marvin Gaye และสนุกกันจนถึงเช้าเลยนะเธอต้องยอมทุกอย่างให้กับฉันนะจนฉันต้องกรีดร้องขอความเมตตาเลย ได้โปรดเถอะอย่างที่เขาว่าไว้ในเพลง Let’s Get It On นั่นแหละมาทำแบบในเพลงของ Marvin Gaye และสนุกกันจนถึงเช้าเลยนะAnd when you leave me all aloneI’m like a stray without a homeI’m like a dog without a boneI just want you for my ownI got to have you babeWoahThere’s loving in your eyesThat pulls me closerIt’s so subtle, I’m in troubleBut I’d love to be in trouble with youและพอเธอทิ้งฉันไว้ตัวคนเดียวฉันก็เหมือนกับคนหลงทางที่ไร้บ้านเหมือนหมาที่ไม่มีกระดูกให้แทะฉันอยากให้เธอมาเป็นของฉันเหลือเกินจะต้องคว้าใจเธอมาให้ได้ฉันเห็นความรักในสายตาของเธอที่ดึงดูดฉันเข้าไปมันมีเล่ห์เหลี่ยมอยู่ในนั้น และฉันก็รู้สึกเหมือนกำลังจะเจอปัญหาเข้าแล้วแต่ฉันก็ชอบที่ได้มีปัญหาไปด้วยกันกับเธอนะLet’s Marvin Gaye and get it onYou got the healing that I wantJust like they say it in the songUntil the dawn, let’s Marvin Gaye and get it onมาทำแบบในเพลงของ Marvin Gaye และสนุกกันดีกว่าเธอมีการเยียวยาในแบบที่ฉันต้องการอย่างที่เขาว่าไว้ในเพลง Let’s Get It On นั่นแหละมาทำแบบในเพลงของ Marvin Gaye และสนุกกันจนถึงเช้าเลยนะLet’s Marvin Gaye and get it onYou got the healing that I wantJust like they say it in the songUntil the dawn, let’s Marvin Gaye and get it onYou got to give it up to meI’m screaming mercy, mercy pleaseJust like they say it in the songUntil the dawn, let’s Marvin Gaye and get it onมาทำแบบในเพลงของ Marvin Gaye และสนุกกันดีกว่าเธอมีการเยียวยาในแบบที่ฉันต้องการอย่างที่เขาว่าไว้ในเพลง Let’s Get It On นั่นแหละมาทำแบบในเพลงของ Marvin Gaye และสนุกกันจนถึงเช้าเลยนะเธอต้องยอมทุกอย่างให้กับฉันนะจนฉันต้องกรีดร้องขอความเมตตาเลย ได้โปรดเถอะอย่างที่เขาว่าไว้ในเพลง Let’s Get It On นั่นแหละมาทำแบบในเพลงของ Marvin Gaye และสนุกกันจนถึงเช้าเลยนะ“Let’s take our time tonight, girlAbove us all the stars are watchin’There’s no place I’d rather be in this worldYour eyes are where I’m lost inUnderneath the chandelierWe’re dancin’ all aloneThere’s no reason to hideWhat we’re feelin’ insideRight nowมาใช้เวลาของเราในคืนนี้กันให้เต็มที่ดีกว่าสาวน้อยดวงดาวต่างเฝ้ามองดูเราจากเบื้องบนบนโลกนี้ไม่มีที่ใดอีกแล้วที่ฉันอยากจะไปอยู่เลยฉันหลงอยู่ในดวงตาของเธอใต้โคมระย้าเรากำลังเต้นกันตามลำพังไม่จำเป็นต้องปิดบังความรู้สึกในใจเราในตอนนี้หรอกนะSo baby let’s just turn down the lightsAnd close the doorOooh I love that dressBut you won’t need it anymoreNo you won’t need it no moreLet’s just kiss ’til we’re naked, babyที่รัก เราปิดไฟกันดีกว่าแล้วก็ปิดประตูฉันชอบชุดนั้นนะแต่เธอไม่ต้องสวมมันแล้วล่ะเธอไม่จำเป็นต้องใส่มันแล้วเรามาจูบกันจนเราเปลือยทั้งตัวเลยดีกว่าVersace on the floorOooh take it off for me, for me, for me, for me now, girlVersace on the floorOooh take it off for me, for me, for me, for me now, girlโยนเวอร์ซาเซ่กองไว้บนพื้นนั่นแหละถอดมันเพื่อฉันนะ ที่รักโยนเวอร์ซาเซ่กองไว้บนพื้นนั่นแหละถอดมันเพื่อฉันนะ ที่รักI unzip the back to watch it fallWhile I kiss your neck and shouldersNo don’t be afraid to show it offI’ll be right here ready to hold youGirl you know you’re perfect fromYour head down to your heelsDon’t be confused by my smile‘Cause I ain’t ever been more for real, for realฉันปลดซิปด้านหลังเธอ เพื่อมองดูชุดนั้นร่วงลงไปกองกับพื้นขณะที่ฉันจูบต้นคอและไหล่ของเธอไม่จำเป็นต้องกลัวที่จะโชว์ให้ฉันเห็นหรอกนะฉันอยู่ตรงนี้ พร้อมจะกอดเธอแล้วสาวน้อย รู้มั้ยว่าเธอน่ะเพอร์เฟคท์ตั้งแต่หัวจรดเท้าเลยอย่าสับสนเพราะรอยยิ้มของฉันล่ะเพราะฉันไม่เคยเป็นอะไรมากกว่านี้เลย จริงๆนะSo baby let’s just turn down the lightsAnd close the doorOooh I love that dressBut you won’t need it anymoreNo you won’t need it no moreLet’s just kiss ’til we’re naked, babyที่รัก เราปิดไฟกันดีกว่าแล้วก็ปิดประตูฉันชอบชุดนั้นนะแต่เธอไม่ต้องสวมมันแล้วล่ะเธอไม่จำเป็นต้องใส่มันแล้วเรามาจูบกันจนเราเปลือยทั้งตัวเลยดีกว่าVersace on the floorOooh take it off for me, for me, for me, for me now, girlVersace on the floorOooh take it off for me, for me, for me, for me now, girlDanceโยนเวอร์ซาเซ่กองไว้บนพื้นนั่นแหละถอดมันเพื่อฉันนะ ที่รักโยนเวอร์ซาเซ่กองไว้บนพื้นนั่นแหละถอดมันเพื่อฉันนะ ที่รักเต้นรำกันเถอะIt’s warmin’ upCan you feel it?It’s warmin’ upCan you feel it?It’s warmin’ upCan you feel it, baby?It’s warmin’ upOh, seems like you’re ready for more, more, moreLet’s just kiss ’til we’re nakedเครื่องกำลังร้อนแล้วเธอรู้สึกได้มั้ย?เครื่องกำลังร้อนแล้วเธอรู้สึกได้มั้ย?เครื่องกำลังร้อนแล้วเธอรู้สึกได้มั้ย ที่รัก?ดูเหมือนเธอพร้อมจะทำอีกยกแล้วนะเรามาจูบกันจนเราเปลือยเปล่าทั้งตัวดีกว่าVersace on the floorHey babyTake it off for me, for me, for me, for me now, girlVersace on the floorOooh take it off for me, for me, for me, for me now, girlโยนเวอร์ซาเซ่กองไว้บนพื้นนั่นแหละถอดมันเพื่อฉันนะ ที่รักโยนเวอร์ซาเซ่กองไว้บนพื้นนั่นแหละถอดมันเพื่อฉันนะ ที่รักVersace on the floorFloorFloorเวอร์ซาเซ่อยู่บนพื้นกองบนพื้นLet’s take our time tonight, girlAbove us all the stars are watchin’There’s no place I’d rather be in this worldYour eyes are where I’m lost inUnderneath the chandelierWe’re dancin’ all aloneThere’s no reason to hideWhat we’re feelin’ insideRight nowมาใช้เวลาของเราในคืนนี้กันให้เต็มที่ดีกว่าสาวน้อยดวงดาวต่างเฝ้ามองดูเราจากเบื้องบนบนโลกนี้ไม่มีที่ใดอีกแล้วที่ฉันอยากจะไปอยู่เลยฉันหลงอยู่ในดวงตาของเธอใต้โคมระย้าเรากำลังเต้นกันตามลำพังไม่จำเป็นต้องปิดบังความรู้สึกในใจเราในตอนนี้หรอกนะSo baby let’s just turn down the lightsAnd close the doorOooh I love that dressBut you won’t need it anymoreNo you won’t need it no moreLet’s just kiss ’til we’re naked, babyที่รัก เราปิดไฟกันดีกว่าแล้วก็ปิดประตูฉันชอบชุดนั้นนะแต่เธอไม่ต้องสวมมันแล้วล่ะเธอไม่จำเป็นต้องใส่มันแล้วเรามาจูบกันจนเราเปลือยทั้งตัวเลยดีกว่าVersace on the floorOooh take it off for me, for me, for me, for me now, girlVersace on the floorOooh take it off for me, for me, for me, for me now, girlโยนเวอร์ซาเซ่กองไว้บนพื้นนั่นแหละถอดมันเพื่อฉันนะ ที่รักโยนเวอร์ซาเซ่กองไว้บนพื้นนั่นแหละถอดมันเพื่อฉันนะ ที่รักI unzip the back to watch it fallWhile I kiss your neck and shouldersNo don’t be afraid to show it offI’ll be right here ready to hold youGirl you know you’re perfect fromYour head down to your heelsDon’t be confused by my smile‘Cause I ain’t ever been more for real, for realฉันปลดซิปด้านหลังเธอ เพื่อมองดูชุดนั้นร่วงลงไปกองกับพื้นขณะที่ฉันจูบต้นคอและไหล่ของเธอไม่จำเป็นต้องกลัวที่จะโชว์ให้ฉันเห็นหรอกนะฉันอยู่ตรงนี้ พร้อมจะกอดเธอแล้วสาวน้อย รู้มั้ยว่าเธอน่ะเพอร์เฟคท์ตั้งแต่หัวจรดเท้าเลยอย่าสับสนเพราะรอยยิ้มของฉันล่ะเพราะฉันไม่เคยเป็นอะไรมากกว่านี้เลย จริงๆนะSo baby let’s just turn down the lightsAnd close the doorOooh I love that dressBut you won’t need it anymoreNo you won’t need it no moreLet’s just kiss ’til we’re naked, babyที่รัก เราปิดไฟกันดีกว่าแล้วก็ปิดประตูฉันชอบชุดนั้นนะแต่เธอไม่ต้องสวมมันแล้วล่ะเธอไม่จำเป็นต้องใส่มันแล้วเรามาจูบกันจนเราเปลือยทั้งตัวเลยดีกว่าVersace on the floorOooh take it off for me, for me, for me, for me now, girlVersace on the floorOooh take it off for me, for me, for me, for me now, girlDanceโยนเวอร์ซาเซ่กองไว้บนพื้นนั่นแหละถอดมันเพื่อฉันนะ ที่รักโยนเวอร์ซาเซ่กองไว้บนพื้นนั่นแหละถอดมันเพื่อฉันนะ ที่รักเต้นรำกันเถอะIt’s warmin’ upCan you feel it?It’s warmin’ upCan you feel it?It’s warmin’ upCan you feel it, baby?It’s warmin’ upOh, seems like you’re ready for more, more, moreLet’s just kiss ’til we’re nakedเครื่องกำลังร้อนแล้วเธอรู้สึกได้มั้ย?เครื่องกำลังร้อนแล้วเธอรู้สึกได้มั้ย?เครื่องกำลังร้อนแล้วเธอรู้สึกได้มั้ย ที่รัก?ดูเหมือนเธอพร้อมจะทำอีกยกแล้วนะเรามาจูบกันจนเราเปลือยเปล่าทั้งตัวดีกว่าVersace on the floorHey babyTake it off for me, for me, for me, for me now, girlVersace on the floorOooh take it off for me, for me, for me, for me now, girlโยนเวอร์ซาเซ่กองไว้บนพื้นนั่นแหละถอดมันเพื่อฉันนะ ที่รักโยนเวอร์ซาเซ่กองไว้บนพื้นนั่นแหละถอดมันเพื่อฉันนะ ที่รักVersace on the floorFloorFloorเวอร์ซาเซ่อยู่บนพื้นกองบนพื้นSex with me, so amazingAll this all hard work, no vacationStay up off my Instagram, pure temptationHit a switch on a fake nigga, like a stationSex with me, so amazingSex with me, so amazingมีเซ็กซ์กับฉันสิ มหัศจรรย์จริงๆทำงานหนักขนาดนี้ ไม่ได้หยุดพักผ่อนเลยอยู่ห่างๆจากอินสตาแกรมฉันนะ เพราะมีแต่สิ่งยั่วยุเต็มไปหมดฉันจะกดปิดพวกที่เฟคใส่ฉัน เหมือนปิดวิทยุเลยล่ะมีเซ็กซ์กับฉันสิ มหัศจรรย์จริงๆมีเซ็กซ์กับฉันสิ มหัศจรรย์จริงๆVodka and water, and a lemonAnd a few other things I can not mentionOh-na-na-na-naFive fingers on it (five fingers)Hit it like you own it, I’mma hit it like I’m on itStraight shots of the blue dot(Shots, shots, shots, shots)Baby, I’mma pick your poisonOh-we, ah-yeah, you gon’ need itI’m off that la-laI’mma get it wet like jacuzzi, ah-yeaวอดก้ากับน้ำเปล่า แล้วก็มะนาวและสิ่งอื่นๆที่ฉันพูดถึงไม่หมดใช้ทั้งห้านิ้วมาเลยนะฟาดมาเต็มๆไปเหมือนเธอเป็นเจ้าของมันเลย ส่วนฉันก็จะจัดเต็มเหมือนฉันกำลังอยู่บนนั้นดื่มวอดก้าเพียวๆหลายช็อต(หลายๆช็อตต่อๆกัน)ฉันจะเลือกยาพิษให้เธอเองเธอจะต้องการมันแน่ๆฉันกำลังเมากัญชาอยู่และฉันก็จะทำให้เธอเยิ้มเหมือนแช่อ่างจากุชชี่อยู่เลยAnd sex with me, so amazingAll this all hard work, no vacationStay up off my Instagram, pure temptationSex with me, sex with me, sex with meSo amazing, so amazing, mmmmมีเซ็กซ์กับฉันสิ มหัศจรรย์จริงๆทำงานหนักขนาดนี้ ไม่ได้หยุดพักผ่อนเลยอยู่ห่างๆจากอินสตาแกรมฉันนะ เพราะมีแต่สิ่งยั่วยุเต็มไปหมดมีเซ็กซ์กับฉันสิมหัศจรรย์จริงๆYou know I got the sauce (sauce), you know I’m saucyAnd it’s always wet, a bitch never ever had to use lip gloss on itI’mma need you deeper than six, it’s not a coffinWe’re not making love, tryna get nastyWrap up your drugs, come make me happySex with me is amazing, with her it’ll feel alrightThe sex doesn’t get any better, make it long, let it be all nightI know, I know, I make it hard to let goTonight, all night, I’m MonroeEven if I’m aloneเธอก็รู้ว่าฉันมีของดีอยู่ ฉันน่ะแจ่มสุดๆเลยนะและของฉันมันก็แฉะอยู่เสมอ ไม่จำเป็นต้องทาลิปกลอสเลยฉันอยากให้เธอเข้ามาลึกกว่าหกนิ้ว ไม่ได้พูดถึงโลงศพที่ต้องฝังลงไปหกฟุตนะเราไม่ได้ร่วมรักกัน แค่พยายามจะทำอะไรที่มันลามกเฉยๆห่อแท่งยาของเธอให้พร้อม แล้วมาทำให้ฉันมีความสุขสิมีเซ็กซ์กับฉันสิ มหัศจรรย์จริงๆ ถ้าไปมีกับคนอื่นก็งั้นๆแหละเซ็กซ์กับใครก็ไม่ดีไปกว่านี้หรอก ทำนานๆเลยนะ เอาทั้งคืนเลยฉันรู้ เอาให้ยากที่จะลืมเลยคืนนี้ ทุกคืน ฉันคือมาริลีน มอนโรแม้ในยามอยู่ตัวคนเดียวSex with me, so amazingAll this all hard work, no vacationStay up off my Instagram, pure temptationsHit a switch on a fake nigga, like stationsSex with me, sex with me, sex with meSo amazing, so amazing, mmmmมีเซ็กซ์กับฉันสิ มหัศจรรย์จริงๆทำงานหนักขนาดนี้ ไม่ได้หยุดพักผ่อนเลยอยู่ห่างๆจากอินสตาแกรมฉันนะ เพราะมีแต่สิ่งยั่วยุเต็มไปหมดฉันจะกดปิดพวกที่เฟคใส่ฉัน เหมือนปิดวิทยุเลยล่ะมีเซ็กซ์กับฉันสิมหัศจรรย์จริงๆSex with me, so amazingSex with me so amazing(This is the best there is)มีเซ็กซ์กับฉันสิ มหัศจรรย์จริงๆมีเซ็กซ์กับฉันสิ มหัศจรรย์จริงๆ(นี่คือสิ่งที่ดีที่สุดเลยล่ะ)Ohhhhh ohhhhh ohhOhhhhh ohhhhh ohhhOhhhhh ohhhhh ohhhLauren, they ain’t ready for thisNormani, they ain’t ready for thisCamila, they ain’t ready for thisAlly, Dinah Jane, Fifth Harmonyพวกเขายังไม่พร้อมสำหรับสิ่งนี้นะ ลอเรนพวกเขายังไม่พร้อมสำหรับสิ่งนี้หรอก นอร์มานีพวกเขายังไม่พร้อมสำหรับสิ่งนี้นะ คามีล่าอัลลี ดีนาห์เจน ฟิฟท์ฮาร์โมนี่ไงล่ะ[Dinah:]Don’t go and waste your precious timeWith all the nonsense on your mind, noอย่าเสียเวลาอันล้ำค่าของเธอไปกับเรื่องไร้สาระในหัวของเธอเลย[Normani:]Don’t criticize yourself no moreYou got a smile worth fighting forอย่าวิจารณ์ตัวเธอเองอีกเลยเธอมีรอยยิ้มที่ควรค่าแก่การต่อสู้นะYeah you got everything with your perfect porcelainAin’t no one compare to itYou just gotta remind yourselfเธอคว้าทุกๆสิ่งมาได้ ด้วยความสมบูรณ์แบบของเธอและไม่มีใครเทียบเธอได้เลยเธอแค่ต้องเตือนตัวเองเท่านั้น[Camila:]That you’re amazing, babeYou’re break it down in every wayCould be smiling every dayว่าเธอนั้นช่างมหัศจรรย์เธอเอาชนะทุกๆอย่างที่ขวางหน้าได้และเธอก็สามารถยิ้มได้ในทุกๆวันนะ[Lauren:]Just gotta remind yourselfเธอแค่ ต้องเตือนตัวเองเท่านั้น[Chorus – Camila:]You can dance like BeyoncéYou can shake like Shakira‘Cause you’re brave, yeah, you’re fearlessAnd you’re beautiful, you’re beautifulSo whine like RihannaGo and pose like Madonna‘Cause you’re brave, yeah, you’re honestAnd you’re beautiful, you’re beautiful girlเธอสามารถเต้นได้เหมือนกับบียอนเซ่หรือเธอจะเชคร่างกายของเธอได้เหมือนชากีร่าเพราะเธอช่างกล้าหาญ เธอนั้นไร้ซึ่งความกลัวและเธอก็งดงามสุดๆ เธอสวยจริงๆนะส่ายก้นเธอให้เหมือนริอานน่าแล้วก็โพสท่าให้เหมือนมาดอนน่าเพราะเธอช่างกล้าหาญ เธอนั้นไร้ซึ่งความกลัวและเธอก็งดงามสุดๆ เธอสวยจริงๆนะ[Ally:]You sell out every stadium, ohhAnd the crowd goes crazy when you’re doneบัตรคอนเสิร์ตของเธอจะขายหมดในทุกๆสเตเดี้ยมเหล่าคนดูจะต้องคลั่งกันสุดแน่ๆเมื่อเธอเล่นคอนเสิร์ตจบ[Camila:]Don’t know how beautiful you are, uhhh, yeah, yeahYou deserve your Hollywood starเธอไม่รู้ตัวว่าเธอสวยขนาดไหนทั้งๆที่เธอควรจะไปเป็นนักแสดง Hollywood ได้เลยนะ[Normani:]Yeah, you got everything with your perfect porcelainAin’t no one compare to itเธอคว้าทุกๆสิ่งมาได้ ด้วยความสมบูรณ์แบบของเธอและไม่มีใครเทียบเธอได้เลย[Ally:]You just gotta remind yourselfเธอแค่ ต้องเตือนตัวเองเท่านั้น[Camila:]That you’re amazing, babeYou’re breaking down in every wayCould be smiling every dayJust gotta remind yourselfว่าเธอช่างน่ามหัศจรรย์เธอเอาชนะทุกๆอย่างที่ขวางหน้าได้และเธอก็สามารถยิ้มได้ในทุกๆวันนะเธอแค่ ต้องเตือนตัวเองเท่านั้น[Chorus – Camila:]You can dance like BeyoncéYou can shake like Shakira‘Cause you’re brave, yeah, you’re fearlessAnd you’re beautiful, you’re beautifulSo whine like RihannaGo and pose like Madonna‘Cause you’re brave, yeah, you’re honestAnd you’re beautiful, you’re beautiful girlเธอสามารถเต้นได้เหมือนกับบียอนเซ่หรือเธอจะเชคร่างกายของเธอได้เหมือนชากีร่าเพราะเธอช่างกล้าหาญ เธอนั้นไร้ซึ่งความกลัวและเธอก็งดงามสุดๆ เธอสวยจริงๆนะส่ายก้นเธอให้เหมือนริอานน่าแล้วก็โพสท่าให้เหมือนมาดอนน่าเพราะเธอช่างกล้าหาญ เธอนั้นไร้ซึ่งความกลัวและเธอก็งดงามสุดๆ เธอสวยจริงๆนะHahaMmmI said you’re beautifulHaYou’re beautifulฉันบอกแล้วไงว่าเธอน่ะสวยงามจริงๆงดงามเหลือเกิน[Fifth Harmony:]Hey, yo, Meghan, bring that bassเฮ้ เมแกน ขอเสียงเบสแน่นๆหน่อยสิ[Meghan Trainor:]Shake it, shake it, shake it, mamaShow all the world you know you’re hotWindin your waist till you don’t stop, till you don’t stop, till you don’t stopShake it, shake it, shake it, mamaShow all the world you know you’re hotConfidence will help you go farHelp you go farเชคเข้าไปแสดงให้โลกนี้เห็นว่าเธอร้อนแรงแค่ไหนส่ายเอวของเธออย่าให้มันหยุด อย่าหยุดนะแสดงให้โลกนี้เห็นว่าเธอร้อนแรงแค่ไหนส่ายเอวของเธออย่าให้มันหยุด อย่าหยุดนะความมั่นใจจะช่วยให้เธอไปได้ไกลเธอจะไปได้ไกลแสนไกลเลยนะ[Chorus – Camila:]You can dance like BeyoncéYou can shake like Shakira‘Cause you’re brave, yeah, you’re fearlessAnd you’re beautiful, you’re beautifulSo whine like RihannaGo and pose like Madonna‘Cause you’re brave, yeah, you’re honestAnd you’re beautiful, you’re beautiful girlเธอสามารถเต้นได้เหมือนกับบียอนเซ่หรือเธอจะเชคร่างกายของเธอได้เหมือนชากีร่าเพราะเธอช่างกล้าหาญ เธอนั้นไร้ซึ่งความกลัวและเธอก็งดงามสุดๆ เธอสวยจริงๆนะส่ายก้นเธอให้เหมือนริอานน่าแล้วก็โพสท่าให้เหมือนมาดอนน่าเพราะเธอช่างกล้าหาญ เธอนั้นไร้ซึ่งความกลัวและเธอก็งดงามสุดๆ เธอสวยจริงๆนะYou can dance like BeyoncéYou can shake like Shakira‘Cause you’re brave, yeah, you’re fearlessAnd you’re beautiful, you’re beautifulSo whine like RihannaGo and pose like Madonna‘Cause you’re brave, yeah, you’re honestAnd you’re beautiful, you’re beautiful girlเธอสามารถเต้นได้เหมือนกับบียอนเซ่หรือเธอจะเชคร่างกายของเธอได้เหมือนชากีร่าเพราะเธอช่างกล้าหาญ เธอนั้นไร้ซึ่งความกลัวและเธอก็งดงามสุดๆ เธอสวยจริงๆนะส่ายก้นเธอให้เหมือนริอานน่าแล้วก็โพสท่าให้เหมือนมาดอนน่าเพราะเธอช่างกล้าหาญ เธอนั้นไร้ซึ่งความกลัวและเธอก็งดงามสุดๆ เธอสวยจริงๆนะSo you feel all your powers unfoldStretching your big wings over waters turning goldSo tell your story, baby, don’t give upJust let all it go out, the quiet wishing’s not loud enoughเธอรู้สึกได้ถึงพลังของเธอที่ถูกปลดปล่อยออกมากางปีกของเธอเหนือน้ำที่แปรเปลี่ยนเป็นทองคำเล่าเรื่องราวของเธอออกมาเลยที่รัก อย่ายอมแพ้ปล่อยมันออกมาให้หมด เพราะคำอธิษฐานๆเงียบๆน่ะ มันดังไม่พอหรอกนะWill you be the one to take a chance?Have demands, spill your heartWill you be the one to take a standMake the girls danceSpill your thoughtsWill you be the one to take a chance?Have demands, spill your heartWill you be the one to take a standMake the girls danceSpill your thoughts, will you…?เธอจะเป็นคนที่คว้าโอกาสนั้นไว้รึเปล่า?จงมีความต้องการเป็นของตัวเอง แล้วพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมาเธอจะเป็นคนที่ยืนหยัดสู้รึเปล่าและทำให้สาวๆลุกขึ้นเต้นกันได้พูดเอาความคิดของเธอออกมาเธอจะเป็นคนที่คว้าโอกาสนั้นไว้รึเปล่า?จงมีความต้องการเป็นของตัวเอง แล้วพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมาเธอจะเป็นคนที่ยืนหยัดสู้รึเปล่าและทำให้สาวๆลุกขึ้นเต้นกันได้พูดเอาความคิดของเธอออกมา ทำได้รึเปล่า?You could break up clouds with your fist in the airWe’re singing out loud as we march up the squareHe always goes to put you in your placeAnd now you’re chanting out loud so you can’t be erasedเธอน่ะทำลายก้อนเมฆบนท้องฟ้าได้ด้วยเพียงปล่อยหมัดขึ้นไปบนฟ้าเราจะร้องเพลงออกมาดังๆขณะที่เรามุ่งตรงไปยังจัตุรัสแห่งนั้นจะมีคนคอยจับเธอให้อยู่ในกรอบเสมอและเธอก็จะตะโกนออกมาดังๆ เพื่อไม่ให้มีใครมาลบเลือนเธอได้Will you be the one to take a chance?Have demands, spill your heartWill you be the one to take a standMake the girls danceSpill your thoughtsWill you be the one to take a chance?Have demands, spill your heartWill you be the one to take a standMake the girls danceSpill your thoughts, will you…?เธอจะเป็นคนที่คว้าโอกาสนั้นไว้รึเปล่า?จงมีความต้องการเป็นของตัวเอง แล้วพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมาเธอจะเป็นคนที่ยืนหยัดสู้รึเปล่าและทำให้สาวๆลุกขึ้นเต้นกันได้พูดเอาความคิดของเธอออกมาเธอจะเป็นคนที่คว้าโอกาสนั้นไว้รึเปล่า?จงมีความต้องการเป็นของตัวเอง แล้วพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมาเธอจะเป็นคนที่ยืนหยัดสู้รึเปล่าและทำให้สาวๆลุกขึ้นเต้นกันได้พูดเอาความคิดของเธอออกมา ทำได้รึเปล่า?Will you be the one to take a chance?Have demands, spill your heartWill you be the one to take a standMake the girls danceSpill your thoughtsWill you be the one to take a chance?Have demands, spill your heartWill you be the one to take a standMake the girls danceSpill your thoughts, will you…?เธอจะเป็นคนที่คว้าโอกาสนั้นไว้รึเปล่า?จงมีความต้องการเป็นของตัวเอง แล้วพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมาเธอจะเป็นคนที่ยืนหยัดสู้รึเปล่าและทำให้สาวๆลุกขึ้นเต้นกันได้พูดเอาความคิดของเธอออกมาเธอจะเป็นคนที่คว้าโอกาสนั้นไว้รึเปล่า?จงมีความต้องการเป็นของตัวเอง แล้วพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมาเธอจะเป็นคนที่ยืนหยัดสู้รึเปล่าและทำให้สาวๆลุกขึ้นเต้นกันได้พูดเอาความคิดของเธอออกมา ทำได้รึเปล่า?You’re broken down and tiredOf living life on a merry-go-roundAnd you can’t find the fighterBut I see it in you so we gonna walk it outAnd move mountainsWe gonna walk it outAnd move mountainsเธอนั้นหมดแรง และอ่อนล้าจากการใช้ชีวิตเหมือนอยู่บนม้าหมุนและเธอก็ไม่สามารถหานักสู้ได้เลยแต่ฉันเห็นความเป็นนักสู้ในตัวเธอนะ ดังนั้นเราจะเดินออกจากชีวิตแบบนี้ไปด้วยกันและเคลื่อนภูเขาทั้งลูกไปให้ได้เราจะเดินออกจากชีวิตแบบนี้ไปด้วยกันและเคลื่อนภูเขาทั้งลูกไปให้ได้And I’ll rise upI’ll rise like the dayI’ll rise upI’ll rise unafraidI’ll rise upAnd I’ll do it a thousand times againAnd I’ll rise upHigh like the wavesI’ll rise upIn spite of the acheI’ll rise upAnd I’ll do it a thousand times againFor you [4x]และฉันจะยืนหยัดขึ้นมาลุกขึ้นมาให้เหมือนวันนี้จะทะยานขึ้นไปจะทะยานไปอย่างไม่กลัวสิ่งใดทั้งนั้นจะทะยานขึ้นไปจะทำแบบนี้เป็นพันๆครั้งอีกครั้งฉันจะทะยานขึ้นไปสูงเหมือนคลื่นทะยานขึ้นไปไม่ว่าจะเจ็บปวดเพียงใดฉันจะทะยานขึ้นไปจะทำแบบนี้เป็นพันๆครั้งอีกครั้งเพื่อเธอWhen the silence isn’t quietAnd it feels like it’s getting hard to breatheAnd I know you feel like dyingBut I promise we’ll take the world to it’s feetAnd move mountainsBring it to it’s feetAnd move mountainsAnd I’ll rise upI’ll rise like the dayI’ll rise upI’ll rise unafraidI’ll rise upAnd I’ll do it a thousand times againFor you [4x]เมื่อความเงียบงัน มันยังไม่เงียบสงัดพอและมันรู้สึกเริ่มยากเหลือเกินที่จะหายใจฉันรู้นะว่าเธอรู้สึกเหมือนกำลังจะตายแต่ฉันสัญญาว่าจะทำให้โลกนี้อยู่ใต้เท้าเราให้ได้และจะขยับภูเขาออกไปให้จนได้จะทำให้โลกนี้อยู่ใต้เท้าเราให้ได้และจะขยับภูเขาออกไปให้จนได้และฉันจะทะยานขึ้นไปทะยานขึ้นไปให้เหมือนวันนี้จะทะยานขึ้นไปจะทะยานไปอย่างไม่กลัวสิ่งใดทั้งนั้นจะทะยานขึ้นไปจะทำแบบนี้เป็นพันๆครั้งอีกครั้งเพื่อเธอAll we need, all we need is hopeAnd for that we have each otherAnd for that we have each otherWe will riseWe will riseWe’ll rise, oh ohWe’ll riseสิ่งที่เราต้องการ ก็คือความหวังและเพื่่อการนั้น เราก็มีกันและกันแล้วและเพื่่อการนั้น เราก็มีกันและกันแล้วเราจะทะยานไปด้วยกันนะI’ll rise upRise like the dayI’ll rise upIn spite of the acheI will rise a thousand times againAnd we’ll rise upHigh like the wavesWe’ll rise upIn spite of the acheWe’ll rise upAnd we’ll do it a thousand times againFor you oh oh oh oh oh [3x]และฉันจะทะยานขึ้นไปทะยานขึ้นไปให้เหมือนวันนี้จะทะยานขึ้นไปจะทะยานไปอย่างไม่กลัวสิ่งใดทั้งนั้นจะทะยานขึ้นไปจะทำแบบนี้เป็นพันๆครั้งอีกครั้งฉันจะทะยานขึ้นไปสูงเหมือนคลื่นทะยานขึ้นไปไม่ว่าจะเจ็บปวดเพียงใดฉันจะทะยานขึ้นไปจะทำแบบนี้เป็นพันๆครั้งอีกครั้งเพื่อเธอYou’re broken down and tiredOf living life on a merry-go-roundAnd you can’t find the fighterBut I see it in you so we gonna walk it outAnd move mountainsWe gonna walk it outAnd move mountainsเธอนั้นหมดแรง และอ่อนล้าจากการใช้ชีวิตเหมือนอยู่บนม้าหมุนและเธอก็ไม่สามารถหานักสู้ได้เลยแต่ฉันเห็นความเป็นนักสู้ในตัวเธอนะ ดังนั้นเราจะเดินออกจากชีวิตแบบนี้ไปด้วยกันและเคลื่อนภูเขาทั้งลูกไปให้ได้เราจะเดินออกจากชีวิตแบบนี้ไปด้วยกันและเคลื่อนภูเขาทั้งลูกไปให้ได้And I’ll rise upI’ll rise like the dayI’ll rise upI’ll rise unafraidI’ll rise upAnd I’ll do it a thousand times againAnd I’ll rise upHigh like the wavesI’ll rise upIn spite of the acheI’ll rise upAnd I’ll do it a thousand times againFor you [4x]และฉันจะยืนหยัดขึ้นมาลุกขึ้นมาให้เหมือนวันนี้จะทะยานขึ้นไปจะทะยานไปอย่างไม่กลัวสิ่งใดทั้งนั้นจะทะยานขึ้นไปจะทำแบบนี้เป็นพันๆครั้งอีกครั้งฉันจะทะยานขึ้นไปสูงเหมือนคลื่นทะยานขึ้นไปไม่ว่าจะเจ็บปวดเพียงใดฉันจะทะยานขึ้นไปจะทำแบบนี้เป็นพันๆครั้งอีกครั้งเพื่อเธอWhen the silence isn’t quietAnd it feels like it’s getting hard to breatheAnd I know you feel like dyingBut I promise we’ll take the world to it’s feetAnd move mountainsBring it to it’s feetAnd move mountainsAnd I’ll rise upI’ll rise like the dayI’ll rise upI’ll rise unafraidI’ll rise upAnd I’ll do it a thousand times againFor you [4x]เมื่อความเงียบงัน มันยังไม่เงียบสงัดพอและมันรู้สึกเริ่มยากเหลือเกินที่จะหายใจฉันรู้นะว่าเธอรู้สึกเหมือนกำลังจะตายแต่ฉันสัญญาว่าจะทำให้โลกนี้อยู่ใต้เท้าเราให้ได้และจะขยับภูเขาออกไปให้จนได้จะทำให้โลกนี้อยู่ใต้เท้าเราให้ได้และจะขยับภูเขาออกไปให้จนได้และฉันจะทะยานขึ้นไปทะยานขึ้นไปให้เหมือนวันนี้จะทะยานขึ้นไปจะทะยานไปอย่างไม่กลัวสิ่งใดทั้งนั้นจะทะยานขึ้นไปจะทำแบบนี้เป็นพันๆครั้งอีกครั้งเพื่อเธอAll we need, all we need is hopeAnd for that we have each otherAnd for that we have each otherWe will riseWe will riseWe’ll rise, oh ohWe’ll riseสิ่งที่เราต้องการ ก็คือความหวังและเพื่่อการนั้น เราก็มีกันและกันแล้วและเพื่่อการนั้น เราก็มีกันและกันแล้วเราจะทะยานไปด้วยกันนะI’ll rise upRise like the dayI’ll rise upIn spite of the acheI will rise a thousand times againAnd we’ll rise upHigh like the wavesWe’ll rise upIn spite of the acheWe’ll rise upAnd we’ll do it a thousand times againFor you oh oh oh oh oh [3x]และฉันจะทะยานขึ้นไปทะยานขึ้นไปให้เหมือนวันนี้จะทะยานขึ้นไปจะทะยานไปอย่างไม่กลัวสิ่งใดทั้งนั้นจะทะยานขึ้นไปจะทำแบบนี้เป็นพันๆครั้งอีกครั้งฉันจะทะยานขึ้นไปสูงเหมือนคลื่นทะยานขึ้นไปไม่ว่าจะเจ็บปวดเพียงใดฉันจะทะยานขึ้นไปจะทำแบบนี้เป็นพันๆครั้งอีกครั้งเพื่อเธอHey girl, can you hear me?Are you holding out your heart?Hey girl, do you feel me?Sometimes I go too farHey girl, it ain’t easyI know it’s pulling me apartBut darlin’, don’t you leave meBaby, don’t you leave meเฮ้ สาวน้อย เธอได้ยินฉันมั้ย?เธอกำลังหยิบยื่นหัวใจของเธออยู่รึเปล่า?เฮ้ สาวน้อย เธอรู้สึกถึงฉันบ้างรึเปล่า?บางครั้งฉันก็ทำเกินไปเฮ้ สาวน้อย มันไม่ง่ายเลยนะฉันรู้ว่ามันทำให้หัวใจฉันแหลกสลายแต่ที่รัก อย่าทิ้งฉันไปเลยนะอย่าทิ้งฉันไปเลยHey girl, hey girlWe can make it easy if we lift each otherHey girl, hey girlWe don’t need to keep on one-in’ up anotherHey girl, hey girlHey girl, hey girlIf you lose your wayJust know that I got youJust know that I got youเฮ้ สาวน้อยเราจะทำให้มันง่ายขึ้นได้นะ หากเราเติมเต็มความสุขให้กันและกันนะเฮ้ สาวน้อยเราไม่จำเป็นต้องคอยขัดแข้งขัดขากันหรอกนะเฮ้ สาวน้อยเฮ้ สาวน้อยถ้าเธอหลงทางรู้เอาไว้นะว่าฉันอยู่ข้างเธอรู้เอาไว้ว่าฉันจะอยู่ข้างเธอเสมอLady is it lonely?I been callin’ out your nameTell me that you need me‘Cause I need you just the sameEveryday a heartacheI’m just tryin’ to keep it saneBut I know you believe meBaby don’t you leave meแม่สาวสวย เธอเหงามั้ย?ฉันเรียกชื่อเธอมาสักพักแล้วนะบอกฉันสิว่าเธอต้องการฉันเพราะฉันต้องการเธอเหมือนกันนะทุกๆวันมันมีแต่เรื่องปวดใจฉันก็แค่พยายามจะประคองสติเอาไว้ให้ได้แต่ฉันรู้ว่าเธอเชื่อฉันที่รัก อย่าทิ้งฉันไปเลยนะHey girl, hey girlWe can make it easy if we lift each otherHey girl, hey girlWe don’t need to keep on one-in’ up anotherHey girl, hey girlHey girl, hey girlIf you lose your wayJust know that I got youเฮ้ สาวน้อยเราจะทำให้มันง่ายขึ้นได้นะ หากเราเติมเต็มความสุขให้กันและกันนะเฮ้ สาวน้อยเราไม่จำเป็นต้องคอยขัดแข้งขัดขากันหรอกนะเฮ้ สาวน้อยเฮ้ สาวน้อยถ้าเธอหลงทางรู้เอาไว้นะว่าฉันอยู่ข้างเธอHelp me hold my hair backWalk me home ’cause I can’t find a cabAnd we dance down The BoweryHeld hands like we were 17 againAnd then it’s 4amThe sun is creepin’ up againDon’t you leave meOh, darling don’t you leave meช่วยฉันรวบผมทีเดินพาฉันกลับไปส่งบ้านที เพราะฉันหาแท็กซี่ไม่ได้เลยและเราก็เต้นรำไปตามถนน The Boweryจูงมือกันเหมือนตอนอายุ 17 อีกครั้งแล้วเวลาตีสี่ก็มาเยือนดวงตะวันกำลังจะขึ้นอีกครั้งเธออย่าทิ้งฉันไปนะที่รัก อย่าทิ้งฉันไปนะHey girl, hey girlWe can make it easy if we lift each otherHey girl, hey girlWe don’t need to keep on one-in’ up anotherHey girl, hey girlHey girl, hey girlIf you lose your wayJust know that I got youเฮ้ สาวน้อยเราจะทำให้มันง่ายขึ้นได้นะ หากเราเติมเต็มความสุขให้กันและกันนะเฮ้ สาวน้อยเราไม่จำเป็นต้องคอยขัดแข้งขัดขากันหรอกนะเฮ้ สาวน้อยเฮ้ สาวน้อยถ้าเธอหลงทางรู้เอาไว้นะว่าฉันอยู่ข้างเธอJust know thatJust know that I got youJust know thatJust know thatJust know thatHelp me hold my hair backWalk me home ’cause I can’t find a cabAnd we dance down the boweryHeld hands like we were 17 againรู้เอาไว้นะรู้ไว้ว่าฉันมีเธอเสมอรู้เอาไว้ช่วยฉันรวบผมทีเดินพาฉันกลับไปส่งบ้านที เพราะฉันหาแท็กซี่ไม่ได้เลยและเราก็เต้นรำไปตามถนน The Boweryจูงมือกันเหมือนตอนอายุ 17 อีกครั้ง--
ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : #ผู้หญิงแพศยา :: Prologue & Episode 1 {ครบ}
-P R O L O G U E-
ปฐมบทของผู้หญิงแพศยา
“อึกๆ! อี...อึก...”
ถ้อยคำหยาบคายที่พยายามจะเปล่งออกมาถูกทำลายลงทุกครั้งด้วยมือข้างหนึ่งของเกล...เธอขยุ้มปลายเล็บเเหลมคมบนเส้นผมยาวสลวยเต็มแรงพร้อมทั้งกดศีรษะของอีกฝ่ายลงบนอ่างล้างหน้าซึ่งในขณะนี้มีน้ำเย็นเฉียบบรรจุอยู่เต็มอ่าง
เสียงสะอึกสะอื้นที่ฟังดูแล้วเหมือนคนใกล้ตายเต็มทีไม่ได้ทำให้เกลมีความคิดอยากจะปล่อยมือ...เพราะเมื่อเทียบกับสิ่งที่เธอเจอแล้ว แค่นี้ยังน้อยไป
บางทีสิ่งที่เกลต้องการคงเป็นการ...เห็นอีนี่ตายไปต่อหน้าต่อตาก็ได้
“ทำไม?” เกลกระซิบถามขณะที่สองตาสะท้อนภาพผู้หญิงคนหนึ่ง คนที่เธอรู้จักดี คนที่เคยเป็นเหมือนเพื่อนตาย แต่ในวันหนึ่ง...คนๆ นี้กลับทำลายชีวิตเธอ เหยียบขยี้ความเชื่อใจที่เธอมีให้จนไม่เหลือชิ้นดี
แทบจะไม่เหลือซากให้ดูต่างหน้าด้วยซ้ำ
นานเหมือนกันจากวันนั้นสู่วันนี้ เรียกได้ว่าเธอก้าวผ่านความเสียใจเเละจุดที่นั่งร้องไห้เป็นบ้าเป็นหลังมาเเล้ว
เธอควรจะเฉยชากับเศษขยะ แต่ว่า...ถ้าไม่กำจัดทิ้ง มันก็จะส่งกลิ่นเหม็นเน่าต่อไป
“แกจะฆ่าฉันหรือไง...อึก” เกลมองหน้าเจ้าของคำถาม น้ำเสียงแบบนั้นฟังแล้วน่าสงสารจับใจ ยิ่งพบกับสองมือเล็กที่เกร็งจนเห็นเส้นเลือดก็ยิ่งสงสาร
สงสารจนอยากหัวเราะ...
“ก่อนจะถามแบบนั้น ลองคิดดูดีๆ ก่อนว่าแกเคยทำอะไรกับฉันไว้บ้าง” เกลเพิ่มแรงกระตุกเส้นผมของฝ่ายเสียเปรียบจนได้ยินเหมือนมีอะไรขาด ใบหน้าที่แหงนขึ้นตามแรงกระชากแดงเถือก หอบหายใจอย่างทรมานราวกับนี่เป็นวาระสุดท้ายของชีวิต
...สารรูปดูไม่ได้
“ฉะ ฉันไปทำอะไรแก” คำถามนั้นฟังแล้วเหมือนคนใส่ซื่อ แต่สำหรับเกล...นี่เป็นการเสแสร้ง หรือจะเรียกอีกอย่างว่าตอแหลก็ย่อมได้ “อึก...โอ๊ย”
“ดีเลย” ริมฝีปากสีแดงก่ำขยับ “งั้นก็ตายไปพร้อมกับความโง่ซะ”
มาลองทายกันดูว่าสิ้นคำบอกกล่าวแสนเย็นเยียบของเธอ...มันเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น
**********
-E P I S O D E 01-
Describe:: Gale
4ปีก่อน ณ
โรงอาหารกลางของโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่ง
เพล้ง!
“อีโง่ เดินไม่ดูตาม้าตาเรือ!”
พลั่ก...
คำด่านั้นสาดใส่ฉันพร้อมแรงผลักที่มหาศาล
เพราะมัวแต่ตื่นตระหนกและหวาดกลัว ทำให้ฉันซึ่งเดิมทีสู้ใครไม่ได้อยู่แล้วถลาและล้มลงจนได้ยินเสียง
‘ตุ๊บ’ ตามมา แน่นอนว่าทันทีที่หัวเข่ากระแทกพื้น...ความเจ็บปวดเป็นสิ่งแรกที่โจมตีฉัน
“...” ฉันเม้มริมฝีปากแน่นพร้อมทั้งก้มหน้าลง
มองเศษอาหารกับจานที่แตกออกเป็นเสี่ยงๆ เพียงไม่นานก็เงยหน้าขึ้น
ตอนนั้นจึงพบว่าผู้หญิงคนเดิมกับเพื่อนของเธอกำลังใช้สายตาชนิดหนึ่งมองฉัน
เป็นสายตาที่แม้แต่เด็กอนุบาลยังมองออกเลยว่ากำลังโดนดูถูก
และใช่...ต่อให้เหตุการณ์เมื่อกี้เป็นความจงใจของใครอีกคนที่เข้ามากระแทกฉันจนทำให้เกิดเรื่อง
แต่เชื่อเถอะว่าต่อให้อธิบายจนปากฉีกถึงหู ก็อย่าหวังว่าคนพวกนี้จะเปิดใจรับฟัง
และต่อให้ได้ฟังความจริงแล้ว ยังไงในสายตาของคนกลุ่มนี้
ฉันก็ยังคืออีเฉิ่ม อีแว่น และอีหน้าโง่...
เพื่อนร่วมชั้นมองฉันเป็นเหมือนเบ้ที่คอยรับใช้และอำนวยความสะดวกต่างๆ ซึ่งนั่นรวมไปถึงการถูกข่มเหงรังแก
ในแต่ละวันฉันได้แผลกลับบ้านไม่ต่ำว่าห้าจุด แผลทางกายน่ะไม่เท่าไหร่หรอก แต่บาดแผลทางจิตใจมันสาหัสมาก ฉันต้องแบกรับความปวดร้าวแบบนั้นมานาน นานจนความเจ็บปวดค่อยๆ พัฒนาไปเป็นความแค้น
“มองทำไม แกเป็นคนทำก็เก็บสิ” ผู้หญิงคนนี้เป็นเพื่อนร่วมชั้นของฉัน
ชื่อเพลง...เธอบอกว่าตัวเองแสนจะเฟียซ แต่เธอคงแยกระหว่างคำว่า ‘เฟียซ' กับ 'เหี้ย’ ไม่ออกล่ะมั้ง
ฉัน...ทำได้แต่ด่าในใจ
“เราไม่ได้ตั้งใจนะ”
ฉันเค้นเส้นเสียงที่สั่นระริกออกไป แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือรอยยิ้มเหยียดหยัน...แม้ไม่ได้พูดออกมาตรงๆ
แต่รอยยิ้มนั้นไม่ต่างกับการด่าฉันด้วยถ้อยคำแรงๆ เลยสักนิด
เห็นไหม คนพวกนี้ไม่ฟังหรอก
ต่อให้กรีดร้องจนสุดเสียง ตราบใดที่คนๆ
นั้นคือฉัน...มันก็ไร้ความหมาย
เปล่าประโยชน์ชะมัดเลยเกล
“จะยอมเก็บดีๆ หรือให้ฉันเอา ‘เรื่องนั้น’ ไปบอกพ่อของแก” เพลงรู้ว่าตัวเองได้เปรียบกว่าฉันหลายขุม
ไม่แปลกที่เธอจะหยิบเรื่องพ่อมาข่มขู่กัน
ยอมรับว่านัยน์ตาคู่นั้นยามจ้องมองฉันทั้งเลือดเย็นและน่ากลัว...นี่เป็นสายตาของคนที่อายุเพียง
17 ปีเท่านั้น
โลกเรามันเปลี่ยนไปแล้ว คนเลวไม่จำเป็นต้องอายุมากหรือเป็นผู้ใหญ่ ทุกอย่างขึ้นอยู่ที่การเลี้ยงดู สภาพแวดล้อม หรือบางทีก็อยู่ที่ ‘กมลสันดาน’ ล้วนๆ
เด็กอายุสิบขวบยังรังแกเพื่อนจนเข้าโรงพยาบาลได้
นับประสาอะไรกับเพลงอายุ17ปี...คนที่เติบโตมาในครอบครัวที่ร่ำรวย เรียนดี กิจกรรมเด่น
เธอเคยทำพฤติกรรมแบบนี้กับคนอื่นเหมือนกันแต่ไม่เคยถูกลงโทษ ถ้าถามว่าทำไม...คำตอบง่ายๆ คือพ่อของเธอเป็นเพื่อนสนิทกับผู้อำนวยการโรงเรียน
แฟร์สุดๆ ไปเลย
“...เราจะเก็บ” เพราะเสียเปรียบเต็มประตู
ฉันจึงไม่มีทางเลือก...ก้มหน้ารับชะตากรรมด้วยการเก็บซากจานอย่างช่วยไม่ได้
‘ไม่เป็นไร’
‘ไม่เป็นไร’
ฉันบอกตัวเอง...และในชีวิตนี้ฉันพูดคำนี้มาไม่ต่ำว่า 200 ครั้ง
จนกระทั่งฉันได้เจอ ‘ผู้ชายคนนั้น’ ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป
ปัจจุบัน
มีอยู่ไม่กี่เรื่องที่ทำให้ฉันรู้สึกประสาทเสีย...
หนึ่งในนั้นคือการที่ตื่นขึ้นมาในเช้าวันใหม่แล้วพบว่าตัวเองไม่ได้นอนอยู่บนเตียงเพียงคนเดียวอย่างที่ควรจะเป็น
แต่กลับมีผู้ชายคนหนึ่งในสภาพเปลือยเปล่ากับรอยเล็บมากมายบนตัวนอนอยู่ข้างๆ กัน...
เพียะ!
ไวเท่าความคิด ฉันใช้มือฟาดลงกลางศีรษะของอีกฝ่ายทันที ทำเอาเขาขมวดคิ้วตอบรับกลับมาเป็นสิ่งแรก ก่อนจะค่อยๆ ลืมตาขึ้นเป็นอย่างที่สองทั้งที่ยังสะลึมสะลือ
“เมื่อไหร่จะหยุดทำตัวเร่ร่อนมานอนห้องคนอื่นสักที” ทันที่นัยน์ตาคมกริบถูกเปิดแล้วสะท้อนภาพฉัน...ฉันไม่รอให้เขาได้ปริปากพูดอะไรก็ยิงคำถามที่ต่อให้ไม่มีการกระชากกระชั้น
แต่มั่นใจว่าคนฟังต้องเข้าใจสภาพอารมณ์ของฉันในตอนนี้ดี
ที่ถามแบบนี้เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เจอเขาในตอนเช้า มันไม่แปลกก็จริง เเต่ไม่ใช่เรื่องที่ควรชาชิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับสภาพเปลือยๆ ของเราสองคน
“นี่บ้านเธอ” เสียงทุ้มต่ำที่ฟังแล้วมีเสน่ห์แต่น่ารังเกียจสำหรับฉันดังขึ้น
เขายังนอนอยู่...นอนอยู่บนเตียงของฉัน
แถมยังจ้องมองฉันด้วยสายตาเฉื่อยชา
ชื่อของเขาคือเอย์
“รู้แล้วก็ไสหัวไป” ฉันพยักพเยิดหน้าไปทางประตู ถ้าไม่จำเป็นฉันจะไม่มีเรื่องกับพวกปลายแถว
การเจียดเวลาคุยด้วยในครั้งนี้ส่วนหนึ่งมาจากการที่เรามีสถานะใกล้เคียงการเป็น ‘พี่น้อง’ มากกว่า
ฉันแค่บอกว่า ‘ใกล้เคียง’ แต่ไม่ได้ยอมรับว่าเป็นจริงๆ
เพราะต่อให้แม่ของเขาเพิ่งเข้ามาในบ้านได้ไม่นานในฐานะเมียใหม่พ่อ ทว่านั่นไม่ได้หมายความว่าฉันจะต้องญาติดีด้วย
ครอบครัวฉันเรียกได้ว่าร่ำรวย
มีเงินใช้ได้ทั้งปีทั้งชาติ ธุรกิจด้านดนตรีที่พ่อเป็นคนก่อตั้งกำลังไปได้สวยและกำลังถูกจับตามอง
การที่สายธาร...แม่ของเอย์เข้ามาในช่วงที่พ่อกำลังขาขึ้น ทำให้ฉันคิดไปเองแล้วว่าเธอมาเพื่อเกาะพ่อฉันกิน
ไม่มีปัญญาหาเงินใช้ก็ทำตัวน่าสมเพชด้วยการบีบน้ำตาเรียกคะแนนสงสาร
แถมยังเชิดหน้าชูคอทำตัวเป็นใหญ่ในบ้านอย่างหน้าไม่อาย เห็นแล้วขยะแขยงจริงๆ
“แต่ตอนนี้ก็เหมือนบ้านฉัน” น้ำเสียงของเอย์เรียบเรื่อยไม่ทุกข์ร้อน
“หรือเธอจะเถียง...”
“...” ฉันปรายตามอง ไม่อยากเปลืองน้ำลายไปกับการบริภาษเขา เพราะสุดท้ายแล้วภาษาคนก็ไม่มีผลกับคนจำพวกนี้
และแน่นอน ฉันจะไม่ตั้งคำถามว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นกับเราสองคน
เพราะต่อให้รู้สึกหงุดหงิดเล็กๆ กับการเจอเอย์ในสภาพเปล่าเปลือยบนเตียงตัวเอง เเต่เขาก็ไม่ได้สำคัญขนาดที่ฉันจะมานั่งโอดครวญ
ก็แค่ไอ้บัดซบคนหนึ่ง
เพราะความหน้าด้านหน้าทนของเอย์
บวกกับการที่ฉันรู้นิสัยเขาเป็นอย่างดี สุดท้ายจึงปล่อยให้เขานอนอยู่บนเตียงต่อไป
ส่วนตัวเองลุกขึ้นเตรียมอาบน้ำแต่งตัวไปเรียน
ระหว่างนั้นสองตาฉันเหลือบเห็นชุดของเราสองคนกระจัดกระจายอยู่เต็มพื้น และเหนือสิ่งอื่นใด ฉันเห็นถุงยางอนามัยใช้แล้วตกอยู่ไม่ไกลจากปลายเท้าตัวเอง
เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีกแล้ว
ฉันเก็บความคิดหนึ่งที่ปรากฏขึ้นในหัวอย่างเงียบเชียบ
ไม่ตื่นตระหนกและทำได้เพียงแค่เดินผ่านสิ่งเหล่านั้นไปอย่างเฉยชา
อย่าหวังว่าวิธีเดิมๆ จะใช้ได้ผล
อย่าหวัง...
“เกลตื่นแล้วค่ะ”
ฉันใช้เวลาในการอาบน้ำแต่งตัวไม่นานนัก และทันทีที่ลงมาถึงชั้นล่างของบ้านก็พบว่าพ่อกำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ตรงโต๊ะทานข้าว
ส่วนเสียงเมื่อกี้...เป็นของสายธาร เมียใหม่พ่อ
เธอส่งยิ้มให้ฉันอย่างหวาดหยด
ถ้าใครไม่รู้นิสัยที่แท้จริงของเธอ คงมองว่าเธอเป็นนางฟ้าตกสวรรค์
และใช่ เพราะฉันรู้จนหมดไส้หมดพุง
ถึงมองออกว่าสิ่งที่เธอทำอยู่คือการเสแสร้ง ทว่าการเสแสร้งของเธอ พ่อมองว่าเป็นความหวังดีที่เธอมีให้ฉันอย่างบริสุทธิ์ใจ
อยากจะอ้วก...
“มาคุยกันก่อน” ตอนแรกตั้งใจว่าจะไม่กินข้าวเช้า
แต่เมื่อเจอสายตาตำหนิกับน้ำเสียงดุดันของคนเป็นพ่อ
ฉันจึงต้องทิ้งตัวลงนั่งฝั่งตรงข้ามท่าน “ได้ข่าวว่าเมื่อคืนเมาเหรอ แกดื่มอีกแล้ว?”
“ใช่ เกลดื่ม” ฉันยอมรับแล้วชำเลืองตามองสายธารที่นั่งอยู่ข้างพ่อ
รอยยิ้มหวานๆ เมื่อครู่นี้กลายเป็นรอยยิ้มฉาบพิษไปแล้วเรียบร้อย “สายธารฟ้องสินะ”
“พูดให้มันดีๆ อย่างน้อยสายธารก็มีศักดิ์เป็นแม่ของแก”
เสียงขุ่นเขียวของพ่อทำให้ฉันสูดลมหายใจเข้าปอด
เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นกับฉันมาไม่ต่ำกว่าห้าสิบครั้งนับตั้งแต่ที่สายธารก้าวเข้ามาในบ้าน
มันกลายเป็นคนที่มีอิทธิพลต่อพ่อ มีส่วนในการตัดสินใจของท่าน ส่วนฉัน...แค่ขยับตัวนิดเดียวก็ผิดแล้ว
“เกลมีแม่คนเดียว” ฉันบอก “ต่อให้พ่อมีเมียใหม่อีกสักกี่คน
คนพวกนั้นก็มาแทนแม่ไม่ได้”
“แต่แม่แกตายแล้ว!” พ่อขึ้นเสียง ราวกับต้องการปลุกให้ฉันตื่นจากความฝัน
อ้อ ใช่สิ แม่ตายแล้ว...
“สาเหตุมันมาจากพ่อไง” ฉันจ้องหน้าพ่อโดยที่ใบหน้ายังคงราบเรียบ
ต่อให้หัวใจเจ็บปวดจนแทบแตกออกเป็นเสี่ยง แต่ฉันเลือกที่จะเก็บความทรมานนั้นไว้กับตัวเอง เป็นตายร้ายดียังไง...ฉันจะไม่เผยด้านอ่อนแอให้สายธารเห็น “เพราะพ่อนอกใจแม่ไปหามัน”
“เกล! พ่อไม่เคยสอนให้แกก้าวร้าว” พ่อตาแดง
ไม่ได้จะร้องไห้หรอก แค่โกรธที่ฉันพูดความจริงแล้วมันกระแทกใจมากกว่า
“คุณคะ ไม่เป็นไรค่ะ” สายธารเอื้อมมือไปแตะแขนพ่อ
ใช้น้ำเสียงนุ่มนวลลื่นหู ท่าทีของเธอเหมือนนางเอกละครน้ำเน่าที่ต่อให้ถูกกระทำก็พร้อมจะให้อภัย
“เกลยังเด็ก”
สายธารเคลื่อนสายตามาทางฉัน
ใช่ เมื่อเทียบกับสายธารแล้ว ฉันยังเด็ก...เด็กกว่าเธอมาก
แต่แปลกนะ ทั้งๆ ที่อายุเยอะกว่าฉันเป็นสิบยี่สิบปี
แต่ยังกล้านอนถ่างขาให้ผัวชาวบ้านจนได้เข้ามาอยู่ในที่ๆ ตัวเองอยากอยู่ แถมหลายๆ
ครั้งยังพยายามไซโคพ่อ ทำให้ท่านหงุดหงิดเรื่องฉันอยู่บ่อยๆ
สายธาร...เธอมันดอกทองจริงๆ
“อายุ 21 ไม่เด็กแล้วนะ โตพอจะคิดได้ว่าอะไรควรทำไม่ควรทำ”
พ่อยังคงต่อว่าฉัน เหมือนท่านมองเห็นความผิดของคนอื่นหมดยกเว้นความผิดของตัวเอง
อย่าให้ได้ร่ายเลยว่าฉันกับแม่ต้องเจอกับอะไรบ้างจากผู้ชายคนนี้...คนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเสาหลักของบ้าน
คนที่เคยบอกว่ารักแม่ยิ่งกว่าสิ่งใด
...คนที่เคยอบอุ่นและอ่อนโยนกับฉัน
แม่น่ะยังอยู่ในหัวใจฉันเสมอ
แต่พ่อ เหมือนตัวตนของท่านได้ตายไปแล้ว
“เกลไปก่อนนะคะ” ฉันมองพ่อที่กำลังเดือดจัดอย่างเฉยชา
ก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเดินออกจากบ้านทันที
นาทีถัดมาฉันพบว่ารถของตัวเองจอดอยู่หน้าบ้าน
คิดว่าเมื่อคืนคงมีเพื่อนสักคนขับรถมาส่งฉันเพราะเมาจนขับเองไม่ได้
ฉันไม่ได้ตั้งคำถามอะไรมากมายนัก เลือกที่จะสตาร์ทรถแล้วขับออกมาจากบริเวณบ้านทันที วันนี้มีเรียนเที่ยง ยังเหลือเวลาอีกถมเถ เพราะฉะนั้นฉันจึงไม่รีบร้อน
แต่จังหวะที่รถเคลื่อนตัวผ่านจุดๆ หนึ่งแล้วบังเอิญหันไปเห็นผู้หญิงคนหนึ่งกำลังตกอยู่ในที่นั่งลำบาก
ฉันจึงค่อยๆ ชะลอรถกระทั่งจอดสนิทเทียบฟุตบาธในที่สุด
ฉันควรเข้าไปช่วย...แต่เลือกที่จะนั่งมองภาพเหตุการณ์นั้นอย่างเงียบเชียบ
ผู้หญิงคนนั้นเป็นหนึ่งในกลุ่มเพื่อนฉันเอง
แต่เราไม่ค่อยถูกกันเท่าไหร่
มันมีหลายสาเหตุ...แต่เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังอีกที
ดูจากรูปการแล้ว เหมือนมันไปสร้างศัตรูมาเพิ่มอีกแล้วล่ะมั้งถึงถูกลากมาจัดการในจุดที่คนไม่ค่อยพลุกพล่านเท่าไหร่
ซึ่งฉันถือว่าไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะขนาดกับเพื่อนในกลุ่ม...ยังสร้างรอยร้าวต่อกันได้ขนาดนี้
“...”
ฉันนั่งมองภาพนั้นผ่านบานกระจกรถที่ติดฟิล์ม มันถูกผู้หญิงอีกคนผลักจนเซ ด้วยส่วนสูงและสัดส่วนที่ต่างกัน
ไหนจะจำนวนคนของอีกฝ่ายที่มีมากกว่า ทำให้มันเสียเปรียบและดูอ่อนปวกเปียกไปเลย
ไหนว่าเก่ง...
ฉันยังคงเฉยชา กระทั่งมันถูกอีกคนตบจนหน้าหันและล้มลงไปกองกับพื้น วูบนั้นมันพยายามสอดส่ายสายตาเหมือนต้องการความช่วยเหลือ กระทั่งหันมาเจอรถของฉันที่จอดอยู่พอดี
กระจกติดฟิล์มแบบนี้มันมองไม่เห็นหน้าฉันหรอก แต่มันจำยี่ห้อและทะเบียนรถฉันได้ถึงได้ทำตาเป็นประกายอย่างมีความหวัง
‘เกล ช่วยด้วย’
ฉันอ่านปากมันทั้งๆ
ที่มีระยะห่างระหว่างกันหลายสิบเมตร
‘เกลๆๆ มาช่วยที’
ฉันยิ้มและยังคงนั่งอยู่ในรถ
ทำเป็นลืมไปได้ว่าครั้งหนึ่งมันเคยเมินเฉยคำร้องขอของฉันแล้วเลือกผู้ชายมากกว่าเพื่อน ฉันเคยเกือบตายก็เพราะมัน โดนกับตัวเองดูสักครั้งคงไม่เป็นไร
ฉันยังรอดมาได้ มันเองก็คงไม่ตาย
อย่างมากคงแค่ปากแตก เสียโฉม หรืออาจจะพิการ...
‘อึก...ไม่ มะ...ไม่เอา’
เมื่อเห็นหน้ามัน ฉับพลันที่ภาพในอดีตผุดขึ้นมาในหัว
เหตุการณ์นั้นเหมือนแผ่นหนังที่ฉายซ้ำไปซ้ำมาไม่รู้จบ...จนกระทั่งฉันตัดสินใจที่กระชากความทรงจำน่ารังเกียจออกจากสมองแล้วลากสายตากลับมา
ความแค้นที่เกาะกุมหัวใจทำให้ฉันเมินเฉยคำร้องขอของมันอย่างเลือดเย็น
และใช่ สิ่งที่ฉันทำเป็นลำดับถัดมาคือขับรถจากไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ปล่อยให้มันเผชิญหน้ากับผู้หญิงพวกนั้นเพียงลำพัง
เจ็บบ้างก็ดี เจ็บให้มันได้สักเสี้ยวหนึ่งของฉัน
ครืดๆ
หลังจากนั้นเพียงไม่นาน การสั่นเตือนของโทรศัพท์ก็ทำให้ฉันต้องใช้มือข้างหนึ่งล้วงเข้าไปในกระเป๋าสะพายที่วางไว้บนเบาะข้างๆ
ก่อนจะกดรับโดยไม่ได้มองก่อนว่าใครเป็นคนโทรเข้ามา
[ตื่นยัง] กระทั่งปลายสายกรอกเสียงถาม
ฉันจึงได้คำตอบ
“ถ้าไม่ตื่นจะรับสายนายแบบนี้ไหม...ขุน?”
ฉันถามกลับจนได้ยินเสียงหัวเราะร้ายๆ กลับมา และใช่ ชื่อของเขาคือขุน เป็นเพื่อนผู้ชายที่ฉันสนิทด้วย
เรารู้จักกันตอนที่ฉันประสบปัญหาบางอย่างและได้เขาช่วยเหลือเอาไว้ “โทรมาทำไม
กำลังขับรถ”
[ก็เมื่อคืนเธอเมาเลยอยากรู้ว่าตื่นมาจะขับรถไหวไหม
กลัวแฮงก์]
“ตอนนี้โอเค” ฉันตอบไปตามความจริง “เมื่อคืนใครมาส่งฉัน
นายหรือเปล่า?” ก่อนจะถามต่อ
[…] แต่คำถามนั้นของฉันทำให้ปลายสายเงียบไป
“ทำไม พูด” ฉันยังคงโทนเสียงไว้เหมือนเดิม แต่คำพูดก็สื่อชัดเจนแล้วว่าต้องการคำตอบเดี๋ยวนี้และตอนนี้
[ไอ้เอย์ น้องชายเธอ]
“...เหอะ”
ฉันแค่นหัวเราะออกมาเมื่อได้รู้ความจริงเรื่องนี้
[เมื่อคืนมาถึงมันก็ลากเธอออกไปเลย ไม่ได้ทำไรใช่ไหม?]
“อืม” ฉันตอบสั้นๆ เพื่อหลีกเลี่ยงกันซักถามจากขุน
ส่วนหนึ่งคือรู้อยู่เต็มอกว่าเมื่อคืนเอย์ทำอะไรกับฉันไว้บ้าง
สังเกตจากถุงยางที่ใช้แล้ว
ฉันเห็นมีมากกว่าหนึ่ง...นั่นเท่ากับว่าเมื่อคืนระหว่างเรามันเกิดขึ้นไม่ต่ำกว่าสองครั้งโดยที่ฉันเองก็จำอะไรแทบไม่ได้เลย
เอย์รู้ว่าฉันรังเกียจเขา แค่มองหน้าและคุยกันดีๆ
ยังไม่อยากทำ ฉะนั้นเมื่อไหร่ที่ฉันเสียเปรียบ ไม่ว่าจะเป็นตอนที่เมา ตอนไม่สบาย
เขามักจะฉวยโอกาสทำเรื่องบ้าๆ แบบนี้ทุกที
ฉันถึงได้บอกว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกของเรา
หลังจากนั้นฉันคุยกับขุนต่ออีกสองสามประโยคก่อนจะวางสาย
ทว่าวางสายได้เพียงไม่นานก็มีใครอีกคนโทรเข้ามาเหมือนรอจังหวะ
ฉันที่ตรึงสองตาไว้เพียงท้องถนนจึงกดรับโดยไม่มองหน้าจอเหมือนเดิม
“ว่า?”
[ยัยลูกนิสัยเสีย...] เสียงเข้มที่แฝงไปด้วยความคุกรุ่นทำให้ฉันได้คำตอบตั้งแต่วินาทีแรก
จะเป็นใครถ้าไม่ใช่...พ่อ [แกทิ้งน้องได้ไง]
“...?” ฉันไม่เข้าใจ
“รถน้องเสีย กลับมารับน้องไปเรียนด้วยเดี๋ยวนี้!”
‘น้อง’ ที่ว่าคงหมายถึงเอย์ที่ ‘นอนกับฉัน’ เมื่อคืนสินะ
“แล้วมันขึ้นรถเมล์ไม่เป็นเหรอพ่อ” ฉันถามเพราะคิดว่านี่ไม่ใช่เรื่องที่ตัวเองต้องมารับผิดชอบ
อีกอย่าง เอย์มีทั้งบิ๊กไบค์ที่เขาทำงานเก็บเงินตั้งแต่เด็กเพื่อซื้อมัน
ไหนจะรถยนต์ยี่ห้อดังของผัวเก่าสายธารอีก จะบอกว่ารถมันเสียทั้งสองคันพร้อมกันว่างั้น?
“เกลมาไกลแล้ว ให้มันหาทางไปเรียนเอง”
เพราะฉันรู้ว่านี่เป็นแผนของเอย์จึงได้กล้าปฏิเสธ
และต่อให้รถของเขาเสียขึ้นมาจริงๆ ฉันก็ไม่ย้อนกลับไปรับแน่
“พ่อต้องรีบไปทำธุระกับสายธาร ทางที่พ่อไปมันคนละทางกับมหา’ลัยด้วย” พ่ออธิบายเมื่อฉันบอกปัดความต้องการของท่านที่มีต่อเอย์
“นี่ไม่ใช่คำขอ แต่เป็นคำสั่ง”
ฉันแทบจะหลุดหัวเราะออกมาเมื่อได้ยินน้ำเสียงเข้มข้นของคนเป็นพ่อ
ดูสิ่งที่พ่อปฏิบัติกับลูกในไส้อย่างฉันและลูกเมียใหม่อย่างเอย์สิ
ดี...ดีจริงๆ
“แล้วเกลจะได้อะไร”
คนอย่างฉัน...ถ้าต้องทำอะไรที่ไม่อยากทำก็ต้องมีข้อแลกเปลี่ยน การที่ต้องเสียเวลาเพื่อวกรถกลับไปรับเขา ถือเป็นหนึ่งในสิ่งที่ฉันไม่คิดจะทำตั้งแต่แรก
“แกจะยังมาต่อรองอีกหรือไง”
พ่อดูหัวเสียไม่น้อย ถ้าฉันอยู่ตรงหน้าท่านคงหนีไม่พ้นการถูกต่อว่า
หนักขึ้นมาหน่อยคงถูกตีจนช้ำ...เหมือนอย่างที่ฉันเคยเจอมา “ไปเอานิสัยนี้มาจากใครนะ
พ่ออยากรู้จริงๆ”
“...” ฉันเงียบ
โทรศัพท์ในมือถูกฉันบีบอย่างรุนแรง...แรงจนความเจ็บแผ่ลามไปทั่วฝ่ามือข้างเดียวกัน
“ค่อยว่ากันอีกที มารับน้องก่อน เหมือนน้องจะเรียนสิบเอ็ดโมง” คำบอกกล่าวของท่านทำให้ฉันต้องเหลือบมองเวลาบนนาฬิกาข้อมือ ซึ่งเป็นข้างเดียวกับมือที่กำลังบังคับพวงมาลัย
สิบโมงครึ่งแล้ว...
“ค่ะ” ฉันขานรับสั้นๆ
อย่างจำใจ
คำว่า ‘ค่อยว่ากันอีกที’
ของท่านมีโอกาสเปลี่ยนแปลงได้ แต่เชื่อได้เลยว่าฉันจะไม่ยอมให้การกล้ำกลืนนี้ผ่านไปอย่างเปล่าประโยชน์
หลังจากที่พ่อวางสาย
ฉันก็หาทางยูเทิร์นกลับ แต่...
End Describe
Describe:: Aey
ผมกำลังแกล้งเกล
ความจริงวันนี้ผมไม่มีเรียน
ผมโกหกพ่อเธอว่ารถเสียและมีเรียนสิบเอ็ดโมง...แต่ตอนนี้สิบเอ็ดโมงครึ่งเข้าให้แล้วก็ยังไม่มีวี่แววว่ายัยแม่มดจะปรากฏตัว
เมื่อมันนานเกินไปจนมีความคิดว่าผู้หญิงคนนั้นอาจจะเมินเฉยและจงใจปล่อยให้รอ
ผมจึงตัดสินใจโทรไปหาเธอทันที แต่รู้ไหม...เธอไม่รับสายผม
ถึงแม้ว่าเธออาจต่อรองพ่อเพื่อแลกกับการเจียดเวลามารับผมไปเรียน
แต่ผมว่าเธอแกร่งพอจะมองว่าการถูกพ่อบริภาษหรือโดนลงโทษเป็นเรื่องเล็กน้อย
ดีไม่ดีเธออาจมองว่ามันโคตรจะไร้สาระด้วยซ้ำ
เธออยู่ในจุดที่ไม่จำเป็นต้องแคร์ใคร
เกล
เกวารินทร์...ผมรู้จักเธอดี
MA-NELL'S ZONE
เหมือนจะเป็นแนวที่ถนัด เเต่เอาเข้าจริงๆ คือยากมาก ทุกวันนี้กว่าจะเเต่งได้แต่ละฉากใช้เวลาเป็นชั่วโมง ฮือออ55555
เม้นต์ๆ ด้วยน้า เรารออ่านอยู่
ติดเเท็ก #ผู้หญิงแพศยา
เกล
'สารเลว ใจร้ายกว่าที่ทุกคนคิด'
เอย์
'ร้ายลึก เน้นทำมากกว่าพูด'
ขุน
'ไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้สำหรับผู้ชายคนนี้'
แพน
ผา
ต้าร์
โฟร์
กิ่ง
ฟ่าง & ดิน
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น